วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

พิศวาสมังกรหยก 5 ตอน บุกค่ายกลเกาะดอกท้อ



   ยามรัตติกาลคืนนี้ ท้องฟ้าสว่างไสว ดวงดาราเกลื่อนกลาดทั่วท้องนภา ล่วงเข้าสองยามเศษ หมู่ดาวจระเข้เริ่มหักเหหัวตก ชี้หางวาดขึ้นสู่บนฟากฟ้า ลมพัดเย็นสบายชวนให้นิทรายิ่งนัก ในยามนี้ปรากฎร่างชายหญิงคู่หนึ่ง ยืนอยู่หน้าดงดอกท้อที่บานสพรั่ง ทั้งคู่หาใช่มีแก่ใจที่จะมาชื่นชมความสวยงามของดอกท้อในยามราตรีนี้ไม่

   หากแต่มีเป้าหมายอื่นที่แฝงอยู่
   “ ท่านพี่นี้หรือค่ายกลดอกท้อที่เลื่องลือหนักหนา ถึงขนาดที่ท่านพี่ต้องเสียเวลาไขปริศนามันตั้งหลายชั่วยามกว่าจะหลุดออกมาได้ ”
   “ อืม ใช่แล้วน้องรัศมีเทวี ”
   “ คิก คิก ข้าไม่เห็นว่าจะน่ากลัวอันใด ”
   “ ฮึ!  เจ้าอย่าได้ดูแคลนไป หากเจ้าจะลองทดสอบดูก็ได้ ”
   “ ข้ากำลังต้องการพอดี เพียงข้าอาศัยวิชาตัวเบาเหินไปตามยอดใบไม้ ค่ายกลนี้จะทำอะไรข้าได้ ”

   ว่าแล้วนางก็กระโจนขึ้นไปบนยอดไม้ ยืนอยู่บนปลายกิ่งไม้ด้วยพลังตัวเบาเป็นเลิศ ทอดสายตามองเห็นทางออกอยู่ด้านหน้าแล้ว นางยิ้มอย่างลำพองใจ กระโดดแผล่วจากกิ่งไม้ที่ยืนอยู่ไปยังกิ่งไม้ด้านหน้าอย่างทนงด้วยความรวดเร็ว ฉับพลันดอกท้อราวกับสั่นไหวคล้ายมีชีวิต เบื้องล่างคล้ายมีแรงดึงดูดมหาศาล นางรัศมีเผลอก้มลงมองดูเบื้องล่างเพียงชั่วขณะ  มองเห็นดอกท้อละลานตาไปทั่ว

   เกิดมายาภาพคล้ายมีวงกลมซ้อนขึ้นมากมายจนลายตา เป้าหมายที่นางมองเห็นแต่แรกกลับมลายหายไป วงกลมรูปทรงเรขาคณิตผุดซ้อนขึ้นเป็นวงแล้ววงเล่าไม่มีสิ้นสุด ชวนให้พร่างพรายตาขึ้นคลื่นลมภายในปั่นป่วน จนนางต้องโจนทยานขึ้นราวกับเหิรบิน มองเห็นพื้นที่ว่างแห่งหนึ่งจึงกระโดลงอย่างมั่นใจ

   นึกในใจว่าคงหลุดพ้นจากดงดอกท้อได้แล้วอย่างดีใจ
   “ เป็นอย่างไรบ้าง น้องข้า ”

   นางรัศมีเทวีหันขวับกลับไปมองผู้ที่เอามือมาแตะบ่านาง เป็นองค์ชายเจอรูดัล จึงร้องอุทานขึ้น
   “ ไฮ้ !  ท่านพี่ตามข้าออกมาจากค่ายกลตั้งแต่เมื่อใด ”
   “ ข้ายังไม่ได้ไปไหนเลยยังอยู่ที่เดิม ”
   “ ฮ่า ….”
   “ ข้ามองเห็นเจ้ากระโดดเวียนวนไปมา แล้วก็ซวนเซลงมาที่เดิม ”

   ถึงตอนนี้นางรัศมีเทวีค่อยมองดูทัศนียภาพรอบตัว จึงค่อยรู้ว่าเป็นจริงตามที่องค์ชายเจอรูดัลกล่าว
   “ เป็นไปได้ไง ข้าขอลองใหม่อีกครั้ง ”
   “ จะกี่ครั้งก็เหมือนเดิม หากเจ้าอยากเห็นความพิสดารของค่ายกลตามข้ามาทางนี้ดู ”

