วันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2562

สาวแดดเดียว ตอนที่ 2

ใช่ว่าคำพูดกึ่งขอร้องอย่างเอียงอายของเด็กสาวจะหยุดอารมณ์ต้องการของต่อได้ เขาอุ้มร่างอวบที่เพิ่งแตกเนื้อสาวได้ไม่กี่วันไปวางบนเตียงนอนเล่นภายในห้องนั่งเล่นนั่นเอง
     ชุดนอนสีชมพูอันงดงามแนบอยู่กับร่างอ่อนระทวย  มันพริ้วให้เห็นความอวบอัดจากเรือนร่างเด็กสาวแจ่มชัดไม่ว่าจะเป็นสองเต้าที่ครัดเคร่ง หรือเนินเนื้อที่อวบสะพรั่งตรงหน้าขาสวยคู่นั้น มันยั่วอารมณ์เด็กหนุ่มให้ฮึกเหิมจจะเห็นเนื้อในแบบจะ..จะกับตาเสียเลย
     ไม่รอช้า  นายต่อเสียเวลากวาดตามองดูความงามด้านนอกเพียงอึดใจเดียว เขาก็เปลื้องชุดนอนสีชมพูที่หุ้มห่อเรือนร่างเด็กสาวออกอย่างแผ่วเบาละมุนละไม ชนิดที่เด็กสาวแทบไม่รู้สึกตัวเสียด้วยซ้ำไป  ครั้นลืมตาขึ้นมาอีกที  ก็เห็นร่างตัวเองเปลือยเปล่ากลางแสงไฟไปเสียแล้ว
     "อุ๊ย..พี่ต่อ"
     เด็กสาวสะดุ้งมีทีท่าตระหนกแกมอับอาย     เธอรีบยกสองแขนเรียวขึ้นโอบปิดความงามสะพรั่งจากทรวงอกงามเพิ่งเบ่งบานคู่นั้นจากสายตาวาววามของพี่ต่อทันที
     "สวยเหลือเกิน..พี่ไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไหนจะงดงามเท่านี้มาก่อนเลย   ขอพี่ชมมันเถอะนะจ๊ะ น้องภาจ๋า"
     นายต่อครางเสียงแตกพร่าเมื่อทรุดร่างลงมาหาร่างงามที่งอเข้าหากันเพื่อปกปิดสิ่งสงวน    มือลูบไล้ที่เนินอกขาวผ่องเกลี้ยงเกลาค่อยแกะมือเธอออกกางกับเตียงซึ่งภาณิกาก็หาได้ขัดขืนแข็งข้ออะไรมากมายนัก ใจคอเธอเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นอยากลิ้มลองแบบกลัว ๆ กล้า ๆ
     "พี่ต่อขา..จะ..จะทำอะไรน้องภาคะ..อุ๊ย.."
     เด็กสาวถามทั้งครางเมื่อพี่ต่อฟุบหน้าลงมาหายอดอกที่ครัดเคร่งข้างนั้น  เขาเฟ้นจูบมันเต็มอิ่มทำท่าซ่านสุขชื่นใจ   มืออีกข้างประกบจับอีกเต้าบีบเค้นมันเบา  ๆ แต่ก็ทำเอาร่างเด็กสาวสะดุ้งแอ่นขึ้นมาจากพื่นเตียงครางอู้อี้เหมือนจะขาดใจ
     ร่างอันกำยำของพี่ต่อค่อย  ๆ ปลดเปลือยอาภรณ์ออก ในไม่ช้าพี่ต่อก็อยู่ในชุดแรกเกิดเช่นเดียวกับเด็กสาวไปเสียแล้ว
     ภาณิกาแอบมองดูความเป็นชายของเขาอย่างอาย ๆ แต่เมื่อได้เห็นก็เล่นเอาใจสั่นแกว่งเป็นลูกโป่งที่ถูกสายลมพัดสบัดเต็มแรง เพราะตรงนั้นของพี่ต่อ ช่าง..น่ากลัวเสียเหลือเกิน
     มันผึ่งผายผงาดขึ้นมาประกาศศักดิ์ศรี ด้วยลำตัวอวบอ้วนและค่อนข้างยาวเป็นสีเงามะเมื่อม  เป็นสิ่งแปลกประหลาดที่เธอไม่เคยพบเจอมาก่อน  แล้วมีหรือที่เด็กสาวจะไม่ตื่นตกใจ
     พี่ต่อไม่รอช้า    เมื่อจัดการกับเสื้อผ้าตัวเองได้หมดแล้ว    เขาก็หันมาทุ่มเทความสนใจให้กับร่างเปลือยของเด็กสาวอย่างเต็มที่
     เด็กหนุ่มวัยโคถึกผวาร่างเข้ากอดทาบร่างงามของเด็กสาว ระดมจูบซุกไซ้ไปทั่วผิวขาวเนียนโดยเฉพาะสองเต้าขาวนั้นถูกจมูกและมือของเขารุมเร้าหนักหน่วงที่สุด จนเด็กสาวรู้สึกว่ามันจะระบมไปหมดแล้วแต่เด็กสาวก็ชอบเพราะมันทำให้ใจเธอเสียวแปลบตื่นเต้นไปอีกแบบหนึ่ง
     พี่ต่อตวัดลิ้นไปรอบ ๆ เม็ดบัวสีแดงระเรื่อ ดูดดื่มมันราวกับทารกหิวกระหายน้ำนมจากอกมารดา  แต่ว่าภาณิกาไม่ใช่แม่คน เธอจึงเสียวสยิวจนผวากอดเขาไว้แนบแน่นและแอ่นอกบดขยี้ใบหน้าที่ชอบซุกอยู่นั่นไม่ยอมปล่อย
     เมื่อดูดดื่มจากเต้าหนึ่งอิ่มหนำแล้ว ก็ละไปหาอีกเต้า ดูดทับทิมเม็ดนั้นบ้าง มืออีกข้างก็ลูบไล้เค้นคลึงข้างเดิมเล่นแทนที่ เด็กสาวดิ้นเบา ๆ เพื่อระบายอารมณ์ซ่านเสียวลง ๆ ไปบ้าง
     ภาณิกาเงยหน้าพลิกไปมาบนหมอน     เมื่อรับรู้ถึงมือพี่ต่อที่ลูบไล้เคลื่อนไหวจากสองเต้าไปป้วนเปี้ยนแถวเนินเนื้อสล้างยังหว่างขาแทนที่  ปรากฎว่าส่วนนั้นของเธอมันหยาดเยิ้มไปหมดแล้วด้วยเมือกสวาทจากภายในที่เธอกลั่นออกมาเป็นการระบายอารมณ์
     ต่อไม่สนใจ     เขาลูบไล้แล้วขยำเนื้อนูนเป็นกระดองเต่าของเธอเค้นเล่น แล้วค่อยแหวกกลีบส้มฝานครึ่งเพื่อไล้นิ้วเข้าไปในร่องน้ำน้อยในตัวเธอ
     "อุ๊ย..ไม่เอาค่ะ..พี่ต่อขา"
     เด็กสาวอุทานอย่างอับอายดิ้นพล่านเป็นปลาดุกถูกทุบหัวเมื่อพี่ต่อแหย่ปลายนิ้วผ่านซอกเนื้อสู่หลืบสาวซึ่งถูกปกปิดเป็นความลับดำมืดมานานถึงสิบหกปีเต็ม ๆ
     แต่บัดนี้   กลีบสาวได้แยกแย้มให้เขาล้วงความลับไปจนหมด  ต่อคว้านนิ้วในร่องน้ำสะดุดพบจุดสำคัญที่ทำให้ภาณิกาแทบหวีดร้องออกมาเพราะซ่านเสียวเต็มที่ สุด..สุด
     เขาสังเกตเห็นสีหน้าเธอเหยเกเมื่อเขาบี้ขยี้ตรงนั้นเธอหนักมือ เนื้อตัวสาวรุ่นเกร็งกระตุกภายในตอดรัดนิ้วเขาเป็นระยะ ๆ กระชั้นชิด
     เขาพลิ้วนิ้วระรัวในร่องของเธอจนเปียกชุ่มได้ที่จึงได้ชักออกเปลี่ยนเป็นใบหน้าลงไปชมชื่นกระดองเต่าตัวโต จมูกโด่งเป็นสันของเขาซุกจูบมันอย่างไม่รังเกียจใด ๆ ทั้งสิ้น
     "พี่ต่อขา..น่าเกลียดจัง..อย่าค่ะ อย่า"
     เด็กสาวร้องห้าม  เมื่อรู้สึกว่าในหลืบร่องจะมีบางสิ่งที่นุ่มอุ่นฉกวาบเข้าไปละเลงในซอกแทนนิ้ว เป็นลิ้นของพี่ต่อนั่นเอง
     "ไม่มีอะไรน่าเกลียดเลย น้องภาน่ารักแบบนี้พี่จูบน้องภาได้ทั้งตัวเลย"
     เขาอู้อี้ตอบ พันลิ้นเข้าไประรัวในร่องน้ำน้อย ทำให้เด็กสาวต้องครางซี๊ดออกมา หลับตาแน่นแล้วแอ่นโคกคอยให้เขาขยี้ได้ตามใจชอบ
     "ซี๊ด..พี่..พี่ต่อขา..น้องภา..ทนไม่ไหวแล้ว"
     เด็กสาวส่ายหน้าครวญครางแทบจะกลั้นไม่อยู่ มันกำลังระเบิดออกมาเพราะลิ้นเจ้าเล่ห์ที่พัวพันอยู่ไม่หยุดหย่อน ยิ่งเธอส่ายบั้นเอวหนีเขาก็ยิ่งขยี้ลิ้นเข้าไปล้วงลึกในซอกกระทบกับส่วนในสุดยิ่งขึ้น
     พี่ต่อลิ้มรสเกสรอันมีรสหวานอ่อน  ๆ  และหอมแสนเอร็ดอร่อยที่เด็กสาวกลั่นออกมา    เขาจัดการตวัดลิ้นกลืนกินมันอย่างไม่ขยะแขยงรังเกียจสักนิดกลับรู้สึกว่าเกสรหวานนั้นคือยากระตุ้นอารมณ์ชั้นดีให้เขาเกิดความกำหนัดหลงใหลในตัวเธอแทบจะคลั่งใจตายเสียอีก
     เมื่อขยี้ส่วนสำคัญของเธอจนสังเกตว่าภาณิกาชักจะทนไม่ไหวแน่แล้ว   เขาก็เปลี่ยนสูตรใหม่ผละใบหน้าจากเนินเนื้ออวบสะพรั่งขึ้นมาประกบจูบปาก  ไซ้ลิ้นกับลิ้นเธอแทน แต่นั่นไม่น่าสนใจสำหรับภาณิกาเท่ากับตรงหน้าขาของเธอมีวัตถุแข็งมีน้ำหนักแอบอัดกลีบเนื้อทองของเธอผ่านเข้าไปช้า ๆ
     "ว๊าว..พี่ต่อขา..ภาเจ็บค่ะ"
     เด็กสาวอุทธรณ์    เมื่อปล่อยให้วัตถุชิ้นนั้นผ่านเข้าไปได้ระยะหนึ่งแล้วพี่ต่อรีบหยุดการรุกคงปลายดาบค้างคาอยู่แค่นั้น  หันมารุกเร้าจูบเค้นสองเต้าอวบขาวแทนที่ ในไม่ช้าเด็กสาวก็ตกอยู่ในภวังค์ความซ่านเสียวสยิวใหม่อีกครั้ง
     เมื่อมีจังหวะพี่ต่อค่อยบุกต่อ  เขาสาวอาวุธลับขนาดไม่เล็กเหมือนอายุเข้าไปใหม่   ภาณิกาส่ายสะโพกโยกดิ้นเขาก็เลยยึดสะโพกเธอไว้แล้วกดหัวจรวดเข้าไปทีเดียวจมมิดทวนเลย
     "กรี๊ด.."
     เสียงเด็กสาวหวีดร้องออกมาเบา  ๆ เจ็บแปลบเหมือนมีทวนคมทะลวงความสาวเธอจนป่นปี้   แต่ไม่มีเสียงร้องออกมามากนักเพราะพี่ต่อรู้ทันเสียก่อน  เขาจึงรีบประกบจูบปากเธอเอาไว้แนบแน่นเสียก่อน    พี่ต่อหยุดแรงอัดข้าศึกไว้แค่นั้นก่อนเพราะอยากให้เด็กสาวคุ้นเคยกับความคับอึดอัดและเจ็บบ้างกับครั้งแรกของเธอ ต่อเมื่อปลุกอารมณ์เธอจนสุดกู่ เขาจึงได้ขยับบั้นเอวให้ปลาไหลมุดรูสะดวกคล่องแคล่วขึ้น
     ภาณิกาทั้งเสียวและเจ็บแปลบระคนกัน  เธออยากบอกให้เขาหยุดการเคลื่อนไหวนั้นเพราะมันอึดอัดคับแคบเสียเหลือเกิน แต่อีกใจก็บอกว่าอย่าดีกว่า ปล่อยให้เขาทำร้ายเธอต่อไป เพราะมันทำให้เธอเสียวซ่านเป็นสุขอย่างไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลย แรก  ๆ พี่ต่อป้อนรสสวาทให้เธออย่างอ่อนโยนด้วยเข้าใจว่า ภาณิกาไม่เคยรู้จักกับสัมผัสชนิดนี้มาก่อนจริง ๆ แต่ต่อมา เขาก็ทนจะอ่อนโยนต่อไปอีกไม่ได้ จังหวะขยับเขยื้อนจึงรุนแรงและเร็วถี่ขึ้นทุกขณะ จนร่างของเด็กสาวไหวกระเพื่อมไปหมดทั้งตัว
     สองเต้านั้นเคลื่อนไหวเป็นจังหวะยั่วใจเด็กหนุ่มให้คลุกหน้าลงไปเคล้าจูบไม่อิ่มหนำ ความสุขสันต์ในกายจวนเจียนจะทะลายทะลักออกมานอกร่างรอมร่อ
     "พี่ต่อขา..ภา..ภาจะขาดใจอยู่แล้ว..ค่อย ๆ หน่อยซิคะ..ภา..เสียว"
     เสียงเด็กสาวออดอ้อน เมื่อเขาสาวความยาวและใหญ่ใส่เธออย่างหนักหน่วงรุนแรง  แต่พี่ต่อหูอื้อตาลายไม่ได้ยินเสียงนั้นอีกแล้ว  เขากำลังตะกายสวรรค์ให้ถึงมากที่สุด ภาณิกาจึงยกปลีขาขึ้นไปโอบรอบเอวเขาไว้ เธอจึงค่อยผ่อนคลายความอึดอัดคับฝืดลงไปได้บ้าง
     พี่ต่อแทรกอาวุธร้ายเข้าไปลึกสุดเต็มที่  จนหัวของมันไปกระทบกับข้างในของเธอกึก ๆ เด็กสาวเบ้หน้าผวาขึ้นสวมกอดร่างหนากว่าของเขาแนบแน่น เด็กหนุ่มจึงพรมจูบที่ซอกคอเธอเป็นการเอาใจ
     "ไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ยจ๊ะ น้องภาจ๋า"
     เขาถามเธอด้วยวาจาอันอ่อนหวาน เด็กสาวพยักหน้าเอียงอายแต่พี่ต่อไม่รอช้ารีบพายเรือแหวกผิวน้ำด้วยเรี่ยวแรงที่มีอยู่ ส่วนใบหน้าหล่อก็พันพัวอยู่กับทรวงอกเพิ่งจะตั้งเต้าของเด็กสาว   ใช้ลิ้นตวัดแล้วดูดอยู่เช่นนั้น ส่วนบั้นเอวก็ขยับถี่ไม่หยุดยั้งรีรออะไรอีก หัวเรือพุ่งทะยานไปข้างหน้าฉิวด้วยการร่วมมือของสองหนุ่มสาว มองเห็นดาวเดือนบนสวรรค์แพรวพรายไปหมด เพียงอีกเฮือกเดียว คนทั้งสองก็สะดุ้งผวาร่างเข้ากอดรัดกันแน่นบนเตียงนอนเล่นตัวนั้นเอง ภาณิกาเพิ่งจะรู้จักสวรรค์..ก็ครั้งนี้เอง
ขณะที่เด็กหนุ่มสาวทั้งสองกำลังเริงร่าอยู่กับเกมส์พิศวาทอย่างถึงพริกถึงขิงอยู่นั้น นายอั้นกับโสภาที่นั่งแนบชิดกันอยู่ในห้องหับอันมิดชิดก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้นเช่นกัน
     "อั้นว่า พี่ต่อของยายนิออนท่าทางเหมือนจะชอบ ๆ ภาเขานะ โส"
     อั้นกระซิบกระซาบกับซอกหูของสาวแรกรุ่นที่ดิ้นระริกอยู่ในอ้อมแขนของเขา โสภากอดแฟนหนุ่มไว้แน่นด้วยความเสียวรัญจวนใจ
     "ฮื่อ..คงงั้นมั้ง"
     ตอบสั้น ๆ เพราะใจมันกำลังเตลิดตามรสจูบอันรุนแรงเผ็ดร้อนขึ้นทุกขณะของเขา  มือไม้อั้นยุ่มย่ามเป็นปลาหมึก  จับโน่นคลำนี่  ขยี้ตรงนั้นไปตามเรือนร่างเด็กสาวอย่างมันส์อารมณ์
     "ซี๊ด..อั้นจ๋า อย่าบีบซี่ เดี๋ยวก็ช้ำหมดหรอก"
     เด็กสาวครางเมื่ออกนั้นถูกมือนายอั้นขยำเต็มกำ เพราะความใหญ่อวบเต็มเต้าของเธอนั่นเอง
     "ก็อั้นอดใจไม่ไหวนี่นา..อกโสนุ๊ม..นุ่ม สวยด้วย ขออั้นดูหน่อยน๊า.."
     นายอั้นประจบ  เลิกเสื้อยืดขึ้นไปอยู่บนคอแฟนสาว  แล้วเอี้ยวแขนไปปลดตะขอบราเซียแบบเฟริสบราออก ปล่อยให้สองเต้าทะลักออกมาเต็มตาเขาทันที นายอั้นจ้องตาวาวกับความอวบใหญ่และสดของแฟนสาว โสภาหน้าแดงพ้อเขาเบา ๆ
     "จ้องอะไรนักหนาน่ะ อั้น เขาอายนะ"
     "อายทำไมกัน อั้นก็เคยเห็นมันมาแล้ว"
     เด็กหนุ่มพึมพำ แนบหน้าเขาไปจูบมันอย่างหลงใหลเต็มที่ มืออีกข้างก็ล้วงเข้าไปในขอบกางเกงยีนส์ที่เด็กสาวสวมอยู่  ครั้นเจอเนื้อนุ่ม  ๆ เข้าก็กำเค้นเล่นหนักหน่วงมือ
     "โธ่..อั้นจ๋า..อย่าทำแบบนี้ ไม่ดีหรอก"
     โสภาครางกระเส่า       เมื่ออั้นไม่ยอมละมือและใบหน้าจากร่างอวบของเธอง่าย ๆ แต่ดูจะรุกหนักเข้าไปถึงแก่นในของเธอเสียด้วยซ้ำไป
     "อั้นรักโสจังเลย เป็นของอั้นเถอะนะ"
     อั้นขอหน้าตาเฉย เขากับโสภาเป็นแฟนมาร่วมปีแล้ว เรื่องสัมผัสภายนอกมีกันอยู่ประจำ แต่ไม่เคยรุกล้ำภายในเด็กสาวขนาดนี้มาก่อน
     แต่คืนนี้  อั้นตั้งใจว่าจะฟันยายโสแน่ เพราะหุ่นของยายโสนับวันก็จะบึ้บบั้บยั่วราคะเด็กหนุ่มขึ้นจนอดรนทนอีกไม่ไหวแล้ว
     เมื่อมีโอกาสให้ขนาดนี้      มีหรือที่นายอั้นผู้เคยผ่านสังเวียนมาบ้างแล้วจะยอมปล่อยยายโสให้ลอยชายกลับไปดี  ๆ  ดังนั้น นายอั้นจึงระดมยุทธวิธีจะเผด็จศึก บดขยี้ยายโสจนทนไม่ไหวบ้าง
     "ไม่เอา..เดี๋ยวแม่ตี"
     "ก็อย่าให้แม่รู้ซี่..นะ"
     นายอั้นไม่นำพา จัดการรูดซิปกางเกงยีนส์ที่ยายโสสวมอยู่ พยายามรูดมันลงไปกองปลายเท้าจนสำเร็จ    แล้วเมื่อเขาปัดตาลงไปมองตรงนั้นของแฟนสาวก็ต้องอุทานตาเบิกโพลงขึ้นมาทันที
     "ว๊าว..โส.."
