วันพุธที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2566

พ่อเพื่อน

 

 

เรื่องมันเกิดเมื่อตอนที่หนูไปทำงานบ้านเพื่อนค่ะ เราไปทำรายงานกลุ่มเพื่อที่จะส่งอาจารย์ในวันศุกร์ ในช่วงเย็นของวันพ่อของเพื่อนได้กลับมาถึงบ้านและได้ทักทายกับกลุ่มเพื่อนที่มาทำงาน พอหนูได้เห็นหน้าพ่อของเพื่อนเท่านั้นแหล่ะค่ะ หล่อมาก แถมยังหุ่นดี ดูไม่แก่เลย หนูเลยคิดไปไกลถ้าได้มีอะไรด้วยกับพ่อเพื่อนคงจะเสียวมากๆ แค่คิดก็หีแฉะแล้ว หลังจากทำงานไปซักพักพ่อเพื่อนก็ได้เอาขนมมาให้กินระหว่างทำงาน แถมยังสบตาและยิ้มให้หนู ทำให้หนูตกหลุมรักเข้าอย่างจัง อยากจะเล่นชู้กับพ่อเพื่อนคนนี้เลยค่ะ ได้ซักครั้งจะตั้งใจเรียนเลย พอถึงค่ำๆงานก็เสร็จและได้แยกย้ายกลับบ้าน กลับมาถึงบ้านหนูก็ได้รีบเบ็ดเอาความเงี่ยนออกอย่างไม่รอช้า เลยคิดแผนว่าทำยังไงถึงจะได้เล่นชู้กับพ่อเพื่อนได้ จนมาวันนึงเพื่อนได้มาขอลอกข้อสอบ และหนูก็ให้ลอกจนมันได้คะแนนเยอะ แล้วมันก็ได้ชวนหนูไปกินข้าวที่บ้านและเล่าเรื่องนี้ให้พ่อมันฟัง พ่อมันก็ได้พูดขอบคุณหนูใหญ่เลย เราคุยกันในโต๊ะอย่างสนุกสนานจนเพื่อนหนูที่มันได้กินเบียร์เข้าไปจนเมา และขอตัวไปนอน เหลือหนูกับพ่อเพื่อน 2ต่อ 2 เราสบตากันแล้วทำให้หนูคิดไปไกลว่าต้องกลับบ้านแล้วทั้งที่อยากอยู่ต่อ อยากล่อกับพ่อเพื่อนซักครั้งจริงๆ และในขณะที่กำลังยกมือไหว้กำลังจะลา แกก็ได้เข้ามาจับมือที่พนมไว้ แล้วบอกว่าขอบคุณที่ช่วยดูแลนะ แล้วถามว่าอยากได้อะไรไหม หนูมองหน้าแล้วก็ทนความเงี่ยนไม่ไหวเลยบอกว่าอยากได้พ่อนั่นแหล่ะค่ะ ทันไดนั้นเองพ่อก็ได้โอบตัวดึงเข้าไปกอดพร้อมกับประกบปาก ดูดปาก แลกลิ้น หนูอย่างเร่าร้อน หนูดีใจอยู่ในใจว่าในที่สุดก็ได้เย็ดกันซักที หนูเลยบอกพ่อใจเย็นๆนะค่ะ และพาไปนั่งที่โซฟาแล้วเปิดทีวี เพราะกลัวเพื่อนจะตื่นมาได้ยิน เสียงคราง แล้วก็เดินไปหยิบเบียร์ให้คุณพ่อกิน จากนั้นก็ค่อยถอดกางเกงออก พร้อมกับดมควยที่ตั้งอยู่ต่อหน้า ก่อนจะค่อยๆเลียตั้งแต่หัวลงมายันไข่ทั้ง2ข้าง กลิ่นสาบควยพ่อดีมาก ใหญ่กว่าของแฟนหนูอีก จากนั้นก็ทำการอมอย่างอร่อย อ้อกๆๆ จนสุดคอ พร้อมฟังเสียงพ่อกระดกเบียร์ไป ครางไป จากนั้นก็เปลี่ยนท่ามาเป็นฝ่ายให้พ่อทำบ้าง หนูกำลังจะถอดชุดนักเรียนออกแต่พ่อบอกว่าไม่ต้องแล้วก็จักแขนเหวี่ยงหนูลงไปนั่งที่โซฟา แล้วก็คุกเข่าลงไปพร้อมกับแขนทั้ง 2 ข้าง ยกขาขึ้นถ่างออก หีหนูที่จ่ออยู่ตรงหน้าพ่อเพื่อนแฉะผ่านกางเกงในสีขาว เห็นเป็นคราบ หนูเลยห้ามว่าพ่อ อย่ามันสกปรก เรียนมาทั้งวัน ให้ไปล้างก่อน พ่อเพื่อนไม่ฟังพุ่งเข้าไปดมไปเลีย ก่อนจะพูดว่าหอมดีจะตาย ทำให้หนูมีอารมขึ้นไปอีกก่อนที่จะถอดกางเกงในออกให้เห็นเต็มตาไปเลย ให้เห็นหีโหนกที่สวยๆของหนูเลย น้ำแฉะออกมาเต็มไปหมด ก่อนที่จะถูกเล่นโดยพ่อเพื่อน ทั้งลิ้น ทีั้งนิ้วแหย่ เขี่ยเม็ดแตดไปมา แถมยังพิเรนรินเบียร์ใส่แล้วกินผ่านหีอีก ทำให้หนูเสียวจนบิดตัวไปมา ครางเป็นระยะๆ จนต้องเปลี่ยนท่ามาเป็นท่าหมาบนโซฟา จากนั้นแกก็หยุดแล้วเดินไปหยิบเบียร์ส่งให้หนูกินบ้างหลังโซฟา หนูกล่าวขอบคุณค่ะ พ่อบอกกลับมาว่าไม่เป็นไรครับ ก่อนจะเอาท่อนควยมาถูหน้าขณะที่กิน หนูก็ทนไม่ไหวกินไป อมไป พ่อก็รูปหัวว่าเก่งจังนะ ก่อนแกจะเล่าว่าเมียแกทิ้งแกไปมีผัวใหม่ หนูเลยพูดขึ้นว่างั้นพ่อก็เอาหนูเป็นเมียได้นะ ก่อนที่แกจะหัวเราะเบาๆแล้วกลับไปที่หน้าโซฟา ก่อนจะใส่ท่อนควยเข้าไปในหีหนูที่แฉะอย่างช้าๆ แล้วบอกว่างั้นก็มาหาบ่อยๆนะที่รัก ทำให้หนูเสียวและกระตุกเลยก่อนจะโดนซอยจากข้างหลังในท่าหมา ขณะกินเบียร์ ก่อนจะผลัดมาเปลี่ยนมาให้หนูขย่มบ้าง แล้วจบด้วยท่าลิงอุ้มแตงที่ไปทำที่หน้าประตู แตกในหีก่อนจะกลับบ้าน หนูเสร็จแทบจะทุกท่า มีความสุขมากๆที่ได้เล่นชู้กับพ่อเพื่อน หลังจากวันนั้เราก็นัดกันมาเย็ดเป็นประจำเย็ดในรถ ในห้องน้ำห้าง ห้องลองชุดบ้าง เสียวสุดๆไปเลยค่ะ

ครั้งแรกกับ ท่านรอง

 
 ดีคะ เพื่อนพี่น้องชาวสวิงทุกท่าน ดิฉันขอเล่าประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงจากชีวิตของดิฉันให้ทุกคนที่อ่านได้รับรู้เรื่องของสวิง ดิฉันอายุ 44 ปี สูง 162 นน. 58 ผิวขาว รูปร่างอวบ แต่ความสวยไม่กล้าที่จะบอกหรอก เพราะไม่แน่ใจ อาชีพรับราชการ แต่ทุกครั้งที่ร่วมรักกับสามี สามี จะมีความสุขมากบอกว่าฉันสวย โดยเฉพาะ....ใหญ่และโหนกนูน ตอดขมิบดีมาก เพราะดิฉันชอบอ่าน ชอบดูเน็ต เพื่อเพิ่มเสน่ห์ให้ตัวเองเป็นประจำ ดิฉันมีลูกแล้วสามคน โตและไปเรียนที่ต่างจังหวัด เราอยู่กันสองคน สามีชอบดูเน็ตเป็นประจำ เมื่อปลายปี 51 ขณะที่เรากำลังมีอะไรกันนั้น สามีพูดว่า อยากให้ดิฉันลองเอากับคนอื่น ตอนนั้นฉันกำลังเงี่ยนสุด ๆ ก็เลยแกล้งพูดอือๆ ไปด้วย สามีคึกมากเลย แต่เมื่อโดนสามีพูดบ่อย ๆ ดิฉันกลับมานั่งคิด น้อยใจและเสียใจ โดยคิดว่าสามีหาเรื่องที่จะทิ้ง หรือไปมีใหม่ แต่ยังไม่พูดอะไรเก็บความรู้สึกนี้ไว้ ทุก ๆ วันสามีจะทำกิจกรรมบนเตียงแบบเมามัน และในที่สุดดิฉันก็ตัดสินใจถามเขาตรง ๆ แบบว่าไม่ให้คาใจเลย เขาก็นิ่งดีและอธิบายให้ดิฉันฟัง อย่างจริงใจและตบท้ายด้วยคำว่า ผมรักคุณมากอยากให้คุณลองสัมผัสสิ่งแปลกใหม่ดู แล้วก็เปิดเว็ปสวิงให้ดิฉันดูทุกวัน ลืมบอกไป สามีรับราชการ อายุ 50 ปี จากนั้นเป็นต้นมา ดิฉันก็พยายามแอบสังเกตสามี แต่เขารักและปฏิบัติตัวดี กลับบ้านตรงเวลา เงินทองไม่เคยบิดพริ้ว สรรหาของดี ๆ เข้าบ้าน แตกต่างจากผู้ชายบางคนที่อยู่ที่ทำงาน ชอบเข้าร้านอาหารและแอบมีเล็กมีน้อย ดิฉันเฝ้าดูสามีมาจนถึงปลายปี 52 ประกอบกับตัวเองแอบเปิดเวปสวิงดูบ้าง บอกตรงๆ คล้อยตาม แต่ติดที่ว่าจะไว้วางใจได้อย่างไร เพราะบางที่หากว่าเราจะมีสักครั้ง ผู้ชายคนนั้นต้องอยู่ในสเปกของเราด้วยและที่สำคัญต้องเก็บความลับ สะอาด และไม่มีปัญหาตามมาภายหลัง คงเป็นเรื่องประจวบเหมาะกระมัง ที่ทำงานของดิฉัน มีบุคลากรอยู่ 16 คน ชาย 8 หญิง 8 ซึ่ง หากเราได้มีเวลาคุยกันแบบลำพังแล้ว เราก็รู้ว่า เพื่อนหญิงที่ทำงานด้วยกันนั้นเกือบทุกคนมีปัญหาโน่นปัญหานี่กับสามี แต่เราหละไม่เคยเลย คิดถึงตรงนี้ ดิฉันรักและภูมิใจในสามีมาก มีครั้งหนึ่ง พ่อของดิฉันมีปัญหาเรื่องที่ดิน ดิฉันขออนุญาตนำเงินของเราที่มีอยู่ไปช่วย ในใจคิดว่าสามีคงไม่พอใจเพราะเป็นเงิน ก้อนโตพอควร แต่สิ่งที่ได้ยินจากปากสามีก็คือ ดีเหมือนกัน เราไม่มีโอกาสตอบแทนท่านสักที เอาเถอะแล้วบอกพ่อด้วยว่า เราไม่เอาคืนนะ ดิฉันภูมิใจและแอบร้องไห้ด้วยความยินดี ทีสามีดีขนาดนี้ แล้วสิ่งที่สามีพุดว่าอยากเห็นเราลองสักครั้งมันเริ่มฝังในใจเรา แต่เก็บความรู้สึกไว้ ที่ทำงาน มีรองผู้บริหารคนหนึ่งที่เราค่อนข้างถูกสเปก เขาสูง ผิวดำแดง สุภาพ มีเสน่ห์ แต่งงานแล้ว แต่ว่าภรรยาอยู่คนละจังหวัด เราจะเรียกท่านว่ารองพูล รองพูลเคยมาเล่นที่บ้านดิฉันบ่อย ๆ เพราะบางเสาร์อาทิตย์ ไม่กลับบ้านเพราะไกล และเหตุการณ์ที่ทำให้เราสองคนสนิทกันมากขึ้นก็ต่อเมื่อ ที่ทำงานจัดทัศนศึกษา ต่างประเทศโดยทีทำงานออกค่าใช้จ่ายให้ ไป 3 คืน 4 วัน สามีดิฉันต้องอยู่บ้านคนเดียวดิฉันเที่ยวอย่างสนุก และเป็นอิสระ ต่างจากเพื่อนหญิงหลาย ๆ คน ที่เป็นห่วงคนที่บ้าน ช่วงนี้เอง ดิฉันได้มีโอกาสใกล้ชิดกับรองพูล เขาเทคแคร์ดีมากแต่สิ่งที่สังเกตได้คือ ไออุ่นของเขาทำให้รู้สึกได้ แปลกมาก เมื่อเดินใกล้กันน้ำเมือกของดิฉันไหลออกมาจนเปียกชุ่ม ขากลับมาถึงที่ทำงานเวลา ประมาณ 5 ทุ่มเศษ เขาอาสาไปส่งที่บ้าน ดิฉันแอบสุขใจมากแต่ไม่ได้รักและต้องการนอกใจสามีหรอกนะเพียงแต่มีความรู้สึกที่ดี ๆ เท่านั้นเอง มาถึงที่บ้านสามีดิฉันก็คะยั้นคะยอให้เขานอนที่บ้าน โดยดิฉัน หาชุดให้ จนรุ่งเช้าเขาค่อยกลับบ้านพัก แปลกที่สามีกลับให้ดิฉันทำกกับข้าวไปให้ฐานะที่ เท็คแคร์ดี ดิฉันค่อนสามีว่าเดี๋ยวเขาก็ปล้ำหรอก สามีบอกว่าก็อย่าให้เขาปล้ำสิ ปล่อยให้เขาเลย เราทั้งสองกลับหัวเราะอย่างมีความสุข ดิฉันไปคนเดียวถึงบ้านเขา เขาตกใจมากเพราะเป็นบ้านเช่าเล็กๆ รกรุงรัง รองพูลเขาทำอะไรไม่ถูก รีบเก็บของ ดิฉันก็ช่วยเก็บของบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่โต๊ะทำงานโน๊ตบุ๊คยังเปิดอยู่ ดิฉันใจสั่นมากเมื่อเน็ตที่รองพูลดูอยู่นั้นเป็นเว็ปสวิง ท่านรองอึกอัก ดิฉันก็แกล้งถามขออีเมลล มาถึงบ้านสามีออกไปสวนดิฉันขึ้นเมลลท่านรองและในที่สุดเราก็รู้เรื่องกันและกัน ท่านรองชอบดูเว็ปสวิง เราแอบคุยกันจนดิฉันแอบพอใจเขา ดิฉันอยากจะเล่าเรื่องท่านรองให้สามีฟังเหมือนกันแต่กลัวสามี ถึงแม้ว่าเขาจะให้ดิฉันลองอึ๊บสักครั้งก็ตาม แต่ก็อดกลัวไม่ได้ สามีดิฉันเก่งคอม ฯ มากในที่สุดดิฉันก็ตัดสินใจเล่าให้สามีฟังจนหมด สามีกอดดิฉันแน่นแล้วบอกว่า ไม่เห็นเป็นไร เรารักกันซะอย่าง สรุปเรื่องของดิฉันก็เริ่มไม่เป็นความลับกับสามี แล้ววันหนึ่งสามีขอตัวเข้าจังหวัด ในใจดิฉันคิดว่าจะหาโอกาสคุยกันกับท่านรองเล่นๆ แต่ท่านรองกลับไม่อยู่ ดิฉันแอบคิดถึงเขามากแต่ก็เก็บความรู้สึกไว้ในใจ กลัวเพื่อนรู้ จนเวลา บ่ายสามโมงท่านรองกลับเข้ามาแบบซึม ๆ (เล็กน้อย)อมยิ้ม พูดเพราะ เลิกงานแล้วเพื่อนทยอยกลับ ดิฉันนำงานไปเสนอผู้บริหาร ผู้บริหารเปิดดูแล้วบอกว่างานท่านรอง ดิฉันเลยนำงานมาที่ห้องท่านรอง เขาเซ็นต์ชื่อแล้วบอกว่า วันนี้ขออนุญาตไปดื่มต่อที่บ้านนะ ดิฉันก็โอเคเข้าตลาดซื้อของมากมาย มาถึงบ้านเห็นสามีทำงานบ้านรออยู่ ดิฉันบอกว่าท่านรองจะมาที่บ้าน สามีรีบปัดกวาดเก็บข้าวของ แล้วช่วยดิฉันทำกับข้าว เสร็จแล้ว จะอาบน้ำ สามีพูดค่อนขอดว่าแต่งตัวเซกซี่หน่อยนะ ไม่ใส่ชุดชั้นในก็ดี ดิฉันตอบว่าบ้า แล้วเข้าอาบน้ำ ท่านรองขับรถมาพอดี สามีจัดแจงของทุกอย่างแล้วนั่งดื่ม ดิฉันอาบน้ำเสร็จเดินออกจากห้องน้ำ นุ่งผ้าขนหนู สามีเรียกให้ไปดื่มสักแก้ว แล้วดิฉันก็เดินเข้าห้อง แต่ก่อนจะเข้าห้อง หันมามองดูท่านรอง ท่านรองมองดิฉันแล้วยิ้ม ดิฉันร้อนวูบทั้งตัวและอบอุ่นแบบบอกไม่ถูก ตัวสั่น ดิฉันคิดในใจว่าจะต้องทำตามใจสามีดูสิว่าจะเป็นไง ใส่กางเกงขาสั้น ไม่ใส่ กกน. เสื้อยืดคอกว้าง มานั่งดื่มร่วมวง จนเริ่มซึมทุกคน ท่านรองมักจะแอบมองดิฉันบ่อย ๆ จนในที่สุดเวลาประมาณ 4 ทุ่มเศษ ท่านรองจะกลับ สามีบอกดิฉันว่า นั่งรถไปเป็นเพื่อนท่านรองหน่อย เดี๋ยวไปคนเดียวหลับใน เดี๋ยวผมเก็บของเสร็จจะรีบตามไปรับ ด้วยอะไรก็ไม่รู้ ท่านรองไม่พูดอะไรเลย ดิฉันก็ยินดีไปแต่โดยดี ดิฉันนั่งไปในรถเก๋ง สีทอง คุยไปเรื่อย ท่านรองก็รำพึงรำพันว่าเหงาสารพัด ท่านรองถึงแม้จะเมาพอควรแต่ก็ยังนิ่งสุภาพ ดิฉันกลับได้รับไออุ่นแบบบอกไมได้ถึงความรู้สึก จนนานพอควรลืมว่าขับรถจนลืมทางแยก มีคำหนึ่งที่ท่านรองพูดว่า ผมอยากคุยกับแอนนาน ๆ จัง แต่เกรงใจพี่ผู้ชายเขา ดิฉันก็บอกว่าคุยได้ ท่านรองก็พูดว่าเดี๋ยวผมขอโทรบอกพี่ผู้ชายก่อน แล้วเขาก็จอดรถ โทรหาสามีดิฉันแล้วเปิดเสียงดัง สามีกลับพูดว่าเอาเลยตามสบาย แล้วยื่นโทรศัพท์ให้ดิฉัน สามีดิฉันพูดว่า ตามสบายนะที่รัก ดิฉันก็สบายใจขึ้น แล้วท่านรองก็หันหน้ามาหาดิฉันบอกว่าขอเวลาให้ผมคุยกับคูณนานๆ ได้ไหม ซึ่งที่จริงในเมล เราก็คุยกันมากอยู่แล้วแต่ด้วยความพอใจในตัวท่านรอง ดิฉันไม่พูดอะไร ท่านรองจอดรถยื่นมือมาจับมือดิฉัน แล้วบอกว่าผมเหงามาก จากนั้นขอดิฉันว่าหาที่นั่งคุยกันนะ ดิฉันบอก.อืม เขาขับรถมาเรื่อย ๆ แล้วแวะที่รีสอร์ท ดิฉันตกใจมาก แต่ในที่สุดก็เข้าไปอยู่ในห้องกับ เขา ขณะที่ดิฉันนั่งเก้าอี้ ท่านรองเปิดเบียร์ที่แช่ในตู้เย็นมารินแล้วดื่ม รินอีกแก้วส่งให้ดิฉัน ดิฉันจิบไปเอื้อกใหญ่ ขณะนั้นเอง สองมือของเขาก็โอบกอดดิฉัน ให้ยืนขึ้นแบบเราก็หันหน้ามาเผชิญกัน แล้วในที่สุดเราก็เริ่มนัวเนียกัน ท่านรองนุ่มนวลแข็งแรงมาก ดูดนม ดิฉันแล้วปลายลิ้นเขาก็สัมผัสที่ร่องสวาท ดิฉันเสร็จแล้วสองครั้ง แต่เขายังไม่สอดใส่ ดิฉันสุขมาก ไม่เคยเจอมาก่อน ในที่สุด ท่อนเอ็นที่แข็งก็ค่อย ๆ มุดเข้ารูดิฉัน ดิฉันสั่นเทิ้มแอ่นสะโพกรับมีความสุขมากที่สุดเขาค่อยๆๆโยก พร้อมดูดนม แล้วเร่งความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ แล้วกอดกันแน่นสนิท แล้วสังเกตได้ว่ารูของดิฉัน มีน้ำที่อุ่น ๆ พรุ่งกระฉูดใส่รูอยู่พักใหญ่ ดิฉันกอดเขาแน่น เขาก็กอดดิฉันแบบแนบสนิท ท่านรองเอาถึง 3 ครั้ง ทุกครั้งดิฉันปลดปล่อยอารมย์อย่างเต็มที่ จนลืมว่าสามียังคอยเกือบสองชั่วโมงที่ท่านรอง มอบสุขให้ มันช่างสุดยอดมาก ท่านรองบอกว่าเราสวย และมีเสน่ห์มาก แล้วเราก็ออกจากรีสอร์ทมาที่บ้านพัก สามีนอนรอในรถพอมาถึงสามีวิ่งเข้ามากอด แล้วก็พากลับบ้าน สามีจัดการเลียรูสวรรค์ที่ยังไม่ทำความสะอาดจนเกลี้ยงสะอาด มีความสุขมาก และอิ่มเอิบที่สุด ที่สำคัญยิ่งสามีกระซิบที่หูว่า รักแม่มากเป็นร้อยเท่า เพื่อนหญิงคะ หากยังไม่เคย และไม่กล้า ในขณะที่สามีโอเค ควรพิจารณาคะ เพราะเราจะได้พบสิ่งที่วิเศษสุดในชีวิต แต่ต้องเลือกเอง

ผมทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัว

 


หลังจากพ่อเสียจากโรคปอดติดเชื้อจากการสูบบุหรี่จัด ผมก็ทำหน้าที่ แทนพ่อ ทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ส่งน้องสาวเรียน หาเลี้ยงแม่ วันหนึ่งแม่ชมผมว่า ด๊นะที่แม่มีลูกดีทำหน้าที่แทนพ่อใด้ ทำให้ครอบครัวไปรอดใด้ ผมเลยทะลึ่งสวนคำชมแม่ไปว่า ผมทำหน้าที่แทนพ่อไม่ใด้หลอก พ่อเป็นหัวหน้าครอบครัวที่มีอะไรกับแม่ใด้ แต่ผมทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัว ที่ไม่สามารถทำแบบนั้นกับแม่ไม่ใด้ ถ้าทำใด้แบบพ่อใด้ ก็ดีถือว่าสมบรูณ์แบบที่สุดเลยนะแม่ แม่สวนมาทะลึกคิดอุบาท (ผมขอบอ่านการ์ตูนอินโดจินเป็นเดิมทุนอยู่แล้วเลยคิดแบบนั้น)หลักจากวันนั้นมาที่ใด้พูดทะลึ่งกับแม่ไปแบบอุบาท ผมก็หาส่วนเกินกับแม่ตลอด เช่นเงินออกมากอดด้านหลังแม่เอาเงินให้แม่ แล้วพูดทะลึงๆประมาณคำพูด ว่า เป็นหัวหน้าครอบครัว แต่ไม่มีความสุขทางกายเลยกอดแล้วเอามือลูบหน้าออกแม่ไปมาจนแม่ดึงออก บางวันเช้าๆก่อนผมไปทำงาน ผมจะมากอดแม่พูดว่า วันนี้แม่บ้านทำอะไรให้หัวหน้าครอบครัวกินก่อนไปทำงานนะพูดไปแบบเอามือลูบลำตัวแม่ขึ้นลงไปจะหยุดที่เป้ากางเกงแม่ แม่ก็จะรีบดันมือออก บางทีเลิกงานมาบอกแม่บ้านว่าวันนี้เหนื่อยแม่บ้านทำอะไรให้หัวหน้าครอบครัวกินนะ จบที่การกอดหากินส่วนเกินกับแม่ประจำ แม่ก็ไม่โกรธไม่ว่า แต่ทำหน้าดุะพูดเล่นๆว่า อยากเป็นหัวหน้าครอบครัวอุบาทเหรอ. ทำแกล้งแม่ประจำจนความเคยชิน ผมทำหาส่วนเกินประจำแทบทุกวันเป็นปีๆจน วันสมหวังวันที่ผมเลิกงานมา แม่กำลังจะแต่งตัวหลังจากอาบน้ำพอดี ผมไปกอดแม่บอกว่าคิดถึงแม่บ้านจัง หอมแก้มแม่และยังใช่มือลูบเข้าไปในผ้าขนหนูที่แม่พันตัวหลังจากอาบน้ำ ลูบไปถึงของลับแม่ครั้งแรก จนแม่งอตัว จับมือผมออก แม่ถามผมว่าที่ แกล้งแม่ทุกวันๆนิ ลูกต้องการจริงหรือ ผมรีบตอบ ต้องการจริงแม่ ลูกอยากทำหน้าที่แทนพ่อทุกอยาก ถ้าทำแทนพ่อไม่ใด้ทุกอยาก ถ้าคนอื่นมาทำแทน ถ้าลูกรู้ว่าแม่มีใหม่นอกใจครอบครัว บ้านคงแตก ลูกจะไม่ทำหน้าที่หาเงินเลี้ยงน้องเลี้ยงแม่ทันที คงตัวใครตัวมัน ผมพูดไปใช่มือลูบลงหว่างขาแม่ใหม่ครั้งนี้ใด้จับเพศของแม่เต็มมือและยังใด้แซะนิ้วดีดเขี้ยไปมา ผมรู้ว่าแม่คงยอมให้ผมทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวแล้ว ผมดันแม่ลงที่นอนแล้วผมก้รีบถอดชุดผมให้หมด แม่นอนหลับตานิ่ง ผมไม่รอช้ากลัวแม่เปลี่ยนใจ ผมรีบจอควยผมลงหีแม่แล้วรีบเร่งเครื่องทันที่โยกตัวขโยมตัวชันเขาแม่ ในท่าพื้นฐานทั้วไป ผมตื่นเต้นและสนุกอารมร์มากอารมณ์ขึ้นดีจริงๆ ดูดนมแม่เลียหัวนมเบาๆ ผมทำนานพอสมควรจนผมน้ำแตกใส่หีแม่ผมกดควยลึกที่สุดแล้วปล่อยน้ำแตกใส่ผนังมดลูกของแม่ ผมนอนทับตัวแม่ ใว้ แม่กอดผมแล้ว พูดคำนี้ออกมา ลูกใด้เป็นหัวหน้าครอบครัวเต็มตัวแล้วนะ ผมดีใจมากที่แม่เข้าใจและให้โอกาศผมทำหน้าที่แทนพ่อใด้ หลังจากวันนั้น ผมทำทุกอนูขุนขนทุกตรารางนิ้วพื้นที่ร่างการแม่ เลียหัวผม แซะลิ้นลงแคมเม็ดแตด และใด้เห็นลีลาแม่เมื่อแม่ขออยู่ข้างบนตัวผม มันเป็นภาพที่ตื่นเต้นที่สุดเลยครับ จากแยกห้องนอนทุกวันนี้ยายมานอนห้องเดียวกันกับแม่ ให้น้องสาวไปนอนห้องผมแทน ผมอ้างกับน้องสาวว่า โตเป็นสาวแล้วต้องนอนแยกห้องกับแม่ ส่วนพี่ไปนอนห้องแม่นั้นเพราะต้องดูและแม่ตอบแทนบุญคุณ แม่เริ่มแก่ตัวต้องดูแลใกล้ชิดยามค่ำยามคืน แม่อาจจะหิวน้ำเข้าห้องน้ำ จะใด้ลุกเปิดไฟให้แม่ไง แม่นั่งอยู่ข้างผมถึงกับยิ้มที่ผมอ้างเหตุผลให้น้องสาวฟัง ทุกคืนผมกับแม่คือ จะนอนกอดกันฉันผัวเมีย แม่ผมพูดมาประโยกน์นึ่งว่า แม่ดีใจนะลูกแม่ทำให้แม่มีความสุขเหมือนใด้ผัวที่ดีมาอีกครั้ง ผมเญ็ดกับแม่แทบจะทุกคืนแต่ แม่ไม่เคยท้องเลย คงเป็นเพราะอายุแม่ เกินวัยจะท้องแล้ว47ปี คงจะติดลูกอยากนี้แหละชีวิตของผม ที่ไม่ยอมให้ใครมาทำหน้าที่แทนพ่อ ผมขอทำเองดีกว่า มีความสุขในตัว ในกาย ในครอบครัวลับๆ ดีกว่าปล่อยแม่ไปลองผิดลองถูกกับผู้ชายไม่รู้ใจ ไม่รู้หน้า

ผมเชื่อว่าในนี้คงมีความสุขเมื่อแฟนโดนคนอื่นเย็ด

 
 
