วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์นางฟ้า( คัมภีร์มังกรหยก )

บทส่งท้าย

   เวลาผ่านไปอึ้งย้งก็ยังคงไม่รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความจริงหรือความฝันกันแน่ เพราะทุกคนดูเหมือนจะจำอะไรไม่ได้ ประกอบกับมีเรื่องวุ่นวายหลายอย่างเข้ามาจนนางไม่มีเวลาที่จะค้นหาความจริง แต่นับจากนั้นเป็นต้นมาก็ไม่เคยปรากฎว่ามียอดยุทธพิศวาสเข้ามาในดินแดนตงง้วนอีกเลย แต่มีเรื่องมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับอึ้งย้งคือ อีกสามเดือนต่อมา อึ้งย้งก็พบว่าตัวนางได้ตั้งครรภ์ขึ้นมาอีกครั้ง

   นับจากคืนนั้นมาได้สามเดือนพอดี ทั้งที่หลังจากมีก๊วยฮู้แล้วเวลาห่างไปตั้งสิบกว่าปีนางจึงมีครรภ์ขึ้น  ต่อมาจึงให้กำเนิดบุตรแฝด เป็นหญิงหนึ่ง ชายหนึ่ง บุตรชายตั้งชื่อว่าก๊วยพู้ลู้ ส่วนบุตสาวให้ชื่อว่า ก๊วยเซียง บุตรชายนางกลับโง่เขลาเหมือนก๊วยเจ๋ง ส่วนบุตรสาวนางกลับเฉลียวฉลาดเช่นนางแต่กลับมีอุปนิสัยคล้ายคลึงกลับอึ้งเอี้ยะซือเป็นอย่างยิ่ง

   ยิ่งนานวันก๊วยเซียงก็ยิ่งคล้ายกับอึ้งเอี้ยะซือผู้เป็นปู่ จึงทำให้ท่านผู้เฒ่ารักใคร่เอ็นดูก๊วยเซียงเป็นอย่างมาก จนก๊วยฮู้เกิดความอิจฉาอดกระแหนะกระแหน่ขึ้นมาไม่ได้ว่า ก๊วยเซียงน่าจะเป็นบุตรสาวของท่านปู่อึ้งเอี้ยะซือมากกว่า พร้อมกับตั้งฉายาให้กับน้องสาวของนางว่า ภูตบรูพาน้อย อึ้งย้งและอึ้งเอี้ยะซือได้ยินถึงกับสดุ้งในใจ แต่ทุกคนต่างเห็นเป็นเรื่องสนุกและชอบใจจึงเรียกตามก๊วยฮู้

   ภายหลังอึ้งเอี้ยะซือก็ดูเหมือนกับพอใจฉายาที่ทุกคนเรียกก๊วยเซียงหลานรักสุดโปรด ก๊วยเซียงจึงได้ฉายาว่าภูตบูรพาน้อยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

……………………………………………






เดชคัมภีร์นางฟ้า( คัมภีร์มังกรหยก )



 บทนำ

   ง่อไบ๊ เป็นสำนักนางชี ล้วนมีแต่สตรีเพศ แต่ไฉนกลับถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในบรรดาสำนักมาตรฐาน ทัดเทียม เส้าหลิน,บู๊ตึ่ง,คงทง,คุ้นลุ้น ได้เล่า นอกจากสาเหตุที่ ง่อไบ๊ ได้ถูกก่อตั้งโดย แม่ชีก๊วยเซียง ซึ่งเป็นธิดาของ จอมยุทธก๊วยเจ๋งและอึ้งย้ง อันลือชื่อ ซ้ำยังเป็นหลานคนโปรดของ ปรมาจารย์อึ้งเอี้ยะซือ ด้วยแล้ว

     กล่าวกันว่าที่นางหันมาบวชเป็นชีเพราะผิดหวังจากความรักที่มีต่อ จอมยุทธเจ้าอินทรีเอี้ยก๊วย ไม่เพียงแต่สายสัมพันธ์ที่ง่อไบ๊ ที่มีรากฐานมาจากจอมยุทธที่เลื่องชื่อในอดีตเท่านั้น จึงเป็นที่ยำเกรงของบู๊ลิ้ม อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ง่อไบ๊มีชื่อขึ้นมาได้ นั่นเป็นเพราะง่อไบ๊ได้มีสุดยอดวิทยายุทธอยู่อย่างหนึ่ง ซึ่งปรมาจารย์หญิงอึ้งย้งได้คิดค้นขึ้นจากความฝัน  วิทยายุทธลึกลับของง่อไบ๊สามารถพิชิตเหล่ายอดฝีมือทั่วทั้งแผ่นดินให้สยบแทบเท้าได้ อะไรจะเกิดขึ้นหากคนร้ายกลับได้ช่วงชิงเอาสุดยอดวิทยายุทธเร้นลับของง่อไบ๊ไปครอบครอง

     ขอเชิญพบกับ นวนิยายจีน สำนวนเสียว สไตร์คอบร้า เดชคัมภีร์นางฟ้า อันเป็นตอนต่อจากพิศวาสมังกรหยก นิยายเรื่องนี้ไม่เหมาะสำหรับเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี เพราะอาจมีเนื้อหาและพฤติกรรมของตัวละครที่รุนแรงไม่เหมาะสม เวลาอ่านควรมีผู้ปกครองให้การชี้แนะ

.........................................................