     "บ้า..อย่ามาทุเรศกับเรานะ อั้น"
     โสภาหน้าคว่ำ  จัดแจงจะก้มเก็บกางเกงสวมใส่ แต่นายอั้นไม่ยอม ลากร่างแฟนสาวไปยังมุมห้องแล้วผลักร่างอวบให้ล้มลงนอนกับที่นอนทันที
     "อั้น..ไม่นะ..ไม่ใช่"
     ยายโสภาพยายามจะปัดมือไม้ของนายอั้นที่ขยำเนินเนื้อของเธออย่างอร่อยมือ แต่นายอั้นไม่ยอม เขากลับแหวกปลีขาขาวของเธอให้แยกถ่างออก แล้วจูบมันเต็มแรง
     "ชื่นใจเหลือเกิน.."
     เขาคราง แต่ยายโสภากลับตะลึงนึกไม่ถึงว่าอั้นจะกล้าทำเช่นนั้น ต่อเมื่อรู้สึกตัว เนื้อตัวอั้นก็เปล่าเปลือยไม่มีอะไรเหลือพันกายอีกแล้ว
     กว่าจะรู้ว่าเธอหลงเล่นกับไฟมันก็สายเกินไป    เพราะนายอั้นไม่ยอมปล่อยเธอง่ายดาย รีบปรี่เข้ามากอดรัดจูบไซ้ไปทั่วร่าง มิไยที่เด็กสาจะดิ้นรนผลักไสก็ไม่สนใจ
     "อั้น..ปล่อยโสเถอะ..โธ่ อย่าทำแบบนี้ซี่"
     เสียงเด็กสาวชักจะอ่อนลงไปทุกที เมื่อจุดเสียวถูกนายอั้นรุกไม่หยุดหย่อน ในที่สุด เธอก็นอนผ่อนลมหายใจรวยริน ปล่อยให้นายอั้นทำอะไรกับเนื้อตัวเธอได้ตามอำเภอใจโดยดี
     นายอั้นจับมือแฟนสาวให้เลื่อนไปกุมกระบี่ขนาดเขื่องของเขาบ้าง ทีแรกโสกระดากมือแต่พอมันยุกยิกเคลื่อนไหวได้เธอก็ตะปบจับมันกำไว้แน่นเสียเอง
     "อั้น..มัน..มันจะ..เข้าไปในตัวโสได้หรือ..โสกลัวจังเลย"
     โสภาถามเสียงสั่นหวิว    ใจวาบหวามเหมือนเนื้อตัวกำลังลอยอยู่ในปุยเมฆ นายอั้นไม่ตอบ แต่ใช้ส่วนนั้นของเขาตอบเธอเสียแทน
     เด็กหนุ่มจับร่างอวบขาวของแฟนสาวให้นอนคว่ำ แล้วรั้งบั้นท้ายให้ลอยเด่นขึ้นมา จนเห็นกลีบส้มโอผลโตปริอ้าคอยท่าอยู่
     เขาจ่ออาวุธลับลูบไล้สองกลีบนั่นเล่นแผ่วเบา  เห็นเนื้อตัวยายโสสั่นระริกดั่งคนหนาวจัด เธอหันหน้ามามองดูการกระทำของเขาอย่างหวาด ๆ เสียว ๆ
     "นั่น..เธอจะทำอะไรฉันน่ะ..อั้น"
     "ก็ทำให้เธอมีความสุขที่สุดไงจ๊ะ"
     อั้นตอบ ค่อย ๆ ดันส่วนหัวสีคล่ำมู่ทู่ผ่านกลีบส้มที่แย้มเปิดทางให้เข้าไปสัมผัสถึงความคับแน่นภายในแม้ว่าจะมีน้ำหล่อลื่นกลั่นออกมาชะโลมปากทางเข้าอยู่มากมายแล้วก็ตาม
     "ซี๊ด..เจ็บจังเลย"
     ยายโสซี๊ดปาก   เด้งบั้นท้ายอวบหนั่นเนื้อหลบอาวุธตัวดีนั้น   แต่นายอั้นจับสะโพกสองข้างของเธอเอาไว้แน่น  กระชากมันเข้ามาหาเขา  ทำให้เจ้าทวนทองอัดผ่านช่องทางเข้าไปได้เต็มลำตัว
     "ว๊าว..อั้น"
     เด็กสาวแหงนหน้าขึ้นร้องเสียงแหลมเล็ก เหมือนเนินเนื้อจะถูกทำลายเป็นผุยผง   แต่อั้นไม่รีรอเขาจับสะโพกเธอให้โยกคลึงเป็นวงแล้วเอื้อมแขนไปขยี้เม็ดบัวที่ลอยตัวอยู่ด้านล่างอย่างย่ามใจ แสนมันส์อร่อย
     "แน่นดีเหลือเกินจ้ะ โสจ๋า"
     เขาครางชมแฟนสาวไม่ขาดปากเมื่อภายในนั้นมันตอดรับจังหวะการทอยลูกเป็นระยะ  ๆ กำลังพอดี ซึ่งโสก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร รู้เพียงว่า มันเป็นไปโดยอัตโนมัติมากกว่า
     ความเจ็บปวดแทบจะขาดใจตายค่อยผ่อนคลายลงไป  กลายเป็นความสนุกหฤหรรษ์เข้ามาแทนที่ นับเป็นครั้งแรกที่เธอยอมโจนลงสู่ห้วงเหวพิศวาสแบบลึกซึ้งขนาดนี้
     เด็กสาวไม่นึกอะไรอีกแล้วเมื่อนายอั้นอัดความเป็นชายสวนเข้าใส่ร่องน้ำน้อยของเธอเต็มพิกัด
     โสภาโลดแล่นไปกับความสุขชนิดสุดเหวี่ยงที่นายอั้นปรนเปรอให้เธอแบบสุด..สุด
     "ซี๊ด..อั้น..จ๋า..ฉัน..ฉัน"
     เสียงเด็กสาวครวญคราง  บิดร่างเป็นเกลียวเมื่อส่วนนั้นถูกนายอั้นรุกจนควบคุมสติไว้ไม่อยู่ เธอรู้เพียงว่า ถ้าเป็นเขื่อนกั้นน้ำ มันก็คงจะพังทลาย ไหลพังออกมา โสภาเกาะไหล่แฟนหนุ่มไว้แน่นขณะที่นายอั้นกระแทกร่างเข้าใส่เธอไม่หยุดยั้ง
     สำหรับนายอั้น เขาสวมบทบาทอัศวินขี่ม้าฝีมือเลิศ ควบคุมนางม้าสาวทะยานไปข้างหน้าไม่มีการรีรอใด ๆ เส้นชัยอยู่ไม่ไกลจากมือเอื้อมแล้ว
     ว่ากันว่า สวรรค์อยู่ในตัวเรานี่เอง หากเราค้นหามันจริง ๆ ก็จะพบมันได้ไม่ยากเย็น และสองหนุ่มสาวคู่นี้ก็กำลังจะช่วยกันเปิดประตูสวรรค์เพื่อพาร่างเข้าไปสิงสู่อยู่ในนั้นแล้ว
     นายอั้นกลั้นใจโขยกร่างกระแทกลำกล้องเข้าใส่เต่าทองตัวโปรดของแฟนสาวอีกสองสามคราก็ผวาร่างเฮือกเข้าสวมกอดร่างเปลือยของโสภาไว้แน่น อะไรในกายพุ่งทะลักออกฝากฝังในหลืบกายสาวน้อยเต็มอิ่ม
     เช่นเดียวกับที่โสภาก็สะดุ้งรับเอาความสุขสมนั้นไว้  หล่อนเองก็พังทลายออกมาเช่นกัน ทุกอย่างคล้องจองพอเหมาะเสียเหลือเกิน
     สองหนุ่มสาววัยรุ่นนอนกอดกันไว้ในวงแขนแนบแน่น  เนื้อส่วนนั้นผสมผสานกันเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียว แทบว่าจะกลืนหายเข้าไปในกันและกันก็ว่าได้
นิออนกลับเข้าบ้านก่อนหลังจากแยกตัวกับกลุ่มเพื่อน ๆ แล้ว ที่บ้านของเธออยู่กันหลายคน นอกเหนือจากพ่อแม่และพี่ชายอีกสองคนแล้วก็ยังมีพี่เอ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอมาอยู่ด้วย
     ปกติแล้ว  เธอกับพี่เอไม่ค่อยพูดคุยกันเท่าไหร่  เธอจะอยู่ส่วนเธอและพี่เอก็ชอบจะขลุกตัวเองเฉพาะส่วนตัวของเขาเหมือนกัน
     แต่วันนี้  พี่เออยู่บ้านเพียงคนเดียวทำให้เด็กสาวประหลาดใจ  เธอจึงได้ไปเคาะประตูห้องถามเขาถึงบิดามารดาและพี่ชายอีกคนหนึ่งถึงห้องนอนของเขา
     "พี่เอ..พี่เอ"
     เด็กสาวร้องเรียกเจ้าของห้องให้เปิดประตูรับ   มีเสียงกุกกักดังมาเบา  ๆ ก่อนประตูห้องจะแง้มออก ร่างของนายเอโผล่ออกมาครึ่งตัวท่าทางงัวเงีย มีเพียงผ้าขนหนูพันกายท่อนล่างอยู่เท่านั้น
     นิออนปัดเปลือกตาลงไปมองดูแล้วเธอก็ต้องหน้าร้อนผ่าวแดงซ่านเมื่อเห็นอะไรบางอย่างมันดุนผ้าขนหนูให้ตุงขึ้นเป็นรูปร่าง
     "ออนนั่นเอง กลับมาเมื่อไหร่กัน พี่ไม่ได้ยินเสียงเลย"
     "พี่เอคงจะนอนหลับล่ะซิคะจึงไม่ได้ยินเสียงนิเดินขึ้นมา เอ้อ พ่อกับแม่แล้วพี่ตุ้มล่ะคะไปไหนกันหมด"
     "สงสัยจะไปธุระบ้านคุณป้ากระมังจ๊ะ เห็นคุณลุงโทรฯมาว่า คุณป้าไม่สบาย"
     "เหรอคะ"
     เด็กสาวพยักหน้ารับรู้ คิดว่าจะกลับไปห้องของเธอ แต่ก็เปลี่ยนใจเสียใหม่
     "ขอนิเข้าไปคุยด้วยคนได้มั้ยคะ พี่เอกำลังทำอะไรอยู่น่ะ"
     "เอ้อ..พี่..ว่า"
     เออึกอัก  แต่นิออนไม่สนใจ  เธอผลักอกญาติผู้พี่ให้ถอยห่างแล้วตัวเองก็เดินเลี่ยงเข้าไปในห้องนั้นอย่างถือวิสาสะความเป็นญาติ
     เด็กสาวแลเห็นบนเตียงของพี่เอเต็มไปด้วยหนังสือหลายเล่ม ผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่ แสดงว่าถูกใช้แล้ว แต่เด็กสาวสนใจหนังสือพวกนั้นมากกว่า
     เธอเดินเข้าหมายจะหยิบขึ้นมาดู แต่พี่เอรีบปราดเข้ามาแย่งมันซ่อนไว้ด้านหลังเขาเสียก่อน สีหน้าเด็กหนุ่มดูเลี่ยน ๆ โหนกแก้มระเรื่อขึ้นมา
     "ขอดูหน่อยซิคะพี่เอ หนังสืออะไร น่าสนใจออก"
     "ไม่ได้หรอก นิดูมันไม่ได้"
     เด็กหนุ่มระล่ำระลักปฏิเสธ  มันยิ่งกระตุ้นความสนใจของเด็กสาวยิ่งขึ้น เธอตาวาวอย่างนึกสนุกเมื่อตะปบร่างเข้าไปแย่งยื้อหนังสือนั้นจากเขาจนสำเร็จ
     แล้วเด็กสาวก็ต้องหน้าแดงเสียเอง  เมื่อพลิกเนื้อในของหนังสือเล่มนั้นเปิดดูแล้ว มันเป็นภาพหญิงสาวกับชายหนุ่มกำลังระเริงบทรักกันอย่างสนุกสุดเหวี่ยง หน้าอื่น ๆ  ก็เหมือนกัน  ล้วนแล้วแต่เป็นภาพปลุกใจเสือป่าทั้งสิ้น ยิ่งหน้ากลาง ๆ ยิ่งเป็นภาพชายหญิงกำลังร่วมรักกันแบบโจ๋งครึ่มเปลือย  ๆ  กันไปเลย  มิหนำซ้ำหนุ่มสาวเหล่านั้น รูปร่างดีด้วยกันทั้งสิ้นไม่ใช่พวกขี้ริ้วขี้เหร่อะไรเลย
     เด็กสาวได้จ้องภาพเหล่านั้นก็ต้องใจเต้นแรง ทั้งอับอายแต่ก็อยากจะรู้จะเห็นต่อไปจนหมดทุกหน้าและทุกเล่ม  ครั้นได้ดูจนจบก็อยากจะกลับไปห้องเพราะทนจะมองหน้าพี่เอไม่ได้ แต่เด็กหนุ่มกลับไม่อยากปล่อยเธอให้กลับออกไป
     "นิ"
     เด็กสาวชะงัก  หันไปมองหน้าเขา ก็เห็นพี่เอมองเธออย่างแปลก ๆ อยู่ก่อนแล้ว เด็กสาวหน้าแดงรีบเมินหลบตาเขาไปเสียทางอื่นโดยเร็ว
     เนื้อตัวเธอร้อนวูบ เลือดสาวฉีดพล่านทำให้ความรู้สึกแปลกไป ภาพสมสู่เสพสมเหล่านั้นติดตาเธอให้วาบหวามสยิวจนเนื้อตัวเริ่มสั่น
     นิออนสัมผัสถึงอันตรายจากความรู้สึกชนิดนั้นว่ามันรุนแรงและมีอานุภาพมากมายแค่ไหนเหมือนหนึ่งจะดึงดูดเธอให้โลดผวากอดเข้าไปที่พี่เอ   ขอร้องให้เขาทำทุกอย่างกับเรือนร่างของเธอเหมือนกับผู้ชายในรูปภาพเหล่านั้น
     แต่ความอายของหญิงยังมีอยู่มากมายจนเด็กสาวกระวนกระวายทำอะไรไม่ถูก
     "นิ..ง่วงนอนแล้วค่ะ พี่เอ"
     "แต่..พี่อยากให้นิอยู่เป็นเพื่อนพี่..พี่เหงา ๆ ยังไงก็ไม่รู้"
     นายเอเปลี่ยนท่าทีจะเก้อเขินเป็นออดอ้อนเธอ เขาจับมือไปกุมไว้ นิออนมองเขาตาตื่น ๆ อย่างตกใจ ก็เห็นแววปรารถนาในดวงตาแวววาวของเขาเต็มเปี่ยม
     "ออน..พี่อยากลองน่ะ"
     เขาสารภาพหน้าแดง  ๆ  นิออนอยากจะโกรธเขาที่พูดทำนองขอเธอง่าย ๆ แต่ก็ใจเต้นแรงเกินกว่าจะโกรธเขาลง เพราะเธอเองก็มีความรู้สึกไม่ผิดแผกกับเขานักหรอก
     "ปล่อยมือนิเถอะค่ะ มันไม่ดี"
     "แต่พี่..ชอบนินะ"
     "พี่เอ"
     นิออนอุทานเสียงสะท้านขณะที่พี่เอโน้มร่างเข้ามาแล้วจูบเธอที่หน้าผากแผ่วเบาเด็กสาวรู้สึกซาบหวิวซ่านสยิวจนยืนแทบไม่ติดพื้น
     "ไม่ค่ะ..เรา..เราเป็นพี่น้องกันนะคะ เราจะ..ทำแบบนี้ไม่ได้"
     สำนึกส่วนที่ดีเตือนใจเด็กสาวให้หยุดเขาเสียก่อน แต่ความอยากรู้อยากลองก็มีมากกว่าจนน่ากลัว
     "พี่รู้..แต่ว่า..พี่ห้ามใจไม่อยู่แล้ว รู้มั้ยนิ มันทรมานใจพี่เหลือเกิน"
     เสียงเด็กหนุ่มแตกพร่า แหบแห้ง ใบหน้าเขาลอยเหนือพวงแก้มเธอเพียงเล็กน้อย  ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดพวงแก้มปลั่งของเด็กสาวเพิ่งแรกรุ่นตลอดเวลาและประกายตาของเขาก็มีอานุภาพบีบคั้นพลังของเธอให้ลดน้อยแทบไม่มีหลงเหลือ
     "พี่เอ..อย่า.."
     เธอร้องห้ามเมื่อพี่เอก้มหน้าลงมาจูบเปลือกตาเธอแผ่วเบาแล้วไล้ลมหายใจปรารถนามาที่พวงแก้มแดงระเรื่อ      กดจมูกลงมาแล้วรวบร่างงามเข้าไว้ในวงแขนกอดเธอไว้แน่น   จนอกนุ่มของเธอบดเคล้ากับแผงอกมีกล้ามของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
     เด็กสาวเงยหน้าขึ้นเริ่ดปล่อยให้เขาไซร้จมูกโด่งไปที่ซอกหู  ลิ้นนุ่มของพี่เอแทรกหู่เข้าไปในรูหูเธอเช่นเดียวกันไรฟันที่เนินเนื้ออ่อนของเธออย่างมันเขี้ยวอยากขย้ำ
     "อึ๋ย.."
