วันพุธที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2566

ฟูมฟักรสรักให้เมียสาว เสียวคูณสอง #10

 
 
 

8 โมงเช้าวันอาทิตย์ ท้องฟ้าที่น่านตอนนี้กำลังค่อยๆ ผลิไอแดด แผ่รังสีความร้อนพุ่งทะลุผ่านแผงกำแพงเมฆ ส่องสว่างวาบตกกระทบเข้ากับหลังคาเรือน เป็นสัญญาณถึงการเริ่มต้นของวันใหม่

สองสาวพี่น้องทั้งกุ๊กและแก้ว กำลังตั้งหน้าตั้งตาช่วยกันเตรียมวัตถุดิบในครัว ทั้งเนื้อ ผัก และเครื่องปรุงต่างๆ เพื่อช่วยผู้เป็นแม่จัดเตรียมกับข้าวสำหรับเลี้ยงบรรดาญาติๆ ซึ่งกำลังจะดาหน้ามาชุมนุมกันที่บ้านของพวกเธอในตอนเที่ยงวันนี้

“เฮ้อ... ไม่รู้แม่เค้าจะนึกคึกอะไรขึ้นมาเนาะ ก็แค่นัดเคลียร์เอกสารกันแค่นี้ ไม่รู้จะต้องมานั่งทำกับข้าวเลี้ยงกันทำไม ไปซื้อร้านป้าจันทร์ปากซอยเอาก็ยังได้” สาวกุ๊กบ่นอุบอิบ ระหว่างที่กำลังนั่งตำกระเทียมในครกจนมันแหลกละเอียด
“เออน่ะ ทำๆ ไปเหอะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว เดี๋ยวบ่ายๆ ก็จบเรื่องแล้ว ทีนี้แกจะไปทำอะไรก็ทำ” แก้วดุน้องสาว พร้อมกับใช้มือเด็ดใบกระเพราออกมาล้างน้ำ

“ก็มันน่าเบื่ออ่า เจ๊ก็รู้นี่นาว่าหนูไม่ชอบทำอาหารนี่ ง่วงก็ง่วง ฮ้าว..... ววว” หญิงสาวอ้าปากหาวกว้างจนน้ำตาเล็ด
“หัดทำไว้มั่งเหอะ เป็นแม่บ้านแม่เรือนน่ะ แฟนจะได้รักได้หลงหน่อย แล้วอีกอย่าง... ไหนๆ แกก็เป็นคนกินเก่งอยู่แล้ว ก็หัดทำไว้กินเองด้วยเลย ไม่ใช่เอาแต่กินจนอ้วนเป็นหมู แต่ดันทำอาหารอะไรไม่เป็นซักอย่าง” แก้วยังเทศน์ไม่หยุด
“ฮู่ย... ก็นั่นมันเมื่อก่อนนี่นา เดี๋ยวนี้หนูก็ไม่ได้อ้วนแล้วน้า ส่วนพี่โจ้เค้าก็ไม่เห็นว่าอะไรเลยเรื่องกินเนี่ย” กุ๊กตัดพ้อกลับมาหน้างอ

“เค้าอาจจะอยากบ่นแต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมาก็ได้ย่ะ ระวังเถอะ เดี๋ยวถ้าอ้วนอีกรอบ พี่เค้าเกิดเบื่อขึ้นมา เดี๋ยวก็ได้แอบหนีไปมีกิ๊กอีกหรอก” แก้วพูดขู่ด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนกุ๊กเองก็ออกอาการ ทำสีหน้าแหยๆ ตามไปด้วย
“เฮ้ย... ไม่เอาดิ เจ๊อ้ะ อย่าแช่งกันแบบนี้ดิ”

“ไม่ได้แช่งย่ะ ก็เห็นพี่เค้าเจ้าชู้ กะล่อนออกขนาดนั้น แถมก่อนหน้านี้ก็เคยมีประเด็นมาก่อนแล้วไม่ใช่รึไง?” แก้วยักคิ้วถาม
“ก็.. ก็... เดี๋ยวนี้พี่โจ้เค้าโอเคแล้วน้า เค้าก็ไม่ได้ไปว่อกแว่กที่ไหนแล้วอ่ะ” กุ๊กรีบพูดแก้ตัวให้สามี มือที่คอยตำกระเทียมอยู่ก็เริ่มที่จะตำผิดๆ ถูกๆ

“แล้วตกลง แกกับพี่โจ้... ก็ยังดีๆ กันอยู่ใช่มะ?”
“อื้อ”
“เออ ถ้างั้นก็ดีละ” แก้วพูดตัดบท พลางก้มหน้าก้มตาล้างผักต่อ

“แล้วเจ๊กับพี่ปูอ่ะ เมื่อไหร่จะแต่งกันซักที รอให้ 40 ก่อน เดี๋ยวก็มีลูกยากหรอก” สาวกุ๊กเป็นฝ่ายถามกลับบ้าง แต่แก้วที่ได้ฟังก็กลับนิ่งเงียบไปเหมือนถูกถามแทงใจดำ
“ไม่รู้ดิ ถ้าจะแต่งเมื่อไหร่ก็คงแต่ง ถ้ามีไม่ได้... ก็คงไม่มีมั้ง” เธอตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่สีหน้ากลับแฝงอารมณ์
“เฮ้ย ทำไมพูดงั้นอ่ะ?” กุ๊กอุทานถามเสียงสูง

“ก็... ไม่รู้ว่ะ ช่างมันเหอะ อย่าไปพูดถึงเลย”
“เฮ้ย ไม่เอา เจ๊มีปัญหาอะไรก็เล่าให้ฟังดิวะ ทีของหนูเจ๊ยังซักเอาๆ แล้วทีของตัวเองงี้มาทำอ้ำๆ อึ้งๆ เนี่ยนะ” กุ๊กยังไม่ลดละความพยายาม ไล่ต้อนจนพี่สาวจนมุม

“เออ ก็ไม่มีอะไรหรอกน่า ก็แค่ว่า... คนเราพอมันคบกันมานานๆ แล้วไม่ได้แต่งไม่ได้อะไรกัน มันก็เหมือนอยู่กันเพราะความเคยชินอ่ะ แกเข้าใจป่ะ คือมันก็ยังรัก ยังผูกพันกันนะ แต่แบบ... ก็ไม่ได้โหยหาพิศวาสอะไรกันมากมายเป็นพิเศษอ่ะ มันอยู่กันจนรู้สึกว่าเป็นเหมือนเพื่อนสนิทกันไปแล้ว ก็เลย... ไม่รู้จะรีบร้อนแต่งทำไม ถ้าถึงเวลาก็คงมีของมันเอง” แก้วระบายออกมาจนหมดเปลือก

“แต่ฟังดู... เจ๊เองก็คงอยากแต่งแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“เออ ไอ้ชั้นน่ะก็อยากแต่งให้มันจบเรื่องจบราวไป ป๊ากับม้าเค้าจะได้เลิกมาห่วง มาเป็นกังวลเสียที แต่ทำไงได้วะ... ก็ปูมันก็ยังไม่พร้อม ไหนจะบ้านของครอบครัวเค้า ไหนจะรถ แค่ผ่อนสองอย่างนี้ก็แทบไม่มีจะเก็บแล้ว... จนบางทีชั้นเองก็แอบคิดนะ ว่าถ้าคบกันไปเรื่อยๆ แบบนี้ แล้วพอถึงวันนึง พอมันพร้อมแล้วมันจะเกิดเบื่อชั้นขึ้นมารึเปล่า” แก้วตัดพ้อ

“ไม่หรอกมั้ง เจ๊ก็คิดแง่ลบเกินไป คบกันนานๆ ไม่เห็นจะต้องเบื่อกันเลย อย่างพี่บอยกับพี่เป้ รุ่นพี่ที่หนูรู้จักนี่ไง คบกันตั้งนาน แต่งกันตั้งนาน ทุกวันนี้ยังไม่เห็นจะเบื่อ หรือมีปัญหาอะไรกันเลย....” สาวกุ๊กเอ่ยขึ้นมาได้เพียงเท่านี้แล้วก็เงียบไป ในหัวก็พลันนึกย้อนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างรุ่นพี่ทั้งสองและสามีของเธอขึ้นมากะทันหัน

ใครว่าไม่มีปัญหากันล่ะ...?

ขนาดว่าทั้งบอยและเป้นั้นจะดูรักใคร่และเข้าอกเข้าใจกันดีขนาดนี้ แต่ทั้งคู่เองก็ยังคงมีปัญหาเรื่องความต้องการบนเตียงขึ้นมาได้ จนถึงขั้นต้องวางแผนให้หนุ่มโจ้เข้าไปช่วยกระตุ้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคน ให้กลับมาซู่ซ่าหวือหวาอีกครั้ง

พอคิดแบบนี้แล้ว ในใจของกุ๊กก็เกิดหวั่นไหวขึ้นมา แม้ว่าเธอจะเคยเปิดอกพูดคุยกับสามีของเธอไปก่อนหน้านี้แล้วว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และเกิดขึ้นก่อนที่ทั้งเธอและโจ้จะได้รู้จักกันเสียอีก แต่ถึงกระนั้นแล้วเธอเองก็ยังแอบรู้สึกอึดอัดและประหม่าทุกครั้ง เวลาที่ต้องแวะเวียนเข้าไปพบปะพูดคุยกับพี่ๆ ที่เคารพรักทั้งสองคน หลังจากได้ฟังเรื่องราวอันสุดแสนจะเหลือเชื่อของทั้งคู่มาแล้ว

“เรื่องมันจบลงไปแล้วน่า เดี๋ยวนี้ก็คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง...?” สาวกุ๊กพยายามคิดปลอบใจตัวเอง ก่อนจะฝืนยิ้มแหยๆ ออกมาด้วยใบหน้าอึดอัดใจ เล่นเอาสาวแก้วที่เห็นถึงกับออกอาการงุนงงกับสีหน้าและท่าทางของน้องสาวตัวเอง

=======================================

กรุงเทพฯ เวลาเดียวกัน...

“อุ่ก.. อืมม.. อื้อออ.... อออ!”

เสียงครวญครางอู้อี้ของหญิงสาวร้องดังระงมขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง สลับกับเสียงท่อนเนื้อสองท่อนที่กำลังอัดกระแทกใส่ร่างของเธอพร้อมๆ กันสองทาง

“อื้มมมม.. อุ่..! อือ.... ฮื่ออออ” สาวเป้ในสภาพเปลือยเปล่าล่อนจ้อน ตอนนี้กำลังคุกเข่าโก่งโค้ง หันหน้าออกไปทางปลายเตียง ที่ด้านหลังมีร่างของหนุ่มรุ่นน้องรูปหล่อ กำลังซอยอัดกระแทกท่อนลำเข้ากลีบสาวของเธอ เสียงดังปั้บ! ปั้บ! ปั้บ! เป็นชุดๆ ราวกับปืนกล หญิงสาวเองจะร้องก็ร้องไม่ออก เพราะที่ริมฝีปากของเธอตอนนี้ กำลังโดนท่อนลำขนาดเหมาะเจาะของสามีกดกระเด้าเข้าออกด้วยความเมามัน ชายหนุ่มแหงนหน้าหลับตาปี๋ สูดปากครางอู้ๆ ใช้สองมือจับยึดศีรษะของภรรยาเอาไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะ

อารมณ์หื่นของทั้งสามคนตอนนี้เตลิดเปิดเปิงไปไกลแสนไกล สาวเป้เองก็กำลังหลับตาปี๋เฉกเช่นเดียวกับสามี ห่อปากเม้มเข้ากับท่อนเนื้อของสามีไว้แน่น พอจังหวะที่หนุ่มโจ้กระแทกอัดใส่ร่างของเธอ ศีรษะของหญิงสาวก็จะกระเด้งกระดอน ครูดเอาท่อนลำในปากเข้าออกตามไปด้วย ยิ่งโจ้กระแทกหนักหน่วงเท่าไหร่ หนุ่มบอยที่ยืนเกร็งอยู่ตรงหน้าก็จะยิ่งเสียวตามมากขึ้นไปด้วย

“อูยยย... เป้จ๋า ดูดแรงๆ ตรงนั้นแหละ อาห์...” บอยครางอย่างพึงพอใจ

ปลายลิ้นของเป้ทั้งห่อทั้งเลียไปรอบๆ ปลายหัวบานของสามี ตวัดดูดเลียที่รอยบากจนชายหนุ่มถึงกับเกร็งกระตุกขาสั่นพั่บๆ ไม่นาน หนุ่มบอยก็ทนกับลีลาของภรรยาสาวไม่ไหว กระฉูดน้ำกามใสๆ พุ่งเข้าไปในปากของเธอ สองมือเกาะเกร็งเข้าที่ศีรษะของเป้ กดแช่ท่อนเนื้อค้างเอาไว้ครู่ใหญ่ ก่อนจะค่อยๆ ถอนลำควยออกมาช้าๆ มองเห็นคราบน้ำเงี่ยนไหลยืดยาวออกมาเป็นสายบางๆ

ด้วยความที่ชายหนุ่มเองเสร็จกิจไปก่อนหน้านี้แล้วถึงสองครั้งสองครา ปริมาณของน้ำกามที่ปล่อยออกมาในคราวนี้จึงไม่เข้มข้น และไม่ได้มีจำนวนมากมายอะไรนัก สาวเป้จึงรีบกลืนมันลงคอไปพร้อมกับแสดงสีหน้าอี๋ๆ ออกมา แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไร หนุ่มโจ้ที่คอยจังหวะอยู่ทางด้านหลังก็เริ่มต้นขยับตัวอีกครั้ง