   ว่าแล้วองค์ชายเจอรูดัลก็เดินนำหน้าเข้าไปในดงดอกท้อด้านหนึ่ง  เพียงชั่วขณะนางรัศมีเทวีรู้สึกเหมือนต้นดอกท้อคล้ายมีชีวิตเคลื่นย้ายไปมาได้เอง เสียงลมพัดหวีดหวิว กิ่งไม้คล้ายฟาดฟันลงมา

   เศษใบไม้ปลิวเข้าหาคล้ายดังอาวุธลับซัดมา จนนางต้องหลบหลีกวูบวาบ
   “ อย่าได้แตกตื่นไป สงบไว้ที่เจ้าเห็นเป็นเพียงมายาภาพเท่านั้น ”

   องค์ชายเจอรูดัลพานางรัศมีเทวีเดินวนเวียนไปมา บ้างคลาคล้ายเดินย้อนกลับไปที่เดิม นางอ้าปากจะร้องทักแต่สำรวมจิตใจ เดินตามต่อไปรู้สึกทางเดินคล้ายเบาหวิวราวกับเดินบนก้อนเมฆ อีกชั่วขณะค่อยรู้สึกบรรยากาศกลับมาเป็นปกติ ออกจากดงดอกท้อสู่ลานกว้างแห่งหนึ่ง

   “ ไฮ้ นี้เราเดินออกมาที่เดิมอีกแล้วนี่ ” นางรัศมีเทวีอุทานขึ้น เมื่อมองรอบๆ ที่ยืนอยู่
   “ ฮะ ฮ่า…”  องค์ชายเจอรูดัลกลับหัวเราะขึ้นเบาๆ

   “ เจ้าลองดูว่ามีที่ใดแตกต่างจากตอนแรกบ้าง ”

   นางรัศมีเทวีพยายามมองดูรอบๆ แต่ดูไม่ออกว่ามีสิ่งใดแตกต่าง
   “ ข้าไม่เห็นอะไรผิดเพี้ยนเลย ”

   องค์ชายเจอรูดัลจึงเฉลยขึ้น
  “ เจ้าดูดาวจระเข้นั้น ตอนก่อนที่เราจะเข้ามาอยู่ที่ใด ”

   นางรัศมีเทวีจึงค่อยนึกออกว่า ก่อนเข้ามามองเห็นดูดาวนี้อยู่เบื้องหน้านางหันหัวลงชูหางขึ้นบนฟ้า นางใช้เวลาเดินในค่ายกลเพียงชั่วหม้อน้ำเดือด หากอยู่ที่เดิมตำแหน่งดาวก็น่าจะยังอยู่ที่เดิม แต่ตอนนี้นางมองเห็นหมู่ดาวจระเข้ กลับอยู่ทางด้านขวาเยื้องไปด้านหลัง

