วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์นางฟ้า( คัมภีร์มังกรหยกจบภาค ) 8 ตอน วีรกรรมเมืองเซี้ยงเอี้ยง






          เมืองเซี้ยงเอี้ยงถูกมงโกลขนเครื่องยิงหินมาล้อมไว้แน่นหนาทั้งสามด้าน โดยจงใจเปิดทิ้งไว้ด้านหนึ่ง แม่ทัพเมืองเซียงเอี้ยงส่งทหารสอดแนมไปลาดตระเวนดูแล้วตลอดเส้นทางกว่าสิบลี้ ไม่พบทหารฝ่ายตรงข้าม หลังจากที่ก๊วยเซี้ยงได้ใช้เส้นทางด้านนี้หลบหนีซึ่งได้ปะทะกับทหารมงโกลซึ่งซุ่มอยู่ ตอนนี้เหมือนมงโกลจงใจสั่งถอนทหารด้านนี้ออกจนหมด ที่เป็นเช่นนี้เหมือนทางมงโกลส่งสัญญาณบอกว่าจะโจมตีแล้ว

   แต่หากหลบหนียอมแพ้ไปก็จะไว้ชีวิตยอมให้หนีทิ้งเมืองไปแต่โดยดี มันเป็นตามหลักจิตวิทยาเพื่อให้เมืองเซียงเอี้ยงระส่ำระส่ายเกิดขัดแย้งในการตัดสินใจกัน หากใครรักตัวกลัวตายจะได้ยอมแพ้ไปแต่โดยดีเพราะหากมงโกลล้อมแน่นหนาทั้งสี่ด้าน ทุกคนก็จะเห็นว่าไม่มีทางรอด จะสามัคคีร่วมมือร่วมใจกันทั้งทหารและชาวบ้านเพื่อต่อสู้เอาเป็นเอาตายโดยไม่ยอมแพ้เป็นพลังที่น่ากลัวยิ่ง

   อุปมาดังคติที่ว่าอย่าตีสุนัขจนตรอกเพราะมันจะหันมาแว้งกัดเอาเพราะไม่มีทางถอย ที่ประชุมสรุปตรงกันแล้วว่าจะรักษาเมืองเซียงเอี้ยงให้ถึงที่สุด เพราะหากมงโกลได้เมืองเซียงเอี้ยงจะสามารถยึดครองประเทศได้โดยง่ายเพราะเซียงเอี้ยงเป็นชัยภูมิสุดท้ายที่สำคัญในการเข้าตีเมืองหลวงต่อไป จะเสียเมืองเซียงเอี้ยงไม่ได้ แผนการป้องกัน รวมถึงทะยอยลักลอบนำชาวบ้าน ออกจากเมืองโดยไม่ให้มงโกลผิดสังเกตุได้เริ่มขึ้น เพราะเกรงว่ามงโกลอาจดักโจมตีในอีกเมืองได้เช่นกัน

   อึ้งย้งให้ก๊วยพั้วลู่และรองแม่ทัพเป็นคนคอยดูแลในการลักลอบพาชาวบ้านหลบหนี ที่เป็นเช่นนี้เพราะอึ้งย้งต้องการให้ก๊วยพั้วลู่ซึ่งเป็นลูกชายได้มีโอกาสรอด เพื่อมีทายาทไว้สืบตระกูลทีแรกก๊วยพั้วลู่ไม่ยอม ต้องการอยู่ร่วมเป็นร่วมตายกับก๊วยเจ๋งอึ้งย้ง เข่นเดียวกับก๊วยพู้ และคนอื่นๆที่ผูกพันกันมานาน แค่อึ้งย้งก็โน้มน้าวว่าภารกิจที่ต้องช่วยราษฎรให้พ้นภัยก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งเป็นเจตนารมณ์อันสูงของกํวยเจ๋งที่ทำเพื่อบ้านเมืองและประชาชน
ก๊วยพั้วลู่ไม่อาจโต้แย้งอึ้งย้งได้จึงทำตามคำสั่ง

   เหมือนทุกสิ่งได้จัดการจนเสร็จหมดแล้ว เหลือแต่เพียงรอเวลาที่ตะวันขึ้นตรงศรีษะ ซึ่งเป็นเวลาที่ทั้งฝ่ายมงโกลและเมืองเซียงเอี้ยงนัดเจรจาเป็นรอบสุดท้ายก่อนเข้าปะทะกัน เมืองเซียงเอี้ยงรอคอยกองทัพจากเมืองหลวงที่ขอความช่วยเหลือไป ซึ่งต้องเดินทางมาถึงในวันนี้ หากกองทัพจากเมืองหลวงมาจริงการเจรจาก็จะเป็นรูปแบบหนึ่ง หากไม่มาก็จะเป็นรองยอมสู้ตาย แม้กำลังเสียเปรียบก็ตาม