“อุ๊ย! อือ... ออออ โจ้ โอ๊ย! โจ้ ยะ... อย่ารัวแบบนั้นสิ พะ... พี่จะเสร็จเอานะ ฮือ...” หญิงสาวครวญครางด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
“เอาเลยครับพี่ ไม่ต้องเกร็งนะ ผมเองก็จะเสร็จเหมือนกัน พี่เป้เสร็จกับผมเลยนะ นี่ๆ!” หนุ่มโจ้สั่งการ พร้อมกับเร่งกระเด้าหีเธออย่างรุนแรงและรวดเร็ว เสียงแก้มก้นเด้งกระทบเข้ากับหน้าขาของชายหนุ่ม ตีคู่มากับเสียงครวญครางของภรรยาสาว ดังสนั่นสะใจเต็มสองหูของสามี

“อ่ะ... อ๋อยย ซี้ดส์.. อาห์ ตรงนั้น.. ตะ.. ตรงนั้นแหละ โอ๊ย” เป้ร้องครางลั่น สะบัดศีรษะไปมาอย่างร้อนร่าน ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก
“อืมม ผมจะแตกแล้วนะพี่... พี่เป้ใกล้รึยัง?” โจ้ถามพร้อมกับค่อยๆ ผ่อนจังหวะสลับลงมาสาวเอวแบบยาวๆ บ้าง
“อื้อออ... โอ๊ยยย ไม่ไหว... พี่จะเสร็จอีกแล้ว” หญิงสาวร้องตอบเสียงสั่น ทั้งส่ายหน้าและพยักหน้าไปในคราวเดียวกัน

เจ้าหนุ่มที่เห็นแบบนั้นจึงเร่งเครื่องแบบสุดตัว โถมกายเข้าอัดกับร่างของสาวรุ่นพี่อย่างหนักหน่วง เสียงเนื้อกระทบแนบเนื้อดัง ปั้บ! ปั้บ! ปั้บบ... บบบ!! จนสาวเป้ตัวลอย

“โอ๊ย... ยยย สสส... ซี้ดดดดส์ พี่... พี่... อ๋าาาา! พี่ถึงละ.. แล้วววววว” สาวเป้ร้องลั่น ฟุบหน้าเข้าหาเตียง ยื่นมือไปคว้าท่อนแขนของสามีที่นั่งอยู่ข้างๆ จิกมือลงไปเต็มกำมือด้วยอาการเสียวเกร็ง หนุ่มบอยที่เห็นอาการของภรรยาก็รีบโน้มตัวเข้าไปกอดเธอเอาไว้แน่น
“อุ๊บ.. แตก... แตกแล้วครับ” หนุ่มรุ่นน้องร้องออกมาเบาๆ พร้อมกับจับยึดสะโพกของเป้ แอ่นควยกระฉูดน้ำเชื้อพุ่งเข้าไปในช่องคลอดของเธอแบบสุดกลั้น

“อาห์...” โจ้ครางออกมาอย่างโล่งสบาย ขณะกำลังค่อยๆ ถอนดุ้นเนื้อที่เริ่มจะอ่อนตัวออกมาช้าๆ มองเห็นคราบน้ำสีขาวขุ่น ไหลย้อยตามออกมา ก่อนจะหยดแหมะลงไปบนเตียง พอเสร็จกิจปั๊บชายหนุ่มก็ทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดแรง หอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน

สองหนุ่มนั้นเสร็จกิจกันแบบเต็มอิ่ม แข้งขาอ่อนปวกเปียกหมดเรี่ยวแรงไปตามๆ กัน แม้แต่หนุ่มบอยที่เคยอ่อนด้อยกับลีลารัก แต่ด้วยการฝึกปรือและคอยบำรุงร่างกายตามคำแนะนำของหนุ่มรุ่นน้อง รวมถึงยังได้แรงกระตุ้นจากฤทธิ์ของยาปลุกเซ็กส์อีกต่อหนึ่ง  ทำให้หนุ่มรุ่นพี่ผู้อ่อนเชิง สามารถปฏิบัติกิจกามในค่ำคืนนี้ได้อย่างสุดสวิงริงโก้อีโต้บั้มพ์ น้ำแตกสบายตัวไปอย่างสาสมใจ

นับประสาอะไรกับสาวเป้ที่เสร็จแล้วเสร็จอีกจนแทบจะนับครั้งไม่ถ้วน มันเป็นประสบการณ์ทางเพศที่เสียวซ่านที่สุดในชีวิตของเธอ ทั้งการถูกรุมป้อนความสุขให้จนล้นปรี่ ทั้งการมะรุมมะตุ้มรุมเธอพร้อมๆ กันถึงสองทาง ทั้งหน้าและหลัง เล่นเอาหญิงสาวถึงกับหน้ามืด ไม่มีแรงแม้แต่จะลืมตาขึ้นมา พอลองฝืนปรือตามองก็พบว่าภาพที่เห็นกลายเป็นสีเหลืองๆ ดูพร่ามัวแปลกๆ

นี่สินะ ที่เค้าเรียกกันว่าอาการฟ้าเหลือง หญิงสาวพึ่งเคยประสบพบเจอกับตัวเองเข้าก็คราวนี้เอง....

ทั้งสามนอนสลบอยู่อีกพักใหญ่ๆ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกัน เมื่อมีเสียงลูกบิดประตูห้องนอนหมุนกึกๆ กักๆ คล้ายกับมีใครจะเปิดเข้ามา แต่ติดล็อคกลอนประตูจึงไม่สามารถเปิดเข้ามาได้ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเคาะประตูดัง ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

“ตายล่ะ! กี่โมงแล้วเนี่ย!? โอมกับเอมตื่นแล้วเหรอ!?” เป้ร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ
“ไอ้โจ้ มึงไปหลบในห้องน้ำก่อน” หนุ่มบอยรีบออกปากไล่ ชายหนุ่มรุ่นน้องก็ไม่รอช้า คว้ากองเสื้อผ้าของตัวเองได้ก็วิ่งหนีหายเข้าไปหลบในห้องน้ำทันที

หนุ่มบอยคว้ากางเกงขายาวขึ้นมาใส่แบบลวกๆ หันไปเช็คสภาพภรรยาที่ดึงเอาผ้าห่มมาคลุมกายไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู ชายหนุ่มกลั้นใจอยู่หน้าประตูครู่นึง ก่อนจะค่อยๆ บิดประตูออกไปอย่างช้าๆ พร้อมๆ กับที่ใบหน้าของลูกชายตัวน้อยก็โผล่พรวดเข้ามาในห้องทันที

“ป่าป๊า ตื่นได้แล้ว หิวแล้ว” น้องโอมลูกชายเอ่ยปากออดอ้อน พลางเอามือลูบท้องตัวเองเบาๆ มองออกไปด้านหลังยังเห็นร่างของน้องเอม ลูกสาวคนเล็กเดินเตาะแตะตามมา ใบหน้าง่วงๆ ตาปรือเหมือนยังไม่ตื่นดี ในมือถือตุ๊กตาตัวโปรดกอดไว้แนบอก
“โอเคๆ เดี๋ยวป๊าลงไปดูข้าวให้นะครับ ให้หม่าม้านอนพักไปก่อน เมื่อคืนหม่าม้าเค้านอนดึก เราอย่าไปกวนเค้าดีกว่า” บอยเอ่ยพลางสบตายิ้มๆ กับภรรยา ก่อนจะเดินนำลูกๆ ลงไปข้างล่าง

ซักพัก สาวเป้จึงรีบลุกมากดล็อคประตู เสร็จแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรง ก่อนที่ร่างของหนุ่มโจ้จะย่องออกมาจากห้องน้ำ ทั้งคู่หันหน้ามาสบตากัน ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ กับเหตุการณ์หวาดเสียวที่พึ่งจะผ่านพ้นไปหมาดๆ

หนุ่มโจ้หาจังหวะแอบหลบออกมาจากบ้าน ระหว่างที่เด็กๆ กำลังมัวแต่ง่วนดูการ์ตูนอยู่หน้าทีวี ลากสังขารที่สะโหลสะเหลได้ที่กลับไปนอนพักเอาแรงที่คอนโด พอเช้าวันจันทร์ก็ต้องโด๊ปทั้งกาแฟและ M150 ฝืนพาร่างที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เข้าไปช่วยพี่หน่อยเจ้านายพรีเซนท์งานกับลูกค้าแบบมึนๆ

ส่วนทางฝั่งของสองสามีภรรยานั้นค่อนข้างหนักหนาสาหัสกว่ากันพอสมควร สาวเป้ที่โดนรุมกินโต๊ะไปแบบสุดเหวี่ยง ผ่านไปหนึ่งวันเต็มๆ ก็ยังคงแทบจะลุกขึ้นไม่ไหว แข้งขาอ่อนปวกเปียก ไม่มีเรี่ยวแรงใดๆ จะทำอะไรทั้งสิ้น จนต้องโทรไปลางานกับที่ทำงานในที่สุด ส่วนหนุ่มบอยสามีนั้น พอไปส่งลูกๆ ที่โรงเรียนเสร็จก็โทรไปลางานเช่นเดียวกัน เพื่อจะได้กลับมาดูแลภรรยาที่กำลังหมดสภาพนอนซมอยู่บนเตียงไปอีกหนึ่งวันเต็มๆ

หลังจากผ่านพ้นกับภารกิจพรีเซนท์งานลูกค้าเรียบร้อยแล้ว หนุ่มโจ้ก็ใช้เวลาช่วงเย็นที่เหลือ ขับรถไปรับสองสาวพี่น้อง ทั้งกุ๊กและแก้วที่สนามบินดอนเมือง

“โหย โดนลูกค้าบ่นมาเหรอพี่โจ้ ทำไมดูหมดสภาพขนาดนี้เนี่ย” สาวกุ๊กเอ่ยถามสามีที่นั่งข้างๆ อย่างแปลกใจ
“อือ... ก็สบายๆ นะ เค้าก็โอเคหมดแล้วแหละ มีแค่ปรับโทนสีนิดหน่อย ค่อยให้เบสมันปรับเอาง่ายๆ” โจ้ตอบเสียงเฉื่อย ดูคล้ายวิญญาณจะหลุดจากร่างในเร็วๆ นี้

“พี่โจ้เหนื่อยรึเปล่าคะ? นั่งพักก่อนมั้ย ไม่ต้องฝืนก็ได้” สาวแก้วเอ่ยด้วยความเป็นห่วงบ้าง
“ใช่ๆ เอาน้ำเย็นหรืออะไรมั้ย เดี๋ยวกุ๊กแว้บไปซื้อให้ก็ได้” กุ๊กเออออตาม
“เฮ้ย ไม่เป็นไร สบายๆ” หนุ่มโจ้รีบบอกปัดพร้อมกับสตาร์ทรถขับออกไปทันที

ทั้งหมดใช้เวลาอยู่บนถนนชั่วโมงกว่าๆ ก็ขับมาถึงหน้าคอนโดของสาวแก้วในที่สุด

“ขอบคุณค่ะพี่โจ้... ไปแล้วนะแก” แก้วยกมือไหว้ลาหนุ่มรุ่นพี่ผู้มีศักดิ์เป็นน้องเขย ก่อนจะโบกมือลาน้องสาวตัวเอง
“บ๊ายบาย ไว้เดี๋ยวหนูแวะมาหาอีกทีวันศุกร์นี้นะเจ๊”
“อือๆ” สาวแก้วพยักหน้ารับคำเบาๆ
“ไว้เจอกันจ้ะแก้ว” โจ้เอ่ยลาพร้อมกับขับรถออกมา

พอทั้งคู่ถึงห้องแล้ว สาวกุ๊กก็รีบพุ่งเข้ามากอดโจ้แบบทันทีทันใด ก้มหน้าสูดดมกลิ่นกายของสามีเข้าไปเต็มปอดจนชื่นใจ

“อะไรๆ ทำตัวหื่นๆ อีกละยัยบ๊อง” หนุ่มโจ้ลูบหัวภรรยาสาวด้วยความเอ็นดู
“แฮะๆ... ก็กุ๊กคิดถึงพี่นี่นา พี่โจ้ไม่คิดถึงหนูบ้างเหรอ” กุ๊กตอบด้วยน้ำเสียงทะเล้น พร้อมกับเขย่งตัวขึ้นไปหอมแก้มสามีอีกฟอดใหญ่ เล่นเอาชายหนุ่มออกอาการเขินๆ ไม่น้อย
“คิดถึงสิคะ แหม ไม่เจอหน้ากันตั้งหลายวัน” โจ้พูดพร้อมกับก้มลงไปจุ๊บปากเธอเบาๆ เป็นคำตอบ

“แล้ว... เจ้านี่อ่ะ คิดถึงกุ๊กบ้างอ๊ะเปล่าน้า?” หญิงสาวพูดยั่วเย้า พลางใช้มือลูบเข้าไปที่เป้ากางเกงของชายหนุ่มเบาๆ หนุ่มโจ้ที่เจอเข้าแบบนี้ก็เลยถึงกับสะดุ้งลนลานขึ้นมา เพราะรู้ดีว่าตัวเองนั้นพึ่งจะผ่านพ้นศึกหนักกับครอบครัวของสาวรุ่นพี่มาหมาดๆ สภาพร่างกายยังไม่ฟิตเปรี๊ยะสมบูรณ์เท่าไหร่