   นางพิจารณาสภาพแวดล้อมอีกครั้งคล้ายกับที่เดิมแต่มีบางอย่างที่สลับตำแหน่งกันบ้างเล็กน้อย
   “ อ๋อ  ข้าเข้าใจแล้วที่แท้ ค่ายกลเกาะดอกท้อปลูกสร้างหมู่ดอกไม้ ก้อนหิน สภาพธรรมชาติแวดล้อมเหมือนๆกันทุกหนแห่งนี้เอง ”
   “ ถูกของเจ้าแล้ว นี่แหละที่เรียกว่าค่ายกลพยุหะเอกภาพ รวมจักรวาลเป็นหนึ่งเดียว ”
   “ ที่แท้ค่ายกลดอกท้อก็มีเพียงเท่านี้ เพียงตกแต่งสถานที่ให้เหมือนๆกันให้ผู้คนงุนงงเล่นเท่านั้นเอง ”
   “ ฮะ…ฮ่า…เจ้ายังสรุปเร็วไป ที่ผ่านมาเป็นเพียงค่ายกลชั้นนอกเท่านั้น หากไม่ใช่เราพาเข้ามาเจ้ายังมาเองไม่ได้เลย เมื่อเข้ามาได้แล้วยังต้องหลงวนเวียน แม้จะหลุดออกมาแล้วยังไม่รู้ว่าออกมา  พอหลุดออกมาได้ก็ยังต้องเจอค่ายกลอีกชั้นหนึ่ง ”
   “ อืม ” นางรัศมีผงกหัวอย่างยอมรับ
   “ ต่อจากนี้แหละที่พิสดารยิ่งกว่า เบื้องหน้าคือ ค่ายกลอัฐทิศ ปลูกตามหลักยันต์แปดทิศ ยึดเอาธรรมชาติทั้งแปด ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ไม้ หิน ฟ้ากำเนิด ฟ้าคำราม ก่อกำเนิด ประตูค่ายกลแปดอย่าง สามารถพลิกผันได้แปดแปด หกสิบสี่แบบ แต่ที่เจ้าเห็นเบื้องหน้าซับซ้อนยิ่งกว่าผันแปรได้ถึง 360 แบบ ตามการหมุนของโลก แถม ยังติดตั้งกลไกลเพิ่มเติมขึ้นอีก อาศัยชัยภูมิของเกาะนี้ หากขึ้นไปดูเบื้องบนอากาศเกาะนี้มีรูปร่างคล้ายยันต์แปดทิศไม่ผิด สมแล้วที่ค่ายกลเกาะดอกท้อ ถูกจัดเป็นค่ายกลอันดับหนึ่งในขณะนี้ ”
   “ อืม แต่ยังไงก็ต้องชมท่านพี่ยอดเยี่ยม สามารถค้นคว้าค่ายกลจนแตกฉาน ”
   “ เจ้าว่าเช่นนี้ ยังไม่ถูกต้อง ”
   “ เอ๊ะ ”
   “ ครั้งนั้นที่เราพ่ายแพ้แก่ห้ายอดฝีมือ ถึงแม้ว่าพวกมันจะโกงเราจนมีชัย แต่แพ้ก็คือแพ้ เราจึงยอมกลับชมพูทวีป แต่เราก็รู้สึกว่าวิชาของพวกตงง้วนมีหลากหลาย จึงจับตัวผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆกลับไปด้วย รวมทั้งผู้รอบรู้ด้านค่ายกล เราก็ศึกษาด้านนี้มามากหวังมาคราวนี้จะพิชิตพวกยอดฝีมือให้ได้ แต่ค่ายกลเกาะดอกท้อกลับล้ำลึกกว่าที่เราค้นคว้ามา ”

   องค์ชายเจอรูดัลหยุดพูดชั่วขณะจึงกล่าวต่อ
   “ แต่ต้องนับว่าพวกเราโชคดียิ่ง ที่เราได้เจอกับพิษปัจฉิม( อาวเอี้ยงฮง ) ก่อนมาที่นี้จึงได้แปลนเกาะดอกท้อที่มันทำตกไว้ ”

   ว่าแล้วจึงล้วงเข้าไปในอกเสื้อหยิบแปลนเกาะดอกท้อ ที่เก็บได้เมื่อคราวต่อสู้กับอาวเอี้ยงฮงที่ริมทะเลสาบตั๊งโอ๊วออกมา

   ******( เมื่อครั้งที่อาวเอี้ยงฮงพาบุตรชายอาวเอี้ยงเค็ก มาขออึ้งย้ง ที่เกาะดอกท้อ ได้มีการประลองยุทธเพื่อเลือกคู่ ระหว่างก๊วยเจ๋งกับอาวเอี้ยงเค็ก ปรากฎว่าอาวเอี้ยงเค็กแพ้ อึ้งเอี้ยะซือจึงให้แปลนเกาะดอกท้อเป็นรางวัลปลอบใจ ภายหลังอาวเอี้ยงฮงจึงบุกมาก่อเรื่องบนเกาะดอกท้อครั้งหนึ่งแล้ว ต่อมาแปลนเกาะดอกท้อยังคงอยู่กับอาวเอี้ยงฮง )*********

   “ เช่นนี้เป็นว่าท่านพี่ ก็สามารถทำลายค่ายกลเกาะดอกท้อแห่งนี้ได้แล้วซิ ” นางรัศมีเทวีกล่าว
   “ ฮ่า...... ฮ่า....... ฮ่า” องค์ชายเจอรูดัลหัวเราะกังวานอย่างพอใจ

   “ ข้าไม่เพียงแต่ทำลาย ข้ายังมีแผนการณ์ที่ดียิ่งกว่านั้น ”
   “ เอ....ท่านพี่ช่วยเฉลยหน่อยเถอะ ”  นางรัศมีเทวีเอ่ยอย่างงุนงง
   “ ข้าจะทำให้พวกมัน ลองลิ้มรสค่ายกลแห่งนี้ดูบ้าง”

........................................