   แต่จนถึงบัดนี้ยังไม่เห็นวี่แววของกองทัพจากเมืองหลวงจะมาแต่อย่างใด อึ้งย้งก๊วยเจ๋งและเหล่าทหารต่างเตรียมใจถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป ก๊วยเจ๋งเดินตรวจกำลังทหารรวมทั้งเหล่าพลพรรคกระยาจกหลายร้อยคน ที่เข้ามาสู้ศึกร่วมเป็นร่วมตายป้องกันเมืองเซียงเอี้ยงด้วย ทุกคนต่างคึกคัก ชวัญกำลังดีทุกคน เห็นความตายเบื้องหน้าดุจดังเยือนมาตุภูมิ

   ก๊วยเจ๋งอึ้งย้งต่างเข้ามาจับมือทักท่ายปลุกปลอบขวัญพลพรรคอย่างสดฃื่นแจ่มใส
   “ เมืองเซียงเอี้ยงแม้คนน้อย แต่มากผู้มีฝีมือและวรยุทธกว่ามงโกล เราจะต้านมงโกลถึงที่สุด หากแม้ได้กองทัพหลวงมาตีขนาบได้ทันเมืองเซียงเอี้ยงก็จะรอด ”

   อะไรก็ล้วนแต่ไม่แน่นอนทั้งสิ้น ขณะก๊วยเจ๋งอึ้งย้งำลังจัดเตรียมสรรพกำลังและทักทายกับทุกคนอยู่นั้น กลับมีสิ่งที่ทุกคนไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อทหารมงโกลที่ทำการขนย้ายหินมาบรรจุที่เครื่องยิงเกิดอุบัติเหตุร่วงตกลงมาจากก้อนหินใหญ่ ดันมากระทบถูกกลไกการทำงานของเครื่องยิง ทำให้มันทำงาน ดีดยิงหินมหึมาออกไป ทั้งที่ยังไม่มีการคำนวณสั่งการ เหล่าทหารมงโกลบ้างส่วนที่ยังติดตั้งหินไม่เสร็จต้องลอยลิ่วมาพร้อมกับหินนั้น

   มีบ้างพลัดตกลงมาคอหักตายคาที่ ทหารบนเชิงเทินเห็นรีบร้องตะโกนเสียงหลง
   “ แม่ทัพ มงโกลยิงหินมาแลัว “

     ทุกคนต่างตกใจหันไปดูเห็นก้อนหินขนาดมหึมากำลังจะตรงข้ามกำแพงมา หากก้อนหินนี้ตกลงกลางเมืองผู้คนต้องตายกันเป็นเบือ อานุภาพจากความใหญ่บวกความเร็วที่ตรงเข้ามา ไม่ผิดกำลังอุกาบาตที่ตกจากฟ้ามาทำลายทั้งเมืองได้ก็ไม่ปาน เป็นก๊วยเจ๋งที่ว่องไวกว่าใครใช้กำลังภายในบวกวิชาตัวเบาอาศัยแท่นดีดตัวขึ้นสูงสุด ตรงเข้าชนกับก้อนหินทันที อึ้งย้งเห็นก๊วยเจ๋งทำอย่างนั้น ต้องใจหายวูบ สิ่งที่บังเกิดขึ้นอย่างกระทันหันไม่มีเวลาให้คิดใคร่ครวญใดๆ

   ทุกคนเห็นท้องฟ้าเกิดแสงสว่างวาบขึ้น ราวลูกไฟดวงใหญ่ ตอนก๊วยเจ๋งตรงเข้าปะทะกับก้อนหินยักษ์ เกิดเสียงดัง ตูม สนั่นราวกับฟ้าผ่าดังลั่นไปทั้วทั้งเมืองจนทุกคนต้องแตกตื่น สิ้นเสียงระเบิด เกิดก้อนหินที่แตกกระจายออก ตกหล่นลงมา อย่างห่าฝน มีบ้างที่โดนหินที่กระจายออกได้รับบาดเจ็บไปบ้าง มองเห็นฝุ่นตลบไปทั่วบริเวณ

   ทุกคนเห็นเช่นนั้น ต่างตะโกนโห่ร้องอย่างยินดีที่ทุกคนรอดตายได้ เสียงตะโกนชมก๊วยเจ๋งดังไปทั่ว
   “ แท่ทัพก๊วยเจ๋งสุดยอด “
   “ แม่ทัพก๊วยจงเจริญ ๆ ๆ “