  ขออนุญาตแชร์ประสบการณ์ครับ
 
      สวัสดีสมาชิกทุกท่านครับ หลังจากที่ผมติดตามเว็บนี้มานาน ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็มีโอกาสได้ฟังเรื่องราวจากสมาชิกหลายๆท่าน ทั้งเรื่องที่เข้าถึง บางเรื่องผมก็เข้าไม่ถึง แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ความชอบ รสนิยมของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับรสนิยมของผมในทุกวันนี้ ยอมรับนะครับว่าชอบที่จะรู้เรื่องราวของแฟนตัวเอง ทั้งเรื่องอดีต และ เรื่องใหม่ๆที่ผมมีความปราถนาอยากจะเห็นเธอมีอะไรกับคนที่เธอชอบ(คนที่ไม่ใช่ผม)สักครั้ง แต่เชื่อมั้ยครับ...ตลอดเวลาที่คบกันมา เรื่องราวที่ผมต้องการจะเห็นไม่ได้มีโอกาสเกิดขึ้นสักเท่าไหร่ จะรู้แค่จากปากที่เธอบอกเล่าบ้าง ซึ่งเอาจริงๆเธอก็ไม่ค่อยชอบคุยเรื่องแบบนี้กับผมสักเท่าไหร่ จนกระทั่งช่วงหลังๆมานี้ ผมมีความรู้สึกว่าทั้งเธอและผมเริ่มเบื่อกับ Sex ของกันและกัน ใช่ครับ เราเบื่อที่จะมี Sex กัน ก็เลยเป็นที่มาของเหตุการณ์ในชีวิตที่ผมกำลังเผชิญอยู่ขณะนี้ วันนี้หลังจากที่ผมว่างจากงาน ก็เลยอยากจะลองมาแชร์ประสบการณ์ของตัวเองดูสักครั้ง อยากรู้ว่าแต่ละท่านที่ได้อ่านจะคิดเห็นอย่างไร จะคิดเหมือนผม หรืออาจคิดแตกต่าง ยังไงหลังอ่านจบก็ลองคอมเมนต์ได้ตามสบาย แบบไม่ต้องเกรงใจกันครับ
      โอเคครับ..หลังจากที่เกริ่นมา ผมขอเล่าเรื่องความสัมพันธ์ของแต่ละคนก่อนนะครับ คือผมกับแฟน เราทั้งคู่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน พึ่งแต่งงานกันเรียบร้อย แต่ยังไม่มีลูกนะครับ นับเวลาที่คบกันตอนนี้คือ 5 ปี เราทั้งคู่อายุเท่ากันครับ ตอนนี้ย่างเข้า 27 ปี มีงานการทำที่มั่นคงกันทั้งคู่ ผมและแฟนเป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งนึง(บริษัทเดียวกัน)แต่ออฟฟิสอยู่คนละที่ ไม่ไกลกันมากนัก แฟนผมเป็นผู้หญิงที่ ผิวขาว รูปร่างดี หน้าตาน่ารัก สูง 165 แต่สำหรับผมเธอมีความเซ็กซี่ในแบบของเธอเอง ส่วนตัวผมเป็นผู้ชายหน้าตาธรรมดา ใช้ความพยายามจีบเธออยู่นานมากในตอนแรกกว่าจะได้มาเป็นแฟนกัน อย่างที่บอกไปครับ ผมอะชอบเรื่องราวในอดีตของเธอนะ เธอก็เล่าให้ฟังบ้าง ไม่เล่าบ้าง แล้วแต่อารมณ์ของเธอ จากการที่ผมถามเธอบ่อยๆ ก็เลยได้ความว่า แฟนเคยผ่านผู้ชายมาประมาณ 3-4 คน เธอเล่าว่าเสียตัวครั้งแรกตอนสมัยม.ปลายกับผู้ชายที่เธอเรียกได้ว่าเป็นรักแรกของเธอ เธอบอกว่าความรักครั้งนั้นมันค่อนข้างสวยงามมากๆ แต่สาเหตุที่ความรักครั้งนั้นต้องจบลงก็เพราะว่าชีวิตช่วงมหาลัยเธอเป็นคนที่ชอบเที่ยว จนพลาดมีอะไรกับคนอื่นที่ไม่ใช่แฟน(เป็นคนที่คุยกัน แต่อยู่ต่างคณะ)หลังจากนั้นรักแรกที่สวยงามของเธอก็จบลง มาถึงตรงนี้หลายท่านอาจจะคิดใช่มั้ยครับ ว่าต่อจากนั้นแฟนผมคบกับผู้ชายคนที่เธอพลาดมีอะไรด้วยต่อเลยรึเปล่า คำตอบคือไม่ได้คบกันครับ แต่มีซัมติงกันบ้างบางเวลาเพราะขณะนั้นเธออยู่ในสถานะโสด หลังจากนั้นเธอก็ใช้ชีวิตปกติเรื่อยมา แล้วก็ได้พบรักอีกครั้งตอนปี 3 กับรุ่นน้องคนนึง แต่คบได้ไม่นานก็เลิกกันไป เพราะแน่ล่ะครับ คนละรุ่นบางทีความคิดก็อาจต่างกัน ถ้านับถึงตรงนี้แล้วก่อนเธอจะได้มาเจอกับผมเนี่ยปาไป 3 คนแล้วนะ555 แต่มันเรื่องธรรมดาของมนุษย์ใช่มั้ยล่ะครับไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย ผมไม่เคยกังขาเลยในจุดนี้ แต่นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมดนะครับ คนที่4ที่เข้ามาในชีวิตเธอก็คือผมเอง ก็คบกันมาจนถึงปัจจุบันนี้เลย เราอยู่บ้านด้วยกัน เวลาไปทำงานก็แยกย้ายกันไปปกติตามประสามนุษย์เงินเดือนทั่วไป แต่ก่อนที่ผมจะเล่าเหตุการณ์ในปัจจุบันให้กับทุกท่านได้อ่าน ผมขอรวบรวมสิ่งที่ผมได้รับรู้เรื่อง Sex ในอดีตของเธอ จากการซักถามเธอก่อนละกันครับ เผื่อทุกท่านจะอยากรู้
          ผมขอเริ่มจากแฟนคนแรกของเธอก่อน คนนี้แฟนบรรยายไว้ว่าตรงสเปคเธอทุกอย่าง ขาว สูง มีตรงนั้นใหญ่และยาวที่สุดในบรรดาที่เคยร่วมรักมา 4 คน หากถามว่าเลือกได้ว่าอยากมี Sex กับใครมากที่สุดในบรรดาที่คบกัน เธอก็จะพูดถึงคนนี้ตลอด แต่ข้อบกพร่องของแฟนคนนี้คือ Sex ไม่ได้หวือหวาอะไรสักเท่าไหร่ แต่สำหรับ Sex แล้วทั้งคู่เคยทำให้กันแทบทุกอย่างเท่าที่จะนึกได้ ท่าทุกท่าที่จินตนาการได้ และแน่นอน การอม การเลีย ผู้ชายคนนี้ได้ทุกอย่างจากเธอหมด
           Sexคนที่ 2 เป็นเพื่อนต่างคณะ ที่แอบปิ๊งกันกับเธอมาตลอด แต่ด้วยที่ตอนนั้นต่างคนต่างมีแฟน เลยทำให้ทั้งคู่ไม่ได้รักกัน แค่มี Sex กันเท่านั้น โดยครั้งแรกเกิดจากการเที่ยวกลางคืนของทั้งคู่ จะด้วยความเงี่ยนหรืออะไรก็แล้วแต่ สุดท้ายทั้งคู่จบลงที่ห้องของฝ่ายชาย เธอเล่าว่าผู้ชายคนนี้มีขนาดตรงนั้นใหญ่พอๆกับแฟนคนแรก แต่จะสั้นกว่าสักนิด ผมถามเธอว่าเธอมีความสุขมั้ยในเรื่อง Sex กับผู้ชายคนนี้ เธอตอบว่าแน่นอน ผมจึงถามเธอต่อว่า แล้วสิ่งที่เคยทำให้กันและกันอยู่ในเลเวลไหน เธอตอบว่าเลเวลเดียวกันกับคนแรก เพียงแต่เธอไม่ได้รู้สึกรัก แต่รู้สึกตื่นเต้นแทน แถมมีผลงานมาสเตอร์พีซด้วยเพราะเธอเล่าว่า เคยมีเอากันขณะที่เพื่อนของเธอนอนหลับอยู่ด้วย แต่วันนั้นเมามาก เธอห้ามตัวเองไม่ได้เลย ได้แต่กลั้นเสียงของตัวเองไว้เท่านั้น ส่วนถ้าถามจำนวนครั้ง เธอบอกว่าน่าจะเกือบ 10 ครั้งได้ ก่อนจะตัดขาดความสัมพันธ์กัน เพราะเธอไปคบกับรุ่นน้องคนที่ผมกำลังจะเล่าต่อไป
            คนที่ 3 คือรุ่นน้องในคณะเดียวกัน ซึ่งเธอเป็นฝ่ายจีบก่อน รุ่นน้องคนนี้จะไปสไตล์แบดบอยหน่อยๆ เพราะทำงานกลางคืนเป็นอาชีพเสริม(นักร้องที่ผับ)สิ่งเดียวที่เธอพอจะเล่าให้ผมฟังได้(เธอไม่ค่อยอยากพูดเกี่ยวกับคนนี้)ก็คือSexที่หนักหน่วง รุนแรง แต่ไม่มาก เธอบอกว่าผู้ชายคนนี้จะค่อนข้างซาดิส ชอบให้เธอจิกหลังแรงๆเวลาจะเสร็จ และชอบ บีบปาก,ตีตูดด้วยมือ,จิกผม ทุกท่านคงพอจะนึกออกใช่มั้ยครับ เทอบอกว่าสำหรับคนนี้คือ เอาได้ทุกที่ที่เงี่ยน ผลงานมาซเตอร์พีซสำหรับคนนี้คือ เทอเคยถูกเรียกไปหาก่อนขึ้นเวที และมีอะไรกันที่ห้องน้ำในผับก่อน ซึ่งเทอบอกต่อว่ามันน่าละอายมาก เพราะที่ผับเล่าลือและรู้กันหมด(น่าจะมีคนเห็นออกมาจากห้องน้ำด้วยกัน)แต่สำหรับขนาดของคนนี้ก็ไม่เท่าไหร่ แต่จัดอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ถ้าไม่ซาดิส หรือชอบแนวเอาท์ดอร์มากเกินไป ทั้งคู่เลิกกันด้วยเหตุผลเรื่อง......ผมว่าคงเดากันได้ ใช่ครับผม เรื่อง Sex และ ความเจ้าชู้ จนเธอไม่อยากคบกับใครอีกเลยนานเป็นปีที่เธอครองโสด และแน่นอนครับ ตอนปี 4 เธอก็คบกับผม จนถึงตอนที่พิมอยู่นี่แหละ
             มาเล่าเรื่องชีวิตคู่ของเรากันหน่อยดีกว่า ผมเป็นคนที่เล็กสุดเลยที่เคยเจอมา(น่าน้อยใจนะครับ)แต่ไม่ใช่ขนาดเล็กอะไรแบบรับไม่ได้นะ แค่หมายถึงเล็กกว่า 3 คนก่อน ตลอด 5 ปีผมพยายามอยากมีเซ็กกับเธอตลอด นานๆเธอจะมีอารมณ์กับผมสักที จนกระทั่งช่วงหลังๆมานี้เธอไม่ค่อยมีอารมณ์เลย บวกกับผมก็อยากหาอะไรใหม่ๆให้เธอลองบ้าง แต่มาถึงตรงนี้เชื่อมั้ยครับ ว่าเธอไม่เคยที่จะมีผู้ชายคนที่ 5 เข้ามาในชีวิตเลย ไม่ว่าจะปล่อยให้ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ แต่งตัววับๆแวมๆ แนวเซ็กซี่ก็เคยทำมาแล้ว แต่ทุกครั้งเธอจะกลับมาที่บ้านโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสมอ
             แต่แล้ววันนึงครับ เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา ผมเริ่มสังเกตุว่าแฟนผมเริ่มเปลี่ยนไป เข้าห้องน้ำนาน หรือเคยมีบางครั้งที่ผมแอบดูเธอโดยไม่ให้รู้ตัว จะเห็นเธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เวลาเล่นโทรศัพท์เสมอ ซึ่งผมฉลาดพอที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เลยทำเป็นไม่รู้ครับ เงียบมาตลอด แต่แปลกอย่างนึง คือผมไม่ได้รู้สึกหึงหวง กลับลุ้นให้เธอทำอะไรกับคนที่เธอแอบคุยซะด้วยซ้ำ จนกระทั่งมีวันนึงครับมีแชทจากบุคคลที่ไม่ใช่เพื่อนในไลน์ได้เด้งมาหาผม วันนั้นแหละมันทำให้ผมเกิดอาการไม่มั่นใจว่าควรเอายังไงต่อดีนับจากนี้
             แชทที่ว่าก็คือแชทจากผู้ชายคนนึงครับ บอกให้ผมเลิกกับเธอซะ โดยผู้ชายคนนั้นจะดูแลเธอเอง ผู้ชายคนนั้นยังบอกอีกว่า แฟนผมน่ะ ไม่ได้รักผมแล้ว แต่อยู่ด้วยกันเพราะว่าผูกพันธ์ แค่นั้น ด้วยความที่ผมอยากรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ก็พยายามถามกลับ แต่ว่าเค้าก็ไม่บอกนะครับว่าเค้าคือใคร ผมก็เลยถามแฟนผมไปตรงๆครับ ว่าคุยกับใครอยู่ในตอนนี้(แต่ไม่ได้เล่าเรื่องที่มีคนทักมาหาผมนะครับ)ทีแรกเธอก็ไม่ยอมบอกผม แต่ผมก็ยืนยันกับเธอนะครับ ว่าผมจะไม่โกรธเธอ ขอแค่เราเปิดอกพูดความจริงกัน จนสุดท้ายเธอถึงยอมบอกครับ ว่าเธอคุยกับผู้ชายคนนึงจริง ซึ่งก็คือแฟนคนแรกของเธอ...
             เธอบอกว่าแฟนคนแรกของเธอกลับมาง้อเธอ แล้วก็อยากคืนดีด้วย แฟนเก่าเธอบอกว่าตั้งแต่เลิกกันไป เค้าค้นพบแล้วว่าสุดท้ายเค้าฝังใจกับแฟนผมมากๆ คือเค้ารู้สึกรักตลอด คิดถึงตลอด อยากใฟ้เป็นแฟนกันเหมือนเดิม โดยเค้าจะไม่แคร์เลยว่าตั้งแต่เลิกกันแฟนผมจะผ่านอะไรมาบ้าง แต่สิ่งนึงที่มันเกิดขึ้นตอนนี้คือแฟนผม ก็รักผมผูกพันธ์กับผม แต่กับแฟนเก่า เธอก็ไม่เคยลืม เธอชอบพูดกับผมเสมอว่ารักครั้งนั้นมันสวยงาม เธอบอกกับผมว่า ณ ตอนนี้เธอเลือกไม่ได้ เธอเป็นคนไม่ดี แต่เธอไม่อยากทิ้งใครไป แต่อยากใช้ชีวิตแบบนี้ ขอไปหาแฟนเก่าบ้างได้มั้ย? เวลาที่เธออยากเจอกัน ผมจึงถามต่อครับว่าเจอกันแล้วจะยังไง จะมีอะไรกันรึเปล่า เธอก็ไม่ปฏิเสธนะครับ เธอพูดว่าถ้ามีอารมณ์มันก็คงจะมี...
             ***ทุกท่านครับ อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คิดว่าจิตใจผมตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง คิดว่าผมจะฟูมฟาย เสียใจ ซึมเศร้ามั้ยครับ ผมควรต้องเป็นแบบนั้นใช่มั้ยครับ แต่ผมอยากบอกเหลือเกินครับว่าไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมยังสบายดี จิตใจดีโคตรๆ เมื่อตอนที่ผมถามเธอว่าถ้าผมอนุญาต แล้วความรักของเราจะจบลงมั้ย? เธอบอกว่าไม่มีวันนั้นครับ ยังไงเธอก็ไม่มีวันกลับไปคบแฟนเก่าแน่นอน เธอแค่อยากมี Sex ด้วยแค่นั้น แน่นอนครับ ผมอยู่กับเธอมา 5 ปี ผมรู้จักนิสัยใจคอเธอดีครับ สรุปแล้วคือที่เคยพูดว่าอยากให้ลองอะไรใหม่ๆแต่ไม่เคยเกิดขึ้นสักที อาจจะเพราะเธออยากลองอะไรเก่าๆไง ผมจึงอนุญาตเธอครับ ขอเพียงเธอบอกผมว่าจะไปนะ ที่ไหน เพราะผมเป็นห่วงเธอ
            อัปเดตถึงตอนนี้ แฟนผม...กับแฟนเก่า 2 ครั้งแล้วครับ แค่ไปเอากันแล้วก็กลับ 1 ครั้ง แล้วก็นอนค้างด้วยกัน 1 ครั้ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันส่งผลต่อ Sex ของเราด้วยครับ แฟนผมเร่าร้อนขึ้นเมื่อเอากับผม แต่ก็เร่าร้อนเมื่อเอากับแฟนเก่าเหมือนกัน ถามว่าทำไมผมถึงรู้น่ะหรอครับ เพราะแฟนเก่าของแฟนเป็นคนบอกผมเอง อ่านไม่ผิดหรอครับ คนๆนั้นมันบอกผมเอง ด้วยความที่มันอยากให้ผมเลิกกับแฟนผม มันชอบส่งรูปเวลาที่จะเอากับแฟนผมมาให้ผมดู ชอบอัปเดต ว่าไปไหนกัน ทำอะไรบ้าง แฟนผมทำอะไรให้มันบ้าง มันทำอะไรให้แฟนผมบ้าง ถ่ายอริยาบถตอนพึ่งเอากันเสร็จ อะไรแบบนี้มาให้ผมดู โดยที่มันไม่รู้เลยว่าผมชอบนะที่ได้ดู และเงี่ยนมากด้วย

คบเด็กข้างบ้าน #2


 

สติสัมปชัญญะของเราค่อยๆ หลุดล่อนเหลือน้อยลงไปทุกทีๆ ไม่ต่างอะไรจากเสื้อผ้าอาภรณ์ที่เคยห่อหุ้มร่างกายของเราเอาไว้จนมิดชิด บัดนี้กลับกระจัดกระจายหายไปคนละทิศคนละทางจนเนื้อตัวแทบล่อนจ้อน

เสื้อยืดแขนยาวสีเขียวมรกตวางกองพาดอยู่แถวๆ อ่างล้างจาน ข้างๆ มียกทรงสีดำวางกองอยู่ไม่ห่าง กางเกงในผ้ายืดสีดำถูกถลกลงมากองอยู่แทบเท้า มีเพียงแค่กระโปรงพลีทสั้นสีดำตัวโปรดเท่านั้นที่ยังคงเกาะติดร่างกายของเราอยู่ในตอนนี้ แต่สภาพของมันก็ไม่ได้ดีเด่ไปกว่ากันซักเท่าไหร่หรอกค่ะ เนื่องจากโดนอีตาโมจับถลกขึ้นไปกองอยู่เหนือสะโพกซะสูง จนเปิดเผยให้เห็นแก้มก้นงามงอนทั้งสองลูกของเราอย่างชัดเจน

ร่างของเราตอนนี้กำลังยืนโก้งโค้งฟุบหมอบอยู่บนเคาท์เตอร์ข้างอ่างล้างจาน สองขากางถ่างอ้าออก ปล่อยตัวปล่อยใจให้โมใช้ปากจู่โจมจิ๊มิ๊ของตัวเองจากทางด้านหลัง มันช่างเป็นความรู้สึกที่เสียวซ่านเกินคำบรรยาย ลิ้นของโม เดี๋ยวก็ปาดไปทางโน้นที ทางนี้ที บางทีก็แกล้งกดจี้เข้ามาเน้นๆ ที่คลิตอริสแบบหนักๆ ทำอย่างกับว่าจิ๊มิ๊เราเป็นไอติมรสหวานมันถูกปากซะอย่างนั้นล่ะ เล่นเอาเราขาสั่นจนแทบจะยืนไม่อยู่

เราไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเด็กหนุ่มวัยยังไม่ถึง 20 ปีดี จะมีลีลาทางเพศที่หวือหวาเร้าใจได้ขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเด็กสมัยนี้มันโตเกินวัยหรือยังไง แต่ที่รู้ๆ ก็คือ สมัยที่เรายังเป็นนักศึกษาน่ะไม่ได้ช่ำชองขนาดนี้แน่นอน มันเหมือนกับว่าอีตานี่ได้ศึกษาเรียนรู้จุดอ่อนบนร่างกายของผู้หญิงเป็นอย่างดี และพร้อมที่จะจู่โจมเล่นงานจุดนั้นซ้ำๆ จนอีกฝ่ายหมดสภาพเสียด้วย

“แผล่บ.. บบบบ แผล่บ.. บบบบ อืมมม น้ำพี่.... หวานถูกใจผมจริงๆ แผล่บ.. บบบบ” โมเอ่ยปากชมพร้อมกับใช้ลิ้นดูดเลียน้ำรักจากจิ๊มิ๊ของเราอย่างเต็มคราบ อีตาบ้าเอ๊ย! น้ำตรงนั้นมันจะไปหวานได้ยังไงเล่า!
“อุ๊ย! โม เบาๆ... อย่าคว้านตรงน้าน... นนนน" เราครางเสียงกระเส่า ส่ายหน้าสะบัดไปมาด้วยอารมณ์เสียวสยิว

พอใช้ปากเล่นงานจิ๊มิ๊ของเราจนมันเปียกโชกหนำใจแล้ว พ่อตัวดีเค้าก็เลยเปลี่ยนเป้าหมาย ลุกขึ้นมาสวมกอดเราจากทางด้านหลัง ใช้สองมือคว้าหมับจับเข้าที่หน้าอกของเราแบบเต็มๆ ส่วนท่อนล่างก็คอยถูไถบดเบียดกับบั้นท้ายของเราไปด้วย ขนาดว่ามีกางเกงขาสั้นกับกางเกงในขวางกั้นอยู่อีกสองชั้น แต่เราก็ยังรู้สึกได้ว่าเจ้าหนูของโมมันกำลังพองโตแข็งตัวอยู่อย่างเต็มที่

“อือ.. อออ อย่าซี่ มันจั๊กจี้....” เราร้องห้ามอย่างอ่อนแรง เมื่อโดนนิ้วมือของโมเขี่ยบี้เล่นหัวนมทั้งสองข้างอย่างเมามัน
“เขี่ยแบบนี้แล้วเสียวดีมั้ยครับพี่พัช?” โมเอ่ยปากถามพร้อมกับใช้นิ้วกลางเขี่ยสะกิดปลายจุกยอดของเราเร็วๆ รัวๆ เล่นเอาเราเสียวแปล๊บไปทั่วทั้งร่าง เนื่องจากโดนเล่นงานซ้ำๆ ที่จุดอ่อนจนอารมณ์หื่นชักเริ่มที่จะจุดติดขึ้นมา
“ก็บอกว่าให้หยุดไง อ๊ะ! อืม.. มมม นี่.. ยังอีก...”

โมใช้มือขวาขยำขยี้หน้าอกของเราอย่างเพลิดเพลิน ขณะที่มือซ้ายก็ค่อยๆ เลื่อนลงมาทักทายกับจิ๊มิ๊ของเราที่กลางหว่างขา ใช้หัวแม่โป้งบดคลึงปุ่มกระสันของเราเป็นวงกลมเบาๆ ส่วนนิ้วกลางก็คอยกรีดถูไถเข้าที่ปากทางซึ่งกำลังเปียกเยิ้ม ก่อนที่โมจะจับเราพลิกร่างให้หันกลับมาประจันหน้ากันตรงๆ

“อ๊ะ! โอ๊ยย โม ยะ... อย่า อ๊ะ! อาห์... ซี้ดส์....สสสสส์ อาาาาาาห์.......” เราครางพ่นลมหายใจออกมายาวๆ อย่างลืมตัว ทันทีที่ปลายนิ้วของโมเริ่มติดเครื่องและสอดแยงเข้ามาภายในร่าง พอกดทิ่มลึกเข้ามาจนสุดโคนข้อแล้ว โมก็ค่อยๆ ชักนิ้วเข้าออกเบาๆ พอตั้งหลักได้แล้วจึงเริ่มต้นเร่งความเร็วเพิ่มขึ้น

“อ๊ะ... อ๊ะ.... อืม.. มมมมม อาห์... อ๊ะ อาห์... สสส ซี้ดส์..... สสสส์” เราสูดปากร้องครางแทบฟังไม่ได้ศัพท์ แหงนหน้าเริ่ดๆ หลับตาปี๋ สองมือจิกเกร็งเข้ากับเคาท์เตอร์ เผลอข่มกัดริมฝีปากตัวเองด้วยความเสียวซ่าน
“เสียวใช่มั้ยครับ? พี่ชอบแบบนี้ใช่มั้ยครับ?” โมเห็นอาการของเราก็ยิ่งเอ่ยปากถามเร่งเร้า ใช้ปลายนิ้วเขี่ยถูที่บริเวณจุดจีสปอตของเรายิกๆ จนเราต้องเผลอขมิบจิ๊มิ๊แรงๆ เพื่อคอยข่มกลั้นความเสียว

“อ๊ะ! อ๊ะ... อึ๋ย.. ยยยยยย โม อย่า... อย่าแยงตรงนั้นซี่ ฮือ... ออออ” ปากเราก็คอยร้องห้ามปรามไปเรื่อย แต่สองขาเจ้ากรรมมันดันถ่างอ้าออกกว้างอย่างไม่คิดจะเชื่อฟังกันบ้าง

ขนาดว่าร่างกายตัวเองยังไม่ยอมเชื่อฟังเลย แล้วคิดว่าอีตาโมมันจะยอมหยุดเหรอคะ ยิ่งเห็นเราครางโมเลยยิ่งได้ใจ ก้มหน้าลงมาจูบเข้าที่หน้าอกของเรา พร้อมกับออกแรงชักนิ้วเข้าออกอย่างเร็วระรัวจนร่างของเราแทบลอยไม่ติดพื้น น้ำหล่อลื่นกระฉอกเจิ่งนองเปรอะไปหมด สภาพของเราตอนนี้แทบไม่เหลือหนทางปกป้องตัวเองได้อีกแล้ว แบบนี้สินะ ที่เค้าเรียกกันว่าน้ำเดินเนี่ย ตายๆๆๆ

“อ๋อย... สสส ซี้ดดดดส์ มะ... โม โอ๊ย.... ยยยย พี่เสียว.... โอ๊ย... ยยย ซี้ดส์... สสสสส์ อาห์...”
“จ๊วบ... บบ.... จ๊วบ... บบบ อืมมม กลิ่นตัวพี่หอมจังเลย จ๊วบ... บบบบบบบ!” โมเอ่ยปากชมสลับกับคอยดูดนมเราไปด้วย  เล่นเอาเราขนลุกซู่ๆ ไปทั่วทั้งร่าง พยายามดิ้นรนขัดขืนอย่างอ่อนแรง ในใจเริ่มโอนเอียงไปกับรสสัมผัสอันเปี่ยมสุขของอีกฝ่าย ยิ่งห่างจากเรื่องเซ็กส์มานานๆ มันก็ทำให้ร่างกายของเรายิ่งไวต่อการกระตุ้นเร้า เนื้อตัวเราอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของโมจนหมดสิ้น

“โอ๊ย... ยยยย โม... พอแล้วนะ... อย่าทำพี่เลย.... สสส ซี้ดส์... สสส์” เราเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“พี่พัชอย่าฝืนเลยครับ ผมรู้นะว่าพี่เองก็แอบเหงาอยู่เหมือนกัน ให้ผมทำให้พี่มีความสุขนะครับ” เจ้าเด็กบ้านี่ ดันมาทำเป็นรู้ใจเราอีก ก็จริงอยู่ที่เราอาจจะมีรู้สึกเหงาๆ เคว้งคว้างอยู่บ้าง แต่มันก็ยังไม่ได้ถึงขั้นที่เราจะยินดีเล่นชู้กับผู้ชายคนอื่นเสียเมื่อไหร่
“จะบ้าเหรอ...? ถ้าพี่อ๊อฟรู้เข้า พี่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? โมก็รู้นี่ว่าพี่เค้าขี้หึงแค่ไหน นี่! อย่าซี่...” เราพยายามพูดเตือนสติโม เพื่อดึงเหตุผลให้กลับมาอยู่เหนืออารมณ์

“ก็ถ้าพี่ไม่พูด... ผมไม่พูด... พี่เค้าก็ไม่มีทางรู้หรอกครับ” โมตอบง่ายๆ พร้อมกับดูดหน้าอกเราเสียงดังจ๊วบ... บบบบบบบบ!
“อ๊ะ..! อือ... ออออ... ไม่เอา พี่ไม่อยากทำ... หยุดเถอะ พี่ขอร้อง” เราพยายามรวบรวมสติอ้อนวอนขอความเห็นใจเป็นครั้งสุดท้าย แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผลใดๆ ทั้งสิ้น โมดันร่างของเราให้นั่งลงไปบนเคาท์เตอร์ จับแหกขาของเราอ้าออกกว้าง ก่อนจะยิ่งเร่งออกแรง เดินเครื่องทั้งนิ้วมือและปลายลิ้น จู่โจมสองทาง บนล่างเป็นพัลวัน จากเสียงห้ามในทีแรกก็เลยกลายเป็นเสียงครางกระสันเสียวไปโดยไม่รู้ตัว

เราไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะเราไม่ได้มีอะไรกับพี่อ๊อฟมาพักใหญ่ๆ หรือเป็นเพราะเราตื่นเต้น หรือเพราะโมมันเก่งกันแน่ แต่ที่รู้ๆ ก็คือ... เราถูกโมฉุดกระชากลากพาอารมณ์หื่นด้วยนิ้วและลิ้น จนใกล้จะเข้าเส้นชัยไปในเวลาเพียงแค่ไม่ถึง 2-3 นาทีเท่านั้นเอง

ในหัวของเราตอนนี้มันขาวโพลนไปหมด ความรู้สึกต่อต้านจางหายไปแบบหมดสิ้น มีเพียงแค่ก้อนความรู้สึกเปี่ยมสุขที่มันค่อยๆ พองล้นทะลักออกมาจากภายในร่าง คล้ายกับลูกโป่งที่ถูกสูบลมเข้าไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด ก่อนที่มันจะระเบิดแตกโพล๊ะออกมา

“อ๋า... โม... อ๊ะ... อืม... มมมม โอ๊ย... ยยยย พี่... พี่จะไม่ไหวแล้วนะ....” เสียงครางของเราดังขึ้นเรื่อยๆ อย่างลืมตัว
“อ๊ะ..! ตรงนั้น... อาห์... สสสส อ๊ะ! อ๋าา... าาาาาาาาา! อ๋าาาาาาาาาาาาาา!!” เราหวีดร้องออกมาเต็มเสียง หน้าขาสั่นกระตุกแรงๆ อย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ เมื่อร่างกายและจิตใจพุ่งขึ้นถึงจุดสุดยอดของห้วงอารมณ์เสียว รู้สึกได้เลยว่าข้างในตัวมันขมิบยวบๆ อย่างรุนแรง หยาดน้ำใสๆ พุ่งทะลักออกมาจนเลอะหน้าขา

มันเป็นความรู้สึกสุขสมและอิ่มเอิบที่เราโหยหามาพักใหญ่ๆ น่าเสียดายที่มันกลับเกิดขึ้นเพราะเด็กหนุ่มข้างบ้าน ไม่ใช่แฟนตัวเองอย่างพี่อ๊อฟ...

พอเห็นเราเสร็จสมอารมณ์หมายไปเรียบร้อยแล้ว ตาโมก็ไม่รอช้า รีบฉวยจังหวะ ปลดกระดุมกางเกงขาสั้นของตัวเอง พร้อมกับรูดกางเกงในออกไปทีเดียวพร้อมๆ กัน เจ้าหนูของโมจึงเด้งผึงออกมาท้าทายสายตาของเราแบบชัดเจน สภาพของมันกำลังพร้อมรบแบบเต็มที่ ท่อนลำเป็นสีแดงก่ำคล้ำเข้ม ที่บริเวณปลายหัวบานอ้าเหมือนกับดอกเห็ดอ้วนๆ ดูน่าเกลียดน่ากลัวเหลือเกิน ซ้ำยังดูจะใหญ่โตกว่าของพี่อ๊อฟอย่างเห็นได้ชัด

มันจะเป็นยังไงน้า...? ถ้าเกิดว่าเจ้าแท่งเนื้ออวบอ้วนนี้มันมุดทิ่มเข้ามาข้างในตัวเราเนี่ย... แค่คิดก็ผิดแล้วค่ะ เพราะเพียงแค่เสี้ยวอึดใจ อีตาโมมันก็ดันออกแรง กดเจ้าหนูใส่เข้ามาในจิ๊มิ๊ของเราจริงๆ ด้วย!

“โอ๊ะ! โอ๊ย... โอ๊ย.... ยยยยยยยย! โมพี่เจ็บ!” เราร้องกรี๊ดเสียงหลง เมื่อโดนเจ้าหนูปักทิ่มเข้ามาแค่ครึ่งลำ ขนาดว่าตรงนั้นของเรามันเปียกโชกแล้วนะ เรายังรู้สึกเจ็บจุกได้ขนาดนี้ พอโมได้ยินเราร้องก็เลยเริ่มเบาแรงลงไปหน่อย ค่อยๆ แดะ ค่อยๆ ดันมันเข้ามาเบาๆ ทีละนิด ทีละหน่อย ไม่นาน แท่งเนื้ออ้วนๆ ยาวๆ ก็มุดเข้ามาอยู่ในร่างของเราได้แบบหมดจด

พร้อมๆ กับที่เราได้สูญเสียสถานะของการเป็นภรรยาผู้รักเดียวใจเดียว กลายมาเป็นหญิงสาวร่านสวาทที่ปล่อยให้ชู้หนุ่มได้เข้ามาตักตวงหาความสุขถึงในบ้านตัวเอง บ้านที่เราร่วมกันเลือก ร่วมกันซื้อมาด้วยกันกับพี่อ๊อฟ...

ใช่ค่ะว่าเราเองอาจจะไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ผุดผ่อง แถมก่อนหน้าที่จะมาคบกับพี่อ๊อฟนี้ เราเองก็เคยมีแฟน เคยมีประสบการณ์เรื่องพวกนี้มาก่อนแล้ว เพียงแต่ว่า... ที่ผ่านๆ มา มันเกิดขึ้นด้วยความเต็มใจของเราเอง เกิดขึ้นกับผู้ชายคนที่เราคบหาเป็นแฟนอยู่ด้วยในขณะนั้น ซึ่งมันแตกต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้อย่างสิ้นเชิง แทบจะใกล้เคียงกับคำว่าถูกข่มขืนเสียด้วยซ้ำ...

 พอนึกแบบนี้แล้วน้ำตาของเราก็พลันไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

“พี่พัช อย่าร้องไห้เลยนะครับ” โมพูดปลอบใจ ใช้นิ้วปาดน้ำตาออกจากแก้มของเรา ทั้งๆ ที่อาวุธประจำกายยังเสียบปักคาอยู่ในร่างของเรา เวลาที่โมขยับตัวแต่ละครั้ง มันก็ทำให้เรารู้สึกเสียวๆ หวิวๆ ที่ตรงนั้น จนไม่อาจเก็บกลั้นเสียงครางเอาไว้ได้
“อุ๊ย! อืม... อย่าพึ่งขยับนะโม พี่ยังจุกอยู่เลย” เราพูดขอความเห็นใจ ซึ่งโมก็รับฟังแต่โดยดี
“ไม่ต้องเกร็งนะครับ เดี๋ยวผมจะทำให้พี่รู้สึกดีกว่านี้” โมว่า ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาจูบปากเราอีกครั้ง ความเสียวทำให้เราลืมตัว เผลอแลกลิ้นเข้าสู้

เราถูกโมบดปากจูบจนแทบลืมหายใจ ขณะที่ด้านล่างก็โดนแท่งเนื้อทิ่มมุดเข้ามุดออกเป็นจังหวะเนิบๆ พอโดนเข้าหลายๆ ที อาการจุกเสียดในทีแรกก็ค่อยๆ เลือนหายไป หลงเหลือไว้แต่เพียงความรู้สึกเสียวจี๊ดๆ ที่บริเวณหว่างขา ยิ่งโมเร่งความเร็วในการขยับตัวเข้าออกมากขึ้นเท่าไหร่ อาการเสียววูบวาบๆ มันก็ยิ่งทวีคูณมากขึ้นเป็นเงาตามตัว

“อึ๊! อื้อ... อื้ม.. มมมมม” เราอยากจะแหกปากร้องครางออกมาดังๆ แต่ติดที่ว่าริมฝีปากถูกอีกฝ่ายอุดปากอยู่ ก็เลยทำได้เพียงส่งเสียงครางดังๆ อยู่ในลำคอ
“อืม... มมมมม” โมครางยาวๆ ตอบกลับมา ปลายลิ้นยังคงคอยตามพัวพันเข้าหาลิ้นของเราไม่หยุดหย่อน

ทุกครั้งที่อาวุธของโมมุดเข้ามุดออกภายในร่าง เรารู้สึกเหมือนว่าวิญญาณในตัวเราก็โดนโมคว้านติดออกไปด้วย เรี่ยวแรงของเราค่อยๆ ถดถอยลดน้อยลง เหมือนกับลูกโป่งที่กำลังถูกปล่อยลมออก มันค่อยๆ ส่งเสียงฟู่ววววว.... ออกมายาวๆ ก่อนที่รูปร่างจะค่อยๆ แห้งเหี่ยวและฟีบลงเรื่อยๆ

ความรู้สึกต่อต้านในใจถูกสูบหายไปอย่างไร้ร่องรอย สวนทางกับอารมณ์หื่นที่กำลังถูกเป่าให้พองตัวกลับคืนมาเรื่อยๆ รสรักที่โมมอบให้มันทำให้เราแทบสติหลุดลืมโลกไปเลย จังหวะต่างๆ มันช่างหนักแน่นลงตัว สอดประสานสัมพันธ์กันอย่างไม่น่าเชื่อ เนื้อตัวของเราสั่นกระตุกวูบวาบจนรู้สึกได้ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่อารมณ์ของเราไต่ระดับกลับมาอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่พึ่งจะถึงจุดสุดยอดไปเมื่อไม่กี่นาทีนี้ ซึ่งที่ผ่านๆ มา พี่อ๊อฟเองก็ยังไม่เคยทำให้เราตื่นเต้นได้ขนาดนี้มาก่อน

อวัยวะตรงส่วนนั้นของโมมันช่างใหญ่โต ท่อนลำยื่นยาวราวกับกระบอกไฟฉาย เวลาที่กดเข้ามาในร่างของเราแต่ละครั้งนะคะ เล่นเอาเรางี้จุกเสียดไปถึงท้องน้อยเลยล่ะคุณ ได้แต่สูดปากครางซี้ดซ้าดจนน้ำลายไหลย้อยที่มุมปาก ลืมเลือนเรื่องศีลธรรมความเหมาะสมต่างๆ ไปจนหมดสิ้น ทำได้แค่เพียงเกร็งร่างรอรับความสุขที่กำลังกระแทกกระทั้นเข้ามาไม่หยุดหย่อน

กลิ่นกายแปลกๆ จากเรือนร่างของโม จังหวะและลีลาการเข้าทำที่แตกต่าง รวมถึงขนาดของเจ้าหนูที่เหนือล้ำกว่า มันผสมผสานรวมกัน และทำให้ร่างกายของเราร้อนรุ่มไปด้วยอารมณ์หื่นหิว ดูเหมือนแค่ครั้งเดียวจะยังไม่เพียงพอเสียแล้ว เราอยากได้ความสุขแบบเมื่อกี้อีกครั้ง... ความสุขที่มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น.... และมากขึ้นเรื่อยๆ....

โมจับร่างของเราให้พลิกกลับมาอยู่ในท่ายืนโก้งโค้งเกาะขอบเคาท์เตอร์เหมือนกับในตอนแรก เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ได้เป็นการใช้ปากให้ แต่เป็นการออกแรงกระทุ้งร่างของเราจากทางด้านหลัง

โอ้มายก็อด! ไม่อยากเชื่อว่าเราจะปล่อยให้เด็กอายุ 18 มันจับเล่นท่าด็อกกี้คาบ้านของตัวเองแบบนี้... แทบอยากจะเอาหน้ามุดดินหนีอายให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่จะหนีไปไหนได้ล่ะคะ ในเมื่อโดนอีตาโมจับล็อคสะโพกไว้ไม่ยอมปล่อยอย่างนี้ สุดท้ายเราก็เลยได้แต่ยืนแหกปากร้องครวญครางอย่างหมดสภาพอยู่ในครัวแบบนี้

แต่สิ่งที่น่าขายหน้ายิ่งกว่าการถูกเด็กมันปลุกปล้ำในท่านี้ก็คือ... การที่เราดันรู้สึกเสียวซ่านถึงใจไปกับลีลาการกระแทกกระทั้นของอีตาโม จนต้องเผลอเด้งก้นสวนสู้กับมันอย่างลืมตัวนี่แหละ

“อ๋อย... ยยยย สสสส ซี้ดดดส์ อาห์... อ๊ะ อ๋า.. าาา อ๋า... าาาาาา!” เสียงครางของเราดังแข่งกับเสียงเนื้อที่กระทบเข้าหากันเป็นจังหวะ
“อูย... ซี้ดส์ เสียวควยชะมัด ตอดไม่หยุดเลย” โมหลุดถ้อยคำหยาบคายออกมาตรงๆ อย่างลืมตัว เราได้ยินแล้วยิ่งรู้สึกเสียววูบวาบไปทั่วท้องน้อย ถ้อยคำหยาบโลนพวกนี้มันช่างกระตุ้นเร้าอารมณ์หื่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งๆ ที่ปกติแล้วแทบทนฟังมันไม่ได้ด้วยซ้ำ
“โอ๊ย... ยยยย โม พี่เสียวจังเลย... โอ๊ย... ยยย ระ.. แรงๆ เลย อ๊ะ อืม.. มมมม” เราลืมเลือนเรื่องอื่นๆ ไปจนหมดสิ้น แหกปากร้องสั่งการให้อีกฝ่ายเร่งป้อนความสุขให้ตัวเองอย่างหน้าไม่อาย

“โอ๊ย... ยยยย โม... ฮือ... ออออ บะ.. แบบนั้นแหละ! ตรงนั้น! อื้มมมม” เราร้องครางหลับตาปี๋ เกร็งสะโพกเด้งสู้กับเจ้าหนูของอีกฝ่ายอย่างสุดชีวิต ไม่นานคลื่นความเสียวก็ทะลักล้นออกมาจากภายในร่างอีกเป็นครั้งที่สอง
“อ๊ะ! อ๊ะ... อาห์... พี่... พี่เสียวอีกแล้ว... โอ๊ย! พี่จะถึงอีกแล้ว โม แรงๆ เลย... อ๊ะ อ๋าาาาาาาาาาาา!!” เราแหกปากหวีดร้องอย่างรุนแรง ร่างกระตุกเฮือกๆ เมื่อเสียวซ่านจนถึงจุดสุดยอด โพรงเนื้อสาวขมิบตอดเข้ากับเจ้าหนูของโมแบบถี่ยิบๆ

“อู๊ย... พี่พัชครับ หีพี่ตอดแรงแบบนี้ ผมก็ทนไม่ไหวเหมือนกันนะ อูย... ยยยย ซี้ดส์... สส์ ผม... ผมเสร็จแล้วครับพี่!” ใบหน้าของตาโมบิดเบี้ยวด้วยความเสียวเกร็ง เร่งอัดแท่งเนื้อใส่ร่างของเรารัวๆ อีกไม่กี่ที ก็ปล่อยน้ำเชื้ออุ่นๆ พุ่งวาบเข้ามาในร่างของเราเต็มๆ!
“ว้าย! ตายแล้ว! โม เอาออกมาก่อน!” เราตกใจแหกปากร้องลั่น เมื่อได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่อีกฝ่ายเหมือนกำลังติดพัน ใช้มือล็อคจับสะโพกเราไว้แน่นพร้อมกับกระตุกปล่อยน้ำเชื้อออกมาจนหมดไม่เหลือซักหยด

ที่ตลกก็คือ ทั้งๆ ที่แหกปากอยู่แบบนั้น แต่ร่องรักของเรากลับเอาแต่ขมิบใส่เจ้าหนูของโมไม่ยอมหยุด ราวกับควบคุมตัวเองไม่ได้

“อูย... ไม่ทันแล้วครับพี่” โมเอ่ยเสียงอ่อย พร้อมกับค่อยๆ ถอนอาวุธประจำกายออกมาช้าๆ มองเห็นหยดน้ำสีขาวขุ่นไหลติดออกมาด้วย เราก้มลงไปมองสภาพจิ๊มิ๊ของตัวเองแบบชัดๆ แล้วแทบลมจับ สภาพของมันบวมอ้าเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด ปากทางเข้าเปิดอ้าออกเป็นรูโบ๋ มีน้ำเชื้อของโมไหลย้อยออกมาเป็นทาง

นี่เราพึ่งมีอะไรกับโมไปจริงๆ! แถมยังปล่อยให้อีกฝ่ายเสพสุขจากร่างกายของเราโดยไม่คิดที่จะป้องกันอีกด้วย!

