วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

หนูอายจังค่ะ 4












หลังจากนั้นซักพักพ่อก็เปลี่ยนเป็นฝ่ายอยู่ด้านบน พลิกตัวให้แม่นอนหงายบ้าง หนูหลับตาตั้งแต่เค้าเริ่มขยับตัวแล้ว จนมั่นใจก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นดูอย่างช้า ๆ ไม่รู้สิ แทนที่จะนอนนิ่ง ๆ แล้วหลับไปซะ กลับทะลึ่งอยากรู้อยากดูอยากเห็นอยู่ได้ แล้วนี่ก็แม่ตัวเองแท้ ๆ ทำไมถึงต้องอยากดูด้วย หนูไม่รู้ใจตัวเองเลย ตอบคำถามตัวเองก็ไม่ได้ด้วย แต่ที่แน่ ๆ คือคืนนั้นทำเอาหนูนอนแทบไม่หลับ บรรยากาศทุกบรรยากาศ ท่าทางทุกท่าทาง การกระทำแต่ละอย่างล้วนอยู่ในความทรงจำของหนูอย่างช่วยไม่ได้ นอกจากนั้นหนูเองยังคิดไปถึงความรู้สึกที่ได้รับจากการกระทำเช่นนั้นเหมือนกัน คืนนั้นทั้งคืนแทบจะไม่ได้นอน แม้สิ่งที่เห็นจะเพียงแค่ไม่ถึงชั่วโมงแล้วก็จบสิ้นไปพร้อมกับการนอนหลับไปทั้ง ๆ ที่ยังเปลือยอยู่ แต่หนูเองก็ยังไม่กล้าที่จะขยับตัวไปไหน ยังนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น แม้สายตาจะหลับลงแล้วก็ตามที แต่ในหัวนั้นกลับเต็มไปด้วยเรื่องที่เพิ่งเกิดเมื่อสักครู่นี้

แทนที่จะตื่นเช้าเหมือนที่เคยมา กลับเป็นฝ่ายถูกปลุก ลืมตาขึ้นมาก็เห็นตะวันขึ้นมาทอแสงให้เห็นแทบแสบตาแล้ว แม่เป็นคนปลุกให้ตื่น แต่หนูกลับไม่กล้ามองหน้าแม่ ไม่กล้าสบสายตา ความรู้สึกเมื่อคืนมันยังคอยตามมาติด ๆ ว่าแล้วก็ลุกเข้าห้องน้ำโดยที่ไม่ได้คิดอะไร ในเมื่อในห้องเห็นแค่แม่อยู่คนเดียว ไม่ได้นึกว่าที่เหลืออยู่ที่ไหน แต่ก็ต้องค้างอยู่ที่หน้าห้องน้ำ ตะลึงกับความรู้สึก ทั้ง ๆ ที่แต่ละอย่างของแต่ละคนก็เคยเห็นมานักต่อนักแล้ว สงสัยเหตุการณ์เมื่อคืนมันคงตามหลอนอยู่ ก้าวขาไม่ออกทั้ง ๆ ที่เบื้องหน้าก็คือพ่อเลี้ยงกับน้องชายกำลังยืนอาบน้ำกันอยู่ แล้วมือที่แม่เอื้อมจับมายังไหล่ของหนูก็ปลุกสติกลับคืนมา

แม่ชวนหนูเข้าไปอาบน้ำพร้อม ๆ กันโดยที่เมื่อซักครู่ที่ผ่านมาที่แม่มาปลุกคือแม่เจตนาจะมาชวนให้หนูเข้าไปอาบน้ำพร้อม ๆ กัน ทันทีที่รู้ว่าแม่กำลังชวนเข้าไปอาบน้ำ ความสับสนและวกวนก็กลับเข้ามาหาหนูอีกครั้ง ความรู้สึกและสั่งการของหนูเหมือนขาดหายไปชั่วขณะ ในขณะที่กำลังพยายามทบทวนตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่เนี่ย กำลังทำอะไรลงไป หนูเองก็ถูกจับถอดเสื้อผ้าทั้งท่อนบนและท่อนล่างออกจนเปลือยกายล่อนจ้อน แม่เป็นคนถอดเสื้อผ้าให้หนูอยู่หน้าห้องน้ำ หนูเองก็ยกแขนยกขาให้แม่ถอดเสื้อผ้าออกแต่โดยดี ไม่ได้ขัดข้องอะไรแต่ประการใด หนูรู้สึกเคลิ้มและทำตามที่แม่บอกให้ทำทุกอย่าง ชั่วโมงนั้นที่หนูแก้ผ้าล่อนจ้อนอยู่ต่อหน้าทุก ๆ คน หนูไม่รู้ว่าใครมีปฏิกิริยายังไงบ้าง และที่แน่ ๆ หนูเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหนูกำลังทำอะไรลงไป



มารู้สึกตัวอีกทีที่พอมีสติกลับคืนมาก็อีกตอนน้ำจากฝักบัวถูกรดลงบนตัวที่เปลือยเปล่า หนูก้าวเดินออกจากจุดนั้นได้ก้าวนึง แม่ก็คว้าแขนไว้พร้อมกำชับให้อาบพร้อมกันเนี่ยแหละจะไปไหน หนูเองก็ไม่รู้อะไรดลใจหรือยังไงไม่รู้ มันสับสนในความรู้สึก จึงก้าวถอยกลับมาในจุดเดิม ในขณะที่พ่อเลี้ยงและน้องชายต่างอาบน้ำเสร็จแล้วกำลังใช้ผ้าขนหนูซับตัวพร้อมกับเดินออกจากห้องน้ำไป ภายในที่ดูคับแคบอย่างอึดอัดทำให้ค่อนข้างโล่งกว่าเดิมมาก ตอนนี้มีแค่แม่กับหนูเท่านั้นที่ยืนอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ โดยแม่ทำหน้าที่ฟอกสบู่ชำระล้างให้กับหนู หนูแทบแค่จะยืนเฉย ๆ เท่านั้นพอ ในขณะที่พ่อกับน้องชายต่างเช็ดตัวอยู่หน้าห้องน้ำที่ไม่ได้ปิดประตูไว้เหมือนเดิม ชั่วโมงนี้มันมึนไปหมด แม่สั่งให้ทำอะไรหนูก็ทำตามทุกอย่าง

เสร็จจากการอาบน้ำ แม่ยังคงอาบต่อ ส่วนหนูคว้าผ้าเช็ดตัวที่แม่เตรียมไว้ให้แล้ว เอามานุ่งยืนรอแม่อยู่หน้าห้องน้ำ เหลือบเห็นพ่อกับน้องชายเช็ดตัวเรียบร้อยแล้ว ปะแป้งแล้ว หวีเผ้าหวีผมแล้ว ทำอะไรเรียบร้อยแล้ว แต่ทั้งคู่กลับยังไม่สวมใส่เสื้อผ้าเหมือนเป็นปกติ หนูเองที่ทำอะไรไม่ถูกด้วยความสับสนจึงยืนอยู่หน้าห้องน้ำ จนแม่อาบน้ำเสร็จจึงจูงมือหนูไป แม่ชวนหนูเช็ดตัวไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งแม่ก็เข้ามาช่วยเช็ดหัวเช็ดตัวให้หนูด้วย เราสองคนกึ่งล่อนจ้อนกึ่งเปลือย พ่อกับน้องชายช่วยกันเตรียมอาหารเช้า แม่เร่งเร้าให้หนูรีบเช็ดตัว ปะแป้ง พอเสร็จเรียบร้อยแม่จูงมือให้หนูไปช่วยจัดเตรียมอาหาร

พวกเราสี่คนเปลือยกายล่อนจ้อนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างเหมือนเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ทุกคนก็เหมือนเดิม ไม่ได้ทะลึ่งตึงตัง ไม่ได้มานั่งจ้องมองอะไรกันอย่างออกหน้าออกตา ทุกคนทำตัวปกติอย่างที่เคย แต่ตัวหนูเองกลับไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น ความรู้สึกนึกคิดมันเปลี่ยนไป แต่ก็ไม่ได้เรียกร้องหรือขัดข้องอะไร เหมือนอยากพูดแต่พูดไม่ออก พวกเราช่วยกันคนละไม่ละมือ หลังจากจัดเตรียมเสร็จพวกเราก็ลุยอาหารเช้ากัน แม่พูดติดตลกจะให้ออกไปกินที่ระเบียงด้านหน้า แต่ความเป็นจริงไม่กล้าออกไปอย่างนี้กันหรอก พวกเรานั่งล้อมวงกินกันอยู่ข้างใน แม่หนูน่ะเหรอนั่งขัดสมาธิเหมือนคนอื่น ๆ เลย เรียกว่าเห็นเข้าไปถึงเนื้อในเลย แต่นั่นก็เรียกว่าคุ้นเคยกันตลอดมาแล้ว มันก็เลยดูไม่ค่อยขัดกันเท่าไหร่ แต่สำหรับหนูนั่งอย่างนั้นคงไม่ได้แน่ จึงต้องเรียบร้อยหน่อยด้วยการนั่งพับเพียบ แต่ก็นั่นแหละ มันก็ไม่ได้ช่วยให้ทุกอย่างมันดีขึ้นเท่าไหร่หรอก เพราะรู้ทั้งรู้ว่าหนูเองก็ล่อนจ้อนเหมือนคนอื่น ๆ

แม้จะกินด้วยความรวดเร็วปานใด แต่เหมือนเวลาจะผ่านไปแต่ละวินาทีค่อนข้างช้ามาก ๆ เลย หลังจากหนูกินอิ่มเรียบร้อยหนูเก็บจานชามของหนูก่อนแล้วขอตัวเข้าห้องน้ำ ไม่ได้ปวดท้องหรือมีธุระอะไรหรอก แต่ความรู้สึกมันเหมือนรับไม่ได้กับสิ่งเหล่านี้ หนูยืนทำใจอยู่สักพักนึง ในนี้ไม่มีเสื้อผ้าหรือผ้าขนหนูที่จะให้ห่อหุ้มตัวให้เดินออกไปเลย นี่หนูจะต้องเดินล่อนจ้อนออกไปอย่างนี้อีกเหรอเนี่ย หลังจากทำใจได้ระดับนึงจึงเปิดประตูก้าวออกไป และนี่คือเซอร์ไพร์ที่ทุกคนเตรียมไว้สำหรับหนูโดยเฉพาะ

ใช่แล้ว วันนี้วันคล้ายวันเกิดหนู หนูครบรอบ 14 ปีพอดี นี่มันช่างประจวบเหมาะซะเหลือเกิน ทุกคนยืนรออยู่หน้าห้องน้ำ ฉากแรกที่หนูเปิดประตูออกมาก็ทำให้หนูตกใจกับร่างอันเปลือยเปล่าของแต่ละคนแล้ว สัญชาติญาณทำให้อุทานออกมาด้วยความตกใจเบา ๆ พร้อมกับกุมเป้ากุมหน้าอกตัวเองเอาไว้ หลังจากนั้นแต่ละคนยื่นของขวัญให้หนูกันคนละชิ้น ก่อนมอบให้ก็มีขั้นตอนการอวยพร แล้วยังมีการถ่ายรูปตอนส่งมอบรวมถึงถ่ายรูปในช่วงจังหวะต่าง ๆ เอาไว้ด้วย หนูเองล่ะไม่อยากมีรูปตัวเองอยู่ในกล้องเลย มันอาจสร้างความอับอายได้ถ้าตกอยู่ในมือของคนอื่น

กิจกรรมที่เหลือระหว่างที่อยู่เที่ยวกันก่อนกลับบ้าน แต่ละช่วงเวลาที่ไม่ประเจิดประเจ้อ ทั้งแม่และพ่อก็มักชวนหนูและน้องให้ล่อนจ้อนโดยที่แม่กับพ่อเป็นคนถอดเสื้อผ้าตัวเองออกให้เห็นเป็นตัวอย่าง 2-3 วันที่ไปเที่ยวด้วยกันมา เรียกว่าหนูเองก็เห็นของคนอื่น ๆ ที่แบบว่าเคยเห็นมานักต่อนักแล้ว มางานนี้ก็ได้เห็นแบบจะจะอีก และที่สำคัญเรือนร่างหนูเองกลับต้องให้คนอื่นได้เห็นอีก ยังดีนะที่ทุกอย่างเกิดขึ้นแค่กับคนในครอบครัว ยังคิดเหมือนกันว่าถ้าแม่กับพ่อของหนูชอบเปิดเผยเรือนร่างให้คนอื่น ๆ นอกจากคนในครอบครัวเราได้เห็นกันแล้วจะเกิดอะไรขึ้น หนูว่าหนูเองก็คงต้องทำตามที่แม่กับพ่อบอกอย่างเป็นแน่

หนูเหมือนไม่มีอะไรจะต้องอายแล้ว ช่วงเวลาที่ผ่านมาก็เหมือนกับเปิดเผยซะหมดเปลือกเลย ยังดีที่ไม่ถึงขนาดกับที่ต้องแหกให้ดูกัน ยังไม่ถึงขนาดที่จะมาจับมาล้วงอะไรกัน นี่ก็แค่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าแค่นั้นเอง แต่ภาพที่ฝังตาฝังใจหนูก็คือได้เห็นแม่กับพ่อเค้านัวเนียกัน มันเป็นอะไรที่เหนือคำบรรยายจริง ๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียวตรงนั้นของตัวเอง และรู้สึกกลัวไปด้วยพร้อม ๆ กัน ไอ้จู๋ของผู้ชายจากที่รู้ที่แม่กับพ่อเล่าให้ฟังก็บอกว่ามีขนาดประมาณเนี้ยแหละ โอ้โหแล้วมันกว่าจะเข้าไปได้ในจิ๋มของหนู ยิ่งคิดยิ่งน่ากลัว

และสิ่งที่ทำให้หนูรู้สึกน่ากลัวและหวาดระแวงคือ ในวันที่จะกลับ แม่กับพ่อก็มีกิจกรรมที่ทำให้แต่ละคนเปลือยกายล่อนจ้อนให้เป็นปกติ แต่แว๊บนึงของสายตาที่หนูไว้ใจมาตลอด คือพ่อเลี้ยงหนู ห้องน้ำที่แคบอยู่แล้วจึงผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าอาบน้ำ แต่นั่นก็ทำให้คนที่อยู่ด้านนอกก็ยังล่อนจ้อนอยู่ หนูเข้าอาบน้ำพร้อม ๆ กับแม่ แล้วแม่เกิดปวดท้องจึงผละไปนั่งส้วมที่อยู่ใกล้ ๆ กัน ประตูห้องน้ำที่ไม่ได้ปิดไว้อยู่แล้ว ทำให้ตำแหน่งที่หนูยืนอาบน้ำถูกเปิดกว้างสำหรับการผ่านไปผ่านมาที่หน้าประตู ฉับพลันหนูก็เห็นพ่อยืนอยู่ด้านหน้าประตูห้องน้ำ จุดนั้นแม่จะมองไม่เห็นพ่อเพราะมีกำแพงบังอยู่ แรกที่หนูเหลือบเห็นหนูก็ไม่ได้คิดอะไร แต่หันไปอีกทีพ่อก็ยังยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับจ้องมองมาทางหนู ในมือของพ่อจับไอ้จู๋ของตัวเองจนแข็งตัว ตาก็จ้องมองมาทางเรือนร่างอันเปลือยเปล่าของหนูที่หนูเพียงหันข้างให้

สายตาที่หนูรู้สึกน่ากลัวของพ่อที่จ้องมองเหมือนจะกลืนกินหนูให้ได้ มันรวดเร็วมาก สายตาพ่อก็จ้องมองมาทางหนู มือข้างนึงของพ่อจับไอ้จู๋แล้วชักว่าวให้ตัวเอง แล้วมืออีกข้างนึงก็แบมือรองรับน้ำที่ออกมาจากไอ้จู๋พ่อ แล้วพ่อก็หลบฉากจากหน้าประตูห้องน้ำไป หนูได้แต่ตาค้างที่ได้เห็นสิ่ง ๆ นั้น ตะลึงกับความรู้สึกที่ได้เห็นพฤติกรรมอย่างนั้น มันรวดเร็วจนทำอะไรไม่ถูก เรื่องนี้หนูไม่ได้บอกใคร และคาดว่าทั้งแม่และน้องชายก็คงไม่รู้เหมือนกันสำหรับเรื่องนี้ เห็นแม่ออกจะรักและเทิดทูนพ่อเลี้ยงมาก ครั้นจะเอ่ยปากออกไป แม่คงไม่เชื่อตามที่หนูบอกเป็นแน่

ตลอดระยะเวลาการเดินทางกลับบ้าน หนูภาวนาให้เดินทางกลับถึงบ้านเร็ว ๆ ภาวนาอย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นกับตัวหนูเลย ขอให้ทุกอย่างปกติสุขดี ตอนนี้หนูไม่ไว้ใจพ่อเลี้ยงคนนี้แล้ว สายตาคู่นั้นที่จ้องมองมาทางหนู มันน่ากลัวและติดตราอยู่ในความทรงจำตลอด ภาพที่เห็นแม่กำลังนัวเนียกับพ่ออยู่นั้น ถูกลบข้อมูลและแทนที่โดยอัตโนมัติ ซึ่งพ่อเองก็แสดงออกกับทุก ๆ คนด้วยอาการและท่าทางปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สำหรับหนูเองนั้นไม่กล้าแม้กระทั่งจะสบสายตาหรือเดินเฉียดไปใกล้ ๆ เลย



ระยะเวลาจากช่วงจังหวะที่เห็นสายตาอันน่ากลัวของพ่อเลี้ยงตั้งแต่วันนั้นแล้ว ทุกอย่างปลอดภัยดี เพราะไม่นานหลังกลับจากการไปเที่ยวครั้งนั้น หลังจากจบเทอมสุดท้ายของชั้น ม.3 หนูก็แยกตัวออกไปพักอยู่กับเพื่อนสาวที่หอพัก โดยให้เหตุผลกับแม่และคนอื่น ๆ ว่าใกล้กว่า สะดวกกว่า ประหยัดกว่า ทุกอย่างดีกว่าในขณะที่เข้าเรียนต่อที่โรงเรียนพาณิชน์ที่ออกจะไกลกว่าที่เรียนที่เดิมเยอะ ทันทีที่ได้รับอนุญาต หนูรู้สึกปลอดโปร่งและปลอดภัยอย่างที่สุด แม้แม่จะคอยกำชับและคอยเตือนเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเมื่อต้องออกไปดูแลรักษาตัวเอง

และทุกอย่างก็ปกติดี ทุกวันนี้เรื่องเรียนหนูก็ไม่เป็นรองใคร เพื่อนฝูงก็ปกติไม่ได้คบใครที่เกเร สังคมที่อยู่ก็ปลอดภัยดี ทุกอย่างดำเนินชีวิตไปตามปกติวัยรุ่น แต่เรื่องลับ ๆ นั้นอย่าบอกใครเชียว เห็นติ๋ม ๆ อย่างนี้นะ หนูหุ่นดีนะ หนูภูมิใจกับสรีระของหนู หน้าอกหน้าใจของหนูสวยได้รูปมากเลย เอวที่กระชับ หน้าท้องที่ค่อนข้างแบนเรียบ สะโพกผายกำลังดี จิ๋มโหนกนูนเหมือนเดิม แต่ไม่คิดเป็นปมด้อยแล้ว ภาคภูมิใจซะมากกว่า ขนขึ้นพองามไม่ถึงกับดกมากซะน่ากลัว ทุกอย่างสวยสมบูรณ์แบบตามแบบฉบับวัยรุ่นผู้โชคดี

หนูแต่งตัวค่อนข้างเชย ไม่ค่อยตามกระแส เพราะรู้ดีว่านี่คือช่องทางที่จะสูญเสียบางสิ่งบางอย่างได้ หนูเลือกเพื่อนที่จะคบหา คบเพื่อนดีก็ดีไป คบเพื่อนแย่อาจนำเราลงนรกได้ ทุกวันนี้หนูยังปกติดี แม้แต่นิ้วของตัวเองก็ยังไม่ได้กล้ำกลายเข้าไปเลย แต่อย่างว่าแหละ มนุษย์นะไม่ใช่ก้อนอิฐ ถ้าจะเรียกว่าใจแตกก็พอได้ เพราะทุกอย่างที่ต้องการอยากรู้อยากเห็น หนูได้จากในเน็ตทั้งนั้นเลย หนำซ้ำยังต้องตอบคำถามเพื่อนสาวที่อยู่ห้องเดียวกันอีก หนูรู้อะไรดี ๆ เยอะ แต่ก็อย่างว่าแหละ หนูเก่งนะ แต่เก่งแค่ทฤษฎี แต่เรื่อง " ปฏิบัติ " นั้น ไม่รู้เรื่องเลย.



หนูอายจังค่ะ 3

ที่บ้านพักบังกะโลริมชายหาดที่เต็มไปด้วยความเป็นธรรมชาติอย่างสุด ๆ ผู้คนไม่พลุกพล่าน แต่ก็ไม่ใช่ว่าโดดเดี่ยวเดียวดาย พวกเราทั้ง 4 คนมาเที่ยวเล่นต่างจังหวัด ก็นาน ๆ มาครั้ง เนื่องจากเวลาทั้งของพ่อและของแม่ไม่ค่อยมีวันหยุดตรงกันหลายวันมากนัก หนูสนุกกับการเล่นน้ำทะเลเป็นยิ่งนัก เคยคุยกับเพื่อน ๆ ว่าอยากมาเที่ยวเล่นน้ำทะเลกัน แต่ไม่มีโอกาสจะมา คราวนี้หนูได้มากับครอบครัวก่อนแล้ว กลับไปจะไปเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง จะไปเล่าให้เพื่อน ๆ อิจฉากับเลยแหละ ซึ่งคราวนี้พวกเรามีโปรแกรมอยู่กันอย่างน้อยก็ 2-3 คืน เรียกว่าทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในเมือง คงไว้กับความสุขสนุกอย่างสุด ๆ เต็มที่

วันแรกที่มาถึงก็บ่ายเย็นแล้ว หลังจากเล่นน้ำแล้ว พวกเราก็กลับมาอาบน้ำอาบท่ากัน ที่บังกะโลนี้ห้องน้ำค่อนข้างแคบ แค่สองคนก็อึดอัดแล้ว ไม่เหมือนที่บ้าน เข้าไป 4 คนแล้วยังเหลือได้อีกสบาย ๆ ยังดีที่นี่มีห้องน้ำรวมอยู่ใกล้ ๆ ห้องพัก แต่ละคนจึงแยกย้ายไปอาบกันคนละห้องเนื่องจากแต่ละคนล้วนหิวอย่างเต็มที่ตาแทบลาย พ่อกับแม่เสียสละเข้าอาบที่ห้องน้ำรวม หนูกับน้องได้ใช้ห้องน้ำในบังกะโล ในนี้ไม่มีอะไรมาก เป็นหลังแบบหลังเดียว เปิดประตูจากส่วนที่นั่งเล่นด้านหน้าเข้าไปก็เป็นเตียงนอนขนาดใหญ่สองเตียง แล้วก็ห้องน้ำอยู่อีกมุมนึงของห้อง หนูกับน้องชายแย่งกันเข้าห้องน้ำเป็นที่สนุกสนาน แต่ยังไงน้องชายก็ไม่ยอม จะต้องอาบก่อนหรืออาบพร้อมกันอยู่ดี

สรุปหนูอาบน้ำพร้อมกันกับน้องชาย ซึ่งเค้าก็โตแล้วนะ โตกว่าเดิมมาก หนูก็เกือบ 14 น้องก็ 9 ปีแล้ว แต่ด้วยความคุ้นเคย น้องเค้าแก้ผ้าล่อนจ้อนอย่างไม่อายกัน หนูน่ะเหรอตอนแรกก็ตักอาบมันทั้งชุดเลย แล้วค่อยถอดเสื้อยืดออก ถอดกางเกงขาสั้นออก จนเหลือเสื้อซับในกับกางเกงใน หนูไม่กล้าถอดหมดหรอก อายน้อง อาบน้ำไปความรู้สึกเหมือนครั้งแต่ก่อนก็กลับมา หนูรู้สึกอบอุ่น รู้สึกกลมกลืน รู้สึกเป็นกันเอง นี่หนูก็ไม่ได้อาบน้ำด้วยกันแบบนี้มานานแล้ว อาบไปอาบมาก็รู้สึกดีเหมือนกัน ว่าแล้วก็รีบ ๆ อาบ เพราะหิวมากแล้ว

ความรู้สึกตัวเองเวลาอาบน้ำที่ต้องมีเสื้อผ้ามาสวมใส่แบบนี้มันรู้สึกขัด ๆ ยังไงพิกล เวลาถูสบู่ก็ลำบาก ช่วงบนก็ต้องสอดมือเข้าไปฟอกสบู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ช่วงล่างก็ต้องล้วงมือเข้าไปในกางเกงใน มือตัวเองที่ต้องลูบไล้เข้าด้านหน้า กางเกงในที่ต้องอ้าออกด้วยมือที่ต้องสอดใส่ ก้มมองลงไปก็เห็นลึกตามเข้าไปด้วยเหมือนกัน เวลาฟอกสบู่ที่บั้นท้ายก็คล้าย ๆ กัน เอวกางเกงในถูกอ้าออกด้วยมือที่สอดใส่เหมือนกัน ก็ต้องหันอีกด้านไม่ให้น้องชายเห็น มันน่าอาย เวลาล้างสบู่ออกก็ลำบาก มันเหมือนยังออกไม่หมด รู้สึกสบู่ยังติดอยู่กับเสื้อซับในติดอยู่กับกางเกงใน มันยังลื่น ๆ อยู่ ซึ่งก็ต้องคอยแย่งน้ำจากฝักบัวกันกับน้องชายที่สนุกสนานมากที่ได้แกล้งหยอกล้อกันตามประสาพี่น้องแม่เดียวกัน

