วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

พิศวาสมังกรหยก 4 ตอน กำเนิดคัมภีร์มารนพเก้า 2



     หลังจากที่หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งได้เดินทางกลับมายังตงง้วนแล้ว ก็คงมุ่งมั่นที่จะแปลพระไตรปิฎกเพื่อออกเผยแพร่ โดยมี โป๋ยก๋ายกับ เฮ้งซุนหงอ เป็นผู้ช่วย ต่อมาเป็นโป๊ยก๋ายได้เข้ามาเอาของในย่ามของหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋ง พบคัมภีร์อยู่ 2 เล่ม โป๊ยก๋ายกลับสนใจใน คัมภีร์กามาสูตร ที่มีรูปท่วงท่าการร่วมเพศ จึงแอบหยิบออกมาแล้วนำไปฝึก

   โดยระหว่างที่ช่วยหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งแปลพระไตรปิฏกได้สอบถามความหมายของคำในภาษาบาลี หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งทีแรกก็แปลกใจเพราะแต่เดิม โป๋ยก๋ายเป็นคนนิสัยไม่เอาไหน แถมฝักใฝ่แต่ในเรื่องโลกีย์ แต่กลับมาสนใจช่วยแปลพระไตรปิฎก เลยคิดว่าเป็นเพราะผลบุญเลยทำให้ลูกศิษย์ของท่านกลับตัวฝักใฝ่ธรรมะได้ ส่วนคัมภีร์ล้ำค่าอีกเล่ม คือ คัมภีร์พิสดารเก้าประการ โป๊ยก๋ายเห็นว่าตีความฝึกฝนยากเลยไม่ได้สนใจ

   ฝ่ายองค์ชายเจอรูดัลกับนางรัศมีเทวี  ตามหาหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งและพวกอยู่ปีเศษยังไม่พบ จนทั้งสองสามารถพูดภาษาของตงง้วนได้ จนวันหนึ่งโป๊ยก๋ายออกมาเที่ยวหอนางโลม ได้พบเห็นนางรัศมีเทวีอยู่ในโรงเตี้ยมข้างๆ โดยบังเอิญ จึงมีความคิดต้องการในตัวนางขึ้นมา ในคืนนั้นโป๊ยก๋ายจึงลอบเข้าไปที่โรงเตี้ยมที่ทั้งสองพัก แล้วไปแอบดูที่ห้องนอน พบเห็นทั้งคู่กำลังร่วมรักกันอยู่

   โป๊ยก๋ายทีแรกประหลาดใจเพราะรับทราบมาว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องกันไฉนมาสมสู่กันได้ พอแอบดูไปเห็นทั้งคู่ร่วมรักกันแบบถึงพริกถึงขิง จึงคิดว่าทั้งคู่ต่างมักมากในกามคุณเหมือนกันตน โป๊ยก๋ายรอทั้งคู่ร่วมพิศวาสกันจนเหนื่อยอ่อนหลับไป จึงลอบเข้ามาในห้องแล้วสวมรอยเป็นองค์ชายเจอรูดัลทำเอากับนางรัศมีเทวีต่อ ทั้งที่องค์ชายเจอรูดัลยังหลับอยู่ข้างๆ

   นางรัศมีเทวีไม่รู้คิดว่าเป็นสามีนางจึงปล่อยให้โป๊ยก๋ายร่วมรักกับนางต่อไปจนเสร็จ
   “ นับว่า เจ้าโป๊ยก๋ายนี่ ช่างขวัญกล้าเทียมฟ้า กล้าร่วมรักกับเมียคนอื่น บนเตียงที่สามีหลับอยู่ข้างๆ ได้ ” ก๊วยเจ๋งโพล่งออกมาอย่างลืมตัว