     เด็กสาวครางอย่างจั๊กกระเดียมหัวใจ มือไม้สิ้นเรี่ยวแรงจะต่อต้านผลักไสเขาออกไป แต่ปากก็ยังอุตส่าห์ครางกระเส่าขอร้องเขาเสียงเบาหวิว
     "อย่าค่ะ..ปล่อย..ปล่อยนิ"
     "นิจ๋า..พี่..ทนไม่ไหวแล้ว"
     แทนคำตอบรับ  เอกลับกอดรัดร่างอวบที่ไม่เคยมีใครแตะต้องมาก่อนเลยชั่วชีวิตนี้ไว้แน่นเข้า เนื้อตัวเขาและเธอแทบจะหล่อหลอมเข้าเป็นร่างเดียวกัน มันร้อนจัดเหมือนคนกำลังเป็นไข้หนัก
     นิออนสัมผัสถึงความเป็นหนุ่มของพี่เอที่ดุดันเสียดสีท้องน้อยเธอให้วาบหวามหวิวไหว มันช่างน่ากลัวเสียนี่กระไร..นิออนคิดอย่างหวาด ๆ
     แต่กระนั้น มือเธอก็อดจะค่อย ๆ ลูบไปสัมผัสกับมันด้วยความสนใจเสียไม่ได้     เด็กสาวไม่เห็นหรอกว่า  พี่เอแอบกระหยิ่ม  เขาแกล้งทำปมผ้าขนหนูหลุดลุ่ยแล้วเมื่อนั้น นิออนก็ได้สัมผัสกับความเป็นจริง เนื้อแท้ของผู้ชาย
     "อุ๊ย..พี่เอ"
     เด็กสาวอุทานวาบหวิว รู้สึกได้ว่ามันมีชีวิตชีวาสามารถเคลื่อนไหวได้ในอุ้งมือเธอและมันก็ใหญ่โตเหมือนปลาดุกตัวเขื่องที่มีพิษสงไม่เบา
     "น่ากลัวจังค่ะ พี่เอ"
     "ไม่มีอะไรที่เลวร้ายเลยจ้ะสำหรับเรา พระเจ้าสร้างสิ่งสมดุลย์ให้มนุษย์เสมอ"
     เขาพึมพำอยู่กับซอกอกขาวผ่องของเธอ   ขอบเสื้อยืดของเด็กสาวแบะกว้างเผยให้เห็นความอวบอั๋นแสนสด..เอี่ยมคู่นั้น  นายเอตาลุกวาบ เขาสอดมือล้วงเข้าไปในตัวเสื้อกุมเต้าอวบแน่นข้างนั้นคลึงเคล้น      ยิ่งสร้างความปั่นป่วนให้อกเด็กสาวจนต้องกอดเขาไว้แน่น มืออีกข้างก็ยังกำหัวปลาที่ดิ้นพล่านในมือเธอรูดเล่นอยู่ไปมา
     "นะ..นิคนดี เราอย่าลังเลอะไรอีกเลย พี่จะ..จะทนไม่ไหวแล้ว"
     นายเอรู้ดีว่า   เด็กสาวยามนี้ไม่มีสมาธิจะควบคุมตัวเองอยู่   แต่นิออนยังเอียงอาย    เธอไม่ตอบแต่ไม่ขัดขืนเมื่อนายเออุ้มร่างงามไปวางพาดขวางเตียงโดยปล่อยให้นิออนห้อยขาลงมากับพื้น
     เด็กสาวหลับตาแน่น   ไม่กล้าดูว่านายเอจะทำอะไรต่อ   แต่ภาพในหนังสือลามกพวกนั้นมันเต้นยุกยิกอยู่บนเปลือกตาชัดเจนขึ้นทุกที
     นายเอกวาดสายตามองร่างงามอวบสะพรั่งของเด็กสาวอย่างละลานตาและพอใจ  ดูภายนอกแล้วนิออนก็ไม่เท่าไหร่หรอก  แต่พอดูใกล้ ๆ เธอมีหุ่นแจ๋วจริง ๆ อย่างทรวงอกเบ่งบานคู่นั้นซิ  มันสะท้อนขึ้นลงหนักหน่วงตามแรงทอดถอนหายใจของเด็กสาว  ความอวบอั๋นดันเนื้อเสื้อยืดขึ้นมาจนเห็นเป็นรูปร่างภูเขาย่อม ๆ คู่หนึ่งตั้งติดกัน
     ครั้นมองต่ำลงไปก็เห็นหน้าท้องที่แบนราบ   เอวคอดกิ่วและสะโพกผายกว้าง และตรงนั้น..
     "โอวว์..พระเจ้า"
     นายเอคราง  เลียริมฝีปากแห้งผากของตัวเอง เมื่อเห็นเนินเนื้ออูมกว้างดันกางเกงยีนส์นูนขึ้นเป็นกลีบสาว  แล้วนี่..เขาจะมัวจ้องพิจารณาอะไรข้างนอกอยู่ล่ะ ในเมื่อนิออนเองก็ปรารถนาให้เขาเปลื้องเธออยู่แล้ว
     เด็กหนุ่มยื่นมืออันสั่นระริกบรรจงถอดเสื้อยืดสีเนื้อออกไปจจากกายเด็กสาว เห็นสองเต้าทะลักล้นขอบบราเซียออกมาเป็นลอน ก็ทนไม่ไหวอีกแล้ว เขาจึงตะปบตะขอชั้นในอันเป็นด่านสุดท้ายของเธอออกไปทันที
     "ว๊าว..พี่เอขา"
     เด็กสาวแอ่นร่างจะผวาลุกขึ้นนั่งแต่เอรีบทาบร่างเข้าไปหา จูบปากสวยที่แห้งผากของเธอทันที นิออนงึมงำอู้อี้เหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่เมื่อแย้มริมฝีปากขึ้น เด็กหนุ่มก็สอดลิ้นเข้าไปไซร้ควานหาความหอมหวานจากอุ้งปากเธอเลยทันที
     นิออนจึงไม่มีโอกาสจะพูดอะไรได้สักคำ  มือนายเอกำอยู่ที่ดอกบัวคู่สวย ขยุ้มเนื้อนุ่มหยุ่นได้บีบกระชับ มันช่างอวบงามอะไรเช่นนั้น
     "โอวนิจ๋า..พี่..ทนไม่ได้แล้ว..เป็นของพี่เถอะนะจ๊ะ คนดี"
     เขาครางเมื่อผละใบหน้าจากปากสวย ลากจูบลงไปหาซอกคอเนียนผ่อง แล้วแนบจูบสนิทกับสองเต้าเป็นพุ่มนั้น
     ยายนิออนผวาร่างขึ้นสวมกอดต้นคอเขาไว้แน่น ปลีขาเกี่ยวกระหวัดรัดร่างเขาไว้เป็นคำตอบที่เด็กหนุ่มย่อมจะเข้าใจมันดี
     นายเอได้ประจักษ์กับสายตาตัวเองว่าในเนื้อผ้ากางเกงยีนส์ตัวนั้น    ยายนิออนซ่อนของดีที่อวบอัดมีคุณภาพคับปรี่ไว้แค่ไหน
     ต่อเมื่อเขาได้เปลื้องกางเกงยีนส์กับบิกินี่สีฟ้าออกไป เขาจึงได้เห็นความอวบใหญ่นูนเด่นเตะตาของมัน   แม้นิออนจะเป็นคนผิวคล้ำไปหน่อย  แต่ก็มีเสน่ห์ไม่น้อยเลยทีเดียว
     เด็กหนุ่มอดแนบหน้าเข้าไปสัมผัสกับต้นขาที่สิงสถิตย์ของสามเหลี่ยมทองคำเสียไม่ได้ แม้มันจะแย้มเยิ้มไปหมดแล้ว แต่ก็ยังน่าพิศมัยอยู่ดี
     เขาใช้สันมือแหวกเปลือกทุเรียนฉีกออกเพื่อใช้ลิ้นลิ้มรสชาติเข้มข้นไม่เลวทีเดียว
     "อูวว์..ซี๊ด..พี่เอขา.."
     นิออนซี๊ดซ๊าดครางระงมไม่ขาดปาก เมื่อในร่องหลืบถูกนายเอแซะเข้าไปคว้านตอดถึงข้างในชนิดลึกสุดปลายลิ้น สร้างความเสียวให้นิออนบิดร่างครวญครางอย่างปั่นป่วนทรมานใจ
     "พอ..เถอะค่ะ..พี่เอ..นิ..นิจะ..ทนไม่ได้แล้ว"
     นิออนขอร้องกระท่อนกระแท่น  สองขาเปลือยถีบอากาศตลอดเวลา  แต่นายเอยิ่งพลิ้วปลายลิ้นสร้างเสียวแก่เด็กสาวหนักหน่วงเร็วถี่ยิ่งขึ้น
     ด้วยความที่ไม่เคยมาก่อน   ยายนิไม่อาจจะทนต่อบทเล้าโลมชนิดนั้นได้  ในกายของเธอหลั่งความรักและเสียวออกมาใส่ปากนายเอเสียก่อน
     เด็กสาวสิ้นแรง   นอนอ่อนระทวยไม่มีแรงจะดิ้นอีก  เธอไม่รู้หรอกว่าความสุขชนิดนั้น เขาเรียกว่าเธอพบกับจุด..สุดยอดของสวรรค์ไปก่อนหน้านายเอเสียแล้ว
     แต่นายเอกลับไปไม่ถึงไหน ความกลัวว่านิออนะตกใจเขาเลยคิดเล้าโลมเธอให้เต็มที่เสียก่อนจึงค่อยฟัน แต่ที่ไหนได้ยายนิออนกลับขึ้นสวรรค์ถึงก่อนเขาไปเสียแล้ว
     "พอแล้วค่ะ..พี่เอ..นิ..ถึงแล้ว"
     "โธ่.นิแล้วพี่ล่ะ..พี่ยัง..มีอารมณ์อยู่เลย"
     เด็กหนุ่มออกจะหัวเสียที่สวรรค์ล่มเสียก่อน อาวุธร้ายขนาดเขื่องของเขายังดิ้นพล่านอยู่นั่นเอง
     "แล้ว..แล้ว..จะให้นิทำยังไงล่ะคะ"
     นิออนใจเสีย   เมื่อเห็นเด็กหนุ่มหงุดหงิด  ผละร่างเปลือยระทดระทวยของเธอลุกขึ้นยืน ตรงนั้นของเขายังผงาดลำตัวเหมือนเดิม
     เด็กหนุ่มครุ่นคิด    แล้วตาก็มองไปเห็นหนังสือที่เขาแอบมีมาไว้ดูยามว้าเหว่ นายเอหยิบมันออกมากางพบเข้าภาพหนึ่ง เขาจึงยิ้มออกมาได้
     "นิจ๋า สงสารพี่หรือเปล่า"
     เขาเปลี่ยนท่าทีเป็นออดอ้อนเธออีก พร้อมยื่นภาพนั้นให้นิออนดู เด็กสาวขนลุกเกรียวหน้าเห่อชาด้วยความอายสุดขีด
     "บ้าแล้ว..นิไม่.."
     "โธ่นิ  นี่เป็นศาสตร์อีกแขนงหนึ่งที่เราต้องศึกษามันนะจ๊ะ  ไม่เห็นมีอะไรน่าเกลียดเลย พี่เองยังทำให้นิได้จนนิ.."
     "ก็ได้ค่ะ.."
     เด็กสาวจำต้องพยักหน้ายอมรับ   เท่านั้นเอง  นายเอก็ถอนใจโล่งอก  ทั้งสองประคองกันกลับไปที่เตียงอีกครั้ง    แต่กลับสลับกันโดยนายเอนอนห้อยขาขวางเตียงไว้   อาวุธร้ายของเขาตั้งขนานกับลำตัวโดยมีร่างเปลือยของนิออนทรุดนั่งอยู่ข้าง ๆ มัน
     เธอมองเจ้าปลาไหลตัวเขื่องนั้นอย่างกลัว ๆ ต่อเมื่อเด็กหนุ่มประคองวงหน้าสวยให้ยื่นลงไปหามัน นิออนจึงค่อยอ้าปากแลบลิ้นออกเลียรอบ ๆ หัวสีคล้ำนั้น มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ระเหยออกมายั่วเธอให้ลิ้มลองรสของมันยิ่งขึ้น
     เด็กสาวสมมติว่ามันคือกล้วยหอมที่น่ากิน เธอค่อย ๆ สาวความยาวกลมแท่งนั้นกลืนหายเข้าไปในลำคอช้า  ๆ ทีแรกมันก็ขลุกขลักอยู่บ้างเพราะไม่เคยแบบนี้มาก่อน แต่เมื่อถูกนายเอกดใบหน้าให้แนบลงไปหา เจ้ากล้วยหอมอุปโหลกก็ผลุบหายเข้าไปในปากเธอเกือบหมดผล
     กระพุ้งแก้มเด็กสาวตุงแทบปริแตกด้วยความคับ   เอเด้งบั้นเอวขยับร่างเข้าออกกับปากหู่สวยของเธอ ผลักเจ้ากล้วยหอมหรือจะคิดว่าเป็นไอติมสุดเลิศรสก็แล้วแต่   เข้าออกในช่องปากเธออย่างเพลิดเพลิน  ยายนิก็พลอยเพลินไปด้วยจนปลายของมันกระแทกเข้าสุดคอหอยของเธอดังกึก ๆ ..สะดุดทุกครั้งยามที่มันอัดเข้าไปในปากเธอ
     สองเต้าอวบของเธอเสียดสีอยู่กับต้นขาเด็กหนุ่มตลอดเวลา นายเอร้องระงมแทบขาดใจ สองมือขยุ้มเส้นผมสลวยของญาติผู้น้องขยี้บ้าง ทึ้งบ้าง แล้วแต่อารมณ์จะสั่งการ
     ร่างของเขาขยับเข้าออกกับช่องปากนิออนเร็วถี่ยิ่งขึ้น จนทุกอย่างเกือบจะถึงปลายทางและพังทลายออกมาบ้าง  แต่นายเอไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น เขายังมีอะไรที่ต้องการมากไปกว่านั้นแยะ
     เด็กหนุ่มรีบประคองวงหน้าแดงเข้มของนิออนให้ถอยออก   แล้วประคองร่างเธอให้นอนแบบเก่า กระดองเต่าลอยเด่นอูมฟูมเต็มที่
     เขาจับปลีขาสวยขยับให้แยกห่างออกไปจากกัน แล้วเสียดสีอาวุธร้ายเข้ากลีบเนื้อที่แยกแย้มจากกันอย่างชวนเชิญ
     "อุ๊ย..พี่..จะทำอะไรนิคะ"
     นิออนสะดุ้ง   รีบพึมพำถามเขา  เด็กหนุ่มไม่ตอบแต่จับเจ้าหัวจรวดวนเวียนเสียดสีกับร่องสวาทที่แย้มกลีบของเธอหนักหน่วงรุนแรงก่อนจะค่อย  ๆ ดันความยาวเข้าไปในกลีบสาวทีละน้อย
     นิออนใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำ เกร็งตัวตลอดเวลาที่พี่เอนำปลาไหลลงร่องน้ำน้อยรู้สึกว่ามันทั้งเจ็บและเสียวเพราะฝืดคับหนึบเสียเหลือเกิน
     "โอย..พี่เอ..มันคงจะ..เข้าไปไม่ได้แน่"
     เด็กสาวร้องบอก  ใจจะขาดด้วยความเจ็บ แต่ก็เสียวไม่น้อยเหมือนกัน พี่เอโน้มร่างเข้ามาจูบสองเต้าของเธอเป็นการลบล้างความเจ็บปวดในช่องสวาทที่เขาไม่ยอมถอยหัวเรือกลับออกไปง่าย ๆ
     จนกระทั่งเด็กสาวเริ่มมีอารมณ์กระสัน  หยุดดิ้นแล้วหันมากอดไหล่เขาไว้แทน ชายหนุ่มจึงดันท่อนไส้กรอกอัดเข้าไปอีกครั้ง
     "อุ๊ย..เสียวจังค่ะ"
     เด็กสาวครางบอก หายใจแรงฟืดฟาดเหมือนนักวิ่งที่ผ่านการแข่งขันมาหมาด ๆ พี่เอไม่ฟังเสียง เขากดสิ่งมหัศจรรย์อัดใส่เข้าไปเต็มเหนี่ยว
     "กรี๊ด..ว๊าว.."
     นิออนผวาเฮือก     บั้นท้ายกระตุกเข้าไปแนบกับหน้าขาของญาติผู้พี่ทำให้เนื้อสองชิ้นสัมผัสกันแนบชิด ช่วยให้เจ้าปลาไหลของนายเอเข้าถ้ำทองได้สะดวกหมดทั้งลำตัว
     "พี่เอจ๋า..หมดแล้ว..นิไม่เหลือแล้ว"
     เด็กสาวร่ำร้องตัดพ้อ  เสียงพี่เอหัวเราะอย่างเบิกบาน  เขาจูบปากช่างพูดของเธอหนักหน่วงแล้วเริ่มยุทธวิธีปล้นสวาทจากเรือนกายเด็กสาวอย่างนุ่มนวลอ่อนโยน
     ในที่สุด นิออนก็พูดไม่ออก เธอปล่อยอารมณ์ให้ระเริงไปกับลีลาสวาทที่เธอไม่เคยพบเจอมาก่อนเลย มันทั้งเสียวซ่านและเจ็บปวดปลาบแทบใจจะขาด แต่มันก็เป็นความเจ็บปวดที่แสนหฤหรรษ์น่าลิ้มรสชาติไม่น้อย
     เด็กสาวส่ายบั้นท้ายโยกย้ายไปกับจังหวะที่เดี๋ยวมุดเดี๋ยวถอย   บางครั้งก็วนเวียนเคลียอยู่กับปากทางเข้าถ้ำ ทำให้ถ้ำหงุดหงิด ต้องลอยตัวเข้าไปกระแทกกับหัวปลาเสียเอง
     นิออนอยากจะเห็นว่าจังหวะการบุกของเจ้าปลาตัวดีจะเป็นยังไง เธอจึงกระซิบบอกกับพี่เอเบา ๆ
     "พี่เอขา..นิอยากเห็นจังว่ามันเป็นยังไง"
     "ได้ซิจ๊ะ คนดี"
     พี่เอไม่ขัดใจ เขาปล่อยให้นิออนผงกหัวขึ้นดูขณะที่เขาสาวอาวุธลับถอยออกไปจ่ออยู่แถวปากถ้ำแล้วกระดกมันวนเวียนเสียดสีอยู่แถวปากอ่าวนั่นไปมา
     "โอวว์..น่ากลัวจังเลยค่ะพี่เอ"
     เด็กหนุ่มไม่ตอบ แต่สาวกระบี่ทิ่มแทงนวลเนื้อข้าศึกเต็มที่ทีเดียวหายไปทั้งด้าม นิออนหน้าเหยรับรู้ถึงการบุกที่ถึงใจจนปฏิเสธเขาไม่ลง
     นายเอทุ่มพลังครั้งสุดท้ายบุกเด็กสาวจนร่างกระเพื่อมไปทั้งตัว กดหัวปลากระทบกับแง่สมบัติภายในนั้น มันลึกล้ำและอบอุ่นในห้วงสำนึกของคนทั้งสองจนต้องปล่อยตัวเองไปกับวังวนนั้นนานเท่านาน
     ท่าที่บุกสุดท้ายที่นายเอฝากให้นิออนระลึกถึงเขาค่อนข้างจะหนักแน่นพอสมควร เด็กสาวถึงกับแอ่นร่างผวาเข้าไปหาเขาแล้วเข้ากอดเขาไว้แน่น  ปล่อยให้รสสวาทสาวทะลักทะลายออกมาอีกคราหนึ่ง
     "พี่เอขา..นิ..สุขจัง"
     เด็กสาวละเมอพร่ำถึงความสุขที่เพิ่งผ่านพ้นไป    ก็มันสุขออกป่านนี้พวกหนุ่มสาวทั้งหลายจึงชอบเล่นกับไฟนัก รวมทั้งตัวเธอเองด้วยนายเอก็ยอมรับว่าตัวเอง ว่าเขาสุขสมอิ่มเอมกับร่างที่ซุกในวงแขนเขาอยู่มากมายเช่นกัน
     "พี่ก็สุขจ้ะ..นิสวยเหลือเกิน"
     เด็กสาวค้อนคม แต่นายเอกลับก้มลงจูบที่อกสวยของเธอ ไม่ต้องสงสัยว่าสาวแดดเดียวเช่นเธอจะไม่เจอแดดที่ร้อนแรงครั้งต่อไปกับนายเอ หลังจากนั้นนับครั้งไม่ถ้วน..