   ทุกคนพร้อมใจกันร้อง แม่ทัพก๊วยจงเจริญไม่หยุด มีเพียงอึ้งย้งพยายามสอดสายตาหาก๊วยเจ๋งแต่ไม่พบ
   “ ท่านพี่ก๊วยเจ๋ง พี่ก๊วยเจ๋ง มีใครเห็นแม่ทัพก๊วยบ้าง ”

   เสียงอึ้งย้งเรียกจึงทำให้ทุกคนได้สติ ต่างมองหาก๊วยเจ๋งแต่ไม่มีใครพบ จึงเกิดการค้นหาก๊วยเจ๋ง แม้ในกองหินที่หล่นลงมาก็ถูกค้นหาแล้ว แต่ไม่มีใครพบเห็นแม้แต่ส่วนใดของก๊วยเจ๋งเลย สร้างความตกใจให้แก่ทุกคนยิ่งนัก
ส่วนทางด้านมงโกลก็สืบสวนเหตุการณ์ว่าเป็นอุบุติเหตุที่ทำให้เครื่องยิงหินออกไป โดยที่ทางมงโกลไม่ต้องการเช่นนั้น เพราะหากไปทำลายเมืองจนย่อยยับจนหมด มงโกลก็จะได้แต่เมืองที่ย่อยยับเป็นเศษหินเช่นนั้น จะเอาที่ไหนใช้พักบัญชาการสั่งการได้เล่า

   แต่กระนั้นมงโกลก็ต้องหาสายข่าวมารายงาน ว่าเกิดอะไรขึ้น เมืองเซียงเอี้ยงได้ประดิษฐ์อาวุธใด อันเป็นไม้เด็ดที่มาทำลายก้อนหินจากเครื่องยิงอันเป็นสุดยอดนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ของมงโกลได้ เมื่อไม่มีใครค้นหาร่างกํวยเจ๋งได้พบ จึงมีข้อสรุปเพียงอย่างเดียวว่า

   ก๊วยเจ๋งได้ใช้พลังพลว้ตรทั้งหมดเกินขีดจำกัดของตัว จนร่างต้องแตกสลายเป็นจุลไปพร้อมกับก้อนหินแล้ว
   “ ก๊วยเจ๋งตายแล้ว ”

   พอนึกถึงว่าก๊วยเจ๋งตายแล้ว ความเดียวดายอ้างว้าง ความโศกสลด เศร้าใจบรรดามี ก็เข้าเกาะกุมหัวใจอึ้งย้ง
จนหลั่งน้ำตาออกเป็นสายนองหน้า

   “ ไม่จริง เป็นไปไม่ได้  ฮือๆ “

     อึ้งย้งทรุดเข้าลงตรงกองหินเบื่องหน้าที่ค้นหาร่างก๊วยเจ๋ง ส่งเสียงร่ำไห้ไม่หยุดด้วยความเจ็บปวดใจเหลือแสน เหล่าทหารที่มองอยู่ไม่มีใครคาดว่า อึ้งย้งที่สุขุมรอบคอบโดยตลอดจะแสดงอาการหลุดออกมาให้เห็นเช่นนั้น
แต่ทุกคนก็เศร้าใจเห็นใจ พร้อมกับรับรู้ไปทางเดียวกันนั้นคือ

   “ แม่ทัพก๊วย ตายแล้ว ”

   ต่างพากันถอดหมวกเหล็ก นั่งทรุดเข่าลงเป็นการคาราวะต่อดวงวิญญาณของก๊วยเจ๋งผู้ล่วงลับไปแล้ว ก๊วยพู้ตรงเข้าปลอบใจมารดา ทั้งอึ้งย้งและก๊วยพู้จึงนั่งกอดกันร้องไห้ตรงนั้น เป็นภาพที่สะเทือนใจทุกคนผู้คน กับการจากไปของก๊วยเจ๋ง อึ้งย้งเหมือนสิ้นหวังทุกอย่างหมดกำลังแรงใจใดๆ ทั้งๆที่นางก็เตรียมใจไว้แล้ว ว่าการศึกครั้งนี้จะต้องตาย ก็อยากพลีชีพร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ต่อสู้กับศัตรูในสนามรบ

   แต่พอการตายเกิดขึ้นจริงกับก๊วยเจ๋งเช่นนี้ ก็ยากที่จะทำใจ กำลังแย้มยิ้มให้กัน จับมือเห็นกันอยู่ดีๆ เพียงชั่วขณะเดียว ก๊วยเจ๋งกับจากไปเป็นเศษฝุ่นธุลี โดยไม่มีโอกาสที่ได้ร่ำลาอะไรกัน

