หลังจากที่ผมตัดสินใจที่จะเข้าเรียนต่อในชั้นมัธยมปลายเพื่อมุ่งที่จะ
เรียน ต่อเข้ามห าวิทยาลัย
แม้ว่าจะยังไม่มีจุดมุ่งหมายที่แน่ชัดว่าจะเรียนสาขาวิชาใด
พ่อและแม่ก็บอกว่ายังไม่ต้องรีบเร่งที่จะต้องตัดสินใจหรือมุ่งหมายว่าจะ
เรียนอะไร
ให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนเช่นขั้นแรกจะเรียนมัธยมปลายกันที่ไหนโรงเรียน
อะไร เพราะอะไรแล้วก็มุ่งไปตามนั้น
&n bsp;
เราปรึกษาพูดคุยกันว่าจะเรียนที่โรงเรียนไหนโดยออกความคิดเห็นกันทั้งสามคน
สรุปได้ว่
าผมจะเลือกเรียนมัธยมปลายในโรงเรียนที่เป็นทางผ่านของแม่ที่จะไปทำงานซึ่ง
ไม่ไกลมากน ักจากบ้านเรา
การที่เราตัดสินใจอย่างนั้นก็เพราะพ่อและแม่ให้ความเห็นว่าไม่จำเป็นต้อง
ตะเกียกตะกา ยวิ่งหาโรงเรียนดังๆ
โรงเรียนที่ไกล้บ้านชื่อเสียงปานกลางเดินทางสะดวกแม้จะเดินทางไปกลับด้วยรถ
โดยสารด้ว ยตนเอง
พ่อและแม่บอกว่าถ้าเราใช้เวลาเดินทางน้อยลงเราก็จะเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลีย
น้อยลง มีเวลาที่จะทำอะไรได้มากขึ้น ซึ่งผมก็เห็นด้วย
&n
bsp; ภาคเรียนสุดท้ายของปีสุดท้ายของมัธยมต้น
ผมก็มีอายุสิบสามปีเต็มย่างสิบสี่ ครอบครัวเรายังอบอุ่นเหมือนเดิม
การเรียนของผมดูจะหนักมากขึ้นเพราะต้องรักษาเกรดเอาไว้พร้อมๆกับต้องเตรียม
ตัวไว้เพื ่อการสอบเข้าแข่งขันในโรงเรียนมัธยมปลายที่หมายตากันไว้
แม้จะดูว่าเรียนมากขึ้นแต่ชีวิตประจำวันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
&n
bsp; ในบ้านพ่อไม่เคยตั้งกฎกติกาเอา
ไว้เพียงแต่พ่อเป็นทหารมีวินัยที่เข้มงวด
พ่อดัดแปลงเอากฎระเบียบนั้นมาใช้กับในบ้าน พ่อไม่พูด
พ่อไม่สั่งแต่พ่อทำให้ดูทำให้เห็นเป็นกิจวัตร
จนกลายเป็นความเคยชินของเราทั้งสาม พ่อยังตื่นเช้าพร้อมเราแม่ลูก
วิ่งออกกำลังกายเป็นประจำ
อาบน้ำรับประทานมื้อเช้าแล้วก็แยกกันไปตามภารกิจแต่ละคนที่มีอยู่
สำหรับบางคนอาจจะดูซ้ำซากจำเจหน้าเบื่อหน่ายแต่เราสามคนไม่เคยมีความรู้สึก
แบบนั้นเล ย
&n bsp;
ผมเลิกเรียนกลับบ้านก่อนพ่อและแม่ก็ยังมี เวลาได้ออกกำลังกาย
ดูแลทำความสะอาดบ้านก่อนแม่กลับเวลาอาหารของมื้อเย็น
แม่จะเป็นคนกลับมาจัดการสำหรับเราสามคนเป็นอาหารง่ายๆที่เปลี่ยนเมนูกันไป