   ภายในห้องแม่นางก๊วยฮู้กำลังหลับนิทราอย่างสุขสม เสียงทอดหายใจสม่ำเสมอ เห็นทรวงอกสท้อนขึ้นลง วงหน้าขาวเกลี้ยง สองแก้มใสดูน่ารักยิ่ง แม้ยามหลับใหลก็ยังดูสวยสคราญ บู๊ตงยู้เฝ้ามองดูนางรู้สึกรัญจวนใจยิ่ง แท้จริงเมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นยามกลางวัน เป็นก๊วยเจ๋งได้มอบให้สองพี่น้องผลัดกันเป็นเวรยามช่วยดูแลก๊วยฮู้ผู้เป็นลูกสาวของตนอยู่หน้าห้องป้องกันไว้ชั้นหนึ่งเผื่อเกิดเหตุเปลี่ยนแปลงขึ้นจะได้ช่วยกันระวังภัย

   บู๊ตงยู้คนพี่เป็นเวรเฝ้าก่อนได้ลอบเข้ามาในห้องของก๊วยฮู้ที่แอบหลงรัก ทีแรกบู๊ตงยู้ลอบมองอยู่ห่างๆ แต่ต่อมาเริ่มเข้ามาใกล้ชิด ยิ่งพิศยิ่งมองนาง บู๊ตงยู้ยิ่งปั่นป่วนวาบหวามยิ่งนัก ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่มันลอบแอบมองนางแก้ผ้าเมื่ออาบน้ำยิ่งทำให้มันเกิดกำหนัดอดใจไม่ไหว จึงค่อยโน้มหน้าลงมาหอมแก้มนวลใสของนางเบาๆ

   “ อา.....ชื่นใจข้าจริงน้องฮู้  ไม่รู้ว่าข้าจะได้มีโอกาสได้แต่งงานกับนางหรือไม่ ”

   พลันคิดถึงเหตุการณ์ในถ้ำเมื่อตอนกลางวันคล้ายกึ่งจริงกึ่งฝันมันเกือบจะได้เชยชมนางอยู่แล้ว บู๊ตงยู้คิดแล้วยิ่งกระสันต์เอื้อมมือสั่นเทามาจับตรงเนื้อนูนเป็นกระเปาะที่สท้อนขึ้นลงตรงกลางหน้าอกนาง พลางค่อยชำเลืองดูว่านางจะตื่นหรือไม่  พอเห็นก๊วยฮู้ยังนอนสงบนิ่งจึงค่อยได้ใจออกแรงบีบเพิ่มขึ้น ก๊วยฮู้คล้ายครางกระเส่าออกมาเบาๆ บู๊ตงยู้เริ่มใช้มือซนปลดเสื้อนอนนางออก ก๊วยฮู้ใส่เพียงเสื้อนอนตัวเดียวไม่ได้สวมเอี้ยมชั้นใน จึงทำให้บู๊ตงยู้เห็นเต้านมขาววับๆแวม

   แม้จะไม่ชัดเพราะอยู่ในความมืดก็ตาม บู๊ตงยู้รู้สึกคอแห้งผาก อยากจะก้มลงดูดนมคู่อร่ามตรงหน้าเพื่อแก้กระหาย มันเอามือจับหมับตรงเต้านมเต็มมือ

   “ อา...ก๊วยฮู้จ๋า ..นมเจ้าช่างยืดหยุ่น นุ่มมือดีแท้ ”

   บู๊ตงยู้รำพึงในใจเอานิ้วชี้กับหัวแม่มือจับตรงเม็ดบัวกลางหน้าอกปั่นเล่นเบาๆเจ้าเม็ดบัว มันคล้ายมีชีวิตพอถูกมือสัมผัสกลับลุกโชนแข็งเป็นไตขึ้นมาทันที

   “ อืม..อืม ” ก๊วยฮู้ครางเบาๆ คล้ายกับพอใจที่ถูกสัมผัส ทั้งๆที่ยังหลับอยู่

   แกร๊ก .....แกร๊ก บู๊ตงยู้ถึงกับสดุ้งเมื่อได้ยินเสียงตรงหน้าประตู
   “ ฉิบหายแล้ว....หรือเป็นอาจารย์ก๊วยเจ๋งมากูตายแน่ ”