          ตูม !!!!!!!!!!เสียงดังสนั่นหวั่นไหวราวหับฟ้าผ่าลงกลางเมืองดังมาจนถึงห้องประชุมการศึก ก๊วยเจ๋งที่กำลังบรรยายแผนการเพื่อรับมือการรุกรานของมองโกลต้องหยุดชงัก

   สักครู่ทหารชั้นผู้น้อยรายหนึ่ง วิ่งกระหืดหอบเข้ามา
   “ เรียนท่านแม่ทัพลู่ มีก้อนหินขนาดใหญ่ตกเข้ามาในเมือง โดนสะพานหินในเมืองพังทลาย ”
   “ หินมันมาได้อย่างไร ”
   “ เรียนท่านแม่ทัพ มันมาจากนอกกำแพงเมือง ”
   “ หา...” แม่ทัพลู่เหวินฮวนถึงกับอุทานด้วยความตกใจ

   ดึกสงัด ก๊วยเจ๋งยังคงนั่งดูแผนถูมิเมืองเซี่ยงเอี้ยงที่กางอยู่ใต้ตะเกียงบนโต๊ะทำงานในห้องนอนแล้วทอดถอนใจ
   “ ท่านพี่ ดื่มน้ำขิงร้อนสักหน่อย อากาศหนาวเย็นมาก ” เป็นเสียงอึ้งย้งภรรยาสุดที่รักของก๊วยเจ๋งกล่าวขึ้น พร้อมกับประคองถ้วยน้ำส่งให้ก๊วยเจ๋ง
   “ วันนี้ เจ้าคงได้เห็นอานุภาพของ หุยหุยเพาของชาวมงโกล แล้วใช่ไหม ”

*** หุยหุยเพา เครื่องยิงหินชนิดหนึ่งของชาวมงโกล สามารถยิงหินที่มีน้ำหนักมากถึง 500 กก. ยิงได้ไกลกว่า 500 เมตร กุบไลข่าน ได้ส่งสาส์นไปยัง อบากาข่าน( Abakha Khan )หลานของพระองค์ ซึ่งครองเปอร์เซียอยู่ ข่านแห่งเปอร์เซีย จึงส่งวิศวกรมุสลิม เชื้อสายเคิร์ดสองคนคือ อลาวดิน( Alaowadin )และ อิสมาอิล( Yisimayin ) มายังจีน

   วิศวกร ทั้งสองคนได้ประดิษฐ์ เครื่องยิงก้อนหิน ที่เรียกว่า Counterweight Trebuchet หรือ เครื่องยิงหินขนาดยักษ์ ในบันทึกของจีนเรียก เครื่องยิงก้อนหิน ที่ประดิษฐ์โดยวิศวกรมุสลิมทั้งสองคนนี้ว่า หุยหุยเพา( Huihui Pao ) หรือ Muslim trebuchet หรือ เครื่องยิงหินของชาวมุสลิม ประสิทธิภาพของเครื่องยิงที่ออกแบบโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวมุสลิมสองท่านนี้ ควรจะต้องถูกบันทึกไว้ด้วยว่าเจ๋งโคตร ๆ

   เพราะ ระยะยิงหวังผลของเครื่องนี้อยู่ที่ 500 เมตร และสามารถใช้หินที่มีน้ำหนักถึง 300 กิโลกรัม เป็นกระสุนได้ด้วย และหิน 300 กิโลกรัม เมื่อถูกยิงมาจากระยะ 500 เมตร คงไม่ต้องนึกกันละครับว่า มันจะมีอานุภาพที่ร้ายแรงเพียงใด ***

................................................

   “ หน่วยสอดแนมแจ้งว่า พวกมงโกลกำลังขนหุยหุยพานมาอีก 10 ตัว คราวนี้เห็นที เมืองเซี้ยงเอี้ยงตงต้องแตกแน่ ข้าไม่อาจคิดแผนการใดที่จะมารับมือการศึกครั้งนี้ได้ ”

   กล่าวถึงตรงนี้ก๊วยเจ๋งก็นิ่งเงียบไปมองหน้าภรรยาคล้ายมีคำถามในใจว่า เจ้ามีความคิดเห็นเข่นไร อึ้งย้งมองหน้าสามีอยู่ครู่หนึ่ง กลับส่ายหน้าช้าๆ คล้ายรู้ความในใจก๊วยเจ๋งดีว่าจะถามนางเช่นไร ด้วยทั้งสองต่างอยู่กินกันมาหลายสิบปี ต่างมองตาก็รู้ใจโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ย