เด็กหนุ่มสาวอีกหลาย  ๆ  คนยังคงแหวกว่ายอยู่ในทะเลโลกีย์ทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในวัยเรียนแต่ถ้าเขาและเธอรู้จักป้องกันปัญหาบานปลายอันจะเกิดขึ้น ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องร้ายแรงอะไรนัก  ทีผู้ใหญ่ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด แต่ถ้าเป็นเด็กล่ะก็เป็นถูกตำหนิเสมอไป  ทำให้พวกเขาอึดอัดใจกันไม่น้อย  สำหรับภาณิกากับนายต่อ  หลังจากแอบมีความสัมพันธ์สวาทกันมานาน พักหลัง ๆ ก็ชักจะห่างเหไปสนใจคนใหม่กันต่อซึ่งก็ไม่มีใครว่า ปล่อยแล้วแต่ใจจะต้องการ
     ส่วนคู่ของนายอั้นกับโสภานั้นจะแอบคบหากันในบางครั้งเพราะโสภาระยะนี้ติวเข้มกะเก็งเข้ามหาลัยให้ได้   นายอั้นก็เลยลอยชายไปคบหากับสาวอื่นแทน  และคู่ของนิออนกับพี่เอนั้นมีซัมซิ่งกันไม่กี่ครั้ง   นิออนก็เป็นฝ่ายบอกเลิกรากับเขาเองเมื่อทราบว่าพี่เอเป็นคนเจ้าชู้หลายใจ แอบไปติดพันหญิงอื่นไม่เลือกหน้า
     ใช่ว่าเธอจะหึงหวงอะไรเขานักแต่เพราะเธอเป็นคนรุ่นใหม่ที่รู้จักเรื่องเอดส์ดีพอสมควร เธอกลัวว่าเขาจะพาโรคร้ายมาสู่เธอทำให้อับอายและต้องตายในที่สุด
     นิออนจึงหยุดสัมพันธ์กับพี่เอไปโดยปริยาย แต่เธอก็ไม่แคร์เพราะเธอมีเพื่อนใจคนใหม่แล้ว   เขาเป็นนักเรียนนายร้อยที่หล่อ   สมาร์ทและเข้มแข็งสมกับเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง เขาชื่อพี่จักร เป็นคนนิสัยดีมาก ๆ คนหนึ่ง คบหากับเธอมานานแล้ว แต่พี่จักรไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวเธอมาก่อนเลยสักครั้ง  เขาทำตัวเป็นสุภาพบุรุษต่อเธอเสมอมา แต่นิออนกลับร้อนอยากจะมีสัมผัสกับความเป็นแมน..ของเขาเสียเอง
     ดังนั้นวันนี้นิออนจึงหลอกเขาหลังจากโทรฯ นัดเขาออกมาพบข้างนอกแล้ว
     "วันนึ้เป็นวันเกิดของนิค่ะ พี่จักร" เด็กสาวบอกกับเขายิ้ม ๆ
     "หรือครับ    โอ..ทำไมน้องนิไม่บอกกับพี่เสียก่อนแต่แรก   พี่จะได้เตรียมของขวัญมาให้น้องนิไงครับ"
     "ไม่จำเป็นหรอกค่ะ นิแค่อยากจะฉลองกับพี่จักรเพียงลำพังก็พอค่ะ"
     นิออนหยอดตาหวานให้เขา ชายหนุ่มทอดถอนใจ พาเธอไปยังห้องอาหารแห่งหนึ่ง วันนี้นิออนขออนุญาตเขาดื่มเบียร์ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ขัดข้องแต่ขอร้องเธอว่าอย่าดื่มให้มากนักเดี๋ยวจะเมามาย นิออนชวนเขาให้ดื่มเป็นเพื่อนแต่พี่จักรก็แค่จิบนิด ๆ หน่อย ๆ
     "เผื่อน้องนิเมาพี่จะได้ดูแลน้องนิไงครับ"
     "ถ้างั้นให้น้องนิเมานะคะ"
     เด็กสาวอ้อนตาหวานแทบหยด  กาลเวลาที่ผ่านมาทำให้เธอรู้จัก"โลก"นี้ดีขึ้น พี่จักรอึดอัดแต่ขัดใจเธอไม่ได้ ในที่สุดเธอก็เมาจริง ๆ
     "นิไม่กลับบ้านนะคะ..พี่จักร..ขืนคุณแม่มาเห็นนิเมา..นิถูกตีตายแน่เลย"
     เด็กสาวยังอุตส่าห์อู้อี้อ้อนเขา ชายหนุ่มจึงจำต้องพาเธอไปพักผ่อนให้หายเมาในห้องของโรงแรมแห่งหนึ่งแทน      แต่เขายังคงความเป็นสุภาพบุรุษอยู่เช่นเดิม แม้ว่านิออนจะนอนให้ท่าเขาแค่ไหน  นิออนนอนใจเต้นแรงอยู่บนเตึยงอยู่นานหวังว่าท่านอนอันค่อนข้างโป๊ของเธอจะเรียกร้องไฟสวาทจากเขาได้   แต่จนแล้วจนรอดพี่จักรก็ยังนั่งนิ่งบนเก้าอี้เช่นเดิม  เธอหมั่นไส้จึงได้ลุกขึ้นเดินโซเซเข้าไปกอดไว้แน่นเสียเอง
     "พี่จักรขา..นิรักพี่จักรจัง"
     "นิ..ทำไมทำแบบนี้ล่ะจ๊ะ"
     แทนที่เขาจะรีบตะปบโอกาสทอง    กลับแกะมือหญิงสาวออกไปแต่นิออนไม่ยอมปล่อย หล่อนกอดเขาไว้แนบแน่นจูบไซ้ไปทั่วใบหน้าและซอกคอ มือไม้เปะปะป่ายไปทั่วเนื้อตัวหวังจุดประกายไฟสวาทในตัวเขาให้ลุกขึ้น  ท่าทางแข็งขืนของพี่จักรชักโอนอ่อนผ่อนไปบ้าง       มือที่แกะมือเธอออกเปลี่ยนเป็นโอบร่างอวบเข้ามากอดแล้วสนองจูบเธอหนักหน่วงรุนแรง นิออนไม่รอช้า เธอรีบใช้ความชำนาญที่เหนือกว่าปลุกอารมณ์แฟนหนุ่มอย่างต่อเนื่องทันที จุดไหนที่ผู้ชายจะซ่านเสียวสยิวนิออนไม่รอช้าจะขยี้บดลงไปจนร่างกำยำของชายหนุ่มสั่นสะท้านไปทั้งตัว   แม้พี่จักรจะพยายามยึดเหนี่ยวอารมณ์ไว้เพียงใดเขาก็อดจะเคลิ้มคล้อยตามไปตามรสสัมผัสอันเร่าร้อนของเด็กสาวเสียไม่ได้  เขานอนดุนร่างอวบงามไปจนมุมที่เตียงนอน นิออนไม่รอช้าเธอรีบคว้าร่างเขาไว้แล้วดึงจนล้มลงไปนอนกลิ้งบนเตียงทั้งคู่   หญิงสาวหัวเราะคิกคักเมื่อมือลูบไล้ร่างกายของเขาไปทั่วพบว่าสิ่งนั้นของเขาก็ตื่นตัวเตรียมพร้อมแล้วเช่นกันนิออนไซ้ใบหน้าไปเกลือกกลิ้งที่หน้าอกเขาคลุกเคล้าอยู่เช่นนั้นอย่างหิวกระหาย
     "พี่จักรขา..นิรักพี่ค่ะ"
     เธอพร่ำเพ้อบอกเขา  นั่นเองที่ทำให้นักเรียนนายร้อยหนุ่มได้สติ  เขารีบดันร่างอวบที่ซบอกเขาให้ถอยออกห่างทันที
     "ไม่นะ..นิ..อย่าทำแบบนี้เลย เรายังเรียนอยู่ทั้งคู่ พี่ยังไม่พร้อม"
     "พี่จักร.."
     หญิงสาวตัดพ้อน้ำตาคลอเบ้า แต่พี่จักรกลับยิ้มอ่อนโยนปลอบประโลมเธอ
     "พี่รักนิหรอกนะจ๊ะ จึงไม่คิดจะทำลาย เมื่อถึงเวลาเราจึงค่อยเป็นของกันและกัน"
     นิออนอึ้งไป แต่เธอก็ซาบซึ้งในความเป็นคนดีสุดดีของพี่จักพร้อมกับประจักษ์ว่า ในความรักแท้นั้นไม่มีกิเลสมาเจือปนก็รักกันได้
     เสียดายที่นิออนหาใช่สาวแดดเดียวอีกต่อไป เสียดายเหลือเกิน!!

สาวแดดเดียว ตอนที่ 1


     ภาณิกาเริ่มจะรับรู้ถึงสิ่งต่าง  ๆ ในร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ที่เธอเคยชินตั้งแต่ต้นปีแล้วกระมัง
     เด็กสาวมักจะชอบเปลือยกายหน้ากระจกเงา เพื่อที่จะสะท้อนออกมาเป็นภาพเด็กสาวหน้าตาคิกขุและอวดสรีระที่เริ่มจะโดดเด่นสายตาขึ้นทุกวัน
     ทรวงอกสองข้างนั้น มันเคยแบนราบติดร่างก็กลับเบ่งบานขึ้นมาไม่ผิดกับดอกบัวที่เต่งตูมแล้วค่อยเบ่งบานอวดความงามยั่วมวลภมร
     จงอยสีชมพูของมันแดงระเรื่อเหมือนทับทิมล้ำค่าประดับไว้บนความอวบสะพรั่ง สีของมันช่างสดใสชวนให้เธอยกมือไปลูบไล้มันเบา ๆ เสียร่ำไปและเมื่อลองเขี่ยเม็ดทับทิมสองเม็ดนั้นเข้าด้วยปลายนิ้ว เด็กสาวก็ต้องขนลุกซู่อย่างสยิวซ่านเสียวเสียเรื่อย
     เด็กสาวนึกแปลกใจตัวเองอยู่ครามครัน ขนาดปลายนิ้วยังสร้างความเสียวซ่านให้อารมณ์อย่างน่าประหลาด แล้วถ้าเป็นปากล่ะ..จะซ่านซ่าส์ขนาดไหน
     คิดแล้ว  ภาณิกาก็หน้าแดงเรื่อ นิ้วที่พรมขยี้เม็ดสองทับทิมสยามเร่งจังหวะขยี้บดหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่เธอไม่รู้สึกตัว
     เด็กสาวไต่สายตาจากทรวงอกงามลงมาหาหน้าท้องที่แบนราบสนิทไร้รอยไขมันอย่างน่าเป็นปลื้มไม่หายสักที
     ในเมื่อเพื่อนร่วมห้องเรียนของเธอบางคน มีหน้าท้องนูนดันกระโปรงนักเรียนเสียเป็นส่วนมาก ค่าที่ไม่สนใจจะรักษาหุ่นทรวดทรงเสียแต่เนิ่น ๆ นั่นเอง ผิดกับภาณิกาที่ห่วงเรื่องหุ่นมาโดยตลอด อาจเป็นเพราะคุณแม่ของเธอเป็นผู้หญิงค่อนข้างสวยและหุ่นดีแม้กระทั่งเดี๋ยวนี้ก็เป็นไปได้
     หลุมสะดือลึกอย่างที่สมัยนิยมกำลังคลั่งโชว์สะดือทองกัน และภาณิกาก็สามารถที่จะอวดมันได้ไม่อายสายตาใครเช่นกัน
     สะโพกที่ผายกลมหนั่นแน่นตรงนั้น..อาว์..
     ภาณิกาหน้าแดงเข้มจัดเป็นลูกตำลึงสุกเมื่อประจักษ์แก่สายตาตัวเอง   ว่า..ตรงหน้าขาอันกลมกลึงนั้น   เนินเนื้อของเธอมันอูมฟูมีเนื้อหนังเปล่งปลั่งกว่าวันวานเสียอีก
     บนเนินเนื้อทอง   มีปอยหญ้าประดับน้อยนิด   เพราะมันเพิ่งจะถูกปลูกให้ขึ้น ปลายของมันยังแหลมและสากเพราะยังสั้นอยู่มากนัก
     รอยโค้งแบ่งส้มออกเป็นสองกลีบเห็นอยู่ลาง  ๆ  ท่ามกลางปอยหญ้านั้น  มันแฟบสนิทติดกับเนื้ออวบเพราะไม่เคยมีสิ่งใดมากรีดหรือแทรกแซงเข้าไปในหลืบเนื้อทองแต่เมื่อเด็กสาวทดลองแย้มขาออกห่างจากกัน  เธอก็แลเห็นปลายแหลม  ๆ ยื่นออกมาหว่างกลีบส้มอวบนั้นเพียงเล็กน้อย      เด็กสาวผละมือจากเม็ดทับทิมที่ถูกเธอขยี้จนเป็นสีแดงเข้มปลั่ง ลูบไล้เรือนร่างอย่างแช่มช้า เพื่อลงไปหาเนินเนื้ออวบสะพรั่งนั้น แตะลงไปที่ปลายแหลมยื่นก็ทำเอาร่างอวบสะคราญตาสะดุ้งเฮือก    หน้าแดงของเธอเหยเกไปเล็กน้อยเมื่ออารมณ์ซ่านเสียวทวีความรุนแรงขึ้น
     ผิวขาวอมชมพูลอยเด่นบนกระจกเงาบานใหญ่ขนาดเท่าตัวคนพร้อมทั้งสรีระที่บอกว่าเธอ..เริ่มจะเติบโตเป็นสาวขึ้นมาทุกคืนทุกวัo
     พร้อมกันนั้น  ความรู้สึกที่ภาณิกาไม่เคยพบเจอก็ถูกลมหนาวเข้ามาพัดหอบเข้ามาใส่ไว้ในอกสาวรุ่น ให้เธอทุรนทุรายทุกเมื่อเชื่อวัน
     เด็กสาวหลุดเสียงทอดถอนใจยาวออกมา  เมื่อประจักษ์ว่า บัดนี้ เธอได้เป็นสาว..และมีเค้าว่าจะสวยขึ้นทุกที
     ภาณิกาหมุนร่างเปลือยเปล่ากลับมาทอดยาวบนเตียง   หายใจระรวย  เมื่อสองมือลูบไล้ไปจนทั่วเรือนกาย..เนื้อสาวแตกผลิช่างเนียนนุ่มมือดีเหลือเกิน..นี่ขนาดว่าเป็นมือเจ้าของนะยังรับรู้ว่ามันเนียนเกลี้ยงเกลาปานนี้   แต่หากว่าเป็นมือของชายหนุ่มที่ไหนสักคน เขาจะชื่นชอบเธอสักแค่ไหน
     มันเป็นความภาคภูมิใจเล็ก ๆ กับการจะได้เป็นสาวสวยในอนาคต โอว์..ภาณิกา
     "อูย.."
     เปลือกตาเด็กสาวพริ้มเกือบมิด มีเสียงครางเล็ดลอดออกมาจากไรฟันเมื่อติ่งเนื้อส่วนสำคัญถูกสะกิดเขี่ยไปมา ปลีขาขาวแยกห่างจากกันทุกขณะ เช่นเดียวกับหน้าท้องที่ลอยจากที่นอนเมื่อนิ้วเริ่มจะเสียดสีกับหลืบเนื้อส่วนนั้นอย่างหนักหน่วง
     ในใจเหมือนมีไฟเข้าไปสุมให้ร้อน แต่กลับขนลุกซู่สะท้านไปทั้งตัว นึกถึงภาพในจอทีวี  พระเอกนางเอกประกบร่างแลกจูบกันดูดดื่มและมือของคนทั้งสองก็ปัดป่ายไปบนเนื้อตัวของกันและกัน
     อาว์..เขาและเธอคงจะหฤหรรษ์กันสุด..สุดเลยทีเดียว
     ทำยังไงนะ ภาณิกาจึงจะมีแบบนั้นสักครั้ง
     กว่าเด็กสาวจะหาทางดับไฟในอารมณ์ให้มอดลงได้ มันก็สร้างความทรมานแก่เด็กสาวอย่างบอกไม่ถูก    และ..ภาณิกาฝันไปว่า    เธอหลับสนิทอยู่ในอ้อมกอดของชายรูปหล่อ
     "ยายภา..มาทางนี้เร็ว"
     เสียงเรียกของเพื่อนดังขึ้น เด็กสาวหันหน้าไปมองก็เห็นร่างยายนิออนยืนกวักมือเรียกเธออยู่หย็อย ๆ ใบหน้าอ่อนเยาว์มีรอยยิ้มยินดีประกฎอยู่ด้วย
     เด็กสาวยิ้มทัก รีบเปลี่ยนทิศทางเดินไปยังเพื่อนเสียโดยเร็ว เธอพบว่านิออนไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว  หากแต่มีเพื่อนหญิงและเด็กหนุ่มวัยรุ่นหน้าตาดีอยู่ด้วยอีกสามคนด้วยกัน
     เพื่อนหญิงทั้งสองนั้น   ภาณิกาพอจะรู้จัก  เพราะเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน เธอชื่อสุพรรณีกับโสภานั่นเอง
     "ฉันนึกว่าใครที่แท้ก็พวกเธอน่ะเอง มาซื้อของเหรอ นิ สุ โส"
     เด็กสาวทักทายเพื่อนทุกคน อดจะชำเลืองไปทางสองหนุ่มที่ยืนส่งยิ้มมาให้เธอเสียไม่ได้
     "ใช่จ้ะ ว่าจะไปดูหนังสักรอบ หนังดีนะภา ดูกับพวกเราด้วยมั้ยล่ะ"
     นิออนรีบออกปากชวน  นิออนเป็นเด็กสาววัยเดียวกับเธอ แต่ผิวเข้มกว่า ผิดกับสุพรรณีกับโสภาที่มีเชื้อจีนอยู่มาก
     ภาณิกามีท่าทีลังเล เพราะเธอไม่ได้บอกทางบ้านว่าจะมานานนั่นเอง
     "ดูด้วยกันสิครับ  น้อง  หนังดีจริง ๆ นะครับ ถ้าพลาดคงจะเสียดายแย่ ผมเลี้ยงน้องเองก็ได้ครับ"
     เด็กหนุ่มร่างดีและออกจะแข็งแรงเพราะภาณิกาสังเกตเห็นกล้ามเป็นมัด  ๆ ที่แขนเขาด้วยเอ่ยชวนขึ้น
     "อ้อ ฉันลืมแนะนำเธอไป นั่นน่ะ พี่ต่อเป็นพี่ชายฉันเองจ้ะ ส่วนอีกคนชื่ออั้นเป็นเพื่อนของโสเค้าไง"
     นั่นเอง  ภาณิกาจึงได้ทราบว่าผู้ชายหล่อและร่างดีคือพี่ชายของนิออน วูบหนึ่งเธอรู้สึกโล่งอกที่รู้ว่าเขาไม่ได้เป็น"เด็ก"ของเพื่อนหญิงคนใดคนหนึ่งของเธอ
     และเด็กสาวก็รีบบอกตกลงไปโดยไม่ลังเลเลย ทุกคนพากันเข้าโรงภาพยนตร์ เมื่อมีตั๋วอยู่ในมือครบถ้วนแล้ว
     ในโรงหนังค่อนข้างมืดเมื่อแรกเข้าไปสัมผัส จนเด็กสาวต้องใช้วิธีคลำเอา ต่อพี่ชายของนิออนจึงถือโอกาสจูงมือเธอให้เดินให้ถูกทางเสียเลย เด็กสาวร้อนวูบวาบในเนื้อตัวเมื่อถูกจับมือ แต่เธอก็ยอมให้ต่อจูงไปหาที่นั่งจนพบ เขาจึงได้นั่งอยู่ข้าง ๆ ชิดกับเธอเสียในที่สุด
     หนังเริ่มฉายแล้ว  เป็นหนังสไตล์โรแมนติก นางเอกในเรื่องเซ็กซี่มาก และติดออกจะยั่ว ๆ พระเอกอยู่มาก แต่งตัวค่อนข้างโป๊เฉี่ยวสายตาผู้ชายให้ฮือฮา ที่สำคัญเธอโนบราตลอดทั้งเรื่อง
     มีฉากเลิฟซีนให้คนดูนั่งใจเต้นอยู่หลายฉาก   ภาณิกานั่งกลั้นลมหายใจไม่กล้าหายใจดังเกรงว่าพี่ต่อจะอ่านความรู้สึกของเธอออก
     แต่เมื่อพี่ต่อเอามือมาถูกข้อศอกของเธอเข้า เด็กสาวก็ตัวสั่นไปก่อนเสียแล้ว
     "หนาวหรือครับ น้องภา"
     เสียงพี่ต่อกระซิบกระซาบถามขณะที่เด็กสาวนั่งตาโตจ้องมองไปยังจอหนัง เมื่อนางเอกถูกพระเอกบดขยี้จูบอย่างรุนแรง มันเป็นอะไรที่เสียดแทงความรู้สึกของเด็กสาวให้จี๊ดจ๊าดนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ทีเดียว
     "เออ..ปละ..เปล่าค่ะ.."