ทุกวันแม่ม
ีฝีมือในเรื่องนี้พอสมควรแม่รู้จักและเข้าใจที่จะเลือกหาวัตถุมาทำอาหารที่
มีประโยชน ์ต่อร่างกายและปรุงอย่างมีรสชาติ
ในวันหยุดบางครั้งพ่อก็แสดงฝีมือเองก็ได้รสชาติไปอีกแบบจนไม่มีความจำเป็น
ใดๆที่เราจ ะต้องออกไปหาอะไรกินกันนอกบ้าน
&n bsp;
แต่พ่อและแม่ก็หาโอกาสในวัน หยุดพาเราไปโน่นนี่ เข้าวัดทำบุญ
ทานอาหารกันนอกบ้านเพื่อให้ผมได้รู้จักกับสังคมนอกบ้าน
แม้แต่การไปเดินจับจ่ายใช้สอยในห้างสรรพสินค้าเราก็มักจะไปกันสามคนพ่อแม่
ลูก
&n bsp;
หลังอาหารมื้อเย็นเราก็จะรวมกันอยู่ที่ห้องพักผ่อนดูทีวีจอเดียวกันคุยกัน
สัพเพเหระท ุกเรื่องราว
ได้เวลาที่เหมาะสมผมก็จะขึ้นห้องนอนเพื่อทบทวนและตระเตรียมวิชาความรู้ที่
ได้เรียนมา ตลอดวัน
พ่อและแม่สอนให้ผมรู้จักวิธีอ่านหนังสือเพื่อที่จะไม่ต้องใช้เวลามากและท่อง
บ่นจดจำ
พ่อบอกว่าเราต้องพยามทำความเข้าใจกับเรื่องที่เราต้องการรู้ให้ได้ก่อน
แล้วจึงเก็บประเด็นหัวข้อแยกย่อยออกมาทำความเข้าใจหรือแม้แต่จดจำเอาไว้
มีบ้างหลายๆครั้งที่ไม่รู้ไม่เข้าใจพ่อและแม่ก็ช่วยบอกวิธีคิดวิธีที่จะหาคำ
ตอบให้ ดังนั้นจากการที่ใช้วิธีที่พ่อและแม่อบรมบ่มสอน
ผมจึงใช้เวลามากนักในการทบทวนและตระเตรียมในแต่ละวัน
&n
bsp; การเรียนอย่างมีหลักเกณท์การ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ภายในบ้านมีแต่ความรักและความอบอุ่นทำให้ผมไม่ต้องมีเรื่องวิตกกังวลและหมก
มุ่นอยู่ก ับมัน แม้แต่เรื่องของเพศหรืออารมณ์ทางเพศ
บางครั้งบางคืนผมก็ฝันเปียก
บางครั้งบางวันผมก็ช่วยตัวเองและหลายๆครั้งผมก็ยังมีความสุขสุดๆกับมือและ
ปากของแม่ ผมไม่มีความเบื่อหน่ายชืดชากับอารมณ์หรือโหยหาตลอดเวลา
เมื่อมันเกิดขึ้นผมก็บำบัดมันด้วยตนเอง
แม่เข้ามาช่วยก็เพราะผมไม่ได้เรียกร้องแต่แม่มาช่วยด้วยความประสงค์ของแม่
และอาจจะขอ
งพ่อด้วยอาจจะเป็นเพราะว่าท่านทั้งสองคิดว่าการช่วยเหลือตนเองบ่อยๆแม้จะไม่
มีอะไรผิ ดปกติก็เป็นการซ้ำซากจำเจ
นานครั้งแต่ก็ไม่นานเกินรอที่แม่และผมจะปล่อยกันแบบสุดๆกับลีลาของหกเก้า
แต่การที่มีคนช่วยพร้อมๆกับเปลี่ยนวิธีการในบางครั้งบางคราวน่าจะทำให้ผม
ผ่อนคลายได้ มากขึ้น