   “ คราวนี้ข้าเองก็อับจนปัญญา ไม่รู้ว่าจะสามารถหาอะไร( เทคโนโลยี )มาทำลายหินที่ฝ่ายมงโกลยิงเข้ามาได้ ” อึ้งย้งเอ่ยเบาๆ

   “ ต้องนับว่าประดิษกรรมครั้งนี้ของฝ่ายมงโกลนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ เกินกว่าที่จะหาสิ่งใดมาเทียบได้ ”
   “ อืม....เราไม่มีทางใดจะแก้ไขได้เลยหรือ ” ก๊วยเจ๋งถามคล้ายรำพึง
   “ สิ่งที่เราทำได้เราต่างก็ทำหมดแล้ว ทั้งเสบียงที่เตรียมไว้พร้อมสำหรับหนึ่งปี ทั้งตาข่ายเหล็กที่คลุมกำแพงทั้งสี่ชั้น ทั้งแม่น้ำคูคลองที่ขวางกันกว่า 150 หลา เพื่อกันการบุกของข้าศึก ”

   คำพูดของอึ้งย้งคล้ายบั่นทอนกำลังใจยิ่งนัก แต่ก๊วยเจ๋งก็รู้ดีว่านี้คือวิสัยทัศน์ที่ถูกต้องตรงไปตรงมาของอึ้งย้ง จึงต้องกู่ร้องขึ้นอย่างเจ็บปวด
   “ โอย...นี้เจ้าจะบอกว่ามันเป็นชตากรรมงั้นหรือ แผ่นดินซ่งต้องถึงคราวล่มสลายแล้วงั้นหรือ ”
  
   ก๊วยเจ๋งกู่ร้องขึ้น พร้อมกับหลั่งน้ำตาออกมา
   “ ชีวิตเราไม่เสียดาย ห่วงแต่ราษฏรหากมงโกลรุกเข้ามาคงเข่นฆ่าชาวซ่งจนหมดสิ้น ฉายาเมืองเซียงเอี้ยงเมืองที่ไม่เคยแตกคงต้องถูกลบชื่อในคราวนี้โดบสิ้นเชิง ”

..............................................

*** เมืองเซียงเอี้ยง นั่นคือ เมืองที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ของราชวงศ์นี้ เนื่องจากเมืองนี้ตั้งอยู่ ริมแม่น้ำฮั่นสุ่ยที่หล่อเลี้ยงซ่งใต้  เป็นเมืองหน้าด่านทางน้ำของ ซ่งใต้ เพราะ แม่น้ำฮั่น เป็นเส้นทางเข้าสู่ง แม่น้ำแยงซี หากตีได้เมืองเซี่ยงเอี้ยงแล้ว มองโกลสามารถรุกคืบเข้ายึดเมืองสำคัญอื่น ๆ ของซ่งใต้ได้อย่างง่ายดาย

   โดยไม่ต้องใช้กองทัพม้า เพียงแต่ส่งกองทัพเรือแล่นไปตามแม่น้ำแยงซีเกียงเพื่อยึดเมืองต่าง ๆ ได้ด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าเซียงเอี้ยงไม่แตก โอกาสที่ซ่งใต้จะไม่แตกก็มีสูง กองทัพมองโกลเองก็ทราบดีในเรื่องนี้ พวกเขาจึงถือว่าเมืองนี้เป็นจุดที่จะต้องเอาชนะให้ได้ ( จาก บทความการศึกที่เซียงหยาง/ต่อพงษ์ ผู้จัดการออนไลน์ )***

..............................................

   อึ้งย้งพลอยรู้สึกเศร้าเสียใจตามก๊วยเจ๋งผู้เป็นสามี แม้จะถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ยังมีจิตใจนึกถึงชาวประชา และบ้านเมือง แต่นางสุดที่จะหาถ้อยคำใดมาปลอบประโลมสามีให้คลายทุกข์ลงได้ ก๊วยเจ๋งนิ่งเงียบหลั่งน้ำตาของลูกผู้ชายออกมาอยู่พักหนึ่งจึงพูดขึ้น

   “ ตามความเห็นของเจ้าหากเป็นเช่นนี้ เจ้าคิดว่าเราจะรักษาเมืองนี้ได้นานเท่าใด ”
   “ หากดูจากสภาพการณ์ หากมงโกลติดตั้งและทดสอบระยะยิงได้เสร็จ คงใช้หุยหุยเพาระดมยิงมารอบทิศทาง รวมระยะเวลาแล้วไม่เกินสิบวันเท่านั้น ”
   “ สิบวันเท่านั้นหรือ ”
   “ นานที่สุดคงเท่านี้ ยกเว้นทางเมืองหลวงจะส่งกองทัพมาช่วยตีขนาบได้ก่อน ”
   “ เราสิ้นสุดความหวังจากเมืองหลวงนานแล้ว ”

   ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบชั่วครู่หนึ่ง เป็นอึ้งย้งกล่าวขึ้น
   “ตอนนี้แม้ข้ายังไม่มีหนทางใดต่อกรกับข้าศึก แต่กลับมีความคิดขึ้นประการหนึ่ง ”
   “ เจ้าคิดได้เรื่องอันใด ” นัยตาก๊วยเจ๋งมีความหวังขึ้น
   “ ข้าไม่อยากพูดสิ่งใดที่บั่นทอนกำลังใจท่านพี่ แต่ข้าเกิดความคิดว่า หากแม้นี่เป็นอวสานของชีวิตเรา เราควรทิ้งอะไรไว้เพื่อชนรุ่นหลัง ”

   อึ้งย้งหยุดชั่วขณะ นัยน์ตาอันเจิดจรัสของก๊วยเจ๋งกลับลดวูบลง ต่อมาจึงดูสงบขึ้นอึ้งย้งจึงกล่าวต่อ
   “ หากการณ์เป็นนี้คงสุดแล้วแต่ฟ้าลิขิต หากเพียงแต่มงโกลเข้ายึดครองแผ่นดินซ่งคงเข่นฆ่าผู้คนจนหมด วิทยายุทธของซ่งอาจพลอยสูญหายไปด้วย ”

   อึ้งย้งเป็นผู้ที่ถูกยกย่องว่าเป็นขงเบ้งหญิงแห่งแผ่นดิน มีสายตาอันยาวไกลมองถึงการณ์ข้างหน้า แม้ยามคับขันนางก็คงยังมีความคิดสติปัญญาลึกซึ้งเสมอ

   “ ก็อาจจริงดั่งเจ้าคิด แล้วเราจะทำเช่นไร ”
   “ ข้ามีความรู้ในการหลอมกระบี่พิสดารอันหนึ่งมาจากท่านพ่อ( อึ้งเอี้ยะซือ )ข้ากับท่านมาร่วมกันเขียนตำราวิชาฝีมือของตน แล้วเอาไปซุกซ่อนในกระบี่ที่ตีขึ้นนี้เถิด หากแม้นภายภาคหน้าเราพ่ายแพ้แก่มงโกล ยังเหลือวิชาฝีมือไว้ให้กับอนุชนรุ่นต่อไป กลับมากู้ชาติได้ ”
   “ ดี ตอนนี้เราคงทำได้แค่นี้ซินะ เรื่องหลอมกระบี่พิสดารคงต้องขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วจะทำอย่างไร ”
   “ ตอนนี้เรามีกระบี่เหล็กดำของลูกเอี้ยก๊วยเป็นเหล็กชนิดพิเศษนำมาผสมกับยอดทองคำจากแดนตะวันตกจะพอหลอมกระบี่ได้คู่หนึ่ง ใช้เวลาไม่เกิน 3 วันคงเสร็จ ”
   “ งั้นคงต้องเร่งดำเนินการแล้ว ”

..................................................

    3 วันผ่านไป

   “ ท่านพ่อ ท่านแม่ ”

   เสียง ก๊วยพั่วลู้กับก๊วยเซียง กล่าวขึ้นพร้อมกัน
   “ พ่อกับแม่มีสิ่งของจะมอบแก่เจ้า ”

   อึ้งย้งกล่าวกับทั้งสองพลางดึงตัวก๊วยเซียงเข้ามากอด ส่วนก๊วยเจ๋งก็เอามือโอบไหล่ก๊วยพั่วลู้เช่นกัน
   “ นี่เป็นดาบและกระบี่วิเศษที่พ่อกับแม่ช่วยกันหลอมขึ้นมา ” อึ้งย้งพูดพลางชี้ไปที่ดาบกระบี่คู่หนึ่งที่วางไว้บนโต๊ะ
   “ ก๊วยพั่วลู้เจ้าจงรับดาบนั้นไป ส่วนก๊วยเซียงเจ้าจงรับเอากระบี่ ”

   ทั้งก๊วยเซียงและก๊วยพั่วลู้ต่างหยิบเอาดาบกระบี่ขึ้นมาถือ ดาบทองเล่มใหญ่ในมือก๊วยพั่วลู้มีน้ำหนักมาก ก๊วยพั่วลู้ทดลองกวัดแกว่งได้ยินเสียงแหวกอากาศดังหวืดหวาดส่งประกายทองระยิบระยับ เช่นเดียวกับก๊วยเซียงที่ชักกระบี่ออกจากฝักแห็นเป็นประกายระยิบระยับดั่งรุ้งเจ็ดสี

   ไม่ต้องบ่งบอกก็รู้ว่ามันคมกริบดุจดั่งกระบี่วิเศษขนาดไหน
   “ เจ้าทั้งสองมานี้เถิด ฟังท่านพ่อเจ้าพูดไว้ให้ดี ”