     เด็กสาวสะดุ้งรีบตอบปฏิเสธลิ้นพันกัน แต่พี่ต่อก็เอื้อมมือมาจับมือเธอไปกุม ภาณิกาทำท่าจะชักออกแต่เมื่อเขาไม่ยอมปล่อยก็เลยปล่อยเลยตามเลย
     พี่ต่อไม่ยักกะนั่งจับมือเธออย่างเดียว  พอเธอเฉยเขาก็เลยลูบไล้ไปจนถึงต้นแขน  แล้วบีบเนื้อนวลของเธอเบา ๆ เด็กสาวนั่งขบริมฝีปากแน่นเพื่อระงับความตื่นเต้นวาบหวามใจ
     "นางเอกสวยมากนะครับ น้องภา พี่ว่าเหมาะกับพระเอกจัง พระเอกก็หล่อมาก"
     พี่ต่อชวนคุยต่อ   เด็กสาวได้แต่พยักหน้าพูดไม่ออก  ยิ่งฉากที่นางเอกถูกพระเอกรุกเร้าจนแทบได้เสียกัน ภาณิกาก็แทบจะวิ่งออกมาเสียงจากโรงด้วยความอับอาย
     ผิดกับนิออนและเพื่อนที่นั่งคุยกัน  พร้อมกับหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน  แต่อีกด้านคู่ของโสภากับนายอั้นกลับตรงกันข้าม
     ครั้นเด็กสาวหันไปเห็นภาพของเพื่อนสาวที่กำลังจูบปากกับนายอั้นอยู่อย่างเมามันส์ แบบไม่สนต่อสายตาของใครเช่นกัน ภาณิกาถึงกับอ้าปากค้างอย่างตกใจทันที
     พี่ต่อก็คงจะเห็นเข้าเหมือนกัน เขาจึงประคองใบหน้าเธอให้หันกลับมาทางจอหนังอีกครั้ง เอ่ยขึ้นเบา ๆ พอได้ยินกันสองคน
     "อย่าไปสนใจพวกเขาเลยครับ เราดูหนังกันต่อดีกว่า"
     ภาณิกาอยากจะตำหนิเพื่อนที่ทำแบบนี้ในโรงหนัง  มันไม่ดี แต่เธอก็พูดไม่ออกได้แต่นั่งจ้องดูฉากหนังเลิฟซีนที่ออกจะหวือหวาโจ่งแจ้งต่อจนกระทั่งหนังจบเรื่องลง
     กว่าหนังจะจบก็พลบค่ำพอดี  ภาณิกาจึงไม่ไปทานไอศกรีมที่เพื่อน  ๆ ชวนไว้ อีกอย่างเด็กสาวอยากจะกลับเข้าห้องนอนแล้วปล่อยความอัดอั้นทุกอย่างในอกทิ้งไปด้วยมือและหมอนข้าง
     "พี่ไปส่งน้องภาเองนะครับ จะได้รู้จักบ้านไว้บ้างเผื่อจะเที่ยวแวะเข้าไปหาถ้ามีโอกาส"
     พี่ต่ออาสาแต่เด็กสาวอึกอักไม่กล้ารับปาก  จากความใกล้ชิดในระยะเวลาสองชั่วโมงในโรงภาพยนตร์ยังทำให้เธอเสียวซ่านไม่หาย
     ผิดกับพี่ต่อที่มองมายังเธอตาปรอย ๆ คล้ายจะสารภาพอะไรอยู่ในใจ
     "เออ  ดีเหมือนกันนะ  ถ้าฉันเลคเชอร์ไม่ทันจะได้วานพี่ต่อไปเอาการบ้านที่บ้านเธอถูกไงล่ะ"
     นิออนสนับสนุนทันที
     "แต่ว่า.."
     "อย่าเรื่องมากเลยจ้ะ  แม่แก่  แค่พี่ชายเพื่อนไปส่งถึงบ้านก็ต้องคิดมากด้วยเหรอ ไปเถอะจ้ะ เดี๋ยวจะค่ำกว่านี้"
     นิออนดันหลังเพื่อนกับพี่ชายให้แยกกลุ่มไป  ส่วนตัวเธอเองก็พาเพื่อน ๆ ผลุบหายไปกับกลุ่มหนุ่มสาวมากหน้าหลายตาในชั่วพริบตาเดียว ทิ้งสองหนุ่มสาววัยรุ่นให้ยืนมองหน้ากันตามลำพัง
     ในที่สุด ภาณิกาก็ต้องยอมให้พี่ต่อไปส่งเธอถึงบ้านจนได้ เพราะพี่ต่อยืนกระต่ายขาเดียวว่าอยากจะไปส่ง  ประกอบทั้งเธอเองก็ชักจะชอบ ๆ ความหล่อเหลามาดแมนของพี่ต่อขึ้นมาบ้างแล้ว
     ปรากฏว่าเมื่อทั้งสองมาถึงบ้านแต่ที่บ้านไม่มีใครอยู่เลยสักคน มีแต่โน๊ตของคุณแม่ที่เขียนเอาไว้แทนตัวว่าท่านจำเป็นต้องออกไปงานเลี้ยงกับคุณพ่อคืนนี้    อาจจะกลับดึกหน่อย
     ส่วนพี่สาวของเธอไปงานปาร์ตี้กับเพื่อนคงจะนอนค้างที่บ้านเพื่อนกันเลย และแม่บ้านก็ดันมาลากลับไปต่างจังหวัดพร้อมกับเด็กรับใช้  บอกว่าสอง สาม สี่วันจึงจะกลับมาทำงานต่อ ดังนั้นบ้านทั้งหลังจึงว่างเปล่าและเงียบเหงาในความรู้สึกของเธอ
     "บ้านน้องภาหลังใหญ่จังนะครับ"
     พี่ต่อกล่าวชม เด็กสาวเชิญเขาเข้าไปนั่งในห้องนั่งเล่น ซึ่งมีเก้าอี้รับแขกและเตียงแบบพับได้สำหรับนอนเล่นตั้งอยู่ด้วย
     "พี่ต่อดื่มน้ำทานขนมไปก่อนนะคะ เดี๋ยวภาขอตัวอาบน้ำเดี๋ยวเดียวค่ะ จะลงมาคุยด้วย"
     เด็กสาวบอกเสียงอ่อนหวาน  พี่ต่อยิ้มรับมองตามร่างงามอวบแต่หุ่นดีของเจ้าของบ้านที่เดินตัวปลิวขึ้นห้องนอนเพื่ออาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่  เพราะรู้สึกเหนียวตัวเหนอะหนะไปหมด พออาบน้ำแล้วค่อยรู้สึกสบายตัวขึ้น
     เด็กสาวประแป้งหอมไปทั้งตัว  นึกสนุกขึ้นมาจึงคว้าชุดนอนสีชมพูอ่อนเนื้อค่อนข้างบางเบาขึ้นมาสวมแล้วรีบไปยืนดูตัวเองที่กระจกเงาของโปรดทันที
     แล้วภาณิกาก็ต้องแอบหน้าแดงอยู่คนเดียว  เพราะเงาที่สะท้อนกลับมานั้นเป็นสาวน้อยร่างงาม ความเบาบางของชุดนอนทำให้เธอเห็นสรีระส่วนเว้าส่วนโค้งของเนื้อตัวแจ่มชัด  โดยเฉพาะยอดบัวที่ดันเนื้อผ้าให้นูนเด่นเป็นอิสระ  และเวลานี้ภาณิกาก็กำลังโนบราอยู่เช่นกัน
     เด็กสาวนึกถึงภาพในหนังตอนที่พระเอกนางเอกกำลังแลกจูบกันอย่างดุเดือดนั้นก็เกิดความวาบหวามฟุ้งซ่านขึ้นมาอีก
     "ไม่รู้จะจูบกันทำไม"
     เธอบ่นเมื่อวิ่งตึงตังลงมาชั้นล่างที่พี่ต่อนั่งคอยอยู่ในห้องนั่งเล่น  ครั้นเขาเงยหน้าจากหนังสืออ่านเล่นขึ้นดูเธอ  ภาณิกาก็เห็นตาเขาเบิกกว้างผิดปกติ มันแวววาวเสียจนเธอเขินเดินแทบไม่เป็น
     คิดอยากจะวิ่งกลับไปเปลี่ยนชุดใหม่แต่พี่ต่อก็ร้องท้วงไว้เสียก่อน
     "จะไปไหนล่ะครับ น้องภา"
     "เออ..คือว่า..ภาคิดว่า..ภาแต่งตัวไม่สุภาพค่ะ"
     เด็กสาวอึกอักตอบ เด็กหนุ่มหัวเราะอย่างขบขัน เดินเข้ามาหาเธอแล้วจูงมือให้ไปนั่งยังเก้าอี้ใกล้ ๆ กับตัวที่เขานั่งอยู่ก่อนแล้ว
     "น้องภาแต่งอย่างนี้ พี่คิดว่าเป็นนางเอกหนังที่เราดูมาปรากฏตัวเสียแล้วซิครับ"
     "แหม..แกล้งยอภาหรือเปล่าคะนี่"
     เด็กสาวเขินจนแก้มใส ๆ ออกเป็นสีชมพูไปเสียแล้ว
     "ผมพูดความจริงครับ ดูเหมือนจะน้อยไปเสียอีก เพราะน้องภาน่ารักเหลือเกิน"
     "พี่ต่อ.."
     เธออุทานก้มหน้าหลบตาวาว  ๆ ที่มองเธออย่างแปลกประหลาดไปเสีย พี่ต่อขยับเก้าอี้เลื่อนมานั่งจนชิดกับร่างเธอ เด็กสาวเนื้อตัวสั่น สั่นไปหมดทั้งตัวทีเดียว
     "อย่าค่ะ..พี่ต่อ"
     เด็กสาวครางอย่างตกใจเมื่อพี่ต่อโอบไหล่เหมือนจะกอดเธอเข้าไว้เช่นนั้น
     "น้องภาครับ  พี่ชอบน้องภาตั้งแต่แรกเห็นแล้ว  น้องภาน่ารักเหลือเกินจน..จนพี่อดใจไว้ไม่ไหวแล้วครับ"
     พี่ต่อสารภาพเสียงแตกพร่า  เขาจูบแก้มเธออย่างแผ่วเบาทะนุถนอม  มือร้อนผ่าวของเขาลูบไล้ไปทั่วผิวสาว เพียงแค่นั้น ภาณิกาก็อ่อนระทวยเป็นขี้ผึ้งลนไฟ
     ในไม่ช้าเธอก็เลื่อนร่างไปอยู่บนตักชายหนุ่ม  ปล่อยให้พี่ต่อละเลงจูบไปทั่วใบหน้าและซอกคอ ลมหายใจร้อนผ่าวของเขาปัดไปทั่วแก้มสาวที่แดงกล่ำ
     เด็กสาวตาปรือด้วยความวาบหวามซ่านสยิว ยิ่งนึกถึงภาพของนางเอกที่ถูกพระเอกกอดจูบซุกไซ้อย่างเต็มใจ  เธอก็ยิ่งรัญจวนใจจนต้องสนองตอบพี่ต่อไปอย่างพลั้งเผลอลืมตัว
     เด็กสาวกอดคอพี่ต่อที่ซุกไซ้พรมจูบไปทั่วซอกคอแล้วเลื่อนใบหน้าลงมาฝังแนบยังเนินอกสล้างที่หายใจสะท้อนรุนแรง
     "พี่ต่อขา..อย่าค่ะ..ภากลัว"
     เด็กสาวกระเส่าเสียงร้องห้ามเมื่อพี่ต่อโอบอุ้มร่างเธอขึ้นในวงแขน
    

ก็เด็กมันอวบ


ผมกับกุหลาบรักชอบกันมานานก็จริงอยู่  แต่เราไม่ค่อยได้มีเวลาพูดคุยกันเท่าไหร่นัก ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าเราต่างคนต่างก็อายซึ่งกันและกันนั่นเอง ไม่รู้เหมือนกันว่ารักกันเข้าไปได้ยังไง
     บ้านผมน่ะเป็นบ้านนอก ไม่มีหรอกครับเรื่องน้ำประปาอย่างที่คนกรุงเทพฯเค้ามีกัน ดังนั้นน้ำกินน้ำใช้ทั้งหลายแหล่จึงอาศัยน้ำคลองกันทั้งหมู่บ้าน คนไหนขยันก็ตักไปอาบที่บ้าน แต่ผมเป็นคนขยันน้อยอยู่สักหน่อย จึงพาตัวไปอาบที่คลองให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย   อีกอย่างคลองมันอยู่ตรงหน้าบ้านเสียด้วย   แค่เดินลงมาที่ท่าน้ำเท่านั้นก็เรียบร้อย แต่พวกผู้หญิงเค้าชอบตักกันขึ้นไปอาบที่ห้องน้ำก็ช่างเค้าเถอะ
     วันนั้นผมกำลังสระสรงคงคาในท้องคลองอย่างเริงรื่นชื่นใจอยู่นั้นเอง กุหลาบก็แวะมาหาผม แต่เธอไม่ได้มาเพียงคนเดียวตามลำพัง   เธอพาเพื่อนสาวมาด้วย ผมจึงเอ่ยปากชวนเธอกับเพื่อน ๆ ให้ลงมาเล่นน้ำด้วยกัน กุหลาบว่าไม่มีผ้าผลัด ผมนึกแล้วเชียวว่าต้องมารูปนี้ จึงบอกให้เธอกับเพื่อนไปเอาผ้านุ่งของแม่ผมมาผลัด เรื่องก็จบลงด้วยดี
     ตลอดเวลาที่เล่นน้ำด้วยกันนั้น     จิตใจผมมันไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัวเลย เพราะเห็น  ๆ อยู่ต่อหน้าต่อตาว่าความขาวความอวบที่กุหลาบมีนั้นมันมากขนาดไหน เฮ้อ..แล้วเพื่อน ๆ ของกุหลาบก็เหมือนกัน เด็กอะไรก็ไม่รู้..แค่ 16-17 ปีเท่านั้นแต่ดันขนกันมาเสียมากมาย   โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  นมนั้นช่างเบ้อเร่อเบ้อร่ากันนัก เวลาที่พวกเธอขึ้นไปนั่งพักเหนื่อย  ผ้าถุงเปียก  ๆ รัดเนื้อตัวเสียจนเห็นหมดว่าสะโพกนั้นงอนงามขนาดไหน  ด้านหน้าก็โหนกนูนไม่แพ้กัน  ผมดูแล้วใจสั่นจนไม่กล้าขึ้นจากน้ำ ก็เจ้าวายร้ายประจำตัวน่ะซิดันทะลึ่งตื่นขึ้นมา
     ผมดูกุหลาบแล้วจินตนาการเพริดไปว่าเมื่อไหร่หนอจะได้ภิรมย์สมรักกับเธอเสียที ส่วนเรื่องที่เธอจะมาเล่นน้ำตามลำพังกับผมน่ะเลิกคิดเลิกหวังได้อย่างเด็ดขาด ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม ผมจึงไม่ทันได้ยินว่ากุหลาบพูดอะไร มาสะดุ้งตกใจอีกครั้งตอนที่เธอเข้ามาพูดอยู่ใกล้ ๆ นั่นเอง
     "พี่หล่อ ไปว่ายน้ำด้วยกันไหม"
     "ไม่ล่ะ  พี่ต้องขอตัวก่อนนะ  เชิญกุหลาบกับเพื่อน ๆ เถอะ เดี๋ยวพี่จะขึ้นอยู่แล้วเพราะว่าอาบมานาน"
     ครั้นเมื่อกุหลาบกับเพื่อน  ๆ เธอพากันว่ายน้ำออกไปกลางคลอง ผมจึงถือโอกาสหันหลังให้เธอและเดินขึ้นจากน้ำ ที่ต้องรอให้กุหลาบว่ายน้ำออกไปไกล ๆ เพราะกลัวเธอเห็นความผิดปกติของร่างกายผมน่ะซีครับ
     หลังจากวันนั้นแล้วผมก็คิดหนักเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะคิดหาวิธีฟันกุหลาบไม่ออก วัน ๆ จึงเอาแต่นั่งซึมกระทือจนเพื่อน ๆ ทักกันขรมว่าเป็นอะไร
     เมื่อเห็นพวกเพื่อน ๆ เท่านั้นความคิดผมก็วิ่งปร๊าดทันที
     "ไชโย..คิดออกแล้วโว้ย"
     เพื่อน  ๆ  พากันสงสัย ผมจึงขยายให้ฟังและพร้อมกันนั้นก็ขอความช่วยเหลือจากเพื่อน ๆ ด้วย เพราะไม่งั้นไม่มีทางสำเร็จอย่างแน่นอน
     เย็นของวันรุ่งขึ้น  ผมพาเพื่อน  ๆ ที่หล่อ ๆ ด้วยกันทุกคนไปชวนกุหลาบและเพื่อนๆ เธอเล่นน้ำ แต่กว่าจะได้เล่นน้ำก็เกือบตะวันตกดินเพราะผมวางแผนเอาไว้เองว่าจะต้องใช้ความมืดเป็นเครื่องมือด้วย ดังนั้นพอลงน้ำไม่ทันไรฟ้าก็มืดแล้วบ้านนอกน่ะมันสว่างเหมือนกรุงเทพฯเสียเมื่อไหร่  พูดถึงมืดก็ไม่มืดนัก เรียกว่าสลัว  ๆ  คงจะได้ แรก ๆ ก็เป็นการเล่นรวมกลุ่มกันอยู่ ครั้นเมื่อเล่นกันไปนาน ๆ พวกเพื่อน ๆ ผมก็ทำตามแผนที่ได้ตกลงกันไว้คือ พยายามหาทางแยกกุหลาบออกจากเพื่อน ๆ เธอให้ได้ ความที่เพื่อน ๆ ผมเป็นคนหน้าตาดี ๆ ด้วยกันทั้งนั้น จึงไม่เป็นการยากเลยที่ในไม่ช้าต่างก็จับคู่ว่ายน้ำกันเป็นคู่  ๆ จะเหลือโดดเดี่ยวตามลำพังคนเดียวก็คือกุหลาบเท่านั้น..ก็เข้าล็อคเผงน่ะซี
     ผมว่ายน้ำเข้าไปหาเธอ พอเข้าใกล้ก็ดำดิ่งลงไปและถือโอกาสกอดเธอใต้น้ำ กุหลาบร้อง ว้าย เบา ๆ ด้วยความตกใจ ทุบผมดังพลั่ก..แต่ไม่เจ็บเท่าไหร่ ทีนี้มือที่อยู่ใต้น้ำก็เริ่มอาละวาดล้วงเข้าไปในผ้าถุงเธอและตะปบเต่านาตัวเบ้อเริ่มไว้จนเต็มอุ้งมือ อื้อฮือ..โหนกจังเลย ผมคิดในใจ
     กุหลาบดิ้นอึกอักแต่ไม่หลุด ผมกระซิบขู่เธอที่ริมหูว่า