“อืม กุ๊ก คือว่า...” ชายหนุ่มเอ่ย อ้ำๆ อึ้งๆ ในขณะที่มือของภรรยาก็ค่อยๆ สอดล้วงเข้าไปลูบคลึงข้างในกางเกงเรื่อยๆ
“อ้าว... ทำไมมันเหมือนไม่ค่อยแข็งเลยอ่ะ... หรือว่า...?” สาวกุ๊กเอ่ยเว้นจังหวะเหมือนกำลังครุ่นคิด เล่นเอาชายหนุ่มถึงกับยืนตัวเกร็ง รอลุ้นฟังถ้อยคำอย่างใจจดใจจ่อ

“หรือว่า... พี่โจ้ไม่คิดถึงกุ๊กอ้ะ!? เลยไม่มีอารมณ์เนี่ย?” หญิงสาวออกอาการโวยวายงอแง หนุ่มโจ้ที่ได้ยินแบบนั้นแล้วก็เลยพอจะโล่งใจขึ้นมาบ้าง
“โธ่เอ๊ยคนดี คิดถึงสิคะ... พี่น่ะคิดถึงจนต้องจินตนาการถึงกุ๊กแล้วก็ช่วยตัวเองไปเมื่อเช้านี้เลยนะ มันถึงได้นิ่มแบบนี้ไง” ชายหนุ่มแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ด้วยถ้อยคำบัดสี สาวกุ๊กที่ฟังอยู่ก็เลยออกอาการหน้าแดงแป๊ดขึ้นมากะทันหัน

“โอ๊ย ทุเรศ... เรื่องแบบนี้ไม่ต้องเล่าก็ได้นะ คนอะไรลามกชะมัด! นี่ไม่เจอกัน 4 วัน นี่พี่ทำไปกี่ครั้งแล้วเนี่ย”
“อ้าว บอกไม่ให้เล่า แต่ไหงดันถามว่ากี่ครั้งล่ะจ๊ะ?” หนุ่มโจ้ได้ทีเลยยิ่งแกล้งกระเซ้า
“โว๊ะ เออๆ ไม่ถามแล้ว ไม่ต้องตอบนะ” กุ๊กพูดพร้อมกับเอามืออุดหู ท่วงท่าช่างดูน่ารักน่าเอ็นดูในสายตาของชายหนุ่ม

หนุ่มโจ้นั้นตัดสินใจที่จะยังไม่เล่าความจริงทั้งหมดให้เธอฟังในตอนนี้ โดยตกลงร่วมกันกับสาวเป้ว่าจะพยายามหาจังหวะเหมาะๆ อธิบายเรื่องความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงของทั้งสามคนให้กุ๊กฟังให้เข้าใจเสียก่อน และถ้าหากว่าเธอพอที่จะรับฟัง หรือเกิดยอมรับความจริงในเรื่องนี้ได้แล้ว เรื่องหลังจากนั้นก็ค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง

ชายหนุ่มใช้มือกระชับร่างของภรรยาให้เข้ามาใกล้ๆ โอบกอดเธอไว้จนแน่น ก่อนจะกระซิบที่ข้างหูเธอ ดังพอที่เธอจะได้ยิน

“อย่างอนเลยน่านะคนดี อุตส่าห์เจอหน้ากันทั้งที เดี๋ยวพรุ่งนี้เลิกงานแล้วพี่จะพาไปกินอะไรอร่อยๆ นะ” สาวกุ๊กได้ยินเรื่องกินปุ๊บก็หูผึ่งทันที หันหน้าไปสบตากับสามีด้วยแววตาเป็นประกาย ก่อนจะเอ่ยปากตอบกลับมาเบาๆ
“งั้นกินซิสเลอร์นะ... หนูอยากกินสเต็กให้พุงกางเลย” เธอตอบพร้อมกับยิ้มแฉ่ง

=======================================

9 โมงเช้าวันเสาร์...

ร่างของหนุ่มโจ้และสาวกุ๊กก็มาปรากฏตัวอยู่ที่หน้าบ้านของหนุ่มบอยแบบเงียบๆ ในขณะที่เจ้าของบ้านกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้านโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว

“เอ้า! โจ้... กุ๊ก... มากันแต่เช้าเลยนะ ไปไงมาไงเนี่ย?” หนุ่มบอยเอ่ยปากทักทายรุ่นน้องทั้งคู่จากบริเวณหน้าประตูบ้าน
“เช้าอะไร สายแล้วเนี่ยพี่” หนุ่มโจ้ตอบยียวน เดินหวือเข้าประตูรั้วมาอย่างคนคุ้นเคย
“หวัดดีค่ะพี่บอย” สาวกุ๊กยกมือไหว้ขณะกำลังหิ้วถุงพลาสติกใบใหญ่ตามมาไม่ห่าง
“จ้า หวัดดีจ้ะ” หนุ่มบอยรับไหว้พร้อมกับรีบเดินเข้าไปช่วยเธอหิ้วถุงตามมารยาท

“อันนี้ของฝากจากที่บ้านค่ะพี่ มีขนมนิดๆ หน่อยๆ ลองทานกันดู” กุ๊กยื่นส่งถุงพลาสติกที่อัดแน่นไปด้วยของกินเล่น ทั้งผลไม้แห้ง ขนมหวาน กับผงชาประเภทต่างๆ
“ขอบใจจ้ะ... ไอ้ห่าโจ้ มึงก็ไม่ช่วยน้องเค้ายกเลย” บอยกล่าวขอบคุณก่อนจะหันไปบ่นเจ้ารุ่นน้องตัวแสบ
“โธ่พี่ ถุงมันเบานิดเดียวเอง กุ๊กเค้าแรงเยอะกว่าผมอีก ถือมือเดียวยังได้เลย มันมีแต่ของแห้ง” โจ้แก้ตัวโดยไม่เหลียวกลับมามอง
“หอก... น้องเค้าเป็นผู้หญิงนะโว้ย!” บอยตะโกนด่าไล่หลัง พร้อมกับชักชวนให้กุ๊กเดินเข้าไปข้างในบ้าน

หลังจากกุ๊กกับโจ้แต่งงานกัน ทั้งสองครอบครัวก็ยังคงแวะเวียนไปมาหาสู่กันอยู่ตลอด โดยที่บางครั้งในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ สาวเป้ก็มักจะโทรมาชวนกุ๊กไปเดินช็อปปิ้งดูของกันที่ห้าง หรือไม่ก็ที่สวนจตุจักรอยู่บ่อยๆ

ซึ่งแม้ว่าช่วงแรกๆ นั้นสาวกุ๊กจะยังออกอาการประหม่าอยู่เล็กน้อย หลังจากได้รู้ความลับเมื่อครั้งอดีตระหว่างสาวรุ่นพี่กับสามีของเธอ แต่พอทั้งคู่ได้กลับมาคุยกันบ่อยๆ ได้เดินเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ หญิงสาวก็เริ่มที่จะกลับมาสนิทใจกับรุ่นพี่สาวคนนี้อีกครั้งโดยไม่รู้ตัว ด้วยความที่ทั้งคู่นั้นค่อนข้างที่จะเป็นคนคอเดียวกัน รสนิยมห้าวๆ ลุยๆ คล้ายๆ กัน รวมไปถึงยังรักผู้ชายคนเดียวกันอีกด้วย

ท้ายที่สุดแล้ว สาวกุ๊กก็เลยเลือกที่จะปล่อยวางเรื่องที่แล้วๆ มาในอดีต... และเดินหน้าสานสัมพันธ์กับสาวรุ่นพี่คนนี้อีกครั้ง จนทั้งคู่กลับมาสนิทแน่นแฟ้นกันเหมือนเดิม เวลาที่กุ๊กเกิดอยากจะเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์อะไร ก็มักจะต้องโทรไปปรึกษาหารือ และขอคำแนะนำจากสาวเป้อยู่เสมอๆ

ทั้งคู่สนิทสนมกันจนเธอรู้สึกเหมือนกับว่าเป้นั้นเป็นพี่สาวคนโตอีกคนของเธอ เป็นพี่สาวในแบบฉบับที่รู้ใจ เข้าขา และพูดจากันถูกคอ ซึ่งแตกต่างไปจากลักษณะของพี่สาวแท้ๆ อย่างเจ๊แก้ว ซึ่งขานั้นจะออกแนวเฮี้ยบๆ เจ้าระเบียบ และจุกจิกจู้จี้มากกว่าพอสมควร ทำให้เธอนั้นจึงค่อนข้างสบายใจมากกว่า เวลาที่จะปรึกษาปัญหาอะไรกับรุ่นพี่สาวคนนี้

แต่มีอยู่เรื่องนึง... ที่เธอนั้นยังคงรู้สึกค้างคาใจอยู่ลึกๆ และไม่แน่ใจว่าไอ้สิ่งที่เธอรู้สึกอยู่นั้น มันจะเป็นเพียงการคิดมากและฟุ้งซ่านไปเองของเธอหรือเปล่า...?

นั่นก็คือเรื่องที่รุ่นพี่ทั้งสองและสามีของเธอนั้น ดูจะสนิทสนมกันมากเกินไป จนแทบจะกลายเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว หญิงสาวสังเกตเห็นอากัปกิริยาของหนุ่มโจ้และสาวเป้ ที่ต่างหยอกล้อถึงเนื้อถึงตัวกันโดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจใดๆ โดยไม่เกรงใจสามีอย่างหนุ่มบอยที่นั่งดูอยู่ไม่ห่าง ซึ่งก็น่าแปลก ที่ปฏิกิริยาของชายหนุ่มรุ่นพี่นั้นไม่ยักออกอาการหึงหวงภรรยาของตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว กลับดูจะเฮฮา เห็นดีเห็นงามไปกับเขาด้วยซะอย่างนั้น

จนบางครั้งกุ๊กเองก็ยังแอบรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นส่วนเกินของทั้งสามคน เป็นเพียงคนนอกที่เข้ามาทีหลัง ในเส้นความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งหมดนี้ แต่พอไม่นาน ความรู้สึกเหล่านั้นก็จะเริ่มเบาบางและค่อยๆ จางหายไป เพราะพี่ๆ ทั้งสามคนก็มักจะรีบหันเหความสนใจเข้ามาที่เธอ ต่างพูดคุยเอาอกเอาใจดูแลเธอราวกับเป็นน้องคนเล็กของบ้าน โดยเฉพาะหนุ่มบอยที่ดูจะคอยเป็นห่วงเป็นใยเธอมากกว่าหนุ่มโจ้สามีเสียอีก....

พอช่วงสาย... สองสาวก็ชักชวนกันไปเดินเที่ยวที่สวนจตุจักรเหมือนทุกที โดยทิ้งให้สองหนุ่มนั่งคุยเล่นรออยู่ที่บ้านไปก่อน

หลังจากที่สองสาวตะลุยเลือกดูของและต่อรองราคาสินค้ากันจนสาแก่ใจแล้ว ทั้งคู่ก็ชักชวนกันไปนั่งพักตากแอร์ แวะทานขนมเค้กกับเครื่องดื่มอร่อยๆ ที่ร้านคาเฟ่คาลดี้ในเจเจ มอลล์กันก่อนกลับบ้าน

ลูกค้าในร้านวันนี้ค่อนข้างน้อยผิดปกติ หลังจากสั่งเครื่องดื่มแก้วโปรดของใครของมันเรียบร้อยแล้ว สองสาวจึงใช้เวลาที่เหลือ นั่งละเลียดความสุขในแก้วของตัวเองไป พร้อมๆ กับเปิดประเด็นคุยเล่นหยอกล้อกันอย่างสบายใจ พอคุยกันไปจนไม่รู้จะคุยอะไรต่อแล้ว ต่างฝ่ายต่างก็เลยหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมานั่งกดเล่นเป็นการฆ่าเวลาแทน

ทางฝั่งของสาวกุ๊กเองนั้น พอบรรยากาศรอบๆ ตัวเริ่มที่จะเงียบลง ในหัวก็เลยพลอยคิดฟุ้งซ่าน นึกไปถึงเรื่องราวที่ยังคงค้างคาและรบกวนจิตใจของเธออยู่...

นั่นก็คือเรื่องที่ช่วงหลังๆ เวลาที่เธอกับหนุ่มโจ้มีเซ็กส์กันนั้น ชายหนุ่มก็มักจะพยายามพูดจาหว่านล้อม ออดอ้อนขอให้เธอเล่าเหตุการณ์เสียวสยิวที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเธอกับหนุ่มป้อง รวมไปถึงประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นที่เคยประสบพบเจอในร้านนวด ให้เขาฟังอยู่บ่อยๆ

ซึ่งช่วง 2-3 อาทิตย์หลังๆ มานี้ สามีของเธอก็ดูเหมือนว่าจะหมกมุ่นแต่กับเรื่องพวกนี้มากเป็นพิเศษ จนถึงขั้นเอ่ยปากให้เธอลองจินตนาการว่ากำลังมีเซ็กส์อยู่กับชายอื่น ในขณะที่ทั้งคู่กำลังมีอะไรกันเลยด้วยซ้ำ... สาวกุ๊กที่พยายามฝืนเลี่ยงๆ มาโดยตลอด พอเจอดอกนี้เข้าไปก็ถึงกับตบะแตก

“ถ้าพี่โจ้อยากให้กุ๊กไปเอากับคนอื่นมาก พี่ก็เลิกกับกุ๊กแล้วไปหาผู้หญิงคนอื่นเหอะ!” สาวกุ๊กลืมตัว เผลอขึ้นเสียงดุสามีออกไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง จนอีกฝ่ายถึงกับซึมกระทือไปเลย

หญิงสาวไม่เข้าใจถึงความคิดในหัวของชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าเขาเพียงแค่เกิดสนใจในรสนิยมทางเพศแบบใหม่ๆ หรือว่าใจจริงแล้วกำลังเริ่มรู้สึกเบื่อๆ หรือหมดเยื่อใยกับเธอ จึงได้เอ่ยปากอยากให้เธอไปมีอะไรกับคนอื่นกันแน่....