สังเกตดูไอ้จู๋ของน้องมันแข็งตัวเล็กน้อย ทั้ง ๆ ที่มันมีขนาดเล็กนิดเดียวตามวัย ดูแล้วก็น่ารักดีเหมือนกัน ก้มมองดูของตัวเอง กางเกงในที่บางอยู่แล้วเวลาโดนน้ำเข้าไปอีก มันก็แนบเนื้อเลย นอกจากที่มันจะแสดงออกมาถึงความโหนกนูนของจิ๋มหนูแล้ว เส้นขนไม่กี่เส้นที่เพิ่งขึ้นได้ไม่ยาวและไม่เยอะนักก็มองเห็นได้แม้จะไม่สังเกต เช่นเดียวกันร่องจิ๋มที่กางเกงในแนบเนื้อชิดสนิทผิวก็เปรียบเหมือนไม่ได้สวมใส่กางเกงในไว้เลย สามารถมองเห็นได้อย่างสบาย ๆ เช่นเดียวกัน ว่าแล้วหนูก็รีบอาบน้ำให้เสร็จด้วยเวลาอันรวดเร็ว หนูคว้าผ้าขนหนูมาห่อตัวแบบหลวม ๆ พร้อมกับถอดเสื้อซับในและกางเกงในออกแล้วจึงผูกผ้าขนหนูให้แน่นกว่าเดิม ก่อนออกจากห้องน้ำหนูซักเสื้อซับในกับกางเกงในด้วยน้ำเปล่าแล้วปล่อยให้น้องชายอาบน้ำต่อตามลำพัง

คิดดูเร็วหรือเปล่ายังไม่มีใครอาบน้ำเสร็จเลย หนูเช็ดตัวทาแป้งแล้วหาเสื้อผ้าสวมใส่ไว้รอคนอื่น ๆ แม้จะไม่สะดวกเท่าไหร่นัก เพราะถ้าเป็นที่บ้าน หนูเองจะมีห้องส่วนตัว อาบน้ำเสร็จนอกจากจะเช็ดตัวให้แห้งแล้ว ยังมีเวลาที่จะแก้ผ้าผึ่งพัดลมให้เนื้อตัวแห้งสบาย แล้วค่อยบรรเลงแป้งและเครื่องประทินผิวชนิดต่าง ๆ แบบสบาย ๆ ไม่ต้องเร่งรีบอะไร มาที่นี่ก็ต้องรีบ เนื้อตัวยังแห้งไม่ค่อยดีนักก็ต้องทาแป้งหาเสื้อผ้าสวมใส่ เสร็จแล้วก็จะออกไปนั่งรอที่เก้าอี้ริมระเบียงด้านหน้าบังกะโล กำลังเปิดประตูออกไปเหลือบเห็นน้องชายอาบน้ำเสร็จพอดี กำลังเดินออกมา แหมเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เดินออกมาล่อนจ้อนเลย ทำยังกับอยู่ที่บ้าน หนูแซวเค้า บอกว่าดูซิคนข้างนอกเยอะแยะเลยไม่อายเค้าเรอะงัย ว่าแล้วหนูก็ทำทีอ้าประตูให้กว้างขึ้น น้องชายท้าทายวิ่งมาที่ประตูพร้อมบอกเอ้าใครอยากดูก็ดูเลย แหมทะเล้นจริง ๆ เจ้าน้องคนนี้

ระหว่างที่หนูกำลังจะออกจากห้องไปรอด้านนอก น้องชายตัวดีก็บอกกับหนูทำนองว่าให้หนูเข้ามาข้างในก่อนจะทำอะไรให้ดู หลังจากคะยั้นคะยอครั้งสองครั้งหนูเลยเปลี่ยนใจที่จะออกไป ในห้องน้องชายที่แก้ผ้าล่อนจ้อนต่อหน้าหนูซึ่งก็ค่อนข้างปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือเค้าจับไอ้จู๋ของเค้าเล่นแล้วชักว่าวให้หนูดู เค้าบอกว่าเค้าทำตามพ่อ เคยเห็นพ่อเค้าทำ ถ้าถามถึงหนูเองนั้นก็เคยเหมือนกันนะตอนที่แม่กับพ่อเค้าหยอกเล่นกันน่ะ เค้าก็ทำอะไรประมาณเนี้ย โดยเฉพาะอีตอนของพ่อแข็งตัว แม่ก็จะจับของพ่อแล้วก็ทำอย่างนี้แหละ แต่นี่มันอะไรกัน นอกจากเป็นเด็กเป็นเล็กอยู่ แล้วขนาดได้จู๋ของน้องชายก็ยังเล็กอยู่ด้วย มันก็แข็งตัวบ้างเหมือนกันนะ เพราะเห็นตอนปล่อยมือ ไอ้จู๋ของน้องชายก็ยังชี้โด่ชี้เด่อยู่ ทันทีที่รู้ว่าน้องชายจะให้ดูสิ่ง ๆ นี้เพียงเท่านั้น หนูก็ดุแล้วเร่งให้น้องชายรีบเช็ดตัวแล้วหาเสื้อผ้ามาสวมใส่ พร้อมกับหนูที่เดินออกไปรออยู่ด้านนอก

เสร็จจากอาหารมื้อเย็นตอนหัวค่ำที่พวกเราทั้ง 4 คนลุยกันซะเต็มที่ด้วยความหิวอย่างสุดชีวิต หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนเป็นธรรมดา แม้หนูเองกับน้องจะง่วงและเพลียก็ตาม ก็ยังถูกคะยั้นคะยอให้นั่งกินบรรยากาศอยู่ริมทะเลต่อ ใช่ แม่กับพ่อน่ะมีความสุขดีอยู่หรอก แต่หนูน่ะสิง่วงจะตายอยู่แล้ว หลังจากรบเร้าอยู่นานสองนาน แม่กับพ่อก็พาหนูและน้องเข้านอนก่อน ส่วนแม่กับพ่อนั้นนั่งคุยกันอยู่ที่ระเบียงหน้าบังกะโล ส่วนหนูหลับไปตั้งแต่หัวถึงหมอนแล้ว เสื้อผ้าก็ไม่ได้เปลี่ยน ฟันเฟินก็ไม่ปรงไม่แปรงมันแล้ว เวลาง่วงเต็มที่แล้วมันก็อย่างนี้แหละ อะไรมาแลกก็ไม่ยอม

มาเคลิ้ม ๆ อีกที รู้สึกตัวตื่นตอนกี่โมงกี่ยามก็ไม่รู้ เหลือบไปที่เตียงแม่ก็เห็นกำลังนัวเนียกับพ่ออยู่ บรรยากาศในห้องพอมีแสงให้เห็นได้ค่อนข้างชัด ทั้งคู่เปลือยกายล่อนจ้อน ก็ถือว่าปกติสายตา แต่ไม่ปกติก็คือเตียงหนูที่นอนอยู่กับน้องชายนั้นอยู่ไม่ห่างกันนักกับเตียงของแม่ ซึ่งหนูเห็นกิริยาท่าทางได้อย่างถนัดสายตาที่สุด ภาพแรกที่ได้เห็นคือแม่เป็นฝ่ายกำลังบรรจงหอมแก้มพ่อและเลื่อนใบหน้าลงต่ำมาเรื่อย ๆ จากคางลงสู่หน้าอกและลงต่ำไปเรื่อย ๆ สิ่งที่คิดว่าคงไม่ กลับกลายเป็นจริง แม่กำลังอมไอ้จู๋ของพ่อ พร้อมกับขยับปากขึ้นลง ๆ อย่างเป็นจังหวะ หนูนอนนิ่ง ไม่กล้าขยับตัว ตาที่หรี่ดูเพียงเล็กน้อย คล้าย ๆ กับว่าจะหลับตาซะเลยก็ยังไม่ทำ จะลืมตาให้เต็มที่ก็กลัว ก็เลยต้องนิ่งเอาไว้อย่างนั้น

หนูอายจังค่ะ 2

หนูมีความรู้สึกอาย รู้สึกหวง ไม่อยากให้ใครได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของหนู อีกอย่างเวลาหลังเลิกเรียนหนูก็กลับบ้านช้ากว่าเดิมบ้าง ทั้งอยู่เล่นที่โรงเรียนทั้งอยู่เล่นบ้านเพื่อนระหว่างทางอะไรหลายอย่าง ตอนเช้าก็อาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียน เรียกว่าจันทร์ถึงศุกร์ก็ไม่ค่อยมีเวลา ยิ่งเสาร์อาทิตย์ก็มักออกเล่นบ้านเพื่อนบ้าง เพื่อนมาบ้านบ้าง ตามประสาเด็กสาวที่กำลังรักสวยรักงาม

ส่วนที่บ้านนั้นก็คล้าย ๆ เดิม หนูยังเห็นอยู่เรื่อย ๆ เริ่มโตมาก็พอนึกคิดได้บ้าง รู้สึกว่าพ่อกับแม่จะชอบแนวนี้เป็นพิเศษ หนูไม่ได้เห็นพ่อกับแม่แค่อาบน้ำพร้อม ๆ กันแค่กับหนูกับน้องชายแค่นั้น แม้ตอนนี้หนูจะไม่ได้อาบน้ำพร้อม ๆ กัน แต่น้องชายที่ดูโตแล้วก็ยังอาบน้ำพร้อม ๆ กันอยู่ เท่านั้นไม่พอ หนูยังเห็นแต่ละคนเดินโทง ๆ กันออกมาจากห้องน้ำ ออกมายืนเช็ดตัวแต่งตัวแบบล่อนจ้อนอยู่นอกห้องน้ำ ซึ่งถามว่าแปลกมั้ยก็คงตอบว่าไม่แปลกหรอกเพราะแต่ก่อนสมัยหนูอาบน้ำด้วยกันก็แบบนี้แหละ แต่หนูว่าตอนนี้ไม่เหมือนตอนนั้นแล้วนะ หนูเองก็โตแล้ว น้องชายก็เริ่มโตแล้ว ไม่รู้สิบอกไม่ถูก

เท่านั้นยังไม่พอ หลายครั้งที่เห็นพ่อหรือแม่เดินออกมาจากห้องแบบที่แก้ผ้าเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการออกมาเข้าห้องน้ำก่อนเข้านอน ไม่ว่าจะเป็นการตื่นกลางดึกมาเข้าห้องน้ำหรือกินน้ำ หรือตอนเช้าที่ตื่นขึ้นมา หลายครั้งหรือแทบจะเรียกว่าเป็นประจำก็ยังได้ที่ทั้งพ่อและแม่เดินเปลือยกายล่อนจ้อนออกมาจากห้อง ทั้งออกมายืนชงกาแฟ ทั้งนั่งจิบกาแฟที่โซฟา ทั้งเดินไปเดินมา หนูเห็นแทบจนชินสายตาทั้งพ่อและแม่ แต่ก็อดนึกไม่ได้ เพราะมันรู้สึกแปลกถ้าต้องเทียบกับครอบครัวอื่น จริง ๆ หนูไม่รู้หรอกว่าของคนอื่นเป็นยังไงบ้าง แต่เท่าที่เคยคุยกันกับเพื่อน ๆ หรือจากสื่อต่าง ๆ ก็ไม่เห็นเค้าทำกันอย่างนี้

แล้วก็เคยเห็นนะไม่ใช่ไม่เคยเห็น ไอ้จู๋ของพ่อเลี้ยงน่ะ บางครั้งมันก็แข็งตัว ใหญ่กว่าเดิมตั้งหลายเท่า บางครั้งก็เหี่ยวหดหัวห้อยเดินโตงเตง ๆ ไปมา แม่เองก็ชอบซะเหลือเกินที่จะหยอกล้อกันกับพ่อ จับโน่นจับนี่ หยอกเย้ากระเซ้าแหย่ บางครั้งเหมือนหนูกับน้องชายไม่ได้อยู่ด้วยกันในบ้านหลังนี้เลย ก็เรียกว่าทำเอาหนูเขินไปบ้างก็มีเหมือนกัน แต่ก็อย่างว่า เห็นแม่มีความสุขดีก็ดีไปด้วย แล้วน้องชายหนูก็ชักติดนะ แม้จะยังไม่โตเท่าไหร่นัก เห็นเสาร์อาทิตย์นั่งดูการ์ตูนดูหนังอยู่หน้าทีวีก็แก้ผ้านั่งดูอยู่อย่างนั้นแทบทั้งวัน ไม่รู้สึกหนูเห็นแต่ละคนแก้ผ้าอยู่ในบ้านซะชินตาแล้ว บางครั้งก็ต้องเรียกว่าเอียนก็มีเหมือนกัน

หนูเองก็ถูกชักชวนทั้งจากแม่และพ่อ รวมถึงน้องชายด้วยเหมือนกัน แต่หนูเองก็ปฏิเสธอยู่เรื่อยไปโดยทำตัวเป็นเร่งรีบที่จะออกไปข้างนอกตามนัดกับเพื่อน ๆ ที่นัดกันไว้แล้ว อะไรประมาณนั้น หรือเสาร์อาทิตย์ก็จะรีบตื่นมาเข้าห้องน้ำก่อน รีบอาบน้ำก่อน ซึ่งก็มีเหมือนกันในจังหวะที่หนูกำลังนั่งส้วมอยู่ แล้วแต่ว่าใครเร่งรีบ ก็จะมายืนอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำซึ่งเป็นประตูเดียวกัน แม้น้ำที่อาบจะไม่กระเด็นก็ตามทีแต่หนูก็รู้สึกมันขัด ๆ กัน อึไม่ออก ไม่เหมือนคนอื่น ๆ หนูกำลังอาบน้ำอยู่คนเดียว ด้วยความปวดจนทนไม่ไหวโดยเฉพาะน้องชาย เค้ารีบแจ้นมานั่งส้วมเลย หลายครั้งที่หนูเองก็ยังไม่เรียบร้อย แต่ก็ต้องถอนตัวจากการอาบน้ำออกไป เนื่องจากอายน่ะนะ

แล้วอีกอย่างที่เห็นออกบ่อย คือทั้งพ่อและแม่เค้าชอบแต่งขนตรงนั้นกัน บางครั้งก็เล็มขนซะบางติดเนื้อเลย บางครั้งก็โกนออกเลยก็มีให้เห็น หนูล่ะอ๊ายอาย อายแทนเลย ก็เวลาที่เค้าโกนออกแบบเกลี้ยงเกลาเลยน่ะนะ มันเหมือนของเด็กเลย เห็นของแม่หนูก็นึกถึงตัวหนู เห็นของพ่อก็นึกถึงของน้องชาย แรก ๆ ที่เห็นหนูก็รู้สึกขัด ๆ ในตา รู้สึกไม่กล้ามอง ทำเป็นไม่เห็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่หลัง ๆ มานี่เห็นจนบ่อย เห็นอยู่เรื่อย จนค่อยข้างเป็นเรื่องปกติ บางครั้งก็เห็นเวลาอาบน้ำพร้อมกันทั้งสามคน ซึ่งประตูห้องน้ำก็ไม่ค่อยปิดกันแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว เดินผ่านก็ต้องเห็น นั่นเลยทั้งสามคนช่วยกันโกนช่วยกันเล็มกันยกใหญ่ ก็ชินตาแล้วล่ะ นี่ยังดีนะที่เวลาเพื่อนหนูมาเที่ยวเล่นที่บ้าน พ่อกับแม่ยังสวมใส่เสื้อผ้ากันบ้าง ไม่มีแก้ผ้าล่อนจ้อนโฉบไปโฉบมาให้หนูต้องอายเพื่อน ๆ จะมีบ้างก็น้องชายของหนูที่ไม่สนไม่อายสายตาใคร ซึ่งเพื่อน ๆ ก็มองว่าน้องชายหนูก็ยังเป็นเด็กอยู่ ก็ไม่ได้คิดอะไร

แต่สิ่งที่ทะลึ่งสุด ๆ คือ ไม่ว่าหนูกับน้องชายจะอยู่หรือไม่อยู่ คือถ้าอยู่พ่อกับแม่ก็เล่นหยอกกันเหมือนกับว่าหนูกับน้องไม่ได้อยู่ด้วยตรงนั้น ไม่แคร์สายตาไม่แคร์ความรู้สึกที่หนูกับน้องจะได้เห็น คือเรือนร่างอันเปลือยเปล่านั้นน่ะเห็นกันมานักต่อนักแล้ว แต่ลึกซึ้งกว่านั้นคือการหยอกล้อเล่นกันระหว่างพ่อกับแม่ เล่นกันไปเล่นมา ไอ้จู๋ของพ่อมันแข็งตัวขึ้นมา แม่ก็ยังจับเล่นต่อ บางครั้งก็บอกให้พ่อจับไอ้จู๋ให้แม่เค้าดู อะไรประมาณเนี้ย ซึ่งหนูกับน้องก็อยู่แถว ๆ นั้น โดยเฉพาะน้องชายหนูที่เห็นเวลาเล่นอะไรกันอย่างนั้น ก็มักที่จะเข้าไปนั่งดูใกล้ เข้าไปถามไปซัก ตามประสาเด็กวัยกำลังเรียนรู้ หนูเองที่ไม่ได้แค่เห็น แต่กลับได้ยินได้ฟังคำอธิบายที่พ่อและแม่พูดบอกให้น้องชายได้ฟังด้วยความเป็นธรรมชาติ สอนให้รู้จักตัวเอง ให้รู้จักความเป็นธรรมชาติ

ซึ่งเจตนานี้ไม่ใช่แค่สอนกับน้องชายเพียงอย่างเดียว กับหนูด้วยเหมือนกัน ที่หนูรู้จักอะไร ๆ เกี่ยวกับอวัยวะ ความรู้สึก ความต้องการ การจัดการ ก็มาจากปากพ่อกับแม่เนี่ยแหละ แรก ๆ ที่หนูได้ยินได้ฟังนะ หนูอายหน้าแดงเลย แต่ก็ดีเป็นความรู้ดี แต่หนูรู้สึกว่าหนูจะแก่แดดกว่าเพื่อน แต่หนูก็ไม่ได้แสดงออกอะไรนะ หนูรู้อยู่แก่ใจตัวหนูดี แค่กวาดสายตาไปทางไหนก็พอรู้ไปหมด มองไปทางเพื่อนสาวก็รู้ว่าข้างในเป็นยังไง มองไปทางเพื่อนชายทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่ ก็รู้ดีว่าสิ่งที่อยู่ข้างในมันเป็นยังไง รู้ว่าเค้าจะเป็นยังไงถ้ามีความต้องการอะไรอย่างนั้นขึ้นมา อะไรประมาณเนี้ย

หนูอายจังค่ะ




เป็นความอับอายอย่างสุด ๆ เหนือเกินกว่าจะบรรยายได้หมด มันเป็นความทรงจำที่ติดตัวหนูมาตลอด เกิดขึ้นเมื่อครั้งหนูยังเด็ก ๆ พ่อทิ้งพวกเราไปนานแล้วตั้งแต่หนูยังเด็ก ๆ อยู่ ในฐานะพี่สาวคนโตและมีน้องชายวัยห่างกัน 5 ปีที่เกิดกับพ่อคนใหม่และย้ายเข้ามาอยู่กินกับแม่ในบ้านหลังเดียวกันนี้ แม้จะดูอบอุ่นดีที่อยู่กันครบหน้า 4 คน แต่ความสัมพันธ์ของแต่ละคนในเบื้องลึก แม้หนูจะยังเด็กอยู่ก็พอรู้สึกได้บ้างว่านี่ไม่ใช่พ่อแท้ ๆ ของหนู นี่ไม่ใช่น้องชายหนูแท้ ๆ เต็มตัว แค่เกิดจากแม่คนเดียวกัน

แต่บรรยากาศโดยรวมพวกเราทั้งหมดก็สนิทกันดี ส่วนนึงก็มาจากฐานะของพ่อเลี้ยงคนใหม่ที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ในครอบครัว เรื่องค่าใช้จ่าย เรื่องข้าวของเครื่องใช้จึงไม่เป็นปัญหา ทุกวันเวลาจึงผ่านไปด้วยความเป็นปกติดี แต่ที่ไม่ค่อยปกติคือเมื่อหนูรู้สึกตัวเองกำลังจะผ่านวัยเด็กซุกซนก้าวล่วงสู่วัยก่อนแตกเนื้อสาว ความคิดความอ่าน ความผิดปกติในร่างกายและความรู้สึกเป็นตัวบอกได้ดี การเรียนรู้และซึมซับจากภายนอกจึงเกิดขึ้นมากกว่าเดิมที่ผ่านมา

แต่เดิมก็ไม่ได้คิดอะไรอาจเพราะยังเด็กอยู่มาก แม่รักหนูมากเพราะเป็นลูกสาวคนแรกและคนเดียว แม่ดูแลหนูมาเป็นอย่างดีตั้งแต่พ่อหนูยังไม่ทิ้งพวกเราไป หลังจากพ่อแท้ ๆ จากหนูไปแล้วแม่ก็ยังดูแลและรักหนูเหมือนเดิม ซ้ำดูจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำไป หนูอาบน้ำกับแม่มาตั้งแต่หนูยังเด็ก ๆ แล้ว เวลาผ่านไปทำให้หนูมีความรู้สึกเป็นปกติเป็นส่วนนึงของชีวิต เรือนร่างเปลือยเปล่าของสองแม่ลูกที่อาบน้ำด้วยกันมาเป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อพ่อเลี้ยงและน้องชายที่กำลังตั้งท้องขึ้นมาได้ย้ายเข้ามาอยู่บ้านเดียวกัน หนูเองแม้ยังเด็กมากเกินกว่าจะรับรู้อะไร ๆ นอกจากภาพที่เห็น จึงยังไม่ได้คิดอะไร

เห็นแม่มีความสุขดี ทุกอย่างก็ดีไปด้วย รวมถึงหนูเองด้วยเช่นกัน ตอนที่แม่ยังท้องอ่อน ๆ ไม่ใหญ่มากนักหนูก็ยังได้อาบน้ำกับแม่เหมือนเดิม หนูตื่นเต้นมากที่จะได้เลี้ยงน้องที่อยู่ในท้องแม่ ทุกวันหนูเฝ้ารอดูน้องที่นับวันท้องจะใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนแม่คลอดได้เดือนสองเดือนหนูก็ไม่ค่อยได้อาบน้ำกับแม่แล้ว หลายครั้งก็จะอาบน้ำเองหรือบางทีแม่ก็จะอาบน้ำให้ แต่แม่ก็ไม่ค่อยได้อาบน้ำพร้อมหนู จวบจนแม่คลอดน้องชายคนนี้ออกมา หนูตื่นเต้นมากรวมทั้งพ่อเลี้ยงของหนูซึ่งเป็นพ่อแท้ ๆ ของน้องเค้า และแน่นอนแม่ของหนูก็ดีใจและตื่นเต้นไม่น้อยเหมือนกันที่ได้น้องชายคนนี้ตามที่คาดหวัง

ทุกอย่างดำเนินต่อไปด้วยขั้นตอนการใช้ชีวิตครอบครัวแบบปกติสุข หลังจากน้องชายพอคลานได้ พอโตขึ้นมาหน่อย แม่พาน้องชายอาบน้ำรวมทั้งหนูที่เข้าอาบน้ำด้วยเหมือนเดิม แต่มีเพิ่มเข้ามาอีก คือพ่อเลี้ยงที่เข้ามาอาบน้ำด้วยกันทั้งหมด 4 คน แรกเริ่มเลยนั้นหนูเองตอนนั้นอายุได้เพียงประมาณ 6-7 ปี ก็ยังเดียงสาในเรื่องต่าง ๆ อยู่ ด้วยความสนิทสนมรักใคร่กลมเกลียวกันมาจึงทำให้ค่อนข้างปกติ จะแปลกตาบ้างก็ตอนแรก ๆ ที่ได้เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็น แต่ก็ยังไม่ได้คิดอะไรเพราะยังเด็กอยู่

แม้จะไม่ใช่บ่อยหรือทุกครั้งไปที่อาบน้ำด้วยกันสี่คน แต่พอหนูโตมาสิบปีเศษแล้วก็ยังมีกิจกรรมเข้าอาบน้ำด้วยกันอยู่ อีช่วงนี้หนูเองเริ่มมีความคิดเห็นที่แปลกหูแปลกตาออกไปแล้ว แม้จะรู้สึกขัด ๆ อยู่บ้าง แต่เมื่อแม่ของหนูเองก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือขัดข้องแต่อย่างใด หนูด้วยความคุ้นเคยและในฐานะลูกจึงไม่ได้ขัดข้องด้วยเหมือนกัน หนูเห็นในความแตกต่างของทั้งอวัยวะที่ต่างกันของแต่ละเพศและในขนาดที่ต่างระหว่างวัย แม่หนูมีทั้งหน้าอกและเรือนร่างที่สมส่วนเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว แต่ด้วยวัยที่ไม่มากนักรวมถึงหน้าตาและรูปร่างที่ยังสาวสะพรั่งอยู่ จึงเป็นที่หมายปองของหนุ่ม ๆ หลาย ๆ คนแม้จะมีหนูแล้วคนนึงก็ตามที จนมาเจอพ่อเลี้ยงคนนี้ แม่มีพ่อหนูตั้งแต่ยังวัยรุ่นอยู่ แต่ด้วยการตัดสินใจที่ผิดพลาดจึงต้องลงเอยด้วยแบบนี้

ต่างกับของหนูที่ทุกอย่างยังเด็กอยู่ หน้าอกก็มีแค่ตุ่มเม็ดหัวนมปูดบวมแค่นั้น ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเหมือนวัยแตกเนื้อสาวหรือวัยรุ่นกัน ตรงเนินจิ๋มยังเนียนโล่งปราศจากขนขึ้นเหมือนของแม่ แม้จะยังดูเด็กอยู่ก็ตาม แต่ความรู้สึกส่วนตัวก็รู้สึกอายรู้สึกหวงไม่อยากให้ใครได้เห็นเรือนร่างของตัวเองที่ล่อนจ้อนอย่างนี้ ส่วนของพ่อเลี้ยงที่หนูเองก็โตมาด้วยกันแบบปกติจึงไม่ได้มีความรู้สึกห่างเหินแบบพ่อเลี้ยงลูกเลี้ยง ความผูกพันธุ์ร่วมกันมาพร้อมหน้าพร้อมตาจึงผูกมิตรกันมาเหมือนเป็นผู้ให้กำเนิดหนูมาด้วยเช่นกัน ด้วยหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่วัยเด็กไม่รู้อีโหน่อีเหน่จวบจนโตมาพอรู้เรื่องรู้ราวมากขึ้น เรือนร่างอันเปลือยเปล่าล่อนจ้อนของพ่อเลี้ยงจึงเป็นที่คุ้นตาพอสมควร