ความจริงที่เกิดขึ้นทำให้น้ำตาของเราไหลออกมาอีกเป็นครั้งที่สอง โมเห็นเข้าก็พยายามจะเข้ามากอดปลอบ แต่คราวนี้เราไม่พร้อมที่ถูกอีกฝ่ายสัมผัสร่างกายอีกแล้วจึงรีบเอ่ยปากห้าม

“โม... กลับไปก่อนนะ พี่ขอร้อง...” เราพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ แต่แฝงเอาไว้ด้วยความจริงจัง โมฟังแล้วก็ได้แต่พยักหน้ายอมรับเงียบๆ หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวม ก่อนจะเดินหายออกไปทางหน้าบ้าน ซึ่งทำให้เราพึ่งนึกออกอีกเรื่องนึงว่า... นี่เราพึ่งจะมีอะไรกับผู้ชายคนอื่นในบ้านตัวเองกลางวันแสกๆ โดยที่ประตูบ้านไม่ได้ล็อคด้วยซ้ำ!

เรารีบหอบเสื้อผ้าที่กองกระจัดกระจายขึ้นมาแนบอก พาร่างของตัวเองเข้าไปขังหลบอยู่ในห้องน้ำ ปล่อยให้น้ำตามันไหลทะลักออกมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ ที่เราร้องไห้นี่ไม่ใช่เพราะว่าเสียใจที่ถูกโมล่วงเกินนะ แต่เสียใจที่ได้รู้ว่าตัวเราเองนี่แหละที่กำลังเป็นฝ่ายถลำลึก ตกลงไปในบ่วงความสัมพันธ์นี้มากขึ้นเรื่อยๆ เราร้องจนพอใจแล้วจึงอาบน้ำชำระล้างร่างกาย ทั้งภายใน... และภายนอก...

คราบไคลสกปรกหลุดออกจากร่างกายเราไปหมดแล้ว แต่ความรู้สึกของเรากลับยังคงแปดเปื้อนไม่ยอมเปลี่ยน... น้ำตาที่เคยไหลก็ดูจะเหือดแห้งจนหลงเหลือแต่เพียงคราบ แต่หัวใจของเรากลับยังคงเจ็บปวดไม่หาย...

พอตั้งหลักและตั้งสติได้ เราจึงรีบออกไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมากินเพื่อป้องกันผลลัพธ์ไม่พึงประสงค์ในภายหลัง....

=======================================

เราเคยได้อ่านกระทู้ดราม่าพันทิป เกี่ยวกับเรื่องของชายหญิงที่แอบนอกใจคู่ครองของตัวเอง ทั้งแบบที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งในตอนนั้นเรายังรู้สึกนึกสมเพชคนเหล่านั้นที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ทำตัวไม่ต่างอะไรจากสัตว์ที่ปล่อยให้อารมณ์ความใคร่ ครอบงำอยู่เหนือศีลธรรมและความเหมาะสม ใครจะไปรู้ล่ะคะ ว่าวันนึง... เราจะได้มาตกอยู่ในสถานการณ์เหล่านั้นเสียเอง เข้าทำนอง 'ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง' ของแท้เลย

เราทั้งรู้สึกอับอายและนึกชิงชังรังเกียจความซื่อบื้อของตัวเอง ที่เป็นฝ่ายเปิดประตูเชื้อเชิญให้โมได้เข้ามาย่ำยีเสพสุขถึงในบ้านตัวเองแบบนี้ ไม่รู้จะไปสู้หน้าพี่อ๊อฟยังไง ทั้งๆ ที่เค้าก็เคยเตือนว่าให้ระมัดระวังท่าทีเวลาอยู่ใกล้ชิดกับโมมาตั้งนานแล้ว แต่เรากลับหลงคิดไปว่าพี่เค้าก็แค่หึงหวงเกินเหตุ จนเผลอเดินดุ่มๆ หลงเข้าไปในปากของเสือผู้หญิงแบบโมโดยไม่รู้ตัว...

“ตัวเอง...” เสียงพี่อ๊อฟเอ่ยปากเรียกเราเบาๆ จากโซฟาหน้าทีวี
“มีไรเหรอ?” เราละสายตาจากหน้าจอสีขาวอันว่างเปล่าของโปรแกรมเวิร์ด ก่อนจะหันหน้าไปตามเสียงเรียก
“ตัวเองเครียดเรื่องรายงานอยู่เหรอ เค้าเห็นเธอเหม่อจ้องหน้าจอเปล่าๆ มาเป็นนาทีแล้วนะ มาพักก่อนมั้ย เดี๋ยวจะเครียดไปเปล่าๆ” พี่อ๊อฟเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“เค้าไม่ได้เครียดหรอก ก็แค่... นึกอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ” เราตอบพร้อมกับลุกเดินมานั่งข้างๆ พี่แก
“จ้ะ ไม่ได้เครียดก็ดีแล้วล่ะ อาทิตย์หน้าเค้าก็ต้องไปทรูปที่ภาคใต้ตั้งสิบวัน เค้ากลัวว่าจะไม่ได้มาอยู่ดูแลเวลาที่ตัวเองเครียดน่ะสิ”
“อื้อ อ้วนอย่าคิดมากเลย เค้าสบายดี เรื่องรายงานมันก็ไปเรื่อยๆ ของมันอ่ะ ยังไงก็ช้าเหมือนเดิม แฮะๆ”
“ไม่เป็นไรจ้า ถ้ามีไรให้เค้าช่วยได้ก็บอกแล้วกันนะ เดี๋ยวจะได้ช่วยดูให้” พี่อ๊อฟว่าพร้อมกับใช้แขนโอบไหล่เราเข้าไปกอดแนบแน่น

ยิ่งอ้อมกอดของพี่เค้าอบอุ่นมากเท่าไหร่ ในใจของเราก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นเท่านั้น...

เราใช้เวลาอยู่เป็นปีๆ ก่อนหน้านี้ กว่าที่จะสามารถปรับตัวให้ชินกับการอยู่เฝ้าบ้านคนเดียว เวลาที่แฟนต้องเดินทางไปค้างคืนที่ต่างจังหวัดเป็นเวลาหลายวัน แต่พอมีเรื่องของโมเกิดขึ้น... มันก็ทำให้เราต้องกลับมารู้สึกเคว้งคว้างและไร้ที่พึ่งพิง รู้สึกหวาดหวั่นกับการต้องอยู่ในบ้านตามลำพังขึ้นมาอีกเป็นคำรบสอง

ใจนึงก็กลัวว่าโมจะฉวยโอกาสที่แฟนเราไม่อยู่ ตามมาตอแยและวุ่นวายกับเราหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ จนเราต้องคอยล็อคกลอนประตูที่บ้านไว้ตลอดเวลา แถมยังไม่ค่อยจะกล้านั่งทำงานที่ชั้นล่างเหมือนเมื่อก่อนอีกด้วย

ส่วนอีกใจนึงก็กลัวว่าตัวเองจะเกิดทนเหงาขึ้นมาไม่ไหว เพราะตั้งแต่ที่เราโดนน้องมันล่วงเกินคราวนั้น จนผ่านมาเกือบๆ จะครบอาทิตย์อยู่แล้ว แต่เชื่อมั้ยคะ... ว่ารสสัมผัสที่เกิดขึ้นในวันนั้น มันยังคงฝังอยู่ภายในความทรงจำของเราโดยไม่ลบเลือนหายไปไหน

เราขอสารภาพตรงๆ เลยนะ ว่าเราไม่เคยรู้สึกเสียวขนาดนี้มาก่อนในชีวิต มันเป็นความสุขทางเพศที่แม้แต่แฟนเราก็ไม่เคยทำให้เราได้ ทั้งๆ ที่แฟนเราเองก็ไม่ได้ย่ำแย่ แต่อีตาโมนี่ต้องเรียกว่าเป็นสุดยอดจริงๆ มันเหมือนกับว่าโมต้องการจะสัมผัสสำรวจร่างกายของเราให้ทั่วทุกมุม ถ้าหากว่ากลืนกินเราลงไปทั้งตัวได้มันคงทำไปแล้ว... เราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตัวเองจะสามารถถึงจุดสุดยอดติดต่อไล่ๆ กันได้แบบนั้น ขนาดว่าแค่ลิ้นของโมก็ยังทำให้เราสุขล้นจนตัวสั่น

เราไม่ใช่คนติดเซ็กส์ค่ะ ไม่เคยให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้มากมายเท่าไหร่ จนกระทั่งมาโดนตาโมเล่นงานแบบเนื้อๆ เน้นๆ ก็เลยพึ่งจะได้รู้จักว่าความสุขแบบสุดยอดบนเตียงนั้นมันเป็นยังไงกันแน่... รสชาติอันแสนจะเร้าใจที่ได้รับ มันทำให้เราเผลอเปรียบเทียบลีลาของทั้งคู่ไปโดยไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่ไม่เคยคิดจะทำแบบนั้นเลยซักนิด แต่ว่ามันอดไม่ได้จริงๆ ซึ่งก็ต้องยอมรับกันตรงๆ แหละค่ะ ว่าลีลาของนายโมนั้นช่างเก่งฉกาจยิ่งกว่าแฟนเรามากมายนัก

และยิ่งคราวนี้พี่อ๊อฟต้องเดินทางไปทำงานหลายจังหวัดติดต่อกันเป็นสิบวัน ก็ดูเหมือนจะยิ่งทำให้เรื่องราวทุกอย่างมันแย่ลงไปอีก เพราะเท่ากับว่าเราต้องติดอยู่กับความรู้สึกโหยหานี้ไปอีกนานเป็นอาทิตย์... ถ้าเกิดว่าอีตาโมบุกเข้ามาประชิดตัวได้ในช่วงเวลานั้นล่ะก็... เราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะสามารถเอาตัวรอดจากมันได้อีกมั้ย?

“เค้าไปแล้วนะ ไว้เดี๋ยวบ่ายๆ จะโทรหานะตัวเอง” พี่อ๊อฟเอ่ยปาก ขณะผูกเชือกรองเท้าเตรียมตัวจะออกจากบ้าน
“ฮือ.... อ้วนไปตั้งหลายวัน เค้าเหงาอ่า” เราพูดเสียงเศร้าพร้อมกับใช้มือกอดร่างของพี่เค้าไว้เหมือนไม่อยากให้ไป
“โอ๋ๆๆ ไม่เหงานะคนดี เดี๋ยวอีกสองอาทิตย์เค้าก็กลับมาแล้ว รอนิดนึงนะคะ ยังไงเค้าก็จะโทรหาตัวเองตลอดแหละ” พี่อ๊อฟพูดแล้วก็เอามือลูบหัวเราเบาๆ เพื่อปลอบใจ

“รีบๆ กลับมานะ ห้ามเถลไถลที่ไหนนะ”
“จ้าๆ ไม่เถลไถลหรอกคร้าบ”
“แล้วก็ห้ามไปติดหญิงที่จังหวัดอื่นด้วยอ่ะ” เราพูดหยอกเย้าขู่ไปตามปกติ
“โอ๊ย เค้าอ่ะไม่มีหรอก กลัวว่าตัวเองต่างหาก จะแอบแว้บหนีไปเที่ยวกับหนุ่มๆ ที่ไหนตอนเค้าไม่อยู่” คำพูดหยอกล้อของพี่อ๊อฟกลับทำให้เราต้องสะอึก เหมือนกับโดนมีดปักเข้ามากลางอก

“บ้า! วันๆ อยู่แต่ในบ้านแบบนี้ จะไปมีหนุ่มเหนิ่มที่ไหนอีกเล่า” เรารีบข่มอารมณ์ตระหนกพร้อมกับปั้นหน้ายิ้มตอบกลับไป
“จ้า เค้าล้อเล่น ไปก่อนนะ แล้วเดี๋ยวเจอกัน” พี่อ๊อฟส่งยิ้มหวานให้ทิ้งท้าย
“บ๊ายบาย” เราโบกมือให้แฟนเบาๆ ด้วยรอยยิ้มแห้งๆ พอประตูบ้านปิดลง สีหน้าของเราจึงกลับมาเศร้าซึมอีกครั้ง

และแล้วที่พึ่งของเราก็จากไป... ทีนี้ก็เหลือแค่เราคนเดียวแล้วที่จะต้องอยู่รับมือกับสถานการณ์อันสุ่มเสี่ยง ซึ่งพร้อมจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อภายใต้ระยะเวลาสิบวันนี้...

ช่วงวันสองวันแรกเราก็แอบกังวลใจอยู่เหมือนกันนะคะว่าอีตาโมนั้นจะโผล่หน้าเข้ามาอีกเมื่อไหร่ เวลาจะออกจากบ้านแต่ละทีก็ต้องคอยระแวดระวัง มองซ้ายมองขวาให้ดีๆ ส่วนเวลาที่นั่งทำงานอยู่ในบ้านก็ต้องคอยล็อคประตูให้สนิท ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายเข้ามาได้ง่ายๆ ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ดูเหมือนจะเป็นความกังวลที่มากเกินกว่าเหตุ เพราะถึงตอนนี้ก็ผ่านไปจนจะ 2 วันแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าอีกฝ่ายจะบุกเข้ามาประชิดตัวเราแต่อย่างใด

กลับกลายเป็นเราเองเสียอีก ที่ฝืนทนกับความรู้สึกเดียวดายและเปลี่ยวเหงาไม่ไหว แค่เพียงได้ยินเสียงพี่อ๊อฟทางโทรศัพท์ก็รู้สึกหวิวๆ โหวงๆ ชอบกล ในใจเฝ้าโหยหาแต่อ้อมกอดอุ่นๆ และรสสัมผัสที่ห่างหายไปจากสามี ร่างกายมันร้อนรุ่มๆ ไปทั้งตัว ตรงกลางหว่างขาเหนียวเหนอะหนะจนรู้สึกได้ บ้าจริง... ทำไมช่วงหลังๆ มานี้เราถึงมีอารมณ์ได้ง่ายดายขนาดนี้นะ?

สายตาของเรามองทอดยาวออกไปนอกหน้าต่าง มองลงไปเห็นร่างสูงโปร่งของนายโมที่กำลังวิ่งจ็อกกิ้งอยู่รอบๆ หมู่บ้าน หรือว่าจริงๆ แล้ว เราจะคิดถึงรสสัมผัสจากโมกันแน่นะ....?

บ้าๆๆ นี่เราเผลอคิดอะไรบ้าๆ ขึ้นมาเนี่ย โอ้ย! ตายๆๆ แค่เผลอนึกถึงใบหน้าของโมในวันนั้นขึ้นมา ใบหน้าของเราก็รู้สึกร้อนผ่าวๆ ไปหมด และคราวนี้ก็เลยสลัดภาพเหล่านั้นออกไปจากในหัวไม่ได้เลย

ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องแย่ๆ ในชีวิตแท้ๆ แต่ทำไมกันนะ... เวลาที่นึกย้อนไปแล้ว มันกลับทำให้หัวใจของเราเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ ความรู้สึกอุ่นๆ ของท่อนเนื้อที่กดลึกเข้ามาข้างใน.... แรงบดอัดจากเรือนร่างกำยำของโม... ความสุขสมที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนมันทะยานขึ้นถึงขีดสุด ก่อนที่จะทะลักทลายออกมา... แค่นึกถึงภาพเหล่านั้นก็ทำให้หว่างขาของเราเปียกชุ่มโชกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

ปลายนิ้วเรียวยาวของเราค่อยๆ ลูบไล้สัมผัสกับหน้าอกของตัวเองผ่านทางเสื้อยืด อีกมือก็สอดลึกเข้าไปด้านในของกางเกงขาสั้น พอปลายนิ้วแตะเข้ากับปุ่มกระสันแล้วร่างของเราก็พลันกระตุกเฮือกๆ ราวกับถูกไฟช็อตแปล๊บๆ อือ.... ทำไมมันถึงได้รู้สึกดีแบบนี้นะ...  ถึงแม้ว่าเราจะเคยช่วยตัวเองมาบ้างก่อนหน้านี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เราทำมันโดยจินตนาการถึงชายอื่นซึ่งไม่ใช่แฟนตัวเอง หนำซ้ำยังเป็นเด็กหนุ่มวัยไม่ถึง 20 ปีดีเสียด้วย

ในใจเราบังเกิดความรู้สึกต่อต้านและกระดากอายขึ้นมาตะหงิดๆ แต่ร่างกายมันกลับคอยเคลื่อนไหวไปเองโดยไม่ยอมฟังคำสั่ง สองมือของเราทำงานอย่างคล่องแคล่ว ทั้งเขี่ย ทั้งสะกิดไปมาย้ำๆ โดยที่ในหัวก็คอยจินตนาการถึงภาพเหตุการณ์วันนั้นควบคู่ไปด้วย

ภาพร่างเปลือยเปล่าของเราที่กำลังถูกโมระดมจูบซุกไซร้ไปทั่ว ไม่มีส่วนไหนในร่างกายของเราที่ไม่ถูกปลายลิ้นของโมลากสำรวจสัมผัส ไล่ตั้งแต่ซอกคอ ลากยาวมาถึงทรวงอก ผ่านสะดือกับเอวคอดกิ่ว ก่อนจะเลื้อยลงมาจิบชิมน้ำหวานที่ปากทางเข้าจิ๊มิ๊ของเราตรงๆ สัมผัสสยิวที่เกิดขึ้นในวันนั้นยังประทับฝังแน่นอยู่ในความทรงจำของเราจนยากที่จะลืมเลือนได้

อือ.... ก็พี่อ๊อฟเองนั่นแหละที่เป็นคนผิด ทิ้งให้เราต้องทนใช้ชีวิตเหงาๆ อยู่คนเดียวแบบนี้มาเป็นปีๆ แล้วมันจะแปลกตรงไหน ถ้าหากว่าเราจะเกิดเผลอใจหวั่นไหวไปกับเด็กหนุ่มหล่อล่ำแบบโมล่ะ...? ในหัวของเราพยายามคิดหาเหตุผลข้างๆ คูๆ เพื่อช่วยสนับสนุนการกระทำอันต่ำช้าของตัวเอง ความฟินที่เกิดขึ้นจากปลายนิ้ว ยิ่งทำให้ความรู้สึกผิดก่อนหน้านี้ดูจะหลุดลอยออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ

เราหลับตาปี๋ เอนกายนอนหงายอยู่บนเตียงนอน ชายเสื้อยืดถลกเปิดขึ้นไปจนมองเห็นสองเต้าเปลือยเปล่า กางเกงขาสั้นรูดกองคาอยู่ที่ปลีน่อง สองขาถ่างอ้ากว้าง เร่งถูไถปลายนิ้วเข้ากับเม็ดคลิตอริสของตัวเองเป็นวงกลมรัวๆ รู้สึกเสียวจี๊ดๆ ที่บริเวณท้องน้อยจนเริ่มที่จะเก็บเสียงครางเอาไว้ไม่อยู่

“อือ... ซี้ดส์... สสสส์ โม.... พี่เสียว.. ววววว” เราหลุดปากครางออกมาเบาๆ ออกแรงกดสอดปลายนิ้วกลางเข้าไปในร่าง เพื่อหวังจะดับความร้อนรุ่มที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
“อ๋อยส์.... สสส ซี้ดส์ อืม โม... โอ๊ยยยยย โม...” สะโพกของเราเกร็งค้างลอยอยู่กลางอากาศ เร่งชักปลายนิ้วเข้าออกเร็วๆ รัวๆ จนน้ำหล่อลื่นกระฉอกเปรอะเลอะที่นอน อารมณ์สยิวภายในร่างจวนเจียนจะระเบิดออกมาในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า

'ตือ... ตื่อดื๊อ... ตื๊อดือดื่อดือดื๊ออออออ...' เสียงริงโทนมือถือที่ดังขึ้น กระชากอารมณ์หื่นของเราให้กลับคืนสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง ปลายนิ้วของเราสะดุดหยุดกึ้กค้างอยู่ที่ปากถ้ำ รีบถลันลุกไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูด้วยความเร่งรีบ หน้าจอมือถือแสดงรายชื่อว่าเป็นพี่อ๊อฟที่โทรเข้ามา โห... อะไรพี่เค้าจะโทรเข้ามาได้ถูกจังหวะ พอดิบพอดีขนาดนี้เนี่ย...

เราสูดลมหายใจลึกๆ ปรับอารมณ์อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกดรับสาย ต่างฝ่ายต่างใช้เวลาคุยถามสารทุกข์สุขดิบกันอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนที่พี่เค้าจะขอตัดบทเพื่อกลับไปประชุมกับทีมงานต่อ พอวางสายจากแฟนเสร็จปั๊บเราก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงด้วยความอ่อนใจในทันที

เฮ้อ... ขนาดแค่ 2 วันแรกยังลำบากขนาดนี้... แล้วอีก 8 วันที่เหลือนี่เราจะรอดมั้ยเนี่ย...?

แล้วความสงสัยของเราก็แทบไม่ต้องรอนาน เพราะพอย่างเข้าเช้าวันที่ 3 ปุ๊บ คลื่นความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นจากนายโมก็ซัดเข้ามาเยี่ยมเยียนถึงหน้าประตูบ้านของเรา

'ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!' เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงตะโกนเรียกของโม

“พี่พัชครับ อยู่มั้ยครับ?” น้ำเสียงอันแสนจะคุ้นเคยเอ่ยร้องเรียกชื่อของเราอย่างชัดถ้อยชัดคำ  นั่นไง... พ่อตัวปัญหามาเยี่ยมเราอีกจนได้ เรากดหรี่เสียงทีวี พยายามกลั้นลมหายใจนั่งให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ แสร้งทำทีเป็นว่าไม่อยู่บ้าน ซึ่งก็ดูเหมือนจะได้ผล เสียงเคาะประตูดูจะเงียบหายไปในที่สุด ไอ้เราก็อุตส่าห์คิดว่ารอดแล้วแน่ๆ... แต่อีกเพียงแค่ไม่ถึงชั่วอึดใจ เสียงริงโทนมือถือเจ้ากรรมของเราที่วางเอาไว้บนโต๊ะทำงาน ก็ดันร้องลั่นขึ้นมาจนได้ยินไปทั้งบ้าน

อีเด็กบ้านี่ดันโทรเข้าเครื่องเราซะนี่! ลืมไปเลยว่าโมมันมีเบอร์มือถือเราอยู่ แถมไม่ได้ปิดเสียงโทรศัพท์เอาไว้ด้วย คราวนี้ล่ะค่ะ เสียงเคาะประตูหน้าบ้านเลยดังขึ้นมาอีกรอบ

“พี่พัชครับ เปิดประตูหน่อยครับ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย” เสียงเรียกของโมชักจะดังขึ้นๆ จนเรากลัวว่าบ้านหลังอื่นๆ เค้าจะได้ยินหรือออกมาดู แล้วเกิดนึกสงสัยไปถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเรากับโมขึ้นมา ถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะเป็นช่วงสายๆ ของวันทำงาน และไม่น่าจะมีใครอยู่บ้านก็เถอะ แต่ถ้าเกิดมีใครซักคนมาเห็นภาพเด็กหนุ่มวัยฉกรรจ์ มาคอยยืนวอแวเคาะประตูร้องเรียกหาหญิงสาวที่แต่งงานมีครอบครัวแล้วอยู่แบบนี้ มันก็คงจะเป็นภาพที่ดูไม่ค่อยจะดีซักเท่าไหร่ และเผลอๆ จะตกเป็นขี้ปากของคนในหมู่บ้านเอาได้

สุดท้ายเมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เราจึงตัดสินใจยอมเปิดประตูเพื่อเคลียร์กับโมให้รู้เรื่อง โดยแอบหวังว่าไอ้ความเป็นผู้ใหญ่และวัยที่มากกว่า มันจะช่วยให้เราสามารถควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ให้ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

“โมมีอะไรรึเปล่า..?” เราเอ่ยถามโมหน้าประตู โดยพยายามข่มน้ำเสียงให้ราบเรียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ผมมีเรื่องอยากคุยกับพี่ ขอเข้าไปคุยข้างในได้มั้ยครับ ตรงนี้ดูจะไม่เหมาะ” โมตอบพลางเหลียวซ้ายแลขวาไปรอบๆ เหมือนกลัวคนอื่นจะเห็น แม้ว่าเราจะแอบกังวลในเรื่องเดียวกัน แต่ก็ยังไม่กล้าไว้ใจ ปล่อยให้อีตานี่เข้ามาอยู่ในบ้านสองต่อสองอยู่ดี

“พี่ว่า... ไม่ดีมั้ง คุยกันตรงนี้แหละ ปลอดภัยดี” เราตอบดักคอ
“โธ่... นี่พี่ยังไม่ไว้ใจผมอีกเหรอครับ?”
“พี่จะไว้ใจโมได้ยังไง? หลังจากเรื่องที่โมทำไว้กับพี่น่ะ” น้ำเสียงของเราเริ่มแข็งกร้าว แม้จะแอบสั่นๆ อยู่บ้างนิดๆ พอเจอย้อนเข้าแบบนี้โมก็เหมือนจะไปต่อไม่ถูก

แต่โชคก็เหมือนจะเข้าข้างนายโมอีกแล้ว สายตาของเราพลันเหลือบไปเห็นคุณป้าบ้านตรงข้ามกำลังเปิดประตูออกมาพอดี ถ้าปล่อยไว้แบบนี้รับรองว่าแกต้องสังเกตเห็นเรากับโมแน่ๆ แล้วยิ่งป้าแกขึ้นชื่อเรื่องเป็นคนช่างนินทาอยู่แล้วด้วย ขืนปล่อยให้ตัวเองตกเป็นหัวข้อเม้าท์มอยของแกคงจะไม่ใช่เรื่องดีแน่ พอคิดได้แบบนั้น ร่างกายของเราจึงตอบสนองไวเท่าความคิด ดึงร่างของโมให้หลบเข้ามาในบ้าน พร้อมกับผลักบานประตูปิดทันทีเพื่อหลบเลี่ยงให้พ้นจากสายตาของคุณป้า

และนั่นทำให้เรากับโมได้มาอยู่ใกล้ชิดกันสองต่อสองในบ้านหลังนี้อีกครั้ง....

แม้ว่าตอนนี้เราจะสวมใส่เสื้อผ้ามิดชิดเป็นชุดเดรสกระโปรงบานคลุมเข่าแล้วก็ตาม แต่ไม่รู้ทำไม... พอถูกสายตาเจ้าเล่ห์ของโมจ้องมองมาตรงๆ เรากลับรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังอยู่ในสภาพล่อนจ้อน เหมือนกับโดนอีกฝ่ายอ่านใจเราได้ทะลุปรุโปร่ง จนต้องรีบใช้สองมือปกปิดเรือนร่างของตัวเองเอาไว้โดยอัตโนมัติ

“นี่พี่อ๊อฟไปต่างจังหวัดอีกแล้วเหรอครับ?” โมเอ่ยปากโยนหินถามทางขึ้นมาทันที ก่อนจะค่อยๆ เดินสำรวจไปรอบๆ ห้องเหมือนว่ากำลังอยู่ในบ้านตัวเอง
“เปล่านี่ พี่เค้าก็อยู่ออฟฟิศตามปกตินั่นแหละ” เราพยายามแกล้งลักไก่
“อย่าหลอกกันเลยครับ ผมรู้นะ ว่าพี่อ๊อฟไม่ได้กลับบ้านมาสองวันแล้ว” โม้ยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างรู้ทัน

นั่นไง... สรุปว่าอีตานี่ก็แค่รอจังหวะให้มั่นใจจริงๆ ว่าพี่อ๊อฟไม่อยู่บ้าน แล้วจึงกล้าที่จะรุกเข้ามาหาเราอีกสินะ แผนเยอะนักนะหล่อน.... พอเจอแบบนี้ก็เล่นเอาเราแอบหวั่นๆ ขึ้นมาเหมือนกัน เพราะรู้ดีว่าช่วงหลังๆ นี้ตัวเองดูจะหื่นง่ายมากเป็นพิเศษ ยิ่งพึ่งจะอารมณ์ค้างมาจากการช่วยตัวเองเมื่อวันก่อน ขืนโดนตาโมจู่โจมขึ้นมาตอนนี้ เห็นทีคงยากที่จะต้านทานได้แน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว เราก็ยังพยายามทำใจดีสู้เสือกลับไป

“ไหนว่ามีอะไรจะคุยกับพี่ไง รีบๆ เข้าเรื่องเลยได้รึเปล่า?” เราถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงความกระด้างไว้ในที
“โธ่... ทำไมพี่พัชเย็นชากับผมจังเลยครับ ทั้งๆ ที่เราเองก็ 'สนิทกัน' ขนาดนี้แล้วแท้ๆ” โมเอ่ยหยอกมาแรงๆ
“นี่... พูดให้มันดีๆ นะ ถึงยังไงพี่ก็โตกว่าเธอ จะล้อเล่นอะไรก็ให้มีขอบเขตกันบ้าง” เราเอ็ดออกไปอย่างไม่พอใจ

“คนเราจะชอบกัน... อายุมันสำคัญด้วยเหรอครับ? หรือพี่จะบอกว่าพี่ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับผมซักนิดเลยเหรอ?” คำถามของโมเหมือนตีแสกหน้าเราเต็มๆ จะเอ่ยปฏิเสธออกไปก็พูดได้ไม่เต็มปาก ก็เมื่อวานนี้เรายังพึ่งจะแอบช่วยตัวเองโดยจิ้นถึงน้องมันอยู่เลย...
“พอเหอะ พี่ว่าโมเลอะเทอะใหญ่แล้วนะ” เราพยายามตอบบ่ายเบี่ยงแบบไม่กล้าสบตา

“ผมชอบพี่พัชจริงๆ นะครับ... พี่รู้รึเปล่า ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้นมันทำให้ผมมีความสุขที่สุดในชีวิตเลย แล้วผมก็รู้ด้วยว่าพี่เองก็มีความสุขไม่แพ้กัน ถึงพี่จะพยายามปฏิเสธก็เหอะ แต่ร่างกายพี่มันก็ฟ้องออกมาหมดแล้ว... ผมรู้ดีครับว่าพี่เองก็มีครอบครัวอยู่แล้ว และก็ไม่ควรจะไปวุ่นวายอะไรกับพี่อีก แต่ผมห้ามใจไม่ไหวจริงๆ เวลาได้เห็นหน้าพี่ทีไร ในหัวผมก็เฝ้าคิดแต่อยากจะเข้าไปอยู่ใกล้ๆ อยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันกับพี่ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้...”

โมเอ่ยปากพรั่งพรูความรู้สึกในใจออกมาจนหมดเปลือก มันเป็นความรู้สึกที่แสนจะผิดที่และผิดทาง แต่กลับฟังดูอ่อนหวานและงดงามเสียจนเราเองก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับไปยังไงดี ทั้งๆ ที่เคยตั้งใจเอาไว้ว่าจะต้องยุติ และตัดขาดความสัมพันธ์กับน้องมันแบบจริงๆ จังๆ ให้ได้ แต่พอเจอลูกอ้อนแบบนี้เข้าก็ชักจะเป๋ๆ ไปเหมือนกันค่ะ

“แต่ว่า...” ในหัวเรามีแต่ความสับสน รู้สึกเหมือนสมองเบลอไปหมด พอเห็นเราได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ โมจึงชิงจังหวะพูดขึ้นมาอีก
“ผมขอโทษที่ลืมตัวทำเรื่องแย่ๆ ลงไป ถ้าพี่พัชจะเกลียดผม จะโกรธผม จนไม่อยากเห็นหน้าผมอีก ผมก็เข้าใจดี ผมแค่อยากให้พี่รับรู้ความรู้สึกของผมบ้าง... ก็เท่านั้นเอง” คำพูดของโมแฝงความรู้สึกผิดหวังและตัดพ้ออยู่ในที แววตาดูเศร้าๆ คล้ายกับจะร้องไห้

“ไม่เอาดิ... โมเล่นพูดแบบนี้พี่ก็ลำบากใจเหมือนกันนะ โมก็รู้สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ถูก... แค่นี้พี่ก็ทำผิดต่อพี่อ๊อฟมามากพอแล้วนะ”
“ถ้าพี่เค้าไม่รู้ มันก็คงไม่เป็นปัญหารึเปล่าครับ... ถ้าพี่ไม่พูด ผมไม่พูด... เรื่องที่เกิดขึ้นก็จะเป็นแค่ความลับระหว่างเราสองคนเท่านั้น” คำพูดมักง่ายของโมชักจะฟังดูเข้าเค้าขึ้นมาชอบกล

“ผมรู้นะ... ที่ผ่านมาพี่พัชต้องทนเหงาอยู่เป็นปีๆ เวลาที่พี่อ๊อฟไม่อยู่ ผมไม่อยากเห็นพี่ต้องมานั่งเศร้า ใช้ชีวิตเหงาๆ อยู่คนเดียวแบบนั้นอีกแล้ว... ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนคลายเหงาให้พี่นะครับ” โมเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเว้าวอน ขณะที่สองมือก็คว้าหมับเข้ามาที่ต้นแขนทั้งสองข้างของเรา
“ผมชอบพี่นะครับ...”  สายตาของโมดูแวววาวเป็นประกาย ทำให้เราอดเผลอใจอ่อนไม่ได้

และยังไม่ทันที่เราจะได้เห็นคล้อยหรือตอบปฏิเสธอะไร นายโมก็เป็นฝ่ายชิงจังหวะ โน้มตัวเข้ามาประกบจูบปากกับเราเสียก่อน...

“อื้อ!? อื้ออออ!?” เราอุทานอู้อี้อยู่ในลำคอด้วยอารามตกใจ พยายามจะสะบัดตัวดิ้นหนี แต่ถูกท่อนแขนของอีกฝ่ายกอดรัดร่างเอาไว้แน่น ขณะที่ริมฝีปากก็ถูกปลายลิ้นของอีกฝ่าย ทั้งดุนทั้งแซะ พยายามที่จะกดสอดเข้ามาด้านในให้ได้ แม้ว่าเราจะออกแรงเม้มปากเอาไว้แต่ก็ไม่เป็นผลใดๆ เพราะสุดท้ายแล้วปลายลิ้นของโมก็ทิ่มทะลวงเข้ามาในโพรงปากของเราได้อยู่ดี

พอลิ้นของเราสองคนแตะเข้าหากันปั๊บ เรี่ยวแรงที่จะต่อต้านของเราก็พลันมลายหายวับไปในทันที... รสจูบอันดูดดื่ม คล้ายกับไปจุดสวิตซ์ความทรงจำถึงเหตุการณ์วาบหวามในคืนนั้น ให้กลับมาแจ่มชัดขึ้นอีกครั้ง เราเผลอตวัดปลายลิ้นของตัวเองเข้าพัวพันกับลิ้นของโมอย่างลืมตัว ต่างฝ่ายต่างดูดปากแลกลิ้นกันอย่างเร่าร้อน จนคล้ายกับว่าไอ้ประโยคที่พึ่งจะโต้เถียงกันไปเมื่อสักครู่นั้น มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน... สารภาพตามตรงว่าตอนที่จูบกันนั้นน่ะ น้ำเดินเลยค่ะ... มันแฉะจนแทบจะทะลุออกมานอกกางเกงในอยู่แล้ว...

เราใช้เวลาตั้งหลักรวบรวมสติอยู่เกือบๆ นาที กว่าที่จะสามารถออกแรงผลักร่างของโมให้ผงะถอยห่างออกไปได้

“โม... เอ่อ.... จะทำจริงๆ เหรอ?” เราพยายามถามเพื่อซื้อเวลา แต่อีตาโมก็เหมือนจะไม่ได้สนใจฟังซักเท่าไหร่ กลับใช้สองมือขยับเข้ามาโอบรั้งร่างของเราเอาไว้ในอ้อมกอด พร้อมกับก้มหน้าลงมาจูบปากกันอีกครั้ง ซึ่งพอถึงจุดนี้เราเองก็ใจแตกแล้ว ไม่ได้แสดงอาการต่อต้านใดๆ เหมือนกับครั้งแรกๆ แล้ว ปล่อยให้ปลายลิ้นของโมสอดสำรวจเข้ามาด้านในอย่างเต็มที่ บางจังหวะเรายังเผลอสอดลิ้นกลับเข้าไปหาอีกฝ่ายด้วยเช่นเดียวกัน สองมือของโมก็คอยบีบหมับเข้าที่แก้มก้นของเราไปด้วยอย่างมันเขี้ยว

เราทั้งคู่จูบปากกันอยู่อีกครู่ใหญ่ๆ ก่อนที่โมจะเปลี่ยนมาจูบซุกไซร้เข้าที่ซอกคอของเราอย่างหื่นหิว มือไม้ก็เลื้อยไต่สำรวจเรือนร่างของเราไปทั่ว ทั้งหน้าอก ทั้งบั้นท้าย เราโดนรุกหนักเข้าจนเริ่มรู้สึกหวิวๆ เหมือนในหัวมันล่องลอย เบาๆ เคลิ้มๆ แทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังโดนอีกฝ่ายดันร่างจนเอนหงายลงไปบนโซฟา กว่าจะรู้สึกตัวก็ตอนที่โดนอีตาโมจับถ่างขาอ้าออกกว้าง พร้อมๆ กับมุดเข้ามาดอมดมจิ๊มิ๊ของเราถึงด้านในกระโปรงนี่แหละ!

