วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์นางฟ้า( คัมภีร์มังกรหยก ) 3 ตอน สายลมพิสดาร





" แม่นางกิมเง็กจู โปรดไว้..ชี...." ชายชราต้องการพูดว่า โปรดไว้ชีวิต ยังไม่จบประโยค ลำคอมันก็ต้องทะลุเป็นรูด้วยปลายกระบึ่ที่แทงเข้าอย่างแม่นยำ

   พอกระบึ่ถูกดึงออก โลหิตราวสายน้ำก็พุ่งทะลักตามออกมา ร่างของทรชนเปียกน่ำเฮาะ ส่ายโงนเงนอยู่กับที่ไม่ถึงอึดใจ ศรีษะมันก็หลุดกระเด็นข่ดออกไป ด้วยคมกระบี่ที่ฟันฉับตามมาอย่างรวดเร็ว เจ้ากังปังมองเห็นกระบี่อันอำมะหิตจากโฉมสคราญที่คร่าชีวิตสหายทรชนของมัน อย่างตลึงพรึงเพริศ แทบสติแตก คาดไม่ถึงว่ากรรมที่มันทำจะย้อนกลับมาเร็วปานนี้

   ชั่ววินาทีที่ปลายกระบี่จะทิ่มตรงมายัง ลำคอเจ้ากงจื้อกังปังแบบเดียวกับที่กิมเง็กจูใช้สังหารเปียกน่ำเฮาะ พื้นดินริมหน้าผาที่เจ้ากังปังทิ้งน้ำหนักเท้าลงไปก็กระเทาะหลุดล่วง  ทำให้ร่างมันหงายหลังไป พอดีกับที่หลบตมกระบี่ได้หลุดพ้น แต่กระนั้นร่างของมันก็หล่นล่วงไปเช่นกัน กิมเง็กจูชักกระบี่ ได้ยินเสียงมันแผดร้องลั่น ค่อยจางหายไป กิมเง็กจูหยุดมองที่ริมผาไม่สามารถมองฝ่าความมืดไปได้ด้วยหน้าผาสูงชันยิ่งประกอบกับราตรีอันมืดมิด

   " ซือเจ๊ มันตายแล้วใช่หรือไม่ " เมียงซูหยิงหยิฝร้องถาม
   “ อืม ข้ามองไม่เห็นอันใด แต่หน้าผาสูงขนาดนี้ ต่อให้ใครตกลงไปก็ไม่มีชีวิตรอดมาได้ “

   กิมเง็กจูเอ่ยตอบ
   “ เรากลับไปดูเล็กหยงหยงกันเถอะ ”
   " น่าเสียดายที่ไม่ได้สังหารมันกับมือ ไอ้ชั่วนั้นข้าอยากสับมันเป็นหมื่นชิ้น ” ซูหยิงหยิงกล่าวอย่างคั่งแค้นไม่พ้กิมเง็กจูเช่นกัน ต่างพากันกลับไปยังที่ที่ทิ้งเล็กหยงหยงไว้  

   ด้านกังปังนับตัั้งแต่มันเห็นกิมเง็กจูกับซูหยิงหยิง มันก็รับรู้ถึงสังหรณ์มรณะที่จะเกิดกับมัน รีบเผ่นหนีโดยเร็ว แต่กิมเง็กจูตามติดไม่ปล่อย ยิ่งเห็นเปียกน่ำเฮาะต้องหัวขาดกระเด็นไปต่อหน้า ความกลัวตายยิ่งพุ่งเข้าจับหัวใจ ไม่คิดว่ามันจะต้องพบกับกรรมที่ทำไว้เร็วปานนี้ วิงวอนร่ำร้องในใจ หากต่อไปมีชีวิตอยู่จะไม่ก่อกรรมทำเข็ญอีกแล้ว
มนุษย์มักเป็นเช่นนี้ สำนึกได้เอาเมื่อสายเสียแล้ว