   ทั้งสองต่างประสานมือคำนับแล้วมานั่งลงตรงเก้าอี้ที่เหลือ
   “ ยามนี้บ้านเมืองประสบภัย ข้ากับมารดาเจ้าต่างหลอมดาบกระบี่นี้ขึ้นมาโดยซุกซ่อนตำราพิชัยสงครามของท่านงักฮุยและวิชาฝีมือเอาไว้ เผื่อภายภาคหน้าจะได้มีโอกาสให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษา ”
   “ อืม “ ต่างรับคำอยู่ในใจ เป็นก๊วยเซียยงจะพูดขึ้น แต่อึ้งย้งกลับห้ามไว้ก่อน
   “ อย่าเพิ่งแทรกอะไร ฟังท่านพ่อเจ้าพูดให้จบก่อน ”
   “ กระบี่ในมือของก๊วยเซียง เป็นมารดาเจ้าตั้งชื่อว่า กระบี่อิงฟ้า ส่วนดาบทองนั้นคือ ดาบฆ่ามังกร ”
   “ กระบี่อิงฟ้า  ดาบฆ่ามังกร ”

   ทั้งก๊วยเซียงและก๊วยพั่วลู้ต่างทวนชื่อดาบกระบี่ขึ้น
   “ ดาบกระบี่คู่นี้เป็นของวิเศษ เจ้าจงใช้เพื่อผดุงความยุติธรรม้พื่อแผ่นดินต่อไปในภายภาคหน้า อย่าได้ใช้ในทางที่ผิด ”
   “ แม้กระบี่อิงฟ้าและดาบฆ่ามังกรจะเป็นอาวุธที่แข็งแกร่ง แต่มีจุดอ่อนอยู่ตรงเหนือด้ามดาบและกระบี่ขึ้นมาเจ็ดนิ้วพอดีไม่ขาดไม่เกิน หากนำมาเสียดสีกันตรงตำแหน่งนั้น ทั้งดาบและกระบี่ก็จะหักลง เผยให้เห็นตำราที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน เจ้าจงจำไว้ให้แม่น ”
   “ เทิดทูนเหนือหล้า ดาบพิฆาตมังกร ประกาศิตทั้งไตรภพ ใครมิกล้ามิสยบ แม้นอิงฟ้าไม่ปรากฏ ผู้ใดหาญกล้าสัประยุทธ์ "

...................................

 *** หมายถึง หากได้ครอบครองดาบพิฆาตมังกรแล้ว จะพบเคล็ดวิชาที่นำไปสู่ความสำเร็จ กอบกู้หรือรักษาแผ่นดินได้ แต่หากวันใดผู้ประสบความสำเร็จหลงลำพอง คะนองในอำนาจจนเกินขอบเขตที่เหมาะสม วันนั้นจะปรากฏผู้กล้า ถือกระบี่อิงฟ้า ต่อให้มีกำลังแข็งแกร่งสักปานใดหรือมีกองทัพใหญ่โตแค่ไหน ก็ไม่อาจต้านทานเจตนาของฟ้าได้ ****

...................................

   “ เจ้าทั้งสองต่างมีหน้าที่ต้องรักษาดาบกระบี่ไว้ยิ่งชีวิต และเก็บความลับของกระบี่ให้ดี ”
   “ ครับ ค่ะ ”
   “ เอาละเสร็จธุระแล้ว ก๊วยพั่วลู้เจ้าไปกับพ่อ ส่วนก๊วยเซียงอยู่กับท่านแม่ก่อน ”

   ภายหลังที่ก๊วยพั่วลู้กับก๊วยเจ๋งเดินออกไปแล้ว ก๊วยเซียงโผเข้ากอดอึ้งย้งทันที พลางสอื้น
   “ ท่านแม่ การศึกครั้งนี้คับขันยิ่งนักใช่ไหม ”
   “ อืม ลูกเอยเจ้านับว่าเติบใหญ่ขึ้นแล้ว ”
   “ วันนี้ข้าเห็นท่านมงโกลใช้หุยหุยเพายิงถล่มกำแพงชันนอกพังลงไปชั้นหนึ่งแล้ว ประชาชนและทหารพากันเสียขวัญระส่ำระส่าย อีกทั้งท่านพ่อและท่านแม่มอบดาบกระบี่ให้ข้ากับน้องว่าให้เก็บรักษาไว้เพื่อชนรุ่นหลัง ”

   อึ้งย้งตกใจที่ก๊วยเซียงรู้เท่าทันความคิดนาง จึงแกล้งปั้นสีหน้ายิ้มแย้มโกหกบุตรีต่อไป
   “ เจ้าอย่าวิตกกังวลไปเลย บิดาเจ้ากับข้ามีวิธีรับมือเรื่องนี้อยู่แล้ว แม้ว่ามงโกลจะมีสิ่งประดิษฐ์ที่ทรงอานุภาพ แต่อย่างไรก็ตามการรบขั้นแตกหักก็ต้องขึ้นอยู่กับการรบทางพื้นราบ  ทหารเรามีฝีมือการบเก่งกว่าย่อมมีเปรียบอยู่แล้ว ”