และยิ่งเมื่อรวมเข้ากับคำพูดขู่ฝังหัวของเจ๊แก้วที่ยังคงตามรบกวนจิตใจ ถึงเรื่องความเจ้าชู้ของสามีหนุ่มที่อาจจะแอบหนีไปมีกิ๊กใหม่ได้ทุกเมื่อ ก็เลยทำให้หญิงสาวเองชักจะเกิดอาการหวั่นๆ กลัวว่าหากเธอปฏิเสธเขาไปเรื่อยๆ แบบนี้ วันนึงชายหนุ่มก็อาจจะหนีเธอไปมีกิ๊กจริงๆ จังๆ ก็เป็นได้ และหากว่าผู้หญิงคนนั้นสามารถตอบสนองความต้องการทางเพศของเขาได้แบบสมใจด้วยแล้วล่ะก็... ถ้าถึงตอนนั้นแล้วเธอจะรับมือกับมันยังไงล่ะเนี่ย?

จริงอยู่ที่เธอเองก็เคยได้ยินคำแนะนำเรื่อง 'เป็นเมียที่ดี ต้องเป็นกะหรี่บนเตียง' จากยัยมินเพื่อนซี้มาบ้าง ซึ่งเรื่องบนเตียงที่ผ่านๆ มา นายโจ้จะเสนอมาลีลาไหน เธอก็สามารถสนองกลับไปได้หมด จะมียกเว้นอยู่เรื่องเดียว ก็คือเรื่องที่ต้องไปมีอะไรกับผู้ชายคนอื่นนี่แหละ อย่าว่าแต่จะให้ไปลองจริงๆ เลย แค่ที่สามีบอกให้ลองจินตนาการดูเล่นๆ เธอก็ยังทำใจยอมรับมันไม่ได้แล้ว

ความอึดอัดที่สั่งสมมาเป็นเวลานาน ทำให้หญิงสาวออกอาการกลัดกลุ้ม หน้านิ่วคิ้วขมวด เผลอถอนหายใจออกมาเบาๆ ความเปลี่ยนแปลงที่แสดงออกมาผ่านทางสีหน้า ตกอยู่ในสายตาของสาวรุ่นพี่ที่แอบสังเกตจับอาการของเธอมาได้ครู่ใหญ่ๆ

“กุ๊กเครียดเรื่องอะไรอยู่รึเปล่า? เล่าให้พี่ฟังได้นะ เผื่อว่าพี่พอจะช่วยอะไรได้” สาวเป้เอ่ยปากถามออกไปด้วยความเป็นห่วง ในหัวก็แอบเดาไปล่วงหน้าว่าคงจะไม่พ้นปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหนุ่มโจ้แน่ๆ เมื่อเห็นว่ากุ๊กยังคงอ้ำอึ้ง สาวรุ่นพี่จึงลองเอ่ยถามหยั่งเชิงออกไปอีก

“หรือว่าทะเลาะอะไรกับตาโจ้มารึเปล่า?” คำถามของเธอดูจะแทงใจดำสาวกุ๊กไม่น้อย ใบหน้าของเธอจึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธอ ด้วยแววตาที่แฝงความประหม่าและร้อนรนอยู่ภายใน
“พี่ก็ไม่รู้ว่าเราทะเลาะอะไรกันมานะ แต่พี่ว่า... อย่าปล่อยให้มันค้างคาจนนานเกินไปจะดีกว่า รีบๆเคลียร์กันให้จบๆ ไม่งั้นต่างคนต่างงอนกันนานๆ มันจะสะสมจนกลายเป็นเรื่องใหญ่” เป้หย่อนคำแนะนำออกไปแบบลอยๆ

สาวกุ๊กนิ่งไปครู่หนึ่ง เหลียวซ้ายแลขวามองสำรวจลูกค้าในร้านอีกทีสองที สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดเพื่อรวบรวมความกล้า ก่อนจะยอมเอ่ยปากพูดขึ้นมาในที่สุด

“พี่เป้... หนูไม่ได้อยากจะไปรื้อฟื้นหรือว่าตอกย้ำเรื่องราวในอดีตของพี่หรอกนะ แต่ว่า... ถ้าจะมีใครซักคนที่พอจะเข้าใจปัญหาที่หนูกำลังเจออยู่ตอนนี้ หนูว่ามันก็คงจะมีแต่พี่นี่แหละ ที่พอจะให้คำปรึกษากับหนูได้..” สาวกุ๊กเริ่มต้นร่ายยาวออกมา ซึ่งเป้ที่ฟังอยู่ก็คอยพยักหน้ารับฟังเธออย่างตั้งใจ

“คือช่วงหลังๆ มานี้ พี่โจ้เค้าเหมือนจะชอบมาบิวท์ บอกให้หนูจินตนาการว่ามีคนอื่นมาทำกับหนูแทนพี่โจ้อ่ะ... แรกๆ หนูก็พยายามตอบเลี่ยงๆ ไปนะ แต่หลังๆ นี้เหมือนเค้าเป็นเอามากอ่ะ ชักจะหมกมุ่นมากขึ้นผิดปกติ พยายามพูดชวนตลอดเลย แล้วพอหนูไม่เล่นด้วยแกก็ทำหน้าจ๋อยๆ ซึมๆ กลับไป หนูก็ไม่รู้ว่าพี่โจ้มันนึกคึกเป็นบ้าอะไรขึ้นมา...

หนูเองก็คิดไม่ตกนะ ถ้ายอมตามใจเออออเล่นกับพี่โจ้ไปด้วย แล้วถ้าเกิดว่าต่อไปพี่โจ้มันได้ใจขึ้นมา เกิดเอ่ยปากให้หนูไปลองนอนกับคนอื่นจริงๆ ขึ้นมาแล้วหนูจะทำยังไง จะกล้าปฏิเสธอีกมั้ย... ใจนึงมันก็กลัวนะ จะยอมตามใจพี่โจ้ ให้ไปมีอะไรกับคนอื่นที่ไม่รู้จัก ไม่ได้รัก มันก็ทำใจไม่ได้ แต่อีกใจก็กลัวว่าถ้าตอบสนองพี่เค้าไม่ได้แบบนี้ นานๆ ไปพี่โจ้มันจะเกิดวอกแวก หนีไปมีกิ๊กอีกรึเปล่า...” พอเริ่มต้นเล่าแล้ว สาวกุ๊กก็เหมือนกับเขื่อนแตก ระบายเรื่องราวความอัดอั้นในใจออกมาให้เป้ฟังไม่หยุด

“แล้ววันนี้พอพี่เป้ทักขึ้นมานี่แหละหนูก็เลยนึกขึ้นมาได้... พี่อย่าโกรธหนูนะ... หนูไม่ได้ตั้งใจจะละลาบละล้วงอะไร แต่ว่าพี่โจ้เค้าเคยมาสารภาพเรื่องความสัมพันธ์ของพวกพี่สามคนให้หนูฟังตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้ว หนูก็เลยอยากจะถามจากปากพี่ตรงๆ ว่า ตอนที่พี่บอยเค้ามาขอให้พี่ลอง... เอ่อ... ลองจินตนาการถึงคนอื่นดูน่ะ พี่เป้รู้สึกยังไง? ฝืนใจมากมั้ย? แล้วมันช่วยเรื่องความสัมพันธ์ของพวกพี่ได้จริงๆ เหรอ? หรือว่ามันต้องมีเรื่องอื่นมาประกอบอีก?” กุ๊กตัดสินใจเอ่ยปากถามออกมาตรงๆ

สาวเป้ได้ฟังแล้วก็อึ้งๆ ไปนิดๆ ในทีแรก ก่อนที่รอยยิ้มเขินๆ จะค่อยๆ ปรากฏออกมาบนใบหน้าของเธอในเวลาต่อมา

“พี่ว่า... ที่กุ๊กตั้งใจจะถามจริงๆ ก็คือ ตอนที่พี่มีอะไรกับคนอื่นเป็นครั้งแรกน่ะ มันรู้สึกยังไงมากกว่า...” สาวรุ่นพี่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเบาหวิว เล่นเอาสาวกุ๊กตอนนี้ยิ่งออกอาการหน้าแดงมากขึ้นไปอีก แต่เธอก็ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธอะไรออกมา

“พี่เข้าใจ.... ขนาดตัวพี่เอง ผ่านมาถึงวันนี้ บางทีพี่ก็ยังนึกสงสัยตัวเองอยู่เหมือนกัน ว่าทำไมวันนั้นถึงกล้าตัดสินใจลองทำอะไรแบบนั้นจริงๆ จังๆ... แต่ก่อนที่พี่จะให้คำปรึกษาหรือตอบอะไรกุ๊กไป พี่ขอถามหน่อยได้มั้ย ว่าทำไมจู่ๆ ตาโจ้ถึงเกิดอยากจะให้กุ๊กไปมีอะไรกับคนอื่นขึ้นมาล่ะ?”

“อือ พี่เป้อ่ะ อันนี้กุ๊กไม่ตอบได้มั้ยอ่ะ” สาวกุ๊กออกอาการลนลานขึ้นมาทันควัน เมื่อโดนซักถึงต้นตอที่มาอันน่าอับอายในสายตาเธอ
“คือ... เรื่องแบบนี้ พี่ว่ามันก็เหมือนกับคนไข้ไปหาหมออ่ะกุ๊ก ถ้าไม่เล่าอาการให้ฟังอย่างละเอียดมันก็วินิจฉัยกันลำบาก ได้แต่ต้องลองเดาสุ่มอาการไปเรื่อยๆ เผลอๆ จะให้ยารักษาผิดไป เสียเวลาเปล่าๆ...

ยกตัวอย่างง่ายๆ นะ... อย่างเคสของพี่ จุดเริ่มต้นมันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย ก็แค่คบกันมานาน แต่งกันมานาน พอมีลูกมีครอบครัว ก็เลยเผลอใช้ชีวิตกันแบบเดิมๆ จำเจ ถึงจะเป็นชีวิตคู่ที่แฮปปี้ แต่ก็แฮปปี้ในแบบเดิมๆ ซ้ำๆ พออยู่มาวันนึง พี่บอยแกก็เลยเกิดอาการเสื่อมสมรรถภาพขึ้นมา ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ได้ถึงขั้นแบบปลุกไม่ขึ้นเลยอ่ะนะ มันก็แค่ไม่สม่ำเสมอเท่าไหร่ ต้องพยายามกันนิดหน่อย แต่ก็พอประคับประคองกันไปได้เรื่อยๆ”

สาวเป้เริ่มต้นชี้แนะจากประสบการณ์ของตัวเอง ในขณะที่สาวกุ๊กก็ตั้งใจฟังอย่างจริงจัง หากมีสมุดกับปากกาในมือเธอตอนนี้ก็คงไม่วายหยิบมันขึ้นมาจดเลคเชอร์ยิกๆ เป็นแน่

“พอนานๆ วันเข้า พี่บอยเค้าก็ยิ่งเครียดน่ะ มันเหมือนไปบั่นทอนความมั่นใจในตัวเค้า แกก็เลยอยากจะลองหาตัวช่วยอะไรที่มันจะกระตุ้นบรรยากาศบนเตียงให้กลับมาดีเหมือนเดิมได้ สุดท้ายก็มาลงเอยที่การลองหาคนมาคุยมาจีบพี่ เพราะว่ามันทำให้แกรู้สึกหึงหวงแล้วก็คึกคักขึ้นมา...