หุ่นพ่อตัวเล็ก ๆ ขาว ๆ สุภาพเรียบร้อย ใจดีและมีน้ำใจ ยิ้มแย้มแจ่มใส ขยัน ทำงานสารพัดทั้งงานนอกบ้านและงานในบ้าน เป็นหัวแรงหลักของที่บ้าน โดยที่แม่และลูก ๆ ทั้งสองไม่ต้องเดือดร้อนหรือออกแรงทำอะไรให้ต้องเหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใด ยามที่พ่อแก้ผ้าออกจนเหลือแต่ตัวเปล่า ๆ ที่อยู่ในห้องน้ำพร้อมหน้าพร้อมตากัน สิ่งที่เห็นแตกต่างที่พอรู้คือผู้ชายไม่มีหน้าอกที่ออกล้นเป็นลูก ๆ ออกมาเหมือนของผู้หญิง แต่สิ่งที่ทดแทนคือเบื้องล่างที่เป็นดุ้นห้อยออกมาเหมือนงวงช้างโดยมีขนขึ้นปกคลุมพื้นที่ตรงเนินและมีไข่ห้อยเป็นพวง บางครั้งหดบางครั้งเหี่ยว ได้แต่เห็น ส่วนคำถามหรือข้อสงสัยก็ได้แต่เก็บไว้ภายใน ไม่กล้าถามใครแม้กระทั่งแม่แท้ ๆ ของตัวเอง

ส่วนของน้องชายที่แม้จะโตพูดคุยรู้เรื่องถึงวัยเข้าเรียนแล้วก็ตาม อย่างว่าแหละเด็กก็คือเด็ก เนื้อตัวล่อนจ้อน ไอ้จู๋เล็กกระจิ๊ดเดียว เห็นแล้วก็น่ารักดี พวกเราทั้งสี่คนอาบน้ำพร้อม ๆ กัน โดยแม่จะเป็นตัวหลักที่เป็นคนคอยถูสบู่ล้างตัวให้กับทั้งหนูและน้อง ซึ่งพ่อเลี้ยงก็เป็นคนอาบน้ำให้ทั้งกับหนูและน้องด้วยเหมือนกัน เวลาผันผ่านมาทำให้หนูเองไม่รู้สึกปฏิเสธน้ำมือรสสัมผัสที่พ่อลูบไล้สบู่ตามเนื้อตัวให้หนู กลับกันหนูต่างรู้สึกดีด้วยซ้ำไปที่ทั้งพ่อและแม่อาบน้ำให้หนู กิจกรรมในห้องน้ำที่อาบน้ำพร้อมหน้ากันทั้ง 4 คน เป็นช่วงเวลาที่หนูเองรู้สึกสนุกและเพลิดเพลินไปด้วยทุกครั้ง จนเหมือนรู้สึกว่าถ้าช่วงเวลาไหนมันผ่านไปโดยที่พวกเราทั้ง 4 คนไม่ได้อาบน้ำด้วยกันเกินวันสองวัน หนูจะรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปซักอย่างในชีวิต



หนูอายุได้ 13 ปีแล้ว แต่ก็ห่างเหินกิจกรรมอาบน้ำร่วมกันมาปีกว่าแล้ว ห่างเหินกิจกรรมที่หนูจะต้องเปิดเผยเรือนร่างให้พ่อ แม่ รวมทั้งน้องชายให้ได้เห็น เนื่องจากหนูมีความรู้สึกที่ผิดแผกออกไป สังเกตจากเพื่อน ๆ ของหนูที่โรงเรียนหลังจากพูดคุยกันประมาณเรื่องพวกนี้ ก็ไม่เห็นมีใครเค้าลึกซึ้งแก้ผ้าโทง ๆ อะไรขนาดนั้น แต่เพื่อน ๆ ก็ไม่รู้เรื่องของหนูหรอกนะ หนูไม่ได้เล่าให้ใครฟังเรื่องพวกนี้ อีกอย่างร่างกายหนูก็รู้สึกเปลี่ยนแปลงไป ทั้งเต้านมที่ออกจะบวมเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นแม้จะยังไม่เป็นเต้านมให้เห็นเต็มที่ สะโพกหนูเริ่มผายออก เอวเริ่มเว้าได้สัดส่วน ผิวพรรณเริ่มเปล่งปลั่งดูกำลังแตกเนื้อสาว ส่วนจิ๋มดูโหนกนูนออกมาอย่างเห็นได้ชัด จนบางครั้งหนูยังรู้สึกเป็นปมด้อยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะเวลาใส่กางเกงขาสั้นหรือใส่กางเกงยีนที่ออกจะรัดรูปเล็กน้อย มันโหนกออกมาเป็นรูปเป็นร่างเลยแหละ แล้วยิ่งตอนใส่กระโปรงนะ เวลาเดินสวนกับลมที่พัดเข้าทางด้านหน้า หนูรู้สึกว่ามันเป็นสัดส่วนอย่างเห็นได้ชัดเลย และที่สำคัญหนูเริ่มมีขนขึ้นตรงนั้นบ้างแล้ว ก็มีขึ้นมานิดหน่อยไม่มากนัก ซึ่งมองดูก็ยังเห็นเป็นร่องเป็นรูปเป็นร่างได้ชัดเจนอยู่

เซ็กในครอบครัวผม จบ

หลังจากที่เมียอาบน้ำเสร็จก็ปลดผ้าขนหนูออกขึ้นมานั่งให้ผมลูบหีเล่น
....ไหนคุณบอกว่าจะให้วรรณดูอะไรค่ะ.....
ผมลุกขึ้นไปเปิด ซีดี ของลูกสาวหให้ดู
....นี่ไงวรรณผมเจอในห้องลูก......
....อ้าวคุณนั้นมันลูกมลนี่.....
ภาพน้องมลนอนร่อนหีอยู่บนเตียงด้วยท่ายั่วยวนใช้มะเขือยาวยัดหีอยู่ ผมกอดเมียลูบหีเมีย
....วรรณลูกเรานีร้อนแรงเหมือนวรรณเลยนะ.....
เมียหยิกผมที่ขา
....แหนะมาว่าววรรณคุณก็ขี้เย็ดเหมือนกันละน่า......
...ลูกมลโตแล้วนะวรรณหีใหญ่ไม่แพ้วรรณเลย.....
ผมแยงสองนิ้วเข้ารูหีเมียใช้หัวแม่มือบี้แตดเมียยกหีขึ้นครางด้วยความเสียวพรางรูดควยผม
....ดูสิเห้นหีลูกมลควยแข็งเชียวนะอยากเย็ดลูกละสิท่า....
ผมบี้แตดเมียหนักขึ้นเมียแอ่นหีขึ้นอีก
....วรรณคุณจะว่าอะไม๊ถ้าเย็ดลูกมล.......
....แล้วแต่ลูกสิคุณถ้าลูกยอมคุณยังให้วรรณเย็ดกับน้องวรรณเลย...แต่ตอนนี้เย็ดวรรณก่อนเถอะนะค่ะวรรณคันหีจังเลย.....
ผมรั้งก้นเมียขี้นซี่งเมียรู้ใจลุกขึ้นยืนเอาหีมาบดกับหน้าผม
....คุรขา...เม้มแตดวรรณหนักๆค่ะเสียวหีจังเลย....
ผมเลียจนเมียน้ำแตกอีกครั้งแล้วจับเมียเย็ดอย่างแรงจนเสร็จพร้อมกันแล้วนอนคุยกัน
...วรรณถ้างั้นวันเสาร์นี้ผมพามลไปเที่ยวนะ......
...แล้ววรรณละค่ะ...
....คุณก็นัดเจ้าพงมาเย็ดที่บ้านสิ.....
เมียผมยิ้มอย่างพอใจแล้วกดโทรศัพท์หาเจ้าพง
....โหลพงเหรอพี่นะวันเสาร์ว่างมั้ยพี่เขาไปต่างจังหวัดมาเย็ดกับพี่นะ.....
เมียผมวางโทรศัพท์แล้วจูบผม แล้วเราก้หลับไปเช้ามาผมเริ่มไกล้ชิดกับน้องมลมากกว่าเก่าไปส่งลูกเรียนเดินโอบไหล่โอบเอวลูกมล ลูกได้แต่ยิ้มให้เหมือนเป็นใจบางครั้งแลบลิ้นยักคิ้วเจ้าชู้ใส่ผมมลแต่งตัวรัดรูปขึ้นกระโปรงสั่นผมนั่งมองขาอ่อนขาวของลูกจนควยแข้ง
ผมบอกลูกว่าวันเสาร์จะพาไปเที่ยวเกาะตะรูเตาลูกดีใจกอดคอผมหอมเสียฟอดใหญ่
วันเสารืผมออกเดินทางแต่เช้าเมียผมออกมาส่งกระซิบที่หูผม..เย็ดกันให้สนุกนะคุณผมขยำหีเมียที่หนึ่งก่อนขึ้นรถน้องมลดูเหมือนจะเตรียมพร้อมดูจากการแต่งตัวใ่สสายเดี่ยวสีขาวโชว์ให้เห้นร่องอกกระโปรงสีส้มสั่นมากผมเห็นแล้วควยตุงเลยระหว่างทางที่ผมขับรถไปน้องมลแอนเบาะนอนผมหันไปดูขาขาวๆพร้อมโหนกหีที่โหนกเห็นชัดลูกมลหันมายิ้มแบบนี้ความหมาย
แบบนี้ถึงที่พักคงไม่ต้องมีอะไรมากผมจ้องแล้วกลืนน้ำลายคงคอลูกมลหันมาพูดกับผม
....จ้องอยู่ได้พ่อนี่เดี๋ยวรถลงข้างทางหรอก......
ผมยิ้มลูกก็ยิ้มให้แบบยั่วผมเพิ่มความหมั่นใจว่าลูกผมต้องโอเคแน่นอน
....มลลูกโตแล้วน่ารักมากอวบมาก.....
....ขอบคุณค่ะพ่อ...ยิ้มให้ผมเสียหวานเชียวขับรถไปเรื่อยๆหันกลับมาอีกทีลูกผมแกะดุมเสื้อออกเม็ดเผยให้เห้นก้อนนมขาวอย่างชัดโอ้ช่างร้อนแรงไวไฟจริงลูกผมผมเรียก
.....มล...
...ค่ะพ่อ...พร้อมรอยยิ้ม
....พ่อจับได้มั้ย....มลยิ้มไม่มีคำตอยแต่มลเอามือจับมือผมไปวางบนหน้าอกน้องมลผมลูบและล้วงขยำลูกหลับตาแอ่นอกให้ผมผมมองเนินหีของลูก
มลลากมือลงไปที่หีเต็มมือเลยครับควยผมแทบระเบิดออกผมเลิกกระโปรงขึ้น..โอ้น้องมลไม่ได้ใส่กางเกงในหีขาวมากและแฉะด้วยผมปาดเอาน้ำแฉะของลูกมาเลีย
.....มลลูกพ่อ.....
....ขาพ่อ....
....น้ำหีลูกอร่อยจัง.....มลยิ้มอย่างพอใจผมบอกลูกรีบไปเถอะลูกพ่อจะคลั้งกับหีลูกแล้ว
ผมรีบขับไปโดยแวะโรงแรมที่สตูลเพราะไม่ไหวแล้วผมเปิดห้องโรงแรมพอเข้าห้องลูกกับผมผวาเข้ากอดกันอย่างกระหายยืนดุดปากแลกลอ้นกันอย่างดูดดื่ม
.....มลลูกพ่อ..พ่ออยากเย็ดมากเลยรู้มั้ย......
....ค่ะพ่อมลก้อยากเย็ดกับพ่อค่ะ.....มลแขยงขาขึ้นเบียดโหนกหีกับโหนกควย
มันช่างง่ายและสะดวกเพราะใจตรงกันบัดนี้ความเป้นพ่อลูกไม่มีแล้วผมดันลูกไปที่เตียงน้องมลนอนลงที่ขอบเตียงกอดรัดกับผมแลกลิ้นกันลีลาเด็ดมากไม่แพ้เมียผมเลยลูกมลถอดเสื้อผมออกผมปลดกระดุมเสื้อดันชั้นในเกาะอกขึ้นไปเลียสองเต้าที่อยากสัมผัสมานาน
ลูกมลแอ่นอกด้วยความเสียวเรียกพ่อขา..พ่อขา...ตลอดผมเลื่อนงมาเลียลงมาตามขาขาวจนถึงฝ่าเท้ากลับขึ้นซุกหน้าเข้าขาซึ่งกระโปรงยังไม่ถอดลูกมลถ่างออกหีโหนกๆที่ไร้ขนขาวเยิ้มไปด้วยน้ำเงี่ยนผมเลียกินจนหน้าผมเลอะไปด้วยน้ำหีลูกผมเลียจนลูกมลน้ำแตกติดๆสองครั้ง
ลูกครางเสียงดังลั่นห้อง
.....มลลูกพ่อ..หีลูกสวยมากขาวโหนกน่าเย็ดมาก.......
.....พ่อขา..เย็ดหีมลสิค่ะมลอยากค่ะพ่อ..มลอยากเย็ดกับพ่อ.....
ผมเอาควยจ่อที่รูหีลูกกดควยพอหัวเข้าไปได้นิดหนึ่งลูกมลรั้งคอผมมาอยู่ในท่ากึ่งนั่งมองดูควยผมกับหีเธอ
....พ่อขามลอยาก..เย็ดมลสิค่ะ....
แล้วมลก้เด้งหีขึ้นจนควยผมเข้าสุดลำไม่ยากเพราะควยผมเล็ดกว่ามะเขือยาวอีกภายในโพรงหีลูกผมอุ่นหีลูกสาวผมตอดควยผมดีมาก
...มลหีมลเย็ดแน่นควยจังเลยลูก......
...ค่ะพ่อควยพ่อก็แน่นหีลูก..พ่อเย็ดลูกแรงๆสิค่ะ..พ่อขา..พ่อชอบหีลูกมั้ยค่ะ...
....ชอบสิลูกพ่อพ่อไม่คิดเลยว่าจะได้เย็ดกับลูก..อูยยย...มันส์ควยมากลูกพ่อ....
.....ลูกก็มันส์หีค่ะ.งพ่อขา...เย็ดลูกแรงๆ..อย่างนั้นแหละ..สะใจจริงพ่อขา...ต่อไปนี้พ่อเย็ดลูกบ่อยๆนะค่ะ....
.....ได้เลยลูกมลของพ่อ......
บทสาวทร้อนแรงระหว่างผมกับลูกเป็นอย่างเผ้ดร้อนลูกมลเด้งหีร่อนหีใส่ผมจนน้ำแตกออกไปอีกรอบผมยังกระแทกต่ออย่างแรงจนน้ำควยทลักใส่โพรงหีลูกเรากอดกันเหมือนจะเป็นคนคนเดียวกันบดโหนกหีกับควยดูดปากกันเสร็จสมหวังผมกำลังจะดึงควยออกจากหีลูกลูกมลรั้งเอวผมเอาไว้ไม่ให้ผม
....ไม่ต้องเอาออกพ่อลูกชอบแช่ไว้แบบนี้แหละเดี๋ยวเย็ดมลต่อนะ....พ่อเย็ดเก่งจัง...
ผมก็พลิกให้ลูกนอนทับผมลูกกอดผม
...หนูรักพ่อจังเลย...
เราพักเพื่อหายเหนื่อยควยผมเริ่มฟื้นตัวเพราะการตอดของหีลูกสาวผมกระเด้าขึ้นที่นึงลูกขมิบหีตอบแล้วยิ้มเริ่มขยับสะโพกร่อนกับควยผมได้ผลเริ่มบทสวาทกันใหม่คราวนี้ผมพาลูกเดินเย้ดรอบห้องเลยลูกผมครางเสียงดังสะใจจนเสร้จอีกรอบแล้วเราอาบน้ำออกจากโรงแรมเดินทางต่อ
ระหว่างทางลูกผมเล่าบอกว่าแอบเห็นเม่กับน้าพงเย็ดกันผมเลยให้ลูกฟังแล้วยังบอกว่ากลับไปเราจะนอนห้องเดียวกัน
หนึ่งคืนผมอยู่ที่เกาะเย็ดกับลูกจนหีบวมเป่งเลย




หลังจากที่ผมกับมลลูกสาวใช้เวลาเย็ดกันทั้งคืนในบังกโลบนเกาะตะรุเตาสมอยากกันไปทั้งลูกและผมกลับถึงฝั่งขับรถกลับหาดใหญ่ระหว่างทางมลรูดกางเกงไปอยู่ที่ปลายเท้าแอนเบาะโชว์หีที่ขาวเกลี้ยงไรเส้นหมอยแต่ก็มีรอยบวมเป่งนิดหน่อยผมเองก็ควักควยออกมาผงกหัวยึกๆอยู่เราลูบหีเล่นควยกันไปด้วยลูกมลนอนยิ้มสบายใจตลอดทางหีเริ่มเยิ้มผมลูบเอาน้ำหีลูกมาเลียให้ลูกมลดูลูกมลยิ้มพอใจกับการกระทำของผม
ผมยังไม่อิ่มกับหีลูกสาวผมเลยบอกลูกว่า....ลูกมลอยากมั้ย....ค่ะพ่อ....เราจอดรถเย็ดกันข้างดีกว่านะตื่นเต้นดีออก......ลูกผมพยักหน้าผมขับหาที่เหมาะๆเลียวรถเข้าข้างสำรวจเป็นที่แน่ใจว่าไม่มีคนผ่านผมลงมาเอาผ้าคลุมรถไปปูใต้ต้นไม้ใหญ่ลูกมลพาร่างเปลือยขาวโพลนลงมาจากรถผมรีบเข้านั่งตรงหว่างขาซึ่งลูกสาวถ่างรอในท่ายืนเอามือลุบหีอวดผมผมเลียหีจนลูกน้ำแตกคาปากแล้วถอดเสื้อผ้าผมกองกับพื้นนอนหงายควยแข้งผงาดลุกมลเข้ามาจับควยผมแล้วเลียพร้อมกับการดูดเราอยู่ในท่า69กันอีกครั้งจนผมทนไม่ไหวบอกลูกพอก่อนลูกมลหยุดดูดควยผมหันกลับมาดูดปากกับผมเรากอดรัดฝัดเหวี่ยงอย่างดูดดื่มแล้วลูกมลก้ไปนั่งคร่อมตรงควยผมจับควยจ่อที่รูหีเธอตาเราสบกันอย่างลึกซึ้ง
ผมอัดควยเข้าหีลูกอย่างแรง....โอ็ววว...พ่อขา...เสียวแน่นหีจัง......ลูกมลวนหีบดกับโหนกควยผมตื่นเต้นมากครับเย็ดกันข้างทางเสียงรถวิ่งไปมาผมกับกำลังเย็ดกันอย่างถึงพริกถึงขิงลูกมลเร่งขยับหีอย่างแรงหีตอดควยแรงมาก
.....พ่อขา...หนูไม่ไหวแล้ว...สะใจจังพ่อ...ควยพ่อเย็ดมันจัง...โอววว...ออกแล้วค่ะ..น้ำหีหนูแตกอีกแล้ว.....ผมอัดควยแน่นกับหีลูกลูกผมกอดผมแน่นหีบีบรัดควยอย่าง.....มลลูกพ่อไหวมั้ยพ่อเย็ดต่อนะ....ไหวค่ะพ่อ...เย็ดเลยค่ะหนุชอบ...ผมพลิกมลนอนหงายจับสองขากางออกกระควยเข้าหีลูกอย่างเร้วร่างขาวๆเต้านมกลมๆของลูกสาวซึ่งผมกำลังกระแทกเย็ดมันเป็นความสุขที่ยินยอมกัน....โอวววว...อูยยย.....พ่อขา...พ่อเย็ดมันหีจัง...เย็ดหนูแรงๆอีกค่ะพ่อ....หนูอยากเย็ดกับพ่อทุกวันเลย.....ได้สิลูกมลของพ่อเราจะกันสามคนพ่อแม่ลูกจีะ....หีลูกสุดยอด...โอ๊ะววว....พ่อ..พ่อ..ออกแล้วหีลูกเย็ดดีจังเลย..โอ๊ะ...เย็ด..เย็ด..อออกแล้วลูก...แล้วผมพุ่งน้ำควยเข้าหีลูกอีกครั้งดูดปากแลกลิ้นนอนให้หายเหนื่อยแล้วขับรถกัลบบ้านลูกสาวผมเห้นว่าเวลาค่ำแล้วเลยนอนเปลือยกายพร้อมด้วยคราบน้ำควยที่หว่างขาถึงบ้านเมียผมนั่งดูทีวีรออยุ่ลูกมลเดินแก้ผ้าเข้าบ้านเมียผมทัก....เป็นไงพ่อลูกคู่นี้กันมันละสิท่า....ลูกมลยิ้มให้แล้ววิ่งไปกอดแม่....แม่ค่ะหนูรักพ่อกับแม่มากที่สุดเลย....เมียผมแซว....รักพ่อมากกว่าแม่มั้ง....เป้นไงคุณหีลูกสาวเราเด็ดมั้ยล่ะคะ....ก็นี่แหละครับเซ็กในครอบครัวผม.

เซ็กในครอบครัวผม



ผมเองก็นั่งคิดอยู่นานว่าจะเขียนเรื่องนี้ดีมั้ยผมกับเมียชอบเขามอ่านมากหากเจอเรื่องเกี่ยวกับแฟมิลีก็จะกดทันทีผมอายุ45แล้วครับส่วนเมียนั้น40ลูกสาวน้องมล16ปี
ครอบครัวโดยเฉพาะผมกับเมียนั้นเรื่องเย็ดสุดยอดผมเย็ดมาหลายปีแล้วแต่ไม่เคยเบื่อเลยผมชวนเมียสวิงเมียก้บอกอยากลองแรกๆไปแบบแลกคู่มาหลังๆเข้าหาชายเดี่ยวผมชอบดูเมียโดนรุมเย็ดมากกว่าเคยให้เมียเย็ดแบบสี่รุมนึงครั้งนึงสะใจมากเมียผมหีบวมเป่งเลย
อีกอย่างผมชอบเล่นหีเมียเวลามีน้ำควยคนเต้มรูชอบเลียเล่นบ้างทีชายเดี่ยวชักใส่ปากเมียผมผมต้องรีบยัดควยใส่หีเมียแล้วดูดปากลิ้นทั้งมีน้ำควยอุ่นได้อารมณืมาก
เวลาออกสวิงก็ชอบถ่าย วีดีโอ เอาไว้ดูก่อนเย็ดกันก้จะนั่งแก้ผ้าดูลูบหีเล่นควยกันหีเมียผมใหญ่มากครับขนไม่มีเลยชอบให้เมียแต่งโป๊ๆเวลาไปเดินห้างผมปล่อยโอกาศให้เมียครับเธอจะเย็ดกับใครที่เธอชอบเธอก็จะบอกผมก็จะปล่อยให้ไปกันสองต่อสอง
ครั้งนึกน้องชายของเมียมาบ้านผมอยู่ในห้องกับเมียดู วีดีโอ กันนั่งกอดลูบกันหีเมียผมแฉะมากผมถามเมียว่า...วรรณเงี่ยนละสิหีแฉะเชียว....ค่ะคุณวรรณอยากเย็ดวรรณก่อนนะค่ะ....อ้อนผมจูบควยผมผมจับเมียจ้องหน้าเธอยิ้มผมบอกว่า......วรรณ..วรรณคิดว่าวีเป็นไง(น้องชายเมีย)เธอชงักมองหน้าผม...คุณอย่าบอกนะว่าจะให้วรรณเย็ดกับน้อง....ผมลูบหีล้วงสองเข้ารูหีบี้แตดแล้วบอกว่า....ตื่นเต้นดีนะวรรณลองดูสิ.....ผมไม่พูดต่อลากเมียมาปลุกอารมณ์ที่ขอบเตียงด้วยการถ่างเลียหีเมียผมครางเสียงดังน้ำแตกไปทีนึงแล้วเอาควยใส่หีกระเด้าต่อผมสาวช้าๆเราจ้องตากันปกติเวลาเย็ดกันผมชอบให้เมียเรียกชื่อคนอื่นผมยิ้มบอกเมียว่า....วรณเย็ดกับวีนะ...เธอคิดว่าแค่จินตนาการหีเธอตอดควยผมมากเธอกำลังร่อนร่อนหีอย่างมันผมหยุดแล้วชักควยแล้วบอกเธอว่า...งั้นโอเคนะวรรพี่จะออกไปข้างนอก....เมียเข้ามากอดผม...ไม่เอาคุณเย็ดวรรณให้เสร็จก่อน......เอาน่าวรรณเต็มที่เลย.....เธอหยุดคิดก่อนที่จะบอกผมว่า...แน่นะคุณ...ผมพยักหน้ายิ้มให้แล้วใส่กางเกงออกไปปล่อยให้สองพี่น้องเย็ดกันผมกลับมาเธอเล่าให้ฟังผมจับกระแทกซ้ำสุดยอดเลยแล้วจากนั้นก็เย็ดกันบ่อยโดยน้องชายเขาเข้าใจว่าแอบพี่สาวโดยผมไม่รู้
แล้ววันหนึ่งผมอยู่บ้านเดียวผมได้หยิบอัลบัมรูปมาดูผมได้เห้นรูปของน้องมลลูกสาวถ่ายโพสท่าเซ็กซี่มากผมเกิดอารมณ์ขึ้นมาโดยควยแข็งผมดูไปเรื่อยๆลูบเล่นควยไปถึงขั้นจินตนาการไปเอาควยออกมาชักว่าวผมวางรูปลงเดินไปที่ห้องลูกค้นเอากางเกงในน้องมลมาดมกางเกงแต่ละตัวเซ็กซี่มากเป็นแบบจีบางๆสายเดี่ยวผมเอามาห่อควยนอนรูดบนเตียงลูกครางมลลูกพ่อจนเสร็จเลอะเปรอะกางเกงในน้องมล
นอนพักหลับไปตื่นมามองรอบๆห้องบนตู้เห็น cd สองแผ่นผมหยิบมาดูเป้น cd ที่ผมสวิงกะคู่สองคู่อีกแผ่นเขียนว่ามลผมเลยเอาเปิดดูเป็นภาพน้องมลตั้งกล้องนอนอยู่กลางเตียงด้วยกางเกงในบางๆลูบหีคลึงนมเล่นนอนดิ้นส่ายไปมาแล้วถอดออกบี้แตดแย่นิ้วเข้าไปในหีผมต้องควยแข็งขึ้นมาอีกรอบด้วยความขาวเนียนของหีลูกมลและนมที่สวยงานคู่นั้นแล้วก็ลุกจากเตียงไปกลับมาอีกทีก้เป็นถือมะเขือยาวมาใส่ถุงยางแล้วแย่หีน้องเด้งหีใส่มะเขือยาวเสียงคราง..อูยยย....เสียวหีมันหี....โอ้ตายแล้วลูกมลนี่ร้อนเหมือนแม่เลยแล้วก็หลับมะเขือคาหีไปเลย
ผมรีบเก็บกางเกงในเข้าที่ตัวที่เลอะน้ำควยผมก้ไปซักปั่นจนแห้งแล้วเอามาไว้ที่เดินเอา cd ไปก๊อปออกมาแผ่นหนึ่ง
เย็นน้องมลกลับมาจากเรียนคราวนี้ผมสังเกตุก้นงอนๆรูปร่างของน้องมลอย่างสนใจนึกถึงภาพที่เอามะเขือยัดหีแล้วควยแข็งขึ้นมาอีกปกติน้องมลจะสนิทกับผมมากน้องเข้ามาไหว้ผมแล้วยิ้มให้
ตามด้วยเมียผมกลับมาจากทำงานด้วยกระโปรงสั้นๆไปเปิดตู้เย็นดื่มน้ำผมเดินกอดด้านหลังแล้วลูบหีเมียเธอหันมายิ้ม...คึกจังอยากละสิ.....ผมบอกเมียเปิดเบียรืกินกันดีกว่าวรรณ.....เดี๋ยวสิค่ะคุณวรรณอาบน้ำก่อน...ผมล้วงหีเมียบอกว่า....ไม่ต้องหรอกวรรณผมอยากเย็ดคุณชุดนี้น่าเย็ดจัง...เมียผมยิ้มคงอยากเหมือนกันแหละแล้วมลก็เดินมาอาบน้ำผมกำลังกอดเมียอยู่....แหมพ่อกับแม่ไม่เกรงใจเด็กเลยนะ...ผมผละออก...อ้าว..ขอโทษลูก...ไม่เป็นไรค่ะมลเห็นจนชินแล้วละ....แล้วยิ้มให้เดินไปห้องน้ำเราเอาเบียร์มานั่งดื่มแก้วนึงผมพลักเมียให้นอนกับโซฟาผมถลกกระโปรงขึ้นดมหีเมีย....วรรณคุณใส่ชุดนี้น่าเย็ด..มากวันนี้คุณเย็ดกับใครหรือปล่าว....เมียส่ายหน้า...วรรณบอกแล้วไงค่ะถ้าวรรณเย็ดกับใครวรรณจะบอกคุณ.....ผมแหวกกางเกงในไปข้างแล้วเลียหีเมียที่เยิ้มเมียครางซี๊ดด..ซ๊าดดด...พอเถอคุณเดี๋ยวลูกอาบน้ำเสร็จมาเห้น...ผมก้หยุดเลียแล้วนั่งดื่มต่อ
ไปนานน้องมลก้ออกมาเข้าห้องไปผมงัดควยออกมา...วรรณคุณดูสิแข็งอยากเย็ดหีวรรณจะแย่อยู่แล้ว...เมียผมหันไปมองที่ห้องลูกแล้วก้มลงจูบควยผม....คุณเราไปเย็ดกันที่ห้องเถอะวรรณก็อยากอยาก
ผมกับเมียพากันเข้าห้องเมียไปนอนที่ขอบเตียงแอ่นโคกหียั่วผมผมถอดเสื้อผ้าโยนไปปลดกระดุมเสื้อออกถลกกระโปรงจูบเลียหีเมียซึ่งแฉะมากแล้วผมก็กระแทกเย็ดเมียในชุดทำงานอย่างแรงแล้วนอนหอบไปตามกันเมียผมพลิกกลับมากอดกอดผมถามว่า...คุณทำไม่วันนี้เย็ดวรรณรุนแรงจัง....ไม่รู้สิสงสัยอยากเห้นวรรณโดนเย็ดมั้ง....ผมจูบเมียบอกไปอาบก่อนเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังมีอะไรให้ดูด้วย
เมียผมก้ไปอาบน้ำเดี๋ยวตอนหน้าจะเล่าตอนผมกับน้องมลเย็ดกัน