   บู๊ตงยู้รีบขยับเสื้อนอนก๊วยฮู้กลับที่เดิมอย่างหลวมๆ ถลันหลบไปแอบตรงด้านข้างตู้เสื้อผ้าอย่างรวดเร็วด้วนความประหวั่นพรั่นพรึง พลันประตูห้องของก๊วยฮู้ก็ถูกเปิดออก ปรากฎร่างชายผู้หนึ่งค่อยแอบย่องเข้ามาแล้วปิดประตูอย่างแผ่วเบา ค่อยย่องเข้ามาตรงข้างเตียงที่ก๊วยฮู้หลับใหลอยู่ บู๊ตงยู้มองฝ่าความมืดไปเห็นบุรุษที่เข้ามาหาใช่อาจารย์ก๊วยเจ๋งไม่ กลับเป็นบู๊ซิ่วบุ้นตี๋ตี๋มันนั่นเอง

   บู๊ซิ่วบุ้นตื่นมามองหากอกอมันไม่เห็นอยู่ที่หน้าห้องนอนก๊วยฮู้คิดว่าคงไปทำธุระที่ไหน รีบฉวยโอกาสลักลอบเข้ามาในห้องนอนก๊วยฮู้ พอเข้ามาบู๊ซิ่วบุ้นหันหน้าหลังมองซ้ายขวาอยู่พักหนึ่งไม่เห็นมีใครค่อยย่องมาที่เตียงนอนก๊วยฮู้ บู๊ตงยู้ตอนนี้นั่งยองๆอยู่มุมห้องเอาตะกร้าผ้าครอบตัวอำพรางไว้มิดมองลอดตะกร้า เห็นบู๊ซิ่วบุ้นจ้องมองก๊วยฮู้อยู่พักหนึ่งแล้วกลับก้มลงจูบระทับบนแก้มนวลใสของนาง

   บู๊ตงยู้เฝ้ามองอยู่ร้องโอ๊ย ในใจ อารมณ์หึงขึ้นวูบรำพึงในใจ
   “ หนอย เจ้าตี๋ตี๋ซิ่วบุ้นช่างบังอาจนัก กล้าเข้ามาหอมแก้มน้องก๊วยฮู้ได้ ”

   บู๊ตงยู้คำนึงขึ้นโดยลืมคิดไปว่าเมื่อสักครู่มันก็ทำเช่นนี้เหมือนกัน บู๊ซิ่วบุ้นนึกถึงภาพก๊วยฮู้ที่เปลือยเปล่าขาวโล่งโจ้งเมื่อตอนกลางวันยิ่งฟุ้งซ่าน เอาหน้าซุกลงตรงหว่างขาของนาง สูดดมตรงเป้ากางเกงนอนของก๊วยฮู้พลางรำพึงขึ้น

   “ น้องฮู้ ขอกอกอชื่นใจอีกสักหนแม้ตอนหลับก็ยังดี ”

   บู๊ตงยู้มองดูอยู่ต้องตกใจอารมณ์เดือดปุดๆ
   “ บังอาจไปแล้ว เจ้าซิ่วบุ้นเมื่อกี้ข้าแค่จับนม แต่เจ้าบังอาจมาดมหม้อนาง ”

   บู๊ตงยู้ยกตะกร้าพ้นจากตัวก้าวออกมาหวังจะไปห้ามปรามตี๋ตี๋ของมัน แต่ต้องชงักงัน เมื่อมีมือมาสัมผัสด้านหลังไม่ทันจะเหลียวไปดู กลับถูกสกัดจุดตัวแข็งทื่อ บู๊ซิ่วบุ้นเงยหน้าขึ้นจากหม้อน้องก๊วยฮู้คนสวย เห็นเสื้อนอนก๊วยฮู้สวมใส่ไม่เรียบร้อย ค่อยเอานิ้วค่อยๆแหวกออกเบาๆ จนขยับแยกออกมองเห็นนมขาวๆ ค่อยๆโผล่พ้นออกมา บู๊ซิ่วบุ้นมองดูอย่างตื่นเต้น

ขณะที่กำลังคิดจะเอาปากก้มลงดูดนมนาง อยู่ๆ ก๊วยฮู้กลับลืมตาแป๋วขึ้นมา บู๊ซิ่วบุ้นผงะตกใจไม่คิดว่าจู่ๆ น้องก๊วยฮู้จะตื่นขึ้นมา หน้าซีดตัวสั่น ก๊วยฮู้พอลืมตาตื่นขึ้นเต็มตา ถึงกับตาลุกโพลงวี้ดร้องขึ้นอย่างตกใจ

   “ ว๊าย.....! ท่าน...ท่าน เข้ามาได้ยังไง ”

   บู๊ซิ่วบุ้นคิดในใจคราวนี้กูตายแน่ รีบพูดตะกุกตะกัก
   “ คือ...คือ...กอกอ  กอกอ มิได้ ...มิได้ ”
   “ ว๊ายท่านจะทำอะไร อย่านะ  ๆ  ชะ..ช่วยด้วย ท่านพ่อ..ท่านแม่ ”
   “ ฉิบหายแล้ว อาจารย์ก๊วยเจ๋งเอากูตายแน่คราวนี้ ”

   บู๊ซิ่วบุ้นร่ำร้องในใจ พลางพูดขึ้น
   “ น้องฮู้ อย่าร้อง กอกอ ไม่ได้ทำอะไร อย่าร้อง  อุ๊บ..”