     "อย่าดิ้นนะกุหลาบ ถ้าดิ้นจะดึงผ้าถุงให้หลุดเดี๋ยวนี้แหละ"
     ว่าแล้วผมก็แกล้งทำเป็นกระตุกผ้าถุงเบา ๆ กุหลาบร้องว่าบ้า แต่ผมในตอนนี้เลิกหน้าบางแล้ว เพราะรู้ดีว่าขืนทำหน้าบางเป็นอดรับประทานแน่ๆ
     ผมลอยคอเข้าทางด้านหลังกุหลาบ  มือซ้ายเกาะกุมเต่านา  ส่วนมือขวาคลึงเคล้นหน้าอกเธอ  กุหลาบรีบจมตัวเองลงในน้ำจนเหลือแต่หน้าเท่านั้นที่โผล่เหนือน้ำ แบบนี้เข้าล็อคเผงอีกอย่างฟลุ้กที่สุด
     ความมืดโรยตัวลงมาอย่างช้า  ๆ  ภายในคลองมีแต่เพียงเงาตะคุ่ม ๆ ของเพื่อน ๆ ผมและเพื่อน ๆ กุหลาบอยู่ไกล ๆ ซึ่งต่างก็อยู่กันเป็นคู่ ๆ ผมเพ่งตามองฝ่าความมืดสลัวเห็นว่าเพื่อนผมแต่ละคนก็กำลังกอดสาวไว้ทั้งนั้น  บางคู่กำลังจูบกันเสียด้วยซ้ำ  เมื่อเห็นแบบนี้ผมจึงเริ่มต้นด้วยการจูบติ่งหูของกุหลาบก่อน ต่อจากนั้นก็และเล็มมาที่ลำคอและเนินอกที่โผล่พ้นเหนือน้ำ กุหลาบยืนตัวแข็งทื่อ มันเป็นการปลุกเร้าที่ผมจงใจกระทำแก่กุหลาบทั้งสามจุดคือ    จูบปากเธอพร้อมกับขยำขยี้เต้าเต่งและเคล้นคลึงเนินนูนเบื้องล่าง
     ความที่ผมไม่ค่อยเคยคุ้นกับเรื่องแบบนี้ การจูบจึงไม่เผ็ดร้อนเท่าที่ควร แต่ในไม่ช้ากุหลาบก็จูบตอบเป็น ดังนั้นจึงเป็นการจูบแบบแลกลิ้นกันขึ้นที่กลางคลองอย่างเร่าร้อน เสียงกุหลาบครางกระเส่าเมื่อผมลดใบหน้าลงมาดูดเน้นยอดอกเธอที่ปริ่มน้ำ ถึงตอนนี้ผ้าถุงเธอเลื่อนหลุดออกมาจากขมวดปม เผยให้เห็นความขาวผ่องของบัวงามทั้งคู่อย่างเต็มตา ขนาดของบัวคู่นี้ล้นมือผมอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด
     ผมดูดข้างซ้ายก่อนย้ายมาดูดข้างขวา  ส่วนเบื้องล่างนั้น..เจ้าน้องชายตัวดีที่ลุกผงาดขึ้นมากำลังทำหน้าที่ทิ่มตำอย่างเมามัน  ยังไม่ได้เข้าไปภายในหรอกครับ..แค่ภายนอกเท่านั้นเอง แต่ก็สามารถทำให้กุหลาบครางซี้ดซ้าดได้เหมือนกัน
     กุหลาบกอดคอผมแน่น    ตอนที่ผมเฝ้าแต่ดูดนมเธอราวกับเป็นทารกผู้หิวกระหายนมมารดา     ไม่ช้าผมก็ล้วงมือลงไปข้างล่างคว้าเต่านาเธอไว้พร้อมกับชอนไชปลายนิ้วลงไปที่รอยแยก กุหลาบเผลอตัวถ่างขาออกจากกัน จึงเป็นโอกาสดีที่นิ้วผมจะได้มีโอกาสแหย่ลึกลงไปอีก..ในที่สุดก็สุดปลายนิ้ว ผมชักนิ้วเข้าออกพร้อมกับครูดเบา ๆ กับหลืบภายใน กุหลาบครางเสียงสำลักอยู่ในลำคอ ส่ายสะโพกกระแทกกระทั้นมือผมเป็นพัลวัน
     เมื่อเห็นอาการเธอเป็นแบบนั้นผมจึงยกขาข้างหนึ่งของเธอพาดแขนผม เป็นอันว่าตอนนี้กุหลาบยืนอยู่ในน้ำด้วยขาข้างเดียวเท่านั้น     แต่ผมยังไม่หยุดชอนไชกระแทกกระทั้น  เพราะต้องการปลุกอารมณ์เธอให้ร้อนจนถึงขีดสุดเสียก่อน จนกระทั่งกุหลาบครางออกมาเป็นเชิงว่าทนไม่ไหวแล้วนั่นแหละผมจึงบรรจงป้อนกล้วยหอมผลงามของผมให้เธอรับประทาน     บังเอิญเสียด้วยที่กล้วยหอมผมนั้นผลค่อนข้างใหญ่ยาวกว่าปกติแถมอุ้งปากด้านล่างกุหลาบก็ยังคับแคบ จึงเป็นการป้อนกันที่ค่อนข้างจะลำบากสักหน่อย  แต่ไม่นานเท่าไหร่ก็ป้อนจนสำเร็จ  กล้วยหอมทั้งผลไม่มีเหลือเลยแม้แต่สักเซ็นต์
     กุหลาบยืนนิ่งเงียบ ภายในเธอบีบรัดเป็นจึงหวะ ผมสาวออกมอย่างช้า ๆ เนิบ ๆ จวนเจียนที่จะหมดลำนั่นแหละจึงเสือกไสเข้าไปใหม่อีกครั้งอย่างช้า ๆ ไม่รีบร้อนผมทำอยู่อย่างนี้จนกระทั่งกุหลาบครางซี้ด ๆ ไม่ขาดปากเด้งสะโพกเข้าหาอย่างลืมตัว ผมกระซิบถามเธอว่าเจ็บหรือเปล่า กุหลาบไม่ตอบแต่พยักหน้า ผมถามต่อไปอีกว่า..แล้วเสียวไหม เธอพยักหน้ารับแล้วหลับตาลง
     ผมสาวเข้าสาวออกอย่างช้า ๆ ก่อนจะเร็วขึ้นตามดีกรีความเสียวที่เพิ่มขึ้นมา การร่วมรักกันในน้ำนี้แรงกระแทกกระทั้นจะไม่รุนแรงเหมือนอยู่บนบก แถมยังมีความฝืดคับอีกด้วย นับว่ามีรสชาติดีพิลึก
     กุหลาบบอกผมว่าเธอเมื่อย ผมจึงพาเธอมาที่ท่าน้ำทั้ง ๆ ที่ร่างกายเราสองยังเสียบสอดกันอยู่แบบนั้น  เมื่อมาถึงท่าน้ำผมให้เธอหันหลังให้และเกาะบันไดท่าน้ำไว้ ตัวผมเข้าเสียบเธอทางเบื้องหลัง  กุหลาบอุทานเบา ๆ เมื่อผมขยำนมเธอพร้อม ๆ กับกระแทกกระทั้นเต็มเหนี่ยว    จากนั้นก็ลุยลูกเดียวจนน้ำกระเพื่อม    ยิ่งได้ยินเธอครางผมยิ่งกระหน่ำรุนแรงยิ่งขึ้น     ท้ายสุดผมจับสองขาเธอไว้ก่อนกระแทกถี่ยิบอย่างไม่สนใจแล้วว่าจะมีใครได้ยินหรือเห็นการกระทำของผม  กุหลาบกรีดเสียงร้องออกมาอย่างโหยหวนก่อนที่จะเกร็งไปทั้งกายและฟุบหน้ากับท่าน้ำ ในขณะเดียวกันนั้นผมก็กระแทกกระทั้นเต็มเหนี่ยวเป็นครั้งสุดท้าย  ความอุ่นร้อนกระฉูดใส่ร่องหลืบกุหลาบจนเอ่อล้นปนกันน้ำคลอง
     เรียบร้อยแล้วผมหันไปมองดูรอบ ๆ ตัว ปรากฏว่า เพื่อนผมแต่ละคนกำลังทำอย่างที่ผมทำกับกุหลาบไม่มีผิด  เสียงครางเสียงสูดปากดังระงม  จนผมเกิดอารมณ์อีกครั้งทั้ง ๆ ที่ยังเสียบคาอยู่กับหลืบล้ำลึกของกุหลาบ ซึ่งกุหลาบเองก็อดอุทานออกมาไม่ได้เมื่อมันขยายตัวเหยียดยาวอีกครั้งภายในร่างเธอ
     ผมกระซิบบอกกุหลาบให้ดูเพื่อน ๆ ของเธอว่ากำลังทำอะไรกันอยู่ เธอหันไปมองแล้วหยิกผม ฮ้า..แบบนี้สวยซิ เธอหยิกผมได้ผมก็กระทุ้งเธอได้เหมือนกัน ว่าแล้วผมจึงเริ่มรอบสองอย่างทำเวลาทันที     คราวนี้ผมจับกุหลาบนั่งสวมและให้เธอเป็นฝ่ายกระแทกกระทั้นบ้าง  เหมือนเดิมครับ..น้ำในคลองกระจายจนกระทั่งเธอถึงจุดสุดยอดนั่นแหละถึงได้หยุดกระเพื่อม
     เป็นอันว่าวันนั้นผมได้ฟันกุหลาบเสียสองรอบจนสะใจ รวมทั้งเพื่อน ๆ ผมด้วยที่โชคดีส้มหล่นใส่เบาสบายตัวไปตาม  ๆ กัน แล้วหลังจากนั้นพวกเราก็มาเล่นน้ำกันตอนค่ำ ๆ มืด ๆ เป็นประจำ
     โธ่--เล่นน้ำแบบนี้ เล่นทั้งปีก็เอา

บ๊ะจริง


     ผมเป็นคนจังหวัดลพบุรี  แต่บ้านผมอยู่ชนบทอยู่ริมแม่น้ำ ฉะนั้นบ้านผมจึงยึดอาชีพปลูกผักเพราะอยู่ใกล้น้ำ บ้านผมอยู่ด้วยกัน 4 คน มีย่า พ่อ แม่ และตัวผม ตอนนี้ผมอายุ  14  ปี เรียนอยู่ ม.3 คนแถวบ้านเรียกผมว่าไอ้หนุ่ม ที่เรียกผมว่าไอ้หนุ่มเพราะว่าตอนเด็ก  ๆ  ผมโตเร็วเกินวัยมาก พอผมอายุได้ 11 ปี ผมก็ตัวสูง 170 ซม.หนัก 65 กก.กล้ามเป็นมัด ๆ เลยและหน้าตาก็จัดว่าเป็นคนหล่อคนหนึ่งอีก ด้วยเหตุนี้ใคร  ๆ  ก็เรียกผมไอ้หนุ่ม วันปกติธรรมดาผมก็จะไปเรียน วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ผมจะอยู่บ้านช่วยย่าผมปลูกผัก   ส่วนพ่อแม่ผมก็จะไปทำนากัน  และย่าผมก็จ้างลูกจ้างประจำมาทุกวันหยุด  เพื่อมาช่วยผมปลูกผักและทำงานต่าง ๆ เธอคนนั้นที่ย่าผมจ้างมาชื่อพี่พิน แกอายุประมาณ 19-20 ปีนี่แหละ พี่พินเป็นคนสวยน่ารักยิ้มตลอดทั้งวัน เป็นคนร่าเริงมากมีผิวสีขมิ้น อกตั้งก้นงอนสวยมาก โดยเฉพาะสะโพกพี่พินจะเป็นจุดเด่นมาก เพราะมันผายใหญ่บ๊ะจริง ๆ เวลาเดินสะโพกไหวมองแล้วเพลินตาดีแท้ ผู้ชายทุกคนเมื่อมองพี่พินแล้วต้องหันกลับมามองอีกทุกคน   มีผู้ชายมาตามจีบพี่พินเป็น 10  คนเลย แต่พี่พินก็ไม่สนใครสักที ผมกับพี่พินสนิทกันมาก วันหยุดอาทิตย์นี้ก็เช่นกัน ย่าผมแกจะปลูกผักกระเฉดแต่บัวแดงมันขึ้นเต็มไปหมด      ถ้าจะปลูกผักกระเฉดก็ต้องถอนบัวไปทิ้งให้หมดก่อน   จึงจะปลูกผักกระเฉดได้  มันก็ต้องผมกับพี่พินซิที่เป็นคนถอน ผมจึงรีบกินข้าวเช้าและก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวลงน้ำถอนบัวแดงทิ้ง ผมนุ่งกางเกงบอลเพียงตัวเดียวกางเกงในไม่ใส่เพราะว่าเวลาลงไปทำงานในน้ำแล้วนุ่งกางเกงใน พวกรากผักเศษดินขี้โคลนต่าง ๆ มันจะเข้าไปในกางเกงในทำให้เป็นผื่นคัน ส่วนพี่พินก็เช่นกันแกก็นุ่งผ้าถึงเพียงผืนเดียว และเสื้อแขนยาวแล้วก็ใส่หมวกสาน ข้างในไม่ใส่ปล่อยโหรงเหรงเลย พอแต่งตัวเสร็จผมกับพี่พินก็รีบลงน้ำกันทันที เพราะถ้าสายแล้วแดดจะร้อน  น้ำก็ไม่ลึกผิวน้ำอยู่ระดับเอวผมเอง ผมจะถอนบัวขึ้นมาแล้วใส่เรือเอาไปทิ้งบนบก  ยิ่งถอนนานบัวก็ยิ่งถอนยาก เพราะว่าแรงชักจะหมดนั่นเอง ผมกับพี่พินจึงต้องมาช่วยกันถอนแบบ   2  คนต่อบัว  1  กอ  มันจะได้เบาแรงขึ้น แต่พอนานเข้าความเหนื่อยของผมก็หายไป ความคึกคักมาแทนเพราะตอนนี้ลูกชายคนเดียวของผมที่ซ่อนตัวอยู่ในกางเกงบอลมันได้ตื่นตัวขึ้นมาผงกหัวเต็มเป้ากางเกงของผมเสียแล้ว  จะไม่ให้มันตื่นตัวได้อย่างไรกัน  เพราะว่าเวลาถอนบัวแต่ละกอ  ผมต้องนั่งยอง  ๆ  ใต้น้ำแล้วจับที่โคนกอบัว แล้วพี่พินก็จะเข้ามาชิดด้านหลังของผมมาจับกอบัวแล้วช่วยกันดึงถอนมันขึ้นมาพร้อมกัน  แล้วพี่พินก็เข้ามาชิดจริง  ๆ อกคู่งามของเธอกดที่แผ่นหลังของผมจนใจของผมกระเจิงหมดแล้ว แค่นั้นยังไม่พอหน้าขาหน้าท้องของพี่พินยังเข้ามาอัดแน่นแนบกับด้านหลังผมอีกใครที่ไหนจะไปทนได้เมื่อมีเนื้อนิ่มๆ  มาเบียดชิดตัวแล้วไม่มีความรู้สึก ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนนี่ครับ ผมชักใจไม่ดีเสียแล้ว  ผมจึงบอกให้พี่พินมาอยู่ด้านหน้าบ้าง  เพราะเวลาถอนบัวหน้าอกหน้าใจของพี่พินจะได้ไม่ต้องมาเบียดเสียดผมให้ใจเต้นอีก ผมพยายามทำใจให้สงบจนเจ้าลูกชายผมหลับ  ผมจึงไปช่วยพี่พินถอนบัวต่อ  แต่คราวนี้หนักกว่าเก่าเสียอีกที่ว่าจะได้ไม่คิดมาก เมื่อพี่พินมาถอนด้านหน้าน่ะผมคิดผิดไปเสียแล้ว เพราะว่าเวลาพี่พินแกนั่งพรวดลงไปจับกอบัว น้ำจะตีชายผ้าถุงที่แกนุ่งอยู่เลิกขึ้นมาจนเห็นง่ามก้นขาว พอผมเข้าไปจับกอบัวไอ้ลูกชายผมมันก็ต้องเข้าไปอัดแน่นตรงง่ามก้นของพี่พินด้วยอีก   เวลาออกแรงดึงบัว   บั้นท้ายของพี่พินจะกระแทกมาที่ไอ้ลูกชายผม  และผมก็ต้องกระแทกบั้นท้ายพี่พินด้วย มันจึงดีดผงกหัวขึ้นมาเต็มกางเกงอีกครั้ง และครั้งนี้มันสุดจะกลั้นจริง ๆ เพราะว่ามันปลุกเร้าอารมณ์มากเหลือเกินจริง ๆ พี่พินคงรู้แล้วว่าอะไรมันดุนอยู่ที่บั้นท้ายของเธอ  พี่พินหันมายิ้มให้ผมแก้มแดงซ่าน แต่แล้วเธอก็ก้มหน้าไม่พูดอะไรแล้วก็โก่งบั้นท้ายถอนบัวต่อ  ผมอดใจไม่ไหวอีกแล้ว ผมเข้าไปชิดบั้นท้ายพี่พิน ลูบคลำสองแก้มก้นของเธอ เธอก็ไม่ว่าอะไรผมก็เลยได้ใจเลิกผ้าถุงของเธอไปไว้เหนือเอว บั้นท้ายของเธอออกมาท้าสายลมทันที  เพราะกางเกงในเธอไม่มีอยู่แล้ว  ผมก็เช่นกันผมรูดกางเกงบอลออกไอ้ลูกชายก็ดีดตัวผงาดทันที มือซ้ายผมสอดเช้าไปใต้ท้องน้อยพี่พิน เพื่อยึดจับสะโพกให้อยู่นิ่ง ๆ มือขวาก็ประคองขนาด 6.2x7 นิ้ว จ่อปากเนินเนื้อที่โหนกนูนยื่นมาเต็มง่ามขาด้านหลังทันที พอตรงดีผมก็กดทันที พี่พินตกใจขมิบร่องเนินเกร็งแน่น เลยมุดเข้าไปได้แค่หัวหยักเท่านั้น แล้วผมก็ได้ยินเสียงรอดไรฟันมาเบา ๆ "อี๊ยย์..