   “ หักใจเถอะอึ้งย้ง คงต้องยอมรับความจริงว่าก๊วยเจ๋งน้องเราได้จากไปแล้ว ”


   กลับเป็นจิวแปะท้ง( เฒ่าทารก )ที่สาบานเป็นพี่น้องกับก๊วยเจ๋ง( ที่มา มังกรหยก ภาค 1)ที่เข้ามาพูด
   “ เกิดมาทุกคนล้วนต้องตายไม่ช้าก็เร็ว ไม่มีใครไปกำหนดได้ว่าต้องตายเมื่อไร ต้องตายยังไงถึงจะเป็นการตายที่เหมาะสมกับเรา จะไปขอให้ต้องป่วยตาย หรือโดนข้าศึกฆ่าตายในการรบคงไม่ได้ จะขอตายเป็นคนแรกหรือคนสุดท้ายก็ไม่ได้เช่นกัน จึงไม่ควรไปใส่ใจร้องขอต่อความตายเลย กับการตายของก๊วยเจ๋งแม้ตายด้วยก้อนหิน ก็มีคุณค่าไม่แตกต่างจากการตายเพราะต่อสู้กับข้าศึกหรอก เพราะหากก้อนหินนั้นตกกลางเมือง ชึวิตผู้คนเหลือคณาในเมืองเซียงเอี้ยงก็ไม่รอด พวกเราต่างรู้สึกขอบคุณและจดจำสิ่งที่ก๊วยเจ๋งเสียสละในครั้งนี้ ตอนนี้เจ้าต้องทำใจเข้มแข็ง อย่าให้การตายของน้องเรา( กํวยเจ๋ง )มาบั่นทอนจิตใจให้ขาดสติ อย่าปล่อยให้การตายของกํวยเจ๋งไร้ความหมาย ตอนนี้เท่ากับเจ้าเป็นผู้นำแทนก๊วยเจ๋งแล้ว จะทำอย่างไรต่อไป พวกเราทุกคนต่างรอคำสั่งจากเจ้าแล้ว ”

   อึ้งย้งได้ฟังจิวแปะท้งพูดจึงได้สติคืนมา เฒ่าทารกซึ่งแต่ไหนแต่ไรมาเป็นคนพูดจาเหลวไหลไร้สาระเอาแต่เล่นไปวันๆคล้ายเด็ก แต่ในยามวิกฤตเช่นนี้กลับมีคำพูดที่เป็นหลักการ ปลุกปลอบใจอึ้งย้งได้ดีจนไม่คิดฝันว่า ตำพูดเหล่านี้จะมาจากปากท่าน ทำให้อึ้งย้งกลับมีแรงใจได้ใหม่

   อึ้งย้งคิดในใจหันกลับมาหาจิวแปะท้ง
   “ ข้าขอบคุณพี่จิวมาก ที่พูดเตือนสติข้าได้ดี ถูกแล้วเราอย่าทำให้การตายของก๊วยเจ๋งต้องเสียเปล่า ”
   “ แม่ทัพก๊วยเจ๋งตายแล้ว แต่ข้าศึกข้างหน้ายังอยู่ การตายของแม่ทัพก๊วยจะไร้ความหมายไปทันที หากเราอ่อนแอยอมแพ้แก่ข้าศึก ต้องร่วมมือร่วมใจกัน ทำตามแผนที่กำหนดปกป้องเมืองเซียงเอี้ยงให้ถึงที่สุด ดังเช่นที่แม่ทัพก็วยได้เสียสละชีพเพื่อปกป้องแผ่นดิน ”

   อึ้งย้งประกาศเหล่าทหารและผู้กล้าแห่งพรรคกระยาจกทุกคนต่างไชโยโห่ร้องไปกับอึ้งย้ง อยู่ๆภาพอึ้งย้งและทุกคนเหมือนกระพริบๆ ติดๆดับ คล้ายเวลาเราดูภาพยนตร์แล้วเกิดไฟฟ้าไม่พอ อึ้งย้งมองดูตัวเองและคนอื่นก็ต่างเป็นเช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น อึ้งย้งพยายามรวบรวม ให้ตัวเองกลับมา แต่กลับมาพบตัวเองยืนอยู่กลางสนามรบกำลังใช้กระบี่ต่างไม้เท้าใช้ออกด้วยกระบวนท่าไม้เท้าตีสุนัขแต่เปลี่ยนเป็นกระบี่แทน