   อึ้งย้งเล่าต่อ พอเวลาผ่านไปนางรัศมีเทวี ลืมตาขึ้นมาพบว่า มีชายอื่นขึ้นมานอนร่วมรักกับตนไม่ใช่สามี จึงร้องเอะอะขึ้น จนองค์ชายเจอรูดัลตื่นขึ้นมา โป๊ยก๋ายรีบหนีออกมานอกห้อง ทั้งสองไล่ล่าออกมาต่อสู้กันกลางโรงเตี้ยมจนผู้คนในโรงเตี้ยมตื่นขึ้นมาจนหมด ทั้งสองจำโป๊ยก๋ายได้ว่าคือลูกศิษย์ของหลวงจีนเล่าซ่าเจ็งที่พวกตนตามหาจึงคลั่งแค้นยิ่งขึ้น

   ขณะนั้นเจ้าสำนักดาบทองซึ่งนับถือหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งได้มาพักที่โรงเตี้ยมแห่งนี้ พร้อมกับบุตรและธิดา โป๊ยก๋ายเห็นสู้ไม่ได้ จึงร้องให้ เจ้าสำนักดาบทองช่วย เจ้าสำนักงานดาบทองเห็นแก่หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งจึงยื่นมือมาไกล่เกลี่ย องค์ชายเจอรูดัลจึงว่าโป๊ยก๋ายเข้ามาลักหลับภรรยาตนรวมถึงเรื่องที่หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งและพวกฆ่าอาจารย์ของตนและขโมยคัมภีร์กลับมาที่ตงง้วนด้วย

   เจ้าสำนักดาบทองได้ฟังเรื่องที่โป๊ยก๋ายเข้าไปลักหลับภรรยาผู้อื่นพอจะเชื่อได้ แต่เรื่องหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งฆ่าผู้อื่นขโมยคัมภีร์ยากจะเชื่อ เพราะหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งสมณะเพศที่เคร่งครัดวินัยยิ่ง โป๊ยก๋ายรีบโต้เถียงว่า ตนไม่ได้ทำอย่างนั้นเป็นทั้งคู่เชิญชวนให้เข้ามาร่วมสนุกด้วยต่างหาก เพราะทั้งคู่ต่างมักมากในกามเช่นเดียวกับมัน และทั้งคู่ต่างเป็นพี่น้องกันยังลักลอบสมสู่กันได้

   องค์ชายเจอรูดัลไม่ได้รู้ขนบธรรมเนียมของตงง้วนเรา เลยตกหลุมพรางโป๊ยก๋ายว่า ใช่ ถึงแม้ว่าจะเป็นพี่น้องกันแต่ก็เป็นคู่หมั้นกัน บัดนี้เราตกลงเป็นสามีภรรยากันแล้วก็ไม่เห็นผิดตรงไหน ถึงตรงนี้ผู้คนที่รับฟังต่างวิพากย์วิจารณ์กันอื้ออึง บังเอิญโป๊ยก๋ายทำคัมภีร์ตกลงพื้น องค์ชายเจอรูดัลเห็นจำได้จึงบอกว่านั่นเป็นคัมภีร์ของอาจารย์เราที่หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งขโมยมา โป๊ยก๋ายหยิบขึ้นมากลางออกดู

   ผู้คนที่นั้นจึงเห็นเป็นท่าร่วมเพศของชายหญิงอยู่มากมาย จึงยิ่งฮือฮากันใหญ่ ทั้งกระดากทั้งดูแคลนทั้งสองมากขึ้น ร้องถามว่านี่เป็นคัมภีร์ของอาจารย์เจ้าที่ทั้งสองตามหางั้นหรือ องค์ชายเจอรูดัลตอบถูกต้องแล้ว แต่ยังมีคัมภีร์ฝีมืออีกเล่มคือคัมภีร์พิสดารเก้าประการ ถึงตรงนี้ผู้คนต่างหัวเราะเยาะทั้งสองเป็นการใหญ่ ให้ทั้งสองรีบนำคัมภีร์กลับไปส่วนอีกเล่มที่ว่าก็คงจะลามกไม่แพ้เล่มนี้เช่นกัน ไหนเลยหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งจะขโมยของพวกนี้มา