ที่จริงแล้วโรงเรียนเดิม
ที่ผมเรียนอยู่นั้นก็มีชั้นมัธยมปลายให้ผมได้เรียน ต่อโดยไม่
ต้องย้ายโรงเรียน
ผลการเรียนของผมตั้งแต่ชั้นประถมคุณสมบัติในตัวผมสามารถที่จะเข้าเรียนต่อ
โดยไม่ต้อง สอบแข่งขัน ผมเชื่อในข้อคิดของพ่อที่ว่า
เรียนมาตั้งแต่ชั้นประถมแล้วถ้ามัธยมปลายจะย้ายโรงเรียนสิ่งที่ได้ก็คือ
โรงเรียนใหม่
เพื่อนกลุ่มใหม่ๆครูบาอาจารย์คนใหม่หน้าตาใหม่ๆสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ
อาจจะทำให้เราหูตากว้างขึ้น แม่ก็สนับสนุนแนวคิดนี้และผมก็เห็นด้วย
&n
bsp;
ผมไม่ได้ทำให้ตัวเองผิดหวังผมสอบผ่านเข้าโรงเรียนนั้นได้ด้วยคะแนนที่จัด
อยู่ในขั้นด ีมาก พ่อและแม่คงจะคาดหวังไว้แล้วว่า
การสอบคัดเลือกคงไม่ใช่สิ่งที่เกินความสามารถของผม
ท่านทั้งสองแสดงความยินดีพอประมาณกับคำชมว่าเก่งมาก
เท่านั้นก็เพียงพอสำหรับผมแล้ว
แม่เคยบอกว่าถ้าเรารอบคอบรัดกุมเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการแล้ว
การแสดงความยินดีปรีดาอย่างเอิกเกริกก็ไม่จำเป็นเพราะสิ่งที่เราได้มานั้น
เป็นเพียงก ารพิสูจน์คุณสมบัติในตัวเราเองระดับหนึ่งเท่านั้น
โตขึ้นจะต้องเรียนรู้มากขึ้นมีการแข่งขันมากขึ้น
เราอาจจะไม่พบกับความสำเร็จทุกครั้งไปแม้ว่าเราจะเตรียมการไว้ดีมากเท่าไร
&n
bsp;
ก่อนเปิดเทอมใหม่ไม่นานนักหลังจากจัดการทุกอย่างตามขั้นตอนของโรงเรียนแล้ว
สายของวัน เสาร์วันหนึ่ง
ผมและแม่ออกไปหาซื้อเครื่องใช้ไม้สอยสำหรับในบ้านและของส่วนตัวที่ผมจะใช้
ที่โรงเรีย นใหม่
พ่อไม่ได้ไปด้วยเพราะมีราชการต่างจังหวัดจะกลับก็ในวันอาทิตย์บ่ายๆ
ผมก็ไม่ได้ซื้ออะไรมากมายเสร็จสรรพจากการจับจ่ายใช้สอยเข้าบ้านก็ตอนบ่าย
ช่วยแม่จัดโน่นนี่เสร็จผมก็เตรียมออกไปเล่นกีฬาอย่างที่เป็นมา
ก่อนออกจากบ้านแม่บอกผมยิ้มๆว่า
“เด็กน้อย อย่าหักโหมมากนักวันนี้เราอยู่กันสองคนนะ”
ผมยังตามไม่ทันกับคำ พูดของแม่ได้แต่รับคำ “ฮะแม่”
จน
ได้เวลา.ใกล้อาหารมื้อเย็นผมกลับบ้านตามปกติ
แม่เตรียมอาหารสำหรับเราสองคนไว้แล้ว
เสียงแม่ร้องให้ได้ยินแว่วๆจากห้องพักผ่อนว่า “ไปอาบน้ำแล้วมากินข้าว
หิวมากไหมลูก”
“ครับแม่ ยังไม่หิวเลยครับ วันนี้ไม่หนักมาก” ผมร้องตอบโดยไม่ได้เห็นหน้าตา
.