เดชคัมภีร์นางฟ้า( คัมภีร์มังกรหยก ) 9 ตอนพิเศษ ก็วยเซี้ยงรู้เสียว





    ทุกคนในใต้หล้ามักชอบสอดรู้สอดเห็น เรื่องของผู้อื่น แม้ไม่รู้จริงก็ยังวิจารย์นินทามั่วไป โดยไม่คำนึงว่าสิ่งที่ตนนินทาจะเป็นการให้ร้ายผู้อื่นหรือไม่ และชอบไปกำหนดชี้ชะตาผู้อื่น ว่าควรทำเช่นไรโดยไม่เคยมองมาที่ตนเองว่าควรทำเช่นไรมากกว่า และเอาแต่ร่ำร้องเรียก หาคนดีมาช่วยเหลือตน แต่ไม่เคยนึกและกระทำตัวเป็นคนดีเพื่อไปช่วยคนอื่น

   เช่นคำกล่าวที่ว่า ทำไมคนดีจึงหายาก ที่เป็นเช่นนี้เพราะทุกคนมัวแต่หา แต่ไม่มีใครยอมเป็นต่างหาก ก๊วยเซี้ยงก็ไม่วายถูกผู้คนกระทำต่อนางเช่นนี้เหมือนกัน วันที่เซี้ยงเอี้ยงแตกทุกคนในครอบครัวนางล้วนพลีชีพหมด แม้แต่ก๊วยพั่วลั้วก๊ไม่รอดเช่นกัน เหลือแต่เพียงนางที่หนีรอดออกมาวันก่อนทีเซี้ยงเอี้ยงแตก เหมือนทุกคนต้องการกำหนดว่า นางสมควรตายไปพร้อมครอบครัวในวันนั้น ไม่สมควรรอดมาได้

   จึงเกิดการวิจารณ์ไปมั่วว่า ที่นางรอดเพราะหนีออกมาเพื่อไปหาผู้ชายไม่สนใจบ้านเมือง เพราะตั้งแต่วันนั้น ก๊วยเซี้ยงมุ่งแต่จะตามหาเอี้ยก๊วย จึงว่านางเป็นเด็กสาวใจแตกเที่ยวเร่หาแต่ผู้ชายที่รู้ทั้งรู้ว่าเขามีเมียแล้ว ยังตามหาอยู่ได้ ไม่มีใครจะล่วงรู้ถึงความจริงว่านางได้หวนกลับมา และพบความลับของอึ้งย้ง จึงต้องการไขปริศนาให้ได้เพื่อมากอบกู้บ้านเมืองภายหลัง

   กีวยเซี้ยงเองก็รู้สึกป่วยการที่ต้องไปชี้แจงใคร เพราะความลับของอึ้งย้งย่อมสำคัญกว่าชื่อเสียงนางมากที่จะให้ใครล่วงรู้ไม่ได้ จึงต้องให้คนปากมากพูดกันไป บางทีฝ่ายมารหรืออธรรมก็อาจมาจากผู้คนที่อุปโลกน์ตนว่าตัวเองเป็นคนดี แล้วไปผลักดันผู้อื่นที่ไม่ได้ทำตามอย่างที่ตัวนึกหรือต้องการให้เป็นไปคือฝ่ายอธรรม

   ก๊วยเซี้ยงเอาศพอี้งย้งไปซ่อนไว้ แล้วดั้นด้นไปถึงสุสานโบราณที่ทางเข้าถูกปิดด้วยหินมังกร ต้องเข้าไปทางลับใต้น้ำตามที่อึ้งย้งบอกไว้แต่ไม่พบไม่รู้เอี้ยก้วยกับเสียงเล้งนึ่ง ไปหลบซ่อนที่ใด จึงเขียนจดหมายทิ้งไว้ก่อนกลับออกมา นึกขึ้นได้ว่าเอี้ยก๊วยมีสหายคนหนึ่งซึ่งเป็นหลวงจีนอยู่ ที่เส้าหลิน ซึ่งนำของขวัญเป็นตุ๊กตาดินเผา รูปอรหันต์ที่มีกลไกแสดงท่าหมัดอรหันต์มาให้นาง

   เป็นของขวัญวันเกิดตอนนางอายุ 16( ตามเนื้อความใน มังกรหยกภาค 2 เอี้ยก๊วยจอมยุทธอินทรีย์ ) ณ.ที่เส้าหลินนี้เองจึงทำให้ก๊วยเซียงได้พบกับ เตียกุนป้อ ซึ่งในเวลาต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น เตียซำคง ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้ง สำนักบู๊ตึ้งอันโด่งดังเทียบเท่าเสี้ยวลิ้ม


( ดารารับเชิญ แสดงเป็นก๊วยเซียง ในตอนนี้ )

    ก็วยเซียงตอนนั้นอายุประมาณ 18 ปี ได้เห็นเตียกุนป้อเป็นเด็กเฉลียวฉลาด อายุ ประมาณ 11-12( ตามจินตนาการผู้เขียน )แต่ด้วยเตียกุนป้อเป็นคนขี้โรคมาแต่เล็ก จึงทำให้ร่างกายดูเล็กเหมือนเด็กอายุ 7-8 ขวบ ก๊วยเซียงจึงนึกเอ็นดูเหมือนน้องชายตัวเล็ก แต่เตียกุนป้อกลับไม่ได้นึกต่อก๊วยเซียงเช่นเดียวกับที่ก๊วยเซียงคิด เพราะก๊วยเซียงทั้งสวย ทั้งน่ารัก แม้ว่าอาจไม่สวยเท่าอึ้งย้งหรือเสียวเล้งนึ่ง แต่ก๊วยซึยงก็จัดได้ว่าเป็นโฉมสคราญคนหนึ่ง

   ซึ่งเตียกุนป้อไม่เคยพบหญิงใดที่สวยราวเทพธิดานางฟ้ามาก่อน จึงเกิดหลงรักก๊วยเซียงตั้งแต่แรกพบทันที เช่นเดียวกับบุรุษที่มีต่อหญิงสาว ยิ่งก็วยเซียงไม่ถือตัวมาโอบกอดตนด้วยดั่งเช่นเจ๊เจ๊แสดงต่อตี๋ตี๋ ยิ่งทำให้เตียกุนป้อหวาบหวิว ปากเรียกเจ๊เจ๊ทุกค่ำ แต่ใจตี๋ตี๋อยากฟาดเจ๊เจ็เสียแล้ว บังเอิญเสียวลิ้มเกิดเรื่อง หลวงจีนกักเลี้ยง อาจารย์ของเตียกุนป้อ

   จึงต้องพาทั้งคู่หนึลงมา พร้อมกับท่องบทสวดซึ่งมีวิชาคัมภีร์เก้าเอี้ยงจินเก็งปนอยู่ด้วย( ตามเรื่องว่าเป็นคนละ คัมภีร์กับเก้าอิมจินเก็ง )ทั้งคู่เป็นอัจฉริยะสามารถจดจำเนื้อความได้ 3- 4 ส่วน บ้างว่าเตียกุนป้อ อัจริยะกว่าก๊วยเซียงจึงจดจำได้ 5 – 6 ส่วน เมื่อหนีลงจากวัดเสียวลิ้มแล้ว หลวงจีนกักเลี้ยงจึงมรณะภาพไป( เนื้อความโดยย่อ รายละเอียดต้องอ่านใน กระบี่มังกรหยกตอนต้นเรื่อง )

  ก๊วยเซียงและเตียกุนป้อหนีลงมาเจอกับบ้านพักชาวนาใจดีหลังหนึ่งจึงขอพักสักคืน ฝ่ายเลอฉีและภรรยา เห็นทั้งคู่เป็นดั่งพี่น้องกันประกอบกับเห็นเตียกุนป้อเป็นเด็กน้อยเลยจัดที่พักให้นอนด้วยกันในยุ้งข้าว ฝ่ายก๊วยเซียงบอกกับเตียกุนป้อว่าคงพักด้วยกันคืนหนึ่งแล้วรุ่งขึ้นค่อยแยกกัน

   เตียกุนป้อ รู้สึกอาลัยก๊วยเซียงมากว่าพบกันไม่ทันไรก็ต้องจากกันแล้วเลยผวาเข้ากอดก๊วยเซึยง
   “ ข้าไม่อยากให้เจ๊เจ๊ต้องไปเลย อยากอยู่กัยท่านตลอดไป ”
   “ เด็กน้อยข้ามีภาระจำเป็นต้องไป อย่างอแงเลย ”

   ก๊วยเซียงบอกพร้อมกับก้มลงนั่งสวมกอดกับเตียกุนป้อด้วยความรักดั่งพี่สาวมีต่อน้องชาย เตียกุนป้อได้กอดก็วยเซียงเต็มมือรู้สึกกายก๊วยเซียงช่างอ่อนนุ่ม มีกลิ่นหอมชวนให้รัญจวนยิ่ง ต้องลอบสุดกลิ่นแก้มก๊วยเซียงที่สัมผัส ใจปันป่วนฟุ้งซ่านยิ่ง

   “ เจ๊เจ็จะไปที่ใด ”
   “ ข้าต้องไปตามหาพี่เอี้ยก๊วยด้วยมีธุระต้องพบให้ได้ ”

   เตียกุนป้อพอฟังว่านางต้องไปหาชายอื่นกลับรู้สึกหึงหวง จึงกอดก๊วยเซียงแน่น
   “ ดูซิเจ้ากอดข้าแรงยิ่ง เนื้อตัวเหนียวหมดแล้ว ”

   ก๊วยเซียงกับเตียกุนป้อหนีลงจากเขา ต่างเหงื่อออกเต๋มไปหมด ก๊วยเซียงเป็นคนรักสะอาด อยากอาบน้ำให้สะอาดเพื่อจะได้นอนหลับสบายเลยบอกเตียกุนป้อว่า นางต้องขอไปอาบน้ำก่อนเนื้อตัวสกปรกหมดแล้ว มีห้องน้ำอยู่ใกล้นี้เอง เตียกุนป้อเลยตามนางไปเพื่ออาบน้ำ

   “ เจ๊เจ๊ อาบก่อนเจ้าคอยข้างนอกแล้วเจ้าค่อยอาบทีหลังแล้วกัน ”

   เตียกุนป้อ ใช้สมองคบคิดเร็วปรื้อ กล่าวตอบ
   “ จะดีหรือเจ๊เจ๊ ”
   “ ไม่ดีอย่างไร ”
   “ ก็  ...ข้ากลัวผีนี่นา ที่นี้มันเปลี่ยวยิ่ง ”
   “ เด็กโง่ มีผีที่ไหนกัน เจ้าเองก็อยู่วัดเคยพบเจอหรือ ”

   เตียกุนป้อเอามือลูบศรีษะอันล้านเลี่ยนของตน กล่าวว่า
   “ เคยซิ ตกกลางคืนมีเสียงเดินกรากแกรก แม้ไม่เคยเห็นตัวข้าก็รู้ว่าเป็นเสียงเดินปีศาจแน่ “

   กํวยเซี้ยงหัวเราะขบขัน ว่าเตียกุนป้อคงโดนหลวงจีนหลอก แต่นึกถึงตอนเด็กตัวเองก็เคยกลัวผีเช่นเดียวกัน
   “ ก็ได้งั้นเจ้าอาบก่อน ข้าเฝ้าให้ข้าอาบทีหลัง "
   “ ไม่เอาเหมือนกันเผื่อมีปีศาจอยู่ในนั้น เจ๊เจ๊ก็ช่วยข้าไม่ทัน ”
   “ อ้าวตอนอยู่เส้าหลินเจ้าอาบน้ำยังไง "
   “ เราก็อาบกันหลายคน บางทีอาจารย์กักเลี้ยงก็เข้ามาอาบให้ข้า ว่าข้าอาบน้ำไม่เป็นไม่รู้จักถูตัวให้สะอาด "

   ก๊วยเซียงตรึกตรองดูโดยไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะคิดว่าเตียกุนป้อเป็นเด็กเล็กที่ต้องให้คนคอยช่วยเหลืออยู่ อีกทั้งเตียกุนป้อก็กำพร้าไม่มีคนดูแลตั้งแต่เด็กจึงสงสารเอ็นดู

   “ ก็ได้ งั้นเราเข้าไปอาบพร้อมกัน "

   เตียกุนป้อแทบส่งเสียงไชโยโห่ร้องออกมาดังๆ ที่คำมุสาตัวเองประสบผลให้ก๊วยเซียงหลงเชื่อได้ เราต้องจากกันในพรุ่งนี้ ไม่รู้จะเจอเมื่อไร ขอข้ามีโอกาสได้เห็นของดีเจ๊ก็วยเซียงสักครั้งก็ยังดี เตียกุนบ้อคิดในใจอย่างเจ้าเล่ห์ยิ่ง


   ภายในห้องน้ำมีถังน้ำใบใหญ่ เตียกุนป้อกุลีกุจอไปเอาน้ำในบ่อมาใส่จนเต็มถัง( ดูจากหนังหลายเรื่องเห็นว่าตัวละครอาบน้ำในถังไม่มีใครตักอาบ )ถังน้ำแม้ไม่ใหญ่มากแต่ก็มีเนื้อที่พอให้ลงไปอาบได้สองคน ยิ่งเตียกุนป้อเป็นเด็กตัวเล็กจึงมีเนื้อที่เหลือเฟือ

   เตียกุนป้อรีบแก้ผ้าลงในรอในถังน้ำก่อน
   “ เจ๊เจ๊รีบถอดผ้า มาอาบน้ำด้วยกันเถอะอุณหภูมิกำลังดีไม่ร้อนไม่เย็นเกินไป ”

   เตียกุนป้อเร่งก๊วยเซียงที่มัวอ้อยสร้อยไม่ยอมแก้ผ้าสักที ก๊วยเซียงคล้ายขวยเขินเล็กน้อยหันหลังถอดเสื้อผ้าออก เตียกุนป้อลุ้นใจระทึกเห็นหลังขาวสะอาดของก๊วยเซียงค่อยปรากฎขึ้น ต่อมาจึงเห็นก้นขาวๆของก็วยเซียง เมื่อนางแก้ผ้าจนหมดค่อยเอาผ้าวางไว้บนโต๊ะใกล้ๆ แล้วกลับก้าวตะแคงข้างลงมาในบ่อ

   เตียกุนป้อ มองเห็นนมทีด้านข้างของก๊วยเซียงอย่างไม่ถนัดตาเท่าไร แต่แค่นี้ก็ทำให้กระเจี้ยวของมันกลับลุกเด่ในน้ำ
   “ เจ๊เจ๊เป็นไง น้ำเย็นสบายดีไหม ”

   เตียกุนป้อแกล้งถามเมื่อก๊วยเซียงลงมาในถังเรียบร้อยแต่กลับนั่งหันหลังให้
   “ เจ๊เจ็ทำไมไม่หันหน้ามาทางเดียวกันจะได้คุยกันได้ถนัด ”

   ก๊วยเซียงเป็นสาวแรกรุ่นย่อมเขินอายเป็นครั้งแรกตั้งแต่แตกเนื้อสาวมาที่นางมาอาบน้ำร่วมกับคนอื่นแถมเป็นผู้ชายถึงแม้จะเป็นเด็กก็ตาม

   “ เจ๊เจ็ กุนป้อช่วยถูหลังให้นะ ”
   “ ชะอุ้ย...อาส์ ”
   " เจ๊เจ็กุนป้อทำแรงไปหรือ "
   “ ไม่ใช่หรอก แต่รู้สึกเหมือนจั๊กจัพิกล ”

   ก๊วยเซียงพูดตามความรู้สึกที่แปลกๆ แต่ปล่อยให้เตียกุนป้อถูหลังให้นาง จริงๆแล้วก็วยเซียงตั้งแต่พบเอี้ยก๊วยนางก็ก่อเกิดอารมณ์ประหลาด ตั้งแต่ตอนนั้นยิ่งต่อมา ก๊วยพู้และศิษย์ผู้พี่คือบู๊ตงยู้กับบู๊ซิ่วบุ้นต่างแต่งงานออกเรือนกันหมด บางทีมาค้างที่บ้าน เห็นทุกคนมีความสุขบางครั้งเผลอไผกอดจูบกันให้ก๊วยเซียงเห็นที่แรกนางไม่คิดอะไรเพราะยังเด็ก

   แต่พอพบเอี้ยก๊วยก็มีความรู้สึกประหลาด พอพบเห็นคนในบ้านพรอดรักกันก็ทำให้เกิดอารมณ์หวาบหวิว ตกค่ำคืนยามนอนคิดถึงเอี้ยก๊วยขึ้นมากลับมีอารมณ์ใคร่( ความเสี้ยน )ขึ้นมาโดยธรรมชาติ เผลอเอามือไปจับของตัวเองเล่นแล้วเกิดความสบาย ตอนหลังเลยเอานิ้วแหย่เข้าๆออกจนน้ำแตกจึงหายได้ ทุกครั้งยามคิดถึงเอี้ยก๊วยนางจึงใช้วิธีนี้ทุกกครั้ง


   ยามนี้ถูกเตียกุนป้อถูหลังแภมแกล้งทำเผลอไผลอบเอามือมาโดนนมด้านข้างนางบ่อยๆ จนเต้านมที่เป็นกระเปาะกลับคัดเต่งขึ้นมาเป็นลูก หัวนมชูชันขึ้นเกิดอารมณ์เหมือนคราที่คิดถึงเอี้ยก๊วยอย่างไม่รู้ตัว เตียกุนป้อที่ถูหลังพยายามมองเลยไปข้างหน้าใจหมายจะจับนมก๊วยเซียงแต่ไม่กล้า แต่ยิ่งคิดยิ่งอยากสัมผัสให้มากกว่านี้เกิดอารมณ์เงี่ยนไม่แพ้กัน

  “...... ”

   เตียกุนป้อแม้เป็นเด็กแต่ก็รู้จักชักว่าวเป็นตั้งแต่เก้าขวบเร็วกว่ากํวยเซี่ยงที่เริ่มตกเบ็ดเป็นตอน 17 ด้วยซ้ำ เตียกุนป้อเกิดอารมณ์เผลอไผเอากระเจี้ยวมันไปดุนดันโดนง่ามก้นก๊วยเซี้ยงเข้าโดนไม่ตั้งใจ ก๊วยเซี้ยงตกใจคล้ายมีอะไรแข็งๆมาโดนตูดต้องร้อง

   “ อุ้ย..มีอะไรแข็งๆมาดันตูดเจ๊เจ๊ในน้ำ ”

   เตียกุนป้อตกใจเช่นกัน รีบถอยออก จังหวะนั้นก๊วยเซี้ยง หันหน้ากลับมาดู เห็นกระเจี้ยวของเตียกุนป้อชี้เด่ขึ้น ก๊วยเซี้ยงเกิดมาเพิ่งเคยเห็นของผู้ชายเป็นครั้งแรก แม้เป็นของเด็กที่ไม่ใหญ่นัก ที่โคนเริ่มมีขนหมอยหยิกหยอยมาแล้ว ก๊วยเซี้ยงทั้งตกใจทั้งประหลาดใจระคนกัน เช่นเดียวกับเตียกุนป้อที่จ้องมองดูเต้านมที่ขึ้นเป็นลูกขนาดผลส้มอวดหัวนมแหลมสีแดงราวทับทิมสดดูสวยงาม

   เตียกุนป้อมองทะลุไปในน้ำแลเห็นเส้นหมอยบางลอยฟ่องในน้ำคล้ายสาหร่ายดำ ต่างตลึงดูกันพักหนึ่ง ค่อยได้สติ
   “ ว้าย ตายแล้วเตียกุนป้อ นั้นอะไร ”
   “ กระเจี้ยวของกุนป้อเอง "
   “ ทำไมมันลุกโด่อย่างนั้นละ "
   “ ไม่รู้เหมือนกัน เจ๊เจ๋สวยยิ่ง..”
   “ อย่ามองของเจ๊เจ๊อย่างนั้นซิ ข้าก็อาย ”
   “ ไม่เห็นต้องอายเลย สวยออก ขอกุนป้อช่วยถูข้างหน้าให้เจ๊เจ๊ด้วยนะ ”

   เตียกุนป้อพุดจบไม่ต้องรอคำตอบใดๆ เอื้อมมือมาจับนมก๊วยเซี้ยงทันที
   “ อย่าทะลึ่งนะ จับอย่างนี้เจ๊เจ๊เสียว ”

   ก๊วยเซี้ยงพูดพร้อมเผลอเอามือมาจับกระเจี้ยวเตียกุนป้อด้วยความอยากรู้เหมือนกัน พบเห็นว่าแข็งโป๊กขนาดพอดีกำพ้นมือขึ้นมาหน่อย
   “ อูยส์ กุนป้อก็รู้สึกดีเหมือนกันอยากให้เจ๊เจ๊จับไว้อย่างนั้น "

   ก๊วยเซี้ยงรู้สึกตัวรีบหดมือ
   “ กุนป้อคิดอะไรกับเจ๊เจ๊หรือเปล่า ถึงเป็นอย่างนี้ "
   “ ข้าเหรอ เออ ”

   ก๊วยเซี้ยงถามเพราะรู้มาว่าเวลาที่ผู้ชายมีอารมณ์อยากกับผู้หญิงจะแข็งโด่ขึ้นมา เพิ่งมาเห็นกับตาเลยพูดไป
   “ ข้าก็รู้สึกว่า เจ็เจ็ข่างสวยสคราญ ราวนางฟ้า ”

   ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะกล่าวอะไรต่อ ก็ปรากฎเสียงที่หน้าประตูห้องน้ำดัง ก๊อกแกร็ก ดังขึ้นมา
   “ ใครนะ “

   ก๊วยเซี้ยงรีบลดตัวลงในน้ำ ทำให้เตียกุนป้อต้องรีบลุกขึ้นไปสังเกตุการณ์ที่หน้าประตูค่อยแง้มไปดู เห็นร่างคนเดินหนึไปไวๆ คล้ายกับเลอฉีเจ้าของโรงนา เตียกุนป้อมองจนเห็นคนนั้นลับหายเข้าบ้านไปจึงหันมาหาก๊วยซึ้ยงซึ่งบัดนี้ลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้าจวนจะเสร็จแล้ว

   “ ไม่รู้แน่ว่าใคร อ้าวเจ๊เจ๊ไม่อาบน้ำแล้วเหรอ ”
   “ ข้าว่าท่าไม่ดี พวกเราเลิกอาบน้ำเถอะ ”

   เตียกุนป้อรู้สึกเสียดายโอกาสกำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มแท้ ๆ ถูกทำลายโอกาสไปแล้วจะหาแบบนี้อีกได้เมื่อไรกัน เตียกุนป้อแม้เป็นเด็กแต่ก็คิดเป็น ฝ่ายก๊วยเซี้ยงก็รู้สึกว่าตนเผลอไผไปได้อย่างใด ที่มาอาบน้ำกับเตียกุนป้อที่คิดว่าเป็นเด็ก แต่ดูเหมือนกระเจี้ยวขักจะไม่ค่อยเด็ก แถมยังคิดอะไรกับนางด้วยหรือเปล่าไม่รู้ จึงเริ่มไม่แน่ใจในเตียกุนป้อเสียแล้ว