   ตอนนี้ผู้คนต่างดูถูกทั้งคู่และซุบซิบนินทาเรื่องพี่น้องไร้ยางอายสมสู่กันเอง ผิดธรรมเนียมร้ายแรง ทั้งคู่ฟังทีแรกไม่เข้าใจ แต่พอยิ่งรับฟังนานเข้าทุกผู้คนต่างว่าพวกตนเสียหายอย่างหนัก ทั้งที่พวกตนถูกทำร้ายแต่กลับเป็นฝ่ายถูกก่นด่า จึงโกรธจัดลงมือจัดการสั่งสอนทุกผู้คนในโรงเตี้ยมเป็นการตอบแทน เหล่าชาวยุทธในโรงเตี้ยมต่างไม่สามารถสู้กับฝีมือพิสดารของทั้งคู่ได้ถูกสยบจนหมดสิ้น

   ส่วนโป๊ยก๋ายตัวแสบเลยถือโอกาสหลบหนีไปได้  ทั้งคู่ยังโมโหไม่หายเรื่องพวกตนทำผิดธรรมเนียมยังไง เพราะบ้านเมืองตนพี่น้องต่างก็แต่งงานกันได้ ชาวยุทธต่างชี้แจงว่าที่ตงง้วนเราไม่มีประเพณีอย่างนั้น องค์ชายเจอรูดัลจึงว่าดีละงั้นเราจะเปลี่ยนธรรมเนียมที่นี้ใหม่ ต่อจากนั้นองค์ชายเจอรูดัลจึงจัดการให้ชาวยุทธในโรงเตี้ยมนั้นใครเป็นพ่อลูก พี่น้องกันก็ให้ร่วมรักกันเอง

   เจ้าสำนักดาบทองตอนนั้นถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส องค์ชายเจอรูดัลเลยบังคับให้บุตรและธิดาของเจ้าสำนักดาบทองสังวาสกันเอง รวมถึงเถ้าแก่โรงเตี้ยมกับลูกสาว หากใครไม่ได้พาพี่น้อง ลูกชายลูกสาวมา ก็จะซักถามบันทึกรายชื่อไว้ว่าอยู่แห่งหนใด จะไปคิดบัญชีภายหลัง

   “ เหลวไหลจริง ทำไมถึงได้ก่อเรื่องบัดซบอย่างนี้ได้ ” ก๊วยเจ๋งร้องแทรกขึ้นมาอีกครั้ง

   จากเหตุการณ์ในวันนั้น ทั้งคู่จึงบุกสำนักต่างๆ จัดการให้เฮียม่วยบุคคลในครอบครัวร่วมรักกันเอง มีหลายครอบครัวต้องฆ่าตัวตาย เพราะอับอาย ส่วนอีกมากก็เก็บเงียบไม่กล้าให้ใครล่วงรู้ว่าโดนทั้งคู่บุกมา กลายเป็นภัยยุทธภพชนิดใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ผู้คนต่างขนานนามทั้งคู่ว่า ยอดยุทธพิศวาส ทีแรกเรียกทั้งคู่เป็นมาร แต่กลัวว่าทั้งคู่ได้ยินแล้วไม่พอใจจะมีภัยถึงตัว จึงเรียกทั้งคู่ว่าเช่นนั้น เพราะทั้งคู่ต่างมีวิชาพิสดารสูงส่งไม่มีใครต่อกรได้

   จนความรู้ถึงอาจารย์ของเราคือ เทพยดาขอทาน อั้งชิกกง จึงยื่นเข้ามาประลองกับทั้งคู่แต่ปรากฎว่าท่านก็เสียทีเพลี่ยงพล้ำพ่ายแพ้แก่ทั้งคู่

   “ อะไรกัน แม้แต่ท่านผู้เฒ่าก็แพ้แก่ทั้งคู่งั้นหรือ ” ก๊วยเจ๋งถาม
   “ อืม...” อึ้งย้งผงกหัวรับ

   ข่าวเทพยดาขอทานซึ่งตอนนั้นถูกจัดเป็นหนึ่งในห้ายอดฝีมือแห่งยุคพ่ายแพ้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งขยายถึงเรื่องสองประการคือ หนึ่งฝีมืออันล้ำเลิศของยอดยุทธพิศวาสทำให้ชื่อเสียงความน่ากลัวของทั้งคู่เพิ่มมากขึ้น  สองคือที่มาของฝีมือของทั้งคู่ที่มาจากคัมภีร์วิชาพิสดารเก้าประการที่ทั้งคู่กล่าวถึง