   มืออีกข้างใช้ออกด้วยท่าฝ่ามือสิบแปดฝ่ามือสยบมังกร เข่นฆ่าทหารมงโกลล้มตายเป็นจำนวนมาก จนร่างอึ้งย้งแดงฉานไปด้วยโลหิตโดยไม่รู้ว่าเป็นโลหิตของตนหรือศัตรูกันแน่ เพราะตัวอึ้งย้งเองก็รู้สึกบอบช้ำภายใน เรี่ยวแรงอ่อนระโหยจนแทบทรงตัวไม่อยู่ ฝ่ายทหารและพลพรรคกระยาจกต่างก็ล้มตายลงเป็นจำนวนมากเช่นกัน แต่ด้วยพลังฝีมือและใจอันเด็ดเดี่ยวของทุกคน จึงสามารถตลุยทหารมงโกลจนแตกพ่ายไป

   สามารถยึดเครื่องยิงหินได้เครื่องหนึ่ง ทั้งหมดพากันโห่ร้องด้วยความดีใจ แต่เป็นสักพักเดียวก็เกิดหินของฝ่ายมงโกลยิงใส่เข้ามา มีลูกหนึ่งซึ่งใหญ่ พอๆกับลูกที่ยิงข้ามกำแพงเมือง คราวนี้มองเห็นจิวแปะท้งเป็นคนกระโดดพุ่งชนหินเลียนแบบก๊วยเจ๋งเสียง  ตูม ดังสนั่น ก้อนหินแตกกระจัดกระจายเป็นก้อนใหญ่บ้างเล็กบ้าง

   มองเห็นจิวแปะท้งหล่นลงมานอนแอ้งแม้งกับพื้น ชูมือสั่นระริกไปทางอึ้งย้ง
   “ อึ้งย้ง ๆ ”

   อึ้งย้งตรงเข้าไปจับมือข้างที่สั่นระริกไว้แน่น บีบมือให้กำลังใจจิวแปะท้งที่ร่อแร่ใกล้สิ้นใจ
   “ ข้า ข้าอยากประลองฝีมือกับก๊วยเจ๋งมานานว่าตอนนี้ใครเก่งกว่ากัน เจ้าเห็นไหมข้าก็ทำลายหินยักษ์ของมงโกลได้ แถมร่างยังไม่สลายไปเช่นนี้ ข้าเก่งกว่าก๊วยเจ๋งใช่หรือไม่ ”

   อึ้งย้งยิ้มให้กำลังใจจิวแปะท้ง
   “ ใช่ท่านเก่งกว่า และเก่งเหนือใครในยุทธภพด้วยซ้ำ ” จิวแปะท้งยิ้มอย่างพอใจ แล้วจึงหลับตาลงเสียชีวิตลงตรงนั้น

   อึ้งย้งต้องหลั่งน้ำตาให้กับการจากไปของจิวแปะท้งอีกคน อึ้งย้งแทบไม่มีเวลาคิดก็ปรากฎมีก้อนหินขนาดใหญ่ที่ยิงตกลงมาใกล้นาง แม้ไม่ได้ถูกต้องตัวโดยตรงแต่ก็มีก้อนที่แตกกระเด็นมาโดนตัวนาง สร้างความบอบช้ำให้มีมากกว่าเดิม จนแทบสิ้นใจไปอีกคน อึ้งย้งพยายามแข็งใจลุกขึ้นยืน

   มองเห็นกำแพงเมืองเซียงเอี้ยงโดนหินถล่มพังครืนลงมาแล้ว อึ้งย้งได้แต่ยืนมองน้ำตาไหลริน รำพึงขึ้น
   “ จบกันแล้ว ท่านพี่กํวยข้ามิอาจป้องกันเมืองเซียงเอี้ยงได้ตามเจตนาของท่านแล้ว ชาวซ่งมีผู้คนตั้งมากมายทั้งเก่งกาจกว่า กลับต้องพ่ายแพ้ต่อก้อนหินของชาวมงโกล จะมัวคิดค้น ฝึกฝนวรยุทธไปให้เสียเวลาสูญเปล่าไปทำไม อีกหน่อยวรยุทธคงเปล่าประโยชน์สูญหายไปหมดแล้ว เพราะไปประดิษฐ์นวัตกรรม สร้างอาวุธที่มีอำนาจทำลายล้างสูงจะดีกว่า ”