พี่บอยก็เลยไปวางแผนกับโจ้ ให้มาจีบ และเลยเถิดไปถึงขั้นมีอะไรกับพี่ ซึ่งตอนนั้นทั้งพี่กับพี่บอยเองก็เหมือนยังไม่กล้าที่จะเปิดใจพูดคุยกันแบบตรงๆ บวกกับที่ตัวพี่เองก็เลือกที่จะปิดบังเรื่องความสัมพันธ์นี้ไว้ลับหลังแกด้วย ทุกอย่างมันก็เลยยิ่งมีแต่จะแย่ลงไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นว่าชีวิตพี่เหมือนกับตกนรกทั้งเป็นไปหลายเดือนเลยล่ะ” เป้หยุดคิดนิดนึงแล้วพูดต่อ

“ตอนที่พี่รู้ว่าทั้งหมดเป็นแผนการของพี่บอยกับโจ้ที่ร่วมมือกันตั้งแต่แรกอ่ะ พี่เองก็เคยคิดนะ อยากจะลองประชดชีวิตดูเหมือนกัน ไหนๆ พี่บอยก็อยากให้พี่นอนกับคนอื่นใช่มั้ย งั้นพี่จะนอนกับคนอื่นไม่เลือกหน้าให้ดู เอาให้สาแก่ใจไปเลย... แต่โชคดีที่พี่เองยังมีแม่... มีลูก... ก็เลยยังพอมีสติที่จะยับยั้งชั่งใจเอาไว้ได้ ซึ่งพอมาคิดย้อนไปแล้ว ก็ถือว่าโชคดีนะที่พี่ไม่ได้ตัดสินใจทำอย่างนั้นลงไป ไม่งั้นก็ไม่รู้ว่าชีวิตคู่ของพี่ตอนนี้มันจะดิ่งลงเหวไปถึงไหนต่อไหน...” สาวเป้พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

กุ๊กฟังแล้วก็เผลอนึกย้อนไปถึงเรื่องราวของตัวเองขึ้นมา ช่วงเวลาที่เธอเลิกรากับหนุ่มโจ้ ใช้เวลาประชดชีวิตไปกับเครื่องดื่มมึนเมา จนเกิดพลาดท่าเสียทีจนถึงขั้นเสียตัวซ้ำสองขึ้นมา

“ ส่วนเรื่องหลังจากนั้นกุ๊กก็คงได้ฟังจากโจ้มาหมดแล้วล่ะมั้ง... อ่ะพี่เล่าที่มาที่ไปของพี่ให้ฟังหมดแล้ว คราวนี้ก็ตากุ๊กบ้าง” เป้โยนคำถามกลับไปให้สาวรุ่นน้องอีกครั้ง จนเธอออกอาการเลิ่กลั่กหน้าตาตื่น

“คือ... คือ... โอย อายจัง... คือช่วงที่หนูคบกับพี่โจ้ครั้งแรกอ่ะค่ะ หนูเกิดจับได้ว่าพี่โจ้แอบไปมีกิ๊กลับหลังขึ้นมา เราก็เลยห่างๆ เลิกกันไปพักนึง ก็ต่างคนต่างไป ซึ่งหนูก็ไม่รู้นะว่าช่วงนั้นน่ะพี่โจ้เค้าจะไปคุยอะไรกับใครมั่ง เพราะแกก็มายืนยันทีหลังว่าช่วงนั้นแกก็เอาแต่ตามง้อหนูคนเดียว แต่ของหนูไม่ใช่ไง...

พอหนูอกหักจากพี่โจ้ พวกเพื่อนๆ มันก็เลยพาออกไปเที่ยว ไปดื่ม เพื่อจะให้ลืมๆ เรื่องนี้ไป แต่ดันเหมือนหนีเสือปะจระเข้ กลายเป็นว่าหนูเกิดไปสนิทกับรุ่นพี่อีกคน แล้วก็พลาดโดนหลอกฟันซ้ำอีก พอได้กันครั้งเดียวแล้วแม่งก็ชิ่งไปเลยดื้อๆ ไม่รู้ว่าหนูไม่ถูกใจมันหรือไงนะ เฮ้อ... ช่วงนั้นก็เลยเฮิร์ทหนัก เหมือนโลกถล่มเลยอ่ะพี่เป้...

แล้วพอผ่านไปหลายเดือน หนูก็กลับมาคบกับพี่โจ้ใหม่ คราวนี้ก็เลยคบกันยาวมาจนถึงตอนนี้อ่ะ... ซึ่งหนูก็เล่าความจริงให้เค้าฟังทั้งหมดนะ รวมถึงเรื่องที่พลาดไปมีอะไรกับอีพี่คนนี้ด้วย เพราะอยากจะเคลียร์ให้ชัดๆ ไปเลย ถ้าพี่แกซีเรียสรับไม่ได้ จะไม่คบกับหนูต่อก็ไม่เป็นไร แต่พี่รู้มั้ย... มันดันกลายเป็นว่าเรื่องนี้กลับไปกระตุ้นอารมณ์พี่โจ้ขึ้นมาซะงั้นอ่ะ...

พี่แกเอาแต่คอยตื๊อให้หนูเล่าให้ฟังอยู่เรื่อย บางทีหนูรำคาญก็ยอมเล่าๆ ให้แกฟังไปนะ มีอยู่ครั้งนึง.. แกตื้อจนหนูรำคาญ ถามเซ้าซี้ซ้ำๆ อยู่นั่นแหละ หนูก็เลยแกล้งร้องเรียกชื่อพี่ป้องออกมาดังๆ ตอนที่กำลังมีอะไรกันอยู่ แต่พี่เชื่อมั้ยพอได้ฟังแล้วแกกลับมีอารมณ์ขึ้นมาอีก ยิ่งหื่นยิ่งคึกผิดปกติ จนหลังๆ ก็เลยยิ่งลามปาม เหมือนอยากจะให้หนูไปมีอะไรกับคนอื่นให้ดูขึ้นมาจริงๆ จังๆ เหมือนกับว่าไม่รักหนูแล้วอ่ะ...” กุ๊กเล่าด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ราวกับจะร้องไห้ สาวเป้ที่ตั้งใจฟังอยู่ก็เลยเอื้อมไปลูบมือเธอเบาๆ เป็นการให้กำลังใจ

“ไม่หรอก กุ๊กอย่าพึ่งคิดมากไปเลยนะ พี่ว่าที่โจ้ทำแบบนี้ก็คงไม่ต่างอะไรจากที่พี่บอยเคยทำนั่นแหละ พี่รู้ว่ามันอาจฟังดูแปลกๆ ทะแม่งๆ เหมือนกับว่าอีกคนเค้าไม่เห็นค่าเรา หรือเกิดหมดรักเราแล้ว แต่จริงๆ มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะ...

ที่เค้าเป็นแบบนั้น ก็เพราะว่าเค้ารู้สึกหวั่นไหว ที่ได้เห็นผู้ชายคนอื่นเข้ามาชอบพอติดพันกับเรา มันยิ่งทำให้เค้ารู้สึกว่าเรามีค่ามากขึ้นไปอีก ที่ได้กลายเป็นที่ต้องการของผู้ชายคนอื่นๆ ทั้งหึง ทั้งตื่นเต้น แล้วก็ยิ่งปรารถนาในตัวเราเพิ่มขึ้นตามไปอีก อันนี้พี่พูดจากประสบการณ์ตรงของตัวเองนะ คิดว่ากับโจ้เองก็คงไม่ต่างกัน เพราะสองคนนี้เค้าก็สนิทกันมานาน เรื่องพวกนี้ก็คงซึมซับจากคนใกล้ตัวไม่ต่างกัน” เป้พูดปลอบโยนให้กุ๊กเบาใจ

การได้มานั่งฟังปัญหาของรุ่นน้องสาวคราวนี้ ก็เลยทำให้เธอได้นึกย้อนกลับไปทบทวนถึงจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสามคนขึ้นมา จากรอยร้าวเล็กๆ ที่เกิดขึ้นบนเตียง จนบานปลายไปสู่เรื่องของความรู้สึกสับสนในจิตใจที่เธอมีให้กับชายอื่น และเกือบที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับสามีต้องพังทลายลงไปอย่างไม่มีวันหวนคืน

ก่อนที่จะพบว่าท้ายที่สุดแล้ว ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ก็สามารถคลี่คลายได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่ ขอเพียงแค่ต่างคนต่างมีความเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน มั่นคงในความรักที่มีให้แก่กัน และรับรู้อยู่เสมอว่าใจของอีกคนจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม แม้ว่าร่างกายจะไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ตาม เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว....

“พี่ขอถามกุ๊กตรงๆ เลยแล้วกันนะ กุ๊กคิดว่าการที่สามีภรรยาปล่อยให้อีกฝ่ายไปมีอะไรกับคนอื่น หรือว่าต่างฝ่ายต่างสลับคู่มีอะไรกัน แบบที่เรียกว่าสวิงกิ้งน่ะ มันเป็นยังไงบ้างในความคิดของกุ๊ก?” เป้เอ่ยถามรุ่นน้องตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อม สาวรุ่นน้องอึ้งไปชั่วครู่นึง ก่อนที่เธอจะสามารถรวบรวมสติตอบกลับมาได้

“อือ... กุ๊กว่า... มันก็ไม่ใช่เรื่องปกติอ่ะพี่ มันแปลก... เหมือนต่างฝ่ายต่างไม่ให้เกียรติ ไม่ให้ความสำคัญกันเลย ปล่อยให้อีกคนไปนอนกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ ยิ่งจากเคสที่เคยอ่านๆ จากพันทิปมา พวกผู้ชายที่อยากให้แฟนไปนอนกับคนอื่นให้ตัวเองดูเนี่ย กุ๊กว่ามันโรคจิตยังไงก็ไม่รู้ มันเหมือนว่าเค้าเห็นแก่ตัวอ่ะ ไม่รักไม่ใยดีผู้หญิงแล้ว ถึงได้ยอมยกแฟนให้คนอื่น เพียงแค่อยากจะสนองความต้องการของตัวเองเท่านั้น” ทั้งน้ำเสียงและถ้อยคำที่กุ๊กเอ่ยออกมา บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเธอนั้นไม่เห็นด้วยกับมันเลยแม้แต่น้อย

“อือ พี่ว่าพี่เข้าใจนะ พี่เองก็เคยคิดแบบเดียวกับกุ๊กเหมือนกัน ตอนแรกพี่กับพี่บอยก็ทะเลาะกันเรื่องพวกนี้อยู่นานพอสมควร เข้าใจไปว่าพี่บอยเค้าหมดรักพี่แล้ว หรือว่าเบื่อพี่แล้ว แต่เอาเข้าจริงๆ พอถึงวันที่พี่ตัดสินใจลองเสี่ยง ลองทำตามคำขอร้องของเค้าดู พี่ถึงได้รู้ว่าที่แท้แล้วมันก็คนละเรื่องกันเลย...

ที่จริงแล้วมันออกจะเป็นความใจกว้างของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ ที่เปิดโอกาสให้เราได้ลองมีประสบการณ์ความสุขแบบใหม่ๆ ได้ทดลองอะไรที่มันไม่ซ้ำเดิม ไม่จำเจ แถมยังช่วยเติมเต็มชีวิตคู่ให้กลับมากระชุ่มกระชวยเหมือนตอนที่คบกันใหม่ๆ พี่ว่ามันยังจะดีซะกว่าผู้ชายที่เอาแต่หึงหวง หรือคอยปิดกั้นโอกาสของผู้หญิงเอาไว้ ให้อุดอู้อยู่แต่ในบ้าน ในขณะที่ตัวเองกลับออกไปนอกลู่นอกทางกับผู้หญิงอื่น หาความสุขอยู่ฝ่ายเดียว” สาวเป้ร่ายยาวคนเดียวอย่างต่อเนื่อง จนอีกฝ่ายได้แต่รับฟังและเออออตามโดยไม่มีโอกาสได้ตั้งตัว

“พี่เปรียบให้ฟังง่ายๆ นะ จริงๆ แล้วเซ็กส์มันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากการกินอาหารซักมื้อหรอก ต่อให้พี่จะชอบกินต้มจืดซักแค่ไหน แต่ถ้าให้พี่กินทุกวันไปเรื่อยๆ มันก็ต้องมีบ้างที่เราจะเกิดรู้สึกเบื่อ และอยากลองหาอะไรที่มันจัดจ้านเพื่อเปลี่ยนรสชาติดูบ้าง จริงมั้ย? และที่สำคัญที่สุดก็คือ...

นอกจากเรื่องของรสชาติที่จืดชืดหรือจัดจ้านแล้ว มันยังมีเรื่องของความอร่อยกับไม่อร่อยมาเป็นตัวชี้วัดคุณภาพได้อีกด้วย ... บอกตรงๆ เลยนะ ว่าถ้าเกิดพี่ไม่เคยมีโอกาสได้ลองหาประสบการณ์ใหม่ๆ ร่วมกับโจ้มาก่อน... พี่เองก็คงไม่รู้หรอก ว่าเซ็กส์ระหว่างพี่กับพี่บอยที่ผ่านๆ มา จริงๆ แล้วมันดีหรือแย่แค่ไหน มันอยู่ในระดับอะไร และมีตรงจุดไหนที่ต้องปรับปรุงแก้ไขกันบ้าง”

กุ๊กเองฟังถึงตรงนี้แล้วก็อดที่จะเห็นคล้อยตามคำพูดของเป้ไม่ได้ ในหัวก็นึกย้อนเปรียบเทียบถึงลีลาบทรักที่ผ่านๆ มา ระหว่างหนุ่มโจ้กับหนุ่มป้อง ซึ่งแม้ในเรื่องของคุณภาพนั้นฝ่ายแรกจะชนะขาด แต่รสชาติและลีลาการเข้าทำ มันช่างแตกต่างกันอย่างที่สาวรุ่นพี่ว่าไว้จริงๆ

การได้มานั่งพูดคุยแบบเปิดอกกับสาวรุ่นพี่ผู้มีประสบการณ์คล้ายคลึงใกล้เคียงกัน มันเหมือนกับเป็นการเปิดโลกทัศน์ทางเพศของกุ๊กให้กว้างขวางขึ้น นำพาเธอไปสู่อีกแง่มุมหนึ่งของรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างชาย-หญิง ที่ตัวเธอเองไม่เคยเข้าใจมาก่อน

ซึ่งแผนของสาวเป้ที่บอกให้โจ้ไปสารภาพเรื่องความสัมพันธ์ทั้งหมดให้กุ๊กฟังก่อนหน้านี้ ส่วนนึงก็เพื่อเป็นการสร้างความคุ้นเคยให้กับเธอ ทำให้เธอได้รับรู้ว่าความสัมพันธ์ในรูปแบบของคนสามคนนั้น แท้จริงแล้วบางครั้งมันก็อาจไม่ได้เป็นปัญหาเลวร้ายเสมอไป ในทางกลับกัน.. มันอาจจะทำให้บางคู่นั้นกลับมารักใคร่แน่นแฟ้นกันมากขึ้นไปอีก ไม่ต่างอะไรจากคู่ของบอยกับเป้นั่นเอง ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ทำให้มุมมองของสาวรุ่นน้องค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป และเริ่มที่จะรู้สึกคล้อยตามกับคำพูดของสาวเป้มากขึ้นเรื่อยๆ