   ถึงตอนนี้ชาวยุทธเรียกคัมภีร์นั้นว่าคัมภีร์มารนพเก้า( เก้าอิ๋มจินเก็ง ) ทำให้ชาวยุทธทุกผู้คนต่างกระหายอยากได้คัมภีร์เล่มนี้กันอย่างมากเพราะประจักษ์ถึงความพิสดารที่ยอดยุทธพิศวาสใช้ออกมา ความเรื่องนี้ระบาดไปทั่วแผ่นดิน ทำให้ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาเพราะรู้ว่าคัมภีร์เล่มนี้ ตอนนี้อยู่ที่หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋ง รวมถึงยอดฝีมือที่เหลือ คือ เจ้าทักษิณต้วนอ๋อง อาวเอี้ยงฮง และบิดาข้าอึ้งเอี๊ยะซือ

  “ แล้ว ท่านเฮ้งเต็งเอี้ยง ละ ”
  “ ข้ากำลังจะพูดถึงอยู่พอดี ”

   ฝ่ายหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งได้แปลพระไตรปิฎกสำเร็จ ตั้งใจจะเดินทางเข้าวังเพื่อมอบพระไตรปิฎกให้กับทางราชสำนักตามที่ได้รับมอบหมาย จึงออกเดินทางไปกับลูกศิษย์ทั้งสองแต่ระหว่างทางโป๊ยก๋ายได้หนีไปเที่ยวจนเกิดเรื่องขึ้น รุ่งขึ้นท่านจึงออกเดินทางต่อไปกับเฮ้งซุนหงอ โดยคิดว่าโป๊ยก๋ายจะติดตามไปภายหลัง เพราะโป๊ยก๋ายมักมีนิสัยเช่นนี้เป็นประจำ

   ระหว่างเดินทางได้มีชาวยุทธคิดจะมาช่วงชิงคัมภีร์มารนพเก้าจากท่าน แต่อาศัยว่าเฮ้งซุนหงอเป็นผู้มีวิทยายุทธสูงช่วยเหลือไว้ จึงได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น เฮ้งซุนหงอเห็นท่าไม่ดี จึงปรึกษากับหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งว่า ควรแวะไปหาท่านเฮ้งเต็งเอี้ยง ซึ่งเป็นพี่ชายที่เขาจงน้ำที่กำลังจะผ่านไปดีกว่า เพื่อให้ช่วยคุ้มครองและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ด้วย

   “ อ๋อ ที่แท้ท่านเฮ้งเต็งเอี้ยงเป็นพี่ชายของเฮ้งซุนหงอนี้หรอกหรือ ” ก๊วยเจ๋งพูดขึ้นเบาๆ

   ฝ่ายท่านเฮ้งเต็งเอี้ยงตอนนั้นยังไม่ได้ออกบวชแต่เลื่อมใสในลัทธิเต๋าอยู่ และเป็นผู้นำชาวยุทธในการต่อต้านกองทัพไต้กิมก๊ก หลังจากได้ทราบเรื่องของยอดยทธพิศวาสก็นึกเป็นห่วงน้องชายอยู่พอดี เฮ้งซุนหงอพาหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งมาหาจึงดีใจ เพราะตอนนี้เรื่องยอดยุทธพิศวาสที่กำลังอาละวาดและตามหาหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งกับพวก รวมถึงจอมยุทธต่างๆ ก็หมายจะช่วงชิงคัมภีร์ยุทธพิศดารต่างโจษจันไปทั้งแผ่นดิน

