วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์นางฟ้า( คัมภีร์มังกรหยก ) 4 ตอน กำเนิดตัมภีร์นางฟ้า




   ภายในห้องสุสาน ดูวังเวง หนาวเย็นยิ่ง
     กังปัง ซึ่งเปียกฝนมาถึงกับหนาวสั่นสะท้าน หยิบคบเพลิงที่ปักไว้ตรงทางเดินมาถือ เดินเข้าไปในส่วนลึกของห้อง มันจึงจุดคบเพลิงต่อที่ตรงผนังห้องด้านใน พอแสงคบเลิงถูกจุดมันจึงเห็นโลงศพตั้งอยู่เรียงรายนับได้ 9 โลงพอดี ลึกเข้าไปมองเห็นโต๊ขนาดใหญ่ ล้วนเต็มไปด้วยป้ายสลักวิญญาณ กังปังจุดคบเพลิงจนไฟสว่างทั่วห้อง แล้วสายตามันต้องลิงโลดขึ้น เมื่อมองเห็นถาดอาหารผลไม้ หลากหลาย

   ท้องมันเริ่มส่งเสียงโตรกตรากทันทีเป็นเพราะมันสลบมาหลายวัน จึงเกิดความหิวขึ้นมาทันที เพราะมัวแต่เจ็บปวดร่างกายจนลืมนึกถึงเรื่องนี้ไป มันจึงลงนั่งรับประทานอย่างตระกละตระกราม ในระหว่างที่ทานอาหารมันจึงสังเกตุเห็นที่ผนังแขวนรูปนางชีคนหนึ่งอายุประมาณ 40 เศษ ในมือนางถือกระบี่เล่มหนึ่งที่เคยโด่งดังในอดีตกาล ชื่อ กระบี่อิงฟ้า มีข้อความเขียนไว้ว่า รูปวาดปรมาจารย์ง่อไบ๊ ก๊วยเซียง

   มันพิจารณาใบหน้านางชีในรูปดูงดงามทีเดียว แม้จะอายุมากเชื่อแน่ว่าในวัยสาวนางต้องสวยสคราญกว่านี้เป็นแน่ เสียดายที่เป็นชีไม่รู้ว่าก่อนบวชนางได้ลิ้มรสความอร่อยจากผู้ชายหรือไม่ มันคำนึงขึ้นตามสัญชาติญาณหื่นที่มีอยู่ในตัวแต่เดิมโดยไม่รู้ตัว

   พออิ่มหนำดีแล้วมันจึงรุดขึ้นมาดูที่โต๊ะสลักวิญญาณ ที่เขียนจารึกว่า ป้ายสลักวิญญาณเหล่าวีระชนแห่งเมืองเซียงเอี้ยง
   “ วีระชนเซียงเอี้ยงใด เหมือนข้าเคยได้ยินมาก่อน ลูอูขา( ประมุขพรรคกระยาจก ) เซียงเสียวจื้อ( พรรคกระยาจก )ฯลฯ เอ๊ะ ไฉนจึง มีชื่อบุคคลแห่งพรรคกระยาจกเต็มไปหมด " มันอ่านชื่อป้ายสลักวิญญาณไปเรื่อยจนมาหยุดที่

   " ก๊วยพู้ วีรสตรี( ธิดาของ ก๊วยเจ๋ง และอึ้งย้ง )มีผู้หญิงด้วยหรือ แปลกจริง ชื่อเหล่านี้เหมือนเคยได้ยินจากไหน “

   ทันใดในห้องกลับได้ยินเสียง ดั่งคนร้องหวีดวิว ฮือๆ ดั่งคนส่งเสียงร่ำไห้ไปทั่วเป็นระยะ หากเป็นคนอื่นคงขวัญหนีดีฝ่อไปแล้ว แต่เจ้ากังปังแม้หวาดหวั่นแต่กลับเป็นคนขวัญแข็งยิ่ง มันฟังดูเหมือนเสียงดังมาจากด้านใน ด้วยความอยากรู้มันจึงเอามือแหวกผ้าม่านเข้าไปดูข้างใน ในนั้นกลับมีโลงแก้วตังอยู่หนึ่งโลง ข้างในมีหญิงสาวผู้หนึ่งนอนอยู่ เสียงหวีดหวิวดังมาอีกหน

   เจ้ากังปังฟังดูจึงพบเห็นที่ข้างกำแพงมีรูแตกอยู่อันหนึ่ง มันจึงเอานิ้วอุดรูทดสอบดู เสียงจึงเงียบลง ที่แท้เป็นเพราะรูแตกอันนี้เองเวลาสมพัดมาจึงส่งเสียงหวีดหวิวน่ากลัว คงอย่างนี้เองที่นางชีวัยรุ่นทั้งสามกลัวเลยลนลานหนีออกไป

   ยอดวีรสตรีแห่งเมืองเซียงเอี้ยง มารดาของปรมาจารย์ก๊วยเซียง
   “ อึ้งย้ง ”