   พอถึงห้องนอนก็มองดูที่นอนซึ่งมีอยู่ชุดเดียวจำกัดแค่ให้ต้องนอนบนเตียงร่วมกันเท่านั้น ก๊วยเซี้ยงเริ่มไม่แน่ใจว่าจะนอนกับเตียกุนป้อดีหรือไม่ จึงคิดว่าไปขอที่นอนเพิ่มจากเจ้าของบ้านดูดีกว่าเผื่ออาจแยกมานอนข้างๆได้ จึงสั่งให้เตียกุนป้อนอนไปก่อน นางจะไปขอผ้าห่มเพิ่มเผื่ออากาศหนาวเย็น ต้องห่มผ้าผืนเดียวกันจะไม่พอ

   ก๊วยเซี้ยงเดินมาที่บ้านของเลอฉีและภรรยาทีแรกว่าจะส้งเสียงเรียกเพื่อขอผ้าห่มเพิ่มจะได้หรือไม่ ก็ได้ยินเสียงออกมาจากห้องนอน

   “ อูยส์ พี่ฉีวันนี้คึกมาจากไหน ทำไมวันนี้ถึงใหญ่และแข็งจังเลย ”
   “ เจ้าลองดูดดูซิ ”

   ก๊วยเซี้ยงได้ยินลับหน้าแดงร้อนผ่าว ทั้งๆที่ไม่แน่ใจว่าทั้งคู่พูดเรื่องอะไร จึงเข้าไปใกล้ กลับพบฝาห้องแตกเป็นทางยาว พอเอาหน้าแนบไปดูก็เห็นภายในห้องชัดเจนเพราะเจ้าของห้องจุดตะเกียงไว้สว่างแถมเตียงก็ไม่ปิดผ้าคลุมและอยู่ใกล้ฝาอีกต่างหาก ภายในห้องก๊วยเซี้ยงพบเห็นทั้งคู่กลับแก้ผ้าล่อนจ้อน เลอฉียืนอวดท่อนเนื้อที่อยู่ตรงหว่างขาเหมือนดั่งของเตียกุนป้อแต่ขนาดใหญ่โตสมบูรณ์กว่ามาก

   มองเห็นภรรยาของเลอฉีนางกลับเอาลิ้นแล่บออกมาโลมเลียตรงหัวบักแดงโร่ปูนโตราวดวงตายักษ์ดูน่ากลัว แต่เหมือนเมียเลอฉีกำลังชื่นชอบจึงเลียราวมันเป็นของอร่อยน่ากินซะอย่งนั้น ก่อนนางอ้าปากอมผลุบเข้าไปในปาก ดูดโยกเข้าโยกออกจนน้ำลายไหลยืด ก๊วยเซี้ยงแปลกใจระคนกันเกิดอารมณ์กระสันต์ซ่านไม่รู้ตัวว่าของผู้ชายมันอร่อยอย่างนี้หรือ เมียเลอฉีถึงดูดเอาๆ อย่างเมามันส์เช่นนี้

   สักพักเลอฉีจึงจัดให้เมียนอนหงายกลางขาอ้าซ่าส์ แล้วเอาของมันเสียบเข้ากลางหว่างขา ก๊วยเซี้ยงถึงกับตาโตเกิอบร้องออกมาอย่างตกใจเพราะของเลอฉีออกใหญ่อย่างนั้นกลับเอาเข้าไปในรูหีของเมียได้อย่างง่ายดาย นึกเทียบว่าหากมันเสียบเข้ามาในรูจิ๊มิ๊ของนางคงเจ็บตายแน่

   แต่เมียของเลอฉีกลับชื่นชอบร้องบอกว่าเลอฉีทำได้ดี เสียวอร่อยดียิ่ง
   “ พี่ฉี เย็ดแรงๆเลย ข้าชอบวันนี้ไฉนท่านถึงแข็งกว่าทุกวัน ”
   “ รูหีเจ้าก็เย็ดมันส์ควยดีจริงๆ “

   ก๊วยเซี้ยงหน้าแดงก่ำยิ่งทั้งคู่พูดคำหยาบคายขณะร่วมรักยิ่งทำให้ก๊วยเซี้ยงเกิดตวามเสี้ยนจัดมากกว่าปกติ เพราะมารดาสอนไม่ให้พูดคำหยาบ เช่นคำว่าเย็ดนางก็เพิ่งรู้ความหมายในวันนี้จากการกระทำที่เห็น สาเหตุที่เลอฉีคึกเป็นพิเศษเพราะตอนที่ก๊วยเซียงอาบน้ำเลอฉีเป็นผู้ไปแอบดู เห็นนางกำลังอาบน้ำกับตี๋ตี๋

   ลุ้นว่านางกับตี๋ตี๋จะเย็ดกันหรือไม่ จนเกร็งมากไปทำให้เกิดเสียงดังจนทั้งคู่รู้ตัว เลยหนีออกมาจับเมียเย็ดแก้เงี่ยน คิดในใจว่า เจ๊เจ๊ ตี๋ตี๋คู่นี้คงต้องเย็ดกันแน่ เจ๋เจ๋สวยออกอย่างนี้หากตัวเองเป็นตี๋ตี๋คงได้จับเจ๊เจ็เย็ดเหมือนกัน

   ฝ่ายก๊วยเซี้ยงเพิ่งเตยเห็นคนเย็ดกันเป็นครั้งแรกเกิดความเสี้ยนจัดจนทนไม่ไหว ต้องเอาปากกัดชายเสื้อกันไม่ให้เกิดเสียง ในใจอยากให้ใครมาทำกับตัวเองแบบนี้บ้าง จนเลอฉีรัวเอวกระเด้าเย็ดเร็วปรื้อ ก่อนร้องราวควายถูกเชือดล้มฟุบกอดกับเมียบนเตียง ทั้งคู่ต่างเสร็จสมอารมณ์หมาย แต่ก๊วยเซี้ยงกลับงุ่นง่านด้วยความเสี้ยนอยากเต็มที่ จึงเดินกลับมาที่ห้องเห็นเตียกุนป้อนอนหันหลังคลุมผ้าห่มหลับสนิทไปแล้ว

   ก๊วยเซี้ยงเข้าใจว่าเตียกุนป้อคงอ่อนเพลียหลับง่ายตามประสาเด็กเลยนอนลงข้างๆเตียกุนป้อ เอาผ้าห่มอีกข้างที่เตียกุนป้อเหลือไว้ดึงมาห่มนอน แต่นางนอนยังไงก็นอนไม่หลับ เพราะเกิดอารมณ์กระสันต์เสี้ยนอย่างรุนแรง ตามปกติหากเวลาอยู่บ้านเกิดอารมณ์เช่นนี้ นางเป็นนึกถึงเอี้ยก๊วยใช้นิ้วเป็นตาขอเกี่ยวรูจิ๊มิ๊ตัวเองผ่อนคลายไปแล้ว แต่ตอนนี้อยู่นอกบ้านไม่กล้าทำ

   แต่ด้วยความเสี้ยนซึ่งมีมากกว่าตอนอยู่ในบ้านเสียอีกเพราะทั้งจากตอนที่อาบน้ำกับเตียกุนป้อ และยังมาเห็นเลอฉีกับเมียเย็ดกันอีก จึงสุดจะห้ามใจไว้ มองเห็นเตียกุนป้อพลิกมานอนหงายแต่ยังหลับอยู่แถมส่งเสียงคล้ายกรนเบาเลยคลายกังวล นอนตะแคงข้างหันหลังให้เตีบกุนป้อ ลอบดึงกางเกงนอนตัวเองออกใต้ผ้าห่มล้วงมือไปลูบกลีบดอกไม้นางตัวเองเขี่ยรูจิ๊มื๊เบาๆก่อนค่อยแยงเข้าไป

   ด้านเตียกุนป้อกลับลอบหรี่่ตาขึ้นมามอง ความจริงตอนก๊วยเซี้ยงไปแอบดูเลอฉีกับเมียเย็ดกัน เตียกุนป้อก็ลอบตามไป ก๊วยเซี้ยงกำลังเสี้ยนจัดจนหูอื้อไม่รู้ว่ามีคนมา เตียกุนป้อก็ลอบแอบดูอีกทางหนึ่งจนทั้งคู่เสร็จ เตียกุนป้อจึงรีบกลับมานอนแกล้งหลับไป ก๊วยเซี้ยงกำลังแตกวัยสาวซึ่งธรรมชาติเรียกร้องให้ต้องการผสมพันธ์เต็มที่ ไข่แดงกำลังสุกปลั่ง ยิ่งมาพบเจอคนกำลังเย็ดกันเลยปลุกตวามเสี้ยนอยากให้ใครมาเย็ดบ้างเต็มที่จึงเอานิ้วแยงหีแก้เงี่ยน เอาปากกัดผ้าห่มกันเสียงดังยังไม่วายมีเสียงกระเส่ารอดออกมาให้เตียกุนป้อได้ยิน

   ขณะกำลังจะจวนอยู่แล้วดันได้ยินเตียกุนป้อมากระซิบข้างหู
   “ เจ๊เจ๊ให้กุนป้อช่วยไหม ”

   ก๊วยเซี้ยงตกใจหัยไปเห็นกุนป้อเข้ามานอนใกล้ๆตั้งแต่เมื่อไร
   “ กุนป้อเจ้าพูดอะไรนะ จะช่วยเรื่องอะไร ”
   “ ก็เจ๊เจ็ กำลังเสี้ยนใช่ไหม ถึงตกเบ็ดจนผ้าห่มเผยิบผยาบอย่างนั้น ”
   “ บ้าแล้ว เจ้าพูดทลึ่งอะไร ”

   ก๊วยเซี้ยงหน้าแดงด้วยความโมโหและอายยิ่งที่ถูกเด็กพบเห็นคล้ายคนทำผิดแล้วรีบกลบเกลื่อน
   “ ก็ที่เจ๊เจ๊ทำอยู่ตอนนี้แหละเค้าเรียกตกเบ็ด ลองเอามือมาให้กุนป้อมาดูหน่อยซิ ”

   ก๊วยเซี้ยงเสียท่าเด็กสุดอับอาย กลบเกลื่อน
   “ ตกเบ็ดอะไรกันเจ้ามันแก่แดดใหญ่แล้ว ”
   “ ไม่ต้องอายหรอกเวลาผู้หญิงมีอารมณ์ก็ทำกันอย่างนี้ กุนป้อเองเวลามีอารมณ์ก็ชักว่าวช่วยตัวเองเหมือนกัน ”
   “ นะให้กุนป้อช่วยนะไม่งั้นนอนไม่หลับ งุ่นง่านทั้งคืนแน่ ”

   ก๊วยเซี้ยงนึกฉิวปนขำที่อยู่มาเจอเด็กแก่แดดสู่รู้ ออกปากเหมือนรู้มากมาสั่งสอนนาง
   “ ช่วย ๆ เจ้าจะช่วยอะไร ยังเป็นเด็กไม่รู้ความ ริมาทำเรื่องของผู้ใหญ่ได้ไง ”

   เตียกุนป้อไม่พูดมากยกมือดึงผ้าห่มออกพ้นร่างก๊วยเซี้ยง ทำให้นางต้องตกใจร้องว้าย ดึงกางเกงใส่ไม่ทัน
   “ นี้เจ้า...”
   “ เห็นไหมเจ๊เจ็กำลังตกเบ็ดอยู่จริงๆ “

   กุนป้อโถมต้วลงกอดก๊วยเซียงซึ่งทำทีปัดป้องเป็นพิธี แต่ก็ยอมปล่อยให้กุนป้อนอนกอดฟัดนาง ด้วยก๊วยเซียงกำลังเสี้ยนจัดเต็มทน และอยากรู้ว่ากุนป้อจะช่วยนางได้จริงหรือไม่

   “ อ้า เจ๊เจ็ นมสวยจังขอกุนป้อจับหน่อยนะ ”

   กุนป้อว่าแล้วเอามือจับเต้านมขนาดพอเหมาะบีบเล่นเบาๆ( ตอนอาบน้ำจับได้นิดเดียวเอง )อา..นมเจ๊ก๊วยเซียงช่างเต่งตึงเต๋มมือดีจริง หัวนมแดงแจ๋แถมชูชัน คล้ายเชิญชวนให้เตียกุนป้อต้องเอาปากไปเลียดูดดู ก็วยซึยงโดนกุนป้อจับดูดนม รู้สึกมันช่างแตกต่างจากการที่เคยบีบนมตัวเองเท่านั้น ยิ่งเพิ่มความกำหนัดให้ตัวเองจนน้ำเยิ้มเต็มรูจิมิ๊นางแล้ว

   พอกุนบ้อถอนปากออกมาตะแคงตัวก๊วยเซี้ยงจึงมองเห็นกระเจี้ยวกุนป้อตอนนี้กลับลุกชี้โด่ ปลายหุ้มเปิดหัวบานแต่ไม่น่ากลัวเท่าของเลอฉี กุนป้อความจริงก็ยังไม่เคยแต่ที่ทำไปโดยธรรมชาติ ไม่รู้ว่าต้องทำไงต่อ เพิ่งเคยเห็นจากที่เลอฉีเย็ดกับเมียสักครู่เหมือนกัน แต่ดูเหมือนก๊วยเซี้ยงจะคิดเช่นเดียวกันถึงขั้นตอนว่าต้องทำไงต่อ

   นางจึงก้มลงยื่นลิ้นออกโลมเลียไปที่รอบๆหัวหยักกุนป้อตามแบบเมียเลอฉี ก่อนอ้าปากอมท่อนหัวเข้าไปในปาก
   “ อูยส์ เจ๊เจ็ อย่าเพิ่งดูดแรงต้องค่อยๆก่อน อย่าให้ฟันโดนของกุนป้อ ”



   มิน่าเมียเลอฉีถึงบอกว่าดีเป็นอย่างนี้เอง ก๊วยซึ้ยงเลยร้องออกมาแบบเมียเลอฉีบ้าง
   “ โอย กุนป้อ เย็ดเจ๊เจ๊ แรงๆ เจ๊เจ๊...๐”

   เตียกุนป้อก็รู้สึกเสียวสนุกไม่แพ้ก๊วยเซี้ยงเช่นกัน กระเด้าเย็ดเร็วปรื้อเหมือนเลอฉีไม่หยุด จนในที่สุดทั้งคู่ก็ต้องทนไม่ไหวต่างปล่อยน้ำกระสันต์ออกมาอย่างมีความสุขด้วยกันทั้งคู่ กุนป้อแสนอิ่มเอิบใจที่ได้เย็ดเจ๊เจ็ก๊วยเซี้ยงที่สวยราวนางฟ้าสมปรารถนา นอนกอดก๊วยซึ้ยงหลับไปอย่างมีความสุจด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการหลบหนีมาและประกอบกับการร่วมรักกับดํวยเซี้ยง

   ก๊วยซึ้ยงตื่นขึ้นมาตอนเกือบย่ำรุ่ง กลับเห็นตนนอนกอดกับเด็กน้อยกุนป้อ มองเห็นหว่างขาตนมีทั้งคราบน้ำรักและเลือดที่แห้งกรัง เกิดความสำนึกเสียใจว่าทำไมตนได้เผลอปล่อยตนให้เลวทรามเช่นนี้ ดังคนที่นินทาว่าต้องการผู้ชาย กุนป้อเป็นเด็กแท้ๆ ยังไม่ไว้ไม่ได้ ทำให้ตนก่อเรื่องบัดสีได้ นึกถึงเอี้ยก๊วยก็รู้สึกเสียใจว่าอยากจะเก็บความสาวไว้ให้เอี้ยก๊วยแต่ก็ทำไม่ได้จะมีหน้าไปพบเอี้ยก๊วยได้อย่างไร


   สำนึกแห่งความเสียใจเมื่อกามารมณ์ผ่านพ้นไปทำให้นางต้องหลั่งน้ำตาออกมาเงียบๆ นึกถึงอึ้งย้งผู้เป็นมารดาได้

   “ ลูกเซึ้ยง แม่ได้พบวิชาแขนงหนึ่ง แม่ตั้งชื่อว่า วิชาสาวพรหมจรรย์ เจ้าอาจดูว่ามันลามกในตอนนี้เพราะเจ้ายังเยาว์วัย และบริสุทธิ์ แต่ในบู๊ลิ้มมีผู้คนโฉดชั่วร้ายมากมายที่เจ้านึกไม่ถึง หากวันหนึ่งเจ้าอาจโชคร้ายพบคนเหล่านี้ มารังแกย่ำยีทำให้พลาดท่าเสียทีไป วิชานี้จะช่วยฟื้นฟูให้เจ้าได้ แม้ว่าไม่สามารถเรียกพรมจรรย์คืนมาได้เต็มร้อย แต่ก็ใกล้เคียงมาก แต่ทุกสิ่งมีคุณก็ย่อมมีโทษเช่นกัน เจ้าต้องเก็บเป็นความลับอย่านำไปแพร่หลาย ใช้พร่ำเพื่อ เพราะอาจทำให้เป็นหญิงมากกตัณหาได้ และหญิงที่ร่านสวาทหากนำไปใช้ในทางที่ผิด อาจใช้สยบผู้ชายไว้แทบเท้าได้ยิ่งกว่าวิชาฝีมือใดๆ ”

   ก๊วยเซี้ยงนึกถึงคำสอนของอึ้งย้ง จึงดำเนินโคจรลมปราณตามเคล็บวิขาลับที่อึ้งย้งให้ไว้ สิ่งที่อัศจรรย์ก็เกิดขึ้นกับก๊วยเซี้ยง เมื่อรูหีของก๊วยเซี้ยงที่บานเผยิบออกมาเพราะโดนกุนป้อชำเราเอาเมื่อสักครู่ กลับคืนสภาพเป็นดั่งเดิม แม้ไม่สามารถเรียกเยื่อพรมจรรย์ที่เสียไปให้กลับมา แต่ก็รู้สึกว่ามันเป็นเหมือนจิ๊มิ๊น่ารักที่นางเรียกเช่นเดิม แถมยังรู้สึกกระชับ มีกำลังเช่นเดิมไม่เหมือนตอนถูกร่วมรักที่อ่อนเพลียเมื่อสักครู่


   ก๊วยเซี้ยงดีใจที่ได้อึ้งย้งสอนวิชาลับนี้ขึ้น มองดูเตียกุนป้อซึ่งกำลังหลับ พลางลุกขึ้นแต่งตัว คิดในใจว่าไม่ใช่ความผิดของเตียกุนป้อแต่อย่างใดเป็นเพราะอารมณ์ชักนำพาไปต่างหาก นางจึงถอดกำไลที่ก๊วยเจ๋งให้ไว้ออก แล้วเขียนหนังสือทิ้งไว้ความว่า

    หากกุนป้อไร้ที่พึ่งพา จงนำกำไลนี้ไปแสดงต่อพวกพ้องของก๊วยเจ๋ง จะได้รับความช่วยเหลือ อุปการะเลี้ยงดู และสอนวิขาให้

   ความรีบร้อนของก๊วยเซี้ยงจึงทำให้ข้อความตกหล่นเป็น ให้นำกำไลนี้ไปแสดงต่อก๊วยเจ๋ง เสร็จแล้วก๊วยซึ้ยงจึงออกเดินทางไปอย่างรวดเร็ว ต่อมาเตียกุนป้อตื่นขึ้นพบข้อความที่ก๊วยซึ้ยงเขียนทิ้งไว้จึงรู้ว่านางไปแล้ว เตียกุนป้อรู้สึกติดใจในรสสวาทในคืนนั้น ตอนหลังพบก๊วยเซี้ยงพยายามขอรื้อฟื้นความหลัง แต่ก๊วยเซี้ยงกลับตัดรอนเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

   เตียกุนป้อรู้สึกเหมือนโดนผู้หญิงฟันแล้วทิ้ง ทั้งๆที่ตัวเองเป็นฝ่ายได้ก๊วยเซี้ยง แค่ไม่รู้จะพูดอย่างไรให้อับอาย คิดถึงก๊วยเซี้ยงคราใด ได้แต่ดูกำไลที่ก๊วยเซี้ยงให้ไว้ดั่งเป็นของดูต่างหน้า ต่อมาก๊วยเซี้ยงกลับบวชเป็นชีและตั้ง สำนักง่อไบ๋ขึ้น เตียกุนป้อจึงไปบวชเป็นนักพรตก่อตั้ง สำนักบู๊ตึ้งขึ้นเช่นกัน

   เลยเข้าทำนองที่ว่า อีกคนบวชชีเพราะหนีรัก อีกคนอกหักเพราะรักชี คงเป็นเช่นนี้กระมั้ง

เดชคัมภีร์นางฟ้า( คัมภีร์มังกรหยกจบภาค ) 8 ตอน วีรกรรมเมืองเซี้ยงเอี้ยง






          เมืองเซี้ยงเอี้ยงถูกมงโกลขนเครื่องยิงหินมาล้อมไว้แน่นหนาทั้งสามด้าน โดยจงใจเปิดทิ้งไว้ด้านหนึ่ง แม่ทัพเมืองเซียงเอี้ยงส่งทหารสอดแนมไปลาดตระเวนดูแล้วตลอดเส้นทางกว่าสิบลี้ ไม่พบทหารฝ่ายตรงข้าม หลังจากที่ก๊วยเซี้ยงได้ใช้เส้นทางด้านนี้หลบหนีซึ่งได้ปะทะกับทหารมงโกลซึ่งซุ่มอยู่ ตอนนี้เหมือนมงโกลจงใจสั่งถอนทหารด้านนี้ออกจนหมด ที่เป็นเช่นนี้เหมือนทางมงโกลส่งสัญญาณบอกว่าจะโจมตีแล้ว

   แต่หากหลบหนียอมแพ้ไปก็จะไว้ชีวิตยอมให้หนีทิ้งเมืองไปแต่โดยดี มันเป็นตามหลักจิตวิทยาเพื่อให้เมืองเซียงเอี้ยงระส่ำระส่ายเกิดขัดแย้งในการตัดสินใจกัน หากใครรักตัวกลัวตายจะได้ยอมแพ้ไปแต่โดยดีเพราะหากมงโกลล้อมแน่นหนาทั้งสี่ด้าน ทุกคนก็จะเห็นว่าไม่มีทางรอด จะสามัคคีร่วมมือร่วมใจกันทั้งทหารและชาวบ้านเพื่อต่อสู้เอาเป็นเอาตายโดยไม่ยอมแพ้เป็นพลังที่น่ากลัวยิ่ง

   อุปมาดังคติที่ว่าอย่าตีสุนัขจนตรอกเพราะมันจะหันมาแว้งกัดเอาเพราะไม่มีทางถอย ที่ประชุมสรุปตรงกันแล้วว่าจะรักษาเมืองเซียงเอี้ยงให้ถึงที่สุด เพราะหากมงโกลได้เมืองเซียงเอี้ยงจะสามารถยึดครองประเทศได้โดยง่ายเพราะเซียงเอี้ยงเป็นชัยภูมิสุดท้ายที่สำคัญในการเข้าตีเมืองหลวงต่อไป จะเสียเมืองเซียงเอี้ยงไม่ได้ แผนการป้องกัน รวมถึงทะยอยลักลอบนำชาวบ้าน ออกจากเมืองโดยไม่ให้มงโกลผิดสังเกตุได้เริ่มขึ้น เพราะเกรงว่ามงโกลอาจดักโจมตีในอีกเมืองได้เช่นกัน

   อึ้งย้งให้ก๊วยพั้วลู่และรองแม่ทัพเป็นคนคอยดูแลในการลักลอบพาชาวบ้านหลบหนี ที่เป็นเช่นนี้เพราะอึ้งย้งต้องการให้ก๊วยพั้วลู่ซึ่งเป็นลูกชายได้มีโอกาสรอด เพื่อมีทายาทไว้สืบตระกูลทีแรกก๊วยพั้วลู่ไม่ยอม ต้องการอยู่ร่วมเป็นร่วมตายกับก๊วยเจ๋งอึ้งย้ง เข่นเดียวกับก๊วยพู้ และคนอื่นๆที่ผูกพันกันมานาน แค่อึ้งย้งก็โน้มน้าวว่าภารกิจที่ต้องช่วยราษฎรให้พ้นภัยก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งเป็นเจตนารมณ์อันสูงของกํวยเจ๋งที่ทำเพื่อบ้านเมืองและประชาชน
ก๊วยพั้วลู่ไม่อาจโต้แย้งอึ้งย้งได้จึงทำตามคำสั่ง

   เหมือนทุกสิ่งได้จัดการจนเสร็จหมดแล้ว เหลือแต่เพียงรอเวลาที่ตะวันขึ้นตรงศรีษะ ซึ่งเป็นเวลาที่ทั้งฝ่ายมงโกลและเมืองเซียงเอี้ยงนัดเจรจาเป็นรอบสุดท้ายก่อนเข้าปะทะกัน เมืองเซียงเอี้ยงรอคอยกองทัพจากเมืองหลวงที่ขอความช่วยเหลือไป ซึ่งต้องเดินทางมาถึงในวันนี้ หากกองทัพจากเมืองหลวงมาจริงการเจรจาก็จะเป็นรูปแบบหนึ่ง หากไม่มาก็จะเป็นรองยอมสู้ตาย แม้กำลังเสียเปรียบก็ตาม

   แต่จนถึงบัดนี้ยังไม่เห็นวี่แววของกองทัพจากเมืองหลวงจะมาแต่อย่างใด อึ้งย้งก๊วยเจ๋งและเหล่าทหารต่างเตรียมใจถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป ก๊วยเจ๋งเดินตรวจกำลังทหารรวมทั้งเหล่าพลพรรคกระยาจกหลายร้อยคน ที่เข้ามาสู้ศึกร่วมเป็นร่วมตายป้องกันเมืองเซียงเอี้ยงด้วย ทุกคนต่างคึกคัก ชวัญกำลังดีทุกคน เห็นความตายเบื้องหน้าดุจดังเยือนมาตุภูมิ

   ก๊วยเจ๋งอึ้งย้งต่างเข้ามาจับมือทักท่ายปลุกปลอบขวัญพลพรรคอย่างสดฃื่นแจ่มใส
   “ เมืองเซียงเอี้ยงแม้คนน้อย แต่มากผู้มีฝีมือและวรยุทธกว่ามงโกล เราจะต้านมงโกลถึงที่สุด หากแม้ได้กองทัพหลวงมาตีขนาบได้ทันเมืองเซียงเอี้ยงก็จะรอด ”