“อุ๊ย! ว้ายตายแล้ว! โม อย่า! ไม่เอาอย่าเลีย!” เราร้องอุทานเสียงหลง เมื่อถูกริมฝีปากของอีกฝ่าย ประทับจูบเข้ามาที่เป้ากางเกงใน ลิ้นของโมทั้งตวัด ทั้งกดดุนย้ำๆ ไปมาที่บริเวณเนินสามเหลี่ยม จนเป้าเราเปียกชุ่มโชกไปด้วยคราบน้ำลายและคราบน้ำรักที่ทะลักซึมออกมาไม่หยุดหย่อน ก่อนที่โมจะใช้มือแหวกเนื้อผ้ากางเกงในของเราออกไปไว้ด้านข้าง พร้อมกับใช้ปากเล่นงานที่จิ๊มิ๊ของเราแบบตรงๆ

“อ๋อย... สสส ซี้ดดดดส์ โม อืม... มมมมม ยะ... อย่ากดตรงนั้นนนน อุ๊ย ซี้ดส์... ฮืออออ” ปากเราก็คอยร้องห้าม แต่สองมือกลับขยุ้มจิกยึดเส้นผมของโมไว้แน่น พร้อมกับออกแรงกดศีรษะของอีกฝ่ายให้ขยับขึ้นลงไปมาอย่างเมามัน ส่วนโมนั้นก็ไม่ขัดข้อง ยิ่งออกแรงดูดเม้มไปที่ปุ่มกระสันของเราอย่างถึงอกถึงใจ

“อ๊ะ! อ๊ะ... อาห์ โอ๊ย พี่... พี่ไม่ไหวแล้วโม... โอ๊ย.. สสส ซี้ดส์… โอ๊ย... ยยยยย” พอโดนเล่นงานจุดอ่อนได้ไม่กี่นาที เราก็ชักจะทนเสียวไม่ไหว แหกปากร้องครวญครางอย่างหมดสภาพ หน้าขาสั่นกระตุกยิกๆ สองมือจิกลงไปบนเส้นผมของโมแรงๆ เตรียมจะระเบิดอารมณ์ความสุขออกมาอย่างสุดกลั้น...

แต่จู่ๆ อีตาโมกลับหยุดปากขึ้นมาซะอย่างนั้น!!

“ฮื๊อ..?” เราเผลอหลุดเสียงครางออกมาเบาๆ เหมือนไม่เข้าใจ สายตาก็จับจ้องไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยความสับสน
“พี่พัชยอมผมแล้วใช่มั้ยครับ?” พ่อตัวแสบเอ่ยปากถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ที่บริเวณริมฝีปากยังมีคราบน้ำรักของเราเกาะเยิ้มติดอยู่เลย

โอ้โห! เราฟังแล้วหน้าชาขึ้นมาเลยค่ะ นี่ใจคอน้องมันตั้งใจจะถามคาดคั้นเอาคำตอบจากปากเราตรงๆ เลยเหรอเนี่ย? เราได้แต่ยืนอึ้งพูดอะไรไม่ออก ในใจตอนนั้นน่ะยอมรับค่ะ ว่าอยากสุดๆ แล้ว จิ๊มิ๊เปียกชุ่มแบบสุดๆ แต่ติดที่อายน้องมัน เลยไม่กล้าตอบอะไรออกไป

“ถ้าพี่ไม่บอก งั้นผมไม่ทำต่อนะ” โมเอ่ยย้ำอีกรอบ พร้อมกับปลดเปลื้องกางเกงและท่อนล่างของตัวเองออกจนหมด เจ้าหนูขนาดบิ๊กเบิ้มจึงเด้งผงาดท้าทายสายตาของเราอย่างเย้ายวนใจ ความอวบแน่นของแท่งเนื้อตลอดจนถึงปลายหัวที่บานโร่เป็นสีแดงเข้ม มันช่างดูน่ากลัวซะจนเรารู้สึกอึดอัดเหนียวคอไปหมด จนต้องรีบหันหน้าหลบตาเพราะไม่กล้าเผชิญหน้าจ้องมองมันตรงๆ

คำพูดล่าสุดของโมทำให้เรากลับมามีทางเลือกอีกครั้ง ถ้าเราตัดสินใจที่จะหยุด ทุกอย่างก็จะจบลงแค่นี้ แล้วเราก็จะรอดพ้นจากสถานะของการแอบคบชู้ลับหลังแฟนตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่านี่คือตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องนึกสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น และหากเป็นสถานการณ์ปกติแล้ว เราย่อมเลือกข้อนี้อย่างไม่ลังเลแน่นอน

แต่อีกใจนึงเราก็อดรู้สึกเสียดายไม่ได้ เสียดายที่อารมณ์ทุกอย่าง มันถูกปลุกเร้าปูทางมาจนจวนเจียนจะเสร็จสิ้นอยู่รอมร่อ ขอแค่ต่อเวลาออกไปอีกนิดเดียว เราก็จะได้พบกับความสุขหรรษาที่มายืนรออยู่ตรงหน้านี้แล้ว ยิ่งเห็นเจ้าหนูของโมมันกระตุกยุกยิกยั่วเย้าอยู่เบื้องหน้า หัวใจของเราก็ยิ่งเต้นสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะ มันเป็นช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตาย เหมือนกับเสี้ยววินาทีสุดท้ายก่อนที่ใครซักคนจะตัดสินใจเดินหน้าทำอะไรร้ายแรงๆ ซักอย่าง โดยที่รู้อยู่เต็มอกว่าจะไม่สามารถหันหลังและย้อนกลับไปทางเดิมได้อีก

“โม... พี่ทำไม่ได้จริงๆ พี่ไม่อยากทำผิดลับหลังพี่อ๊อฟอีกแล้ว” น้ำเสียงของเราแหบพร่าจนแทบไม่ได้ยิน
“พี่ไม่ต้องทำอะไรหรอกครับ ปล่อยให้ผมเป็นคนทำเอง นะครับพี่ เดี๋ยวเดียวก็จบแล้ว” โมเอ่ยปากเล่นคำอย่างหัวไว จนเราไม่รู้จะสรรหาเหตุผลใดๆ มาเถียงกับมันได้อีก สายตาก็เผลอจับจ้องไปที่อาวุธร้ายประจำกายของนายโมเหมือนถูกมนต์สะกด

เล่ามาถึงตรงนี้แล้ว... เพื่อนๆ ก็คงพอจะรู้แล้วใช่มั้ยคะว่าเราตัดสินใจเลือกทางไหน...

เราตัดสินใจข่มความอาย หลับตาพยักหน้าไปเบาๆ แทนคำตอบ รู้สึกเจ็บใจและอับอายแบบสุดๆ ที่ต้องยอมพ่ายแพ้ให้แก่ความต้องการลึกๆ ของร่างกาย ซึ่งแม้จะไม่ต้องลืมตาดูก็พอจะรู้ว่าอีตาโมนั้น คงกำลังอมยิ้มชอบใจอยู่เป็นแน่

“ถ้างั้น... ผมขอเย็ดพี่เลยนะครับ” โมพูดพร้อมกับแยกขาของเราออก ดึงรูดกางเกงในผ้ายืดสีครีมออกมากองอยู่ที่ข้อเท้า ก่อนจะขยับตัวเข้ามาทาบประจำที่ เตรียมจะดันแท่งเนื้อเข้ามาในตัวเรา แต่โดนเรารีบชิงร้องห้ามเสียก่อน

“เดี๋ยวโม! ใส่ถุงก่อน!” เราร้องถามหาถุงยางด้วยน้ำเสียงตกใจ เล่นเอาโมหน้าเสียขึ้นมาทันควัน
“โทษครับพี่ ผมไม่ได้เตรียมมา... แต่พี่ไม่ต้องห่วงนะ ผมสะอาดแน่นอน รับรองได้” โมรีบพูดให้เราสบายใจ แต่ปัญหามันไม่ใช่เรื่องนั้นน่ะสิ

“ไม่เอา มันเสี่ยง” เราเองก็ยืนกรานไม่ยอมเหมือนกัน ก่อนหน้านี้แค่ครั้งเดียวก็เสี่ยงพออยู่แล้ว ไหนจะเรื่องโรค ไหนจะเรื่องเสี่ยงท้องอีก นี่ชั้นก็อุตส่าห์ยอมให้แกขนาดนี้แล้วนะอีตาบ้า!!
“เดี๋ยวผมเอาออกมาเสร็จข้างนอกก็ได้ครับ” โมยังพยายามดันทุรังไม่เลิก
“งั้นมานี่มา” เราค่อยๆ ชันกายลุกขึ้นพร้อมกับรูดกางเกงชั้นในของตัวเองออกจนพ้นข้อเท้า ก่อนจะเดินพาโมขึ้นไปบนห้องนอน

“เอ้า! ใส่นี่ก่อน” เราหยิบกล่องถุงยางที่ยังไม่ได้แกะจากในลิ้นชักแล้วโยนส่งให้โม อีกฝ่ายรับไปแกะอย่างรวดเร็วก่อนจะสวมมันเข้ากับหว่างขา แต่จนแล้วจนรอดก็ใส่ไม่เข้าซักที
“พี่พัชครับ เอ่อ... มีไซส์ใหญ่กว่านี้มั้ยครับ? อันนี้มันเล็กไปหน่อย” คำพูดของโมทำให้เราพึ่งนึกอะไรขึ้นได้

ตายล่ะหว่า ก็เจ้าหนูของโมมันใหญ่เบิ้มกว่าของแฟนเราตั้งเยอะเลยนี่นา แล้วมันจะใช้ถุงยางไซส์เดียวกันได้ยังไง พอรู้แบบนี้แล้วเราก็เลยจนปัญญาเหมือนกัน อุตส่าห์กลั้นใจเลยเถิดมาถึงขนาดนี้แล้ว ดันมาตกม้าตายเอาตรงนี้เนี่ยนะ?

“ไว้ใจผมเถอะครับพี่ ผมปลอดภัยจริงๆ เดี๋ยวค่อยเอาออกมาแตกข้างนอกก็ได้” โมพยายามเอ่ยปากโน้มน้าวเราอีกครั้ง ซึ่งสุดท้ายแล้วเราก็ทนใจแข็งต่อไปอีกไม่ไหว ความอยากมันทำให้เราตัดสินใจยอมพยักหน้าตอบรับไปในที่สุด
“ก็ได้ แต่ว่าต้องเอาออกมาเสร็จข้างนอกนะ ไม่งั้นพี่โกรธจริงๆ ด้วย”
“งั้น... ตามนี้นะครับ” พอเห็นว่าเราโอเคแล้ว โมจึงใช้สองมือดันไหล่ของเราให้เอนหงายลงไปบนเตียง

ชายชุดกระโปรงของเราถูกโมจับถลกสูงขึ้นไปกองอยู่เหนือเอว เปิดเผยให้เห็นเนินเนื้อสาวอย่างชัดเจน สภาพของมันตอนนี้แทบจะกลายเป็นแอ่งน้ำขังอยู่แล้ว เราพยายามจะใช้มือบังปิดเอาไว้ แต่ตาโมก็รีบคว้าข้อมือของเราแล้วใช้แรงง้างออกไปอย่างง่ายดาย พอเห็นว่าคงจะขัดขืนอะไรไม่ได้แล้ว เราก็เลยยอมปล่อยเลยตามเลยไปในที่สุด

โมใช้มือดันหน้าขาของเราให้งอสูงอยู่ในท่าตัวเอ็ม ก่อนจะค่อยๆ จับท่อนเนื้อจ่อจรดเข้าไปที่ปากร่องตรงกลางจิ๊มิ๊ พอตั้งหลักได้เข้าที่แล้ว โมก็ออกแรงส่งเจ้าท่อนเนื้ออวบอ้วนทิ่มเข้ามาแบบตรงๆ

“อุ๊! อู๊ยยยย... ยยยย บะ... เบาๆ โอ๊ย.... มันแน่น! ฮือออออ อย่าพึ่งกดเข้ามา... าาาาา” เราต้องรีบร้องห้ามเสียงหลง เพราะนายโมเล่นกระทุ้งกระแทกเข้ามาในร่างของเรารวดเดียวแบบไม่บันยะบันยังจนมุดเข้ามาเกินครึ่งลำ เล่นเอาเราทั้งเจ็บทั้งจุกจนแทบจะน้ำตาเล็ด
“อู๊ยสสส... ซี้ดส์.. สสสส ค่อยๆ ก่อนซี่... พี่เจ็บนะโม” เราได้แต่ร้องครวญครางหงิงๆ เพื่อขอความเห็นใจ ซึ่งก็พอจะทำให้โมเริ่มที่จะเพลาๆ เรี่ยวแรงลงไปบ้าง เปลี่ยนมาใช้บั้นเอวบดโม่กดเข้ามาแบบเนิบๆ และนุ่มนวลแทน

“ดีขึ้นมั้ยครับ?” โมเอ่ยถาม ขณะที่สะโพกก็คอยกดโม่คลึงไปด้วย
“อือ... อออ ดะ.. ดีจ้ะ แต่ว่า... พี่จุกจังเลย มันแน่นไปหมด... ของโมใหญ่เหลือเกิน” เราระบายความรู้สึกออกไปตามตรง
“ทนอีกนิดนะครับ จะสุดแล้ว.... ฮึบ.. อืมมมม”
“อ๊ะ! อื้อ.... สสส... ซี้ดส์.. สส อื้อออ.. ออออ!” เราร้องครวญครางออกมายาวๆ ในจังหวะที่โมออกแรงส่งลำหอกกดเข้ามาจนมิดด้าม

พออะไรๆ มันเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว นายโมก็เริ่มต้นเดินเครื่องทันที ค่อยๆ ขยับบั้นเอว ส่งไอ้หนูมุดเข้ามุดออกในร่างของเราเป็นจังหวะ ไล่ระดับจากเกียร์ 1... เกียร์ 2... เกียร์ 3... ไปจนถึงเกียร์ 4 ซึ่งพอมาถึงตรงนี้ ทั้งห้องก็เหลือเพียงแค่เสียงเนื้อของเราสองคนที่ตีกระทบกันจนดังสนั่น ปั้บ..! ปั้บ..! ปั้บ..! ปั้บ...!! ปั้บ...!!! สลับกับเสียงร้องครวญครางโหยหวนด้วยความเสียวซ่านของเราเท่านั้นเอง

ชุดกระโปรงของเราตอนนี้ ท่อนบนถูกถลกลงมากองคาไว้กลางลำตัว ยกทรงถูกเลิกขึ้นไปวางอยู่เหนือหน้าอก ส่วนท่อนล่างก็กำลังโดนท่อนเนื้อของนายโม เจ้าเด็กแสบออกแรงขย่มเราในท่านี้ได้พักนึงก็เหมือนจะเริ่มๆ เบื่อ ใช้มือจับพลิกร่างของเราให้นอนตะแคงหันข้าง ส่วนตัวเองก็ประกบทาบเข้ามาจากทางด้านหลัง ก่อนจะออกแรงเย่อเราอีกรอบ

“อ่ะ... อ๋าย.. ยยยย สสสส ซี้ดส์ อืม.. มมมมม อ่ะ... อ๋าาาา... อ๋าาาาาาา... าาาาาาา!!” เราครางเสียงหลงไม่เป็นภาษา รู้สึกคับตึงข้างในร่างกายแบบสุดๆ เนื้อตัวสั่นกระเพื่อมไปมาตามแรงกระแทกของอีกฝ่าย หน้าอกหน้าใจตอนนี้ก็ถูกฝ่ามือของนายโมขยำขยี้เล่นตามใจชอบ

ผิวกายของเราเสียดสีเข้าหากัน ทั้งภายในและภายนอก... มันเป็นความรู้สึกสุขเสียวที่มาพร้อมกับความหวาดวิตกและลุ้นระทึก... ทุกๆ ครั้งที่ดุ้นเนื้อของโมกดทิ่มคว้านเข้ามาในร่าง มันทั้งเสียว ทั้งจุกจนราวกับว่าร่างของเรากำลังจะฉีกขาดออกเป็นสองซีก จะหนีก็หนีไม่ออก ทำได้เพียงแค่ดิ้นกระแด่วๆ ไปมาอยู่กับที่

“เสียวหีมั้ยครับพี่พัช ควยผมอร่อยสะใจดีมั้ย?” ตาโมเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงหื่นกระหาย ฟังดูโรคจิตยังไงชอบกล
“อ๋าาาาา! สะ... เสียวสิ โอ๊ย... ทำไมมันเสียวแบบนี้?” ความเสียวที่กำลังครอบงำ ทำให้เราเผลอหลุดปากตอบออกไปอย่างลืมตัว
“เสียวตรงไหนครับ ตรงหีเหรอ?” โมเอ่ยถามย้ำคำ ค่อยๆ ชะลอความเร็วลง เหมือนจงใจจะแกล้งยั่วเรา

“ก็... ก็ตรงนั้นนั่นแหละ...โอ๊ย! พี่เสียวหี...! โมทำแรงๆ ซี่...” สุดท้ายเราก็ต้องยอมพ่ายแพ้แก่อารมณ์หื่นของตัวเองอย่างราบคาบ เอ่ยปากอ้อนวอนขอให้อีกฝ่ายปรนเปรอความสุขทางเพศให้อย่างหมดอาย
“จัดให้ฮะ” พอสิ้นคำ โมเลยกลับมาตั้งใจตะบันอัดใส่ร่างของเราแบบเน้นๆ จนเราแทบจะกระเด็นกระดอนหล่นลงมาจากเตียง

จากที่เคยประกบชิดติดกันอยู่ในท่านอนตะแคง รู้ตัวอีกทีร่างของเราก็พลิกมาอยู่ในท่านอนหมอบฟุบคว่ำไปกับเบาะ โดยมีร่างของโมคอยตามกระทุ้งอยู่ด้านหลัง

“นี่แน่ะ! นี่แน่ะ! ชอบใช่มั้ย? ชอบโดนควยผมใช่มั้ย?” โมถามเร้า พร้อมกับออกแรงกระทุ้งแบบเน้นๆ จนเกิดเป็นเสียงดังสนั่น
“อาห์.... ชะ... ชอบ... ชอบซี่ อ๊ะ! อ๋างงง.. งงงง โอ๊ย แรงๆ แบบนั้นแหละ” เราครางตอบอย่างสะใจ
“ให้ผมเย็ดพี่แบบนี้... ทุกวันเลยนะ?”

“อื้อออออ! อื้มมมมมมมม!!” ความสุขเสียวที่ได้รับ ทำให้เราโยนเรื่องเหตุผลและความเหมาะสมต่างๆ ทิ้งไปจนหมดสิ้น แค่หลับหูหลับตาตอบเออออกลับไป พลางปล่อยตัวปล่อยใจให้โมได้ขึ้นควบขย่มตามใจชอบ
“หีฟิตๆ แบบนี้... ผมจะเย็ดให้พี่ลืมผัวไปเลย” จากเด็กหนุ่มขี้เล่นพูดจาสุภาพที่เคยรู้จัก มาบัดนี้กลับแปลงร่างไปเป็นชายหนุ่มบ้ากาม ที่คอยพร่ำวาจาหยาบโลนใส่เราอย่างไม่นึกเกรงใจกันซักนิด หรือนี่ต่างหาก... คือตัวตนที่แท้จริงของโม?

“อ๊ะ! อ๋อย... สสส ซี้ดส์ อ๋อยย.. ยยยย ไม่ไหว... มะ... ไม่ไหวแล้ว.. วววว” เราแหกปากร้องครางดังลั่น เมื่อโดนโมอัดกระแทกแรงระรัว จนตัวลอยละล่องขึ้นสวรรค์ไปก่อนหนึ่งรอบอย่างรวดเร็ว

ถึงจะเห็นว่าเรานั้นเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว แต่ดูเหมือนโมจะไม่ได้สนใจเลยซักนิด ยังคงตั้งหน้าตั้งตาซอยไม่ยั้ง หนำซ้ำยังดูเหมือนจะยิ่งเร่งความเร็วขึ้นไปเสียอีก เนื่องจากว่าพ่อตัวดีเองก็กำลังใกล้จะเข้าเส้นชัยเหมือนกัน

“ซี้ดส์... สสส์ หีพี่เย็ดมันสะใจเหลือเกิน... ทั้งรัดทั้งตอดจนผมจะแตกอยู่แล้วเนี่ย อู๊ย.. ยยยย” โมครวญครางพร่ำเพ้ออย่างสาแก่ใจ จับช้อนขาของเราลอยค้างกลางอากาศ พร้อมกับเร่งสปีดกระดกบั้นท้ายอัดยิกๆๆ จนกรรมการแทบจะนับคะแนนกันไม่ทัน
“อ๊ะ! อ๋า.... าาาา ซี้ดส์... สสส โอ๊ยโม! พอก่อน... พี่มะ.. ไม่ไหวแล้ว... ยะ.. อย่าพึ่ง... โอ๊ยยยย! พี่จะขาดใจอยู่แล้ว.. วววววว”

เราแหกปากร้องลั่น เมื่อร่างกายได้เผชิญหน้ากับความสุขเสียวในแบบที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน มันเป็นรสชาติความสุขที่ถาโถมเข้ามาแบบต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน แม้ว่าจะถึงจุดสุดยอดไปครั้งนึงแล้ว แต่พอโดนโมกระแทกต่อไปเรื่อยๆๆ มันก็ทำให้อารมณ์หื่นของเราค่อยๆ พุ่งสูงขึ้นมาอีก จนกระทั่งจวนเจียนจะระเบิดออกมาเป็นครั้งที่สองอยู่รอมร่อ เสียงเนื้อของเราสองคนตีกระทบกันดังปั้บๆๆๆ ราวกับอาวุธร้ายที่เข้าห้ำหั่นกันอย่างไม่หวั่นเกรง เพียงแต่เสียงกรีดร้องที่เกิดขึ้นนั้น หาได้มาจากความเจ็บปวดเพราะบาดแผลไม่ แต่มาจากความรู้สึกสุขเสียวที่ยากเกินจะบรรยายออกมาเป็นคำพูด

“อ่ะ... อ๋าาา!! อ๋าาาาาา!!! พี่เสร็จ... เสร็จอีกแล้ว... วววววว!!” เราหวีดร้องออกมาสุดเสียง เนื้อตัวเกร็งกระตุกเฮือกๆ เมื่อร่างกายถูกกระตุ้นจนพุ่งถึงจุดสุดยอดไปเป็นครั้งที่สอง ก่อนที่อีกฝ่ายจะรีบทะยานเข้าเส้นชัยตามเรามาแบบติดๆ
“อุ๊บ! ไม่ไหวแล้วครับพี่” โมครวญครางเสียงหอบกระเส่า รีบขยับตัวถอนท่อนเนื้อหลุดออกมาดังผั้วะ ก่อนจะรีบปีนขึ้นมาคุกเข่าคร่อมประจำที่อยู่เหนือใบหน้าของเราอย่างรวดเร็ว

เรารู้ด้วยสัญชาตญาณทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไร แต่ด้วยความที่ร่างกายพึ่งจะทะยานขึ้นถึงจุดสุดยอดซ้ำสองไปแบบหมาดๆ ทำให้เราหมดสิ้นเรี่ยวแรงที่จะดิ้นรนขัดขืน หรือขยับตัวหลบหนีใดๆ ทั้งสิ้น ได้แต่รีบหลับตาปี๋ กลั้นใจรับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า

ก่อนที่หยดน้ำอุ่นๆ หนืดๆ จะพุ่งกระทบเข้าที่แก้มของเราแบบเต็มๆ จนรู้สึกเหนียวเหนอะหนะไปทั่วทั้งแก้ม อันเป็นสัญญาณยุติเกมกามครั้งล่าสุดนี้อย่างเป็นทางการ...

หรืออย่างน้อยก็เฉพาะสำหรับรอบนี้ล่ะนะ.....    


คุณแม่แสนหวานกับคนงานข้างห้อง

 
 
 

1.ปัญหาของเด็กชาย



ณ ห้องเช่าที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างง่ายๆเพียงชั้นเดียว  เป็นสถานที่ชั่วคราวซึ่งเหล่าคนงบน้อยและผู้ใช้แรงงานต่างมาเช่าพักกัน  มีสองแม่ลูกคู่หนึ่งเข้ามาพักอยู่ท่ามกลางเหล่าคนงานชาวต่างชาติด้วยเพราะความขัดสนอับจนหนทางหลังจากได้ทำในเรื่องอันไม่สมควรเข้า
เหตุการณ์โรคระบาดค่อยๆทุเลาลงกระทั่งสถานที่ราชการต่างกลับมาเปิดทำการตามปกติอีกครั้ง  และแน่นอนว่าเด็กหนุ่มวัย 18 อย่างเอกก็ไม่มีข้อยกเว้นและต้องกลับไปเรียนตามปกติโดยจำใจปล่อยให้เมียสาวที่เขาคอยกกกอดอยู่ไม่ห่างกายให้ต้องนั่งเหงาอยู่ในห้องเช่าตามลำพังอีกครั้ง
ตั้งแต่ที่แก้วได้ข้ามเส้นระหว่างแม่ลูกในวันนั้น  ตอนนี้เธอก็ตั้งท้องให้ลูกชายได้ห้าเดือนเข้าไปแล้ว  และแม้การข้ามเส้นศีลธรรมในครั้งนี้จะนำความลำบากมาให้จนเธอต้องระเห็จออกจากบ้านหลังโตอันแสนมั่นคงมาอยู่ในห้องแถวราคาถูก  ต้องนอนบนฟูกต่างเตียง  ต้องกินอาหารสำเร็จในบางมื้อ  แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจสักนิดนั่นเพราะในทุกวัน  เด็กหนุ่มของเธอจะมอบความรักจนล้นใจให้เสมอ  ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่แก้วปรารถนาที่สุด  และสามีเก่าของเธอไม่เคยสนองให้ได้เท่าที่เธอต้องการอย่างนี้เลย
“ตื่นได้แล้วค่ะผัวขา  เช้าแล้วนะเดี๋ยวก็ไปเรียนสายหรอก” หญิงสาวสวมแว่นทรงกลมในสภาพท้องโตยันกายแตะแขนเด็กชายอย่างนุ่มนวลโดยไม่ได้หวังจะปลุกเขาอย่างจริงจังเท่าไรนัก “ถ้าไม่ตื่นเมียจะดูดให้ตื่นนะ”
ไม่พูดเปล่า  เธอจับชายเสื้อดึงถอดออกให้เต้านมคู่งามหลุดผลั่วะออกมาจากที่กำบังเพื่ออวดโชว์ความใหญ่เต็มตึงของนมที่กำลังผลิตเตรียมอาหารไว้รอทารกในครรภ์
หญิงสาวยิ้มน้อยๆ  รู้ดีว่าการเรียกของเธอไม่อาจทำให้เขาตื่นได้  เธอเพียงใช้มันเป็นข้ออ้างให้ได้ถอดกางเกงเขาออกแล้วก้มลงไปซุกใบหน้าเนียนนุ่มงดงามกับท่อนควยดำเมี่ยมเหม็นคาวของลูกชาย
“อืมมมมม  จู๊บ!  ตื่นได้แล้ว  จู๊บ!  ถ้ายังไม่ตื่นเมียจะอมนะ  หงับ!” เธอแทบไม่ให้โอกาสเขาได้รู้สึกตัว  ริมฝีปากเรียวนุ่มอมชมพูก็อ้าอมมันเข้าไปทั้งลำพลางสอดมือลงไปขยี้นิ้วกับเม็ดเนื้อชมพูสดของตนไปด้วย
“ฮื่ออออออ”
“อ-อา...”เอกครางกับความเสียวแปลกๆกลางหว่างขา  และเมื่อเขาลืมตาตื่นขึ้นมาก็ได้พบกับภาพเสียวจากสาวแว่นท้องโตที่กำลังหื่นจัดอยู่กลางหว่างขา
“บ๊วบ!  บ๊วบ!  บ๊วบ!  บ๊วบ!”
“ซี๊ดดดดด  ดูดควยปลุกทุกเช้าเลยนะ  ท้องโตขนาดนี้แล้วยังจะขี้เงี่ยนอีก”
“อืมมม” แก้วคายลำควยยาวใหญ่ออกจากปากเสียงดังป๊อป “ก็ผัวไม่ยอมตื่น  เมียก็ต้องปลุกวิธีที่ผัวตื่นสิคะ”
“จริงๆอยากปลุก ‘มัน’ มากกว่าใช่มั้ยเนี่ย  ไม่ต้องมาอ้างเลย”เขาเอ่ยอย่างรู้ทัน
“ฮื่อออออ  แล้วรับเมียขี้เงี่ยนได้มั้ยล่ะคะ”แก้วหรี่ตามองเด็กหนุ่มอย่างเร่าร้อน  เธอค่อยๆเอนกายลงนอนหงาย  สองขาอ้ากว้าง  อวดให้ลูกชายได้เห็นกลีบอูมแดงแจ๋ขนาดอลังการที่เริ่มคล้ำจากฮอร์โมนที่พุ่งพล่านขณะตั้งครรภ์กับร่องรูประตูหลังที่เริ่มจะเป็นสีน้ำตาลอมแดงหลังจากถูกใช้งานมาอย่างสมบุกสมบันแทนประตูหน้ามาตั้งแต่เริ่มท้อง
เธอใช้สองมือจับแก้มก้นแหวกเปิดออกให้เด็กชายเห็นรูก้นชัดๆขณะทอดสายตาหวานเยิ้มเชื้อเชิญให้เขาใช้มันบำบัดความใคร่
“ร่านแบบนี้ลูกได้เต็มบ้านแน่”เขาคำราม  ลุกขึ้นมาคร่อมร่างเธอแล้วจับลำควยท่อนโตจรดปลายบานกับรูก้นแล้วค่อยๆดันเสียบเข้าไปช้าๆอย่างง่ายดายแต่ไม่มีหยุดยั้งจนสุดถึงโคนในทีเดียว
สวบบบบบ  หนุบบบ
“อา...เข้ามาทางนี้กี่ทีก็ยังไม่ชิน  เด็กอะไรควยใหญ่จริงๆ  ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าโตเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้วประตูหลังของเมียจะยังรับได้อยู่รึเปล่า”
“พูดเรื่องเอากันจนคล่องขนาดนี้แล้วจะยังไม่ชินอีกเหรอ”
“ใหญ่ขนาดนี้ใครจะทำใจให้ชินลงล่ะคะ  เอาเข้ามาทีไรก็เหมือนจะหายใจไม่ทั่วท้องทุกที  ดีนะที่ไม่เข้าข้างหน้าไม่งั้นลูกคงได้อึดอัดไปด้วยแน่” แก้วบ่นอุบแต่กลับขยับขาก่ายสะโพกเด็กชายให้แนบชิดด้วยความต้องการอันเต็มเปี่ยม  ขณะเดียวกันเขาก็เอื้อมมือไปจับขย้ำเต้ากลมตึงเป็นทรงสวยทั้งสองข้างด้วยความหมั่นเขี้ยวจนจุกเนื้อสีน้ำตาลอ่อนเหยียดแข็งชูชันชี้หน้า
“งั้นเราก็คงเหมือนกัน  ผัวก็ยังไม่ชินสักที  ปกตินมก็ใหญ่อยู่แล้วแต่ห้าเดือนที่ท้องมานี่มันยิ่งจะใหญ่  ยิ่งกลมเป็นลูกเลย  แม่วัวชัดๆ  แค่เห็นก็หิวนมแล้ว”
“อืออออ  อยากกินเหรอคะ”
“ใช่สิ  ตั้งแต่เริ่มท้องผัวก็รอจะกินนมเมียมาตลอดเลย  ใหญ่ขนาดนี้น้ำนมคงทั้งหวานทั้งมันยิ่งกว่านมวัวแหงๆ” ไม่พูดเปล่า  เด็กชายยังโน้มตัวลงประกบยอดเต้าชูชัน  ดูดมันโดยหวังจะได้ลิ้มลองน้ำนมจากเมียรักสักครั้ง
“ฮื่ออออ  ย-อย่าใจร้อนสิคะ  ดูดตอนนี้ก็ยังไม่มีหรอก”
“จ๊วบบบ  น่าเสียดาย  ถ้ามีนมเร็วๆก็ดีสิ”
“เมียจะหาวิธีดูนะคะ” เธอเอ่ยตอบด้วยความอยากเอาใจลูกชาย  และหวังว่าสิ่งนี้มันจะช่วยผูกมัดใจเขาไม่ให้หลุดลอยจากเธอไปได้
ทั้งสองต่างเพลิดเพลินกับส่วนลับของกันและกันก่อนที่เกมกามจะเริ่มดำเนินไปอย่างเชื่องช้าแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความเร่าร้อนของวัยเจริญพันธุ
แก้วพยายามเอามือปิดปากกลั้นเสียงร้องครวญครางเอาไว้ด้วยความยากเย็นแต่เสียงในยามเมื่อหน้าขาเด็กชายปะทะกับแก้มก้นเนียนกระชับกับความรู้สึกเสียวสะท้านในโพรงทวารมันก็ช่างยั่วเย้าซะเหลือเกิน
ตับ!!  ตับ!!  ตับ!!  ตับ!!  ตับ!!
“ร้องออกมาสิ  ผัวอยากได้ยินเสียงเมีย  ร้องออกมาเลยเมียจ๋า” เขาเร่งเร้า  ทั้งยังโหมกระหน่ำเกมรักอย่างดุเดือดหนักหน่วงยิ่งขึ้นไปอีก
เพียงไม่นานน้ำอดน้ำทนของหญิงสาวก็หมดลงพร้อมเสียงร้องโหยหวนที่หลุดออกจากเรียวปากอิ่มอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“โอ๊ววววว  ฮื่ออออออ” เธออุทานออกมาอย่างลืมตัว  ร่างทั้งร่างพลันขนลุกชูชันพร้อมกับที่ร่องอูมอวบขับของเหลวเหนียวใสออกมาเปียกชุ่มเต็มร่อง
“อูยยยยย  เสียงเพราะจริงๆนะอีร่าน” เขาคำรามเสียงต่ำ  ก่อนจะอัดกระแทกทิ้งท้ายแล้วนิ่งค้างปลดปล่อยเมือกคาวใส่เต็มรูก้นจนลื่น
ปึก!  ปึก!  ปึก!  พลัก!!  พลัก!!  พลัก!!  พลัก!!
ในตอนนั้นเอง  เด็กชายก็คล้ายจะได้เห็นเงาวูบไหวคล้ายคนอยู่นอกหน้าต่างห้องเช่า  มันพาให้เขาออกอาการตกใจมองตามรอยแยกผ้าม่าน  แต่สิ่งที่เห็นมันก็เพียงแค่เงาจากต้นไม้ที่เคลื่อนไหวจากผ้าม่านยามกระพือตามแรงลมเท่านั้น
“...” เขาละสายตาจากหน้าต่างกลับมามองสาวท้องโตอีกครั้งก่อนจะค่อยๆชักเอาลำเนื้อยาวใหญ่ชุ่มเมือกคาวออกจากรูก้นแดงช้ำแล้วมาเอนกายนอนกอดจับเต้าใหญ่ๆดูดต่ออย่างมีความสุข
“จ๊วบ!  จ๊วบ!  จ๊วบ!  จ๊วบ!”
“นมใหญ่ๆแบบนี้เด็กสาวๆที่โรงเรียนคงไม่มีใช่มั้ยล่ะคะ” แก้วถามยิ้มๆ  ภูมิใจมากๆที่เด็กชายดูจะหลงไหลในเต้าทรวงเธอเหลือเกิน
“อือ...จ๊วบ!  จ๊วบ!  จ๊วบ!” เขาครางรับก่อนจะคายเต้าในปากออกมาแล้วขยับไปหอมแก้มเนียนขาวของสาวท้องโต “ทำไมเหรอ  หรือว่ายังกลัวว่าผัวจะนอกใจอีกงั้นเหรอ”
“ก็ไม่รู้สิคะ  ยังหนุ่มยังแน่นมีแรงเหลือเฟือ  แถมเมียก็ท้องอยู่คงสนองให้ไม่สุดเท่าไหร่ด้วย  ไม่รู้ผัวจะเอาแรงเหลือๆนี่ไปใช้กับคนอื่นบ้างรึเปล่า  ยิ่งเสน่ห์แรงอยู่ด้วยนี่คะ”
“ยังไม่เลิกหึงไอ้ปุ้มอีกเหรอ  ตั้งแต่วันนั้นที่แก้วคุยกับมันไปมันก็ไม่ยุ่งกับผัวอีกแล้วนะ”
“ให้จริงเถอะค่ะ  คนมันรักน่ะถึงรู้ว่าผิดมันก็ห้ามใจไม่ได้หรอก” แก้วยังคงไม่ยอมเลิกราง่ายๆ  ด้วยรู้ดีว่าจากความเหมาะสมทั้งทางอายุและสถานะ  เด็กสาวคนนั้นดูจะเข้ากับเอกได้มากกว่าเธอทุกอย่าง
“จะให้ทำยังไงถึงจะเชื่อเนี่ย”
“...”