   เจ้ากังปังอ่านข้อความที่สลักตรงแท่นโลงศพ มันมองดูร่างของผู้ที่อยู่ในโลงแก้วอย่างประหลาดใจ หญิงผู้นี้เป็นมาดาของนางชีที่อยู่ในรูปวาดนั้นหรือ ดูหน้าตาก็ละม้ายเหมือนกัน แต่หากเทียบกันดูผู้นี้กลับยังดูสาวอยู่ แถมมีเสน่ห์กว่าบุตรสาวเสียอีก

   “ แต่นางตายแล้วหรือ ทำไมยังไม่เน่าเปื่อย ราวกับเพิ่งเสียชีวิตไม่เท่าไรเองประหลาดยิ่ง ”

   เจ้ากังปังเพ่งมองวงหน้าสคราญของอึ้งย้งอย่างตะลึง ดูเหมือนคนนอนหลับมากกว่าคนตาย ยิ่งพิศมอง มันยิ่งหลงใหล นึกชมว่าตอนมีชีวิตนางต้องจัดเป็นโฉมคราญคนหนึ่งแน่ ขอดูใกล้หน่อยเถอะ มันคิดพร้อมกับยกโลงเปิดออกหมด โลงแก้วมีจัดทำมาอย่างดี สามารถเปิดเข้าออกได้เพื่อสดวกในการทำความสะอาดร่างกาย เจ้ากังปังยกมือไปสัมผัสแก้มของอึ้งย้ง รู้สึกเย็นวืด แม้ไม่มีเลือดฝาดแต่กลับไม่แข็งทื่อเช่นคนตายทั่วไป

   ยังยีดหยุ่นบ้าง เป็นที่น่าประหลาด มันเลยลองเอามือล้วงเข้าไปในอกเสื้อสัมผ้ส กลับฐานนมทดลองบีบเล่นเบาๆ
   " อา...ไม่เลวยังพอได้ แม่นางนี้สวยจริงขนาดตายแล้วดูหน้าซูบเซียวไปหน่อย แต่ก็สวยใครเป็นสามีนาง
คงต้องร่วมรักทุกเช้าเย็นแน่ เสียดายข้าไม่มีโอกาสนั้น ไม่งั้นข้าจะทำให้ถึงสวรรค์ทีเดียว "

   เจ้ากังปังขนาดมันความจำเสื่อมแต่เรื่องลามกกลับฝังในสมองไม่สร่าง
   “ ขอข้าชมข้างในหน่อยเถอะนะน้อง เอ...นางน่าจะเป็นย่าเราได้มั่ง 555 เอาวะสวยอย่างนี้ ย่าก็ย่าเถอะ ”

   เจ้ากังปังคิดรำพึง มองเห็นกะละมังใส่น้ำพร้อมกับผ้าที่อยู้บนโต๊ะใกล้ๆ
   “ นางชีสามคนนั้นคงถูกใช้มาให้เลี่ยนเสื้อผ้าทำความสะอาดให้ท่านแล้วเกิดกลัวหนีไปกระมั่ง เดี๋ยวอาจกลับมาใหม่ แต่ฝนตกหนักขนาดนี้คงไม่หยุดโดยง่าย ”

   เจ้ากังปังจอมลามกขวัญกล้ายิ่งนัก อารมณ์หื่นกระหายที่มีอยู่ในตัวมันแต่เดิมจึงทำให้มันบังอาจยิ่ง มันจัดการให้มีพื้นที่มากพอที่มันจะประกอบการได้ มันจัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าของอึ้งย้งที่นางชีเพิ่งเปลี่ยนให้ใหม่ออกจนหมด เรือนกายของอึ้งย้งคล้ายมีกลิ่นหอมบางๆ อาจเกิดจากน้ำหอมน้ปรุงที่นางชีนำมาชโลมให้


   เจ้ากังปังถึงกับตาลุกวาวเมื่อมันจัดการเปลืองผ้าของอึ้งย้งจนหมด ร่างอึ้งย้งขาวสะอาดหมดจดราวไข่ปลอก เต้านมแม้หย่อนคล้อยลงไป แต่ดูอวบสล้างน่าสัมผัสยิ่ง ที่สำคัญนางคงเกิดมาอาภัพหมอยหรือไง จึงเกลี้ยงเกลาหมดจด ราวกับทารกแบเบาะอะไรอย่างนั้น เจ้ากังปังชมดูถึงกับควยลุกผงาดอย่างไม่รู้ตัว สัญชาติญาณหื่นที่มีอยู่ในตัวมันแต่เดิม เกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