   ยิ่งตอนนี้ข่าวยาจกอุดรพ่ายแก่ยอดยุทธพิศวาสยิ่งทำให้น่าวิตก ท่านเฮ้งเต็งเอี้ยงจึงมีความคิดว่า เรื่องแรกที่ต้องดำเนินการคือหาทางกำจัดยอดยุทธพิศวาสให้ได้เสียก่อน ส่วนเรื่องอื่นค่อยหาทางแก้ไขต่อไป จึงได้ออกเทียบเชิญสุดยอดฝีมืออีกสี่คน คือ ยาจกอุดร พิษปัจฉิม ภูตบูรพา และอ๋องแห่งทักษิณ มาร่วมมือกันกำจัดยอดยุทธพิศวาส ต่อจากนั้นเป็นอย่างไรคิดว่าพี่ก๊วยเจ๋งคงจะเดาได้

   “ อืม..ข้าคาดว่ายอดฝีมือทั้งห้า คงร่วมมือกันกำจัดยอดยุทธพิศวาสสำเร็จ เพราะต่างก็มีจุดประสงค์อยากได้คัมภีร์มารนพเก้าจึงร่วมมือกันขจัดภัยในครั้งนี้ ”
   “ เป็นอย่างที่ท่านคาดเดา ”
   “ รายละเอียดการต่อสู้เป็นอย่างไรบ้างละ ”
   “ เออ..อันนี้ข้าไม่ทราบแน่ชัดเหมือนกัน เพราะในบันทึกท่านพ่อไม่ได้กล่าวถึง ”
   “ เสียดายยิ่งนัก….แล้วหลังจากนั้นละ ”
   “ ก็เป็นอย่างที่ท่านพี่และข้าทราบ ”

   ภายหลังจากที่กำจัดยอดยุทธพิศวาสได้แล้ว คัมภีร์มารนพเก้าก็เป็นปัญหาที่ทุกคนต้องการจะแย่งชิง เพื่อยุติการเข่นฆ่ากันจึงกำหนดการประลองยุทธขึ้นทั่วแผ่นดินหากใครชนะจะได้คัมภีร์ไปครอบครองห้ามแก่งแย่งกันอีก  แต่ในตอนนั้นนอกจากสุดยอดฝีมือทั้งห้าแล้วก็ไม่มีใครมีวรยุทธเทียบได้ จึงคงมีแต่ยอดฝีมือทั้งห้าท่านเข้าร่วมประลองกันบนเขาหัวซาน

   โดยขอให้หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งช่วยแปลคัมภีร์นั้นออกมา เพราะไม่มีใครชำนาญภาษาบาลีสันสกฤตได้ดีเท่าท่านอีกแล้ว กำหนดวันประลองอีก 2 เดือนข้างหน้าหากใครชนะจัดเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแผ่นดินได้คัมภีร์มารนพเก้าไปครอบครองแต่ผู้เดียว

   “ สุดท้ายท่าเฮ้งเต็งเอี้ยงก็เป็นผู้ชนะได้คัมภีร์ไปครอบครอง ” ก๊วยเจ๋งกล่าวเสริม
   “ เป็นไปตามที่ท่านทราบดี…เพียงแต่มีรายละเอียดปลีกย่อยที่ข่าเล่าข้ามไปบ้าง ”
   “ อะไรบ้างหรือ ” ก๊วยเจ๋งขมวดคิ้วถามต่อ
   “ เช่นเรื่องที่ท่านเฮ้งเต็งเอี้ยงชนะเป็นผู้มีวรยุทธอันดับหนึ่งของแผ่นดิน ก็ถูกกล่าวหาว่าตอนที่หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งกับเฮ้งซุนหงอมาพักอยู่ เฮ้งซุนหงอก็ลอบแปลเนื้อหาในคัมภีร์นพเก้ามาบอกพี่ชายให้ฝึกก่อนอยู่แล้ว จึงมีวรยุทธรุดหน้ากว่าคนอื่น ”
   “ ฮ้า..เป็นเช่นนั้นหรือ ”
   “ อันนี้ไม่แน่นอนเป็นแต่คำร่ำลือกล่าวหา ตอนนั้นต่างคิดกันว่าเรื่องยอดยุทธพิศวาสเป็นเรื่องเกียรติภูมิของแผ่นดิน จะแพ้ไม่ได้ เพราะจะทำให้ต้องยอมรับเรื่องหลวงจีนเล่าซ่าเจ็งฆ่าโยคีแล้วขโมยคัมภีร์หนีมา และจะต้องเปลี่ยนประเพณีตามที่ยอดยุทธพิศวาสกำหนด เพื่อให้ได้ชัยชนะท่านเฮ้งเต็งเอี้ยงจึงได้เรียนรู้วิชาในคัมภีร์เพื่อรับมือกับศัตรูในครั้งนี้  ท่านเฮ้งเต็งเอี้ยงก็สมเป็นอัจฉริยะบู๊ลิ้มในขณะนั้นสามารถฝึกลมปราณเปลี่ยนเส้นเอ็นได้ในเวลารวดเร็ว แม้ยังไม่บรรลุขั้นสูงสุดแต่ก็ปรับปรุงจนมีฝีมือรุดหน้าได้ ”