   อะไรก็ล้วนแต่ไม่แน่นอนทั้งสิ้น ขณะก๊วยเจ๋งอึ้งย้งำลังจัดเตรียมสรรพกำลังและทักทายกับทุกคนอยู่นั้น กลับมีสิ่งที่ทุกคนไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อทหารมงโกลที่ทำการขนย้ายหินมาบรรจุที่เครื่องยิงเกิดอุบัติเหตุร่วงตกลงมาจากก้อนหินใหญ่ ดันมากระทบถูกกลไกการทำงานของเครื่องยิง ทำให้มันทำงาน ดีดยิงหินมหึมาออกไป ทั้งที่ยังไม่มีการคำนวณสั่งการ เหล่าทหารมงโกลบ้างส่วนที่ยังติดตั้งหินไม่เสร็จต้องลอยลิ่วมาพร้อมกับหินนั้น

   มีบ้างพลัดตกลงมาคอหักตายคาที่ ทหารบนเชิงเทินเห็นรีบร้องตะโกนเสียงหลง
   “ แม่ทัพ มงโกลยิงหินมาแลัว “

     ทุกคนต่างตกใจหันไปดูเห็นก้อนหินขนาดมหึมากำลังจะตรงข้ามกำแพงมา หากก้อนหินนี้ตกลงกลางเมืองผู้คนต้องตายกันเป็นเบือ อานุภาพจากความใหญ่บวกความเร็วที่ตรงเข้ามา ไม่ผิดกำลังอุกาบาตที่ตกจากฟ้ามาทำลายทั้งเมืองได้ก็ไม่ปาน เป็นก๊วยเจ๋งที่ว่องไวกว่าใครใช้กำลังภายในบวกวิชาตัวเบาอาศัยแท่นดีดตัวขึ้นสูงสุด ตรงเข้าชนกับก้อนหินทันที อึ้งย้งเห็นก๊วยเจ๋งทำอย่างนั้น ต้องใจหายวูบ สิ่งที่บังเกิดขึ้นอย่างกระทันหันไม่มีเวลาให้คิดใคร่ครวญใดๆ

   ทุกคนเห็นท้องฟ้าเกิดแสงสว่างวาบขึ้น ราวลูกไฟดวงใหญ่ ตอนก๊วยเจ๋งตรงเข้าปะทะกับก้อนหินยักษ์ เกิดเสียงดัง ตูม สนั่นราวกับฟ้าผ่าดังลั่นไปทั้วทั้งเมืองจนทุกคนต้องแตกตื่น สิ้นเสียงระเบิด เกิดก้อนหินที่แตกกระจายออก ตกหล่นลงมา อย่างห่าฝน มีบ้างที่โดนหินที่กระจายออกได้รับบาดเจ็บไปบ้าง มองเห็นฝุ่นตลบไปทั่วบริเวณ

   ทุกคนเห็นเช่นนั้น ต่างตะโกนโห่ร้องอย่างยินดีที่ทุกคนรอดตายได้ เสียงตะโกนชมก๊วยเจ๋งดังไปทั่ว
   “ แท่ทัพก๊วยเจ๋งสุดยอด “
   “ แม่ทัพก๊วยจงเจริญ ๆ ๆ “

   ทุกคนพร้อมใจกันร้อง แม่ทัพก๊วยจงเจริญไม่หยุด มีเพียงอึ้งย้งพยายามสอดสายตาหาก๊วยเจ๋งแต่ไม่พบ
   “ ท่านพี่ก๊วยเจ๋ง พี่ก๊วยเจ๋ง มีใครเห็นแม่ทัพก๊วยบ้าง ”

   เสียงอึ้งย้งเรียกจึงทำให้ทุกคนได้สติ ต่างมองหาก๊วยเจ๋งแต่ไม่มีใครพบ จึงเกิดการค้นหาก๊วยเจ๋ง แม้ในกองหินที่หล่นลงมาก็ถูกค้นหาแล้ว แต่ไม่มีใครพบเห็นแม้แต่ส่วนใดของก๊วยเจ๋งเลย สร้างความตกใจให้แก่ทุกคนยิ่งนัก
ส่วนทางด้านมงโกลก็สืบสวนเหตุการณ์ว่าเป็นอุบุติเหตุที่ทำให้เครื่องยิงหินออกไป โดยที่ทางมงโกลไม่ต้องการเช่นนั้น เพราะหากไปทำลายเมืองจนย่อยยับจนหมด มงโกลก็จะได้แต่เมืองที่ย่อยยับเป็นเศษหินเช่นนั้น จะเอาที่ไหนใช้พักบัญชาการสั่งการได้เล่า

   แต่กระนั้นมงโกลก็ต้องหาสายข่าวมารายงาน ว่าเกิดอะไรขึ้น เมืองเซียงเอี้ยงได้ประดิษฐ์อาวุธใด อันเป็นไม้เด็ดที่มาทำลายก้อนหินจากเครื่องยิงอันเป็นสุดยอดนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ของมงโกลได้ เมื่อไม่มีใครค้นหาร่างกํวยเจ๋งได้พบ จึงมีข้อสรุปเพียงอย่างเดียวว่า

   ก๊วยเจ๋งได้ใช้พลังพลว้ตรทั้งหมดเกินขีดจำกัดของตัว จนร่างต้องแตกสลายเป็นจุลไปพร้อมกับก้อนหินแล้ว
   “ ก๊วยเจ๋งตายแล้ว ”

   พอนึกถึงว่าก๊วยเจ๋งตายแล้ว ความเดียวดายอ้างว้าง ความโศกสลด เศร้าใจบรรดามี ก็เข้าเกาะกุมหัวใจอึ้งย้ง
จนหลั่งน้ำตาออกเป็นสายนองหน้า

   “ ไม่จริง เป็นไปไม่ได้  ฮือๆ “

     อึ้งย้งทรุดเข้าลงตรงกองหินเบื่องหน้าที่ค้นหาร่างก๊วยเจ๋ง ส่งเสียงร่ำไห้ไม่หยุดด้วยความเจ็บปวดใจเหลือแสน เหล่าทหารที่มองอยู่ไม่มีใครคาดว่า อึ้งย้งที่สุขุมรอบคอบโดยตลอดจะแสดงอาการหลุดออกมาให้เห็นเช่นนั้น
แต่ทุกคนก็เศร้าใจเห็นใจ พร้อมกับรับรู้ไปทางเดียวกันนั้นคือ

   “ แม่ทัพก๊วย ตายแล้ว ”

   ต่างพากันถอดหมวกเหล็ก นั่งทรุดเข่าลงเป็นการคาราวะต่อดวงวิญญาณของก๊วยเจ๋งผู้ล่วงลับไปแล้ว ก๊วยพู้ตรงเข้าปลอบใจมารดา ทั้งอึ้งย้งและก๊วยพู้จึงนั่งกอดกันร้องไห้ตรงนั้น เป็นภาพที่สะเทือนใจทุกคนผู้คน กับการจากไปของก๊วยเจ๋ง อึ้งย้งเหมือนสิ้นหวังทุกอย่างหมดกำลังแรงใจใดๆ ทั้งๆที่นางก็เตรียมใจไว้แล้ว ว่าการศึกครั้งนี้จะต้องตาย ก็อยากพลีชีพร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ต่อสู้กับศัตรูในสนามรบ

   แต่พอการตายเกิดขึ้นจริงกับก๊วยเจ๋งเช่นนี้ ก็ยากที่จะทำใจ กำลังแย้มยิ้มให้กัน จับมือเห็นกันอยู่ดีๆ เพียงชั่วขณะเดียว ก๊วยเจ๋งกับจากไปเป็นเศษฝุ่นธุลี โดยไม่มีโอกาสที่ได้ร่ำลาอะไรกัน

   “ หักใจเถอะอึ้งย้ง คงต้องยอมรับความจริงว่าก๊วยเจ๋งน้องเราได้จากไปแล้ว ”


   กลับเป็นจิวแปะท้ง( เฒ่าทารก )ที่สาบานเป็นพี่น้องกับก๊วยเจ๋ง( ที่มา มังกรหยก ภาค 1)ที่เข้ามาพูด
   “ เกิดมาทุกคนล้วนต้องตายไม่ช้าก็เร็ว ไม่มีใครไปกำหนดได้ว่าต้องตายเมื่อไร ต้องตายยังไงถึงจะเป็นการตายที่เหมาะสมกับเรา จะไปขอให้ต้องป่วยตาย หรือโดนข้าศึกฆ่าตายในการรบคงไม่ได้ จะขอตายเป็นคนแรกหรือคนสุดท้ายก็ไม่ได้เช่นกัน จึงไม่ควรไปใส่ใจร้องขอต่อความตายเลย กับการตายของก๊วยเจ๋งแม้ตายด้วยก้อนหิน ก็มีคุณค่าไม่แตกต่างจากการตายเพราะต่อสู้กับข้าศึกหรอก เพราะหากก้อนหินนั้นตกกลางเมือง ชึวิตผู้คนเหลือคณาในเมืองเซียงเอี้ยงก็ไม่รอด พวกเราต่างรู้สึกขอบคุณและจดจำสิ่งที่ก๊วยเจ๋งเสียสละในครั้งนี้ ตอนนี้เจ้าต้องทำใจเข้มแข็ง อย่าให้การตายของน้องเรา( กํวยเจ๋ง )มาบั่นทอนจิตใจให้ขาดสติ อย่าปล่อยให้การตายของกํวยเจ๋งไร้ความหมาย ตอนนี้เท่ากับเจ้าเป็นผู้นำแทนก๊วยเจ๋งแล้ว จะทำอย่างไรต่อไป พวกเราทุกคนต่างรอคำสั่งจากเจ้าแล้ว ”

   อึ้งย้งได้ฟังจิวแปะท้งพูดจึงได้สติคืนมา เฒ่าทารกซึ่งแต่ไหนแต่ไรมาเป็นคนพูดจาเหลวไหลไร้สาระเอาแต่เล่นไปวันๆคล้ายเด็ก แต่ในยามวิกฤตเช่นนี้กลับมีคำพูดที่เป็นหลักการ ปลุกปลอบใจอึ้งย้งได้ดีจนไม่คิดฝันว่า ตำพูดเหล่านี้จะมาจากปากท่าน ทำให้อึ้งย้งกลับมีแรงใจได้ใหม่

   อึ้งย้งคิดในใจหันกลับมาหาจิวแปะท้ง
   “ ข้าขอบคุณพี่จิวมาก ที่พูดเตือนสติข้าได้ดี ถูกแล้วเราอย่าทำให้การตายของก๊วยเจ๋งต้องเสียเปล่า ”
   “ แม่ทัพก๊วยเจ๋งตายแล้ว แต่ข้าศึกข้างหน้ายังอยู่ การตายของแม่ทัพก๊วยจะไร้ความหมายไปทันที หากเราอ่อนแอยอมแพ้แก่ข้าศึก ต้องร่วมมือร่วมใจกัน ทำตามแผนที่กำหนดปกป้องเมืองเซียงเอี้ยงให้ถึงที่สุด ดังเช่นที่แม่ทัพก็วยได้เสียสละชีพเพื่อปกป้องแผ่นดิน ”

   อึ้งย้งประกาศเหล่าทหารและผู้กล้าแห่งพรรคกระยาจกทุกคนต่างไชโยโห่ร้องไปกับอึ้งย้ง อยู่ๆภาพอึ้งย้งและทุกคนเหมือนกระพริบๆ ติดๆดับ คล้ายเวลาเราดูภาพยนตร์แล้วเกิดไฟฟ้าไม่พอ อึ้งย้งมองดูตัวเองและคนอื่นก็ต่างเป็นเช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น อึ้งย้งพยายามรวบรวม ให้ตัวเองกลับมา แต่กลับมาพบตัวเองยืนอยู่กลางสนามรบกำลังใช้กระบี่ต่างไม้เท้าใช้ออกด้วยกระบวนท่าไม้เท้าตีสุนัขแต่เปลี่ยนเป็นกระบี่แทน

   มืออีกข้างใช้ออกด้วยท่าฝ่ามือสิบแปดฝ่ามือสยบมังกร เข่นฆ่าทหารมงโกลล้มตายเป็นจำนวนมาก จนร่างอึ้งย้งแดงฉานไปด้วยโลหิตโดยไม่รู้ว่าเป็นโลหิตของตนหรือศัตรูกันแน่ เพราะตัวอึ้งย้งเองก็รู้สึกบอบช้ำภายใน เรี่ยวแรงอ่อนระโหยจนแทบทรงตัวไม่อยู่ ฝ่ายทหารและพลพรรคกระยาจกต่างก็ล้มตายลงเป็นจำนวนมากเช่นกัน แต่ด้วยพลังฝีมือและใจอันเด็ดเดี่ยวของทุกคน จึงสามารถตลุยทหารมงโกลจนแตกพ่ายไป

   สามารถยึดเครื่องยิงหินได้เครื่องหนึ่ง ทั้งหมดพากันโห่ร้องด้วยความดีใจ แต่เป็นสักพักเดียวก็เกิดหินของฝ่ายมงโกลยิงใส่เข้ามา มีลูกหนึ่งซึ่งใหญ่ พอๆกับลูกที่ยิงข้ามกำแพงเมือง คราวนี้มองเห็นจิวแปะท้งเป็นคนกระโดดพุ่งชนหินเลียนแบบก๊วยเจ๋งเสียง  ตูม ดังสนั่น ก้อนหินแตกกระจัดกระจายเป็นก้อนใหญ่บ้างเล็กบ้าง

   มองเห็นจิวแปะท้งหล่นลงมานอนแอ้งแม้งกับพื้น ชูมือสั่นระริกไปทางอึ้งย้ง
   “ อึ้งย้ง ๆ ”

   อึ้งย้งตรงเข้าไปจับมือข้างที่สั่นระริกไว้แน่น บีบมือให้กำลังใจจิวแปะท้งที่ร่อแร่ใกล้สิ้นใจ
   “ ข้า ข้าอยากประลองฝีมือกับก๊วยเจ๋งมานานว่าตอนนี้ใครเก่งกว่ากัน เจ้าเห็นไหมข้าก็ทำลายหินยักษ์ของมงโกลได้ แถมร่างยังไม่สลายไปเช่นนี้ ข้าเก่งกว่าก๊วยเจ๋งใช่หรือไม่ ”

   อึ้งย้งยิ้มให้กำลังใจจิวแปะท้ง
   “ ใช่ท่านเก่งกว่า และเก่งเหนือใครในยุทธภพด้วยซ้ำ ” จิวแปะท้งยิ้มอย่างพอใจ แล้วจึงหลับตาลงเสียชีวิตลงตรงนั้น

   อึ้งย้งต้องหลั่งน้ำตาให้กับการจากไปของจิวแปะท้งอีกคน อึ้งย้งแทบไม่มีเวลาคิดก็ปรากฎมีก้อนหินขนาดใหญ่ที่ยิงตกลงมาใกล้นาง แม้ไม่ได้ถูกต้องตัวโดยตรงแต่ก็มีก้อนที่แตกกระเด็นมาโดนตัวนาง สร้างความบอบช้ำให้มีมากกว่าเดิม จนแทบสิ้นใจไปอีกคน อึ้งย้งพยายามแข็งใจลุกขึ้นยืน

   มองเห็นกำแพงเมืองเซียงเอี้ยงโดนหินถล่มพังครืนลงมาแล้ว อึ้งย้งได้แต่ยืนมองน้ำตาไหลริน รำพึงขึ้น
   “ จบกันแล้ว ท่านพี่กํวยข้ามิอาจป้องกันเมืองเซียงเอี้ยงได้ตามเจตนาของท่านแล้ว ชาวซ่งมีผู้คนตั้งมากมายทั้งเก่งกาจกว่า กลับต้องพ่ายแพ้ต่อก้อนหินของชาวมงโกล จะมัวคิดค้น ฝึกฝนวรยุทธไปให้เสียเวลาสูญเปล่าไปทำไม อีกหน่อยวรยุทธคงเปล่าประโยชน์สูญหายไปหมดแล้ว เพราะไปประดิษฐ์นวัตกรรม สร้างอาวุธที่มีอำนาจทำลายล้างสูงจะดีกว่า ”

   คำรำพันด้วยความน้อยใจของอึ้งย้งเป็นจริงในปัจจุบันที่มนุษย์สามารถประดิษฐ์คิดค้นอาวุธร้ายแรงได้จริง และไม่มีผู้ใดฝึกวรยุทธกันแล้ว ฝ่ายแม่ทัพมงโกลเห็นจึงสอบถามไปว่า ในกองทัพเมืองเซียงเอี้ยงมีสตรีที่เก่งกาจทำการรบอย่างห้าวหาญนั่นคือผู้ใด จึงได้รับคำตอบว่าคืออึ้งย้งภรรยาของแม่ทัพก๊วยเจ๋ง แม่ทัพมงโกลเกิดเสน่หาในตัวอึ้งย้ง และเห็นนางบาดเจ็บสาหัสจึงสั่งทหารเข้าจับเป็นห้ามทำอันตรายใดๆกับอึ้งย้ง

   อึ้งย้งลมหายใจรวยรินแทบขาดใจ มองไปทางไหนก็เห็นแต่กองทัพมงโกล ไม่ปรากฎทัพหลวงของเมืองซ่งยกมาช่วยแต่อย่างใด ที่เป็นเช่นนี้เพราะฮ่องเต้หลงเชื่อคำเพ็ดทูลของเหล่าพ่อมดหมอผีว่าไม่ต้องยกกำลังไปช่วยเมืองเซียงเอี้ยง เพราะหากถึงเมืองเซียงเอี้ยงแตก พวกมันก็จะทำพิธีเรียกทหารเทวดาลงมาปกป้องเมืองซ่งได้
แต่เมื่อมงโกลยึดเมืองเซียงเอี้ยงแล้ว ก็ยกกำลังเข้าตีเมืองซ่งได้โดยง่าย ไม่ปราฎว่ามีทหารเทวดาลงมาจากฟากฟ้าช่วยเมืองซ่งแต่อย่างใด

   อึ้งย้งหมดแรงต่อสู้นึกภาวนาขอให้บุตรชายบุตรสาวต่างหนีไปได้อย่างปลอดภัย พลันเห็นม้าสีขาวตัวหนึ่งควบเข้าหาอย่างรวดเร็วยิ่ง

   “ ม้าตัวนั้น ช่างสง่างามเหลือเกิน เหมือนๆ เจ้าขาวสำอางค์ของลูกเซี้ยง ”

   อึ้งย้งพลันนึกถึงก๊วยเซียง ขณะที่กำลังจะสิ้นลมอยู่ร่อมร่อคิดว่าทหารบนหลังม้าคงจะเข้ามาสังหารตนแน่แท้
แต่มโนภาพเห็นเป็นก๊วยเซี้ยงเอง พลันกลับมีมือข้างหนึ่งดึงร่างอึ้งย้งขึ้นบนหลังม้าอย่างรวดเร็ว

   “ ท่านแม่ รีบขึ้นมาเถิด ข้าก๊วยเซี้ยงเอง ”

   อึ้งย้งคล้ายครึ่งหลับครึ่งตื่นนึกว่าตัวเองฝันไปถึงก๊วยเซี้ยงลูกคนโปรด ขึ้นไปซบหน้ากอดด้านหลังก๊วยเซี้ยงที่ควบม้าพานางหนี จากกองทัพมงโกลที่แห่เข้ามาได้อย่างหวุดหวิด ทหารมงโกลได้แต่ไล่ตามไม่กล้ายิงเกาฑัณต์เข้าใส่ เพราะเกรงจะไปทำอันตรายแก่อึ้งย้ง ด้วยมีคำสั่งให้จับเป็น อึ้งย้งคล้ายมีสติขึ้นมาอีกหนนึกขึ้นได้ว่าตนมีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกก๊วยเซี้ยง จึงสะกิดหลังก๊วยเซี้ยงให้หยุดม้าก่อน

   ก๊วยเซี้ยงเห็นปลอดภัยจากทหารมงโกลจึงแอบซ่อนม้าประคองอึ้งย้งลงจัดหาน้ำให้มารดาดื่ม
   “ ลูกเซี้ยง ๆ จริง ”

   ก๊วยเซี้ยงน้ำตาริน ขณะจะทำการตรวจว่าอึ้งย้งบาดเจ็บตรงไหน อึ้งย้งกลับโบกมือ
   “ ไม่ต้อง อย่าลืมกระบี่อิงฟ้า ในนั้นมีเคล็ดวิชาเจ้าต้องเอากระบี่และดาบฆ่ามังกรมาทำลายกันเองจึงนำเคล็ดวิชาออกมาได้ ”
   “ คะท่านแม่ ” ก๊วยเซี้ยงกล่าวรับทั้งน้ำตา

   เห็นอึ้งย้งยิ่งกล่าวเสียงยิ่งแผ่วแหบพร่า จึงให้อึ้งย้งดื่มน้ำอีกอึกใหญ่ อึ้งย้งจึงกล่าวต่อ
   “ ยังมี เรื่องที่สำคัญยิ่งกว่า ลูกเซี้ยง เรื่องสำคัญนี้เจ้าต้องจำให้แม่น ตัวแม่ต่างหากที่เป็นดั่งคัมภีร์เล่มหนึ่ง ไม่เพียงแต่กระบวนท่า ยังรวมถึงวรยุทธ กำลังภายในและทักษะการฝึกปรือไว้ เจ้าต้องรักษาแม่ไว้ให้ดี อย่าให้อยู่ในมือศัตรูคนร้าย แม่คงไม่รอดแล้ว จำเป็นต้องใช้พลังสุดท้ายปิดกั้นพลังนี้ไว้กับตัวหาทาง....ดึงพลังที่มีอยู่ในตัวแม่ออกมาให้ได้ “

   อึ้งย้งกล่าวเพียงแค่นั้นพร้อมกับปิดตาลง ได้ยินเสียงก๊วยเซี้ยงร่ำไห้เรียกท่านแม่ๆ ไม่หยุดอึ้งย้งใช้พลังสุดท้ายกักพลังทั้งมวลในตัวแล้วทำการปิดกั้นจุดสำคัญไม่ให้พลังออกมาได้ รักษาพลังนั้นไว้ภายในตัว ภายหลังคงคาดเดากันได้ว่าหลังจากอึ้งย้งตายก๊วยซึ้ยงพบศพอึ้งย้งกลับไม่เน่าปื่อยให้เป็นที่ประหลาดใจ พยายามหาวิธีดึงพลังออกจากตัวอึ้งย้งแต่ไม่สำเร็จ ออกตามหาตัวเอี้ยก๊วยก็ไม่พบ

   บุกขึ้นเส้าหลินเพื่อหาเคล็ดวิชาเพื่อมาไขปริศนาของอึ้งย้ง จนได้พบกับเตียซำคงในวัยเด็ก ภายหลังต่างก่อตั้งบู๊ตึ้งและง่อไบ๋ขึ้นมา( ตามท้องเรื่องของดาบมังกรหยก ผิดพลาดอย่างไร ลองอ่านในดาบมังกรหยกอีกทีครับ )หลังจากก่อตั้งง่อไบ๋แล้วจึงย้ายศพอึ้งย้งมาเก็บไว้ในโลงแก้ว พร้อมจัดทำป้ายสลักวิญญาณผู้กล้าหาญที่ช่วยกันรักษาเมืองเซียงเอี้ยงเท่าที่นางทราบชื่อทุกคนไว้เป็นอนุสรณ์กราบไว้

   ส่วนเรื่องพลังในศพอึ้งย้งเจ้าสำนักง่อไบ๋รุ่นต่อมาล้วนได้รับการบอกเล่าถ่ายทอดกันมา แต่กลับไม่มีใครมีอัจฉริยะพอที่จะไขความลับนำเอาพลังออกมาได้ เหมือนชะตาห้าลิขิคที่พลังฝีมือในตัวอึ้งย้งที่ควรเป็นของเจ้าสำนักง่อไบ๋คนใดคนหนึ่งในเวลาต่อมา กลับกลายเป็นเจ้ากังปังไปได้พลังทั้งหมดนั้นไป ทั้งๆที่ง่อไบ๋มีสิ่งล้ำค่านั้นอยู่ในสำนักเป็นร้อยกว่าปีก็ตาม

   กังปังลืมตาขึ้นมาน้ำตาคลอเบ้าทั้งสองข้าง เมื่อได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด ซึ่งบัดนี้มันกระจ่างแน่ชัดแล้วว่า สิ่งที่มันรู้ไม่ใช่ความฝันแต่เป็นความทรงจำของอึ้งย้งที่มีอยู่ในหัวของมันต่างหาก แม้บางช่วงความทรงจำจะขาดวิ่นไปบ้าง แต่กังปังก็สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้ทั้งหมด อาจเป็นครั้งแรกที่กังปังได้สัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่าคุณธรรมความดี ที่มีคนเสียสละตนเพื่อคนอื่น อย่างก๊วยเจ๋งและอึ้งย้ง

  บังเอิญศาลเจ้าที่มันแอบเข้ามาหลบพักหลังจากหนีลงมาจากสำนักง่อไบ๋เป็น ศาลเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์งักฮุย มันจึงจุดธูปก้มลงคำนับดวงวิญาณของท่าน ผู้ซึ่งเป็นวีรบุรุษช่วยกอบกู้แผ่นดินซ่งตั้งหลายครั้ง แต่กลับถูกขุนนางกังฉินใส่ความจนต้องโดนประหาร แม้กระนั้นท่านก็ยังซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินโดยตลอด จนชาวซ่งยกย่องให้เป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์

****เมืองจีนเหมือนมีเคราะห์กรรมซ้ำซ้อน แม้ต่อมาจะสามารถพ้นจากการรุกรานจากมงโกล สามารถขับไล่ให้มงโกลพ้นจากแผ่นดินได้แล้ว ในกาลต่อมากลับถูกแมนจูยึดครอง แมนจูเห็นชาวฮั่นยกย่องงักฮุยผู้ซึ่งต่อสู้ผู้รุกรานแผ่นดิน จึงหาว่ายังมีผู้ใดที่ซื่อสัตย์เท่างักฮุย ซึ่งคือ กวนอู และกวนอูเป็นเรื่องที่ไกลตัวแมนจูมากกว่างักฮุย จึงให้เปลี่ยนตัว เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์เป็นกวนอูแทนเพื่อผู้คนจะได้ลืมเรื่องราวของผู้มารุกรานแผ่นดินซึ่งก็รวมถึงแมนจูด้วย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเทพเจ้ากวนอูจึงเป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์แทนงักฮุย)****