อย่างเพิ่งหนุ่มเดี๋ยวมีคนเห็น"แต่ผมไม่ยอมฟังเสียงพยายามจะฝังเข็มให้มิดด้ามให้ได้ แต่มันก็ไม่เข้าเพราะว่าพี่พินแกขมิบไว้เสียแน่นเชียว แล้วพี่พินก็ส่ายสะโพกหนี   พอหลุดเธอก็หันมายิ้มให้ผมอีก"ใจเย็นซิจ๊ะ  หนุ่มจ๋าพี่ชอบหนุ่มแต่ตรงนี้ไม่เหมาะนะจ๊ะ"แล้วพี่พินก็ยิ้มมองหน้าผมยิ้มอาย   ๆ  จนหน้าแดงแกชำเลืองมองดูไอ้ลูกชายของผม แล้วแกก็ตัวสั่นระริกปากคอสั่นอย่างเห็นได้ชัด ผมเลยรวบตัวเธอเข้ามาประกบปาก ปลายลิ้นผมแหวกกลีบปากพี่พินเข้าไปดุนลิ้นของเธอ คราวนี้ตัวเธอสั่นสะท้านมากกว่าเดิมอีก  มือของเธอควานมาจับของผมแล้วกำมันไว้แน่น  จนหัวหยักเปล่งบานแดงก่ำ   ผมจะขาดใจตายกับความหอมหวานในปากของเธอเสียให้ได้จนต้องรีบถอนปากมาหยุดหายใจ   เสียงของเธอแผ่วเบา   หนุ่มจ๋าทำไมมันยาวใหญ่ขนาดนี้จ๊ะอายุแค่นี้เอง  ผมได้แต่ยิ้มพี่พินจับมือผมบีบแล้วก็ชวนผมขึ้นฝั่งเพราะเที่ยงพอดี ผมก็ตามใจเธอ ผมและเธออาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จก็ขึ้นไปกินข้าวกันบนบ้าน ซึ่งย่าผมเตรียมไว้ให้แล้วเรียบร้อย จนผมอิ่มข้าวกันแล้วย่าผมจึงมาบอกว่า"อิ่มกันแล้วก็นอนพักกันก่อนก็ได้แดดอ่อน ๆ แล้วค่อยลงไปใหม่ก็ได้""ครับย่า"ผมรีบรับปากเพราะอย่างไรผมก็ยังไม่ลงไปถอนบัวอีกแน่ เพราะอารมณ์ค้างมาจากพี่พินแล้ว อย่างไรเสียผมต้องระบายความเครียดใส่ท้องพี่พินให้ได้เลย  แต่ย่างผมนี่ซิดันมาชวนพี่พินไปนอนด้วยกันที่ชานบ้าน เพราะตรงนั้นกว้างขวางและลมพัดเย็นสบายดี ผมมองพี่พินก็ทำเป็นเฉยไม่รู้เรื่องไปนอนกับย่าผมเสียนี่   แถมนอนตะแคงข้างหันหลังให้ผมเสียอีก  ผมเลยงุ่นง่านหนักเข้าไปอีก ผมเลยต้องรอให้ย่าผมหลับก่อนจึงจะเข้าไปหาเธอได้ จนผมได้ยินเสียงกรนเบา  ๆ มาจากย่าผมนั่นแหละ ผมจึงย่องกริบไปหาพี่พิน ผมไปนั่งข้างหลังเธอผมเอามือไปจับสะโพกเธอเขย่าเบา  ๆ แต่เธอก็แกล้งนอนเฉยเสียงั้นแหละ  ผมจึงเปลี่ยนจากเขย่ามาเป็นลูบไล้ไปตามส่วนโค้งเว้าของเธอแทน   ยังเฉยอยู่อีกผมเลยค่อย  ๆ  ถลกผ้าถุงขึ้นเอาไปกองไว้ที่เอว  แต่คราวนี้เธอช่วยอำนวยความสะดวกด้วยโดยการช่วยยกสะโพกขยับให้เพื่อจะได้เลิกผ้าถุงขึ้นได้ถนัด ความผึ่งผายของสะโพกใบไม้ไหวออกมาโชว์สายตาของผมอีกครั้ง    โดยที่เธอยังนอนตะแคงอยู่เลย  แต่เธอก็ยกเท้าขวาไขว้ไปข้างหน้าเธอแล้วก็โก่งบั้นท้ามาให้ผมอีก คราวนี้เองความโหนกนูนอันมโหระทึกของพี่พินก็อูมล้นมาลอยเด่นเต็มง่ามขาด้านหลังเลย ผมเอามือลูบสันเนินของเธอที่มีขนขึ้นประปรายเท่านั้น แล้วผมก็ก้มลงไปเอาจมูกไปสูดดมความหอมหวานของเนินเนื้อเธอแล้วก็ค่อย    ๆ   เอาลิ้นไปสัมผัสกับร่อง   ปลายลิ้นผมแหวกร่องออกอ้า  บางครั้งก็ไปสะกิดติ่ง  บางครั้งผมก็คว้านลิ้นไปรอบ  ๆ  ช่องทางของเธอแฉะไปหมด ผมเลยลงนอนตะแคงข้างเหมือนเธอบ้าง แล้วผมก็ถลกเสื้อโปร่งคอกระเช้าของพี่พินขึ้นไปเหนือนม ผมเอามือเข้าประคองเต้างามแล้วเคล้นคลึงเบา  ๆ เสียงซี้ด..ซ้าด..ก็หลุดมาจากปากของพี่พินจนได้ ผมจึงโน้มคอลงไปดูดขบยอดติ่งที่อกของพี่พิน  มือผมก็ลูบไล้สะเปะสะปะไปตามส่วนเว้านูนเรื่อยเปื่อย ผมทนไม่ไหวแล้วผมจึงจับของผมจ่อปากทางเข้า มันกำลังจะมุดถ้ำอีกครั้งหนึ่งแล้วและครั้งนี้ต้องมุดให้สำเร็จให้ได้   ผมกดพรวดเข้าไปเนินพี่พินยุบย่นไปตามแรงกด เข้าไปได้ยังไม่ถึงครึ่งเลยมันก็รู้สึกช่องทางเข้าจะตันอย่างนั้นแหละ มันแน่นไปหมดพอผมกดเน้นเข้าไปพี่พินก็ร้องทันที"โอ๊ย  หนุ่มเบาก่อนพี่เจ็บ" ผมก็เลยคาไว้แค่นั้นและก็โยกสาวเข้าสาวออกแค่ไม่ถึงครึ่งอันนั่นเอง  น้ำรักของพี่พินไหลล้นลงมาแฉะร่องก้นและที่โคนขาแฉะเป็นทางเลย แต่ผมก็ยังกดไม่เข้าอยู่ดี ผมเลยซุกไซ้ไปทั่วแผ่นหลังพี่พินเลยไปถึงซอกคอ  และผมก็ประกบปากกับพี่พินเราแลกลิ้นเข้าไปในปากของกันและกัน  มันเป็นความสุขและตื่นเต้นมากจนผมระงับอารมณ์ไม่อยู่ ของผมคายพิษเข้าท้องพี่พินทันทีทั้ง ๆ ที่ยังเข้าไม่สุดทางเลย แต่ของผมก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนตัวเลย ผมจึงกลั้นใจกระแทกอย่างแรง ได้ผลทีเดียวมิดด้ามเลยครับ คราวนี้พี่พินสะดุ้งสุดตัว ร้อง ซี้ด..อึ๊ยย์..ตอดขมิบถี่ยิบเลย ผมแทบจะพ่นพิษออกมาเป็นคำรบสองเสียเดี๋ยวนั้นให้ได้เลยครับ  มันช่างแน่นและฟิตอะไรขนาดนั้นฟิตเปรี๊ยะตลอดลำเลยครับ ผมนอนตะแคงอยู่มันไม่ค่อยถนัด ผมจึงลุกขึ้นนั่งยอง ๆ งอเข่า ผมเอามือจับสะโพกพี่พินไว้แล้วผมก็กดอัดของผมเข้าไปอัดกับเนื้อของพี่พินแน่นแทบจะเป็นเนื้อเดียวกันเลย แล้วผมก็บรรจงบดของผมกับเนินเนื้อของพี่พินเวียนซ้ายทีขวาที  จนพี่พินครางอะไรก็ไม่รู้อู้อี้ไม่ได้ศัพท์เลย  ผมค่อย  ๆ  ชักขึ้นจากแอ่งน้ำของพี่พิน แต่พี่พินก็โก่งบั้นท้ายตามอย่างกับกลัวว่ามันจะหลุดหายอย่างงั้นแหละ ผมชักออกจนเกือบสุดแล้วก็กดพรวด
ลงไปอย่างแรงทีเดียว พี่พินสะดุ้งเฮือกอ้าปากค้างเลย มีแต่เสียงร้องโอ๊ย..มาเบา ๆ  แล้วก็ขาดช่วงหายไปเลย ผมยังไม่สะใจผมค่อย ๆ ชักขึ้นมาอีก พอจะหลุดผมก็กระแทกลงไปอย่างแรงอีกเหมือนเดิม พี่พินตาค้างอ้าปากหว๋อเลย ผมทำอย่างนี้ 4-5 ครั้งแล้วก็สปีดไวขึ้นเร็วขึ้นจนพี่พินครางไม่ได้ขาดปากเลย"โอ๊ยหนุ่มจ๋าพี่จะไม่ไหวแล้ว  ไม่ต้องกลัวของพี่พังเลยนะเร็วอีกแรง ๆ อีก อ่า.."ผมก็สนองทันทีเหมือนกันแทงซ้ายทีขวาที เสยบ้าง แล้วเวลากระหน่ำลงไปแต่ละทีนี่ข้างในของพี่พินแทบเคลื่อนแน่นอนผมโขยกจนพื้นกระดานลั่นเอี๊ยดอ๊าด ผมเลยต้องอยุดเพราะกลัวย่าผมตื่นผมจึงจับขาขวาพี่พินซึ่งนอนตะแคงข้างอยู่ยกขึ้นเอามาไว้ข้างซ้ายมือผม  พี่พินก็พลิกมาในท่านอนหงายเหมือนรู้งาน พี่พินตวัดขารัดเอวผมไว้แน่นเลย ผมก็สอดมือไปใต้แผ่นหลังพี่พินแล้วดึงเข้ามาหาตัว พี่พินกับผมก็มาอยู่ในท่าอุ้มแตง"เดี๋ยวเราเข้าไปในห้องผมดีกว่าพี่พินเดี๋ยวย่าแกจะตื่นมาเห็นเข้า"ผมอุ้มพี่พินเข้าห้องผมไปแล้วเราก็เล่นโม่แป้งกันอย่างถึงพริกถึงขิงเลย ผมโดนรีดพิษไป 5 ดอก ส่วนพี่พินบอกนับครั้งไม่ถ้วนเลย ผมและพี่พินออกมาอาบน้ำกันเสร็จเรียบร้อยแล้วย่าผมยังไม่ตื่นเลย ผมก็เลยโชคดีไปไม่โดนจับได้  ปัจจุบันผมอายุ 22 ปีแล้วครับ แต่ก็ยังโม่แป้งอยู่กับพี่พินอยู่เรื่อย ๆ ก็มันมันส์สะใจดีนี่ครับ

อย่าว่าพี่นะน้อง


     "พ่อคะ..อุ้ยจะมารับโอมไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ    พ่อจะว่ายังไง?   อุ้ยก็เคยบอกพ่อเอาไว้แล้วไม่ใช่หรือคะว่าเมื่ออุ้ยเรียนจบ  มีงานทำ หน้าที่ของอุ้ยแทนแม่ให้ดีที่สุด"
     กำนันโอดซึ่งเป็นกำนันที่อยู่ในสภาพพ่อม่ายเหลือเพียงแต่ลูกสาว,ลูกชายเพียงสองคนเท่านั้น กำลังครุ่นคิดและนั่งฟังลูกสาวคนโตที่ชื่อ"อุ้ย"หรือ"นวลจันทร์"ซึ่งเพิ่งกลับมาเยี่ยมบ้านเมื่อตอนกลางวันด้วยความตั้งใจ
     "อุ้ยก็ทราบดีแล้วไม่ใช่รึว่าที่บ้านไม่มีใคร?  ขืนอุ้ยเอาไอ้โอมไปอยู่กรุงเทพฯ กับอุ้ยอีกคน พ่อก็คงเงียบเหงาแย่น่ะซิ"
     "แต่พ่อก็มีลูก ๆ ของอาเอกซึ่งเป็นหลาน ๆ ของพ่อนี่นา เด็กพวกนั้นก็มาเที่ยวเล่นคลุกคลีอยู่บ้านเราไม่ใช่รึคะ?..พ่อก็รู้อยู่แล้วว่าอุ้ยเช่าบ้านอยู่คนเดียวไม่ค่อยปลอดภัย และอีกอย่าง อุ้ยก็เป็นผู้หญิงไปไหนมาไหนก็ย่อมมีภัย มีอันตรายรอบด้าน..หากอุ้ยพาโอมไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ก็ย่อมมีโอกาส มีประสบการณ์ดีกว่าจะเรียนต่อที่จังหวัดแบบจมปลักดักดาน ไม่มีคุณภาพและเมื่อจบออกมาก็ไร้ค่า..นะพ่อนะ! ให้อุ้ยพาโอมไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯดีกว่า"
     "แล้วอุ้ยได้ถามไอ้โอมมันบ้างรึยังว่ามันจะไปกับอุ้ยหรือเปล่า?"
     "ก็..แหมพ่อก้อ!  ตั้งแต่อุ้ยมาถึงบ้านอุ้ยยังไม่เคยเจอแม้แต่เงาของนายโอมเลยค่ะพ่อ! ยังไง ๆ อุ้ยก็ต้องพาโอมไปเรียนต่อกรุงเทพฯให้ได้"
     "พ่ออนุญาต!..แต่อุ้ยก็ลองพูดกับน้องชายของอุ้ยเอาเองก็แล้วกัน"
     กำนันโอดพูดตัดบทก่อนที่จะลุกลงไปทำธุระนอกบ้าน..ปล่อยให้นวลจันทร์หรืออุ้ยจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า และทำธุระส่วนตัวเพียงลำพัง
     นวลจันทร์เคยเขียนจดหมายมาถึงพ่อตั้งหลายครั้ง  เกี่ยวกับการที่จะเอาน้องชายคนเดียวของหล่อนไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ตอนที่จบม.ต้นจากต่างจังหวัดที่บ้าน กำนันโอดก็พยายามหน่วงเหนี่ยวและคัดค้านจะไม่ยอมให้ลูกชายคนเดียวไปอยู่กับพี่สาว..เพราะนิสัยของโอมเป็นคนแข็งกร้าวและติดไปทางอันธพาลนิด  ๆ เพราะถูกตามใจมาตั้งแต่เล็ก  ๆ โอมถึงเป็นเด็กวัยรุ่นที่เอาแต่ใจตัวเองตลอดมา กำนันโอดแกก็ติดตามความรู้สึกของพ่อที่อดเป็นห่วงลูกสาวไม่ได้ว่า อุ้ยคงจะไม่มีปัญญาที่จะปกครองและปรามโอมให้หมดฤทธิ์พยศได้อย่างแน่ ๆ หากกำนันโอดมีญาณวิเศษ! ที่ว่าอุ้ยต้องการเอาน้องชายคนเดียวแท้  ๆ  ไปอยู่ด้วยกับหล่อนนั้น  มันเป็นเหตุผลลึก  ๆ มันเป็นความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในจิตสำนึกของอุ้ยที่ยากจะเปิดเผยให้กำนันโอดรับรู้และเข้าใจ และกำนันโอดผู้เป็นพ่อก็ไม่มีโอกาสรับทราบเรื่องราวระหว่างสองพี่น้องที่ไม่น่าเกิดขึ้นมาได้..แกคงไม่นึกและคิดไม่ถึงว่าชีวิตจริงที่เหนือกว่าคำนิยามและยิ่งกว่าชีวิตในนิยายระหว่างน้องชายกับพี่สาว
     "นวลจันทร์" หรือ..อุ้ย! เป็นผู้หญิงที่อยู่ในวัยสาวสดสะพรั่ง รูปทรงองค์เอวและส่วนประกอบที่เป็นเรือนร่างของอุ้ยมีทุกอย่างที่ผู้ชายพึงปรารถนา..แม้อุ้ยกำลังจะย่างเข้าสู่วัยเบญจเพสและผ่านวัยสาวมาหลายปี     แต่อุ้ยไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายคนใด! ความรู้สึกส่วนลึกของอารมณ์ทั้งแปลกประหลาดที่ถูกเก็บเอาไว้ภายใน..หล่อนมีความผูกพันและห่วงใยอยู่กับน้องชายของหล่อนเพียงคนเดียว!
     หล่อนเริ่มมีจิตใจ  และมีอารมณ์ล้ำลึกที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในแบบซ่านเสียวเตลิดเปิดเปิงกับน้องชายอยู่บ่อย  ๆ  ..อุ้ยพยายามสลัดความคิด  ความรู้สึกอย่างเลื่อนลอยของอารมณ์ตัวเองออกไป   แต่หล่อนก็ทำไม่ได้!!  และเมื่อมันถึงจุดเดือดของอารมณ์ที่ซ่อนอยู่ภายใน..หล่อนก็จำเป็นต้องช่วยเหลือตัวเอง  โดยจินตนาการสร้างวิมานทางฝันว่าหล่อนได้ร่วมเพศสัมพันธ์กับโอมผู้เป็นน้องชายเพื่อเป็นการระบายอารมณ์ใคร่ของตัวเอง!
     นวลจันทร์หรืออุ้ย..เหลือบมองร่างเปลือยเปล่าขาวโพลนที่ประกอบไปด้วยส่วนโค้ง เว้าและส่วนโหนกนูนตึงเต่งจากกระจกภายในห้องน้ำ พร้อมกับสองมือลูบไล้ไปทั่วร่างงามอย่างลืมตัว..ขณะฟอกสบู่ก็จินตนาการชอนไชไปทั่วบริเวณรูร่องซึ่งอวบอูมโอ่อ่าเหมือนมีกระดองเต่ามาครอบเอาไว้ตรงหน้าขา..
     อุ้ยแหย่ปลายนิ้วเข้าไปในซอกหลืบของตัวเอง..ขณะที่อีกมือที่ฟอกสบู่ถูไปทั่วสองเต้าเต่ง กลับบีบเคล้นส่วนนั้นพร้อมกับปลายนิ้วชี้ก็เร่งจังหวะเร็วขึ้น พร้อมกับที่อุ้ยแหงนหน้าซู๊ดปากหลับตาปี๋!
     หลายนาทีที่อุ้ยอยู่ในสภาพเช่นนั้น! จินตนาการความสุขของอุ้ยที่วาดวิมานทางฝันว่าได้มีเพศสัมพันธ์กับน้องชายก็ทะลักทลายหลั่งไหลออกมา..อ่า..ช่างมีความสุขซะเหลือเกิน!
     ชีวิตใหม่ในกรุงเทพฯของโอมซึ่งมาพักอาศัยกับพี่สาวเพียงแค่เดือนกว่า    ๆ จากเด็กชนบทบ้านนอกคอกนามีฐานะของลูกชายกำนันก็มีอันต้องมีชีวิตที่เปลี่ยนไปอีกแบบหนึ่ง..อุปนิสัยที่เคยเอาแต่ใจตัวเองมาตลอด ก็ชักจะมีทีท่ากลับมาเป็นเด็กหัวอ่อนว่านอนสอนง่าย..อุ้ยเองก็รู้สึกสุขสบายขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด   เมื่อพ่อเปิดโอกาสให้เอาน้องชายมาอยู่ด้วยสมความตั้งใจ! แต่ความรู้สึกและอารมณ์ที่ซ่อนอยู่ภายในจิตใจของอุ้ยนั้นมันกลับเพิ่มความรุ่มร้อนเดือดพล่านและมีความปรารถนาต้องการอยู่ตลอดเวลา อุ้ยเองก็ไม่เคยทราบเหมือนกันว่า..ทำไมอุ้ยจะต้องมีความรู้สึกแปลก ๆ กับโอมผู้เป็นน้องชายยังงั้น!