   อีกเรื่องคือ โป๊ยก๋ายตัวแสบได้ถูกเหล่าชาวยุทธที่โดนยอดยุทธพิศวาสทำร้ายบังคับให้ร่วมรักในครอบครัวกันเองโกรธแค้นตามเข่นฆ่าในฐานะตัวการ แต่กลับหนีมาเจอพิษปัจฉิมเข้า อาศัยความเจ้าเล่ห์ให้พิษปัจฉิมช่วยเหลือ โดยวางแผนว่าจะแอบไปขโมยคัมภีร์มาให้ และมันจะเป็นผู้แปลให้เองเพราะมันก็รู้ภาษาบาลีสันสกฤตเหมือนกัน มันจึงกลับไปหาอาจารย์( หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋ง ) ขอให้ยกโทษให้

   แต่กลับลอบวางยาอาจารย์กับศิษย์ผู้พี่เพื่อขโมยคัมภีร์ โดยไม่รู้ว่ายาที่ปัจฉิมให้มามีพิษร้ายแรง ทำให้เฮ้งซุนหงอต้องเสียชีวิต ส่วนหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งท่านเฮ้งเต็งเอี้ยงใช้กำลังภายในขับพิษออกทัน แต่ทำให้หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งต้องอาพาธ( ป่วย ) ท่านเฮ้งเต็งเอี้ยงโกรธจัดไปชิงคัมภีร์กลับมาได้และสังหารโป๊ยก๋ายตายไป

   “ มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ ”

   ภายหลังที่สามารถขับไล่ยอดยุทธพิศวาสออกไปจากตงง้วน หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งถึงแม้จะป่วยอยู่ก็สู้อุตสาห์แปลคัมภีร์นพเก้าจนเสร็จ แต่มีเนื้อหาบางตอนที่ท่านไม่สามารถแปลได้ เพราะมหาโยคีบาบาตูตู้ใช้ภาษาบาลีโบราณที่ถูกยกเลิกไปแล้ว ไม่สามารถเข้าใจความหมายได้จึงเขียนทับศัพท์ไว้ เมื่อแปลจบท่านก็มรณะภาพ ก่อนตายท่านได้ฝากเรื่องคัมภีร์และพระไตรปิฏกของท่านไว้ และสังเสียว่า

   “ เสียใจที่อาตมานำเพศภัยมาสู่ตงง้วนโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หวังว่าคัมภีร์ยุทธที่ท่านแปลให้ ชาวยุทธที่ได้ครอบครองจงนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ เสียดายที่ท่านกลับมาหวังจะเผยแพร่พระไตรปิฏกให้เป็นที่เลื่องลือ สู้อุตสาห์ดั้นด้นไปนำมาจากชมพูทวีป มาแปลความเพื่อเผยแพร่ศาสนาแต่ไม่มีผู้คนสนใจ กลับสนใจในคัมภีร์ยุทธมากกว่า หากผู้ใดเผยแพร่พระไตรปิฏกที่อาตมานำมานี้จะประเสริฐยิ่งนัก ”