   เมื่อคาราวะดวงวิญญาณของงักฮุยเสร็จ กัวปังจึงหันหน้ามายังทิศที่จะไปง่อไบ๋ ก้มลงคุกเข่าคำนับไปยังทิศนั้น พร้อมพูดขึ้น
   “ บัดนี้ข้ากระจ่างในทุกเรื่องแล้ว พลังฝีมือและความสามารถบรรดามีล้วนได้มาจากตัวท่าน( อึ้งย้ง )เท่ากับท่านเป็นอาจารย์ของข้า โปรดให้อภัยในความผิดทุกสิ่งที่ข้าทำไป ข้าได้เห็นคุณธรรมและความเสียสละของท่าน ข้าขอจดจำเป็นแบบอย่าง แม้ไม่อาจเทียบท่านได้ นับจากนี้จะขอยึดมั่นในคุณธรรมใช้พลังฝีมือที่ได้รับจากท่านในทางที่ถูก ปกป้องคุณธรรมตามแบบอย่างจากท่าน ขอให้ท่านรับการคาราวะจากข้ากังปังด้วยเถิด ”

   กังปังพูดจบก็ก้มลงเอาหัวโขกพื้นสามครั้ง ขึ้นชื่อว่าคนแม้ทำชั่วแค่ไหนขอเพียงยังมีความสำนึกผิดได้บ้างก็นับว่าเริ่มดีได้แล้ว จึงว่ามนุษย์ต่างจากสัตว์ตรงมีความสำนึกผิดนี้แหละ ที่เป็นธรรมในตัว หรือที่เรียกว่ามีความเป็นมนุษยธรรม และดูเหมือนฟ้าจะรับรู้ถึงสัตย์ปฎิญาณที่กังปังให้ไว้จึงส่งเสียง ครืนนน ขึ้นมา

   พอกังปังเอาหัวโขกพื้นสามครั้งเสร็จ พลันนึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้มันเอ่ยคำว่ากังปังออกมา
   “ เมื่อกี้ข้าพูดว่า กังปัง เรอะ หมายถึงอะไร  กังปัง  กังปัง ”

   แล้วจู่ๆภาพต่างๆที่เกี่ยวกับมันก็ผุดขึ้นมาในหัวราวกับใครฉายภาพขึ้นมา
   “ ใช่แล้วกังปัง ข้าชื่อกังปัง ข้าชื่อกังปัง ” มันโห่ ร้องอย่างดีใจ


ในที่สุดกังปังก็จำตัวเองได้ แล้วสัตย์ปฎิญาณที่มันให้ไว้สักครู่ละ
มันจะทำได้ไหม กังปังจะเปลี่ยนเป็นคนดี หรือ จะกลับเป็นคนเลวอย่างเก่าอยู่ที่มันเลือกแล้ว

“ ชีวิตคนอาจดูคล้ายถูกโชคชะตากำหนด แต่ก็สามารถเลือกทางเดินเพื่อเปลี่ยนชะตากรรม โดยการสร้างกรรมใหม่ลบล้างกรรมเก่าได้เช่นกัน ”

จบภาค กำเนิดคัมภีร์นางฟ้า

เดชคัมภีร์นางฟ้า( คัมภีร์มังกรหยก ) 6 ตอน ค่ายกลกระบี่ง่อไบ๊





     กังปังพอได้ฝึกซ้อมสิบแปดฝ่ามือสยบมังกรเที่ยวหนึ่งก็เข้าใจในทุกระบวนท่าอย่างปรุโปร่ง ตอนนี้มันเริ่มรู้ถึงพลังต่อสู้และวรยุทธของตัวเองชัดเจนขึ้นแล้ว หลังจากทำการต่อสู้ แต่พอมองเห็นค่ายกลกระบี่ของง่อไบ๊ที่ล้อมรอบมันอย่างแข็งขันเช่นนี้ มันก็ไม่อาจชะล่าใจ เพราะเมื่อสักครู่ที่มันได้ประลองกับเพลงกระบี่คุณธรรมจากนางชีว่านฃิงกับเซี่ยวหลิงจึงเห็นความลึกล้ำของกระบี่ง่อไบ๊ยิ่ง เพราะขนาดแค่สองคนยังสามารถต้อนให้มันจนมุมได้

   ตอนนี้ค่ายกลกระบี่ที่ก่อตั้งขึ้นมาเกินร้อยกว่าคนคงบีบให้มันสยบได้เป็นแน่
   “ ศิษย์ง่อไบ๊ทุกคนจงฟังคำสั่งข้า ”

   เสียงซือไท้ตันหยงพูดขึ้นด้วยเสียงดังกังวานเพราะใช้พลังลมปราณช่วยพูดออกมาราวกับพูดด้วยเครื่องขยายเสียงทำให้ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจนทุกถ้อยคำ

   “ พวกเจ้าอย่าได้ถือว่าเป็นการใช้พวกมากเอาชัย หน้าที่พวกเจ้าต้องช่วยกันสยบคนผู้นี้ให้ได้เพราะศพอาจารย์ทวดอึ้งย้งเป็นสิ่งล้ำค่าของง่อไบ๊ที่ไม่อาจประเมินได้ ต้องจับกุมผู้นี้ให้นำศพอาจารย์ทวดอึ้งย้งคืนมา ต้องตั้งใจอย่าให้มันหนีไปได้ ใครทำค่ายกลแตกต้องรับโทษ พวกเจ้าอย่าได้ลุกลนทำตามที่เคยฝึกตามขั้นตอน ตามคำสั่งข้าก็จะเอาชัยได้ “
   “ ศิษย์ทราบดีแล้วคะ น้อมรับคำสั่งท่าน ”
  
   เหล่านางชีต่างพูดรับโดยพร้อมเพรียงกัน
   “ เริ่มได้ ”
   " ดาวเดือนเคลื่อนคล้อยนภา "

   สิ้นเสียงแม่ชีตันหยงรองเจ้าสำนักง่อไบ๊ เหล่านางชีศิษย์ง่อไบ็ทุกคนต่างวิ่งวนเคลื่อนหาเจ้ากังปังพร้อมเสือกแทงไปที่กังปังทีละคน กังปัง ต้องยกฝ่ามือขึ้นโต้ตอบด้วยกระท่าสิบแปดฝ่ามือสยบมังกร กระบี่แต่ละเล่มที่แทงเข้ามาราวกับเครื่องจักรที่หมุนวนแทงกระบี่เข้าออกโดยมิปาน พอมันจะสำแดงเดชใช้พลังฝ่ามือตีโต้ เหล่านางชีต่างก็ถอยออกไปจนหมด เป็นมันต้องฟาดฝ่ามือใส่อากาศ ว่างเปล่า เสียแรงโดยใช้เหตุ

   " หยาดพิรุณโปรยปราย "

   คราวนี้มันเห็นค่ายกลกระบี่แปรรูป เหล่านางชีที่อยู่ด้านหลัง กลับกระโดดข้ามแถวหน้าขึ้นมาระดมแทงกระบี่ใส่
กังปังทำได้เพียงเคลื่อนย้ายท่าเท้าหลบหลีก กระบี่เล่มแล้วเล่มเล่าที่พุ่งเข้ามาหาราวกับหยาดฝนที่หล่นมาจากฟ้าเข้าหาจริงๆ มันจึงทุ่มฝ่ามือเข้าหาในท่ามังกรพิโรธ

   แต่เหล่านางชีเหมือนเข้าออกอย่างรวดเร็ว กลับหายไปอยู่ในกระบวนดั่งเดิม
   “ ถ้าเป็นอย่างนี้ข้าต้องหมดแรงก่อนแน่ ค่ายกลกระบี่แน่นหนาอย่างนี้ต่อให้มีปีกก็ยากจะหนี ”

   กังปังรำพึงกับตัวเอง ปีกบินหนีหรือ พอคิดได้ดังนั้น มันเลยโผทยานขึ้นบนท้องฟ้า ราวเหาะเหิน เหล่านางชีถึงกับตลึง เพราะไม่เคยพบเห็นว่าใครจะสามารถกระโดดได้สูงถึงเพียงนั้น แสดงถึงวิชาตัวเบาที่ล้ำเลิศ

   “ พวกเจ้าอย่าได้ ลนลาน แปรขบวนเป็นเกราะเพชร เหม่ยฮั้ว เหม่ยเฮียง นำขบวนแปรไปทางตะวันตก เดี๋ยวมันก็ต้องตกลงมา ”

   กังปังตั้งใจกระโดดหนีให้พ้นจากวงล้อม มิคาดพอตกลงมายังตกมาในกลางวงล้อมอยู่ดี มันทดลองโดดหนีอีกหน กลับตกลงมาที่เดิม ทำให้มันมึนงง

   “ ค่ายกลกระบี่ของลูกซึ้ยงลึกล้ำยิ่ง ดัดแปลงมาจากค่ายกลของเกาะดอกท้อ ”
   “ เอ๊ะ เสียงผู้ใดพูดในหัวเรา ”

   กังปังยังไม่ทราบความว่าตอนนี้ที่มันมีพลังวรยุทธสุดยอด เพราะได้มาจากอาจารย์อึ้งย้งที่มันไปล่วงเกินบัดสี
และไม่เพียงแต่วรยุทธ ผลข้างเคียงมันคือ ได้รับความทรงจำและสติปัญญาของอึ้งย้งติดมาด้วย สิ่งที่อึ้งย้งรู้อะไรมา มันจึงรู้ด้วย กังปังหลังจากมันทดลองกระโดดหลบหลีสองครั้งไม่ประสบผล มันจึงยืนหลับตานิ่งกลางค่ายกล
เพื่อสงบฟังความคิดที่เกิดขึ้นมาในหัวของมัน

    เสียงของอึ้งย้งดังขึ้นมาว่า
    ค่ายกลเกาะดอกท้อ บิดา( อึ้งเอี้ยะซือ )ซึ่งเป็นปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญค่ายกลเป็นผู้สร้างขึ้น โดยดัดแปลงมาจากค่ายกลของท่านจูกัดเหลียง( ขงเบ้ง )ลักษณะเป็นดั่งค่ายกลซ้อนค่ายกล แบ่งเป็น 8 ประตู( หาอ่านเพิ่มเอา จาก พิศวาสมังกรหยก ที่แต่งขึ้นก่อนหน้า )ทุกค่ายกลจะมีลักษณะคล้ายกันคือ มีความสลับซับซ้อนสร้างมายาภาพ เพื่อกักให้คู่ต่อสู้ติดในค่ายกล ใช้กำลังจนหมดแรง เพราะถูกหมุนเวียนเข้าต่อสู้ ถึงจะเป็นทั้งกองทัพหากติดในค่ายกลก็จะอ่อนกำลังแพ้ไปเอง แต่จุดที่เหมือนกันของทุกค่ายกลที่สร้างขึ้น ผู้สร้างจำต้องสร้างประตูหลัง( ประตูลับ )ซ้อนเอาไว้ เพื่อใช้เป็นทางเดินเข้าออกฉุกเฉิน ในกรณีที่ผู้สร้างต้องการเข้าออกเพื่อไปแก้สถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้นมา ลูกเซึ้ยงเจ้าจะทำอย่างไรเพื่อซ่อนประตูลับ ไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามล่วงรู้

   ระหว่างที่กังปังยินหลับตาคิด ทั้งขบวนกระบี่ก็กลับหยุดตามไปด้วย เพราะรอคำสั่งจากรองเจ้าสำนักอยู่ แม่ชีตันหยงไม่รู้ว่าเจ้ากังปังจะมาไม้ไหน เลยรอดูท่าที

   “ หรือมันจะยอมจำนน เจ้าจะยอมแพ้หรือไม่ คุกเข่ายอมให้จับกุมแต่โดยดี ”

   กังปังลืมดาขึ้นยกนิ้วชี้ขึ้นส่ายไปมา
   “ ไม่ยอม ใครว่าข้ายอมแพ้ละ ”
   “ งั้นดีละ ดาวเดือนเคลื่อนคล้อย ”

   อีกครั้งที่ขบวนกระบี่แปรรูปเป็นวงกลมหมุนเข้าหากังปัง มันจึงหลบหลีกป้องกันตัวแต่ไม่ได้ตีโต้กลับ อีกเดียวก็หยาดพิรุณโปรยปรายอีกรอบใช่ไหม ความคิดยังไม่ทันสิ้นสุด

   " หยาดพิรุณโปรยปราย " เสียงแม่ชีตันหยงก็สั่ง จริงๆ

   เจ้ากังปังหลบหลีกได้คล่องแคล่วว่องไวกว่ารอบแรก
   “ ข้ารู้แล้ว ที่อันตรายที่สุดคือที่ปลอดภัยที่สุด ประตูลับต้องซ่อนอยู่ในที่นั้นแน่ “

   ฟ้าคำรามยามค่ำ กังปังพูดขึ้นในใจ แต่กลับผิดคาดแม่ชีตันหยงกลับพูดขึ้นว่า
   " จันทร์กระจ่างกลางสมุทร " เหวอ...ไม่ใช่แฮะ กังปังที่กำลังกระโดดลอยขึ้น

   กลับถูกเหล่านางชีกระโดดตามติดประสานกระบี่ จนเกือบฟันถูกข้อเท้ามัน แต่อาศัยวิชาตัวเบาที่สูงกว่าหลบไปได้หวุดหวิด แต่กลับตกลงมามายืนหยุดอยู่เบื้องหน้านางชีวัยรุ่นผู้หนึ่งในระยะกระชั้นชิดใบหน้าแทบจะติดกัน ต่างสูดลมหายใจที่ออกมาของกันและกันได้ กลิ่นลมหายใจของอิสตรีช่างหอมจรุงยิ่ง จริงซิถึงเป็นนางชีก็เป็นสตรีนางหนึ่ง กังปังคิด โรคหื่นกามของมันกำเริบอีกแล้วอย่างช่วยไม่ได้

   นางชีรูปนั้นถึงกับมองตาโตเพราะไม่เคยใกล้ชิดผู้ชายคนใดติดขนาดนี้มาก่อนเพราะอยู่ในระยะประชิดเกินไป นางจึงไม่สามารถใช้กระบี่ ขณะจะผละถอยมากลับถูกมือของเจ้ากังปังดึงศรีษะนางเข้าไปจูบปากจิ้มลิ้มโดยไม่ได้ตั้งตัว เหล่านางชีต่างตกใจไม่คิดว่าเจ้ากังปังจะกล้าทำสัปดนแบบนี้กับผู้ถือบวชเป็นนางชีได้ เจ้ากังปังพอถอนจูบนางชีรูปนั้นก็หันไปกอดนางชีอีกรูปที่อยู่ข้างๆ จนนางร้องว้ายอย่างตกใจ แก้มใสกลับโดนเจ้ากังปังจอมทะลึ่งจูบไปฟอด อย่างไม่รู้ตัว

   เจ้ากังปังก็อาศัยความว่องไวไปคว้ากอดนางชีอีกรูปทำเช่นเดียวกัน เหล่านางชีส่วนใหญ่ล้วนเป็นสตรีพรหมจรรย์ไม่เคยต้องมลทินจากชายใด สุดแสนจะอับอาย ต่างตลึงพึงเพริศ ฃั่วพริบตาเดียวเหล่านางชีต่างถูกเจ้ากังปังกอดจูบล่วงเกินไปเจ็ดแปดคนแล้ว เหตุการณ์ในค่ายกลกระบี่กลับตาละปัตร เหล่านางชีที่พึ่งโจมตีเข้ามาเลยต่างวิ่งหนี ด้วยกลัวกังปังกอดจูบเอา แม่ชีตันหยงเห็นเหตุการณ์แปรเปลี่ยนเหนือคาดหมายแก้ไขไม่ทัน
เจ้ากังปังวิ่งไล่กอดนางชีคนนั้นที คนนั้นที จนค่ายกลกระบี่วุ่นวายไปหมดเพราะกลัวโดนกอด

   ต่างวิ่งหนีลืมต่อสู้ไป มีนางชีรูปหนึ่งวิ่งหนีไม่ทันคล้ายรู้ชตากรรม กับหลับตาพริ้มยื่นปากให้เจ้ากังปังจูบซะงั้น
แม่ชีตันหยงแสนเดือดดาล ร้องสั่งลูกศิษย์ว่าอย่าแตกตื่นลนลาน

   “ พวกเจ้าต่างมีกันตั้งมากมาย ทั้งมีมือเท้าดรรชนี ศัตรูประชิดตัวใช้กระบี่ไม่ได้ ก็ใช้นิ้วจิ้มตามันก็ได้ ”

   เหล่านางชีค่อยตั้งสติได้ค่อยรวมกำลังมาใหม่ เป็นเหมยฮั้วศิษย์เอกของเจ้าสำนักอุงหลิงที่ตั้งตัวได้ก่อนใช้กระบี่เข้าสกัดเจ้ากังปังไม่ให้ก้มจูบนางชีที่หลับตาพริ้มคอยจูบจากเจ้ากังปังออกมา กังปังพลิกตัวหลบเอามือหนึ่งคว้ามือที่ถือกระบี่ของแม่ชีเหมยฮั้วได้

   อีกมือหนึ่งจับเอวนางพาหมุนออกคล้ายทั้งคู่กำลังเต้นรำกัน
   “ ว้าว นางชีง่อไบ๊ นี้สวยๆหลายคนแฮะ คนนี้ก็สวยพอๆกับแม่ชีว่านชิงเลยแฮะ ขอกอดให้ชื่นใจหน่อยเถอะแม่ชีคนสวย ”

   นางชีเหมยฮั้วสุดกระอักกระอ่วนด้วยเสียท่าเจ้ากังปัง นางชีอื่นจะเข้ามาก็ไม่ทัน กังปังพาเหมยฮั้วหมุนตัวเข้าออกอย่างสนุกไม่กลัวบาปกรรมที่ทำกับนางชี พลันสายตามันก็แลเห็นแม่ชีว่านชิงที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง

   “ เจอแล้ว ประตูลับอยู่ที่นั้นเอง ” ลูกเซี้ยงเจ้าจะซ่อนประตูลับอย่างไร.ข้าคงต้องใช้ยอดฝีมือกำกับอยู่ทุกประตู ผู้มีฝีมือสูงสุดต้องอยู่เฝ้าประตูลับเพื่อยากแก่การให้โจมตีเป็นกำแพงป้องกันอีกชั้น

   ใช่แล้วนางต้องเป็นผู้มีฝีมือดีที่สุดของง่อไบ๊แน่ ประตูลับข้ากำลังจะไปหาเจ้า คิดได้ดังนั้นเจ้ากังปังเลยตรงเข้าหาแม่ชีว่านชิงแถมยื่นปากทำท่าจุ๊บๆส่งให้นางมาแต่ไกลนางมาแต่ไกล ว่านชิงต้องสบัดร้อนสบัดหนาวเห็นท่าไม่ดีแน่เดี๋ยวมันคงเข้ามาจูบนางแน่ เห็นเหม่ยฮั้วเอามือเช็ดแก้มนางทำท่าจะร้องไห้ คงโดนมันจูบแก้มไปอีกคนกระมั่ง นางคิดในใจ จะว่ากันตามจริงเหม่ยฮั้วซึ่งเป็นศิษย์เอกของเจ้าสำนักอุงหลิงทั้งรูปร่างหน้าตา วัยและวรยุทธต่างสูสีกัน

   แต่ที่ว่านชิงรับตำแหน่งสำคัญเป็นเพราะนางเป็นศิษย์รักของแม่ชีตันหยงซึ่งควบคุมการฝึกซ้อมค่ายกลกระบี่จึงลำเอียงได้รับตำแหน่งนี้ ที่แม่ชีเหม่ยฮั้ว เสียทีต่อกังปังโดบง่าย เพราะเหมือนเจ้ากังปังยิ่งต่อสู้ยิ่งเก่งขึ้นเรื่อยๆ จนว่านชิงก็ตกใจเพราะไม่เคยเห็นใครที่มีพัฒนาการฝีมือขึ้นมาได้ในเวลารวดเร็วเช่นนี้

   แต่ก่อนที่กังปังจะเข้าถึงตัวนางก็ปรากฎร่างแม่ชีตันหยงรองเจ้าสำนักง่อไบ๊เข้ามาขวางยกรองเท้าให้มันจูบแทน
   “ เจ้าลามก ”

   กังปังลืมตาขึ้นตัวเองกำลังจูบรองเท้า ตรงหน้าเป็นรองเจ้าสำนักง่อไบ๊แทน ต้องถอยหลังออก
   " เหวอ ” เหล่านางชีต่างรู้สึกขบขันทั้งอับอายเจ้ากังปังระคนกัน
   “ เจ้าช่างบังอาจมาทำลวนลามนางชีในสำนัก ต้องฆ่าให้ตายซะแล้ว ”

   ซือไท้ตันหยงแสนเดือดดาล ควงกระบี่เป็นประกายใช้ฟาดฟันเจ้ากังปังอย่างเอาเป็นเอาตาย ตอนนี้ทั้งวงต่างชมการประฝีมือระหว่างรองเจ้าสำนักง่อไบ๊กับกังปังอย่างตื่นเต้นจนลืมตั้งค่ายกลเพราะไม่มีคนควบคุม แม่ชีตันหยงใช้กระบี่ขั้นสูงของง่อไบ๊ส่วนกังปังใช้สิบแปดฝ่ามือสยบมังกร มองดูต่อสู้กันอย่างสูสีดูไม่ออกว่าใครจะเพลี่ยงพล้ำ
ขณะนั้นมีแม่ชีอีกขบวนหนึ่งเข้ามา ทุกคนต่างเอามือคาราวะหลีกทางให้ ในขบวนนี้ที่เด่นคือ เจ้าสำนักคนก่อน แม่ชีเฒ่าซือจื้อเหนียง ที่มีศิษย์ฆารวาสประคองมาด้วยสองคน คือ เจียวเสี่ยวจูและเจียวเสี่ยวเหม่ย

   สองพี่น้องที่ถูกจัดเป็นสิบโฉมสคราญแห่งยุคเช่นกัน ฉายาสองดรุณีง่อไบ๊ และเจ้าสำนักคนปัจจุบัน
แม่ชีอุงหลิง ที่เดินทางเข้ามาสมทบ กังปังกำลังต่อสู้อยู่ เห็นมีคนเดินเข้ามาเพิ่มจึงปรายตามองไปกลับสะดุดที่สองดรุณีที่เดินเข้ามา จึงกระโดดลอยตัวสลับด้านกับแม่ชีตันหยงเพื่อมองให้ชัด เจ้ากังปังถึงกับตลึงในความสวยหยาดเยิ้มของสองดรุณีง่อไบ๊ ที่จัดเป็นโฉมสคราญแห่งยุค

   โรคเจ้าชู้หื่นในกามารมณ์มันกำเริบขึ้น
   “ ว้าว สวยๆ สวยกว่าแม่ชีว่านชิงซะอีก ”

   ว่านชิงและเหล่านางชีที่ถูกกังปังไล่กอดจับ พบว่าเจ้ากังปังเอาแต่เหลียวมองสองดรุณีง่อไบ๊ไม่วางตาให้นึกหมั่นไส้ยิ่ง รวมถึงแม่ชีตันหยงรองเจ้าสำนักง่อไบ๊ที่เห็นเจ้ากังปังทำเหมือนว่านางไม่อยู่ในสายตาต้องกราดเกรี้ยวนัก นางจึงต้องการแสดงพลังฝีมือให้อาจารย์ประจักษ์ว่าใครกันแน่สมควรเป็นเจ้าสำนักง่อไบ๊และไม่ต้องการยืดเยื้อการต่อสู้

   เลยต้องการวัดพลังฝีมือกับเจ้ากังปังให้รู้ดำรู้แดงกันไป จึงเก็บกระบี่
   “ เจ้ามีสิบแปดฝ่ามือสยบมังกร ข้าขอทดสอบหน่อยว่าใครจะเหนือกว่ากัน ”

   กังปังกำลังเหม่อลอยชมโฉมสองดรุณีง่อไบ๊อยู่ดีๆ เกิดอาการปวดศรีษะขึ้นมาอย่างฉับพลันโดยไม่รู้สาเหตุ แม่ชีตันหยงรวบรวมพลังใส่ฝ่ามือเต็มพิกัด กระโดดตัวลอยขึ้นสูงเตรียมโจมตีพลังฝ่ามือใส่กังปังจากด้านบน กังปังมองไปเกิดอุปาทานขึ้นมาว่า แม่ชีตันหยงเป็นก้อนหินขนาดมหึมากำลังพุ่งชนตน ตกใจ รวมพลังใส่ฝ่ามือทั้งสอง
ปั้นเป็นกระสุนขนาดมหึมาในใจกลางฝ่ามือ

   แม่ชีเฒ่าเห็นต้องตกใจ กระโดดลงมายังลานประลองพร้อมกับสองดรุณีง่อไบ๊และเจ้าสำนักในพริบตา ตะโกนเสียงหลง
   “ ตันหยงอันตรายยิ่ง ” ขาดคำแม่ชีตันหยงได้ฟังแต่ไม่อาจยั้งมือได้ทันแล้วปล่อยพลังฝ่ามือทั้งมวลลงมาที่กังปัง

   ทั้งสี่เห็นไม่รอช้ารีบยิงพลังฝ่ามือออกมาเช่นกัน ขณะดียวกับที่กังปังจะปล่อยพลังฝ่ามือขึ้นปะทะ ก็รู้สึกมีคลื่นพลังอีกสามสายตรงเข้ามาด้านข้างเช่นกัน ในเวลาชั่วพริบตาที่เกิดขึ้นโดยสัญชาติญาณทั้งหมดเรียกว่าแทบจะเป็นแค่เศษเสี้ยววินาที ที่อันตรายเป็นตายยิ่ง กังปังใช้วิชาสองมือขัดแย้งของจิวแปะท้ง( ผู้เฒ่าเด็กดื้อ )แยกมือออกสองข้างทางหนึ่งขึ้นรับพลังฝ่ามือจากแม่ชีตันหยง

   อีกทางเข้าปะทะกับพลังฝ่ามือของเจ้าสำนักง่อไบ๊อุงหลิงและสองดรุณีง่อไบ๊ที่ช่วยกันยิงเข้ามาเพื่อสกัดพลังจู่โจมของกังปัง ที่จะทำร้ายแม่ชีตันหยง เสียงพลังฝ่ามือทั้งหมดปะทะกันดังราวระเบิดตูม ตูม สนั่นก็ไม่ปาน พลังสายแรกคือพลังจากฝ่ามือของแม่ชีตันหยงกับกังปัง
ที่ปะทะกันแต่พลังของแม่ชีตันหยงกลับไม่อาจสู้กับพลังฝ่ามือของกังปังได้เลยถูกดันกลับ