   มันรอดพ้นจากคมกระบี่แต่ร่วงหล่นลงในหุบเหวสูง ตกใจแผดเสียงร้องลั่นด้วยความตกใจกลัวสุดขีด เพราะหากร่างมันหล่นลงกระแทกพื้นลงข้างล่างป็ต้องพบปับความตายอย่างน่าอนาถเช่นกัน วินาทีแห่งความตายกำลังมาเยือน แต่แลัวมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น ที่อยู่ๆกลับมีลมใต้หุบเขาพัดมาหนุนร่างมันที่กำลังจะตกกระแทกพื้นข้างล่างอยู่แล้วให้กลับขึ้นมาใหม่ ลมหุบเขาเช่นนี้ในรอบ 100 ปีจะมีสักครั้ง

   แต่กลับเจาะจงให้เกิดในวันนี้ในตอนที่มันตกลงไปพอดีเช่นกัน. ร่างมันถูกพัดหนุนสูงขึ้นเกือบพ้นปากเหว ทำให้มันมองเห็นด้านหลังของโฉมสคราญกิมเง็กจูกับซูหยิงหยิง หลัดๆ มันอยากจะร้องด้วยความดีใจแต่ก็นึกได้หากส่งเสียงไปเกรงทั้งสองจะได้ยินแล้วกลับมาสังหารมันใหม่ จึงเงียบเสียงไว้ดูแน่ชัดว่ามันกำลังขึ้นมาพ้นหุบเหวได้อยู่แล้ว แต่อยู่ๆลมก็หยุดนิ่งทำให้ร่างมันกลับตกวูบไปอีกครา มันพยายามเอามือคว้าขอบเหวไว้แต่ไม่อาจคว้าไว้ได้ ร่างมันพลันกลับตกลงไปเช่นเดิม

    เจ้าปังปังคนชั่วต้องตกใจสุดแบบขีดดอีกครั้งที่ร่างของมันกำลังดิ่งวูบลงหุบเหวอีก แต่แล้วเหมือนพญามัจจุราชกำลัวเล่นตลกกับมันว่าจะให้มันอยู่หรือตายดี จึงเกิดมีลมพายุพัดขึ้นมาใหม่อีกรอบ คราวนี้กลับรุนแรงกว่าเดิม ถึงกลับหอบพัดมันออกไปไกล กังปังเหมือนแหวกว่ายในพายุ อึดอัดไปหมดราวกับขาดอากาศหายใจ ร่ำร้องขอให้เง็กเซียนฮ่องเต้ ช่วยชีวิตมัน ต่อไปมันจะทำแต่ความดีลบล้างความชั่วได้

   พลันมันกลับคว้าเอากิ่งไม้ข้างหน้าได้โดยบังเอิญ ท่ามกลางสายลมพิศดารที่กำลังหอบพัด เจ้ากังปังคว้าไว้แน่นอย่างไม่ยอมให้หลุดมือไปได้ แม้สายลมจะโหมพัดให้มันหลุดออกไป จนมือมันแทบฉีกขาด เพราะกลัวหากสายลมพิศดารนี้หยุดมันต้องตกลงไปในหุบเหวอีกโดยไม่มีโอกาสครั้งที่สามแล้ว มันเลยคว้ากิ่งไม้ที่เป็นทางรอดเดียวของมันอย่างสุดชีวิต จนลมที่ี่พัดกระหน่ำค่อยจางลง มันจึงดึงกิ่งไม้นั้นได้

แต่กลับทำให้มันเสียสมดุลร่างมันจึงปะทะเข้ากับต้นไม้ใหญ่อย่างจัง  หัวกระแทกกับลำต้น ตกลงมานอนสลบตรงโค่นต้นไม้นั้น จนลมสงบแต่มันยังไม่รู้สึกตัว ชั่วราตรีเริ่มเข้ามาเยือนอีกครา ท้องฟ้าเบื้องบนส่งประกายแปล็บปลั่บ ชั่วเวลาไม่นานละอองฝนได้ตกลงมาเป็นค้างบนใบไม้หล่นลงมากระทบผิวหน้า ชายผู้หนึ่งที่นอนบนพื้นดินเหมาะแหมะ จนมันรู้สึกตัวค่อยลืมตาขึ้น

   ขณะจะพลิกตัว มันกำลังรู้สึกปวดเหนื่อยไปทั้งร่าง คล้ายได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แถมเสื้อผ้ามันสกปรกเลอะเทอะไปหมด ดูหมดสภาพไม่ผิดกับกระยาจกคนหนึ่ง มันพยายามยันกายลุกขึ้น แต่มือกลับปวดยิ่ง มองเห็นมือมันมีบาดแผล แลเห็นเลือดที่แห้งเกรอะกรังเต็มมือด้วยเวลาที่ผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้