ต้ฝักบัวที่ผมปล่อยน้ำเย็นออกมาแรงสุดผมยืนหลับตานิ่งผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุก
ส่วนมีเพ ียงเสีงดังของน้ำที่พุ่งผ่านฝักบัวเท่านั้นที่ผมได้ยิน
ความเย็นจากสายน้ำทำความสดชื่นชุ่มฉ่ำให้ผมเป็นอย่างดี
อยู่ๆน้ำก็หยุดไหลผมลืมตาขึ้นก็ตะลึงไปที่ได้พบกับร่างเปลือยเปล่าของแม่ยืน
ประจันหน ้าผมด้วยใบหน้าหวานหยาดเยิ้ม
“แม่มา เงียบจัง” ผมพึมพำแผ่วๆ
แม่
ไม่ ไม่พูดอะไรจับตัวผมเบี่ยงออกจากไต้ฝักบัว
แม่เข้าไปยืนแทนที่ผมเปิดน้ำรินไหลระดับปานกลางแล้วแม่ก็โอบกอดผมเข้าไปแนบ
บชิด ตั้งแต่ท่อนขาอ่อน
เนินหน้าท้องแผ่นท้องและหน้าอกแนบชิดสนิทแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน
แก้มแนบแก้มผมป่ายมือทั้งสองข้างดึงรั้งให้ร่างเบียดรัดกันมากขึ้น
“หิวข้าวไหม” แม่กระซิบผ่านข้างหูพร้อมกับขบเม้มที่*หู
“ยัง
ไม่หิวข้าวฮะ แต่หิวอย่างอื่น”
แม่ไม่พูดเอาแต่ใบหน้าเคล้นคลึงกับใบหน้าผมปลายลิ้นแลบเลียแผ่วเบาทั่วใบ
หน้า ริมฝีปากผมเผยอให้ลิ้นอันอบอุ่นของแม่เข้าไปล้วง ควาน
ตวัดพันกับลิ้นของผม
สะโพกแม่ส่ายไหวเล็กน้อยเหมือนจะสำรวจดูว่าเจ้าน้องชายคนเก่งของผมนั้นหาย
จากนอนหมอบ สงบนิ่งหรือยัง
จนเมื่อเนินนูนที่ปกคลุมด้วยพงไหมอยู่นั้นสัมผัสกับการตื่นตัวเต็มที่แล้ว
แม่จึงถอนป ากออกประคองหน้าผมไว้ด้วยสองมือนุ่มเนียน
ตาฉ่ำหยาดเยิ้มด้วยความรักอันอบอุ่น ริมฝีปากอิ่มแดงขยับเหมือนพูดว่า
“แปลกใจไหมลูกแม่”
ผมเพลินกับการมองปากอิ่มนั้น กอดกระหวัดรัดตัวแม่เข้ามาแนบชิดยิ่งขึ้น ตาจ้องตา ผมพยักหน้าแทนคำตอบว่า แปลกใจ
แม่
ยิ้มกว้าง “พ่อเขาบอกว่าแม่ควรจะให้รางวัล
ลูกที่ลูกเป็นเด็กดีไม่ทำให้พ่อและแม่ผิดหวัง”
“แม่ก็เลยคิดว่าจะทำอย่างไรให้วิเศษกว่าครั้ง ที่แล้วมา
ก่อนอาหารเย็นเป็นสิ่งที่แม่คิดได้”
สุขใดไหนปานผมบอกตัว
เองอย่าง นั้นเนื้อแนบเนื้อความรัก
อารมณ์ความต้องการเหมือนกับกระแสไฟวิ่งซาบซ่านจากปลายเท้าสู่เสันผม
ผมเป็นฝ่ายประคองหน้าแม่เพื่อที่จะประกบปากอย่างแผ่วเบา
ครานี้เป็นปากลิ้นของผมบ้างที่จะเชาะไซร้ชอนไชใบทั่วใบหน้า
เม้มขบกัดไปที่ใบหูทั้งสองข้างท่อนร่างของแม่สั่นไหวมากขึ้นแต่ว่าหนักแน่น