สองแม่ลูกมายืนกันอยู่ริมถนนในยามเช้า  ในมือของทั้งสองมีอาหารแห้งจัดเป็นชุดใส่ถุงพร้อมสำหรับใส่บาตร  แก้วชายตามองลูกชายที่แสดงอาการล้านิดๆออกมาด้วยความอิ่มเอมใจอย่างมาก  นั่นไม่ใช่แค่เพราะเธอจะได้ทำบุญกับเขาแต่เพราะเขาเพิ่งพิสูจน์ตัวเองด้วยการลงมือรูดเจ้ามังกรให้สำรอกเมือกคาวใส่ปากเธอด้วยปริมาณทั้งหมดที่มีเป็นการยืนยันว่าเขาพร้อมจะมอบความหื่นกระหายของวัยหนุ่มให้เธอทั้งหมด
“เพลียเหรอคะ  ฮิฮิ”
“วันนี้หลับในคาบแน่เลย  อย่ามาดุผมก็แล้วกันถ้าครูมาฟ้องน่ะ”
“โอ๋ๆนะ  เดี๋ยวกลับมาจะทำอะไรอร่อยๆให้กินไถ่โทษนะคะ...นิมนเจ้าค่ะ” แก้วรีบหันไปยกมือไหว้หลวงพ่อรูปหนึ่งเมื่อเห็นท่านบิณบาตรมาใกล้ๆ
พระรูปนั้นห่มจีวรผ้าฝาดสีเข้มสะพายกลดกับย่ามมาด้วยคล้ายๆเป็นพระธุดงค์ดูน่าเลื่อมใส  และเมื่อสองแม่ลูกใส่บาตร  ท่านก็สวดมนต์ให้พรด้วยอาการสงบ
“อายุวัณโณสุขังพะลัง”
“ขอให้เราสองคนได้เป็นคู่กันไปทุกๆชาตินะเจ้าคะ” แก้วอธิฐานเบาๆข้างหูเด็กหนุ่มก่อนจะยกมือไหว้อย่างสวยงามจนเขาอดมองในความน่ารักของเธอไม่ได้
“ไม่ว่าชาติไหนก็ขออย่าให้เราแยกจากกันนะครับ”
“...” พระท่านยืนฟังนิ่งก่อนจะเอ่ยทักเป็นคำแรก “หมั่นทำบุญสวดมนต์มากๆนะโยม  อย่างน้อยอะไรไม่ดีที่จะเข้ามาจะได้ไม่มาทำอันตรายได้...รับนี่ไปสิ” แล้วพระธุดงค์รูปนั้นก็หยิบประคำเส้นหนึ่งในย่ามยื่นให้เอกรับไว้แบบงงๆก่อนจะเดินจากไปอย่างเงียบๆ
“...พระท่านหมายความว่ายังไงคะ”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน  งั้นแก้วเอาประคำนี้กลับบ้านนะ  ผมไปเรียนแล้ว  เดี๋ยวจะสาย”
“ค่ะ”
สาวท้องโตเดินกลับห้องแถวด้วยใบหน้าอิ่มบุญอย่างเต็มเปี่ยม  เธอมีความสุขเหลือเกินที่ได้ใส่บาตรกับชายคนรัก  อย่างน้อยถึงจะต้องถูกไล่ออกจากบ้านหรือไร้ที่ซุกหัวนอนแต่ก็ยังไม่สบายใจว่าการเริ่มต้นชีวิตใหม่กับชายคนรักนั้นมีพระพุทธเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดความมงคลในชีวิต
“ท้องได้กี่เดือนละคะ”
เสียงทักทายทำให้แม่วัวสาวหันมองและได้พบว่ามันคือเสียงจากสาวเขมรผิวเข้มตาคมที่สวมเสื้อยืดปล่อยชายคลุมผ้าถุงอย่างง่ายๆตามประสา  ซึ่งเป็นเมียคนงานข้างห้องของเธอที่ออกมานั่งเฝ้าลูกชายเล่นอยู่หน้าบ้านพอดี
“ห้าเดือนแล้วค่ะ” แก้วตอบอย่างเป็นมิตรพลางมองไปที่เด็กน้อยในอกสาวเขมรที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาดูดนมจากเต้าเล็กๆของเธอด้วยความกระหาย  ในขณะที่เต้าอีกข้างในเสื้อก็มีน้ำนมไหลรินออกมาจนแฉะเป็นดวงใหญ่
“ลูกกี่ขวบแล้วคะเนี่ย”
“คนโตนั่นขวบนึง  ชื่อเปีย  ส่วนคนนี้เพิ่งจะสองเดือน  ชื่อแชค่ะ”
“ดูสิ  คนเล็กดูดนมแม่ใหญ่เลย  ท่าทางจะหิวนะเนี่ย” แก้วแซวยิ้มๆ  นึกสงสัยว่าทำไมสาวเขมรนมเล็กที่แทบจะแบนเป็นผู้ชายถึงได้มีน้ำนมมากมายให้ลูกดูดกินได้ขนาดนี้
“เอ่อ...เราชื่อแก้วนะ  คุณชื่ออะไรเหรอคะ”
“ลำดวนค่ะ”
“เราขอถามหน่อยสิลำดวน  ลูกตั้งสองคน  อีกคนก็คงยังไม่หย่านมด้วยแน่ๆ  แบบนี้นมพอให้ลูกกินมั้ยคะ”
“ก็พอนะ  ทำไมเหรอคะ”
“เอ่อ...พอดีว่าเรา...กลัวจะไม่มีนมให้ลูกกินน่ะ  ห้าเดือนแล้วยังไม่มีน้ำนมเลย  ลำดวนพอจะบอกวิธีได้มั้ย” แก้วเลียบๆเคียงๆถาม  ไม่อยากบอกไปตรงๆว่าเธอกำลังจะหาวิธีเพื่อมัดใจสามีวัยเด็กให้รักให้หลงเธอเพียงคนเดียวอยู่
“...อย่าถือกันนะแต่นมแก้วใหญ่ขนาดนี้ยังจะกังวลอีกเหรอ  อีกหน่อยก็มีนมให้ลูกอยู่แล้วแหละ  แต่ว่าห้าเดือนยังไม่มีนมงั้นเหรอ  ของเราห้าเดือนก็นมเต็มเต้าจนต้องให้พี่ทาดูดออกให้แล้วนะ”
“...” แก้วได้ยินถึงกับหน้าแดง  ไม่คิดเลยว่าสาวนมเล็กอย่างนี้จะมีน้ำนมมากมายขนาดให้ผัวได้ดูดเล่นตั้งแต่ยังไม่คลอด  ซึ่งเธอกำลังอยากได้แบบนี้พอดี
“แล้วลำดวนมีวิธีอะไรให้เราเป็นแบบนั้นได้บ้างมั้ย  บอกเราหน่อยได้รึเปล่าคะ”
“จริงๆมันก็มีอาหารช่วยให้มีน้ำนมเยอะแล้วก็มีวิธีนวดช่วยอยู่นะ  แต่ว่าเราไม่รู้หรอก  พี่ทาเป็นคนทำให้ทุกอย่างเลย...แก้วจะให้ผัวเราช่วยมั้ยล่ะ”
“อ-เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ” แก้วละล่ำละลักด้วยความเขินอาย  ไม่อยากจะให้ผู้ชายเข้ามายุ่งกับเรื่องของผู้หญิงเท่าไหร่นัก  อย่างน้อยเธอก็อยากให้เอกได้เห็น  ได้สัมผัสเต้าคู่นี้เพียงคนเดียว
“แค่ทำอาหารให้กินคงไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกมั้ง  เอามั้ย  เดี๋ยวเราให้พี่ทาทำไปให้”
“เกรงใจจัง”
“ไม่เป็นไรเลย  เรื่องแค่นี้เอง  เป็นเพื่อนบ้านกันช่วยได้ก็ช่วย” ลำดวนเอ่ยอย่างเป็นกันเอง
“ขอบคุณมากเลยค่ะ  โชคดีจังเลยที่เจอเพื่อนบ้านใจดีแบบลำดวน”
“ฮ่ะๆๆ  เอาน่ะๆ  เข้าบ้านเถอะ  กำลังท้องกำลังใส้ยังจะมายืนนานๆอีก” สาวเขมรไล่แก้วไปพักผ่อนก่อนจะหันไปคุยกับลูกต่อโดยไม่ได้สนใจเธออีก





เส้นทางเจ้าสาว #2

 
 
 


==================

กว่าที่ชายและหญิงคู่นึง จะได้เข้าหอลงโลง เอ้ย!! ลงโรงร่วมกันเป็นมั่นเป็นเหมาะน่ะ รู้มั้ยคะว่าเป็นเรื่องที่ยากลำบากไม่น้อยไปกว่าการสอบเอนทรานซ์ หรือการไปสมัครงานในบริษัทใหญ่ๆ เลยก็ว่าได้ มันมีความกดดันทั้งในแง่ที่ว่า นี่คือการประกาศให้เพื่อนฝูงพี่น้องและโลกได้รับรู้ว่า เราสองคนกำลังจะแต่งงานกันนะ แน่นอนว่าทุกคนย่อมอยากให้งานแต่งงานของตัวเองออกมาดีที่สุด สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อันนี้ไม่ได้หมายถึงเรื่องของการจัดงานให้ใหญ่โตหรือสินสอดอลังการงานสร้างแบบดารานะคะ แต่หมายถึงอยากให้พิธีการต่างๆ แขกเหรื่อที่มาในงาน รวมถึงโมเมนท์สำคัญๆ เกิดขึ้นอย่างที่ตั้งใจหวังไว้ และกลายเป็นความทรงจำดีๆ ที่จะฝังอยู่ตลอดชีวิตคู่ของเรานั่นเอง

แน่นอนค่ะ สำหรับเจ้าสาวอย่างกุ๊กเอง กว่าที่จะได้ปรากฏตัวในชุดแต่งงานสีขาวสะอาดสะอ้านนั้น ก็ย่อมต้องมีผ่านกระบวนการและขั้นตอนต่างๆ มากมาย เพื่อที่จะขัดเกลาให้ภาพของเจ้าสาวในวันงานนั้น ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงรักษาผิวพรรณ กระชับสัดส่วน เตรียมหาชุดเจ้าสาวสวยๆ ที่ถูกใจ ตลอดจนถึงการจัดเตรียมของชำร่วยต่างๆ เพื่อเอาไว้แจกให้แขกเหรื่อ นี่ยังไม่นับพวกงานยิบย่อยที่ดูจะไม่จำเป็นอย่างงานปาร์ตี้สละโสด ที่ยัยมินกับยัยเอ๋เพื่อนซี้เป็นคนจัดหาดูแลให้ ซึ่งก็ดูจะตื่นเต้นซะยิ่งกว่าเจ้าของงานอย่างกุ๊กเสียอีก ชักจะระแวงๆ แล้วนะ ว่ายัยสองคนนี้ต้องมีอะไรแสบๆ มาแกล้งกุ๊กแน่ๆ เลย

ยิ่งยัยมินสาวเปรี้ยวจอมแสบนี่ยิ่งอันตราย ไว้ใจไม่เคยได้เลยค่ะ เคยมีตอนที่เราไปเที่ยวผับด้วยกันเมื่อหลายเดือนก่อน ยัยนี่พากุ๊กไปนั่งร่วมโต๊ะกับแก๊งหนุ่มๆ แปลกหน้า แล้วหนีไปกับหนุ่มหล่อในกลุ่มนั้นสองต่อสอง ทิ้งให้กุ๊กนั่งเอ๋ออยู่คนเดียวกลางวง ดีนะว่าตอนนั้นยังไม่เมาเท่าไหร่ เลยรีบชิ่งขอตัวออกมาได้ ยัยมินนะยัยมิน หน้าตาก็ดี โปรไฟล์ก็ไม่ได้บ้านๆ ดันชอบทำตัวก๋ากั่นไม่แพ้ผู้ชาย นี่ถ้าไม่ติดว่าเราสองคนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยประถมนะ แม่จะโทรไปด่ายันเช้าเลยคอยดู

ส่วนยัยเอ๋นี่ก็เพื่อนกลุ่มเดียวกันสมัยมหาลัยฯนั่นแหละค่ะ สาวแบ๊วหน้าหวาน ตาโต ปากนิด จมูกหน่อย บางทีก็โก๊ะซะจนหนุ่มๆ ที่เข้ามาจีบทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน แม้ว่าจะเป็นสาวน่ารักร่างเล็ก แต่หน้าอกหน้าใจของเอ๋ดันบึ้บบั้บสวนทางกับขนาดตัวจนยัยมินต้องอิจฉา แกล้งบีบแกล้งจับอยู่บ่อยๆ เลยล่ะค่ะ ก็แหม ในกลุ่มเพื่อนซี้ 3 คนนี้ กุ๊กเองด้วยความที่เป็นคนอวบๆ แม้ว่าจะผอมลงไปแล้ว แต่ตรงอกก็ยังเด่นชัดด้วยขนาด 36C ขณะที่อีกคนตัวเล็กกระจิ๊ดริด แต่ดั๊นมีไขมันอุดตันอยู่ในปอด ปาเข้าไปตั้ง 32D แน่ะ ขณะที่ยัยมินคนที่เปรี้ยวที่สุด จัดจ้านที่สุดในแก๊ง กลับคอยพกไม้กระดานติดตัวด้วยไซส์ 33A ซะนี่ ฮ่าๆๆๆ สมน้ำหน้ามัน ซึ่งหลังจากที่กุ๊กเล่าเรื่องแต่งงานให้ทั้งสองคนฟัง ยัยมินก็รีบเสนอคอร์สเสริมสวยสำหรับเจ้าสาวให้ทันที เล่าให้ฟังเป็นฉากๆ ว่าต้องเตรียมทำอะไรบ้าง ต้องไปสปาผิวที่ไหนบ้าง เรียกว่าเล็คเชอร์กันแบบฟรีๆ เลย

“ทำไมมึงรู้เยอะจังวะมิน ทั้งที่ไม่เห็นจะมีผั.. เอ้ยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเค้าซักที”
“อ้าวอีกุ๊ก! ปากเหรอน่ะมึง ทำไม? กูจะศึกษาลู่ทางเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้าบ้างไม่ได้รึไง ทีมึงกับเอ๋ ไม่เห็นเคยคิดสนใจจะมีผัวกัน รู้ตัวอีกทีแม่งจะสละคานทิ้งกูกันหมด เนี่ย! ดูซิ อีนังเอ๋แม่งป่องเอาป่องเอา คนล่าสุดในท้องนี่ก็เดือนกว่าแล้วนะมึง อีพวกนี้นี่ แรดเงียบกันทั้งนั้น ชิ!” มินบ่นไม่หยุดพลางเอามือลูบท้องเอ๋ไปด้วย
“ก็มึงเรื่องมากเองนี่หว่า พี่เจมส์ที่ว่าหล่อนักหล่อหนา มึงก็ดันถอยห่างออกมาเองไม่ใช่รึไง” ยัยเอ๋ถองเข้าไปหนึ่งดอก
“โห่มึง ก็พี่เค้าแม่งเจ้าชู้ขนาดนั้น ใครจะกล้าไปเสี่ยงคบจริงจังด้วยวะ นี่กูพึ่งจับได้ไม่นานมานี้เองนะ ว่ามันแอบดอดไปกิ๊กกับเด็กฝึกงานที่บริษัทตัวเองอ่ะ คิดดูดิมึงงงง” คำพูดของมินพาลให้กุ๊กอดนึกไปถึงพี่โจ้ ว่าที่เจ้าบ่าวตัวเองไม่ได้ เออเนาะ ผู้ชายหน้าตาดีนี่ ส่วนใหญ่ก็มาแนวนี้ทั้งนั้น แถมพี่โจ้เองก็มีคดีให้กุ๊กจับได้คาหนังคาเขาเสียด้วย ถึงหลังๆ จะดูสงบเสงี่ยมลงไปแล้วก็เถอะ แบบนี้แล้วกุ๊กจะคุมพี่เค้าได้ตลอดรอดฝั่งมั้ยเนี่ย เฮ้อ คิดแล้วก็กลุ้มใจเปล่าๆ

กุ๊กขอตัวแยกจากเพื่อนหลังจากนั่งเม้าท์กันอยู่ในร้านเบเกอรี่เป็นชั่วโมงๆ หอบเอาใบปลิวคลีนิคเสริมสวยชั้นนำที่ยัยมินแนะนำกลับบ้านมาเป็นปึกๆ อย่างกับแนวข้อสอบ กะว่าจะเอามาให้พี่โจ้ช่วยเลือกให้ซักหน่อย เพราะเลือกคนเดียวคงตัดสินใจไม่ถูกแน่

“พี่ว่าแพ็คเกจสปากับนวดเสริมสวยก็โอเคนะ ราคาก็ไม่ได้แพงมากด้วย” พี่โจ้พูดขึ้น ในมือถือโบรชัวส์ของร้านสปาชื่อแปลกๆ มาให้กุ๊กดู
“อืม หนูก็ว่าจะลองดูพวกนี้แหละ เห็นว่ามันมีขัดผิวฟรีให้ด้วย” กุ๊กเอื้อมมือไปหยิบใบปลิวนั้นมาดูแบบละเอียด
“เออ จะว่าไป ถ้ากุ๊กอยากไปนวดบำรุงผิวอ่ะ พี่จะบอกว่าพี่รู้จักเพื่อนที่ทำพวกนี้อยู่นะ จะลองไปดูก่อนมั้ยล่ะ เผื่อว่าจะขอมันลดครึ่งราคาได้ด้วย ยังไงก็คนกันเอง ถ้าไม่ดีเราก็ค่อยเปลี่ยนไปทำที่อื่นแทนก็ได้ ถือซะว่าทดลองหลายๆ ที่”
“โห ลดครึ่งราคาเลยเหรอพี่ นี่เพื่อนหรือสาวที่เคยคั่วกันแน่เนี่ย บอกมาเลยนะ” กุ๊กแกล้งชี้นิ้วทำท่าดุๆ ใส่พี่โจ้
“เพื่อนคร้าบเพื่อน แหม คิดแง่ร้ายตลอดเลยนะเรา เพื่อนผู้ชายน่า ไอ้หนึ่งนี่รู้จักกันตั้งแต่สมัยม.ต้นแล้ว คุยได้ สบายมาก”
“โอเค งั้นลองไปดูก็ได้ ถ้าได้ลองฟรีซักทีก็ดีดิเนอะ ฮิฮิ” กุ๊กตกปากรับคำพี่แกไปง่ายๆ โดยไม่ได้รู้เลยว่า อีตาพี่โจ้จอมแสบเนี่ย มันวางแผนแกล้งทรมานแฟนตัวเองเอาไว้แบบแสบทรวงสุดๆ

พี่โจ้พากุ๊กมาถึงหน้าร้านนวดสปาแถวๆ ย่านเอกมัย ป้ายหน้าร้านเขียนชื่อตัวหนังสือฟ้อนท์ลายไทยตวัดโค้งเอาไว้ว่า 'La-Ong-Fong Massage & Spa' ตัวร้านตกแต่งเป็นแบบเดียวกับร้านสปาเสริมความงามทั่วไป ประตูกระจกใสติดเคลือบเอาไว้ด้วยสติกเกอร์ฝ้าสีเทา เว้นพื้นที่ให้พอมองเห็นเข้าไปในร้านได้ในบางมุม ด้านในเป็นห้องรับลูกค้า มีโซฟายาวสีขาวตั้งเรียงกันเป็นคู่ๆ พร้อมชุดโต๊ะรับแขกและตู้เก็บนิตยสารวางเรียงรอไว้ครบครัน ลึกเข้าไปด้านหลังมีการแบ่งสัดส่วน มีทั้งห้องนวดรวมแบบนวดแผนไทย สำหรับลูกค้าที่มานวดตัว นวดเท้า หรือนวดคอบ่าไหล่เพื่อคลายปวดธรรมดา รวมไปถึงห้องนวดแบบส่วนตัว สำหรับลูกค้าที่จะมานวดเสริมความงาม และทำสปาไปพร้อมๆ กัน ซึ่งพอดูราคาคอร์สแล้วก็แอบสะอึกเหมือนกันนะเนี่ย แต่พอพี่โจ้ยืนยันว่าครั้งนี้ได้ทดลองนวดฟรีแน่นอน ก็เลยค่อนข้างใจชื้นขึ้นมาหน่อย พี่หนึ่ง เจ้าของร้านเดินออกมาทักทายพวกเราอย่างเป็นกันเอง เราพูดคุยกันพอหอมปากหอมคอ ก่อนที่พี่โจ้จะขอแยกไปคุยกับพี่หนึ่งรำลึกความหลังกันสองคน โดยให้พนักงานหญิงพาตัวกุ๊กไปที่ห้อง เพื่อเตรียมตัวนวดคอร์สใหญ่แบบจัดเต็ม

น้องปลา พนักงานนวดสาววัยรุ่นเดินพากุ๊กเข้ามาถึงห้องนวดด้านใน ภายในห้องมีโซฟายาวตั้งรออยู่กับชุดรับแขก มีคอมพิวเตอร์พีซีตั้งอยู่สำหรับให้ลูกค้าที่มารอได้ใช้งานเล่นอินเตอร์เน็ตไปพลางๆ โห ครบเครื่องเหมือนกันนะเนี่ย ขณะที่ตัวห้องสำหรับนวดจริงๆ นั้นต้องเดินเข้าไปด้านในอีกที มีผนังและประตูกั้นปิดทึบ ตรงกลางติดกระจกบานใหญ่ยาวครอบผนังสองฝั่งเอาไว้ ซึ่งตอนแรกกุ๊กเองก็นึกว่ามันเป็นแค่กระจกเงาสำหรับเอาไว้ยืนส่องเช็คความเรียบร้อยเฉยๆ ซะอีก ที่ไหนได้ มันดันเป็นกระจกเงาสะท้อนแบบด้านเดียว มองเห็นเฉพาะจากภายใน ซึ่งคนที่รออยู่ข้างนอก จะไม่สามารถมองเข้าไปเห็นด้านในของห้องนวดได้เลย

น้องปลาพากุ๊กเข้ามาในห้องแต่งตัวด้านในเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับเริ่มต้นคอร์ส โดยค่อยๆ ถอดชุดเดรสกระโปรงและชุดชั้นในออกจนหมด รู้สึกโล่งๆ นิดๆ ก่อนจะหยิบเอาผ้าขนหนูผืนใหญ่สีขาวขึ้นมาพันคลุมรอบกายแล้วเดินตามน้องปลาออกไปอย่างว่าง่าย ขั้นตอนแรกก็คือการอาบน้ำแร่แช่น้ำนมที่เราคุ้นเคยกันดีนี่เอง ขั้นตอนการแช่น้ำแร่ผสมน้ำนมของที่นี่คือการผสมผสานระหว่างการอาบแช่น้ำนมสูตรเข้มข้น ซึ่งโรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบสดสีแดงสวย โดยมีการอุ่นน้ำในอ่างด้วยอุณหภูมิพอเหมาะ เพื่อขยายเปิดรูขุมขนให้น้ำนมซึมเข้าไปบำรุงผิวกายภายในอีกที พร้อมกลิ่นหอมฟุ้งจากกลีบกุหลาบสด ที่ช่วยให้จิตใจผ่อนคลายสบายตัว

กุ๊กแช่อยู่ในอ่างคนเดียวจนเกือบจะเคลิ้มหลับ น้องปลาก็เปิดประตูเข้ามา เพื่อพากุ๊กไปยังขั้นตอนที่ 2 นั่นคือการขัดตัวขจัดเซลล์ผิวเสียและขี้ไคลออกให้หมด โดยน้องปลาให้กุ๊กขึ้นไปนอนคว่ำหน้าบนเตียงนวด ขยับผ้าขนหนูที่คลุมตัวลงไปทบไว้ที่บั้นเอว แล้วใช้เปลือกแข็งๆ อะไรซักอย่าง ค่อยๆ ขัดไปที่แผ่นหลังของกุ๊กจนรู้สึกได้ว่าขี้ไคลที่เกาะอยู่หลุดลอกออกมาเป็นแถบ น้องปลาค่อยๆ ออกแรงขัดผิวกุ๊กแบบนุ่มนวลสลับกับกดเน้นๆ เป็นจังหวะต่อเนื่อง ไล่ตั้งแต่แผ่นหลังเนียน ไล่ไปตามไหล่ แขน ย้อนกลับมาที่สะโพก ขาแล้วก็น่อง ก่อนจะจับตัวกุ๊กพลิกขึ้นมานอนหงาย โดยที่มีผ้าขนหนูปกปิดเฉพาะช่วงล่างเอาไว้ โอยยยย เขินโคตรๆ ที่ต้องมานอนเปลือยอกให้น้องเค้านวดตัวอยู่แบบนี้ แต่ดีนะเนี่ยที่หมอนวดยังเป็นผู้หญิงด้วยกัน ถ้าเกิดเป็นผู้ชายล่ะก็ รับรองว่ากุ๊กคงทำอะไรไม่ถูกแน่ๆ ค่ะ

น้องปลานวดอยู่พักนึงก็เริ่มหันมาจัดการกับเส้นขนรำไรตามเนื้อตัวของกุ๊ก น้องเค้าช่วยแว็กซ์ขนแขนและขนหน้าแข้งที่ค่อนข้างขึ้นชัดออกไปจนกุ๊กน้ำตาเล็ด ไม่เว้นแม้แต่ขนตรงจุดลับกับบริเวณบั้นท้ายที่มีขึ้นประปราย ก็โดนน้องเค้าเล็มๆ ออกให้จนมันเป็นทรงสวย ระหว่างที่โดนตัดแต่งทรงผมให้ กุ๊กก็ได้แต่นอนหลับตาหน้าแดงแป๊ด ไม่กล้าสบตากับน้องปลาเลย่คะ ถึงจะรู้ว่าน้องเค้าไม่ได้คิดอะไร เพราะเจอมาเยอะแล้วก็เหอะ แต่เราเองนั่นแหละ ที่พึ่งเคยจะมานอนแก้ผ้าให้คนอื่นปู้ยี่ปู้ยำร่างกายแบบนี้ หลังจากที่ขัดผิวและแว็กซ์ขนเรียบร้อยแล้ว น้องปลาก็บอกให้กุ๊กเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกรอบ เพื่อเตรียมที่จะไปนวดน้ำมันในขั้นตอนสุดท้าย กุ๊กจึงพันผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว หยิบเอากางเกงในกระดาษสีครีมขุ่นที่ทางร้านเตรียมไว้ให้มาสวม เนื้อผ้าของมันนิ่มๆ แปลกๆ เหมือนพร้อมจะขาดได้ในทุกเมื่อที่โดนน้ำ ความบางนั้นไม่ต้องพูดถึง พอเสร็จแล้วก็พันผ้าขนหนูผืนหนาคลุมทับอีกที ก่อนจะออกมานั่งรอน้องปลาบนโซฟา

พี่โจ้กับพี่หนึ่งเดินตามเข้ามาสมทบในห้อง พร้อมกับน้องเอก พนักงานนวดหนุ่มหน้าตาใช้ได้ รูปร่างกำยำพอสมควร ฟังจากน้ำเสียงแล้วท่าทางจะยังเด็กๆ อายุ 20 ต้นๆ อยู่เลย น้องเอกไหว้สวัสดีกุ๊กที่รับไหว้แบบเขินๆ ก็แหม มีผู้ชายแปลกหน้าตั้งสองคนมายืนอยู่ในห้องเดียวกัน โดยที่เนื้อตัวของกุ๊กก็มีแค่ผ้าขนหนูกับกางเกงในบางๆ ปกปิดร่างกายอยู่นี่คะ ก็ต้องแอบเขินเป็นธรรมดา น้องปลาเตรียมห้องนวดเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาเรียกให้กุ๊กเข้าไป แอบตกใจเหมือนกันที่เห็นน้องเอกเดินตามเข้ามาด้วย ไม่นึกว่าน้องเค้าจะเป็นคนนวดให้นะเนี่ย กุ๊กเขินสุดๆ จนต้องออกมาตั้งหลักข้างนอกกับพี่โจ้

“ไม่เป็นไรหรอกครับกุ๊ก เอกเค้ามืออาชีพ นวดคอร์สพวกนี้มาหลายปีแล้ว แถมมีปลาช่วยดูแลอยู่ด้วย รับรองไม่มีเรื่องอะไรน่ากลัวแน่นอน” พี่หนึ่งพูดยืนยันความปลอดภัยเป็นมั่นเป็นเหมาะ กุ๊กฟังแล้วก็ได้แต่หันไปมองหน้าพี่โจ้อย่างหวาดๆ
“ทำตัวสบายๆ นะคนดี ไม่ต้องกลัวหรอก พี่ก็นั่งรออยู่ข้างนอกนี่ทั้งคน” พี่โจ้ลูบหัวแล้วส่งยิ้มหวานมาให้ เมื่อไม่มีทางเลือกกุ๊กจึงต้องยอมเดินเข้าลานประหารไปแบบอึนๆ ได้ยินเสียงน้องปลาปิดประตูแล้วอดใจสั่นไม่ได้ มองผ่านกระจกออกไปเห็นพี่โจ้กับพี่หนึ่งเริ่มหันไปคุยอะไรกันอีกแล้ว ไม่สนใจกุ๊กเลย ฮือๆๆๆ กุ๊กปีนขึ้นไปนอนคว่ำบนเตียง

“ขออนุญาตนะครับพี่” น้องเอกพูดยกมือไหว้ กุ๊กผงกหัวเบาๆ เป็นคำตอบ น้องเอกค่อยๆ คลี่กางผ้าขนหนูที่ห่อตัวกุ๊กอยู่ออกมา วางพาดเป็นแนวยาวไว้ที่สะโพก น้องปลาหยิบขวดน้ำมันอโรม่าขึ้นมาบีบราดลงไปกลางหลังเนียนเรียบ ใช้ฝ่ามือค่อยบี้ทาน้ำมันให้แผ่กระจายไปทั่วแผ่นหลังจนเป็นวงกว้าง เสร็จแล้วก็ถอยห่างออกไป เปิดทางให้น้องเอกค่อยๆ ออกแรงบีบนวดลงไปเบาๆ
“ถ้าเจ็บบอกได้เลยนะครับพี่” กุ๊กพยักหน้าตอบ ไม่กล้าส่งเสียงออกไป ในหัวตอนนี้มีแต่ความตื่นเต้นที่ต้องมาถูกชายหนุ่มคนอื่นที่ไม่ใช่แฟน ฟอนเฟ้นร่างกายเราอยู่แบบนี้ สัมผัสจากมือของเอกมีทั้งหนักแน่นสลับกับแผ่วเบาไปมา แต่ที่แน่ๆ คือแรงดีกว่าน้องปลามาก บางจังหวะที่นวดกดเส้นให้หนักๆ ก็ทำเอากุ๊กเคลิ้มแทบจะหลับไปเลย น้องเค้านวดเก่งจริงๆ ค่ะ แต่ยังไม่ทันจะได้หลับก็ต้องสะดุ้งซะก่อน เพราะมือของน้องเอกตอนนี้เริ่มจะป้วนเปี้ยนลงไปบริเวณสะโพกซะแล้ว พอกุ๊กทำท่าเหมือนจะหันไปมอง น้องเอกก็รีบเลื่อนมือลงไปนวดลูบตามข้อเท้า ไล่สลับกับนวดตามน่องไปมา ความเจ็บแปร๊บๆ จากที่โดนบีบน่อง ทำให้กุ๊กหันเหความสนใจมาทางนี้แทน

“อุ๊ยย เจ็บค่ะ เจ็บๆๆ” น้องเอกค่อยๆ ลดมือลง ผ่อนจังหวะบีบนวดเบาๆ ขณะที่น้องปลาก็คอยช่วยเติมน้ำมันกลิ่นหอมให้ไม่ขาด ซักพักน้องเอกก็เหมือนจะเริ่มซุกซนอีกแล้ว น้องเค้าค่อยๆ เลื่อนมือบีบนวดขึ้นมาจากน่องขา สอดขึ้นมาใต้ผ้าขนหนู ไล่มาจนถึงบริเวณต้นขาอ่อนด้านหลังของกุ๊ก เล่นเอาตัวสั่นใจเต้นหวิวๆ เลยค่ะ คราวนี้กุ๊กไม่กล้าหันหน้าไปมองอีก เพราะกลัวว่าหันไปบ่อยๆ น้องเค้าจะอึดอัดนวดไม่ถูก แต่นั่นเป็นความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัยค่ะ เพราะพอเห็นว่ากุ๊กไม่มีอาการต่อต้าน น้องเอกเลยยิ่งได้ใจ ค่อยๆ ขยับมือนวดสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนมันแทบจะบีบเข้าไปตรงกลางแก้มก้นกลมกลึงอยู่แล้ว

กุ๊กพยายามกลั้นหายใจไว้ไม่ให้ตัวสั่น แต่พอสองมือของน้องเอกบีบหมับเข้ามาที่ก้นเต็มๆ ก็เผลอสะดุ้งจนต้องผ่อนลมหายใจออกมาแรงๆ ดัง ฮื่ออออออ น้องเอกก็ยังคงนวดต่อไปเหมือนกับเป็นเรื่องธรรมดา กุ๊กเลยคิดไปเองว่า อ๋อ ปกติเค้าก็นวดกันแบบนี้อยู่แล้วล่ะมั้ง ผ่านไปครู่หนึ่งน้องปลาก็ดึงผ้าขนหนูขึ้นมาปิดคลุมตัวกุ๊กเหมือนเดิม แล้วบอกให้กุ๊กขยับขึ้นมานอนหงายแทน เอาล่ะค่ะ คราวนี้ไม่มีที่ให้หนีให้หลบตากันอีกแล้ว กุ๊กชันตัวลุกขึ้น แล้วขยับเอนตัวนอนหงายลงไปกับเตียง ผ้าขนหนูขาวสะอาดถูกดันนูนอยู่บนหน้าอกอวบๆ คู่นั้น มันสั่นกระเพื่อมตามจังหวะหายใจที่ลึกผิดปกติเพราะความตื่นเต้น อายด้วยที่มีคนมาเห็นพุงน้อยๆ แผ่หราโชว์อยู่แบบนี้ ในใจก็คิดแค่ว่าเอาไงดีน้อทีนี้

แต่อีตาหมอนวดคนนี้สิคะ ไม่ยอมเว้นช่วงให้ได้พักกันเลย กลับใช้สองมือหนาๆ คู่นั้นกวาดลูบลงมาบริเวณหน้าท้องจนกุ๊กตัวแอ่นเพราะความสยิวและจั๊กกะจี้ ปลายนิ้วของน้องเค้าลูบไล้กวาดเป็นทาง สัมผัสของมันสร้างความสบายตัวแต่ไม่สบายใจไปพร้อมๆ กัน มันเป็นความรู้สึกอึ้ง เหวอ ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เกร็งตัวนอนนิ่งให้เค้าลูบคลำอยู่อย่างนั้น
“ฮืมมมมมมม” กุ๊กพ่นลมหายใจออกมายาวๆ เมื่อถูกน้องเอกใช้มือคลึงไล่ขึ้นมาจากช่วงหน้าท้อง ไปหยุดยอยู่บริเวณซี่โครงใต้ราวนม ต่างฝ่ายต่างลุ้นกันอยู่ว่าจะโดนมิโดนแหล่ ก็พอดีว่าน้องปลาขยับเข้ามา บีบน้ำมันเพิ่มให้เป็นการลั่นระฆังหมดยก พอน้องปลาถอยหลังออกไป น้องเอกก็รีบปรี่เข้ามาใหม่ สองมือก็ยังคงลูบไล้ไปมาบริเวณหน้าท้องขาวอวบ คราวนี้น้องเอกไม่รอช้า เลื่อนมือบีบขึ้นมาถึงบริเวณใต้ราวนม ปลายนิ้วสัมผัสเฉียดเข้ากับก้อนเนื้อนุ่มๆ ก่อนจะแหวกออกด้านข้างโลมไล้ไปมาบริเวณไหปลาร้าและตรงบ่า

“อืออออ....” กุ๊กหลับตาพริ้ม รู้สึกตัวมันเบาๆ หวิวๆ แปลกๆ นึกว่าจะรอดแล้ว ที่ไหนได้ น้องเอกดันบอกขออนุญาตลวกๆ แบบไม่รอคำตอบ แล้วดึงผ้าขนหนูที่ปิดหน้าอกกุ๊กไว้ เอามาพับปิดสะโพกด้านล่างจนหน้าอกกุ๊กโผล่ออกมาท้าทายสายตา
“ว้าย!” เสียงกุ๊กร้องลั่นด้วยอารามตกใจ ยันตัวลุกขึ้นเอามือปิดหน้าอกไว้ หันหน้าไปหาพวกพี่โจ้เพื่อขอความช่วยเหลือ เลยได้รู้ตอนนี้นี่แหละว่ามันเป็นกระจกเงาแบบมองเห็นด้านเดียวจากภายใน แถมห้องนี้ยังออกแบบมาให้เป็นห้องเก็บเสียงอีกด้วย อีตาพี่โจ้ที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรจึงเอาแต่นั่งคุยกับพี่หนึ่งอย่างออกรส ในมือก็ถือกระป๋องเบียร์กระดกไปด้วยอย่างเพลิดเพลิน อีตาบ้านี่ เมียโดนลวนลามกึ่งเปลือยอยู่แบบนี้ ใจคอไม่คิดจะสนใจอะไรหน่อยเหรอยะ

“ไม่ต้องกลัวนะคะพี่กุ๊ก เอกเค้าแค่จะนวดกระชับทรวงอกให้ตามขั้นตอนเฉยๆ ค่ะ” น้องปลารีบพูดออกตัว
“แต่ว่ามัน.. มันแปลกๆ นะ”
“ถ้าพี่กุ๊กไม่สะดวก เดี๋ยวตรงส่วนนี้ให้ปลาเป็นคนนวดให้แทนก็ได้ค่ะ จะได้ไม่เขินกัน”
“เอ่อ คือ...” กุ๊กลังเลไม่รู้จะตอบน้องเค้าไปยังไง แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธเพราะกลัวจะโดนหาว่าเรื่องมาก มาใช้บริการฟรีแล้วยังจุกจิกจู้จี้อีก ก็เลยต้องยอมให้น้องปลาขยับเข้ามานวดหน้าอกให้แทน แต่ถึงแม้ว่าคนนวดจะเป็นผู้หญิงด้วยกัน และมีการเอาผ้าขนหนูมาปิดบังด้านบนเอาไว้แล้วก็เถอะ กุ๊กก็ยังอดหวิวๆ ใจไม่ได้ เมื่อโดนมือน้องปลาบีบนวดเข้ามาเต็มๆ สองเต้า

ปลายนิ้วของปลาขยับคล่องแคล่วไม่ต่างอะไรจากเอก บางจังหวะยังดูเหมือนจะพริ้วไหวกว่าด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่ากุ๊กรู้สึกไปเองรึเปล่านะ แต่เหมือนน้องปลาจะพยายามนวดเฉี่ยวบริเวณหัวนมกุ๊กเป็นระยะๆ เล่นเอาเสียวจนตัวเกร็งไปเหมือนกัน แรกๆ มันก็ยังรู้สึกตึงๆ ดีอยู่หรอก แต่ซักพักมันก็เริ่มจะไม่ใช่การนวดธรรมดาแล้ว เพราะเริ่มมีการลูบไล้บริเวณหัวนมบ่อยขึ้นเรื่อยๆ ยังไม่ทันที่กุ๊กจะบอกขอพัก น้องเอกที่ยืนคอยอยู่ ก็ค่อยๆ ขยับเข้ามา วางมือแหมะลงบนหน้าขาของกุ๊กโดยไม่ทันตั้งตัว

“อุ๊ย..!?” กุ๊กหลุดอุทานออกไปเบาๆ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะไม่รู้ว่าน้องเค้ากำลังจะทำอะไรกันแน่ เอกค่อยๆ ใช้มือสากๆ ลูบไปมาอยู่ที่หน้าขา บีบนวดเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ไล่ขึ้นมาถึงบริเวณโคนขาหนีบ ลากปาดเฉี่ยวไปมาเหมือนจะแกล้งยั่วให้กุ๊กรู้สึกอะไรบางอย่าง ซึ่งบอกตรงๆ เลยว่า มันก็รู้สึกตั้งแต่โดนลูบด้านบนแล้วนะนั่น ขณะที่น้องปลาเองก็ไม่น้อยหน้า ใช้สองมือสลับกันบีบคลึงอกกุ๊กอย่างเชี่ยวชาญ คล้ายกับว่าผู้หญิงด้วยกันก็ย่อมรู้จุดพึงใจของกันและกันได้ดีที่สุด ความรู้สึกที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กันทั้งสองทางทำให้กุ๊กเริ่มจะหมดแรงลงไปเรื่อยๆ
“อือออออ... พี่ว่า... เราพักก่อนมั้ย?”