   “ ท่านเฮ้งเต็งเอี้ยงจึงสัญญาว่าหากได้ครอบครองคัมภีร์จะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่แผ่นดิน และจะนำพระไตรปิฏกไปให้กับทางราชสำนัก หาผู้สืบทอดศาสนาต่อไป ภายหลังท่านเฮ้งเตี้ยงได้ออกบวช แต่ถือศีลตามลัทธิเต๋าที่ท่านนับถือ ก่อตั้งสำนักช้วนจิ้นก้าฝึกลูกศิษย์ที่มีชื่อเสียงขึ้นมาหลายคน แต่สาเหตุว่ากันว่าเป็นเพราะท่านต้องการฝึกยอดฝีมือในคัมภีร์ให้ถึงจุดสุดยอด เพราะจริงๆ แล้วผู้ที่เข้าถึงสภาวะธรรมขั้นสูงเท่านั้นจึงจะสามารถฝึกสุดยอดวิชาลมปราณในคัมภีร์นั้นได้ ต่อจากนั้นเรื่องเป็นอย่างไรเป็นอย่างที่เรารู้กัน ”
( หาอ่านเอาจากนวนิยายมังกรหยกของแท้ )

(*****ต่อมาเจตนารมย์ของหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งก็มาสมปรารถนาดังใจได้ เมื่อกาลต่อมา ปรากฎมีนักบวชอินเดียรูปหนึ่ง ได้เดินทางอัญเชิญสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าเข้ามาในเมืองจีน นักบวชท่านนี้ได้ครอบครองคัมภีร์นพเก้าในเวลาต่อมา และได้ปรับปรุงตัดทอนเนื้อหาในคัมภีร์มารนพเก้าเสียใหม่ คงเหลือแต่ วิชาลมปราณ จึงได้เปลี่ยนชื่อคัมภีร์ใหม่ เป็น คัมภีร์ฝึกลมปราณเปลี่ยนเส้นเอ็น และท่านก็เป็นคนแรกที่สามารถฝึกวิชาในคัมภีร์นี้ได้ถึงขั้นสูงสุดคือ ขั้นสีขาว

ภายหลังได้ก่อตั้งวัดขึ้นมาแห่งหนึ่ง เพื่อเผยแพร่ศาสนาและฝึกวิทยายุทธให้กับพระในวัด ภายหลังจึงมีฆราวาสสนใจมาฝึกวิทยายุทธที่วัดแห่งนี้เป็นจำนวนมาก จนทำให้วัดแห่งนี้มีชื่อเสียง เป็นผู้นำชาวยุทธมาหลายยุคสมัย จนถึงสมัยแมนจูขึ้นปกครองแผ่นดินจีน กลัววัดแห่งนี้เป็นที่ซ่องสุมกำลังโค่นล้มราชวงศ์ จึงเกณฑ์กองกำลังทหารมาเผาวัดแห่งนี้แล้วเอาพระบรมสารีริกธาตุไป

ส่วนคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นกลับหายสาบสูญไป ปัจจุบันวัดนี้ได้ถูกบรูณะสังขรขึ้นมาใหม่ เป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ชื่อของนักบวชอินเดียท่านนั้นเรารู้จักกันดีนามว่า ปรจารย์ตั๊กม้อ วัดที่ท่านก่อตั้งขึ้นจนลือชื่อถึงปัจจุบันก็คือ วัดเส้าหลินนั่นเอง ****)