เป้ปล่อยให้กุ๊กได้คิดทบทวนทำความเข้าใจกับมุมมองใหม่ๆ อยู่พักนึง ก่อนจะเริ่มพูดต่อ

“พี่เองก็ห่างจากโจ้ ไม่ได้ติดต่ออะไรกันมานานหลายปีแล้ว แต่ที่ได้กลับมาติดต่อกันใหม่อีกครั้ง ก็เพราะว่าอาการเดิมๆ ของพี่บอยเค้ากลับมาอีก ด้วยความที่พี่เค้าเป็นห่วงพี่ ไม่อยากให้พี่ต้องเก็บกด พี่บอยเค้าเลยคิดจะใช้วิธีเดิม คือให้โจ้เข้ามาช่วยพี่อีกรอบ แต่มันมีปัญหาก็คือ คราวนี้โจ้มันไม่ได้โสดเหมือนเดิมแล้ว โจ้กำลังคบกับกุ๊กอยู่ แถมตอนนั้นก็กำลังจะแต่งงานกันอีกด้วย

พี่เลยรู้สึกว่าคงไม่ดีแน่ๆ ถ้าจะปล่อยให้สองคนนั้นเค้าไปตกลงคุยอะไรกันลับหลังเอาเอง ก็เลยตัดสินใจคุยเปิดอกกับพี่บอยไปก่อนเลยแค่สองคน ซึ่งมันก็คล้ายๆ กับที่เราสองคนกำลังเปิดใจคุยกันอยู่นี่แหละ ว่าแต่ละคนรู้สึกยังไง ต้องการอะไร ซึ่งพอได้คุยกันตรงๆ แล้ว มันก็ทำให้พี่สองคนเข้าใจกันมากขึ้น ไม่ต้องไปเครียด ไปเก็บกด คิดมากอยู่คนเดียว เหมือนว่าต่างฝ่ายต่างรักกันมากขึ้นกว่าเก่า...

ซึ่ง... เรื่องนึงที่พี่เปิดอกคุยกับพี่บอยตรงๆ ก็คือเรื่องความรู้สึกของพี่ที่มีกับโจ้น่ะ... อันนี้พี่ก็อยากจะพูดกับกุ๊กตรงๆ แบบซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองอ่ะนะ แล้วก็คิดว่ากุ๊กเองก็ควรได้รับรู้ไว้เหมือนกัน สำหรับพี่แล้ว... ความรู้สึกที่มีให้กับโจ้ มันเกินเลยจากคำว่ากิ๊กกันธรรมดาไปแล้ว มันมีความรู้สึกดีๆ ปะปนอยู่ในนั้นด้วย ไม่ใช่แค่เพียงเรื่องเซ็กส์แบบเพียวๆ จนถึงตอนนี้พี่เองก็ยังรู้สึกแบบนั้นอยู่เหมือนเดิม...

ไอ้สิ่งที่โจ้กำลังทำอยู่... ที่บอกว่าอยากให้กุ๊กลองจินตนาการว่าตัวเองกำลังมีอะไรกับคนอื่นน่ะ พี่รู้ดีว่าสุดท้ายแล้วมันจะลงเอยในรูปแบบใด ซึ่งพี่ว่ากุ๊กเองก็คงพอจะเดาบทสรุปของมันได้ใช่มั้ย?” เป้โยนคำถามใส่ ซึ่งกุ๊กเองก็รีบพยักหน้ารับคำอย่างเข้าใจ

“ถ้าเกิดว่าวันนึง... สมมตินะ ถ้าเกิดวันนึงโจ้กับกุ๊กตัดสินใจที่จะเดินหน้าลองหาประสบการณ์ใหม่ๆ ในเรื่องพวกนี้จริงๆ... พี่ก็อยากให้กุ๊กลองเริ่มต้นกับพวกพี่ดูก่อน ไหนๆ เราสองครอบครัวก็สนิทสนมกันดีเหมือนพี่น้องอยู่แล้ว ในเมื่อต่างฝ่ายต่างก็มีปัญหาแบบเดียวกัน ก็น่าจะช่วยเติมเต็มให้กันและกันได้ทั้งคู่  พี่ว่ามันคงจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว เพราะอย่างตัวพี่เอง... ถ้าเกิดจะให้ไปเริ่มต้นผูกสัมพันธ์กับผู้ชายคนใหม่ที่ไม่ใช่โจ้ พี่ก็ยอมรับว่าตัวเองคงจะทำใจลำบากเหมือนกัน...

อ้อ! แต่ไม่ต้องห่วงนะ พี่ไม่ได้คิดที่จะไปแย่งความรักของโจ้มาจากกุ๊กหรอก เรื่องนั้นกุ๊กสบายใจได้เลย พี่บอกได้เลยว่าโจ้มันยังรักกุ๊กอยู่ รักมากด้วย... กุ๊กเป็นน้องรักของพี่ ส่วนโจ้เองก็เป็นผู้ชายที่พี่รู้สึกดีๆ ด้วย พี่แค่อยากให้ทั้งสองคนมีความสุข มีชีวิตคู่ที่ราบรื่น ไม่ต้องมาเจอกับปัญหาซ้ำรอยแบบเดียวกันกับคู่ของพี่...

พี่อยากให้กุ๊กรู้ว่า... การแสดงความรัก มันไม่ได้จำกัดอยู่แค่คนสองคนเท่านั้น มันยังสามารถเพิ่มเป็นสาม.. เป็นสี่... หรือว่ามากกว่านั้น ก็แล้วแต่ว่าคู่ของใครแต่ละคนจะตัดสินใจออกแบบแบ่งปันมันยังไง มันขึ้นอยู่ที่การเปิดใจยอมรับ ความไว้ใจซึ่งกันและกัน ถ้ามันมั่นคงพอ ก็ไม่มีอะไรมาสั่นคลอนความสัมพันธ์ของเราสองคนได้...

กุ๊กยังไม่ต้องรีบเชื่อหรือเห็นด้วยกับสิ่งที่พี่พูดในตอนนี้ก็ได้นะ กลับไปคิด ไปทบทวนหรือคุยกับโจ้ให้เข้าใจกันอีกทีนึงก่อน เลือกในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุด สบายใจที่สุด และจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจนั้น ไม่ต้องไปคิดกังวลว่าโจ้มันจะไม่รักหรืออะไรถ้าเกิดว่าเราตอบปฏิเสธไป ถ้าโจ้จะไม่รักกุ๊กเพียงเพราะเรื่องแค่นี้ ถ้าเกิดว่ามันเป็นคนอย่างนั้นจริงๆ... พี่นี่แหละที่จะเป็นฝ่ายยุให้กุ๊กทิ้งมันแทน เพราะสุดท้ายแล้วมันก็ไม่มีประโยชน์ที่เราจะไปเสียเวลาอยู่กับผู้ชายเห็นแก่ตัวแบบนั้น...

ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ไม่ต้องรีบร้อน ให้พวกพี่เป็นคนดูแลชี้นำไปในทิศทางที่ถูกต้องเอง ส่วนกุ๊กก็แค่ปล่อยตัวปล่อยใจให้สบาย ถ้าสุดท้ายแล้วคิดว่าไม่ชอบจริงๆ ก็ไม่ต้องฝืน... แต่ถ้ารับได้เราก็ค่อยว่ากันอีกที แบบนี้โอเคมั้ย?”  สาวรุ่นพี่พูดกล่อมรวดเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ

สาวกุ๊กเองที่นั่งนิ่งฟังอยู่เงียบๆ มาตลอด ใช้เวลาคิดทบทวนในหัวตามอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนที่เธอจะพยักหน้าเบาๆ เป็นคำตอบ

“ค่ะ... ไว้กุ๊กจะลองคิดดู” คำตอบของกุ๊กทำให้เป้เผลอยิ้มออกมาด้วยความยินดี แต่ไม่นานรอยยิ้มของเธอก็ต้องหุบลงแบบกะทันหัน เมื่อสาวรุ่นน้องเอ่ยปากถามถึงสิ่งที่ยังค้างคาอยู่ในใจเธอขึ้นมา

“ว่าแต่... ที่พี่เป้บอกว่ากลับมาติดต่อกันใหม่อีกครั้งนี่ พี่เป้หมายถึง... ตอนนี้พี่กับพี่โจ้...?” เป็นคำถามที่ทิ่มแทงใจดำเป้แบบเต็มๆ
“เอ่อ... คือ... ” สาวเป้ออกอาการอ้ำอึ้ง รู้สึกเหมือนน้ำท่วมปากขึ้นมาทันที

“พี่กับโจ้... ก็แค่คุยเปิดใจถึงความรู้สึกของตัวเองที่ผ่านๆ มาเท่านั้นเอง พี่ก็อธิบายความรู้สึกของตัวเอง แบบเดียวกับที่เคยเล่าให้พี่บอยฟังออกไป แล้วก็... โจ้เค้าก็เลยถือโอกาส พูดขอโทษเรื่องที่เคยทำให้พี่ต้องเสียใจเมื่อตอนนั้นนั่นแหละ”

คำตอบของเป้พอจะทำให้กุ๊กคลายความกังวลลงไปได้พอสมควร สีหน้าโล่งใจปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเธออย่างลืมตัว

สาวรุ่นพี่เลือกที่จะพูดความจริงออกมาแค่เพียงครึ่งเดียว แม้ว่าในใจของเธอนั้นจะไม่ต้องการปิดบังความจริงกับสาวรุ่นน้องซักเท่าไหร่ แต่ด้วยประสบการณ์ของตัวเองที่เคยยืนอยู่ในจุดเดียวกันนี้มาก่อน ทำให้เป้รู้ทันทีว่า หากเธอยอมเล่าความจริงอีกส่วนที่เกิดขึ้นที่โรงแรม แล้วก็ที่บ้านของเธอในคืนนั้นออกไปให้ฟัง ก็คงไม่มีทางที่กุ๊กนั้นจะยอมรับความจริงในจุดนี้ได้ และพาลจะทำให้เหตุผลต่างๆ ที่เธอพยายามอธิบายมาทั้งหมดในวันนี้ต้องหมดความหมายลง เพียงเพราะว่าอีกฝ่ายเกิดความรู้สึกเหมือนถูกหักหลังขึ้นมาเสียก่อน

และหากเธอเลือกที่จะลองเสี่ยงไปแบบนั้น ดีไม่ดี... มันอาจจะส่งผลกระทบไปถึงความเชื่อใจกันระหว่างกุ๊กกับโจ้ ให้ต้องขุ่นข้องหมองมัวขึ้นมา ไม่ต่างอะไรจากตอนที่เธอรู้สึกโกรธเคืองบอยตอนที่ได้รู้ความจริงเลยแม้แต่น้อย หากเป็นแบบนั้น สู้รอให้กุ๊กเริ่มโอนอ่อนคล้อยตามกับคำแนะนำทั้งหมด รอจนพวกเค้าทั้งสี่คนได้ใกล้ชิดผูกพันกันทั้งกายและใจเสียก่อน แล้วถึงตอนนั้นค่อยเล่าความจริงในส่วนที่เหลือก็ยังไม่สาย

แม้ว่ามันอาจจะดูขี้โกงไปหน่อย แต่ในชีวิตจริงแล้ว บางครั้งคนเราก็ไม่สามารถพูดความจริงทุกอย่างออกไปได้ทั้งหมดในเวลาเดียวกัน... เพราะความสัมพันธ์ของคนเรานั้นมันช่างแสนจะซับซ้อนมากมายนัก

สองสาวนั่งคุยกันอีกครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นเช็คบิล จ่ายเงิน แล้วจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน โดยที่เป้นั้นเดินกลับไปขึ้นรถตัวเองที่จอดอยู่ภายในตึก ส่วนกุ๊กขอแยกตัวออกมาขึ้นรถไฟใต้ดินกลับคอนโดที่ลาดพร้าว เนื่องจากมันค่อนข้างใกล้ และยังสะดวกกว่าการต้องนั่งย้อนไปย้อนมาที่บ้านของสาวรุ่นพี่อีกทีหนึ่ง ซึ่งเธอก็ไม่ลืมที่จะโทรไปนัดแนะกับสามีให้กลับมาเจอกันที่คอนโดในภายหลัง

แทบจะในทันทีที่หนุ่มโจ้วางหูจากภรรยาเสร็จ เสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่มก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง หน้าจอมือถือแสดงรายชื่อของสาวรุ่นพี่คนสนิท ที่กำลังโทรเข้ามา

หญิงสาวเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงบ่ายให้ชายหนุ่มฟัง ทั้งเรื่องที่เธอพยายามพูดโน้มน้าวสาวกุ๊กให้เห็นคล้อยตามเรื่องการสลับสับเปลี่ยนแลกคู่นอน ซึ่งกุ๊กเองก็ดูจะเอนอ่อน เออออตามด้วย รวมไปถึงเรื่องที่เธอตัดสินใจปิดบังถึงเหตุการณ์สุดวาบหวิวที่เกิดขึ้นในคืนก่อน ซึ่งโจ้เองก็เข้าใจและรับลูกได้ในทันที พอคุยโทรศัพท์เสร็จ ชายหนุ่มจึงเอ่ยลาหนุ่มรุ่นพี่ พร้อมกับขับรถกลับคอนโดตัวเองด้วยอารามตื่นเต้นนิดๆ