   บู๊ซิ่วบุ้นร้องลำลัก แต่ถูกสกัดจุดข้างหลังขยับตัวไม่ได้ ก๊วยฮู้หวีดร้องช่วยด้วย ๆ นางรัศมีเทวีที่อยู่ข้างหลังรีบตรงเข้าหาก๊วยฮู้ตรงเข้าโอบอุ้มนางทันที ที่แท้นางรัศมีเทวีกลับเข้ามาในห้องนอนก๊วยฮู้ตั้งแต่เมื่อใด

   พอดีก๊วยฮู้ตื่นขึ้นมาพบเลยร้องอย่างตกใจ
   “ ก๊วยฮู้น้องสาวเจ้าไปกับเจ๊เจ๊เถอะ ”
   “ ไม่นะ ท่านพ่อท่านแม่ช่วยข้าด้วย ”

   เสียงร้องของก๊วยฮู้ทำให้ก๊วยเจ๋งตื่นขึ้น รีบถลันตัวไปยังห้องนอนของลูกสาวอย่างรวดเร็ว พบสองพี่น้องตระกูลบู๊ถูกสัดจุด ก๊วยเจ๋งเข้าแก้ไขอย่างว่องไว

   “ เกิดอะไรขึ้น ”
   “ น้อง..น้องก๊วยฮู้ถูกคนร้าย....”
   “ ท่านพ่อ  ช่วยด้วย ”

   เสียงก๊วยฮู้ร้อง ก๊วยเจ๋งรีบตะบึงไปตามต้นเสียงโดยมีสองพี่น้องตามไปติดๆ
   “ นังแพศยา  ปล่อยตัวลูกสาวเราเดี๋ยวนี้ ”

   ก๊วยเจ๋งตะโกนด่า ขณะที่ตามนางรัศมีเทวีซึ่งแบกก๊วยฮู้อยู่บนบ่ายืนหยุดอยู่ตรงหน้าดงไม้ ซึ่งเป็นประตูเข้าค่ายกลแห่งหนึ่ง
   “ คิก คิก ก๊วยเจ๋งแน่จริงเจ้าก็ตามมาจับเราให้ได้เถอะ ”

   นางว่าแล้วก็กระโจนเข้าประตูค่ายกลทันที ก๊วยเจ๋งเห็นดังนั้นถึงผงะ เพราะหนทางที่นางรัศมีเทวีเข้าไปนั้นกลับเป็นประตูค่ายกลที่มีชื่อว่าประตูตาย หากเป็นธรรมดาหากเเป็นศัตรูที่หลงเข้าไปในค่ายกลด้านนี้ต้องได้รับอันตรายอาจถึงชีวิตได้ แต่ยามนี้ศัตรูกลับพาลูกสาวของตนเข้าไปด้วย ก๊วยเจ๋งใจร้อนยิ่งกว่ากองเพลิง

   อึ้งย้งเคยกำชับว่าอย่าเข้าไปในประตูค่ายกลทางด้านนี้ แต่ยามนี้ก๊วยเจ๋งจำต้องเข้าไปช่วยลูกสาวไม่มีเวลาคิดมาก
   “ พวกเจ้าไปตามอาจารย์หญิงมา ตอนนี้นางอยู่ในห้องลับใต้ดิน ข้าจะล่วงหน้าเข้าไปช่วยลูกฮู้ก่อน ”

   ก๊วยเจ๋งหันมาบอกสองพี่น้องก่อนรุดเข้าไปยังประตูตายทันที สองพี่น้องได้แต่หันหน้ามามองกันเลิ่กลั่ก

............................................