และรุนแรง
ปลายลิ้นผมซอกซอนเข้าปากออกจากปากแลบเลียที่ซอกหูและควานหาความสุขที่รูหู
ทั้งสองข้า งเสียงครางกระเส่าเบาๆได้ยิน
ท่อนล่างยื่งมายิ่งแนบชิดจนแม่ต้องยืนเขย่งด้วยปลายนิ้วทั้งสองข้าง
ผมกระซิบแหบพร่าที่ข้างหูแม่ “รางวัล ของพ่อ รวมทั้งการสอดใส่ด้วยไหมฮะแม่”
ร่าง
แม่หยุดเคลื่อนไหวโยกส่าย แต่ทุกส่วนยังสนิทแบบแน่น
แม่เอนท่อนบนออกห่างเปลี่ยนเป็นเอาแขนทั้งสองมาโอบกอดรอบคอ
เพื่อที่จะมองตาผมได้ถนัดมากขึ้น
“ลูกต้อง การมากหรือ
แม่กับพ่อคุยกันบ่อยสุดท้ายแล้วพ่อเป็นคนอนุญาตแม้ในวันนี้ แต่ว่าลูกแม่
ลูกก็รู้ว่าแม่รักพ่อมาก
นอกจากพ่อแล้วแม่ไม่เคยมีของใครอื่นสอดใส่มาก่อนเลย
แม่รักลูกมากและรู้ว่าลูกไม่ใช่คนอื่น
แต่ว่าขอเวลาให้แม่ตัดสินใจอีกสักระยะได้ไหม
การจะเอาของลูกสอดใส่เข้าไปในแม่
แม่เองก็อยากจะรู้ว่ารสสัมผัสนั้นจะดูดด่ำล้ำลึกเท่าไร
แต่แม่ยังทำใจไม่ได้”
ยังไม่ทันที่แม่จะพูดอะไรต่อผมจูบปากแม่ด้วยความรักใคร่เป็นจูบที่ออกมาจาก ใจไม่ใช่จ ูบที่เกิดจากความใคร่
“ผม
เข้าใจครับแม่ ผมรอได้
และว่าที่จริงแล้วเท่าที่แม่ให้ผมมาตลอดก็ถือเป็นความเมตตาปราณีที่หาที่สุด
ไม่ได้แล ้วครับ แม่อย่ากังวลเลยครับถึงอย่างไรความสุขของผมก็ไม่เคยขาดตอน
ทุกครั้งที่มีแม่ นับวันมีแต่มากขึ้นมากขึ้น ผมสัญญาครับแม่
ไม่ว่าแม่จะให้ผมสอดใส่หรือไม่เมื่อไรก็ตามผมก็คิดแต่เพียงว่าแม่คือแม่
ไม่เคยแม้แต่จะนึกจะคิดว่าการสอดใส่ของผมนั้นจะไปเป็นการแทนที่พ่อ
แม่คือแม่พ่อคือพ่อครับ”
“ขอบใจลูกแม่อีกไม่นานหรอก
จ๊ะ”แม่พูดยิ้มๆแววตามีเลิศนัยที่ ผมอ่านไม่ออก
ผมมองลึกเข้าไปในตาแม่เห็นแต่แววของ ความรักความเมตตา
ความอบอุ่นอยู่ในนั้นเหมือนที่ผมเคยเห็นเสมอมา
เราสองแม่
ลูกยืนกอดก่ายเคล้า เคลียอยู่ไต้ฝักบัว
สบู่ในมือแม่ฟอกขัดถูที่ตัวผมทุกซอกมุมเช่นกันกับ
มือผมฟองสบู่ลูบไล้แผ่วเบาซอกซอนไปทั่วตัวแม่ทุกหลืบทุกซอกทุกมุมร่องน้ำ
ลำธารไปไม่ไ ด้ด้วยฝ่ามือก็ใช้ปลายนิ้วขุดคุ้ยซอกซอนชอนไชไปจนสุดปลายนิ้ว
“จะต่อกันหรือไปกินข้าวก่อนลูก”
“ได้ฮะแม่ ไปกินข้าวก่อนก็ได้ ที่นี่แม่สอนแล้ว เหลือแต่ห้องพักผ่อนกับในครัว”