โจ้เหยียบคันเร่งลงไปจนเกือบมิด กระชากโครงเหล็กกับล้อทั้งสี่ให้ห้อตะบึงไปบนท้องถนนด้วยความเร่งรีบ ในหัวเฝ้าแต่คิดวกวนไปมาอยู่เพียงเรื่องเดียว นั่นก็คือเรื่องความรู้สึกของภรรยาสาวในเวลานี้

เขาอยากรู้ว่าเธอนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้ จะรู้สึกยังไง จะเห็นดีเห็นงามกับสิ่งที่พี่เป้พูดมั้ย หรือว่าจะยิ่งคิดต่อต้านมันมากขึ้นไปอีก เพราะเกิดรู้สึกหึงหวงเขากับพี่เป้ขึ้นมา

ชายหนุ่มใช้เวลาบนถนนไม่ถึงชั่วโมง ก็พาตัวเองกลับมาถึงคอนโดได้โดยสวัสดิภาพ พร้อมกับความรู้สึกประหม่าและตื่นเต้นที่ติดสอยห้อยตามติดรถมาด้วยอีกนิดหน่อย

“เป็นไงมั่ง ได้อะไรกลับมาเยอะมั้ยวันนี้?” โจ้เอ่ยถามภรรยาสาวแทบจะทันทีที่เจอหน้า
“อือ นิดหน่อยอ่ะพี่ ได้เสื้อมาสองตัว แล้วก็รองเท้าใส่เล่นอีกคู่นึง ไม่กี่ร้อย” สาวกุ๊กตอบเรียบๆ
“แล้วไหงถึงกลับคอนโดไม่รอพี่ล่ะ?”
“ก็มันใกล้นี่นา นั่งรถใต้ดินแค่สองสถานี หนูขี้เกียจนั่งย้อนไปย้อนมา แค่เดินก็เหนื่อยแล้วอ่ะ”

“อ๋อ... แล้วไป นึกว่าเกิดไปทะเลาะอะไรกับพี่เป้เค้าซะอีก” หนุ่มโจ้ชิงหาจังหวะแกล้งหยอดถามเพื่อสังเกตอาการของภรรยา แต่เธอเองกลับไม่ได้แสดงท่าทีผิดปกติใดๆ ออกมา เพียงแค่โคลงศีรษะเบาๆ 2-3 ที ก่อนที่จะตอบปฏิเสธออกมา
“ทะเลาะอะไรเล่า พี่นี่ก็เพ้อเจ้อไปเรื่อย”

หลังจากนั่งพักผ่อนและอาบน้ำอาบท่ากันเสร็จ สองหนุ่มสาวก็พากันเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ ด้วยความที่สาวกุ๊กนั้นเหนื่อยล้าจากการเดินเลือกซื้อของมาทั้งวัน จึงทำให้เธอรู้สึกง่วงๆ เพลียๆ อยู่พอสมควร ตรงกันข้ามกับสามีหนุ่มที่กำลังตื่นตัวและคึกคักแบบสุดๆ

หนุ่มโจ้นึกย้อนไปถึงเรื่องที่ได้คุยกับบอยมาในวันนี้ เรื่องของความรู้สึกที่เกิดขึ้น ในระหว่างที่พวกเค้าทั้งสามคนกำลังปฏิบัติกิจกามอีรุงตุงนังกันอยู่

“กูพูดตรงๆ นะ... จนถึงตอนนี้กูก็ยังบอกกับตัวเองไม่ได้จริงๆ ว่าตอนที่กำลังสวิงกันอยู่น่ะ มันรู้สึกยังไงกันแน่” บอยเปิดฉากเล่าถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นให้โจ้ฟังออกมาตรงๆ

“มันเหมือน... จะว่าหึงหวงก็ไม่ใช่ ตื่นเต้นก็ไม่เชิง มันต่างจากตอนที่กูได้แต่แอบฟังหรือแอบดูมึงกับเป้เอากันอยู่ห่างๆ อ่ะ ตอนนั้นมันเหมือนว่ากูกลายเป็นคนนอกโดยสมบูรณ์ มันทั้งหึง ทั้งเจ็บใจ ทั้งอยากเอาชนะแย่งเป้กลับคืนมาให้ได้ มันต่างจากคราวนี้ ที่เราสองคนแม่งสลับหน้าที่กัน ช่วยกันเอาเป้ ทำให้เป้มีความสุข ซึ่งมันก็ยังมีอาการแปล๊บๆ เกิดขึ้นนะ เวลาที่ได้เห็นมึงเอากับเป้ต่อหน้าต่อตาชัดๆ แบบนี้ แต่...  อีกใจนึงแม่งก็โคตรเสียวเลย ไม่รู้ดิ... กูว่าแม่งเป็นประสบการณ์การมีเซ็กส์ที่... แม่งสุดๆ ในชีวิตกูจริงๆ”

ชายหนุ่มฟังรุ่นพี่สาธยายความรู้สึกลึกๆ ออกมาแล้วก็อดนึกอิจฉาขึ้นมาไม่ได้ แม้ว่าตัวเค้าเองจะมีโอกาสได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น แต่ก็เหมือนว่ามันยังไม่สมบูรณ์ในความรู้สึก คือได้มีส่วนร่วมแค่ในฐานะของผู้กระทำ ไม่อาจเข้าใจได้ถึงความรู้สึกหึงหวงและหึงหื่นของหนุ่มบอย ที่ได้เห็นภาพภรรยาตัวเองถูกชายอื่นเย่อเย็ดอยู่ตรงหน้า ในขณะที่ตัวเองก็คอยกระเด้าซอยควยเข้าใส่ร่างของเธอจากอีกด้านหนึ่งไปพร้อมๆ กัน

ถ้าเกิดผู้หญิงคนที่โดนรุมเย็ดในคืนนั้นไม่ใช่เป้... แต่ว่าเป็นกุ๊ก... ถ้าหากเป็นแบบนั้นแล้วมันจะรู้สึกเสียวซ่านขนาดไหนกันนะ...?

“พี่ว่าจากที่คุยๆ กัน... กุ๊กเค้าก็น่าจะโอเคแล้วนะ” ถ้อยคำของสาวรุ่นพี่ที่พูดผ่านโทรศัพท์ ดังก้องสะท้อนอยู่ในหัวของชายหนุ่มซ้ำไปซ้ำมา

ถ้าลองเกริ่นขอกับกุ๊กดูอีกทีจะดีมั้ยนะ? กุ๊กเองจะยินดียอมทำตามที่พี่เป้พูดรึเปล่า? หรือว่าเราจะโดนเธอด่าจนหน้าชากลับมาอีกรอบ?

ชายหนุ่มเฝ้าแต่คิดทบทวนไปมาอยู่คนเดียวเงียบๆ ท่อนลำอยู่ในสภาพพร้อมรบเต็มที่ เลือดลมสูบฉีดเข้าไปที่กระบอกลูกสูบจนมันบวมเป่ง ผงกหัวดิ้นหงึกๆ อยู่ภายในกางเกงบอลด้วยความอึดอัด และแล้ว... เมื่ออดรนทนต่อไปอีกไม่ไหว หนุ่มโจ้จึงตัดสินใจค่อยๆ เอื้อมมือตะปบลงไปบนน่องขาอวบอิ่มของภรรยา ลูบขึ้นลูบลงไปมาอยู่ 2-3 ที ก่อนที่จะมีเสียงพ่นลมหายใจของสาวกุ๊กตอบกลับมาเบาๆ

“ว้อนท์เหรอพี่...?” หญิงสาวหันหน้ากลับมาสบตาถาม
“อือ... ก็กุ๊กตัวหอมนี่นา” โจ้ตอบพร้อมกับก้มหน้าเข้าไปหอมแก้มภรรยา
“มามุกเดิมตลอด... หอมแล้วมันทำให้หื่นรึไงน้อ เฮ้อ...” แม้หญิงสาวจะออกปากบ่น แต่เธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีขัดขืนใดๆ ได้แต่นอนตัวแข็งเกร็งอยู่ภายใต้อ้อมกอดของสามีด้วยความยินดี

หนุ่มโจ้ค่อยๆ ประกบจูบปากกับภรรยา บดบี้ริมฝีปากเข้าหากันอย่างเชื่องช้า แต่แฝงไว้ด้วยความหนักหน่วง สอดลิ้นเข้าไปชิมรสชาติความหอมหวานภายในโพรงปากของเธอ

“อื้มม...” สาวกุ๊กหลับตาเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบอันช่ำชองของสามี

สองมือของชายหนุ่มค่อยๆ ถลกชายเสื้อนอนของเธอขึ้นมากองไว้ที่ราวนม ใช้ปลายนิ้วเขี่ยคลึงไปที่ยอดปทุมถันเป็นการทักทาย ก่อนจะเพิ่มพื้นที่ของการสัมผัสด้วยแรงบีบคลึงจากฝ่ามือทั้งสองข้าง หนุ่มโจ้บีบขยำเต้านมของภรรยาอย่างมันมือ ไม่นานก็เริ่มรู้สึกได้ถึงอาการลุกซู่ชูชันที่ปริเวณยอดปลายถัน ซึ่งกำลังเต่งตึงทิ่มแทงฝ่ามือของเขาอยู่

โจ้เลื่อนมือซ้ายสอดเข้าไปสัมผัสกับเนินเนื้อด้านล่างของเธอผ่านทางขอบกางเกง รู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นที่กำลังค่อยๆ ซึมลึกออกมาจากร่องหลืบด้านใน อาการที่เกิดขึ้นทั้งด้านบนและด้านล่าง บ่งบอกว่าระดับอารมณ์พิศวาสในตัวเธอกำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“กุ๊กก็เงี่ยนเหมือนกันเหรอ?” โจ้เอ่ยถามกุ๊กด้วยน้ำเสียงเย้ายวน
“ฮื่อ... ออ” หญิงสาวครางตอบ โดยที่ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมา
“เงี่ยนมากมั้ย?” ชายหนุ่มยังคงถามย้ำ อีกฝ่ายจึงพยักหน้าตอบกลับมาเบาๆ ด้วยความเขิน

หนุ่มโจ้กลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่ กลั้นใจสูดลมหายใจยาวๆ เข้าปอด รวบรวมความกล้าเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะอ้าปากพูด...

“ถ้างั้น... คืนนี้กุ๊กลอง... ลองจินตนาการถึงคนอื่นดูมั้ย? เผื่อว่า... มันจะยิ่งเสียวขึ้นกว่าเดิม” โจ้เอ่ยปากออกไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก AE มากประสบการณ์อย่างเขา พอถึงคราวต้องมาพูดกล่อมตะล่อมภรรยาตัวเองแล้วกลับเกิดอาการปากสั่น เสียงสั่นขึ้นมา ดูน่าสมเพชชะมัด...

สาวกุ๊กฟังแล้วก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ ยังคงนอนนิ่งอยู่กับที่ ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ กลับมา เธอไม่แม้แต่จะพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ หรือส่ายหัวเป็นการปฏิเสธด้วยซ้ำ สีหน้าและแววตาของเธอเหมือนจะแฝงความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ข้างใน มันไม่ใช่สีหน้าของคนที่กำลังโกรธเคือง... รังเกียจ... ดีใจ... หรือแม้แต่ผิดหวัง...

มันเป็นสีหน้าของคนที่กำลังพยายามตัดสินใจอะไรบางอย่าง เป็นการตัดสินใจที่ทั้งยากลำบาก... ทั้งยังสับสน... แต่พอผ่านไปอีกครู่นึง.. สีหน้าและแววตาของเธอก็ดูจะกระจ่างและแจ่มชัดขึ้นมา เหมือนกับว่าเธอได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างลงไปอย่างเด็ดขาดแล้ว...