   อึ้งย้งปลอบใจบุตรี พลางแต่งเรื่องพูดต่อ
   “ สำหรับกำแพงเมืองที่ทลายลง ทางบิดาเจ้าก็เตรียมการให้ขนกองหินที่พังลงมา มาสุมทับเข้าระหว่างกำแพงเมืองชั้นที่สองกับที่สามทำให้มีกำแพงหนาสามชั้นติดกัน ทั้งยังเอาตาข่ายเหล็กคลุมลงไปอีก ก็ยากที่ถูกหุยหุยเพาถล่มลงเอาง่ายๆเหมือนกำแพงชั้นนอก ”
   “ แต่ฝ่ายมงโกลเล่นระดมยิงหินมาโดยรอบแบบนี้ เราจะมีเวลาเตรียมการทันหรือ ”
   “ เชื่อฝีมือแม่กับพ่อเจ้าซิ เราสามารถรับมือมงโกลได้อีกหลายเดือน เสบียงอาหารเราก็มีมากเจ้าไม่ต้องห่วง หากทัพหลวงยกมาตีขนาบเมื่อไร ฝ่ายมงโกลจะถอยทัพกลับไปเอง หากมันบุกเข้ามาก่อน เราก็มี หน้าไม้ดาวเหนือทำลายขบวน ไว้ตอบโต้ "

............................................

*** หน้าไม้ดาวเหนือ ทำลายขบวน( Ballista )เป็นหน้าไม้ขนาดยักษ์ ใช้ยิงลูกธนูยักษ์ที่ทำจากท่อนซุงติดหัวเหล็ก พวกโรมันชอบใช้หน้าไม้ชนิดนี้ยิงซุงให้ลอยไปถล่มเรือฝ่ายตรงข้าม ***

......................................

   ก๊วยเซียงได้ฟังค่อยเบาใจ
   “ สำหรับดาบและกระบี่ที่พ่อกับแม่มอบให้เจ้าทั้งสอง เผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉินหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ”
   “ หากแม้มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นก็ตาม ข้าพร้อมยอมสละชีพปกป้องบ้านเมืองร้วมกับท่านพ่อท่านแม่ ”

   อึ้งย้งโอบศรีษะก๊วยเซียงเข้ามากอดแนบอก
   “ เก่งมากลูกรัก เจ้าสมเป็นบุตรีแห่งผู้กล้าหาญตระกูลก๊วย ”

   อึ้งย้งนิ่งสักพักจึงกล่าวกับก๊วยเซียงต่อ
   “ ลูกเอ๋ย แม่มีแผนการณ์อย่างหนึ่งที่จำเป็นจะต้องให้เจ้าทำ ”

   ก๊วยเซียงมองหน้าอึ้งย้งเป็นเชิงคำถาม
   “ ข้าจะให้เจ้าหนีออกไปจากเมืองเซียงเอี้ยงพร้อมกับกระบี่อิงฟ้า ”
   “ หา...”
   “ อืม..หลังจากเจ้าหนีไปได้แล้วให้ไปตามหา จอมยุทธอินทรี ”
   “ ท่านแม่ จะให้ข้าไปตามหาพี่เอี้ยก๊วย เพื่อมาช่วยเมืองเซียงเอี้ยงใช่ไหม ”

   ก๊วยเซียงร้องโพล่งอย่างตื่นเต้นประกายตาเจิดจรัสด้วยความยินดีที่จะได้พบกับเอี้ยก๊วยชายในฝันของนาง
   “ ถูกต้องแล้ว “
   “ แต่ พี่เอี้ยก๊วย หลบซ่อนตัวปลีกวิเวกอยู่กับ พี่เล้งนึ้งไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับยุทธภพอีกจะยอมมาช่วยหรือไม่ ”
   “ นั่นก็แล้วแต่วาสนาเถอะ ที่จริงแม่ก็ไม่อยากรบกวนพี่เอี้ยก๊วยหรอกแต่ตอนนี้คับขันจริงๆ ”
   “ แต่เมืองเซี่ยงเอี้ยงจะเป็นเช่นไร ข้าเป็นห่วงท่านพ่อกับท่านแม่ ”
   “ เด็กโง่เอ๋ย อย่าห่วงเลยแม่มีแผนรับมือข้าศึกได้ ว่าแต่เจ้าหนีออกไปยังอาจอันตรายมากกว่าอยู่ในเมืองซะอีก ต้องดูแลตัวเองให้ดี แต่แม่จำเป็นต้องให้เจ้าไปเสี่ยงอันตราย ”
   “ ค่ะท่านแม่ ” ก๊วยเซียงรับคำ
   “ ลูกรัก ”

   อึ้งย้งกุมมือก๊วยเซียงไว้พลางกล่าว
   “ ครั้งนี้เจ้าต้องลำบาก เพราะเจ้ายังไม่เคยไปที่สุสานโบราณ ที่อยู่ด้านหลัง สำนักช้วนจิ้นก่า ทางเข้าสุสานถูกหินมังกรปิด มีแต่ทางลับใต้น้ำเท่านั้นที่จะเข้าไปได้ เจ้าต้องค้นหาดู ลูกแม่ฉลาดคงค้นหาไม่ยาก ”

..............................................