“อีกแป๊บเดียวก็เสร็จแล้วค่ะ ทนอีกนิดนึงนะคะ” น้องปลาตอบพลางเร่งมือหนักขึ้นไปอีก น้องเอกเองก็คงกลัวว่ากุ๊กจะตั้งสติได้เสียก่อน เลยรีบสอดมือเข้ามาลูบตรงเป้ากางเกงในกระดาษของกุ๊กแบบเต็มๆ ไม่ต้องยั้งกันอีกต่อไป ทันทีที่นิ้วสัมผัสเข้ากับเป้า ความสยิวก็พุ่งสะท้านไปทั่วร่างกุ๊ก กางเกงในกระดาษที่เปียกชุ่มมาพอสมควร จากทั้งคราบน้ำมันอโรม่าที่ราดลงไป รวมกับคราบน้ำอะไรบางอย่างที่กำลังค่อยๆ ซึมออกมาจากภายในตัว  จึงทำให้เนื้อกางเกงในค่อยๆ ขาดออกจากแรงเสียดทานที่เกิดขึ้น

“ว้าย! ตายแล้ว เอก... ไม่เอานะ!” กุ๊กพยายามชันตัวขึ้นไปห้าม แต่เอกกลับยิ่งออกแรงคลึงน้องสาวของกุ๊กหนักข้อขึ้นไปอีกจนแทบจะลุกไม่ขึ้น น้องปลาเองก็คอยช่วยอีกแรงด้วยการก้มหน้าลงไปงับเบาๆ ที่หน้าอกกุ๊ก คราวนี้กุ๊กรู้ตัวชัดๆ แล้วว่านี่ไม่ใช่การนวดธรรมดาแน่ พยายามจะร้องเรียกให้พี่โจ้เข้ามาช่วย แต่เรี่ยวแรงก็ขาดหายไปหมด มีแต่ความเสียวที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นมาเกาะกุมร่างกายจนหนักอึ้งไปหมด หันไปมองหาพี่โจ้ ก็เห็นว่าแกกำลังนั่งอ่านนิตยสารฟุตบอลรออยู่คนเดียว โดยไม่เห็นตัวพี่หนึ่งแล้ว




ฟูมฟักรสรักให้เมียสาว เสียวคูณสอง #10

 
 
 

8 โมงเช้าวันอาทิตย์ ท้องฟ้าที่น่านตอนนี้กำลังค่อยๆ ผลิไอแดด แผ่รังสีความร้อนพุ่งทะลุผ่านแผงกำแพงเมฆ ส่องสว่างวาบตกกระทบเข้ากับหลังคาเรือน เป็นสัญญาณถึงการเริ่มต้นของวันใหม่

สองสาวพี่น้องทั้งกุ๊กและแก้ว กำลังตั้งหน้าตั้งตาช่วยกันเตรียมวัตถุดิบในครัว ทั้งเนื้อ ผัก และเครื่องปรุงต่างๆ เพื่อช่วยผู้เป็นแม่จัดเตรียมกับข้าวสำหรับเลี้ยงบรรดาญาติๆ ซึ่งกำลังจะดาหน้ามาชุมนุมกันที่บ้านของพวกเธอในตอนเที่ยงวันนี้

“เฮ้อ... ไม่รู้แม่เค้าจะนึกคึกอะไรขึ้นมาเนาะ ก็แค่นัดเคลียร์เอกสารกันแค่นี้ ไม่รู้จะต้องมานั่งทำกับข้าวเลี้ยงกันทำไม ไปซื้อร้านป้าจันทร์ปากซอยเอาก็ยังได้” สาวกุ๊กบ่นอุบอิบ ระหว่างที่กำลังนั่งตำกระเทียมในครกจนมันแหลกละเอียด
“เออน่ะ ทำๆ ไปเหอะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว เดี๋ยวบ่ายๆ ก็จบเรื่องแล้ว ทีนี้แกจะไปทำอะไรก็ทำ” แก้วดุน้องสาว พร้อมกับใช้มือเด็ดใบกระเพราออกมาล้างน้ำ

“ก็มันน่าเบื่ออ่า เจ๊ก็รู้นี่นาว่าหนูไม่ชอบทำอาหารนี่ ง่วงก็ง่วง ฮ้าว..... ววว” หญิงสาวอ้าปากหาวกว้างจนน้ำตาเล็ด
“หัดทำไว้มั่งเหอะ เป็นแม่บ้านแม่เรือนน่ะ แฟนจะได้รักได้หลงหน่อย แล้วอีกอย่าง... ไหนๆ แกก็เป็นคนกินเก่งอยู่แล้ว ก็หัดทำไว้กินเองด้วยเลย ไม่ใช่เอาแต่กินจนอ้วนเป็นหมู แต่ดันทำอาหารอะไรไม่เป็นซักอย่าง” แก้วยังเทศน์ไม่หยุด
“ฮู่ย... ก็นั่นมันเมื่อก่อนนี่นา เดี๋ยวนี้หนูก็ไม่ได้อ้วนแล้วน้า ส่วนพี่โจ้เค้าก็ไม่เห็นว่าอะไรเลยเรื่องกินเนี่ย” กุ๊กตัดพ้อกลับมาหน้างอ

“เค้าอาจจะอยากบ่นแต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมาก็ได้ย่ะ ระวังเถอะ เดี๋ยวถ้าอ้วนอีกรอบ พี่เค้าเกิดเบื่อขึ้นมา เดี๋ยวก็ได้แอบหนีไปมีกิ๊กอีกหรอก” แก้วพูดขู่ด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนกุ๊กเองก็ออกอาการ ทำสีหน้าแหยๆ ตามไปด้วย
“เฮ้ย... ไม่เอาดิ เจ๊อ้ะ อย่าแช่งกันแบบนี้ดิ”

“ไม่ได้แช่งย่ะ ก็เห็นพี่เค้าเจ้าชู้ กะล่อนออกขนาดนั้น แถมก่อนหน้านี้ก็เคยมีประเด็นมาก่อนแล้วไม่ใช่รึไง?” แก้วยักคิ้วถาม
“ก็.. ก็... เดี๋ยวนี้พี่โจ้เค้าโอเคแล้วน้า เค้าก็ไม่ได้ไปว่อกแว่กที่ไหนแล้วอ่ะ” กุ๊กรีบพูดแก้ตัวให้สามี มือที่คอยตำกระเทียมอยู่ก็เริ่มที่จะตำผิดๆ ถูกๆ

“แล้วตกลง แกกับพี่โจ้... ก็ยังดีๆ กันอยู่ใช่มะ?”
“อื้อ”
“เออ ถ้างั้นก็ดีละ” แก้วพูดตัดบท พลางก้มหน้าก้มตาล้างผักต่อ

“แล้วเจ๊กับพี่ปูอ่ะ เมื่อไหร่จะแต่งกันซักที รอให้ 40 ก่อน เดี๋ยวก็มีลูกยากหรอก” สาวกุ๊กเป็นฝ่ายถามกลับบ้าง แต่แก้วที่ได้ฟังก็กลับนิ่งเงียบไปเหมือนถูกถามแทงใจดำ
“ไม่รู้ดิ ถ้าจะแต่งเมื่อไหร่ก็คงแต่ง ถ้ามีไม่ได้... ก็คงไม่มีมั้ง” เธอตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่สีหน้ากลับแฝงอารมณ์
“เฮ้ย ทำไมพูดงั้นอ่ะ?” กุ๊กอุทานถามเสียงสูง

“ก็... ไม่รู้ว่ะ ช่างมันเหอะ อย่าไปพูดถึงเลย”
“เฮ้ย ไม่เอา เจ๊มีปัญหาอะไรก็เล่าให้ฟังดิวะ ทีของหนูเจ๊ยังซักเอาๆ แล้วทีของตัวเองงี้มาทำอ้ำๆ อึ้งๆ เนี่ยนะ” กุ๊กยังไม่ลดละความพยายาม ไล่ต้อนจนพี่สาวจนมุม

“เออ ก็ไม่มีอะไรหรอกน่า ก็แค่ว่า... คนเราพอมันคบกันมานานๆ แล้วไม่ได้แต่งไม่ได้อะไรกัน มันก็เหมือนอยู่กันเพราะความเคยชินอ่ะ แกเข้าใจป่ะ คือมันก็ยังรัก ยังผูกพันกันนะ แต่แบบ... ก็ไม่ได้โหยหาพิศวาสอะไรกันมากมายเป็นพิเศษอ่ะ มันอยู่กันจนรู้สึกว่าเป็นเหมือนเพื่อนสนิทกันไปแล้ว ก็เลย... ไม่รู้จะรีบร้อนแต่งทำไม ถ้าถึงเวลาก็คงมีของมันเอง” แก้วระบายออกมาจนหมดเปลือก

“แต่ฟังดู... เจ๊เองก็คงอยากแต่งแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“เออ ไอ้ชั้นน่ะก็อยากแต่งให้มันจบเรื่องจบราวไป ป๊ากับม้าเค้าจะได้เลิกมาห่วง มาเป็นกังวลเสียที แต่ทำไงได้วะ... ก็ปูมันก็ยังไม่พร้อม ไหนจะบ้านของครอบครัวเค้า ไหนจะรถ แค่ผ่อนสองอย่างนี้ก็แทบไม่มีจะเก็บแล้ว... จนบางทีชั้นเองก็แอบคิดนะ ว่าถ้าคบกันไปเรื่อยๆ แบบนี้ แล้วพอถึงวันนึง พอมันพร้อมแล้วมันจะเกิดเบื่อชั้นขึ้นมารึเปล่า” แก้วตัดพ้อ

“ไม่หรอกมั้ง เจ๊ก็คิดแง่ลบเกินไป คบกันนานๆ ไม่เห็นจะต้องเบื่อกันเลย อย่างพี่บอยกับพี่เป้ รุ่นพี่ที่หนูรู้จักนี่ไง คบกันตั้งนาน แต่งกันตั้งนาน ทุกวันนี้ยังไม่เห็นจะเบื่อ หรือมีปัญหาอะไรกันเลย....” สาวกุ๊กเอ่ยขึ้นมาได้เพียงเท่านี้แล้วก็เงียบไป ในหัวก็พลันนึกย้อนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างรุ่นพี่ทั้งสองและสามีของเธอขึ้นมากะทันหัน

ใครว่าไม่มีปัญหากันล่ะ...?

ขนาดว่าทั้งบอยและเป้นั้นจะดูรักใคร่และเข้าอกเข้าใจกันดีขนาดนี้ แต่ทั้งคู่เองก็ยังคงมีปัญหาเรื่องความต้องการบนเตียงขึ้นมาได้ จนถึงขั้นต้องวางแผนให้หนุ่มโจ้เข้าไปช่วยกระตุ้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคน ให้กลับมาซู่ซ่าหวือหวาอีกครั้ง

พอคิดแบบนี้แล้ว ในใจของกุ๊กก็เกิดหวั่นไหวขึ้นมา แม้ว่าเธอจะเคยเปิดอกพูดคุยกับสามีของเธอไปก่อนหน้านี้แล้วว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และเกิดขึ้นก่อนที่ทั้งเธอและโจ้จะได้รู้จักกันเสียอีก แต่ถึงกระนั้นแล้วเธอเองก็ยังแอบรู้สึกอึดอัดและประหม่าทุกครั้ง เวลาที่ต้องแวะเวียนเข้าไปพบปะพูดคุยกับพี่ๆ ที่เคารพรักทั้งสองคน หลังจากได้ฟังเรื่องราวอันสุดแสนจะเหลือเชื่อของทั้งคู่มาแล้ว

“เรื่องมันจบลงไปแล้วน่า เดี๋ยวนี้ก็คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง...?” สาวกุ๊กพยายามคิดปลอบใจตัวเอง ก่อนจะฝืนยิ้มแหยๆ ออกมาด้วยใบหน้าอึดอัดใจ เล่นเอาสาวแก้วที่เห็นถึงกับออกอาการงุนงงกับสีหน้าและท่าทางของน้องสาวตัวเอง

=======================================

กรุงเทพฯ เวลาเดียวกัน...

“อุ่ก.. อืมม.. อื้อออ.... อออ!”

เสียงครวญครางอู้อี้ของหญิงสาวร้องดังระงมขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง สลับกับเสียงท่อนเนื้อสองท่อนที่กำลังอัดกระแทกใส่ร่างของเธอพร้อมๆ กันสองทาง

“อื้มมมม.. อุ่..! อือ.... ฮื่ออออ” สาวเป้ในสภาพเปลือยเปล่าล่อนจ้อน ตอนนี้กำลังคุกเข่าโก่งโค้ง หันหน้าออกไปทางปลายเตียง ที่ด้านหลังมีร่างของหนุ่มรุ่นน้องรูปหล่อ กำลังซอยอัดกระแทกท่อนลำเข้ากลีบสาวของเธอ เสียงดังปั้บ! ปั้บ! ปั้บ! เป็นชุดๆ ราวกับปืนกล หญิงสาวเองจะร้องก็ร้องไม่ออก เพราะที่ริมฝีปากของเธอตอนนี้ กำลังโดนท่อนลำขนาดเหมาะเจาะของสามีกดกระเด้าเข้าออกด้วยความเมามัน ชายหนุ่มแหงนหน้าหลับตาปี๋ สูดปากครางอู้ๆ ใช้สองมือจับยึดศีรษะของภรรยาเอาไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะ

อารมณ์หื่นของทั้งสามคนตอนนี้เตลิดเปิดเปิงไปไกลแสนไกล สาวเป้เองก็กำลังหลับตาปี๋เฉกเช่นเดียวกับสามี ห่อปากเม้มเข้ากับท่อนเนื้อของสามีไว้แน่น พอจังหวะที่หนุ่มโจ้กระแทกอัดใส่ร่างของเธอ ศีรษะของหญิงสาวก็จะกระเด้งกระดอน ครูดเอาท่อนลำในปากเข้าออกตามไปด้วย ยิ่งโจ้กระแทกหนักหน่วงเท่าไหร่ หนุ่มบอยที่ยืนเกร็งอยู่ตรงหน้าก็จะยิ่งเสียวตามมากขึ้นไปด้วย

“อูยยย... เป้จ๋า ดูดแรงๆ ตรงนั้นแหละ อาห์...” บอยครางอย่างพึงพอใจ

ปลายลิ้นของเป้ทั้งห่อทั้งเลียไปรอบๆ ปลายหัวบานของสามี ตวัดดูดเลียที่รอยบากจนชายหนุ่มถึงกับเกร็งกระตุกขาสั่นพั่บๆ ไม่นาน หนุ่มบอยก็ทนกับลีลาของภรรยาสาวไม่ไหว กระฉูดน้ำกามใสๆ พุ่งเข้าไปในปากของเธอ สองมือเกาะเกร็งเข้าที่ศีรษะของเป้ กดแช่ท่อนเนื้อค้างเอาไว้ครู่ใหญ่ ก่อนจะค่อยๆ ถอนลำควยออกมาช้าๆ มองเห็นคราบน้ำเงี่ยนไหลยืดยาวออกมาเป็นสายบางๆ

ด้วยความที่ชายหนุ่มเองเสร็จกิจไปก่อนหน้านี้แล้วถึงสองครั้งสองครา ปริมาณของน้ำกามที่ปล่อยออกมาในคราวนี้จึงไม่เข้มข้น และไม่ได้มีจำนวนมากมายอะไรนัก สาวเป้จึงรีบกลืนมันลงคอไปพร้อมกับแสดงสีหน้าอี๋ๆ ออกมา แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไร หนุ่มโจ้ที่คอยจังหวะอยู่ทางด้านหลังก็เริ่มต้นขยับตัวอีกครั้ง

“อุ๊ย! อือ... ออออ โจ้ โอ๊ย! โจ้ ยะ... อย่ารัวแบบนั้นสิ พะ... พี่จะเสร็จเอานะ ฮือ...” หญิงสาวครวญครางด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
“เอาเลยครับพี่ ไม่ต้องเกร็งนะ ผมเองก็จะเสร็จเหมือนกัน พี่เป้เสร็จกับผมเลยนะ นี่ๆ!” หนุ่มโจ้สั่งการ พร้อมกับเร่งกระเด้าหีเธออย่างรุนแรงและรวดเร็ว เสียงแก้มก้นเด้งกระทบเข้ากับหน้าขาของชายหนุ่ม ตีคู่มากับเสียงครวญครางของภรรยาสาว ดังสนั่นสะใจเต็มสองหูของสามี

“อ่ะ... อ๋อยย ซี้ดส์.. อาห์ ตรงนั้น.. ตะ.. ตรงนั้นแหละ โอ๊ย” เป้ร้องครางลั่น สะบัดศีรษะไปมาอย่างร้อนร่าน ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก
“อืมม ผมจะแตกแล้วนะพี่... พี่เป้ใกล้รึยัง?” โจ้ถามพร้อมกับค่อยๆ ผ่อนจังหวะสลับลงมาสาวเอวแบบยาวๆ บ้าง
“อื้อออ... โอ๊ยยย ไม่ไหว... พี่จะเสร็จอีกแล้ว” หญิงสาวร้องตอบเสียงสั่น ทั้งส่ายหน้าและพยักหน้าไปในคราวเดียวกัน

เจ้าหนุ่มที่เห็นแบบนั้นจึงเร่งเครื่องแบบสุดตัว โถมกายเข้าอัดกับร่างของสาวรุ่นพี่อย่างหนักหน่วง เสียงเนื้อกระทบแนบเนื้อดัง ปั้บ! ปั้บ! ปั้บบ... บบบ!! จนสาวเป้ตัวลอย

“โอ๊ย... ยยย สสส... ซี้ดดดดส์ พี่... พี่... อ๋าาาา! พี่ถึงละ.. แล้วววววว” สาวเป้ร้องลั่น ฟุบหน้าเข้าหาเตียง ยื่นมือไปคว้าท่อนแขนของสามีที่นั่งอยู่ข้างๆ จิกมือลงไปเต็มกำมือด้วยอาการเสียวเกร็ง หนุ่มบอยที่เห็นอาการของภรรยาก็รีบโน้มตัวเข้าไปกอดเธอเอาไว้แน่น
“อุ๊บ.. แตก... แตกแล้วครับ” หนุ่มรุ่นน้องร้องออกมาเบาๆ พร้อมกับจับยึดสะโพกของเป้ แอ่นควยกระฉูดน้ำเชื้อพุ่งเข้าไปในช่องคลอดของเธอแบบสุดกลั้น

“อาห์...” โจ้ครางออกมาอย่างโล่งสบาย ขณะกำลังค่อยๆ ถอนดุ้นเนื้อที่เริ่มจะอ่อนตัวออกมาช้าๆ มองเห็นคราบน้ำสีขาวขุ่น ไหลย้อยตามออกมา ก่อนจะหยดแหมะลงไปบนเตียง พอเสร็จกิจปั๊บชายหนุ่มก็ทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดแรง หอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน

สองหนุ่มนั้นเสร็จกิจกันแบบเต็มอิ่ม แข้งขาอ่อนปวกเปียกหมดเรี่ยวแรงไปตามๆ กัน แม้แต่หนุ่มบอยที่เคยอ่อนด้อยกับลีลารัก แต่ด้วยการฝึกปรือและคอยบำรุงร่างกายตามคำแนะนำของหนุ่มรุ่นน้อง รวมถึงยังได้แรงกระตุ้นจากฤทธิ์ของยาปลุกเซ็กส์อีกต่อหนึ่ง  ทำให้หนุ่มรุ่นพี่ผู้อ่อนเชิง สามารถปฏิบัติกิจกามในค่ำคืนนี้ได้อย่างสุดสวิงริงโก้อีโต้บั้มพ์ น้ำแตกสบายตัวไปอย่างสาสมใจ

นับประสาอะไรกับสาวเป้ที่เสร็จแล้วเสร็จอีกจนแทบจะนับครั้งไม่ถ้วน มันเป็นประสบการณ์ทางเพศที่เสียวซ่านที่สุดในชีวิตของเธอ ทั้งการถูกรุมป้อนความสุขให้จนล้นปรี่ ทั้งการมะรุมมะตุ้มรุมเธอพร้อมๆ กันถึงสองทาง ทั้งหน้าและหลัง เล่นเอาหญิงสาวถึงกับหน้ามืด ไม่มีแรงแม้แต่จะลืมตาขึ้นมา พอลองฝืนปรือตามองก็พบว่าภาพที่เห็นกลายเป็นสีเหลืองๆ ดูพร่ามัวแปลกๆ

นี่สินะ ที่เค้าเรียกกันว่าอาการฟ้าเหลือง หญิงสาวพึ่งเคยประสบพบเจอกับตัวเองเข้าก็คราวนี้เอง....

ทั้งสามนอนสลบอยู่อีกพักใหญ่ๆ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกัน เมื่อมีเสียงลูกบิดประตูห้องนอนหมุนกึกๆ กักๆ คล้ายกับมีใครจะเปิดเข้ามา แต่ติดล็อคกลอนประตูจึงไม่สามารถเปิดเข้ามาได้ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเคาะประตูดัง ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

“ตายล่ะ! กี่โมงแล้วเนี่ย!? โอมกับเอมตื่นแล้วเหรอ!?” เป้ร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ
“ไอ้โจ้ มึงไปหลบในห้องน้ำก่อน” หนุ่มบอยรีบออกปากไล่ ชายหนุ่มรุ่นน้องก็ไม่รอช้า คว้ากองเสื้อผ้าของตัวเองได้ก็วิ่งหนีหายเข้าไปหลบในห้องน้ำทันที

หนุ่มบอยคว้ากางเกงขายาวขึ้นมาใส่แบบลวกๆ หันไปเช็คสภาพภรรยาที่ดึงเอาผ้าห่มมาคลุมกายไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู ชายหนุ่มกลั้นใจอยู่หน้าประตูครู่นึง ก่อนจะค่อยๆ บิดประตูออกไปอย่างช้าๆ พร้อมๆ กับที่ใบหน้าของลูกชายตัวน้อยก็โผล่พรวดเข้ามาในห้องทันที

“ป่าป๊า ตื่นได้แล้ว หิวแล้ว” น้องโอมลูกชายเอ่ยปากออดอ้อน พลางเอามือลูบท้องตัวเองเบาๆ มองออกไปด้านหลังยังเห็นร่างของน้องเอม ลูกสาวคนเล็กเดินเตาะแตะตามมา ใบหน้าง่วงๆ ตาปรือเหมือนยังไม่ตื่นดี ในมือถือตุ๊กตาตัวโปรดกอดไว้แนบอก
“โอเคๆ เดี๋ยวป๊าลงไปดูข้าวให้นะครับ ให้หม่าม้านอนพักไปก่อน เมื่อคืนหม่าม้าเค้านอนดึก เราอย่าไปกวนเค้าดีกว่า” บอยเอ่ยพลางสบตายิ้มๆ กับภรรยา ก่อนจะเดินนำลูกๆ ลงไปข้างล่าง

ซักพัก สาวเป้จึงรีบลุกมากดล็อคประตู เสร็จแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรง ก่อนที่ร่างของหนุ่มโจ้จะย่องออกมาจากห้องน้ำ ทั้งคู่หันหน้ามาสบตากัน ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ กับเหตุการณ์หวาดเสียวที่พึ่งจะผ่านพ้นไปหมาดๆ

หนุ่มโจ้หาจังหวะแอบหลบออกมาจากบ้าน ระหว่างที่เด็กๆ กำลังมัวแต่ง่วนดูการ์ตูนอยู่หน้าทีวี ลากสังขารที่สะโหลสะเหลได้ที่กลับไปนอนพักเอาแรงที่คอนโด พอเช้าวันจันทร์ก็ต้องโด๊ปทั้งกาแฟและ M150 ฝืนพาร่างที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เข้าไปช่วยพี่หน่อยเจ้านายพรีเซนท์งานกับลูกค้าแบบมึนๆ

ส่วนทางฝั่งของสองสามีภรรยานั้นค่อนข้างหนักหนาสาหัสกว่ากันพอสมควร สาวเป้ที่โดนรุมกินโต๊ะไปแบบสุดเหวี่ยง ผ่านไปหนึ่งวันเต็มๆ ก็ยังคงแทบจะลุกขึ้นไม่ไหว แข้งขาอ่อนปวกเปียก ไม่มีเรี่ยวแรงใดๆ จะทำอะไรทั้งสิ้น จนต้องโทรไปลางานกับที่ทำงานในที่สุด ส่วนหนุ่มบอยสามีนั้น พอไปส่งลูกๆ ที่โรงเรียนเสร็จก็โทรไปลางานเช่นเดียวกัน เพื่อจะได้กลับมาดูแลภรรยาที่กำลังหมดสภาพนอนซมอยู่บนเตียงไปอีกหนึ่งวันเต็มๆ

หลังจากผ่านพ้นกับภารกิจพรีเซนท์งานลูกค้าเรียบร้อยแล้ว หนุ่มโจ้ก็ใช้เวลาช่วงเย็นที่เหลือ ขับรถไปรับสองสาวพี่น้อง ทั้งกุ๊กและแก้วที่สนามบินดอนเมือง

“โหย โดนลูกค้าบ่นมาเหรอพี่โจ้ ทำไมดูหมดสภาพขนาดนี้เนี่ย” สาวกุ๊กเอ่ยถามสามีที่นั่งข้างๆ อย่างแปลกใจ
“อือ... ก็สบายๆ นะ เค้าก็โอเคหมดแล้วแหละ มีแค่ปรับโทนสีนิดหน่อย ค่อยให้เบสมันปรับเอาง่ายๆ” โจ้ตอบเสียงเฉื่อย ดูคล้ายวิญญาณจะหลุดจากร่างในเร็วๆ นี้

“พี่โจ้เหนื่อยรึเปล่าคะ? นั่งพักก่อนมั้ย ไม่ต้องฝืนก็ได้” สาวแก้วเอ่ยด้วยความเป็นห่วงบ้าง
“ใช่ๆ เอาน้ำเย็นหรืออะไรมั้ย เดี๋ยวกุ๊กแว้บไปซื้อให้ก็ได้” กุ๊กเออออตาม
“เฮ้ย ไม่เป็นไร สบายๆ” หนุ่มโจ้รีบบอกปัดพร้อมกับสตาร์ทรถขับออกไปทันที

ทั้งหมดใช้เวลาอยู่บนถนนชั่วโมงกว่าๆ ก็ขับมาถึงหน้าคอนโดของสาวแก้วในที่สุด

“ขอบคุณค่ะพี่โจ้... ไปแล้วนะแก” แก้วยกมือไหว้ลาหนุ่มรุ่นพี่ผู้มีศักดิ์เป็นน้องเขย ก่อนจะโบกมือลาน้องสาวตัวเอง
“บ๊ายบาย ไว้เดี๋ยวหนูแวะมาหาอีกทีวันศุกร์นี้นะเจ๊”
“อือๆ” สาวแก้วพยักหน้ารับคำเบาๆ
“ไว้เจอกันจ้ะแก้ว” โจ้เอ่ยลาพร้อมกับขับรถออกมา

พอทั้งคู่ถึงห้องแล้ว สาวกุ๊กก็รีบพุ่งเข้ามากอดโจ้แบบทันทีทันใด ก้มหน้าสูดดมกลิ่นกายของสามีเข้าไปเต็มปอดจนชื่นใจ

“อะไรๆ ทำตัวหื่นๆ อีกละยัยบ๊อง” หนุ่มโจ้ลูบหัวภรรยาสาวด้วยความเอ็นดู
“แฮะๆ... ก็กุ๊กคิดถึงพี่นี่นา พี่โจ้ไม่คิดถึงหนูบ้างเหรอ” กุ๊กตอบด้วยน้ำเสียงทะเล้น พร้อมกับเขย่งตัวขึ้นไปหอมแก้มสามีอีกฟอดใหญ่ เล่นเอาชายหนุ่มออกอาการเขินๆ ไม่น้อย
“คิดถึงสิคะ แหม ไม่เจอหน้ากันตั้งหลายวัน” โจ้พูดพร้อมกับก้มลงไปจุ๊บปากเธอเบาๆ เป็นคำตอบ

“แล้ว... เจ้านี่อ่ะ คิดถึงกุ๊กบ้างอ๊ะเปล่าน้า?” หญิงสาวพูดยั่วเย้า พลางใช้มือลูบเข้าไปที่เป้ากางเกงของชายหนุ่มเบาๆ หนุ่มโจ้ที่เจอเข้าแบบนี้ก็เลยถึงกับสะดุ้งลนลานขึ้นมา เพราะรู้ดีว่าตัวเองนั้นพึ่งจะผ่านพ้นศึกหนักกับครอบครัวของสาวรุ่นพี่มาหมาดๆ สภาพร่างกายยังไม่ฟิตเปรี๊ยะสมบูรณ์เท่าไหร่

“อืม กุ๊ก คือว่า...” ชายหนุ่มเอ่ย อ้ำๆ อึ้งๆ ในขณะที่มือของภรรยาก็ค่อยๆ สอดล้วงเข้าไปลูบคลึงข้างในกางเกงเรื่อยๆ
“อ้าว... ทำไมมันเหมือนไม่ค่อยแข็งเลยอ่ะ... หรือว่า...?” สาวกุ๊กเอ่ยเว้นจังหวะเหมือนกำลังครุ่นคิด เล่นเอาชายหนุ่มถึงกับยืนตัวเกร็ง รอลุ้นฟังถ้อยคำอย่างใจจดใจจ่อ

“หรือว่า... พี่โจ้ไม่คิดถึงกุ๊กอ้ะ!? เลยไม่มีอารมณ์เนี่ย?” หญิงสาวออกอาการโวยวายงอแง หนุ่มโจ้ที่ได้ยินแบบนั้นแล้วก็เลยพอจะโล่งใจขึ้นมาบ้าง
“โธ่เอ๊ยคนดี คิดถึงสิคะ... พี่น่ะคิดถึงจนต้องจินตนาการถึงกุ๊กแล้วก็ช่วยตัวเองไปเมื่อเช้านี้เลยนะ มันถึงได้นิ่มแบบนี้ไง” ชายหนุ่มแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ด้วยถ้อยคำบัดสี สาวกุ๊กที่ฟังอยู่ก็เลยออกอาการหน้าแดงแป๊ดขึ้นมากะทันหัน

“โอ๊ย ทุเรศ... เรื่องแบบนี้ไม่ต้องเล่าก็ได้นะ คนอะไรลามกชะมัด! นี่ไม่เจอกัน 4 วัน นี่พี่ทำไปกี่ครั้งแล้วเนี่ย”
“อ้าว บอกไม่ให้เล่า แต่ไหงดันถามว่ากี่ครั้งล่ะจ๊ะ?” หนุ่มโจ้ได้ทีเลยยิ่งแกล้งกระเซ้า
“โว๊ะ เออๆ ไม่ถามแล้ว ไม่ต้องตอบนะ” กุ๊กพูดพร้อมกับเอามืออุดหู ท่วงท่าช่างดูน่ารักน่าเอ็นดูในสายตาของชายหนุ่ม

หนุ่มโจ้นั้นตัดสินใจที่จะยังไม่เล่าความจริงทั้งหมดให้เธอฟังในตอนนี้ โดยตกลงร่วมกันกับสาวเป้ว่าจะพยายามหาจังหวะเหมาะๆ อธิบายเรื่องความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงของทั้งสามคนให้กุ๊กฟังให้เข้าใจเสียก่อน และถ้าหากว่าเธอพอที่จะรับฟัง หรือเกิดยอมรับความจริงในเรื่องนี้ได้แล้ว เรื่องหลังจากนั้นก็ค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง

ชายหนุ่มใช้มือกระชับร่างของภรรยาให้เข้ามาใกล้ๆ โอบกอดเธอไว้จนแน่น ก่อนจะกระซิบที่ข้างหูเธอ ดังพอที่เธอจะได้ยิน

“อย่างอนเลยน่านะคนดี อุตส่าห์เจอหน้ากันทั้งที เดี๋ยวพรุ่งนี้เลิกงานแล้วพี่จะพาไปกินอะไรอร่อยๆ นะ” สาวกุ๊กได้ยินเรื่องกินปุ๊บก็หูผึ่งทันที หันหน้าไปสบตากับสามีด้วยแววตาเป็นประกาย ก่อนจะเอ่ยปากตอบกลับมาเบาๆ
“งั้นกินซิสเลอร์นะ... หนูอยากกินสเต็กให้พุงกางเลย” เธอตอบพร้อมกับยิ้มแฉ่ง

=======================================

9 โมงเช้าวันเสาร์...