   “ ตามที่เจ้าเล่ามานั้นน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว แต่ข้ายังสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง ”
   “ ท่านพี่คงหมายถึง เหตุใดยอดยุทธพิศวาสจึงกลับเข้ามาในตงง้วนอีก ในเมื่อหายไปถึง สามสิบปีแล้ว ”
   “ ถูกแล้ว ”
   “ ข้าก็ไม่เข้าใจเช่นกัน เพราะมีจุดที่เราไม่ทราบคือ พวกเราเอาชนะยอดยุทธพิศวาสได้อย่างไร ไฉนจึงยอมออกจากตงง้วน ”
   “ อืม…แล้วทำไมถึงยอมทิ้งคัมภีร์ฝีมือไว้ แล้วเรื่องยอดยุทธพิศวาสนี่ทำไมกลับไม่มีใครพูดถึง คงมีแต่ในบันทึกของพ่อเจ้า ”
   “ ข้าคาดว่า ฝ่ายเราคงเจรจากับยอดยุทธพิศวาสเรื่องคัมภีร์ทางนั้นก็ว่าเราขโมยมา ส่วนเราก็ว่าได้มาโดยชอบธรรม หากจะทวงคืนฝ่ายเราคงไม่ยอมเพราะกลัวว่าหากฝ่านนั้นได้ไปฝึกวิชาจนสำเร็จ จะไม่มีใครรับมือได้แล้ว เมื่อคุยกันไม่รู้เรื่องจึงต้องประลองกัน โดยมีเงื่อนไขว่าหากแพ้ต้องถือคัมภีร์เป็นของฝ่ายเราและต้องออกไปจากตงง้วน ”
   “ ก็น่าจะเป็นอย่างที่เจ้าว่า หากฝ่ายเราแพ้ยอดยุทธพิศวาสคงจะควบคุมยุทธจักรของเรา และคงเรื่องสมสู่กันระหว่างในครอบครัวอีก ”
   “ ก็คงเป็นเรื่องนี้ ที่ประเพณีชาวตงง้วนเราไม่ยอมรับ ฝ่ายเราคงรู้สึกเรื่องที่เกิดเป็นสิ่งที่น่าอายจึงไม่มีใครอยากจะเอ่ยถึงเรื่องที่ผ่านมาก็ได้กระมั่ง ”

    " อืม ประเพณีใครประเพณีมัน การจะมาบังคับให้เปลี่ยนประเพณีกันเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง "

   ก๊วยเจ๋งหยุดคิดนิดหนึ่งจึงถามต่อ
    " ตอนนี้เราควรจะรับมือฝ่ายตรงข้ามอย่างไรดี "
    " ข้าก็คิดอยู่เหมือนกัน หากท่านพ่อข้าอยู่คงจะดี คงจะได้ทราบข้อมูลอะไรเพิ่มบ้าง ที่เรายังวางใจได้ก็คือ ค่ายกลเกาะดอกท้อเรา ไม่มีใครบุกเข้ามาได้ง่ายๆ หากโชคดียอดยุทธพิศวาส ถลำเข้ามาในค่ายกลชั้นในไม่รู้วิธีแก้จะถูกกักขังจนตาย ขนาดเฒ่าทารกจิวแป๊ะทง ยังเคยถูกค่ายกลเกาะดอกท้อเรากักอยู่ตั้งหลายปีจนท่านพี่มาพบนั่นแหละ "
    " ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็ดีทีเดียว นี่ดึกมากแล้ว เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ "
    " ไม่ข้าจะขอลงไปดูที่ห้องใต้ดินหน่อย เพื่อข้าจะคิดแนวทางอะไรได้บ้าง "

   ก๊วยเจ๋งดึงร่างอึ้งย้งเข้ามาประคองกอดไว้ อึ้งย้งเอียงศรีษะซบแนบอกผายของก๊วยเจ๋ง
    " อย่าหักโหมนักนะ วันนี้เจ้าเหนื่อยมามากแล้ว "
    " ขอบคุณท่านที่ห่วงใย "
    " แล้วลูกฮู้ละ "
    " ข้าจี้จุดให้นางหลับพักผ่อนตั้งแต่หัวค่ำแล้ว วันนี้ลูกเราก็เจอเรื่องหนักๆมามาก "

    อึ้งย้งพูดพร้อมกับถอนใจเบาๆ แต่กระนั้นก๊วยเจ๋งก็จับความรู้สึกผู้เป็นภรรยาได้
    " เจ้าหนักใจเรื่องลูกฮู้หรือ "
    " อืม..ฮือ ..ข้าเพิ่งรู้ว่าลูกเราเป็นสาวก็วันนี้เอง รวมทั้งเจ้าตงยู้และซิ่วบุ้นสองพี่น้องนั่นด้วย "
    " ดูว่ามันทั้งสองชอบลูกเราด้วยกันทั้งคู่ "
    " นี่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง แล้วค่อยคิดกันเถอะ" อึ้งย้งผละจากร่างก๊วยเจ๋ง
   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น