   คำรำพันด้วยความน้อยใจของอึ้งย้งเป็นจริงในปัจจุบันที่มนุษย์สามารถประดิษฐ์คิดค้นอาวุธร้ายแรงได้จริง และไม่มีผู้ใดฝึกวรยุทธกันแล้ว ฝ่ายแม่ทัพมงโกลเห็นจึงสอบถามไปว่า ในกองทัพเมืองเซียงเอี้ยงมีสตรีที่เก่งกาจทำการรบอย่างห้าวหาญนั่นคือผู้ใด จึงได้รับคำตอบว่าคืออึ้งย้งภรรยาของแม่ทัพก๊วยเจ๋ง แม่ทัพมงโกลเกิดเสน่หาในตัวอึ้งย้ง และเห็นนางบาดเจ็บสาหัสจึงสั่งทหารเข้าจับเป็นห้ามทำอันตรายใดๆกับอึ้งย้ง

   อึ้งย้งลมหายใจรวยรินแทบขาดใจ มองไปทางไหนก็เห็นแต่กองทัพมงโกล ไม่ปรากฎทัพหลวงของเมืองซ่งยกมาช่วยแต่อย่างใด ที่เป็นเช่นนี้เพราะฮ่องเต้หลงเชื่อคำเพ็ดทูลของเหล่าพ่อมดหมอผีว่าไม่ต้องยกกำลังไปช่วยเมืองเซียงเอี้ยง เพราะหากถึงเมืองเซียงเอี้ยงแตก พวกมันก็จะทำพิธีเรียกทหารเทวดาลงมาปกป้องเมืองซ่งได้
แต่เมื่อมงโกลยึดเมืองเซียงเอี้ยงแล้ว ก็ยกกำลังเข้าตีเมืองซ่งได้โดยง่าย ไม่ปราฎว่ามีทหารเทวดาลงมาจากฟากฟ้าช่วยเมืองซ่งแต่อย่างใด

   อึ้งย้งหมดแรงต่อสู้นึกภาวนาขอให้บุตรชายบุตรสาวต่างหนีไปได้อย่างปลอดภัย พลันเห็นม้าสีขาวตัวหนึ่งควบเข้าหาอย่างรวดเร็วยิ่ง

   “ ม้าตัวนั้น ช่างสง่างามเหลือเกิน เหมือนๆ เจ้าขาวสำอางค์ของลูกเซี้ยง ”

   อึ้งย้งพลันนึกถึงก๊วยเซียง ขณะที่กำลังจะสิ้นลมอยู่ร่อมร่อคิดว่าทหารบนหลังม้าคงจะเข้ามาสังหารตนแน่แท้
แต่มโนภาพเห็นเป็นก๊วยเซี้ยงเอง พลันกลับมีมือข้างหนึ่งดึงร่างอึ้งย้งขึ้นบนหลังม้าอย่างรวดเร็ว

   “ ท่านแม่ รีบขึ้นมาเถิด ข้าก๊วยเซี้ยงเอง ”

   อึ้งย้งคล้ายครึ่งหลับครึ่งตื่นนึกว่าตัวเองฝันไปถึงก๊วยเซี้ยงลูกคนโปรด ขึ้นไปซบหน้ากอดด้านหลังก๊วยเซี้ยงที่ควบม้าพานางหนี จากกองทัพมงโกลที่แห่เข้ามาได้อย่างหวุดหวิด ทหารมงโกลได้แต่ไล่ตามไม่กล้ายิงเกาฑัณต์เข้าใส่ เพราะเกรงจะไปทำอันตรายแก่อึ้งย้ง ด้วยมีคำสั่งให้จับเป็น อึ้งย้งคล้ายมีสติขึ้นมาอีกหนนึกขึ้นได้ว่าตนมีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกก๊วยเซี้ยง จึงสะกิดหลังก๊วยเซี้ยงให้หยุดม้าก่อน

   ก๊วยเซี้ยงเห็นปลอดภัยจากทหารมงโกลจึงแอบซ่อนม้าประคองอึ้งย้งลงจัดหาน้ำให้มารดาดื่ม
   “ ลูกเซี้ยง ๆ จริง ”

   ก๊วยเซี้ยงน้ำตาริน ขณะจะทำการตรวจว่าอึ้งย้งบาดเจ็บตรงไหน อึ้งย้งกลับโบกมือ
   “ ไม่ต้อง อย่าลืมกระบี่อิงฟ้า ในนั้นมีเคล็ดวิชาเจ้าต้องเอากระบี่และดาบฆ่ามังกรมาทำลายกันเองจึงนำเคล็ดวิชาออกมาได้ ”
   “ คะท่านแม่ ” ก๊วยเซี้ยงกล่าวรับทั้งน้ำตา