   “ โอย ข้าเจ็บยิ่ง นี้ข้าอยู่ที่ใดกัน ใครทำร้ายข้าด้วยเรื่องใดกัน ”

   มันรำพึงพยายามคิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น มันกลับนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก
   " มันเรื่องอะไรกันแน่ที่เกิดกับข้า อ้า…….. แล้วข้าคือใครกัน "

   แน่แล้วที่คนผู้นี้คือเจ้ากังปังคนชั่ว ที่รอดชีวิตจากการตกหน้าผาด้วยสายลมพิศดาร แต่บัดนี้มันได้รับการกระทบกระเทือนทั้งร่างกายและจิตใจที่ตกใจกลัวสุดชีวิต จนสูญเสียความทรงจำไปหมดสิ้น อาจเป็นการชั่วคราวหรือตลอดไปก็ไม่อาจรู้ได้ โดยพื้นฐานแล้วเจ้าปังปังมันเป็นคนฉลาดรอบรู้ แต่กลับไปเดินทางผิดเป็นคนเจ้าเล่ห์หลอกลวง ในยามนี้สิ่งที่มันวิตกไม่ใช่สภาพร่างกายของมันในตอนนี้ แต่กลับเป็นเรื่องที่มันจำอะไรไม่ได้มากกว่า
เพราะมันไม่รู้ว่าใครคือมิตรคือศัตรูของมัน ที่มันอยู่ในสภาพนี้ด้วยเหตุใด

อาจเป็นศัตรูที่อยู่ในละแวกนี้ก็ได้ หากมาพบมันยังมีชีวิตอยู่อาจเข้ามาสังหารมันได้ เมื่อคำนึงถึงตอนนี้มันจึงค่อยลุกขึ้น สมองค่อนกลับมาสดชื่นด้วยสายฝนที่เริ่มพรำลงมา นอกจากหัวที่ปูดโน มือที่เจ็บ ร่างกายปวดร้าวเล็กน้อยไม่มีบาดแผลใหญ่ใด เจ้ากงจื้อค่อยเดินเลาะออกมาจากราวป่า ได้ยินเสียงดรุณีส่งเสียงดังเจี้ยวจ่าว

   มันจึงหาที่หลบซ่อนแอบดู มองเห็นนางชีสามคนวิ่งออกมาจากที่แห่งหนึ่งเหมือนกำลังจะหนีฝน
   “ พวกเจ้า รอข้าด้วยอย่าทิ้งไว้แบบนี้ ”
   “ ไม่รู้ ใครช้าโดนผีหลอกไม่รู้ด้วย ”
   “ อย่าแกล้งข้าแบบนี้ซิ ”

   นางชีสองคนข้างหน้าทำหน้าเป็นวิ่งหนีไป ส่วนนางชีน้อยอีกคนวิ่งตามหลัง จนทั้งหมดลับหายไป เจ้ากังปังพอเห็นนางชีไปหมดจึงออกจากที่ซ่อน เดินไปตามทางที่นางชีทั้งสามวิ่งออกมา ตอนนี้ฝนเริ่มลงเม็ดหนักขึ้น

   เจ้ากงจื้อมาหยุดที่ป้ายด้านบนตรงสถานที่นั้น อ่านได้ใจความว่า
   “ สุสานบรรพชนง่อไบ๊ ”

   เจ้ากงจื้อ อ่านทวนอีกครั้ง แล้วถึงกับกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ ทีเป็นเช่นนี้เพราะว่าเมื่อมันรู้ว่ามันความจำเสื่อม แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าคนความจำเสื่อมต้องเป็นเฃ่นไรแน่ นึกว่าต้องจำอะไรไม่ได้เลย พอพบว่ามันยังอ่านหนังสือออกก็เลยดีใจยิ่ง เจ้ากังปังพยายามเรียกความจำกลับ ด้วยการนับเลข หรืออะไรที่มันคิดได้ แต่ยังไม่สามารถช่วยให้มันฟื้นความจำได้ ว่ามันเป็นใคร เกิดอะไรขึ้นกับมัน




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น