ร่างของหนุ่มโจ้และสาวกุ๊กก็มาปรากฏตัวอยู่ที่หน้าบ้านของหนุ่มบอยแบบเงียบๆ ในขณะที่เจ้าของบ้านกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้านโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว

“เอ้า! โจ้... กุ๊ก... มากันแต่เช้าเลยนะ ไปไงมาไงเนี่ย?” หนุ่มบอยเอ่ยปากทักทายรุ่นน้องทั้งคู่จากบริเวณหน้าประตูบ้าน
“เช้าอะไร สายแล้วเนี่ยพี่” หนุ่มโจ้ตอบยียวน เดินหวือเข้าประตูรั้วมาอย่างคนคุ้นเคย
“หวัดดีค่ะพี่บอย” สาวกุ๊กยกมือไหว้ขณะกำลังหิ้วถุงพลาสติกใบใหญ่ตามมาไม่ห่าง
“จ้า หวัดดีจ้ะ” หนุ่มบอยรับไหว้พร้อมกับรีบเดินเข้าไปช่วยเธอหิ้วถุงตามมารยาท

“อันนี้ของฝากจากที่บ้านค่ะพี่ มีขนมนิดๆ หน่อยๆ ลองทานกันดู” กุ๊กยื่นส่งถุงพลาสติกที่อัดแน่นไปด้วยของกินเล่น ทั้งผลไม้แห้ง ขนมหวาน กับผงชาประเภทต่างๆ
“ขอบใจจ้ะ... ไอ้ห่าโจ้ มึงก็ไม่ช่วยน้องเค้ายกเลย” บอยกล่าวขอบคุณก่อนจะหันไปบ่นเจ้ารุ่นน้องตัวแสบ
“โธ่พี่ ถุงมันเบานิดเดียวเอง กุ๊กเค้าแรงเยอะกว่าผมอีก ถือมือเดียวยังได้เลย มันมีแต่ของแห้ง” โจ้แก้ตัวโดยไม่เหลียวกลับมามอง
“หอก... น้องเค้าเป็นผู้หญิงนะโว้ย!” บอยตะโกนด่าไล่หลัง พร้อมกับชักชวนให้กุ๊กเดินเข้าไปข้างในบ้าน

หลังจากกุ๊กกับโจ้แต่งงานกัน ทั้งสองครอบครัวก็ยังคงแวะเวียนไปมาหาสู่กันอยู่ตลอด โดยที่บางครั้งในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ สาวเป้ก็มักจะโทรมาชวนกุ๊กไปเดินช็อปปิ้งดูของกันที่ห้าง หรือไม่ก็ที่สวนจตุจักรอยู่บ่อยๆ

ซึ่งแม้ว่าช่วงแรกๆ นั้นสาวกุ๊กจะยังออกอาการประหม่าอยู่เล็กน้อย หลังจากได้รู้ความลับเมื่อครั้งอดีตระหว่างสาวรุ่นพี่กับสามีของเธอ แต่พอทั้งคู่ได้กลับมาคุยกันบ่อยๆ ได้เดินเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ หญิงสาวก็เริ่มที่จะกลับมาสนิทใจกับรุ่นพี่สาวคนนี้อีกครั้งโดยไม่รู้ตัว ด้วยความที่ทั้งคู่นั้นค่อนข้างที่จะเป็นคนคอเดียวกัน รสนิยมห้าวๆ ลุยๆ คล้ายๆ กัน รวมไปถึงยังรักผู้ชายคนเดียวกันอีกด้วย

ท้ายที่สุดแล้ว สาวกุ๊กก็เลยเลือกที่จะปล่อยวางเรื่องที่แล้วๆ มาในอดีต... และเดินหน้าสานสัมพันธ์กับสาวรุ่นพี่คนนี้อีกครั้ง จนทั้งคู่กลับมาสนิทแน่นแฟ้นกันเหมือนเดิม เวลาที่กุ๊กเกิดอยากจะเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์อะไร ก็มักจะต้องโทรไปปรึกษาหารือ และขอคำแนะนำจากสาวเป้อยู่เสมอๆ

ทั้งคู่สนิทสนมกันจนเธอรู้สึกเหมือนกับว่าเป้นั้นเป็นพี่สาวคนโตอีกคนของเธอ เป็นพี่สาวในแบบฉบับที่รู้ใจ เข้าขา และพูดจากันถูกคอ ซึ่งแตกต่างไปจากลักษณะของพี่สาวแท้ๆ อย่างเจ๊แก้ว ซึ่งขานั้นจะออกแนวเฮี้ยบๆ เจ้าระเบียบ และจุกจิกจู้จี้มากกว่าพอสมควร ทำให้เธอนั้นจึงค่อนข้างสบายใจมากกว่า เวลาที่จะปรึกษาปัญหาอะไรกับรุ่นพี่สาวคนนี้

แต่มีอยู่เรื่องนึง... ที่เธอนั้นยังคงรู้สึกค้างคาใจอยู่ลึกๆ และไม่แน่ใจว่าไอ้สิ่งที่เธอรู้สึกอยู่นั้น มันจะเป็นเพียงการคิดมากและฟุ้งซ่านไปเองของเธอหรือเปล่า...?

นั่นก็คือเรื่องที่รุ่นพี่ทั้งสองและสามีของเธอนั้น ดูจะสนิทสนมกันมากเกินไป จนแทบจะกลายเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว หญิงสาวสังเกตเห็นอากัปกิริยาของหนุ่มโจ้และสาวเป้ ที่ต่างหยอกล้อถึงเนื้อถึงตัวกันโดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจใดๆ โดยไม่เกรงใจสามีอย่างหนุ่มบอยที่นั่งดูอยู่ไม่ห่าง ซึ่งก็น่าแปลก ที่ปฏิกิริยาของชายหนุ่มรุ่นพี่นั้นไม่ยักออกอาการหึงหวงภรรยาของตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว กลับดูจะเฮฮา เห็นดีเห็นงามไปกับเขาด้วยซะอย่างนั้น

จนบางครั้งกุ๊กเองก็ยังแอบรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นส่วนเกินของทั้งสามคน เป็นเพียงคนนอกที่เข้ามาทีหลัง ในเส้นความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งหมดนี้ แต่พอไม่นาน ความรู้สึกเหล่านั้นก็จะเริ่มเบาบางและค่อยๆ จางหายไป เพราะพี่ๆ ทั้งสามคนก็มักจะรีบหันเหความสนใจเข้ามาที่เธอ ต่างพูดคุยเอาอกเอาใจดูแลเธอราวกับเป็นน้องคนเล็กของบ้าน โดยเฉพาะหนุ่มบอยที่ดูจะคอยเป็นห่วงเป็นใยเธอมากกว่าหนุ่มโจ้สามีเสียอีก....

พอช่วงสาย... สองสาวก็ชักชวนกันไปเดินเที่ยวที่สวนจตุจักรเหมือนทุกที โดยทิ้งให้สองหนุ่มนั่งคุยเล่นรออยู่ที่บ้านไปก่อน

หลังจากที่สองสาวตะลุยเลือกดูของและต่อรองราคาสินค้ากันจนสาแก่ใจแล้ว ทั้งคู่ก็ชักชวนกันไปนั่งพักตากแอร์ แวะทานขนมเค้กกับเครื่องดื่มอร่อยๆ ที่ร้านคาเฟ่คาลดี้ในเจเจ มอลล์กันก่อนกลับบ้าน

ลูกค้าในร้านวันนี้ค่อนข้างน้อยผิดปกติ หลังจากสั่งเครื่องดื่มแก้วโปรดของใครของมันเรียบร้อยแล้ว สองสาวจึงใช้เวลาที่เหลือ นั่งละเลียดความสุขในแก้วของตัวเองไป พร้อมๆ กับเปิดประเด็นคุยเล่นหยอกล้อกันอย่างสบายใจ พอคุยกันไปจนไม่รู้จะคุยอะไรต่อแล้ว ต่างฝ่ายต่างก็เลยหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมานั่งกดเล่นเป็นการฆ่าเวลาแทน

ทางฝั่งของสาวกุ๊กเองนั้น พอบรรยากาศรอบๆ ตัวเริ่มที่จะเงียบลง ในหัวก็เลยพลอยคิดฟุ้งซ่าน นึกไปถึงเรื่องราวที่ยังคงค้างคาและรบกวนจิตใจของเธออยู่...

นั่นก็คือเรื่องที่ช่วงหลังๆ เวลาที่เธอกับหนุ่มโจ้มีเซ็กส์กันนั้น ชายหนุ่มก็มักจะพยายามพูดจาหว่านล้อม ออดอ้อนขอให้เธอเล่าเหตุการณ์เสียวสยิวที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเธอกับหนุ่มป้อง รวมไปถึงประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นที่เคยประสบพบเจอในร้านนวด ให้เขาฟังอยู่บ่อยๆ

ซึ่งช่วง 2-3 อาทิตย์หลังๆ มานี้ สามีของเธอก็ดูเหมือนว่าจะหมกมุ่นแต่กับเรื่องพวกนี้มากเป็นพิเศษ จนถึงขั้นเอ่ยปากให้เธอลองจินตนาการว่ากำลังมีเซ็กส์อยู่กับชายอื่น ในขณะที่ทั้งคู่กำลังมีอะไรกันเลยด้วยซ้ำ... สาวกุ๊กที่พยายามฝืนเลี่ยงๆ มาโดยตลอด พอเจอดอกนี้เข้าไปก็ถึงกับตบะแตก

“ถ้าพี่โจ้อยากให้กุ๊กไปเอากับคนอื่นมาก พี่ก็เลิกกับกุ๊กแล้วไปหาผู้หญิงคนอื่นเหอะ!” สาวกุ๊กลืมตัว เผลอขึ้นเสียงดุสามีออกไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง จนอีกฝ่ายถึงกับซึมกระทือไปเลย

หญิงสาวไม่เข้าใจถึงความคิดในหัวของชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าเขาเพียงแค่เกิดสนใจในรสนิยมทางเพศแบบใหม่ๆ หรือว่าใจจริงแล้วกำลังเริ่มรู้สึกเบื่อๆ หรือหมดเยื่อใยกับเธอ จึงได้เอ่ยปากอยากให้เธอไปมีอะไรกับคนอื่นกันแน่....

และยิ่งเมื่อรวมเข้ากับคำพูดขู่ฝังหัวของเจ๊แก้วที่ยังคงตามรบกวนจิตใจ ถึงเรื่องความเจ้าชู้ของสามีหนุ่มที่อาจจะแอบหนีไปมีกิ๊กใหม่ได้ทุกเมื่อ ก็เลยทำให้หญิงสาวเองชักจะเกิดอาการหวั่นๆ กลัวว่าหากเธอปฏิเสธเขาไปเรื่อยๆ แบบนี้ วันนึงชายหนุ่มก็อาจจะหนีเธอไปมีกิ๊กจริงๆ จังๆ ก็เป็นได้ และหากว่าผู้หญิงคนนั้นสามารถตอบสนองความต้องการทางเพศของเขาได้แบบสมใจด้วยแล้วล่ะก็... ถ้าถึงตอนนั้นแล้วเธอจะรับมือกับมันยังไงล่ะเนี่ย?

จริงอยู่ที่เธอเองก็เคยได้ยินคำแนะนำเรื่อง 'เป็นเมียที่ดี ต้องเป็นกะหรี่บนเตียง' จากยัยมินเพื่อนซี้มาบ้าง ซึ่งเรื่องบนเตียงที่ผ่านๆ มา นายโจ้จะเสนอมาลีลาไหน เธอก็สามารถสนองกลับไปได้หมด จะมียกเว้นอยู่เรื่องเดียว ก็คือเรื่องที่ต้องไปมีอะไรกับผู้ชายคนอื่นนี่แหละ อย่าว่าแต่จะให้ไปลองจริงๆ เลย แค่ที่สามีบอกให้ลองจินตนาการดูเล่นๆ เธอก็ยังทำใจยอมรับมันไม่ได้แล้ว

ความอึดอัดที่สั่งสมมาเป็นเวลานาน ทำให้หญิงสาวออกอาการกลัดกลุ้ม หน้านิ่วคิ้วขมวด เผลอถอนหายใจออกมาเบาๆ ความเปลี่ยนแปลงที่แสดงออกมาผ่านทางสีหน้า ตกอยู่ในสายตาของสาวรุ่นพี่ที่แอบสังเกตจับอาการของเธอมาได้ครู่ใหญ่ๆ

“กุ๊กเครียดเรื่องอะไรอยู่รึเปล่า? เล่าให้พี่ฟังได้นะ เผื่อว่าพี่พอจะช่วยอะไรได้” สาวเป้เอ่ยปากถามออกไปด้วยความเป็นห่วง ในหัวก็แอบเดาไปล่วงหน้าว่าคงจะไม่พ้นปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหนุ่มโจ้แน่ๆ เมื่อเห็นว่ากุ๊กยังคงอ้ำอึ้ง สาวรุ่นพี่จึงลองเอ่ยถามหยั่งเชิงออกไปอีก

“หรือว่าทะเลาะอะไรกับตาโจ้มารึเปล่า?” คำถามของเธอดูจะแทงใจดำสาวกุ๊กไม่น้อย ใบหน้าของเธอจึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธอ ด้วยแววตาที่แฝงความประหม่าและร้อนรนอยู่ภายใน
“พี่ก็ไม่รู้ว่าเราทะเลาะอะไรกันมานะ แต่พี่ว่า... อย่าปล่อยให้มันค้างคาจนนานเกินไปจะดีกว่า รีบๆเคลียร์กันให้จบๆ ไม่งั้นต่างคนต่างงอนกันนานๆ มันจะสะสมจนกลายเป็นเรื่องใหญ่” เป้หย่อนคำแนะนำออกไปแบบลอยๆ

สาวกุ๊กนิ่งไปครู่หนึ่ง เหลียวซ้ายแลขวามองสำรวจลูกค้าในร้านอีกทีสองที สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดเพื่อรวบรวมความกล้า ก่อนจะยอมเอ่ยปากพูดขึ้นมาในที่สุด

“พี่เป้... หนูไม่ได้อยากจะไปรื้อฟื้นหรือว่าตอกย้ำเรื่องราวในอดีตของพี่หรอกนะ แต่ว่า... ถ้าจะมีใครซักคนที่พอจะเข้าใจปัญหาที่หนูกำลังเจออยู่ตอนนี้ หนูว่ามันก็คงจะมีแต่พี่นี่แหละ ที่พอจะให้คำปรึกษากับหนูได้..” สาวกุ๊กเริ่มต้นร่ายยาวออกมา ซึ่งเป้ที่ฟังอยู่ก็คอยพยักหน้ารับฟังเธออย่างตั้งใจ

“คือช่วงหลังๆ มานี้ พี่โจ้เค้าเหมือนจะชอบมาบิวท์ บอกให้หนูจินตนาการว่ามีคนอื่นมาทำกับหนูแทนพี่โจ้อ่ะ... แรกๆ หนูก็พยายามตอบเลี่ยงๆ ไปนะ แต่หลังๆ นี้เหมือนเค้าเป็นเอามากอ่ะ ชักจะหมกมุ่นมากขึ้นผิดปกติ พยายามพูดชวนตลอดเลย แล้วพอหนูไม่เล่นด้วยแกก็ทำหน้าจ๋อยๆ ซึมๆ กลับไป หนูก็ไม่รู้ว่าพี่โจ้มันนึกคึกเป็นบ้าอะไรขึ้นมา...

หนูเองก็คิดไม่ตกนะ ถ้ายอมตามใจเออออเล่นกับพี่โจ้ไปด้วย แล้วถ้าเกิดว่าต่อไปพี่โจ้มันได้ใจขึ้นมา เกิดเอ่ยปากให้หนูไปลองนอนกับคนอื่นจริงๆ ขึ้นมาแล้วหนูจะทำยังไง จะกล้าปฏิเสธอีกมั้ย... ใจนึงมันก็กลัวนะ จะยอมตามใจพี่โจ้ ให้ไปมีอะไรกับคนอื่นที่ไม่รู้จัก ไม่ได้รัก มันก็ทำใจไม่ได้ แต่อีกใจก็กลัวว่าถ้าตอบสนองพี่เค้าไม่ได้แบบนี้ นานๆ ไปพี่โจ้มันจะเกิดวอกแวก หนีไปมีกิ๊กอีกรึเปล่า...” พอเริ่มต้นเล่าแล้ว สาวกุ๊กก็เหมือนกับเขื่อนแตก ระบายเรื่องราวความอัดอั้นในใจออกมาให้เป้ฟังไม่หยุด

“แล้ววันนี้พอพี่เป้ทักขึ้นมานี่แหละหนูก็เลยนึกขึ้นมาได้... พี่อย่าโกรธหนูนะ... หนูไม่ได้ตั้งใจจะละลาบละล้วงอะไร แต่ว่าพี่โจ้เค้าเคยมาสารภาพเรื่องความสัมพันธ์ของพวกพี่สามคนให้หนูฟังตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้ว หนูก็เลยอยากจะถามจากปากพี่ตรงๆ ว่า ตอนที่พี่บอยเค้ามาขอให้พี่ลอง... เอ่อ... ลองจินตนาการถึงคนอื่นดูน่ะ พี่เป้รู้สึกยังไง? ฝืนใจมากมั้ย? แล้วมันช่วยเรื่องความสัมพันธ์ของพวกพี่ได้จริงๆ เหรอ? หรือว่ามันต้องมีเรื่องอื่นมาประกอบอีก?” กุ๊กตัดสินใจเอ่ยปากถามออกมาตรงๆ

สาวเป้ได้ฟังแล้วก็อึ้งๆ ไปนิดๆ ในทีแรก ก่อนที่รอยยิ้มเขินๆ จะค่อยๆ ปรากฏออกมาบนใบหน้าของเธอในเวลาต่อมา

“พี่ว่า... ที่กุ๊กตั้งใจจะถามจริงๆ ก็คือ ตอนที่พี่มีอะไรกับคนอื่นเป็นครั้งแรกน่ะ มันรู้สึกยังไงมากกว่า...” สาวรุ่นพี่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเบาหวิว เล่นเอาสาวกุ๊กตอนนี้ยิ่งออกอาการหน้าแดงมากขึ้นไปอีก แต่เธอก็ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธอะไรออกมา

“พี่เข้าใจ.... ขนาดตัวพี่เอง ผ่านมาถึงวันนี้ บางทีพี่ก็ยังนึกสงสัยตัวเองอยู่เหมือนกัน ว่าทำไมวันนั้นถึงกล้าตัดสินใจลองทำอะไรแบบนั้นจริงๆ จังๆ... แต่ก่อนที่พี่จะให้คำปรึกษาหรือตอบอะไรกุ๊กไป พี่ขอถามหน่อยได้มั้ย ว่าทำไมจู่ๆ ตาโจ้ถึงเกิดอยากจะให้กุ๊กไปมีอะไรกับคนอื่นขึ้นมาล่ะ?”

“อือ พี่เป้อ่ะ อันนี้กุ๊กไม่ตอบได้มั้ยอ่ะ” สาวกุ๊กออกอาการลนลานขึ้นมาทันควัน เมื่อโดนซักถึงต้นตอที่มาอันน่าอับอายในสายตาเธอ
“คือ... เรื่องแบบนี้ พี่ว่ามันก็เหมือนกับคนไข้ไปหาหมออ่ะกุ๊ก ถ้าไม่เล่าอาการให้ฟังอย่างละเอียดมันก็วินิจฉัยกันลำบาก ได้แต่ต้องลองเดาสุ่มอาการไปเรื่อยๆ เผลอๆ จะให้ยารักษาผิดไป เสียเวลาเปล่าๆ...

ยกตัวอย่างง่ายๆ นะ... อย่างเคสของพี่ จุดเริ่มต้นมันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย ก็แค่คบกันมานาน แต่งกันมานาน พอมีลูกมีครอบครัว ก็เลยเผลอใช้ชีวิตกันแบบเดิมๆ จำเจ ถึงจะเป็นชีวิตคู่ที่แฮปปี้ แต่ก็แฮปปี้ในแบบเดิมๆ ซ้ำๆ พออยู่มาวันนึง พี่บอยแกก็เลยเกิดอาการเสื่อมสมรรถภาพขึ้นมา ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ได้ถึงขั้นแบบปลุกไม่ขึ้นเลยอ่ะนะ มันก็แค่ไม่สม่ำเสมอเท่าไหร่ ต้องพยายามกันนิดหน่อย แต่ก็พอประคับประคองกันไปได้เรื่อยๆ”

สาวเป้เริ่มต้นชี้แนะจากประสบการณ์ของตัวเอง ในขณะที่สาวกุ๊กก็ตั้งใจฟังอย่างจริงจัง หากมีสมุดกับปากกาในมือเธอตอนนี้ก็คงไม่วายหยิบมันขึ้นมาจดเลคเชอร์ยิกๆ เป็นแน่

“พอนานๆ วันเข้า พี่บอยเค้าก็ยิ่งเครียดน่ะ มันเหมือนไปบั่นทอนความมั่นใจในตัวเค้า แกก็เลยอยากจะลองหาตัวช่วยอะไรที่มันจะกระตุ้นบรรยากาศบนเตียงให้กลับมาดีเหมือนเดิมได้ สุดท้ายก็มาลงเอยที่การลองหาคนมาคุยมาจีบพี่ เพราะว่ามันทำให้แกรู้สึกหึงหวงแล้วก็คึกคักขึ้นมา...

พี่บอยก็เลยไปวางแผนกับโจ้ ให้มาจีบ และเลยเถิดไปถึงขั้นมีอะไรกับพี่ ซึ่งตอนนั้นทั้งพี่กับพี่บอยเองก็เหมือนยังไม่กล้าที่จะเปิดใจพูดคุยกันแบบตรงๆ บวกกับที่ตัวพี่เองก็เลือกที่จะปิดบังเรื่องความสัมพันธ์นี้ไว้ลับหลังแกด้วย ทุกอย่างมันก็เลยยิ่งมีแต่จะแย่ลงไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นว่าชีวิตพี่เหมือนกับตกนรกทั้งเป็นไปหลายเดือนเลยล่ะ” เป้หยุดคิดนิดนึงแล้วพูดต่อ

“ตอนที่พี่รู้ว่าทั้งหมดเป็นแผนการของพี่บอยกับโจ้ที่ร่วมมือกันตั้งแต่แรกอ่ะ พี่เองก็เคยคิดนะ อยากจะลองประชดชีวิตดูเหมือนกัน ไหนๆ พี่บอยก็อยากให้พี่นอนกับคนอื่นใช่มั้ย งั้นพี่จะนอนกับคนอื่นไม่เลือกหน้าให้ดู เอาให้สาแก่ใจไปเลย... แต่โชคดีที่พี่เองยังมีแม่... มีลูก... ก็เลยยังพอมีสติที่จะยับยั้งชั่งใจเอาไว้ได้ ซึ่งพอมาคิดย้อนไปแล้ว ก็ถือว่าโชคดีนะที่พี่ไม่ได้ตัดสินใจทำอย่างนั้นลงไป ไม่งั้นก็ไม่รู้ว่าชีวิตคู่ของพี่ตอนนี้มันจะดิ่งลงเหวไปถึงไหนต่อไหน...” สาวเป้พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

กุ๊กฟังแล้วก็เผลอนึกย้อนไปถึงเรื่องราวของตัวเองขึ้นมา ช่วงเวลาที่เธอเลิกรากับหนุ่มโจ้ ใช้เวลาประชดชีวิตไปกับเครื่องดื่มมึนเมา จนเกิดพลาดท่าเสียทีจนถึงขั้นเสียตัวซ้ำสองขึ้นมา

“ ส่วนเรื่องหลังจากนั้นกุ๊กก็คงได้ฟังจากโจ้มาหมดแล้วล่ะมั้ง... อ่ะพี่เล่าที่มาที่ไปของพี่ให้ฟังหมดแล้ว คราวนี้ก็ตากุ๊กบ้าง” เป้โยนคำถามกลับไปให้สาวรุ่นน้องอีกครั้ง จนเธอออกอาการเลิ่กลั่กหน้าตาตื่น

“คือ... คือ... โอย อายจัง... คือช่วงที่หนูคบกับพี่โจ้ครั้งแรกอ่ะค่ะ หนูเกิดจับได้ว่าพี่โจ้แอบไปมีกิ๊กลับหลังขึ้นมา เราก็เลยห่างๆ เลิกกันไปพักนึง ก็ต่างคนต่างไป ซึ่งหนูก็ไม่รู้นะว่าช่วงนั้นน่ะพี่โจ้เค้าจะไปคุยอะไรกับใครมั่ง เพราะแกก็มายืนยันทีหลังว่าช่วงนั้นแกก็เอาแต่ตามง้อหนูคนเดียว แต่ของหนูไม่ใช่ไง...

พอหนูอกหักจากพี่โจ้ พวกเพื่อนๆ มันก็เลยพาออกไปเที่ยว ไปดื่ม เพื่อจะให้ลืมๆ เรื่องนี้ไป แต่ดันเหมือนหนีเสือปะจระเข้ กลายเป็นว่าหนูเกิดไปสนิทกับรุ่นพี่อีกคน แล้วก็พลาดโดนหลอกฟันซ้ำอีก พอได้กันครั้งเดียวแล้วแม่งก็ชิ่งไปเลยดื้อๆ ไม่รู้ว่าหนูไม่ถูกใจมันหรือไงนะ เฮ้อ... ช่วงนั้นก็เลยเฮิร์ทหนัก เหมือนโลกถล่มเลยอ่ะพี่เป้...

แล้วพอผ่านไปหลายเดือน หนูก็กลับมาคบกับพี่โจ้ใหม่ คราวนี้ก็เลยคบกันยาวมาจนถึงตอนนี้อ่ะ... ซึ่งหนูก็เล่าความจริงให้เค้าฟังทั้งหมดนะ รวมถึงเรื่องที่พลาดไปมีอะไรกับอีพี่คนนี้ด้วย เพราะอยากจะเคลียร์ให้ชัดๆ ไปเลย ถ้าพี่แกซีเรียสรับไม่ได้ จะไม่คบกับหนูต่อก็ไม่เป็นไร แต่พี่รู้มั้ย... มันดันกลายเป็นว่าเรื่องนี้กลับไปกระตุ้นอารมณ์พี่โจ้ขึ้นมาซะงั้นอ่ะ...

พี่แกเอาแต่คอยตื๊อให้หนูเล่าให้ฟังอยู่เรื่อย บางทีหนูรำคาญก็ยอมเล่าๆ ให้แกฟังไปนะ มีอยู่ครั้งนึง.. แกตื้อจนหนูรำคาญ ถามเซ้าซี้ซ้ำๆ อยู่นั่นแหละ หนูก็เลยแกล้งร้องเรียกชื่อพี่ป้องออกมาดังๆ ตอนที่กำลังมีอะไรกันอยู่ แต่พี่เชื่อมั้ยพอได้ฟังแล้วแกกลับมีอารมณ์ขึ้นมาอีก ยิ่งหื่นยิ่งคึกผิดปกติ จนหลังๆ ก็เลยยิ่งลามปาม เหมือนอยากจะให้หนูไปมีอะไรกับคนอื่นให้ดูขึ้นมาจริงๆ จังๆ เหมือนกับว่าไม่รักหนูแล้วอ่ะ...” กุ๊กเล่าด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ราวกับจะร้องไห้ สาวเป้ที่ตั้งใจฟังอยู่ก็เลยเอื้อมไปลูบมือเธอเบาๆ เป็นการให้กำลังใจ

“ไม่หรอก กุ๊กอย่าพึ่งคิดมากไปเลยนะ พี่ว่าที่โจ้ทำแบบนี้ก็คงไม่ต่างอะไรจากที่พี่บอยเคยทำนั่นแหละ พี่รู้ว่ามันอาจฟังดูแปลกๆ ทะแม่งๆ เหมือนกับว่าอีกคนเค้าไม่เห็นค่าเรา หรือเกิดหมดรักเราแล้ว แต่จริงๆ มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะ...

ที่เค้าเป็นแบบนั้น ก็เพราะว่าเค้ารู้สึกหวั่นไหว ที่ได้เห็นผู้ชายคนอื่นเข้ามาชอบพอติดพันกับเรา มันยิ่งทำให้เค้ารู้สึกว่าเรามีค่ามากขึ้นไปอีก ที่ได้กลายเป็นที่ต้องการของผู้ชายคนอื่นๆ ทั้งหึง ทั้งตื่นเต้น แล้วก็ยิ่งปรารถนาในตัวเราเพิ่มขึ้นตามไปอีก อันนี้พี่พูดจากประสบการณ์ตรงของตัวเองนะ คิดว่ากับโจ้เองก็คงไม่ต่างกัน เพราะสองคนนี้เค้าก็สนิทกันมานาน เรื่องพวกนี้ก็คงซึมซับจากคนใกล้ตัวไม่ต่างกัน” เป้พูดปลอบโยนให้กุ๊กเบาใจ

การได้มานั่งฟังปัญหาของรุ่นน้องสาวคราวนี้ ก็เลยทำให้เธอได้นึกย้อนกลับไปทบทวนถึงจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสามคนขึ้นมา จากรอยร้าวเล็กๆ ที่เกิดขึ้นบนเตียง จนบานปลายไปสู่เรื่องของความรู้สึกสับสนในจิตใจที่เธอมีให้กับชายอื่น และเกือบที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับสามีต้องพังทลายลงไปอย่างไม่มีวันหวนคืน

ก่อนที่จะพบว่าท้ายที่สุดแล้ว ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ก็สามารถคลี่คลายได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่ ขอเพียงแค่ต่างคนต่างมีความเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน มั่นคงในความรักที่มีให้แก่กัน และรับรู้อยู่เสมอว่าใจของอีกคนจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม แม้ว่าร่างกายจะไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ตาม เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว....

“พี่ขอถามกุ๊กตรงๆ เลยแล้วกันนะ กุ๊กคิดว่าการที่สามีภรรยาปล่อยให้อีกฝ่ายไปมีอะไรกับคนอื่น หรือว่าต่างฝ่ายต่างสลับคู่มีอะไรกัน แบบที่เรียกว่าสวิงกิ้งน่ะ มันเป็นยังไงบ้างในความคิดของกุ๊ก?” เป้เอ่ยถามรุ่นน้องตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อม สาวรุ่นน้องอึ้งไปชั่วครู่นึง ก่อนที่เธอจะสามารถรวบรวมสติตอบกลับมาได้

“อือ... กุ๊กว่า... มันก็ไม่ใช่เรื่องปกติอ่ะพี่ มันแปลก... เหมือนต่างฝ่ายต่างไม่ให้เกียรติ ไม่ให้ความสำคัญกันเลย ปล่อยให้อีกคนไปนอนกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ ยิ่งจากเคสที่เคยอ่านๆ จากพันทิปมา พวกผู้ชายที่อยากให้แฟนไปนอนกับคนอื่นให้ตัวเองดูเนี่ย กุ๊กว่ามันโรคจิตยังไงก็ไม่รู้ มันเหมือนว่าเค้าเห็นแก่ตัวอ่ะ ไม่รักไม่ใยดีผู้หญิงแล้ว ถึงได้ยอมยกแฟนให้คนอื่น เพียงแค่อยากจะสนองความต้องการของตัวเองเท่านั้น” ทั้งน้ำเสียงและถ้อยคำที่กุ๊กเอ่ยออกมา บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเธอนั้นไม่เห็นด้วยกับมันเลยแม้แต่น้อย

“อือ พี่ว่าพี่เข้าใจนะ พี่เองก็เคยคิดแบบเดียวกับกุ๊กเหมือนกัน ตอนแรกพี่กับพี่บอยก็ทะเลาะกันเรื่องพวกนี้อยู่นานพอสมควร เข้าใจไปว่าพี่บอยเค้าหมดรักพี่แล้ว หรือว่าเบื่อพี่แล้ว แต่เอาเข้าจริงๆ พอถึงวันที่พี่ตัดสินใจลองเสี่ยง ลองทำตามคำขอร้องของเค้าดู พี่ถึงได้รู้ว่าที่แท้แล้วมันก็คนละเรื่องกันเลย...

ที่จริงแล้วมันออกจะเป็นความใจกว้างของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ ที่เปิดโอกาสให้เราได้ลองมีประสบการณ์ความสุขแบบใหม่ๆ ได้ทดลองอะไรที่มันไม่ซ้ำเดิม ไม่จำเจ แถมยังช่วยเติมเต็มชีวิตคู่ให้กลับมากระชุ่มกระชวยเหมือนตอนที่คบกันใหม่ๆ พี่ว่ามันยังจะดีซะกว่าผู้ชายที่เอาแต่หึงหวง หรือคอยปิดกั้นโอกาสของผู้หญิงเอาไว้ ให้อุดอู้อยู่แต่ในบ้าน ในขณะที่ตัวเองกลับออกไปนอกลู่นอกทางกับผู้หญิงอื่น หาความสุขอยู่ฝ่ายเดียว” สาวเป้ร่ายยาวคนเดียวอย่างต่อเนื่อง จนอีกฝ่ายได้แต่รับฟังและเออออตามโดยไม่มีโอกาสได้ตั้งตัว

“พี่เปรียบให้ฟังง่ายๆ นะ จริงๆ แล้วเซ็กส์มันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากการกินอาหารซักมื้อหรอก ต่อให้พี่จะชอบกินต้มจืดซักแค่ไหน แต่ถ้าให้พี่กินทุกวันไปเรื่อยๆ มันก็ต้องมีบ้างที่เราจะเกิดรู้สึกเบื่อ และอยากลองหาอะไรที่มันจัดจ้านเพื่อเปลี่ยนรสชาติดูบ้าง จริงมั้ย? และที่สำคัญที่สุดก็คือ...

นอกจากเรื่องของรสชาติที่จืดชืดหรือจัดจ้านแล้ว มันยังมีเรื่องของความอร่อยกับไม่อร่อยมาเป็นตัวชี้วัดคุณภาพได้อีกด้วย ... บอกตรงๆ เลยนะ ว่าถ้าเกิดพี่ไม่เคยมีโอกาสได้ลองหาประสบการณ์ใหม่ๆ ร่วมกับโจ้มาก่อน... พี่เองก็คงไม่รู้หรอก ว่าเซ็กส์ระหว่างพี่กับพี่บอยที่ผ่านๆ มา จริงๆ แล้วมันดีหรือแย่แค่ไหน มันอยู่ในระดับอะไร และมีตรงจุดไหนที่ต้องปรับปรุงแก้ไขกันบ้าง”

กุ๊กเองฟังถึงตรงนี้แล้วก็อดที่จะเห็นคล้อยตามคำพูดของเป้ไม่ได้ ในหัวก็นึกย้อนเปรียบเทียบถึงลีลาบทรักที่ผ่านๆ มา ระหว่างหนุ่มโจ้กับหนุ่มป้อง ซึ่งแม้ในเรื่องของคุณภาพนั้นฝ่ายแรกจะชนะขาด แต่รสชาติและลีลาการเข้าทำ มันช่างแตกต่างกันอย่างที่สาวรุ่นพี่ว่าไว้จริงๆ

การได้มานั่งพูดคุยแบบเปิดอกกับสาวรุ่นพี่ผู้มีประสบการณ์คล้ายคลึงใกล้เคียงกัน มันเหมือนกับเป็นการเปิดโลกทัศน์ทางเพศของกุ๊กให้กว้างขวางขึ้น นำพาเธอไปสู่อีกแง่มุมหนึ่งของรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างชาย-หญิง ที่ตัวเธอเองไม่เคยเข้าใจมาก่อน

ซึ่งแผนของสาวเป้ที่บอกให้โจ้ไปสารภาพเรื่องความสัมพันธ์ทั้งหมดให้กุ๊กฟังก่อนหน้านี้ ส่วนนึงก็เพื่อเป็นการสร้างความคุ้นเคยให้กับเธอ ทำให้เธอได้รับรู้ว่าความสัมพันธ์ในรูปแบบของคนสามคนนั้น แท้จริงแล้วบางครั้งมันก็อาจไม่ได้เป็นปัญหาเลวร้ายเสมอไป ในทางกลับกัน.. มันอาจจะทำให้บางคู่นั้นกลับมารักใคร่แน่นแฟ้นกันมากขึ้นไปอีก ไม่ต่างอะไรจากคู่ของบอยกับเป้นั่นเอง ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ทำให้มุมมองของสาวรุ่นน้องค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป และเริ่มที่จะรู้สึกคล้อยตามกับคำพูดของสาวเป้มากขึ้นเรื่อยๆ

เป้ปล่อยให้กุ๊กได้คิดทบทวนทำความเข้าใจกับมุมมองใหม่ๆ อยู่พักนึง ก่อนจะเริ่มพูดต่อ

“พี่เองก็ห่างจากโจ้ ไม่ได้ติดต่ออะไรกันมานานหลายปีแล้ว แต่ที่ได้กลับมาติดต่อกันใหม่อีกครั้ง ก็เพราะว่าอาการเดิมๆ ของพี่บอยเค้ากลับมาอีก ด้วยความที่พี่เค้าเป็นห่วงพี่ ไม่อยากให้พี่ต้องเก็บกด พี่บอยเค้าเลยคิดจะใช้วิธีเดิม คือให้โจ้เข้ามาช่วยพี่อีกรอบ แต่มันมีปัญหาก็คือ คราวนี้โจ้มันไม่ได้โสดเหมือนเดิมแล้ว โจ้กำลังคบกับกุ๊กอยู่ แถมตอนนั้นก็กำลังจะแต่งงานกันอีกด้วย

พี่เลยรู้สึกว่าคงไม่ดีแน่ๆ ถ้าจะปล่อยให้สองคนนั้นเค้าไปตกลงคุยอะไรกันลับหลังเอาเอง ก็เลยตัดสินใจคุยเปิดอกกับพี่บอยไปก่อนเลยแค่สองคน ซึ่งมันก็คล้ายๆ กับที่เราสองคนกำลังเปิดใจคุยกันอยู่นี่แหละ ว่าแต่ละคนรู้สึกยังไง ต้องการอะไร ซึ่งพอได้คุยกันตรงๆ แล้ว มันก็ทำให้พี่สองคนเข้าใจกันมากขึ้น ไม่ต้องไปเครียด ไปเก็บกด คิดมากอยู่คนเดียว เหมือนว่าต่างฝ่ายต่างรักกันมากขึ้นกว่าเก่า...