   เห็นอึ้งย้งยิ่งกล่าวเสียงยิ่งแผ่วแหบพร่า จึงให้อึ้งย้งดื่มน้ำอีกอึกใหญ่ อึ้งย้งจึงกล่าวต่อ
   “ ยังมี เรื่องที่สำคัญยิ่งกว่า ลูกเซี้ยง เรื่องสำคัญนี้เจ้าต้องจำให้แม่น ตัวแม่ต่างหากที่เป็นดั่งคัมภีร์เล่มหนึ่ง ไม่เพียงแต่กระบวนท่า ยังรวมถึงวรยุทธ กำลังภายในและทักษะการฝึกปรือไว้ เจ้าต้องรักษาแม่ไว้ให้ดี อย่าให้อยู่ในมือศัตรูคนร้าย แม่คงไม่รอดแล้ว จำเป็นต้องใช้พลังสุดท้ายปิดกั้นพลังนี้ไว้กับตัวหาทาง....ดึงพลังที่มีอยู่ในตัวแม่ออกมาให้ได้ “

   อึ้งย้งกล่าวเพียงแค่นั้นพร้อมกับปิดตาลง ได้ยินเสียงก๊วยเซี้ยงร่ำไห้เรียกท่านแม่ๆ ไม่หยุดอึ้งย้งใช้พลังสุดท้ายกักพลังทั้งมวลในตัวแล้วทำการปิดกั้นจุดสำคัญไม่ให้พลังออกมาได้ รักษาพลังนั้นไว้ภายในตัว ภายหลังคงคาดเดากันได้ว่าหลังจากอึ้งย้งตายก๊วยซึ้ยงพบศพอึ้งย้งกลับไม่เน่าปื่อยให้เป็นที่ประหลาดใจ พยายามหาวิธีดึงพลังออกจากตัวอึ้งย้งแต่ไม่สำเร็จ ออกตามหาตัวเอี้ยก๊วยก็ไม่พบ

   บุกขึ้นเส้าหลินเพื่อหาเคล็ดวิชาเพื่อมาไขปริศนาของอึ้งย้ง จนได้พบกับเตียซำคงในวัยเด็ก ภายหลังต่างก่อตั้งบู๊ตึ้งและง่อไบ๋ขึ้นมา( ตามท้องเรื่องของดาบมังกรหยก ผิดพลาดอย่างไร ลองอ่านในดาบมังกรหยกอีกทีครับ )หลังจากก่อตั้งง่อไบ๋แล้วจึงย้ายศพอึ้งย้งมาเก็บไว้ในโลงแก้ว พร้อมจัดทำป้ายสลักวิญญาณผู้กล้าหาญที่ช่วยกันรักษาเมืองเซียงเอี้ยงเท่าที่นางทราบชื่อทุกคนไว้เป็นอนุสรณ์กราบไว้

   ส่วนเรื่องพลังในศพอึ้งย้งเจ้าสำนักง่อไบ๋รุ่นต่อมาล้วนได้รับการบอกเล่าถ่ายทอดกันมา แต่กลับไม่มีใครมีอัจฉริยะพอที่จะไขความลับนำเอาพลังออกมาได้ เหมือนชะตาห้าลิขิคที่พลังฝีมือในตัวอึ้งย้งที่ควรเป็นของเจ้าสำนักง่อไบ๋คนใดคนหนึ่งในเวลาต่อมา กลับกลายเป็นเจ้ากังปังไปได้พลังทั้งหมดนั้นไป ทั้งๆที่ง่อไบ๋มีสิ่งล้ำค่านั้นอยู่ในสำนักเป็นร้อยกว่าปีก็ตาม

   กังปังลืมตาขึ้นมาน้ำตาคลอเบ้าทั้งสองข้าง เมื่อได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด ซึ่งบัดนี้มันกระจ่างแน่ชัดแล้วว่า สิ่งที่มันรู้ไม่ใช่ความฝันแต่เป็นความทรงจำของอึ้งย้งที่มีอยู่ในหัวของมันต่างหาก แม้บางช่วงความทรงจำจะขาดวิ่นไปบ้าง แต่กังปังก็สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้ทั้งหมด อาจเป็นครั้งแรกที่กังปังได้สัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่าคุณธรรมความดี ที่มีคนเสียสละตนเพื่อคนอื่น อย่างก๊วยเจ๋งและอึ้งย้ง