**** ก๊วยเซียงเคยไปสุสานโบราณครั้งหนึ่ง เมื่อตอนเป็นทารกแบเบาะ ***

...............................................

   “ ค่ะท่านแม่ แต่ระยะทางจากนี้ไปสุสานโบราณห่างไกลข้าจะกลับมา......ได้ทัน..”

   ตอนท้ายน้ำเสียงก๊วยเซียงคล้ายมีอะไรจุกในลำคอ ด้วยนางรู้สึกสังหรณ์ใจยังไงชอบกล
   “ เจ้าไม่ต้องห่วง.... แม่มีแผนรับมือได้ แต่หากเมืองเซียงเอี้ยงเป็นอะไรก่อนแม่จะรักษาตัวเพื่อพบเจ้า เพียงแต่เจ้าพาเอี้ยก๊วยมาพบแม่ให้ได้เท่านั้น ”
   “ ค่ะท่านแม่ ข้าจะหาพี่เอี้ยก๊วยให้พบ แล้วพามาหาท่านแม่ให้ได้ ” อึ้งย้งกอดลูกสาวแน่นด้วยน้ำตาคลอเบ้า นางรู้สึกเหมือนว่าการกอดลูกสาวครั้งนี้คงเป็นการกอดครั้งสุดท้ายในชีวิต

...........................................

     ราตรีคืนนั้น ในห้องนอนของแม่ทัพก๊วยเจ๋งและอึ้งย้ง
   “ สถานการณ์ย่ำแย่แล้ว เหล่าทหารผู้กล้าที่ออกไปทำลายหุยหุยเพาต่างบาดเจ็บเสียชีวิต ” เสียงก๊วยเจ๋งรำพึง
   “ แต่ยังดีที่ลูกสาวเรากับท่านลู่อูขาหนีรอดออกไปได้ ท่านลู่อูขาบาดเจ็บสาหัสเพราะพยายามปกป้องลูกเซียงไว้ ” อึ้งย้งตอบ
   “ เราติดหนี้บุญคุณท่านลู่แล้ว ”

   ก๊วยเจ๋งหยุดพูดชั่วขณะ
   “ พรุ่งนี้ มงโกลคงใช้หุยหุยเพาระดมยิงไม่หยุดแน่ แม่ทัพมงโกลประกาศหากไม่ยอมแพ้เปิดประตูเมืองให้ จะเข่นฆ่าชาวเมืองเซียงเอี้ยงไม่เว้นสักคนแม้แต่ลูกเด็กเล็กแดง หากกำแพงเมืองชั้นในแตกถึงตอนนั้น แม่ทัพลู่เหวินฮวน คงต้องยอมแพ้ แต่เราคงไม่ยอมขอสู้จนตัวตายดีกว่าตกเป็นข้าของศัตรู ”
   “ ข้าก็จะขอยอมตายเคียงข้างกับท่าน ”

   ก๊วยเจ๋งเข้าประคองกอดอึ้งย้งอย่างแสนรัก ต่างสบตากันอย่างหวานชื่น
   “ อึ้งย้งเจ้าสมเป็นภรรยาที่แสนดีของข้า แม้ชาติหน้าหรือชาติไหนๆมีจริงข้าขอมีเจ้าเป็นคู่ชีวิตตลอดไป ”
   “ ข้าก็เช่นกันพี่ก๊วยเจ๋ง ”
   “ ขอให้ลูกเซียงปลอดภัย อย่างน้อยตระกูลก๊วยก็ยังเหลือทายาทไว้คน ”

   ก๊วยเจ๋งหยุดคิดแล้วกล่าวต่อ
   “ เจ้าตั้งใจลวงลูกเซียงให้หนีไปใช่หรือไม่ เพราะข้าคิดว่าบางทีเอี้ยก๊วยอาจไม่อยู่ในสุสานโบราณแล้วก็ได้ แต่ถึงลูกเราพบเอี้ยก๊วยแม้เป็นคนเก่ง แต่คงไม่อาจสู้ศึกมงโกลครังนี้ได้ ”

   ก๊วยเจ๋งได้แต่ถอดถอนหายใจ
   “ อะไรจะเกิดคงต้องเกิด เรื่งที่เราต้องทำก็ได้ทำหมดแล้ว ” อึ้งย้งผงกศรีษะเบาๆก่อนพูดขึ้น
   “ ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ยังไม่ได้ทำ ” ก๊วยเจ๋งชงักหันกลับมามองอึ้งย้ง
   “ ท่านพี่ข้ามีความลับอย่างหนึ่งจะบอกแก่ท่าน ”
   “ เอ..เรื่องอันใดกัน ”

   อึ้งย้งตั้งสติก่อนเล่าให้ก๊วยเจ๋งฟังว่า
   “ มีอยู่คืนหนึ่งข้าฝันประหลาดมาก แต่ในความฝันนี้ทำให้ข้าค้นพบยอดวิชาขึ้นอย่างหนึ่ง ยามมีเวลาว่างข้าจึงแอบฝึกจนแตกฉาน แต่ยังไม่เคยบอกผู้ใด ”
   “ วิชาอะไรเหรอ ”