ซึ่ง... เรื่องนึงที่พี่เปิดอกคุยกับพี่บอยตรงๆ ก็คือเรื่องความรู้สึกของพี่ที่มีกับโจ้น่ะ... อันนี้พี่ก็อยากจะพูดกับกุ๊กตรงๆ แบบซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองอ่ะนะ แล้วก็คิดว่ากุ๊กเองก็ควรได้รับรู้ไว้เหมือนกัน สำหรับพี่แล้ว... ความรู้สึกที่มีให้กับโจ้ มันเกินเลยจากคำว่ากิ๊กกันธรรมดาไปแล้ว มันมีความรู้สึกดีๆ ปะปนอยู่ในนั้นด้วย ไม่ใช่แค่เพียงเรื่องเซ็กส์แบบเพียวๆ จนถึงตอนนี้พี่เองก็ยังรู้สึกแบบนั้นอยู่เหมือนเดิม...

ไอ้สิ่งที่โจ้กำลังทำอยู่... ที่บอกว่าอยากให้กุ๊กลองจินตนาการว่าตัวเองกำลังมีอะไรกับคนอื่นน่ะ พี่รู้ดีว่าสุดท้ายแล้วมันจะลงเอยในรูปแบบใด ซึ่งพี่ว่ากุ๊กเองก็คงพอจะเดาบทสรุปของมันได้ใช่มั้ย?” เป้โยนคำถามใส่ ซึ่งกุ๊กเองก็รีบพยักหน้ารับคำอย่างเข้าใจ

“ถ้าเกิดว่าวันนึง... สมมตินะ ถ้าเกิดวันนึงโจ้กับกุ๊กตัดสินใจที่จะเดินหน้าลองหาประสบการณ์ใหม่ๆ ในเรื่องพวกนี้จริงๆ... พี่ก็อยากให้กุ๊กลองเริ่มต้นกับพวกพี่ดูก่อน ไหนๆ เราสองครอบครัวก็สนิทสนมกันดีเหมือนพี่น้องอยู่แล้ว ในเมื่อต่างฝ่ายต่างก็มีปัญหาแบบเดียวกัน ก็น่าจะช่วยเติมเต็มให้กันและกันได้ทั้งคู่  พี่ว่ามันคงจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว เพราะอย่างตัวพี่เอง... ถ้าเกิดจะให้ไปเริ่มต้นผูกสัมพันธ์กับผู้ชายคนใหม่ที่ไม่ใช่โจ้ พี่ก็ยอมรับว่าตัวเองคงจะทำใจลำบากเหมือนกัน...

อ้อ! แต่ไม่ต้องห่วงนะ พี่ไม่ได้คิดที่จะไปแย่งความรักของโจ้มาจากกุ๊กหรอก เรื่องนั้นกุ๊กสบายใจได้เลย พี่บอกได้เลยว่าโจ้มันยังรักกุ๊กอยู่ รักมากด้วย... กุ๊กเป็นน้องรักของพี่ ส่วนโจ้เองก็เป็นผู้ชายที่พี่รู้สึกดีๆ ด้วย พี่แค่อยากให้ทั้งสองคนมีความสุข มีชีวิตคู่ที่ราบรื่น ไม่ต้องมาเจอกับปัญหาซ้ำรอยแบบเดียวกันกับคู่ของพี่...

พี่อยากให้กุ๊กรู้ว่า... การแสดงความรัก มันไม่ได้จำกัดอยู่แค่คนสองคนเท่านั้น มันยังสามารถเพิ่มเป็นสาม.. เป็นสี่... หรือว่ามากกว่านั้น ก็แล้วแต่ว่าคู่ของใครแต่ละคนจะตัดสินใจออกแบบแบ่งปันมันยังไง มันขึ้นอยู่ที่การเปิดใจยอมรับ ความไว้ใจซึ่งกันและกัน ถ้ามันมั่นคงพอ ก็ไม่มีอะไรมาสั่นคลอนความสัมพันธ์ของเราสองคนได้...

กุ๊กยังไม่ต้องรีบเชื่อหรือเห็นด้วยกับสิ่งที่พี่พูดในตอนนี้ก็ได้นะ กลับไปคิด ไปทบทวนหรือคุยกับโจ้ให้เข้าใจกันอีกทีนึงก่อน เลือกในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุด สบายใจที่สุด และจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจนั้น ไม่ต้องไปคิดกังวลว่าโจ้มันจะไม่รักหรืออะไรถ้าเกิดว่าเราตอบปฏิเสธไป ถ้าโจ้จะไม่รักกุ๊กเพียงเพราะเรื่องแค่นี้ ถ้าเกิดว่ามันเป็นคนอย่างนั้นจริงๆ... พี่นี่แหละที่จะเป็นฝ่ายยุให้กุ๊กทิ้งมันแทน เพราะสุดท้ายแล้วมันก็ไม่มีประโยชน์ที่เราจะไปเสียเวลาอยู่กับผู้ชายเห็นแก่ตัวแบบนั้น...

ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ไม่ต้องรีบร้อน ให้พวกพี่เป็นคนดูแลชี้นำไปในทิศทางที่ถูกต้องเอง ส่วนกุ๊กก็แค่ปล่อยตัวปล่อยใจให้สบาย ถ้าสุดท้ายแล้วคิดว่าไม่ชอบจริงๆ ก็ไม่ต้องฝืน... แต่ถ้ารับได้เราก็ค่อยว่ากันอีกที แบบนี้โอเคมั้ย?”  สาวรุ่นพี่พูดกล่อมรวดเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ

สาวกุ๊กเองที่นั่งนิ่งฟังอยู่เงียบๆ มาตลอด ใช้เวลาคิดทบทวนในหัวตามอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนที่เธอจะพยักหน้าเบาๆ เป็นคำตอบ

“ค่ะ... ไว้กุ๊กจะลองคิดดู” คำตอบของกุ๊กทำให้เป้เผลอยิ้มออกมาด้วยความยินดี แต่ไม่นานรอยยิ้มของเธอก็ต้องหุบลงแบบกะทันหัน เมื่อสาวรุ่นน้องเอ่ยปากถามถึงสิ่งที่ยังค้างคาอยู่ในใจเธอขึ้นมา

“ว่าแต่... ที่พี่เป้บอกว่ากลับมาติดต่อกันใหม่อีกครั้งนี่ พี่เป้หมายถึง... ตอนนี้พี่กับพี่โจ้...?” เป็นคำถามที่ทิ่มแทงใจดำเป้แบบเต็มๆ
“เอ่อ... คือ... ” สาวเป้ออกอาการอ้ำอึ้ง รู้สึกเหมือนน้ำท่วมปากขึ้นมาทันที

“พี่กับโจ้... ก็แค่คุยเปิดใจถึงความรู้สึกของตัวเองที่ผ่านๆ มาเท่านั้นเอง พี่ก็อธิบายความรู้สึกของตัวเอง แบบเดียวกับที่เคยเล่าให้พี่บอยฟังออกไป แล้วก็... โจ้เค้าก็เลยถือโอกาส พูดขอโทษเรื่องที่เคยทำให้พี่ต้องเสียใจเมื่อตอนนั้นนั่นแหละ”

คำตอบของเป้พอจะทำให้กุ๊กคลายความกังวลลงไปได้พอสมควร สีหน้าโล่งใจปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเธออย่างลืมตัว

สาวรุ่นพี่เลือกที่จะพูดความจริงออกมาแค่เพียงครึ่งเดียว แม้ว่าในใจของเธอนั้นจะไม่ต้องการปิดบังความจริงกับสาวรุ่นน้องซักเท่าไหร่ แต่ด้วยประสบการณ์ของตัวเองที่เคยยืนอยู่ในจุดเดียวกันนี้มาก่อน ทำให้เป้รู้ทันทีว่า หากเธอยอมเล่าความจริงอีกส่วนที่เกิดขึ้นที่โรงแรม แล้วก็ที่บ้านของเธอในคืนนั้นออกไปให้ฟัง ก็คงไม่มีทางที่กุ๊กนั้นจะยอมรับความจริงในจุดนี้ได้ และพาลจะทำให้เหตุผลต่างๆ ที่เธอพยายามอธิบายมาทั้งหมดในวันนี้ต้องหมดความหมายลง เพียงเพราะว่าอีกฝ่ายเกิดความรู้สึกเหมือนถูกหักหลังขึ้นมาเสียก่อน

และหากเธอเลือกที่จะลองเสี่ยงไปแบบนั้น ดีไม่ดี... มันอาจจะส่งผลกระทบไปถึงความเชื่อใจกันระหว่างกุ๊กกับโจ้ ให้ต้องขุ่นข้องหมองมัวขึ้นมา ไม่ต่างอะไรจากตอนที่เธอรู้สึกโกรธเคืองบอยตอนที่ได้รู้ความจริงเลยแม้แต่น้อย หากเป็นแบบนั้น สู้รอให้กุ๊กเริ่มโอนอ่อนคล้อยตามกับคำแนะนำทั้งหมด รอจนพวกเค้าทั้งสี่คนได้ใกล้ชิดผูกพันกันทั้งกายและใจเสียก่อน แล้วถึงตอนนั้นค่อยเล่าความจริงในส่วนที่เหลือก็ยังไม่สาย

แม้ว่ามันอาจจะดูขี้โกงไปหน่อย แต่ในชีวิตจริงแล้ว บางครั้งคนเราก็ไม่สามารถพูดความจริงทุกอย่างออกไปได้ทั้งหมดในเวลาเดียวกัน... เพราะความสัมพันธ์ของคนเรานั้นมันช่างแสนจะซับซ้อนมากมายนัก

สองสาวนั่งคุยกันอีกครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นเช็คบิล จ่ายเงิน แล้วจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน โดยที่เป้นั้นเดินกลับไปขึ้นรถตัวเองที่จอดอยู่ภายในตึก ส่วนกุ๊กขอแยกตัวออกมาขึ้นรถไฟใต้ดินกลับคอนโดที่ลาดพร้าว เนื่องจากมันค่อนข้างใกล้ และยังสะดวกกว่าการต้องนั่งย้อนไปย้อนมาที่บ้านของสาวรุ่นพี่อีกทีหนึ่ง ซึ่งเธอก็ไม่ลืมที่จะโทรไปนัดแนะกับสามีให้กลับมาเจอกันที่คอนโดในภายหลัง

แทบจะในทันทีที่หนุ่มโจ้วางหูจากภรรยาเสร็จ เสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่มก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง หน้าจอมือถือแสดงรายชื่อของสาวรุ่นพี่คนสนิท ที่กำลังโทรเข้ามา

หญิงสาวเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงบ่ายให้ชายหนุ่มฟัง ทั้งเรื่องที่เธอพยายามพูดโน้มน้าวสาวกุ๊กให้เห็นคล้อยตามเรื่องการสลับสับเปลี่ยนแลกคู่นอน ซึ่งกุ๊กเองก็ดูจะเอนอ่อน เออออตามด้วย รวมไปถึงเรื่องที่เธอตัดสินใจปิดบังถึงเหตุการณ์สุดวาบหวิวที่เกิดขึ้นในคืนก่อน ซึ่งโจ้เองก็เข้าใจและรับลูกได้ในทันที พอคุยโทรศัพท์เสร็จ ชายหนุ่มจึงเอ่ยลาหนุ่มรุ่นพี่ พร้อมกับขับรถกลับคอนโดตัวเองด้วยอารามตื่นเต้นนิดๆ

โจ้เหยียบคันเร่งลงไปจนเกือบมิด กระชากโครงเหล็กกับล้อทั้งสี่ให้ห้อตะบึงไปบนท้องถนนด้วยความเร่งรีบ ในหัวเฝ้าแต่คิดวกวนไปมาอยู่เพียงเรื่องเดียว นั่นก็คือเรื่องความรู้สึกของภรรยาสาวในเวลานี้

เขาอยากรู้ว่าเธอนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้ จะรู้สึกยังไง จะเห็นดีเห็นงามกับสิ่งที่พี่เป้พูดมั้ย หรือว่าจะยิ่งคิดต่อต้านมันมากขึ้นไปอีก เพราะเกิดรู้สึกหึงหวงเขากับพี่เป้ขึ้นมา

ชายหนุ่มใช้เวลาบนถนนไม่ถึงชั่วโมง ก็พาตัวเองกลับมาถึงคอนโดได้โดยสวัสดิภาพ พร้อมกับความรู้สึกประหม่าและตื่นเต้นที่ติดสอยห้อยตามติดรถมาด้วยอีกนิดหน่อย

“เป็นไงมั่ง ได้อะไรกลับมาเยอะมั้ยวันนี้?” โจ้เอ่ยถามภรรยาสาวแทบจะทันทีที่เจอหน้า
“อือ นิดหน่อยอ่ะพี่ ได้เสื้อมาสองตัว แล้วก็รองเท้าใส่เล่นอีกคู่นึง ไม่กี่ร้อย” สาวกุ๊กตอบเรียบๆ
“แล้วไหงถึงกลับคอนโดไม่รอพี่ล่ะ?”
“ก็มันใกล้นี่นา นั่งรถใต้ดินแค่สองสถานี หนูขี้เกียจนั่งย้อนไปย้อนมา แค่เดินก็เหนื่อยแล้วอ่ะ”

“อ๋อ... แล้วไป นึกว่าเกิดไปทะเลาะอะไรกับพี่เป้เค้าซะอีก” หนุ่มโจ้ชิงหาจังหวะแกล้งหยอดถามเพื่อสังเกตอาการของภรรยา แต่เธอเองกลับไม่ได้แสดงท่าทีผิดปกติใดๆ ออกมา เพียงแค่โคลงศีรษะเบาๆ 2-3 ที ก่อนที่จะตอบปฏิเสธออกมา
“ทะเลาะอะไรเล่า พี่นี่ก็เพ้อเจ้อไปเรื่อย”

หลังจากนั่งพักผ่อนและอาบน้ำอาบท่ากันเสร็จ สองหนุ่มสาวก็พากันเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ ด้วยความที่สาวกุ๊กนั้นเหนื่อยล้าจากการเดินเลือกซื้อของมาทั้งวัน จึงทำให้เธอรู้สึกง่วงๆ เพลียๆ อยู่พอสมควร ตรงกันข้ามกับสามีหนุ่มที่กำลังตื่นตัวและคึกคักแบบสุดๆ

หนุ่มโจ้นึกย้อนไปถึงเรื่องที่ได้คุยกับบอยมาในวันนี้ เรื่องของความรู้สึกที่เกิดขึ้น ในระหว่างที่พวกเค้าทั้งสามคนกำลังปฏิบัติกิจกามอีรุงตุงนังกันอยู่

“กูพูดตรงๆ นะ... จนถึงตอนนี้กูก็ยังบอกกับตัวเองไม่ได้จริงๆ ว่าตอนที่กำลังสวิงกันอยู่น่ะ มันรู้สึกยังไงกันแน่” บอยเปิดฉากเล่าถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นให้โจ้ฟังออกมาตรงๆ

“มันเหมือน... จะว่าหึงหวงก็ไม่ใช่ ตื่นเต้นก็ไม่เชิง มันต่างจากตอนที่กูได้แต่แอบฟังหรือแอบดูมึงกับเป้เอากันอยู่ห่างๆ อ่ะ ตอนนั้นมันเหมือนว่ากูกลายเป็นคนนอกโดยสมบูรณ์ มันทั้งหึง ทั้งเจ็บใจ ทั้งอยากเอาชนะแย่งเป้กลับคืนมาให้ได้ มันต่างจากคราวนี้ ที่เราสองคนแม่งสลับหน้าที่กัน ช่วยกันเอาเป้ ทำให้เป้มีความสุข ซึ่งมันก็ยังมีอาการแปล๊บๆ เกิดขึ้นนะ เวลาที่ได้เห็นมึงเอากับเป้ต่อหน้าต่อตาชัดๆ แบบนี้ แต่...  อีกใจนึงแม่งก็โคตรเสียวเลย ไม่รู้ดิ... กูว่าแม่งเป็นประสบการณ์การมีเซ็กส์ที่... แม่งสุดๆ ในชีวิตกูจริงๆ”

ชายหนุ่มฟังรุ่นพี่สาธยายความรู้สึกลึกๆ ออกมาแล้วก็อดนึกอิจฉาขึ้นมาไม่ได้ แม้ว่าตัวเค้าเองจะมีโอกาสได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น แต่ก็เหมือนว่ามันยังไม่สมบูรณ์ในความรู้สึก คือได้มีส่วนร่วมแค่ในฐานะของผู้กระทำ ไม่อาจเข้าใจได้ถึงความรู้สึกหึงหวงและหึงหื่นของหนุ่มบอย ที่ได้เห็นภาพภรรยาตัวเองถูกชายอื่นเย่อเย็ดอยู่ตรงหน้า ในขณะที่ตัวเองก็คอยกระเด้าซอยควยเข้าใส่ร่างของเธอจากอีกด้านหนึ่งไปพร้อมๆ กัน

ถ้าเกิดผู้หญิงคนที่โดนรุมเย็ดในคืนนั้นไม่ใช่เป้... แต่ว่าเป็นกุ๊ก... ถ้าหากเป็นแบบนั้นแล้วมันจะรู้สึกเสียวซ่านขนาดไหนกันนะ...?

“พี่ว่าจากที่คุยๆ กัน... กุ๊กเค้าก็น่าจะโอเคแล้วนะ” ถ้อยคำของสาวรุ่นพี่ที่พูดผ่านโทรศัพท์ ดังก้องสะท้อนอยู่ในหัวของชายหนุ่มซ้ำไปซ้ำมา

ถ้าลองเกริ่นขอกับกุ๊กดูอีกทีจะดีมั้ยนะ? กุ๊กเองจะยินดียอมทำตามที่พี่เป้พูดรึเปล่า? หรือว่าเราจะโดนเธอด่าจนหน้าชากลับมาอีกรอบ?

ชายหนุ่มเฝ้าแต่คิดทบทวนไปมาอยู่คนเดียวเงียบๆ ท่อนลำอยู่ในสภาพพร้อมรบเต็มที่ เลือดลมสูบฉีดเข้าไปที่กระบอกลูกสูบจนมันบวมเป่ง ผงกหัวดิ้นหงึกๆ อยู่ภายในกางเกงบอลด้วยความอึดอัด และแล้ว... เมื่ออดรนทนต่อไปอีกไม่ไหว หนุ่มโจ้จึงตัดสินใจค่อยๆ เอื้อมมือตะปบลงไปบนน่องขาอวบอิ่มของภรรยา ลูบขึ้นลูบลงไปมาอยู่ 2-3 ที ก่อนที่จะมีเสียงพ่นลมหายใจของสาวกุ๊กตอบกลับมาเบาๆ

“ว้อนท์เหรอพี่...?” หญิงสาวหันหน้ากลับมาสบตาถาม
“อือ... ก็กุ๊กตัวหอมนี่นา” โจ้ตอบพร้อมกับก้มหน้าเข้าไปหอมแก้มภรรยา
“มามุกเดิมตลอด... หอมแล้วมันทำให้หื่นรึไงน้อ เฮ้อ...” แม้หญิงสาวจะออกปากบ่น แต่เธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีขัดขืนใดๆ ได้แต่นอนตัวแข็งเกร็งอยู่ภายใต้อ้อมกอดของสามีด้วยความยินดี

หนุ่มโจ้ค่อยๆ ประกบจูบปากกับภรรยา บดบี้ริมฝีปากเข้าหากันอย่างเชื่องช้า แต่แฝงไว้ด้วยความหนักหน่วง สอดลิ้นเข้าไปชิมรสชาติความหอมหวานภายในโพรงปากของเธอ

“อื้มม...” สาวกุ๊กหลับตาเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบอันช่ำชองของสามี

สองมือของชายหนุ่มค่อยๆ ถลกชายเสื้อนอนของเธอขึ้นมากองไว้ที่ราวนม ใช้ปลายนิ้วเขี่ยคลึงไปที่ยอดปทุมถันเป็นการทักทาย ก่อนจะเพิ่มพื้นที่ของการสัมผัสด้วยแรงบีบคลึงจากฝ่ามือทั้งสองข้าง หนุ่มโจ้บีบขยำเต้านมของภรรยาอย่างมันมือ ไม่นานก็เริ่มรู้สึกได้ถึงอาการลุกซู่ชูชันที่ปริเวณยอดปลายถัน ซึ่งกำลังเต่งตึงทิ่มแทงฝ่ามือของเขาอยู่

โจ้เลื่อนมือซ้ายสอดเข้าไปสัมผัสกับเนินเนื้อด้านล่างของเธอผ่านทางขอบกางเกง รู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นที่กำลังค่อยๆ ซึมลึกออกมาจากร่องหลืบด้านใน อาการที่เกิดขึ้นทั้งด้านบนและด้านล่าง บ่งบอกว่าระดับอารมณ์พิศวาสในตัวเธอกำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“กุ๊กก็เงี่ยนเหมือนกันเหรอ?” โจ้เอ่ยถามกุ๊กด้วยน้ำเสียงเย้ายวน
“ฮื่อ... ออ” หญิงสาวครางตอบ โดยที่ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมา
“เงี่ยนมากมั้ย?” ชายหนุ่มยังคงถามย้ำ อีกฝ่ายจึงพยักหน้าตอบกลับมาเบาๆ ด้วยความเขิน

หนุ่มโจ้กลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่ กลั้นใจสูดลมหายใจยาวๆ เข้าปอด รวบรวมความกล้าเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะอ้าปากพูด...

“ถ้างั้น... คืนนี้กุ๊กลอง... ลองจินตนาการถึงคนอื่นดูมั้ย? เผื่อว่า... มันจะยิ่งเสียวขึ้นกว่าเดิม” โจ้เอ่ยปากออกไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก AE มากประสบการณ์อย่างเขา พอถึงคราวต้องมาพูดกล่อมตะล่อมภรรยาตัวเองแล้วกลับเกิดอาการปากสั่น เสียงสั่นขึ้นมา ดูน่าสมเพชชะมัด...

สาวกุ๊กฟังแล้วก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ ยังคงนอนนิ่งอยู่กับที่ ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ กลับมา เธอไม่แม้แต่จะพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ หรือส่ายหัวเป็นการปฏิเสธด้วยซ้ำ สีหน้าและแววตาของเธอเหมือนจะแฝงความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ข้างใน มันไม่ใช่สีหน้าของคนที่กำลังโกรธเคือง... รังเกียจ... ดีใจ... หรือแม้แต่ผิดหวัง...

มันเป็นสีหน้าของคนที่กำลังพยายามตัดสินใจอะไรบางอย่าง เป็นการตัดสินใจที่ทั้งยากลำบาก... ทั้งยังสับสน... แต่พอผ่านไปอีกครู่นึง.. สีหน้าและแววตาของเธอก็ดูจะกระจ่างและแจ่มชัดขึ้นมา เหมือนกับว่าเธอได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างลงไปอย่างเด็ดขาดแล้ว...

เมื่อไม่มีเสียงทักท้วงเหมือนวันก่อน หนุ่มโจ้จึงถือว่าภรรยานั้นตอบตกลง ชายหนุ่มค่อยๆ รูดกางเกงนอนขายาวของกุ๊กจนหลุดออก จับสองขาของเธอแยกอ้าออกจากกัน ยกข้อพับของเธอขึ้นมาวางพาดไว้บนไหล่ ใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางแบะกลีบสาวของเธอให้มันอ้าออก ก่อนจะก้มหน้าลงไปดูดชิมความหอมหวานบริเวณปากทางอย่างหื่นกระหาย เสียงดังซ้วบ... บบบบ

“อุ๊!... ซี้ดส์.. อือออ” เสียงครางหลุดออกมาจากปากของภรรยาสาว คิ้วขมวดยับย่นจนใบหน้าบิดเกร็ง

หนุ่มโจ้ทั้งดูดทั้งเลียอย่างหื่นกระหาย ตวัดลิ้นหนาๆ กดบดเข้ากับร่องหีและกลีบเนินที่โค้งเนียน บางจังหวะก็เกร็งห่อลิ้นให้เป็นรูปกรวย แหย่แทงสอดลึกเข้าไปด้านใน กดมุดเข้าไปจนรู้สึกได้ถึงอาการบีบรัดของโพรงเนื้อ สลับกับการดูดเลียติ่งสาวด้านนอก จนหน้าขาของเธอเปียกชุ่มไปด้วยน้ำหล่อลื่น

ชายหนุ่มหันมาจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองบ้าง ถอดรูดมันออกทั้งชิ้นบนและชิ้นล่าง ก่อนจะพลิกตัวกลับหัวกลับหางอีกครั้ง ขยับปีนขึ้นไปคร่อมหน้าเธออยู่ในท่า 69 จากทางด้านบน ท่อนเนื้อแข็งโด่เด่ แกว่งไกวอยู่ไม่ห่างจากใบหน้าของเธอ

สายตาของกุ๊กถูกสะกดให้จับจ้องค้างไว้ที่ดุ้นเนื้ออวบใหญ่ราวกับว่ากำลังต้องมนต์ ภรรยาสาวเผลอแลบลิ้นเลียไปรอบๆ ริมฝีปากอย่างลืมตัว ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่ เธอเองก็ยังคงทำใจให้คุ้นชินกับความใหญ่โตและอลังการของมันไม่ได้เสียที

หญิงสาวหลับตาลงช้าๆ ใช้มือขวาจับยึดท่อนเนื้อให้หยุดนิ่ง ค่อยๆ เม้มปากครอบไปที่บริเวณปลายหัวของมัน ก่อนจะลากลิ้นเลียไปรอบๆ แท่งลำ ออกแรงกดเน้นๆ ที่บริเวณปลายท่อตรงรอยบาก เรียกเสียงครางสูดปากจากชายหนุ่มออกมาได้ชุดใหญ่ โจ้เองก็ไม่ยอมโดนเล่นงานอยู่ข้างเดียว ก้มหน้าลงไปดูดเม้มที่ติ่งแตดของเธอจนมันแทบจะหลุดติดคาปากเขามาด้วย สาวกุ๊กเจอดอกนี้เข้าไปก็เสียวซี้ดแบบสุดๆ ขยุ้มจิกสองมือลงไปที่แก้มก้นของสามีแรงๆ อย่างมันเขี้ยว ดึงรั้งร่างของชายหนุ่มเข้ามาเพื่อจะได้ดูดควยได้ถนัดยิ่งกว่าเดิม

สองหนุ่มสาวสลับสับเปลี่ยนกันใช้ปากให้กันอยู่พักหนึ่ง หนุ่มโจ้ก็อดรนทนรอต่อไปอีกไม่ไหว ค่อยๆ ขยับถอนตัวออก จนลำควยลากครูด เด้งผึงหลุดออกมาจากปากของภรรยา ชายหนุ่มขยับกลับมานั่งคุกเข่าตรงกลางหว่างขาของเธออีกครั้ง จับลำควยที่กำลังพองตัวโตเต็มที่ เสียบจ่อเข้าไปที่ปากทาง แล้วออกแรงกดทิ่มเข้าไปข้างใน

“อุ๊! อืม... มมม อู๊ย.. ยยย เบาๆ ก่อนพี่” สาวกุ๊กร้องพลางเอามือตีแขนสามีเป็นการเตือน แต่ชายหนุ่มที่กำลังเงี่ยนง่านเต็มที่ กลับไม่ได้สนใจอาการของภรรยาซักเท่าไหร่ เร่งกดสะโพก ส่งท่อนลำจมหายลึกเข้าไปเรื่อยๆ ด้วยความรวดเร็ว โชคดีที่ร่องหลืบของกุ๊กในตอนนี้มันกำลังเปียกเยิ้มแบบสุดๆ จึงทำให้ท่อนเนื้ออวบใหญ่ ไหลลื่นเข้าไปได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่

“อาห์... กุ๊กจ๋า หีกุ๊กตอดควยพี่ไม่หยุดเลย โอ๊ย อย่าขมิบ... แบบนั้นซี่ อูย.. ยยย” ชายหนุ่มครางอย่างสะใจ เมื่อสามารถกดท่อนเนื้อให้ทิ่มเข้าไปในตัวภรรยาได้จนเกือบจะสุดลำ ความยาวของมันทิ่มแทงลึกเข้าไปจนเผลอชนเข้ากับมดลูก
“อู๊ยพี่โจ้... ”

“กุ๊กครับ... วันนี้กุ๊กลองเล่นกับพี่อีกซักครั้งนะ... ลองคิดว่าตัวเองกำลังเอากับคนอื่นอยู่ ไม่ต้องคิดไม่ต้องกังวลอะไร แค่ปล่อยอารมณ์ไปตามใจก็พอ” หนุ่มโจ้พูดออดอ้อน พร้อมกับค่อยๆ ขยับท่อนลำเข้าอีกช้าๆ ส่วนมือก็คอยสอดล้วงเข้าไปขยำเต้านมของเธอพร้อมๆ กัน

ภรรยาสาวฟังแล้วก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ สองทีแทนคำตอบ หนุ่มโจ้เห็นแบบนั้นแล้วก็เกิดลิงโลดสุดๆ ยิ่งเร่งสาวท่อนควยออกมายาวๆ จนมันหลุดออกมาติดคาอยู่แค่เงี่ยง ก่อนจะเดาะเอวกดทิ่มกลับเข้าไปสุดลำ ปลายหัวพุ่งกระทบเข้าไปเต็มๆ มดลูก เล่นเอาหญิงสาวถึงกับหลับตาปี๋ ร้องครางออกมาดังๆ

ชายหนุ่มออกแรงกดตอกท่อนลำเข้าออกอย่างสุดฝีมือ เสียงเนื้อกระทบกันดังสนั่นแข่งกับเสียงครวญครางของภรรยาสาว หนุ่มโจ้เย็ดท่าเบสิคอยู่พักนึงก็เกิดนึกอยากเปลี่ยนท่าขึ้นมา จับพลิกร่างของภรรยาให้นอนตะแคงหันข้าง ยกขาข้างนึงขึ้นมาวางพาดบ่า โขยกเอวเสยควยทิ่มลึกเข้าไปมากกว่าเดิม

“อ๋อย.... ทำไม... มันลึกจังเลย หนูจุกไปหมด... อืมมม” กุ๊กร้องครวญออกมาอย่างหมดสภาพ เส้นผมของเธอปลิวสยายไปมาตามจังหวะของการกระแทก

หนุ่มโจ้เฝ้าสังเกตอากัปกิริยาของภรรยาสาวอย่างสนใจ หญิงสาวตอนนี้กำลังนอนตะแคงหลับตาปี๋ ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อราวกับลูกตำลึง ร่องหีตอดขมิบลำควยของเค้ารุนแรงหนักหน่วงกว่าทุกที ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกำลังเสียวซ่านสุดๆ หรือเพราะกำลังจินตนาการนึกถึงภาพใบหน้าของผู้ชายคนอื่นอยู่กันแน่...

“กุ๊กจ๋า... กุ๊กกำลังจินตนาการถึงหน้าใครอยู่เหรอ” หนุ่มโจ้พูดกระเซ้า
“ผัวโรคจิต.. ยะ... อยากให้หนูไปเอากับคนอื่นนักรึไง อืมมมม” กุ๊กสวนกลับมาเสียงสั่น
“อูยย... อยากสิจ๊ะ อยากเห็นหน้ากุ๊กตอนโดนควยคนอื่นจังเลย กุ๊กจะเสียวขนาดไหนกันน้า?” ด้วยความที่กำลังเสียวได้ที่ หนุ่มโจ้จึงเผลอพรั่งพรูความต้องการลึกๆ ในใจออกมาอย่างหมดเปลือก โดนไม่นึกกลัวว่าจะโดนภรรยาด่าอีกต่อไป

“อือ.... ออออ... อาห์... อ่ะ... อาาาา.. าาาาา” สาวกุ๊กเอง พอได้ยินถ้อยคำจากปากของสามีในจังหวะที่ทั้งคู่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกันอยู่ กลับยิ่งเกิดอารมณ์เงี่ยนง่านสุดขีด ปล่อยตัวปล่อยใจ แหกปากร้องครวญครางออกมาเสียงหลง ถ้าสามีหนุ่มสามารถอ่านใจเธอได้ ก็คงจะพบว่าในหัวของเธอตอนนี้ กำลังจินตนาการเตลิดเปิดเปิงไปหาผู้ชายคนอื่นเรียบร้อยแล้ว

ทั้งคู่เย็ดกันในท่านี้อยู่อีกราวๆ 5 นาที หนุ่มโจ้ก็ขยับตัวเปลี่ยนท่าอีก ดึงร่างของภรรยาให้ขึ้นมานั่งตัก หันหน้าเข้าหากัน สองขาเธอเกี่ยวกระหวัดไปทางด้านหลัง ส่วนสองมือก็คอยโอบกอดร่างของอีกฝ่ายเอาไว้ พร้อมกับประกบปากจูบอย่างดูดดื่ม

“อือ... เสียวอ่า...” สาวกุ๊กถอนปากออกร้องครางออกมาเบาๆ ออกแรงขย่ม หมุนคลึงบดสะโพกไถเข้าใส่หน้าขาของอีกฝ่ายพรืดๆ
“อูย เสียวควยชะมัด.. บดแรงๆ เลยกุ๊ก” หนุ้มโจ้ครางตอบ ก้มหน้าลงไปดูดนมเธอ สลับซ้ายที... ขวาที... จนทรวงอกขาวๆ ของเธอตอนนี้มีแต่รอยแดงช้ำเป็นจ้ำๆ ในหัวของโจ้ก็เฝ้าคิดอยู่แต่เรื่องเดียว นี่เธอกำลังจินตนาการถึงใครอยู่กันนะ

จะเป็นหนุ่มป้อง... หนุ่มบอย... หรือว่าจะเป็นนายเอกหมอนวดกันแน่นะ?

ชายหนุ่มนึกย้อนไปถึงภาพใบหน้าของภรรยาสาวที่กำลังบุบบิบบี้บู้ นอนถ่างขาให้หมอนวดหนุ่มละเลงทั้งนิ้วและลิ้นลงไปที่ร่องเสียวของเธออย่างถึงกึ๋น จนร่างของเธอสั่นกระตุก น้ำเงี่ยนพุ่งทะลักแตกคาปากของนายเอกไปเลย ภาพประทับใจในครั้งนั้นยังคงติดตราตรึงใจของชายหนุ่มอยู่ไม่เสื่อมคลาย แล้วตัวเธอที่เป็นคนประสบพบเจอมากับตัว จะกล้าลืมเลือนมันไปได้ลงหรือ...?

“บอกหน่อยซี่ กุ๊กกำลังเย็ดกับใครอยู่เหรอ?” โจ้เอ่ยถามเสียงหื่น
“ฮือ... อออ มะ.. ไม่บอก... ไม่เอา” สาวกุ๊กหลับตาส่ายหน้าสะบัดไปมาอย่างหนักแน่น
“แน่ะ ปากแข็งนัก ดูซิจะทนได้ซักแค่ไหน”

โจ้พยายามจะเค้นให้เธอหลุดชื่อของผู้ชายคนนั้นออกมาให้ได้ ทิ้งตัวลงนอนหงายไปกับเตียง โหมออกแรงเด้งควยเสยทิ่มใส่ร่องหีของเธอหนักๆ จากทางด้านล่าง

“อ่ะ... อ๊าย! สสส ซี้ดดดส์ อ๋าาา... าาา!” สาวกุ๊กร้องคราง ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก
“นี่แน่ะ! จะบอกมั้ย!? นี่ๆๆ!” ชายหนุ่มยังคงเร่งเร้าอย่างต่อเนื่อง
“โอ๊ย พี่... บะ... โอ๊ย... ยยยย ฮือ กุ๊กไม่ไหวแล้วน้า... อ๋อย... ยยย สส... ซี้ดดดดส์” สาวกุ๊กพยายามเม้มปากเอาไว้แน่น ข่มกลั้นอารมณ์หื่นที่กำลังจะทะลักทลายออกมาจากภายในกาย

“ร้องออกมาเลยกุ๊ก! ร้องออกมาเลย... พี่ก็จะแตกแล้วเหมือนกัน อืมมม” หนุ่มโจ้เมื่อรู้ว่าภรรยาใกล้จะถึงจุด ก็รีบเร่งตะบันควยกระทบหนอกหีของเธอแบบหนักๆ โถมอัดกำลังทั้งหมดที่มีใส่ร่างเธอเสียงดังสนั่นอย่างต่อเนื่อง ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ! ปั้บบ!!

สาวกุ๊กที่พยายามฝืนข่มอารมณ์เอาไว้ พอโดนเล่นงานอย่างหนักหน่วงก็ถึงกับตบะแตก สติสตังกระเจิดเตลิดเปิดเปิง เร่งขย่มควยสามีอย่างหนักหน่วง อีกนิด... อีกนิดเดียว.... อย่าหยุดนะ... อย่าพึ่งแตกนะ... จะถึงแล้ว... จะถึงแล้ว... อึ๋ย..... หญิงสาวคร่ำครวญอยู่ภายในใจ ก่อนที่อารมณ์รัญจวนทั้งหมดจะระเบิดแตกออก พร้อมกับที่เธอเผลอกรีดร้องออกมาอย่างสุดกลั้น

“โอ๊ะ...! โอ๊ย... ยยย พะ.. พี่บอยขา! กะ... กุ๊กเสร็จ... เสร็จแล้ววววว!” ภรรยาสาวร้องเรียกชื่อของหนุ่มรุ่นพี่ออกมาแบบสุดเสียง ผวาเข้ากอดร่างของสามีด้วยเนื้อตัวที่กำลังสั่นกระตุก โพรงเนื้อด้านในขมิบยวบตอดถี่ยิบๆ ก่อนที่น้ำเชื้อของชายหนุ่ม จะพุ่งกระฉูดเข้ามาเต็มมดลูกของเธอ แทบจะในเวลาเดียวกัน...