“บ้า เซี้ยวใหญ่แล้วนะเรา”
เราสองยังอ้อยอิ่งกันในห้องน้ำ พักใหญ่ ก่อนที่จะแยกกันไปแต่งตัวเพื่อลงไปรัปทานมื้อเย็น
ผม
จัดแจงปิดประตูหน้าต่างตามหน้าที่ที่ได้ทำมาทุกวันเปิดแอร์ที่ห้องพักผ่อน
แล้วเข้า ไปนั่งรอแม่ที่โต๊ะกินข้าว
แวบแรกที่ผมเห็นแม่เดินมาผมบอกตนเองว่าวันนี้แม่สวยกว่าทุกวัน
ชุดนอนบางเบาสึดำสนิทแต่โปร่งใสขับให้เห็นสีขาวเหมือนไข่ปอกของแม่
คอเสื้อเว้าลึกเห็นเนินอวบอิ่มชูชันทั้งสองเต้าชายเสื้อนอนยาวสุดแค่ครึ่งขา
อ่อนของแ ม่ แม้จะเป็นสีดำ
แต่ก็โปร่งใสเห็นได้ว่ากางเกงในตัวน้อยของแม่ก็สีดำปกปิดพงไหมสีดำสนิทของ
นูนเนินแห่ งสวรรค์ ผมมองไม่วางตาจนแม่เดินเข้ามาไกล้ “อื้อฮือ
แม่ฮะวันนี้แม่สวย เอ๊ยเซ็กซี่ที่สุดเลยฮะ”
แม่ยิ้มหวานสะบัดผมที่คลอเคลียอยู่กับไหล่ให้สะบัดไปด้านหลังหลังช่วงการ สะบัดผมสองเ ต้าชูชันสั่นไหวน่ามอง
แม่เดินเข้ามาชิดไกล้ขยี้หัวผม ด้วยความรักใคร่นั่งลงเคียงข้างผม
“แม่
เพิ่งจะสวยเอาวันนี้เองหรือ จ๊ะ แม่ไม่ได้แต่งมายั่วลูกนะ
เพียงทำตามบัญชาของพ่อที่สั่งให้แม่ปรนนิบัติพัดวีลูกสุดที่รักให้ดีที่สุด
สำหรับคืน นี้และพรุ่งนี้ก่อนพ่อมาก็เท่านั้น”
ผมยกมือแม่มาสูดดม “แม่สวยจังหอมจัง”
“เอาละกินข้าวกันเถอะลูก”
ใน
ระหว่างอาหารเราคุยกันเรื่อง เบาๆจิปาถะ
อาหารมื้อเย็นทั้งพ่อและแม่เคยบอกว่าคนไทยกินกันไม่ค่อยจะเป็นนักกินกันแบบ
อัดเข้าไป อิ่มจนเรอแล้วเรออีก
ควรจะกินกันแต่พออิ่มเพราะหลังมื้อเย็นแล้วคนเรามักจะไม่ค่อยได้ทำอะไร
กินแล้วก็นอนท้องก็เลยกลายเป็นที่สะสมไขมัน
บ้านผมก็เลยทำกินกันแต่พอดีเลือกอาหารที่มีประโยชน์และย่อยง่าย
อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ แม่และพ่อจึงไม่มีไขมันสะสมที่หน้าท้อง
เสร็จ
อาหาร ผมมาครึ่งนั่งครึ่งนอนเปิดดูทีวีไปตามเรื่องราว
เสียงแม่คุยโทรศัพท์เสียงชัดเจนแจ่มใสสักพักหนึ่งแม่หน้าแดงตาเยิ้มยื่นโทร
ศัพท์ให้ผ
มบอกว่าพ่อจะคุยด้วยทักทายกันอย่างอบอุ่นเสียงของพ่อเล็ดลอดมาให้แม่ได้ยิน
ด้วยว่า “เป็นไงบ้างวันนี้เรียบร้อยดีไหม”
&n bsp; “ดีเยี่ยมครับพ่อทุกอย่างเรียบ ร้อย”