   ในห้องลับใต้ดินตอนนี้กลับมีเสียงสนมนาของชายสองคน
   “ กอกอ ท่านว่าเราเข้าไปเรียกอาจารย์หญิงดีหรือไม่ ”
   “ อา...แต่ว่าเราจะเข้าไปยังไงละ ก็อาจารย์หญิงกำลังเปลือยกายอย่างนั้น ”
   “ นั้นซิ....อาจารย์หญิงช่างงามยิ่ง ทั้งขาวโคกอร่าม ”
   “ จุ๊ๆ ตี๋ตี๋เจ้าอย่าได้ทลึ่ง ”

   ที่แท้สองพี่น้องตระกูลบู๊เข้ามาในห้องลับ พบเห็นอึ้งย้งนอนแก้ผ้าเปลือยกาย อวดเรือนร่างอวบอัด โคกอร่ามขาวจั๊วะ ขาวสะอาดราวกับเด็กแต่เป็นเด็กยักษ์ สองพี่น้องได้แต่มองดูจนควยตุงด้วยกันทั้งคู่ไม่รู้จะทำยังไงดี
อึ้งย้งรู้สึกเหมือนมีคนมาพูดกันอยู่ข้างหู

   พลันลืมตาตื่นขึ้นมาพบสายตาสองคู่กำลังจ้องมองดูของดีนางอยู่จึงอุทานขึ้น
   “ ว๊าย......เป็นพวกเจ้าเข้ามาได้ยังไง ” อึ้งย้งรีบลุกขึ้นคว้าเสื้อคลุมออกมาสวมใส่อย่างรวดเร็ว
   “ พวกข้า...มิกล้าเพียงแต่อาจารย์ก๊วยเจ๋งสั่งพวกเรา ”

   สองพี่น้องตระกูลบู๊ตกใจรีบคุกเข่ากราบอึ้งย้งอย่างลนลาน
   “ ข้าเคยสั่งพวกเจ้าหากไม่มีเรื่องอันใดห้ามเข้ามาในห้องลับนี้ ไฉนอาจารย์เจ้าจึงยังสั่งให้พวกเจ้าเข้ามาได้ ”

   อึ้งย้งส่งเสียงเขียวนึกตำหนิสามีในใจ
   “ หมดกันป่านนี้ทั้งนมทั้งของดีข้าถูกเจ้าลูกศิษย์สองตัวนี้เห็นไปถึงไหนถึงไหนหมดแล้ว ท่านพี่นะท่านพี่ ”

   อึ้งย้งคิดในใจหน้าทั้งแดงทั้งเขียวด้วยความโกรธและความอาย
  
................................................................

   หน้าค่ายกลประตูตาย อึ้งย้งเดินสำรวจได้รอบอยู่อย่างครุ่นคิด โดยมีสองลูกศิษย์ที่เดินตามลอบชมบั้นท้ายนางอยู่ตลอด อึ้งย้งรับแจ้งเหตุก็รีบรุดมาโดยสวมเสื้อคลุมตัวบางมาเพียงตัวเดียวข้างในยังโล่งโจ้งเหมือนเดิม เจ้าสองพี่น้องคล้ายดังพยายามมองให้ทะลุผ้าของเสื้อคลุมนั้นให้ได้

   อึ้งย้งครุนคิดอยู่ชั่วครู่จึงหันมา สองพี่น้องสดุ้งรีบทำตัวสำรวมอย่างรวดเร็ว
   “ อา...พวกเราจะตามอาจารย์ก๊วยเข้าไปเลยหรือไม่ ”

   บู๊ตงยู้ชิงกล่าวถามขึ้นอย่างหวังดีห่วงใย
   “ ค่ายกลประตูนี้อันตรายยิ่ง หากพลาดไปถูกกลไกกับดักอาจอันตรายถึงชีวิตได้ ”

   อึ้งย้งกล่าวตอบ แล้วหยุดสักครู่ก่อนก่อนพูดต่อคล้ายรำพึงขึ้น
   “ ข้าหวังว่าท่านพี่( หมายถึงก๊วยเจ๋ง ) คงจดจำตำแหน่งกลไกที่ข้าเคยบอกได้
   “ ถ้าเช่นนั้นเราควรทำอย่างไรดี ” เป็นบู๊ซิ่วบุ้นเอ่ยขึ้นบ้าง
   “ พวกเจ้าคงจดจำที่ข้าเคยบอกได้ การจะเข้าไปค่ายกลจำต้องเข้าทางประตูเป็น ค่อยตีโอบทางประตูตายจึงปลอดภัย ”

   สองพี่น้องคิดในใจ อึ้งย้งสมกับเป็นผู้ที่ชาวยุทธยกย่อง แม้เกิดเหตุการณ์คับขันยังสามารถสำรวมจิตใจค่อยใช้สติปัญญาแก้ไข พลางผงกศรีษะรับ อึ้งย้งจึงกล่าวต่อ

   “ ค่ายกลที่อาจารย์ปู่( หมายถึงอึ้งเอี้ยะซือ ) เจ้าสร้างขึ้น ยากที่จะหายอดฝีมือฝ่าประตูลวงเข้ามาถึงในนี้ได้ เราคาดไม่ถึงว่าศัตรูที่มาคราวนี้จะเชี่ยวชาญด้านค่ายกลอย่างสูงเช่นกัน แล้วถ้าหากว่า.......”