   อึ้งย้งไม่ตอบ กลับเปลื้องเสื้อผ้าตัวเองออกจนหมด เผยให้เห็นผิวกายขาวสะอาด แม้วัยจะล่วงเลยไปมาก แต่นางกลับดูแลรักษาทรวดทรงอย่างดี ปทุมถันแม้หย่อนคล้อยลงไปบ้าง แต่ยังดูอวบอูมเต่งตึง สะท้อนขึ้นลงยามนางหายใจเข้าออก ส่วนสะโพกก็ผายอวบกลมกลึงสล้าง โดยเฉพาะตรงสามเหลี่ยมทองคำของนางกลับเกลี้ยงเกลาขาวหมดจรด ปราศจากเส้นหมอยสักเส้น

   ก๊วยเจ๋งเห็นแล้วถึงกับตาค้างด้วยห่างเหินการร่วมรักกับอึ้งย้งมาร่วมปี ยังไม่ทันที่ก๊วยเจ๋งจะพูดอะไร อึ้งย้งกลับตรงเข้ามาปลดกางเกงก๊วยเจ๋งลงจนท่อนเนื้อกำยำโผล่ออกมาจากใต้หว่างขา

   “ อา..ของท่านพี่ยังใช้ไม่ได้ ข้าจำเป็นต้องให้ท่านร่วมมือด้วย ท่านผ่อนคลายความตึงเครียดลงก่อนทำตัวตามสบายเถอะ ” อึ้งย้งว่าแล้วนางก็นั่งคุกเข่าลงอ้าปากออกอมแท่งมังกรน้อยของก๊วยเจ๋งทันที

   นางอมรูดดูดพลางตวัดลิ้นโลมเลียหัวบานของก๊วยเจ๋งรูดเข้าๆออกมองเห็นศรีษะนางโยกเข้าโยกออกไปมา แถมนางช้อนสายตาหวานเยิ้มขึ้นไปมองก๊วยเจ๋งตลอดทำเอาแท่งเนื้อของก๊วยเจ๋งเริ่มขยายตัวขึ้น แถมยึดยาวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆมองเห็นอึ้งย้งต้องใช้ระยะทางในการดูดรูดปากเพิ่มขึ้น ก๊วยเจ๋งเริ่มเกิดอารมณ์เสียวซ่านก้มมองดูใบหน้างามของอึ้งย้งกำลังดูดของตนยิ่งเพิ่มอารมณ์สวาทให้ลุกโชนเพิ่มขึ้น

   เผลอยกมือจับศรีษะอึ้งย้งพลางแอ่นกระดอเข้าปากอึ้งย้ง ราวกำลังกำลังเย็ดปากอึ้งย้งอย่างสนุกจนใบหน้าอึ้งย้งต้องอัดเข้ากับลำตัวก๊วยเจ๋งทำให้ขนหมอยรุงรังของก๊วยเจ๋งต้องแหย่ไชเข้ากับจมูกของนาง จนอึ้งย้งทั้งแทบจะจามแทบหายใจไม่ออกพร้อมๆกัน

   เพราะไหนปากก็กำลังดูดควยก๊วยเจ๋งอยู่ทั้งจมูกก็โดนหมอยก๊วยเจ๋งปิดรูจมูก
   “ อ๊อก...แค๊กๆ ฮัดชิ้ว...ข้าแทบหายใจไม่ออก.”

   เสียงอึ้งย้งร้องอย่างเหนื่อยหอบหลังจากดันร่างก๊วยเจ๋งหลุดถอยไปได้สำเร็จ
   “ ข้า..ข้า ขอโทษเจ้าด้วย คือ..ข้า ” เสียงก๊วยเจ๋งร้องล่ำลัก ด้วยเผลอลืมตัวเย็ดปากอึ้งย้งจนน้ำจะแตกอยู่ร่อมร่อ
   “ ไม่เป็นไรท่านพี่ ของท่านแข็งแกร่งดีแล้ว เรารีบไปต่อบนเตียงเถอะ ”

    ว่าแล้วอึ้งย้งก็พาร่างเปลือยเปล่าของนางขึ้นไปนอนหงายถ่างขารอก๊วยเจ๋งบนเตียงนอนทันที ก๊วยเจ๋งแม้จะงุนงงเพราะยังไม่เข้าใจจุดมุ่งหมายของอึ้งย้งก็ตามแต่ก็ตรงขึ้นเตียยงคร่อมร่างอึ้งย้ง จ่อหัวควยเข้ากับโยนีขาวสะอาดของอึ้งย้งอย่างไม่รีรอ
    อา..เมืองเซีงเอี้ยงกำลังจะถูกมงโกลตีแตกอยู่ในวันพรุ่งนี้  .อึ้งย้งมีไม้เด็ดอะไรกันแน่ หรือเป็นเพียงเพราะนางมีอารมณือยากจะร่วมรักกับก๊วยเจ๋งในวาระสุดท้ายเท่านั้น....

..................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น