เมื่อไม่มีเสียงทักท้วงเหมือนวันก่อน หนุ่มโจ้จึงถือว่าภรรยานั้นตอบตกลง ชายหนุ่มค่อยๆ รูดกางเกงนอนขายาวของกุ๊กจนหลุดออก จับสองขาของเธอแยกอ้าออกจากกัน ยกข้อพับของเธอขึ้นมาวางพาดไว้บนไหล่ ใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางแบะกลีบสาวของเธอให้มันอ้าออก ก่อนจะก้มหน้าลงไปดูดชิมความหอมหวานบริเวณปากทางอย่างหื่นกระหาย เสียงดังซ้วบ... บบบบ

“อุ๊!... ซี้ดส์.. อือออ” เสียงครางหลุดออกมาจากปากของภรรยาสาว คิ้วขมวดยับย่นจนใบหน้าบิดเกร็ง

หนุ่มโจ้ทั้งดูดทั้งเลียอย่างหื่นกระหาย ตวัดลิ้นหนาๆ กดบดเข้ากับร่องหีและกลีบเนินที่โค้งเนียน บางจังหวะก็เกร็งห่อลิ้นให้เป็นรูปกรวย แหย่แทงสอดลึกเข้าไปด้านใน กดมุดเข้าไปจนรู้สึกได้ถึงอาการบีบรัดของโพรงเนื้อ สลับกับการดูดเลียติ่งสาวด้านนอก จนหน้าขาของเธอเปียกชุ่มไปด้วยน้ำหล่อลื่น

ชายหนุ่มหันมาจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองบ้าง ถอดรูดมันออกทั้งชิ้นบนและชิ้นล่าง ก่อนจะพลิกตัวกลับหัวกลับหางอีกครั้ง ขยับปีนขึ้นไปคร่อมหน้าเธออยู่ในท่า 69 จากทางด้านบน ท่อนเนื้อแข็งโด่เด่ แกว่งไกวอยู่ไม่ห่างจากใบหน้าของเธอ

สายตาของกุ๊กถูกสะกดให้จับจ้องค้างไว้ที่ดุ้นเนื้ออวบใหญ่ราวกับว่ากำลังต้องมนต์ ภรรยาสาวเผลอแลบลิ้นเลียไปรอบๆ ริมฝีปากอย่างลืมตัว ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่ เธอเองก็ยังคงทำใจให้คุ้นชินกับความใหญ่โตและอลังการของมันไม่ได้เสียที

หญิงสาวหลับตาลงช้าๆ ใช้มือขวาจับยึดท่อนเนื้อให้หยุดนิ่ง ค่อยๆ เม้มปากครอบไปที่บริเวณปลายหัวของมัน ก่อนจะลากลิ้นเลียไปรอบๆ แท่งลำ ออกแรงกดเน้นๆ ที่บริเวณปลายท่อตรงรอยบาก เรียกเสียงครางสูดปากจากชายหนุ่มออกมาได้ชุดใหญ่ โจ้เองก็ไม่ยอมโดนเล่นงานอยู่ข้างเดียว ก้มหน้าลงไปดูดเม้มที่ติ่งแตดของเธอจนมันแทบจะหลุดติดคาปากเขามาด้วย สาวกุ๊กเจอดอกนี้เข้าไปก็เสียวซี้ดแบบสุดๆ ขยุ้มจิกสองมือลงไปที่แก้มก้นของสามีแรงๆ อย่างมันเขี้ยว ดึงรั้งร่างของชายหนุ่มเข้ามาเพื่อจะได้ดูดควยได้ถนัดยิ่งกว่าเดิม

สองหนุ่มสาวสลับสับเปลี่ยนกันใช้ปากให้กันอยู่พักหนึ่ง หนุ่มโจ้ก็อดรนทนรอต่อไปอีกไม่ไหว ค่อยๆ ขยับถอนตัวออก จนลำควยลากครูด เด้งผึงหลุดออกมาจากปากของภรรยา ชายหนุ่มขยับกลับมานั่งคุกเข่าตรงกลางหว่างขาของเธออีกครั้ง จับลำควยที่กำลังพองตัวโตเต็มที่ เสียบจ่อเข้าไปที่ปากทาง แล้วออกแรงกดทิ่มเข้าไปข้างใน

“อุ๊! อืม... มมม อู๊ย.. ยยย เบาๆ ก่อนพี่” สาวกุ๊กร้องพลางเอามือตีแขนสามีเป็นการเตือน แต่ชายหนุ่มที่กำลังเงี่ยนง่านเต็มที่ กลับไม่ได้สนใจอาการของภรรยาซักเท่าไหร่ เร่งกดสะโพก ส่งท่อนลำจมหายลึกเข้าไปเรื่อยๆ ด้วยความรวดเร็ว โชคดีที่ร่องหลืบของกุ๊กในตอนนี้มันกำลังเปียกเยิ้มแบบสุดๆ จึงทำให้ท่อนเนื้ออวบใหญ่ ไหลลื่นเข้าไปได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่

“อาห์... กุ๊กจ๋า หีกุ๊กตอดควยพี่ไม่หยุดเลย โอ๊ย อย่าขมิบ... แบบนั้นซี่ อูย.. ยยย” ชายหนุ่มครางอย่างสะใจ เมื่อสามารถกดท่อนเนื้อให้ทิ่มเข้าไปในตัวภรรยาได้จนเกือบจะสุดลำ ความยาวของมันทิ่มแทงลึกเข้าไปจนเผลอชนเข้ากับมดลูก
“อู๊ยพี่โจ้... ”

“กุ๊กครับ... วันนี้กุ๊กลองเล่นกับพี่อีกซักครั้งนะ... ลองคิดว่าตัวเองกำลังเอากับคนอื่นอยู่ ไม่ต้องคิดไม่ต้องกังวลอะไร แค่ปล่อยอารมณ์ไปตามใจก็พอ” หนุ่มโจ้พูดออดอ้อน พร้อมกับค่อยๆ ขยับท่อนลำเข้าอีกช้าๆ ส่วนมือก็คอยสอดล้วงเข้าไปขยำเต้านมของเธอพร้อมๆ กัน

ภรรยาสาวฟังแล้วก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ สองทีแทนคำตอบ หนุ่มโจ้เห็นแบบนั้นแล้วก็เกิดลิงโลดสุดๆ ยิ่งเร่งสาวท่อนควยออกมายาวๆ จนมันหลุดออกมาติดคาอยู่แค่เงี่ยง ก่อนจะเดาะเอวกดทิ่มกลับเข้าไปสุดลำ ปลายหัวพุ่งกระทบเข้าไปเต็มๆ มดลูก เล่นเอาหญิงสาวถึงกับหลับตาปี๋ ร้องครางออกมาดังๆ

ชายหนุ่มออกแรงกดตอกท่อนลำเข้าออกอย่างสุดฝีมือ เสียงเนื้อกระทบกันดังสนั่นแข่งกับเสียงครวญครางของภรรยาสาว หนุ่มโจ้เย็ดท่าเบสิคอยู่พักนึงก็เกิดนึกอยากเปลี่ยนท่าขึ้นมา จับพลิกร่างของภรรยาให้นอนตะแคงหันข้าง ยกขาข้างนึงขึ้นมาวางพาดบ่า โขยกเอวเสยควยทิ่มลึกเข้าไปมากกว่าเดิม

“อ๋อย.... ทำไม... มันลึกจังเลย หนูจุกไปหมด... อืมมม” กุ๊กร้องครวญออกมาอย่างหมดสภาพ เส้นผมของเธอปลิวสยายไปมาตามจังหวะของการกระแทก

หนุ่มโจ้เฝ้าสังเกตอากัปกิริยาของภรรยาสาวอย่างสนใจ หญิงสาวตอนนี้กำลังนอนตะแคงหลับตาปี๋ ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อราวกับลูกตำลึง ร่องหีตอดขมิบลำควยของเค้ารุนแรงหนักหน่วงกว่าทุกที ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกำลังเสียวซ่านสุดๆ หรือเพราะกำลังจินตนาการนึกถึงภาพใบหน้าของผู้ชายคนอื่นอยู่กันแน่...

“กุ๊กจ๋า... กุ๊กกำลังจินตนาการถึงหน้าใครอยู่เหรอ” หนุ่มโจ้พูดกระเซ้า
“ผัวโรคจิต.. ยะ... อยากให้หนูไปเอากับคนอื่นนักรึไง อืมมมม” กุ๊กสวนกลับมาเสียงสั่น
“อูยย... อยากสิจ๊ะ อยากเห็นหน้ากุ๊กตอนโดนควยคนอื่นจังเลย กุ๊กจะเสียวขนาดไหนกันน้า?” ด้วยความที่กำลังเสียวได้ที่ หนุ่มโจ้จึงเผลอพรั่งพรูความต้องการลึกๆ ในใจออกมาอย่างหมดเปลือก โดนไม่นึกกลัวว่าจะโดนภรรยาด่าอีกต่อไป

“อือ.... ออออ... อาห์... อ่ะ... อาาาา.. าาาาา” สาวกุ๊กเอง พอได้ยินถ้อยคำจากปากของสามีในจังหวะที่ทั้งคู่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกันอยู่ กลับยิ่งเกิดอารมณ์เงี่ยนง่านสุดขีด ปล่อยตัวปล่อยใจ แหกปากร้องครวญครางออกมาเสียงหลง ถ้าสามีหนุ่มสามารถอ่านใจเธอได้ ก็คงจะพบว่าในหัวของเธอตอนนี้ กำลังจินตนาการเตลิดเปิดเปิงไปหาผู้ชายคนอื่นเรียบร้อยแล้ว

ทั้งคู่เย็ดกันในท่านี้อยู่อีกราวๆ 5 นาที หนุ่มโจ้ก็ขยับตัวเปลี่ยนท่าอีก ดึงร่างของภรรยาให้ขึ้นมานั่งตัก หันหน้าเข้าหากัน สองขาเธอเกี่ยวกระหวัดไปทางด้านหลัง ส่วนสองมือก็คอยโอบกอดร่างของอีกฝ่ายเอาไว้ พร้อมกับประกบปากจูบอย่างดูดดื่ม

“อือ... เสียวอ่า...” สาวกุ๊กถอนปากออกร้องครางออกมาเบาๆ ออกแรงขย่ม หมุนคลึงบดสะโพกไถเข้าใส่หน้าขาของอีกฝ่ายพรืดๆ
“อูย เสียวควยชะมัด.. บดแรงๆ เลยกุ๊ก” หนุ้มโจ้ครางตอบ ก้มหน้าลงไปดูดนมเธอ สลับซ้ายที... ขวาที... จนทรวงอกขาวๆ ของเธอตอนนี้มีแต่รอยแดงช้ำเป็นจ้ำๆ ในหัวของโจ้ก็เฝ้าคิดอยู่แต่เรื่องเดียว นี่เธอกำลังจินตนาการถึงใครอยู่กันนะ

จะเป็นหนุ่มป้อง... หนุ่มบอย... หรือว่าจะเป็นนายเอกหมอนวดกันแน่นะ?

ชายหนุ่มนึกย้อนไปถึงภาพใบหน้าของภรรยาสาวที่กำลังบุบบิบบี้บู้ นอนถ่างขาให้หมอนวดหนุ่มละเลงทั้งนิ้วและลิ้นลงไปที่ร่องเสียวของเธออย่างถึงกึ๋น จนร่างของเธอสั่นกระตุก น้ำเงี่ยนพุ่งทะลักแตกคาปากของนายเอกไปเลย ภาพประทับใจในครั้งนั้นยังคงติดตราตรึงใจของชายหนุ่มอยู่ไม่เสื่อมคลาย แล้วตัวเธอที่เป็นคนประสบพบเจอมากับตัว จะกล้าลืมเลือนมันไปได้ลงหรือ...?

“บอกหน่อยซี่ กุ๊กกำลังเย็ดกับใครอยู่เหรอ?” โจ้เอ่ยถามเสียงหื่น
“ฮือ... อออ มะ.. ไม่บอก... ไม่เอา” สาวกุ๊กหลับตาส่ายหน้าสะบัดไปมาอย่างหนักแน่น
“แน่ะ ปากแข็งนัก ดูซิจะทนได้ซักแค่ไหน”

โจ้พยายามจะเค้นให้เธอหลุดชื่อของผู้ชายคนนั้นออกมาให้ได้ ทิ้งตัวลงนอนหงายไปกับเตียง โหมออกแรงเด้งควยเสยทิ่มใส่ร่องหีของเธอหนักๆ จากทางด้านล่าง

“อ่ะ... อ๊าย! สสส ซี้ดดดส์ อ๋าาา... าาา!” สาวกุ๊กร้องคราง ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก
“นี่แน่ะ! จะบอกมั้ย!? นี่ๆๆ!” ชายหนุ่มยังคงเร่งเร้าอย่างต่อเนื่อง
“โอ๊ย พี่... บะ... โอ๊ย... ยยยย ฮือ กุ๊กไม่ไหวแล้วน้า... อ๋อย... ยยย สส... ซี้ดดดดส์” สาวกุ๊กพยายามเม้มปากเอาไว้แน่น ข่มกลั้นอารมณ์หื่นที่กำลังจะทะลักทลายออกมาจากภายในกาย

“ร้องออกมาเลยกุ๊ก! ร้องออกมาเลย... พี่ก็จะแตกแล้วเหมือนกัน อืมมม” หนุ่มโจ้เมื่อรู้ว่าภรรยาใกล้จะถึงจุด ก็รีบเร่งตะบันควยกระทบหนอกหีของเธอแบบหนักๆ โถมอัดกำลังทั้งหมดที่มีใส่ร่างเธอเสียงดังสนั่นอย่างต่อเนื่อง ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ! ปั้บบ!!

สาวกุ๊กที่พยายามฝืนข่มอารมณ์เอาไว้ พอโดนเล่นงานอย่างหนักหน่วงก็ถึงกับตบะแตก สติสตังกระเจิดเตลิดเปิดเปิง เร่งขย่มควยสามีอย่างหนักหน่วง อีกนิด... อีกนิดเดียว.... อย่าหยุดนะ... อย่าพึ่งแตกนะ... จะถึงแล้ว... จะถึงแล้ว... อึ๋ย..... หญิงสาวคร่ำครวญอยู่ภายในใจ ก่อนที่อารมณ์รัญจวนทั้งหมดจะระเบิดแตกออก พร้อมกับที่เธอเผลอกรีดร้องออกมาอย่างสุดกลั้น

“โอ๊ะ...! โอ๊ย... ยยย พะ.. พี่บอยขา! กะ... กุ๊กเสร็จ... เสร็จแล้ววววว!” ภรรยาสาวร้องเรียกชื่อของหนุ่มรุ่นพี่ออกมาแบบสุดเสียง ผวาเข้ากอดร่างของสามีด้วยเนื้อตัวที่กำลังสั่นกระตุก โพรงเนื้อด้านในขมิบยวบตอดถี่ยิบๆ ก่อนที่น้ำเชื้อของชายหนุ่ม จะพุ่งกระฉูดเข้ามาเต็มมดลูกของเธอ แทบจะในเวลาเดียวกัน...



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น