   อึ้งย้งกล่าวแล้วกลับชงักพูดขึ้น ราวกับสิ่งที่นางจะกล่าวเป็นเรื่องที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง สองพี่น้องสังเกตเห็นต้องขมวดคิ้วร้องถามขึ้นพร้อมกัน

   “ ถ้าหากว่า   เช่นไรท่านอาจารย์หญิง ”
   “ โอ....ขอให้เป็นเพียงแค่สังหรณ์ที่ข้าคิดมากไปเองเถอะ ”

   อึ้งย้ง เว้นวรรคสักครู่จึงกล่าวต่อ
   “ ข้าเพียงแต่คิดว่า หากศัตรูแตกฉานด้านค่ายกลจนสามารถเขามาถึงในนี้ได้ หากมันสามารถเข้าไปยังศูนย์กลางควบคุมกลไกของค่ายกล อาจารย์ก๊วยกับก๊วยฮู้จะยิ่งอันตรายยิ่ง ”
   “ อะ....หา..” สองพี่น้องตระกูลบู๊อุทานขึ้นพร้อมกัน
   “ ยังไงหากข้าอ้อมไปทางประตูเป็น ค่อยวกไปยังประตูตายก็จะเสียเวลาไม่ทันการณ์ ข้าคงต้องลัดไปยังศูนย์กลางควบคุมค่ายกลจะเร็วกว่า ทางหนึ่งคือปิดกลไกกับดักที่ประตูตายด้วย ”

   ว่าแล้วอึ้งย้งก็เดินอ้อมไปยังดงไม้ด้านหนึ่ง ยกมือจับเอากิ่งไม้บนต้นสนโบราณ กลับเป็นกลไกที่ซุกซ่อนไว้ พลันดงไม้นั้นกลับแยกออกเป็นทางเดิน มองเห็นละอองหมอกหนาทึบพวยพุ่งออกมา อึ้งย้งขยับเท้าจะก้าวเข้าไป บู๊ซิ่วบุ้นกลับร้องทักด้วยความเป็นห่วง

   “ อ๊ะ.. อาจารย์หญิงทางนี้ใยมิใช่ ทางไปประตู......”

   ยังไม่ทันที่บู๊ซิ่วบุ้นจะกล่าวจบ อึ้งย้งกลับพูดสวนกลับ
   “ ข้ารู้แล้ว พวกเจ้าคอยเฝ้าตรงทางออกประตูฟ้ากำเนิด( ประตูไข )ไว้ อย่าได้วิ่งเพล่นพล่านเข้าไปยังค่ายกลเด็ดขาด "

   สองพี่น้องรับคำ
   “ พวกเราจะระวังทางนี้ ขออาจารย์หญิงจงประสบชัย ช่วยอาจารย์ก๊วยเจ๋งกับน้องก๊วยฮู้กลับมาโดยสวัสดิภาพได้ดังหวังตั้งใจ ”

   คำพูดที่บู๊ตงยู้พูดขึ้นด้วยความห่วงใย ยามนี่อึ้งย้งกลับฟังดูประหลาด ตามปกติอึ้งย้งไม่ค่อยเชื่อเรื่องโชคลาง แต่คำพูดของลูกศิษย์นางทำให้อึ้งย้งกลับรู้สึกเหมือนเป็นลางร้ายยังไงชอบกล อึ้งย้งไม่พูดอะไรหันหลังกลับเดินเข้าไปยังทางเข้าประตูแห่งนั้น ในยามนี้นางก็ตั้งความหวังที่จะเข้าไปช่วยสามีกับลูกสาว แต่ทางเข้าประตูนั้นกลับมีชื่ออัปมงคลยิ่งว่า “ ประตูสิ้นหวัง ” หรืออึ้งย้งจะสิ้นหวังที่จะช่วยก๊วยเจ๋งกับลูกสาวในคราวนี้ได้..



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น