  บังเอิญศาลเจ้าที่มันแอบเข้ามาหลบพักหลังจากหนีลงมาจากสำนักง่อไบ๋เป็น ศาลเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์งักฮุย มันจึงจุดธูปก้มลงคำนับดวงวิญาณของท่าน ผู้ซึ่งเป็นวีรบุรุษช่วยกอบกู้แผ่นดินซ่งตั้งหลายครั้ง แต่กลับถูกขุนนางกังฉินใส่ความจนต้องโดนประหาร แม้กระนั้นท่านก็ยังซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินโดยตลอด จนชาวซ่งยกย่องให้เป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์

****เมืองจีนเหมือนมีเคราะห์กรรมซ้ำซ้อน แม้ต่อมาจะสามารถพ้นจากการรุกรานจากมงโกล สามารถขับไล่ให้มงโกลพ้นจากแผ่นดินได้แล้ว ในกาลต่อมากลับถูกแมนจูยึดครอง แมนจูเห็นชาวฮั่นยกย่องงักฮุยผู้ซึ่งต่อสู้ผู้รุกรานแผ่นดิน จึงหาว่ายังมีผู้ใดที่ซื่อสัตย์เท่างักฮุย ซึ่งคือ กวนอู และกวนอูเป็นเรื่องที่ไกลตัวแมนจูมากกว่างักฮุย จึงให้เปลี่ยนตัว เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์เป็นกวนอูแทนเพื่อผู้คนจะได้ลืมเรื่องราวของผู้มารุกรานแผ่นดินซึ่งก็รวมถึงแมนจูด้วย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเทพเจ้ากวนอูจึงเป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์แทนงักฮุย)****

   เมื่อคาราวะดวงวิญญาณของงักฮุยเสร็จ กัวปังจึงหันหน้ามายังทิศที่จะไปง่อไบ๋ ก้มลงคุกเข่าคำนับไปยังทิศนั้น พร้อมพูดขึ้น
   “ บัดนี้ข้ากระจ่างในทุกเรื่องแล้ว พลังฝีมือและความสามารถบรรดามีล้วนได้มาจากตัวท่าน( อึ้งย้ง )เท่ากับท่านเป็นอาจารย์ของข้า โปรดให้อภัยในความผิดทุกสิ่งที่ข้าทำไป ข้าได้เห็นคุณธรรมและความเสียสละของท่าน ข้าขอจดจำเป็นแบบอย่าง แม้ไม่อาจเทียบท่านได้ นับจากนี้จะขอยึดมั่นในคุณธรรมใช้พลังฝีมือที่ได้รับจากท่านในทางที่ถูก ปกป้องคุณธรรมตามแบบอย่างจากท่าน ขอให้ท่านรับการคาราวะจากข้ากังปังด้วยเถิด ”

   กังปังพูดจบก็ก้มลงเอาหัวโขกพื้นสามครั้ง ขึ้นชื่อว่าคนแม้ทำชั่วแค่ไหนขอเพียงยังมีความสำนึกผิดได้บ้างก็นับว่าเริ่มดีได้แล้ว จึงว่ามนุษย์ต่างจากสัตว์ตรงมีความสำนึกผิดนี้แหละ ที่เป็นธรรมในตัว หรือที่เรียกว่ามีความเป็นมนุษยธรรม และดูเหมือนฟ้าจะรับรู้ถึงสัตย์ปฎิญาณที่กังปังให้ไว้จึงส่งเสียง ครืนนน ขึ้นมา

   พอกังปังเอาหัวโขกพื้นสามครั้งเสร็จ พลันนึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้มันเอ่ยคำว่ากังปังออกมา
   “ เมื่อกี้ข้าพูดว่า กังปัง เรอะ หมายถึงอะไร  กังปัง  กังปัง ”

   แล้วจู่ๆภาพต่างๆที่เกี่ยวกับมันก็ผุดขึ้นมาในหัวราวกับใครฉายภาพขึ้นมา
   “ ใช่แล้วกังปัง ข้าชื่อกังปัง ข้าชื่อกังปัง ” มันโห่ ร้องอย่างดีใจ


ในที่สุดกังปังก็จำตัวเองได้ แล้วสัตย์ปฎิญาณที่มันให้ไว้สักครู่ละ
มันจะทำได้ไหม กังปังจะเปลี่ยนเป็นคนดี หรือ จะกลับเป็นคนเลวอย่างเก่าอยู่ที่มันเลือกแล้ว

“ ชีวิตคนอาจดูคล้ายถูกโชคชะตากำหนด แต่ก็สามารถเลือกทางเดินเพื่อเปลี่ยนชะตากรรม โดยการสร้างกรรมใหม่ลบล้างกรรมเก่าได้เช่นกัน ”

จบภาค กำเนิดคัมภีร์นางฟ้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น