   แต่เป็นฝ่ามือของผู้เฒ่า ซือจื้อเหนียงที่เข้ามาสกัดให้พลังของกังปังให้เบี่ยงออกไปกระทบถูกป้ายด้านบนเสาทางเข้าประตูสุสานต้องพังทลายลงมาเป็นกองเศษหินในชั่วพริบตา แต่แม่ชีตันหยงยังมิวายโดนสเก็ดพลังทำให้ปลิวไปโชคดีที่ ว่านชิงกับเซี่ยวหลิงว่องไวต่างกระโดดไปรับนางลงมาอย่างปลอดภัย ส่วนอีกทางคือพลังฝ่ามือของกังปังที่ปะทะกับพลังงานจากแม่ชีอุงหลิงแม้จะเบากว่าก็ส่งเสียงการระเบิดดังออกมาเช่นกัน

   ทั้งกังปังแม่ชีอุงหลิงและสองดรุณีง่อไบ๊ต่างได้รับแรงกระเทือนจากพลังฝ่ามือที่ปะทะกันจนอวัยวะภายในปั่นป่วน แม่ชีเฒ่าแม้ไม่ได้รับบาดเจ็บใดแต่พลังฝ่ามือนี้ก็ทำให้นางสูญพลังไปมากเช่นกัน ศิษย์ง่อไบ๊ถึงกับแตกตื่นเพราะไม่เคยพบพลังฝ่ามืออะไรที่จะรุนแรง ร้ายกาจขนาดนี้มาก่อน เรียกว่า อาจใช้ทำลายอาคารทั้งหลังลงได้ทีเดียว เป็นกังปังกลับฟื้นกำลังได้ก่อน เห็นยอดฝีมือของง่อไบ๊ยิ่งมายิ่งมีคนเก่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากอยู่ไปคงต้องโดนกรุ้มรุมเสียทีแน่

   อาศัยค่ายกลกระบี่ที่ยกเลิกไปโดยปริยายเพราะไม่มีคนควบคุมสั่งการ มันจึงตะบึงวิ่งหลบหนีออกไปทางนั้น ศิษย์ง่อไบ๊สกัดดไม่ทัน มีบางส่วนพยายามวิ่งไล่ตามจับแต่ด้วยวรยุทธและวิชาตัวเบาต่างกันจึงไล่ไม่ทัน

   “ ข้าไปก่อน ไว้วันหลังข้าค่อยกลับมากอดพวกท่านใหม่ ”

   เหล่านางชีต่างอับอายในความทะเล้นทะลึ่งของมัน ต่างต้องพากันกลับมารายงาน
   “ คาราวะท่านอาจารย์ศิษย์ไร้ฝีมือ ไม่อาจจับกุมคนร้ายได้ โปรดพิจารณาลงโทษด้วย ”
   “ เจ้าทำได้ดีที่สุดแล้ว เพียงแต่คนร้ายเก่งเกินไป ทั้งรอบรู้วิชาหลายด้านอาจรวมถึงค่ายกลด้วย ”
   “ แล้วจะทำเช่นไรดี คนร้ายทำลายของล้ำค่าของสำนักเรา แถมมาอวดศักดา หากเรื่องนี้แพร่ไปมิทำให้ง่อไบ๊เราต้องเสียชื่อหรือ ”
   “ ชื่อเสียงตอนนี้ไม่สำคัญ เท่ากับมหันตภัยของบู๊ลิ้มที่กำลังจะเกิดแล้ว ”

   แม่ชีเฒ่ากล่าวต่อ
   “ คนร้ายเก่งกาจเหลือคณา เกรงว่าในตอนนี้แม้แต่เจ้าสำนักเสี่ยวลิ้มคนปัจจุบันก็ยังอาจไม่สามารถเทียบฝีมือคนนี้ได้ ”
   “ หา “ ทั้งแม่ชีตันหยง เจ้าสำนักอุงหลิง และสองดรุณีง่อไบ๊ที่อยู่ใกล้ๆต้องอุทานโดยพร้อมกัน

   แม่ชีเฒ่าจึงพูดต่อคล้ายรำพึง
   “ พวกเจ้าคงได้ยินคำกล่าวว่าในสมัยก่อนที่พูดถึง อิงฟ้าไม่มา ใครหาญกล้าต่อกร( ความหมายคือ หากใครที่มีอำนาจ แต่หลงลำพอง คิดใช้อำนาจไปในทางทีผิด จะมีคนถือกระบี่อิงฟ้าออกมาปราบ )แต่ตอนนี้หากกลับเป็นว่าอิงฟ้า ปรากฎในทางตรงข้ามเสียเอง จะมีใครมาต่อกรได้เล่า ”

   ทุกคนต่างเงียบงัน
   “ ดูท่าคำทำนายของ เซี่ยวเซียงจือ กำลังเป็นจริงแล้วกระมัง "
   “ เซี่ยวเซียงจือ  ท่านหมายถึงหลวงจีนสัปดนที่ถูกกักอยู่ในวัดเส้าหลินรูปนั้นนะหรือ "

   อาจารย์เฒ่าไม่ตอบคำ หันไปทางสองอรุณีง่อไบ๊
   “ อาจู อาเหม่ย อาจบางที กาลข้างหน้าต้องอาศัยพวกเจ้าร่วมมือช่วยกอบกู้บู๊ลิ้มแล้ว ”

   ทั้งเจียวเสียวจู และเจียวเสียวเหม่ย ต่างงงกับคำพูดของอาจารย์เฒ่าโดยไม่รู้ท่านกล่าวถึงอะไร
   “ แต่ตอนที่ข้าปะทะกับพลังของชายคนนั้น กลับรับสัมผัสถึงพลังสีขาว( พลังความดี )ที่มีซ่อนอยู่ในนั้น หวังว่าข้าคงไม่ได้อุปาทานไปเอง "


แม่ชีเฒ่าแห่งง่อไบ๊ แก่จนเลอะเลือนไปแล้วหรือไง ถึงพูดจาไม่รู้เรื่อง
คำทำนายของ เซี่ยวเซียงจือ เป็นเช่นไร ไฉนสองดรุณีง่อไบ๊ ต่างก็เป็นผู้ร่วมกันกอบกู้บู๊ลิ้ม
คงต้องหาปริศนาคำตอบต่อไป


เดชคัมภีร์นางฟ้า( คัมภีร์มังกรหยก ) 5 ตอน คัมภีร์นางฟ้าแผลงฤทธิ์





เจ็ดตัวประหลาดกังหน่ำ

   " กรี้ด ...มีผู้ชาย...มีคนร้าย..ช่วยด้วย "

   เจ้ากังปังต้องสดุงตื่นขึ้น เมื่อได้ยินเสียงร้อง จึงพบตัวมันนอนเป็นขีเปลือยอยู่บนแท่นวางโลงแก้วแต่เพียงผู้เดียว แล้วศพของอึ้งย้ง ไปไหนแล้ว หรือ ข้าฝันไป มันจึงรีบลุกขึ้นลนลานใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ผลุนผลันออกมานอกสุสานก็พบเห็นผู้คนมากมายยืนอยู่ด้านนอก

   “ นั้นไง คนนี้แหละที่นอนอยู่ในโลงข้างใน อุบาทว์แท้ ” นางชีน้อยพูดพร้อมกับเอามือปิดตาร้องยี้ อย่างขยะแขยง

   สาเหตุมาจากบรรดาเพื่อนนางชีที่เข้าเวรดูแลสุสาน สั่งให้นางชีน้อยผู้นี้กลับไปเก็บอุปกรณ์และปิดประตูสุสานที่ลืมเปิดไว้ พอนางกลับมาเห็นเจ้ากังปังนอนเปลือยกาย อวดอวัยวะเพศ เข้าเต็มตา ความที่เป็นดรุณีแรกรุ่นที่เห็นของผู้ชายเป็นครั้งแรก เลยตกใจส่งเสียงร้องวิ่งหนีออกไป ร้องบอกให้คนมาช่วย

   ” หยุดก่อน เจ้าเป็นใครกัน เข้าไปทำอะไรในสุสานบรรพชนง่อไบ๊ “

   กังปังกำลังงุนงงอยู่เช่นกัน ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องราวอะไรกันแน่ กำลังคิดปะติดปะต่อ
   “ ชิงเอ๋อ ลองเล่าอีกทีว่าเจ้าพบเห็นอะไร ”
   “.เออ...ข้าเห็นไอ้นั่นของมัน น่าเกลียดยิ่ง..”
   “ ช่างเหลวไหล ข้าให้เจ้าเล่าเหตุการณ์ “

   นางชีชิงเอ๋อ เลยพยายามรวบรวมเหตุการณ์ ว่า
   “ ข้ากับซุ่ยเม่ย ,เออลี่ เข้าไปทำความสะอาดท่านอาจารย์ย่าทวดอึ้งย้ง แต่เกิดฝนตกหนักเลยกลับมาหลบฝนที่ห้องพักกันก่อน พอฝนหยุดข้าจึงกลับมาดูที่สุสานอีกที จึงพบคนผู้นี้นอนอยู่บนโลงของท่านอาจารย์ย่าทวดอึ้งย้งแต่ไม่ทราบว่าตอนนี้ศพท่านย่าทวดมันเอาไปซ่อนที่ใด เรื่องเป็นเช่นนี้แหละ ซือเจ๊หว่านชิง ”

   นางชีหว่านชิงพอฟังจบจึงหันกลับไปพูดกับกังปังต่อ
   “ เจ้าเข้ามาขโมยศพอาจารย์อึ้งย้งไปไว้ที่ใด "

   เจ้ากังปังมองดูแม่ชีหว่านชิง รูปร่างหน้าตาสะสวย ขนาดโกนหัวเหน่งยังดูสคราญตา จึงเกิดความเสน่หาตามสันดานเจ้าชู้ของมัน
   “ ใจเย็น แม่ชีโฉมงาม ข้าไม่ได้เป็นขโมยอย่างที่ท่านคิด "
   “ แล้วเจ้าเข้าไปทำอะไรในสุสานนั้น ”

   เจ้ากังปัง กลืนน้ำลายเอื้อก เพราะไม่อาจบอกความจริงได้จะยิ่งไปกันใหญ่
   “ เออ..ข้าเพียงแต่เข้าไปหลบฝนชั่วคราว ”
   “ ข้าต้องขอคุมตัวไปสอบสวนแล้ว ”

   กังปังไม่อาจให้เกิดการจับกุมสอบสวนมันได้ เพราะหากความจริงปรากฎว่าสาเหตุที่ศพอึ้งย้งอันตรธานหายไป
มาจากความบัดสีของมัน พวกง่อไบ๊ต้องเอามันตายแน่จึงเล่นลิ้นตอบไปว่า

   “ วันนี้ข้าไม่สะดวก แต่หากท่านต้องการพบปะสนทนาใดกับข้า เราสามารถนัดหมายพบกันเป็นการส่วนตัวจะสะดวกจะดียิ่ง "
   " ฮึ...ซิ.." แม่นางชีหว่านชิงส่งสียงขึ้นจมูก

   แลเห็นแววตาเจ้ากังปังเป็นประกายส่อแววกรุ้มกริ่มน่าชิงชังรังเกียจนัก ก่อนนางออกบวชก็เพราะมีคนรักที่เจ้าชู้หลายใจ จึงเกลียดคนชนิดนี้ วันนี้กลับมาเจอเจ้ากังปังพูดจาทำนองเกรี้ยวพาราศรี ทั้งๆที่นางเป็นบรรพชิตจึงยิ่งรังเกียจยิ่ง

   “ รบกวนอากอ( พี่ )เซิง กับกอเต๋า ช่วยคุมตัวมันไปที่ห้องโถงเถอะ ”

   อาเต๋า กับอาเซิง คือคนงานที่มีหน้าที่ดูแลสวนแปลงผักของสำนักง่อไบ๋ ในบางเรื่องที่ต้องใช้แรงงานและซ่อมแซมสถานที่ ทางง่อไบ๊จึงได้จ้างบุรุษมาทำงาน อาเต๋ากับอาเซิงมีรูปร่างอ้วนใหญ่ในมือท่อนเหล็กใหญ่อยู่คนละท่อน พอได้ยินแม่ชีชิงเอ๋อสั่งการก็ไม่รอช้า ตรงรี่เข้าหาเจ้ากังปังทันที กะว่าหากมันขัดขืนจะเอาตะบองฟาดให้เข็ดหลาบ

   เจ้ากังปังเห็นสองคนนั้นตรงเข้ามาดูท่าจะไม่ดีแน่ จึงส่งเสียง
   “ ข้าบอกแล้วไง ว่ายินดีจะไปพบกับท่านวันอื่นเป็นการส่วนตัว "
   “ หนอย ปากดีนักต้องเจอท่อนเหล็กสักหน่อย กล้าพูดจาสามหาวล่วงเกินซือเจ๊ของเรา ”

   อาเต๋าพูดขึ้นพร้อมกับเอามือคว้าไปจับแขนกังปัง แต่กังปังกลับพลิกมือตวัดกลับอย่างพิสดาร อาเต๋างุนงงเห็นกังปังขัดขืนเลยเงื้อท่อนเหล็กตะบองขึ้นหมายฟาดไปที่ตัวเจ้ากังปังเป็นการสั่งสอน หากเป็นก่อนหน้าเจ้ากังปังเป็นต้องเจ็บตัวแน่ แต่ตอนนี้มันก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน มันกลับยกมือขึ้นโบกปัดตามสัญชาติญาณ

   อาเต๋าก็งงที่เงื้อท่อนตะบองที่ฟาดลงไปบนตัวเจ้ากังปังแท้ๆกลับเปลี่ยนไปฟาดที่ตัวอาเซิงที่อยู่ด้านข้างแทนจนร้องโอยออกมา
   “ เจ้าตาถั่วมาตีข้าทำไม ”
   “ ข้าไม่ได้ตั้งใจ จะตีเจ้านั่นตะหาก ”

   อาเซิงไม่ยอมเจ็บตัวฟรี จึงยกตะบองจะขึ้นฟาดเจ้ากังปังมั่ง แต่กลับไปตีถูกอาเต๋าแทนเช่นกัน
   “ อ้าวแล้วเจ้าทำไมมาตีข้า ”
   “ ข้าเปล่า งั้นเราไปตีมันพร้อมๆกัน "

   ทั้งคู่จึงยกตะบองหมายตีไปที่ร่างเจ้ากังปัง กังปังโบกมือสบัดอีกหน กลายเป็นทั้งคู่เอาตะบองตีหัวกันเอง
ทั้งคู่เลยล้มไปนอนส่งเสียงร้องโอดโอย แม่ชีหว่านชิงเห็นดังนั้นต้องตกใจ มองไม่ออกว่าเจ้ากังปังใช้กระบวนท่าใดจึงทำเช่นนั้นได้

   ไม่เพียงแต่แม่ชีหว่านชิงเท่านั้นแม้แต่เจ้ากังปังเองก็ยังประหลาดใจว่า
   “ จริงๆข้าเป็นคนเก่งอย่างนี้เชียวหรือ ความจำเสื่อมเลยไม่รู้มาก่อน ”

   พอได้ลงมือต่อสู้มันจึงพบว่าตัวมันเองมีวิชาฝีมืออยู่หลากหลาย ที่ใช้เมื่อสักครู่ เป็นวิชาฝ่ามือมายากลของจูชง ฉายามือวิเศษ ( หนึ่งในเจ็ดตัวประหลาดกังหนำ )ซึ่งเป็นอาจารย์ดั้งเดิมคนหนึ่งของก๊วยเจ๋ง ก่อนที่จะมาพบกับอั้งชิงกง ประมุขพรรคกระยาจก

   “ เจ้ากล้าทำร้ายคนของสำนักเรา น้องเซี่ยวหลิง มาช่วยกันเถอะ ชิงเอ๋อไปตามอาจารย์มา ”
   “ คะ ”

   เซี่ยวหลิงที่อยู่ด้านช้างชักกระบี่ออกมาสมทบกับแม่ชีว่านชิงทันที ทั้งคู่ต่างเป็นศิษย์เอกของ แม่ชีตันหยง รองเจ้าสำนักง่อไบ๊ แม่ชีตันหยงแม้เป็นรองเจ้าสำนักก็จริง แต่นับเป็นผู้ที่มีวรยุทธสูงกว่า แม่ชีอุงหลิง ทีเป็นเจ้าสำนักเสียอีก แต่ อาจารย์เฒ่าเซี่ยงจื้อเหนียง ซึ่งเป็นเจ้าสำนักคนก่อนกลับแต่งตั้งแม่ชีอุงหลิงแทน จึงสร้างปมขัดแย้งการเมืองชิงเด่นกันระหว่างศิษย์ของเจ้าสำนักและรองเจ้าสำนักขึ้น

   เมื่อทั้งว่านชิงและเซี่ยวหลิงต่างออกโรง จึงทำให้แม่ชีทางสายเจ้าสำนักอุงหลิงยืนชมดูไม่สอดมือมายุ่งเกี่ยว
กังปังสัมผัสถึงพลังการต่อสู้ที่ออกมาทั้งสองเห็นท่าไม่ดีแน่ เลยก้มลงหยิบท่อนเหล็กที่อาเต๋าทำตกไว้มาถือในมือ
ทดลองกวัดแกว่งดู ท่อนเหล็กแม้หนาและหนักเมื่ออยู่ในมือของกังปังกลับกวัดแกว่งอย่างแคล่วคล่องด้วยกำลังภายในสูงที่มีในตัวมัน ส่งเสียงหวือหวา

   “ ดีละในเมื่อเจ้าก็มีอาวุธเช่นกัน ก็ไม่ถือว่าเอาเปรียบแล้ว กระบี่คุณธรรมง่อไบ๊ ”

   แม่ชีว่านชิงพูดเพื่อส่งสัญญาณให้แม่ฃีเซี่ยวหลิงทราบถึงเพลงกระบี่ที่จะใช้สยบคู่ต่อสู้ แม่ชีว่านชิงแทงกระบี่ตรงเข้าหากังปังอย่างรวดเร็วปานฟ้าแลบ กังปังจึงใช้ท่อนเหล็กปัดออก ท่อนเหล็กทั้งใหญ่และหนัก จึงทำให้มันคิดไปถึงมือกระบี่หญิงแห่งแคว้น( อ้วก )หันเสียวหยง ที่ใช้ดาบพม่าที่ทั้งหนาและหนัก( หนึ่งในเจ็ดตัวประหลาดกังหน่ำ )

   ซึ่งแต่เดิมก๊วยเจ๋ง ฝึกวิชาหลากหลายมาจากทั้งเจ็ดตัวประหลาดเพื่อใช้ประลองยุทธกับเอี้ยคังตามนัดหมาย
เดิมก๊วยเจ๋งเป็นคนโง่เขลาเลยฝึกวิชาจากเจ็ดประหลาดกังหน่ำได้นิดหน่อย( หาอ่านเอาจากมังกรหยกภาคแรก )
ในตอนนี้กังปังได้มีพลังวรยุทธสูง แม้วิชาสามัญธรรมดาเมื่อถูกใช้ออกจากยอดฝีมือก็กลายเป็นวิชาสุดยอดไปแล้ว
เพลงกระบี่คุณธรรมแห่งง่อไบ๊ ถูกบัญญัติโดยปรมาจารย์ก๊วยเซียงที่ก่อตั้งง่อไบ๊ มีความล้ำลึกเหลือคณา

   แต่ละท่ามีความว่องไว เต็มไปด้วยกระบวนท่าล่อหลอก ด้วยไม่มีเจตนาจะหมายชีวิตฝ่ายตรงข้ามแต่ต้องการให้อีกฝ่ายตกสู่หลุมพรางและจำนน จึงได้ชื่อว่า กระบี่คุณธรรม กังปังปัดกระบี่ของว่านชิงออกได้ก้าวหลบมาด้านข้างตามสัญชาติญาณ จึงพบว่าเป็นกระบวนท่าหลอก กระบี่ของเซี่ยวหลิงที่สอดประสานเข้ามาบีบให้กังปังต้องถลันหลบไปด้านหลังตามกับดักของกระบวนท่ากระบี่ที่วางไว้ ทั้งคู่สมเป็นยอดฝีมือชั้นแนวหน้าของสำนักง่อไบ๊ต่างลงมือสอดรับประสานโดยไร้ที่ติ

   หากเป็นยอดฝีมือธรรมดาเมื่อเจอกับเพลงกระบี่คุณธรรมนี้ต้องทิ้งกระบี่ยอมแพ้ไม่เกินสามกระบวนท่าแล้ว กังปังต้องหงายตัวหลบอีกครั้งเมื่อว่านชิงตวัดกระบี่จู่โจมเข้ามา ตามกระบวนท่ากระบี่ที่บีบให้ทำเช่นนั้น อีกหนที่เซี่ยวหลิงก็ดักทางเข้ามาได้ถูกตวัดกระบี่ใส่ข้อมือกังปัง จนต้องยอมทิ้งท่อนเหล็กในมือออกเพื่อรักษามือไว้ ตีหลังกาถอยหลังไปคุกเข่าข้างหนึ่งกึ่งยืนข้างหนึ่ง

   ว่านชิงยิ้มตรงมุมปากคิดว่าสยบกังปังได้โดยง่ายแล้วกระบวนท่าสุดท้ายที่ทั้งคู่จะใช้คือเอากระบี่ไปจ่อลำคอของคู่ต่อสู้ให้ยอมจำนน กังปังกลับรู้สึกถึงอันตรายที่กำลังเข้ามาด้วยว่านชิงรู้สึกชิงชังในตัวกังปังหมายจะแทงมันสักแผล มันเลยเอาสองมือประกบส้นมือทั้งสองเข้าหาตัวแล้วดันไปเบื้องหน้าตามสัญชาติญาณ เกิดคลื่นพลังฝ่ามือออกไป ส่งเสียงดัง ครืนนน..น ก้องไปทั่วนภา ราวกับเสียงคำรามของมังกร ตามกระบวนท่าที่ใช้จริงๆ

   ว่านชิงและเซี่ยวหลิงที่กำลังเข้ามาพิชิตชัย ต่างต้องถลันหลบออกไปอย่างว่องไวเพื่อไม่ให้ได้รับอันตราย สมกับเป็นยอดฝีมือเช่นกัน
   “ หา...ฝ่ามือมังกรคำราม ”

   เป็นเสียงของรองเจ้าสำนักตันหยง ที่เดินทางมาถึง เจ้ากังปังมองไปตามเสียง ตอนนี้ที่บริเวณโดยรอบกลับเต็มไปด้วยผู้คนที่มากมายเต็มไปทั่ว แทบจะเรียกได้ว่าผู้คนทั้งสำนักง่อไบ๊มาอยู่ในบริเวณโดยรอบสุสานเต็มไปหมดกระมัง

   “ คาราวะท่านอาจารย์ คาราวะท่ารองเจ้าสำนัก ”

   ทุกคนในที่นั้นต่างยกมือคำนับแม่ชีตันหยง จนนางต้องโบกมือ
   “ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาต้องมากความ เจ้าเป็นใครในพรรคกระยาจก ”

   ประโยคหลังรองเจ้าสำนักตันหยงกล่าวกับกังปัง
   “ พรรคกระยาจกอันใด ข้าไม่เข้าใจ ”
   “ ก็ฝ่ามือที่เจ้าใช้เมื่อสักครู่ มันคือ กระบวนท่ามังกรคำราม หนึ่งในสิบแปดฝ่ามือสยบมังกรชัดๆ ยังกล้าปฎิเสธอีก ”

   สิบแปดฝ่ามือสยบมังกร คือวิชาฝ่ามือที่ข้าใช้งั้นหรือ แบบนี้หรือ เจ้ากังปังครุ่นคิดพร้อมกับร่ายรำกระบวนท่าสิบแปดฝ่ามือสยบมังกรออกกมาตามความทรงจำที่ปรากฎขึ้น

   “ เจ้าคนนี้ดูท่าเป็นคนเสียสติหรือไง ”

   แม่ชีตันหยงรำพึงแล้วจึงหันไปกล่าวกับศิษย์ง่อไบ็ทุกคน
   “ เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ พวกเจ้าอย่ามัวแต่เล่นการเมืองกัน ต้องร่วมมือกันทุกคน ”
   “ ใครเป็นเวรยามกันทำไมปล่อยปละละเลย ให้คนผู้นี้ขึ้นเขามาได้ยังไงโดยไม่มีการแจ้งเตือน ต้องเอาโทษให้หนักหลังจบเรื่อง "

   คำพูดนี้เหมือนพูดจี้ตำหนิไปยังศิษย์ฝ่ายเจ้าสำนักอุงหลิง ที่ต่างมีหน้าที่เป็นเวรยามในวันนี้ ทุกคนต่างหน้าเสีย ไม่ใช่ว่าทุกคนบกพร่องต่อหน้าที่เพราะกังปังขึ้นเขามาได้โดยสายลมพิสดารจึงไม่ผ่านเวรยามใด

   “ ชิงเม่ย ซุนเอ๋อ เออลี่ เจ้าทั้งสามก็ต้องโดนลงโทษหนักเช่นกัน ตอนนี้พวกเจ้าต้องช่วยกันอย่าทำเป็นเล่นเพราะเป็นเรื่องใหญ่ "
   “ คะ ”
   " พวกเจ้าพาอาเต๋า อาเซิง และคนงานเข้าไปค้นในสุสานใหม่ ควบคุมค้นให้ละเอียดว่า ศพอาจารย์ทวดอึ้งย้งอยู่ที่ใด ศพทั้งคนจะหายไปได้อย่างไร และตรวจสอบดูว่ามีอะไรหายไปอีก ไปจัดการโดยด่วน "
   “ คะ ” ทั้งสามรับคำรีบไปดำเนินการโดยด่วน

   รองเจ้าสำนักสั่งการเด็ดขาดรวดเร็ว ศิษย์ง่อไบ๊ล้วนเกรงในความเข้มงวดของนางต่างเงียบงัน
   “ เจ้าเลิกทำบ้าๆบอๆได้แล้ว ”

   แม่ชีตันหยงหันไปตวาดใส่กังปังที่กำลังซ้อมร่ายรำสิบแปดฝ่ามือสยบมังกรอยู่ พลางล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อ
ชูป้ายหยกสัญลักษณ์ของง่อไบ๊ขึ้น

   " ข้าขอสั่งการตามอำนาจป้ายประกาศิตนี้ ให้ศิษย์ง่อไบ๊ทุกคนตั้งค่ายกลกระบี่ง่อไบ๊ "

   สิ้นเสียงคำสั่งนาง แม่ชีทั้งสำนักง่อไบ๊ที่อยู่รอบบริเวณ ต่างชักกระบี่ วิ่งกันครึกคัก เป็นวงล้อมกังปังไว้แน่นหนา
ประจำตำแหน่งพรึ่บพั่บ ราวกับกำแพงศาสตรวุธที่เป็นระเบียบแข็งแรงยากที่ใครจะหลบหนีออกไปได้