   เจ้ากังปังเป็นคนมักมากในกาม ชอบไปข่มขืนหญิงสาวมานักต่อนัก ล่าสุดที่มันกระทำคือไปหลอกลวง ข่มขืนโฉมสคราญแห่งยุค จนต้องเกือบตาย ยามนี้ตัณหาหน้ามืดทำให้มันกำลังจะก่อเรื่องบัดสี แม้แต่กับศพของผู้ตาย
 ตอนนี้ฝนตกหนักรุนแรง ฟ้าผ่าฟาดเปรี้ยงปร้าง ราวกับจะทะลุเข้ามาในสุสาน ราวกับกำลังโกรธแค้น ต่อสิ่งที่เจ้ากังปังกำลังกระทำต่อไป

   เจ้ากังปังตอนนี้มันเปลือยกายจนล่อนจ้อนเช่นกัน มันจัดแจงท่าร่างของอึ้งย้ง ให้สะดวก เอามือแยงแหย่เข้าไปในกลีบเนื้อของอึ้งย้ง มันช่างฝืดคับ เพราะคนตายไม่อาจมีน้ำหล่อลื่นออกเหมือนเช่นคนมีชีวิต อย่างนี้ไม่มีทางใส่เข้าแน่ ฉับพลันมันแลเห็นขวดน้ำมันอะไรสักอย่าง มันจึงเอามาชโลมทั้งของมันและอึ้งย้งจนทั่วดีแล้ว จึงจัดการสอดใส่เข้าไป

   สายฟ้าฟาดเปรี้ยงๆ ดังลงมา ราวกับเตือนให้มันหยุดการกระทำนั้น แต่เจ้ากังปังหาสนใจไม่ กลับส่งเสียงร้อง  
   " อูวว์ ๆ แน่นดีจริง " มันเริ่มขยับตัวส่งลำควยมันเข้าออกเร็วขึ้น อย่างเมามันส์

   แล้วเหตุการณ์ประหลาดก็เกิดขึ้น ทั่วทั้งบริเวณห้องกลับคล้ายสั่นสะเทือน ป้ายสลักวิญญาณต่างพากันสั่นไหวรัวๆ ทีแรกเจ้ากังปังคิดว่าเป็นเพราะมันซอยแรงไปหรือไง ต่อมาร่างอึ้งย้งที่นอนแข็งทื่ออยู่ กลับขยับขึ้นมา กว่าเจ้ากังปังจะรู้ตัว มันก็ถูกอึ้งย้งยกมือขึ้นกระหวัดรอบคอของมัน ขาอึ้งย้งเหมือนยกขึ้นมาเองเกี่ยวกวัดรอบเอวเจ้ากังปัง พร้อมกับดวงตาที่ลืมขึ้นมาจ้องหน้าเจ้ากังปัง ดวงตาที่ไร้แวว แต่ดูน่ากลัวยิ่ง

   เจ้ากังปีงต้องตกใจสุดขีด ไม่คิดฝันว่าผีจะมีจริง มันพยายามจะยกตัวดึงลำควยของมันออกมาเพื่อหนีไป แต่เหมือนรูสวาทของอึ้งย้งกลับดูดมันกลับเข้ามาใหม่ จะดิ้นก็ไม่ได้ด้วยถูกสองมือสองขาของอึ้งย้งล็อคตัวมันไว้แน่หนา ฉับพลันเหมือนมีกระแสพลังร้อนดั่งไฟไหลออกจากตัวอึ้งย้งเข้ามาในร่างมันไม่หยุด เจ้ากังปังทั้งเจ็บทั้งร้อนไปทั้งตัว



   จนกระทั่งมันได้ยินเหมือนเป็นเสียงสั่งเสียสุดท้ายของอึ้งย้งที่พูดออกมาราวกับเสียงจากปากของมันเอง
   “ ลูกเซี้ยง แม่มีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกและเจ้าต้องจำให้แม่น ตัวแม่ต่างหากที่เป็นดั่งคัมภีร์เล่มหนึ่ง ไม่เพียงแต่กระบวนท่า ยังรวมถึงวรยุทธ กำลังภายในและทักษะการฝึกปรือไว้ เจ้าต้องรักษาแม่ไว้ให้ดี อย่าให้อยู่ในมือศัตรูคนร้าย แม่คงไม่รอดแล้ว จำเป็นต้องใช้พลังสุดท้ายปิดกั้นพลังนี้ไว้กับตัว หาทาง....ดึงพลังที่มีอยู่ในตัวแม่ออกมาให้ได้ “

   ก่อนสิ้นใจอึ้งย้งยกนิ้วไปแตะที่ด้ามกระบี่อิงฟ้า บนตัวก็วยเซี้ยงพร้อมกับสิ้นใจไป เป็นเวลาเดียวกับที่เจ้ากังปังก็ไม่อาจทนความเจ็บปวดเหลือคณาได้ ต้องสิ้นสติไปเหมือนดั่งที่อึ้งย้งสิ้นใจ ฝนที่ตกเหมือนกำลังจะค่อยหยุดลง ศพของอึ้งย้งเหมือนปล่อยพลังออกมาจนหมดสิ้นค่อยเหี่ยวแห้ง ลงพร้อมกับสลายกลายเป็นฝุ่นธุลีไปเช่นกัน



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น