&n bsp; “วันนี้เป็นพ่อบ้านแทนพ่อด้วยนะ ทำได้ทุกอย่างให้มีความสุขนะลูกนะ”
&n bsp; “ขอบคุณครับพ่อ”
ผม
ขยับตัวให้แม่นั่งห้อยขาบนโซฟาด้านนอกสุด
แม่นั่งตัวตรงชุดนอนหดสั้นไปจนถึงเนินรำไรเอนหลังพิงพนักสบายๆ
ผมทรุดนั่งลงปลายเท้าก้มกราบพึมพำ “ขอบคุณฮะ แม่ ขอบคุณฮะพ่อ”
ผม
คุกเข่าซบหน้าบนเรียวขาคู่ งามสองแขนเกาะกุมสะโพกผายของแม่ไว้
แม่ขยับตัวให้นั่งสบายผมขยับตัวเพื่อให้ใบหน้าฝังอยู่บนเนินสวรรค์จมูกสูดดม
กลิ่นหอม จากเนินเนื้อ
&n bsp;
แขนซ้ายที่เกาะกุมสะโพกอยู่นั้นผมสอดเลยไปที่แผ่นหลังด้านล่างแขนขวาผม
เปลี่ยนมาสอดล
งไต้ท่อนขาอวบขาวแล้วค่อยพยุงช่วงล่างของแม่ขึ้นไปเหยีดยาวบนโซฟาร์
แม่หลับตาพร้มแย้มยิ้มโดยไม่กล่าวอะไร
แม่ขยับตัวเพื่อที่จะใช้หมอนรองแขนของโซฟาร์หนุนศรีษะ
ผมนั่งกับพื้นหันหลังพิงโซฟาร์ตรงกลางตัวของแม่พอดี
&n
bsp; จับมือนุ่มนิ่มอ่อนโยนของแม่มาลูบไล้ใบ
หน้าปากเม้มลิ้นเลียปลายนิ้วไล่ไปทีละนิ้ว
แม่ชันขาข้างติดกับพนักพิงขึ้นโดยที่อีกข้างยังเหยีดยางราบไปบนเบาะนิ่มของ
ที่รองนั่ ง ผมเอี้ยวมองกลางลำตัวแม่
ชุดนอนเลิกไปอยู่หน้าท้องเนินขาวอวบอูมถูกปกคลุมด้วยพงไหมและผ้าฉลุสีดำไก
ล้เพียงแค่ นั้นผมมองเห็นริ้วรอยเส้นบางของธารน้ำวิ่งผ่ากลางเนินอวบ
&n bsp;
อีก
ครั้งที่ผมขยับตัวไปอยู่กลางหว่างขาของแม่
ปลายจมูกไล้เลียแผ่วเบาไปที่ผ้าดำลายโปร่งบางเบาที่ปิดเนินอวบไม่มิด
ผมใช้ปลายจมูกขุดเขี่ยคุ้ยแคะพร้อมทั้งสูดดมกลิ่นหอมยวนใจที่เล็ดลอดออกมา
จากธารน้ำ แม่ยังนอนนิ่งเหมือนหลับลึก คงจะอยากดูว่าผมมีฝีไม้ลายมือแค่ไหน
&n
bsp;
จมูกปลายลิ้นและริมฝีปากเม้มเน้นดูดขบย้ำเลียไปที่เนื้อผ้าที่บางเบานั้น
พร้อมๆกับที
่ผมสอดมือเข้าเกาะเกี่ยวขอบยางยืดของกางเกงและรูดลงแผ่าเบาทางปลายเท้า
แม่ขยับร่างวางขาราบกับพื้นเพื่ออำนวยความสะดวกแพนตี้สีดำโปร่งบางเบาเลื่อน
หลุดตามก ารเคลื่อนมือของผม พอหลุดพ้นเนิน
จมูกปากลิ้นของผมกดฝังชำแรกแทรกลงไปตามรอยแยกของเนินเนื้อนั้น
แม่ขยับแบะขาเนินเนื้ออวบอูมจึงลอยเด่น
จมูกปากลิ้นผมบดขยี้มิดเม้มเล็มเลียจนเรียงลำดับไม่ถูก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น