     ตั้งแต่โอมมาอยู่ด้วย    รู้สึกว่าอุ้ยจะเปล่งปลั่งสดสวยเหมือนสาวน้อยแรกรุ่น การแต่งเนื้อแต่งตัวก็บ่งบอกคุณลักษณะและสรรพคุณของตัวเองให้โอมเห็นอยู่บ่อย  ๆ เวลาอยู่บ้าน..ส่วนเวลาออกไปทำงานอุ้ยจะเป็นไปอีกแบบหนึ่ง โดยที่โอมผู้เป็นน้องชายก็คงคิดไม่ถึงหรืออาจจะไม่ค่อยสังเกตความเปลี่ยนแปลงของพี่สาวที่พยายามจะเปิดเผยความขาวหลาย ๆ ส่วนจากเรือนร่างของตนที่มีเวลาว่างเป็นของตัวเองเมื่ออยู่บ้าน..แต่โอมก็อ่านความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ที่ผิดปกติของพี่สาวไม่ออก..แม้แต่ยามที่อุ้ยนุ่งกระโจมอกด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวนั่งไขว่ห้างอวดขาขาวนวลเนียนเหมือนไข่ปอกให้โอมเป็นอยู่บ่อย ๆ ส่วนอุ้ยก็คอยสังเกตอาการของน้องชาย แต่อุ้ยก็ไม่เคยเห็นอาการผิดปกติของโอมแต่อย่างใด!
     "เฮ้อ!    โอมเอ้ย..ทำไมซื่อบื้อไม่เอาไหนหยั่งงี้นะ..ไอ้เรารึอยากจะให้โอมคิดแบบที่ว่ากับเราบ้าง..แหม!!โอมนี่ช่างเป็นผู้ชายที่ไม่เอาอ่าว ไม่เอาอ่าวซะจริง ๆ "
     อุ้ยรำพึงกับตัวเองขณะที่น้องชายนั่งนิ่งจ้องดูภาพในโทรทัศน์เพียงอย่างเดียว หากเด็กผู้ชายคนอื่นที่อยู่ในวัยเดียวกับโอมหากว่าได้มีโอกาสยลโฉมของอุ้ยในยามนั้นคงแอบกลืนน้ำลาย  หรือคงแอบเก็บไปจินตนาการทางฝันไปนานแล้ว!..เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาบ้านแล้วเหมือนทุก ๆ วันที่น้องชายมาอยู่ด้วยกันเพียงเดือนกว่า ๆ อุ้ยพยายามที่จะใช้เรือนร่างของตัวเองเรียกร้องให้น้องชายหันมาสนใจ หรือตอบสนองความรู้สึกที่ซ่อนลึก ๆ อยู่ภายในของตัวเองบ้าง อุ้ยจึงพยายามทำทุกอย่างแม้จะต้องใช้เวลาบ้างอุ้ยก็ยอม!
     ..และอุ้ยคิดว่า โอมเกือบจะพร้อมในตอนบ่ายของวันหยุดอีกเดือนต่อมา!
     วันนั้น..อุ้ยตื่นแต่เช้าหลังจากทำความสะอาดบ้าน  ซักเสื้อผ้าของตัวเองและของโอมพร้อมกับอาบน้ำอาบท่าในขณะที่โอมซึ่งนอนดึกในวันหยุดเพราะดูทีวี.จนจบรายการสุดท้ายและตื่นสายเหมือนทุกครั้ง
     ..อุ้ยเหลือบมองน้องชายที่เพิ่งตื่นนอนเพื่อเข้าห้องน้ำ..ขณะที่น้องชายหันมามองร่างงามของพี่สาวซึ่งนั่งชันเข่าอวดขาอ่อนอวบขาวในชุดกระโจมอกด้วยผ้าเช็ดตัวเพราะเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จออกมาใหม่ๆ และกำลังมองหารองเท้าแตะเพื่อจะใส่ออกไปซึ้อกับข้าวเมื่อเปลี่ยนชุดอยู่กับบ้านเสร็จแล้ว.เพียงแวบเดียวที่อุ้ยเหลือบไปเห็นสายตาน้องชายที่รีบหลบสายตาของอุ้ยเลี่ยงเข้าไปห้องน้ำใกล้ ๆ ..โอมมีพิรุธให้อุ้ยรับทราบและรู้เห็นการกระทำของโอมได้เพียงแค่ระยะเวลาอันสั้น!
     อุ้ยแนบสายตาเพ่งมองไปที่รูซึ่งอุ้ยแอบตระเตรียมเอาไว้ตรงฝาผนังห้องน้ำเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา   ด้วยอารมณ์ที่อยากรู้อยากเห็นและมีความปรารถนาบางอย่าง ภาพที่อุ้ยเป็นคือร่างเปลือยเปล่าของน้องชายกำลังใช้มือรูดแก่นกายที่แข็งปั๋งขนาดน้อง ๆ กระบอกไฟฉายเข้า ๆ ออก ๆ อยู่ไปมาท่ามกลางเสียงน้ำที่โอมเปิดจากก๊อกซ่า ๆ   อุ้ยไม่ทราบไม่ได้ยินว่า  ในขณะที่โอมกำลังช่วยเหลือตัวเองและแหงนหน้าซี๊ดปากพูดอะไรพึมพำเอ้อ ๆ อ้า..มันเป็นภาพที่อุ้ยให้ความรู้สึกร้อนฉ่ามีอารมณ์ปรารถนาขึ้นมาอย่างลืมตัว
     อุ้ยเลื่อนมือขวาสอดเข้าไปมั่วอยู่กับบริเวณเนินนูนตรงหน้าขาในลักษณะนั่งอยู่ในที่ยอง ๆ ส่วนสายตาก็เพ่งมองการปฏิบัติการช่วยเหลือตัวเองของน้องชาย ซึ่งกำลังเร่งเร้ากระแทกแก่นกายหลับตาปี๋   เพียงแค่ไม่ถึงสองนาทีที่อุ้ยจ้องมองภาพนั้นและเมื่อน้องชายสำเร็จขึ้นสวรรค!!เมือกไคลของอุ้ยก็ฉ่ำเยิ้มแตกพล่านออกมาเช่นเดียวกัน!!
     ถึงแม้ว่าอุ้ยจะเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวหลังจากที่รีบใช้กระดาษชำระความฉ่ำเยิ้มไปทั่วซอกหลืบจนสะอาดเรียบร้อยและออกไปซื้อของที่ปากซอยกลับมา อุ้ยก็ยังคงอยู่ในห้วงแห่งอารมณ์ปรารถนาอย่างลึก   ๆ  และกำลังนึกว่าจะต้องทำอะไรให้มันเซอร์ไพรส์ให้ได้ในตอนบ่าย ๆ หรือตอนค่ำวันนี้
     "โอม ๆ มาช่วยพี่ทำกับข้าวหน่อย ปิดทีวีก่อนเดี๋ยวค่อยดู"
     อุ้ยเรียกน้องชายซึ่งอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นจุ๊ดจู๋และสวมเสื้อยืดแบบวัยรุ่นลายพร้อย    นอนคว่ำหน้าอยู่หน้าจอทีวี    แต่อุ้ยคอยสังเกตดูน้องชายตัวดีว่าคอยแอบมองมาทางอุ้ยจนผิดปกติบ่อย ๆ
     "โธ่!!พี่อุ้ย..ผมเคยทำกับข้าวอร่อย  ๆ เป็นกับเขาที่ไหน? ก็ดีแต่เพียงทอดไข่ พี่อุ้ยจะให้ผมช่วยทำกับข้าวอะไรให้ล่ะ?"
     "มาเถอะน่า ช่วยพี่ตำพริกแกงก็ยังดี เดี๋ยวพี่จะรีบทำปูผัดผงกะหรี่ของชอบให้โอมอยู่นี่ไง สองคนสี่มือช่วยกันทำจะได้กินข้าวกันไว ๆ รึว่าโอมยังไม่หิว?"
     โอมเดินหน้ามุ่ยอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ไปหาพี่สาว   ซึ่งกำลังยืนหันหลังอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินอวดโคนขาอ่อนอวบขาวและสะโพกผายงอนแน่นหนั่นโดยที่ยังไม่ได้หันมามองโอมซึ่งนั่งลงใกล้ ๆ
     "โอมเด็ดพริก หั่นตะไคร้เตรียมเอาไว้"
     อุ้ยสั่งน้องชายโดยไม่หันมามอง    ซึ่งโอมกำลังจ้องอาการเคลื่อนไหวของพี่สาวทางด้านหลังอย่างไม่กะพริบตาเช่นเดียวกัน โอมไม่อยากจะคิดหยั่งเมื่อเช้าที่ในห้องน้ำนั้นสักนิด   แต่โอมก็อดที่จะคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไม่ได้  อุ้ยกันกลับมามองน้องชายที่นั่งหั่นตะไคร้  ยิ้มลึก ๆ อยู่ภายใน จ้องมองไปตรงเป้ากางเกงน้องชายอย่างไม่เกรงใจจนโอมต้องหลบสายตา
     กำลังจะชวนน้องชายหลังจากเสร็จจากกินข้าวกินปลาว่าไปเที่ยวซื้อของและเดินเล่นแถว ๆ ศูนย์การค้ากันมั้ย? โอมก็บอกขออนุญาตว่าจะไปเดินเล่นข้างนอกสักหน่อย แต่อุ้ยบอกว่าให้คอยจะออกไปด้วย ขอเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สวยและเรียบร้อยกว่านี้หน่อย!!
     อีกสิบนาทีต่อมา  ทั้งอุ้ยและโอมก็มายืนคอยรถเมล์ตรงปากซอย  เพื่อนั่งโดยสารไปที่ศูนย์การค้า  หากคนภายนอกทั่วไปที่เห็นโอมกับอุ้ยในตอนนั้น คงจะไม่นึกว่าโอมกับอุ้ยเป็นพี่น้องกันอย่างแน่ๆ  เพราะอุ้ยเล่นใส่เสื้อยืดพื้นขาวลายการ์ตูนตัวแดงแจ๋สวมกางเกงยีนส์ฟอกเก่า  ๆ  มีรอยขาดเหนือเข่าทั้งซ้ายขวา เผยให้ความขาวของเนื้อแท้วับ  ๆ  แวม  ๆ ออกมาและที่ยิ่งไปกว่านั้นคือตรงเป้ากางเกงซึ่งฟิดปั๋งบ่งบอกลักษณะของรูปพรรณสัณฐานประเภทนูนโหนกโคกใหญ่!!
     "กึ๋ยส์"วัยรุ่นสองสามคนซึ่งยืนรอรถเมล์อยู่ใกล้ ๆ แอบถอนหายใจ และกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น เมื่อหันมาเห็นบริเวณหน้าขาของอุ้ยซึ่งยืนคุยอยู่กับน้องชาย
     ความรู้สึกของโอมเองที่มองพี่สาวซึ่งบอกว่าขอแต่งตัวแบบเรียบง่ายในระหว่างที่เดินซื้อของอยู่ในศูนย์การค้าแห่งนั้น   โอมบอกไม่ถูกว่าโอมกำลังคิดอะไรอยู่เหมือนกัน..โอมยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้!!
     "ดูหนังกันสักรอบมั้ยล่ะ โอม?"
     อุ้ยหันมาถามน้องชาย   ซึ่งเดินตามหลังมองดูสะโพกผายงอนหนั่นแน่นผึ่งผายของพี่สาวซึ่งเพิ่งจะก้าวผ่านเคาน์เตอร์จ่ายเงินออกมา   จนโอมเกือบจะเบรคพรืดแทบไม่ทัน เพราะจู่ ๆ อุ้ยก็หยุดหันมาถามน้องชายเอาเฉย ๆ
     "เรื่องอะไรล่ะพี่?"
     "เดี๋ยวก่อนซิ!!เดินเลี้ยวขวาไปทางโน้นมองหาโปรแกรมดูก่อน    ตกลงนะโอมดูหนังกันสักรอบ นั่งเพลิน ๆ ตากแอร์คลายร้อนตอนเย็นๆ  ค่อยกลับบ้าน"
     อุ้ยจูงแขนน้องชายที่หิ้วถุงให้มาเดินเบียดใกล้ ๆ กัน เมื่อเดินเลี้ยวขวาขึ้นมาชั้นสองซึ่งเป็นที่ตั้งโรงภาพยนตร์ พร้อมกับเดินไปดูโปรแกรมหนังที่จะฉาย มันเป็นการกระทำ,การปฏิบัติและกิริยาท่าทางที่เรียบง่าย ที่อุ้ยจะลองหยั่งเชิงอารมณ์ ความรู้สึกของน้องชายที่จะมีปฏิกิริยาโต้ตอบใด ๆ ออกมา
     หนังรอบบ่ายวันนั้นรู้สึกว่าคนดูโหรงเหรงเป็นบ้า อุ้ยแอบยิ้มอยู่คนเดียวท่ามกลางความมืด ขณะที่โอมกำลังบ่นอะไรอุบอิบเมื่อหนังเริ่มฉายไปเพียงห้านาทีกว่า ๆ
     "พี่อุ้ย ผมว่าเรากลับบ้านกันดีกว่า"
     โอมเอ่ยกับพี่สาวซึ่งกำลังแกล้งเอามือมาวางไว้ที่หน้าขาของน้องชาย
     "ทำไมล่ะโอม ก็หนังเรื่องนี้เป็นหนังดีนะจ๊ะ พี่อ่านข่าวว่าทำรายได้ดีมาตลอด แม้จะไม่ใช่หนังท๊อปเทนหรือขั้นสุดยอดแบบที่ส่งเข้าประกวดที่เมืองคานส์เช่นหนังฝรั่งที่ได้รับรางวัลออสการ์ แต่พี่ว่าเนื้อเรื่องมันน่าดู และเข้าที่ดีนะ!!"
     ปากก็พูดไป  แต่มือของอุ้ยไม่ได้ดึงกลับออกไปจากบริเวณหน้าขาของน้องชาย โอมรู้สึกอึดอัดและมีอาการหายใจขัด  ๆ  กับการกระทำของพี่สาว ที่เอามือมาป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณเป้ากางเกงของโอมในยามนี้   ยิ่งภาพของหนังในจอมันรุ่มร้อนเร้าอารมณ์ยิ่งขึ้นทุกที  แต่พี่สาวกลับแสดงอาการไม่รู้ไม่ชี้ แล้วอย่างนี้จะให้โอมทำอย่างไร?!!"
     โอมรู้สึกอ่อนไหวและค่อย ๆ คล้อยตามพลิ้วไปตามอารมณ์ของพี่สาว ซึ่งพึมพำพูดอะไรอยู่งึมงำด้วยเสียงกระเส่าแบบที่โอมรู้สึกว่า มือของพี่สาวโดยเฉพาะปลายนิ้วที่ร้อนผ่าว ซึ่งกำอยู่รอบๆ  ถ่อหัวบานของโอมซึ่งกำลังแข็งปั๋ง และแสดงออกมาจากความรู้สึกจากภายในของโอม ซึ่งเตลิดไปไกลเพราะการกระทำของอุ้ยผู้เป็นพี่สาวทำให้โอมร้อน ๆ หนาว ๆ โดยไม่รู้สึกตัว
     ภายในจอหนังคู่พระคู่นางก็กำลังล่อกันให้มั่ว และกว่าโอมจะรู้ตัวว่าอะไรเป็นอะไร โอมก็มีความรู้สึกเหมือนกับตัวเองเบาหวิวคล้ายปุยนุ่นล่องลอยไปไกลสุดขอบฟ้าท่ามกลางความมืดภายในโรงหนัง     โอมทอดสายตาฝ่าความมืดลงไปตรงหน้าขาของตัวเอง
     โอมรู้สึกว่าเต้าตึงเต็มเต่งของพี่สาวที่แนบอยู่กับบริเวณหัวเข่าของโอมในยามนั้น   เพราะกางเกงของโอมถูกรูดลงไปกองกับพื้นนานแล้ว  ปลายลิ้นริมฝีปากของอุ้ยที่ฉก อม โลมเลียถ่อหัวบานของน้องชายอย่างพลิ้วแผ่ว คุกเข่าอยู่ตรงหน้าขาของน้องชาย
     "โอม โอม พี่จะทนไม่ไหว ทำไมโอมไม่ช่วยอะไรพี่บ้างล่ะ?"
     ขณะที่อุ้ยเหยียดตัวขึ้น  พร้อมกับรูดกางเกงยีนส์รัดรูปลงไปกองอยู่กับพื้นอย่างไม่ใยดี  โอมรู้สึกว่ามีอาการคล้าย  ๆ ปวดท้องฉี่เมื่อร่างตะคุ่ม ๆ ของพี่สาวก้มลงรูดกางเกงชั้นในหลุดจากปลายเท้าออกไป พร้อมกับโน้มตัวเข้าหาโอมและจับมือของโอมไปสัมผัสกับบริเวณเนินนูนอวบใหญ่ซึ่งรกครึ้มเต็มไปด้วยหญ้าไซและหญ้าคา   บริเวณแอ่งหลืบตรงรอยผ่ากลางเนินในตอนนั้น  โอมรู้สึกตัวว่ามันฉ่ำแฉะและเมื่อพี่สาวถ่างขาแบะพร้อมกับกดทับลงมาตรงหน้าขาของโอม..และพี่สาวก็โน้มตัวเบียดเต้าเต่งซึ่งเสื้อนอกเสื้อในถลกสูงขึ้นไปอยู่ตรงซอกคอ  เนื้อแท้  ๆ ของเต้าเต่งที่จ่ออยู่ตรงหน้าของโอมคือสิ่งที่เรียกว่านมของพี่สาว
     หน้าขาของโอมรู้สึกถึงรสสัมผัสของความหนึบแน่น ร้อนผ่าวซึ่งกำลังมุดเข้าไปในซอกหลืบของพี่สาวซึ่งค่อย ๆ หย่อนสะโพกผายงอนลงไปอย่างช้า ๆ
     "โอมจ๋า! ดูดนมให้พี่หน่อยซี!"
     อุ้ยใช้สองมือโอบคอน้องชาย  ขณะที่แอ่นปลายติ่งไตตรงเนินเต้าไปขยี้อยู่ตรงริมฝีปากน้องชายซึ่งกำลังเริ่มซุกไซ้เต้าเต่งด้วยความมันอย่างลืมตัว!  ปลายลิ้นและริมฝีปากของโอมกำลังมั่วอยู่กับเต้าเต่งด้านซ้ายซึ่งพี่สาวเบียดเข้าหา..ส่วนมือขวาของโอมคลึงเคล้นอยู่ตรงปลายจะงอยของเต้าขวาอยู่เช่นกัน      กว่าโอมจะรู้ว่าส่วนล่างบริเวณหน้าขาของของตัวเองโดนพี่สาวกดสะโพกผายงอนหย่อนต่ำจนแนบชิด และดงหญ้าไซ  หญ้าคาของพี่สาวกับของโอมแนบสนิทจนมีความรู้สึกแปลก  ๆ ไปอีกแบบ..และโอมก็แทบรู้สึกทนไม่ไหวในเวลาต่อมา
     อุ้ยเริ่มยกสะโพกเคลื่อนไหวขึ้นลงอย่างช้า ๆ ขณะที่โอบรอบคอให้แนบแน่นเข้าหาด้วยอารมณ์ที่โอมแทบจะตอบสนองไม่ทัน   อาการกระแทกกระทั้นของอุ้ยซึ่งกำลังโยกสะโพกผายงอนร่อนส่ายอยู่ไปมาและครวญครางอยู่ท่ามกลางความมืดแทบไม่รู้ภาษา หอบหายใจจนเหงื่อพล่านแตกซ่า..และบดกระแทกลงบนหน้าขาของโอมเร็วจี๋จนโอมแอ่นรับแทบไม่ไหว!
     "อูย..อูย..โอมจ๋า! ทำไมมันเสียวยังงี้ เร็ว ๆ ดูดนมพี่แรง ๆ เร็ว ๆ ซี.."
     โอมหมดสิทธ์จะกลั้นใจกับความแปลกใหม่ที่กำลังได้รับ..เมื่ออุ้ยซอยสะโพกกับหน้าขาของโอมพั่บ   ๆ   โอมก็ต้องปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างกระฉูดออกมาดับอารมณ์วิปริตของพี่สาว!  กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยพร้อมกับเมือกคาว โอมได้ยินเสียงกระซิบข้างหูแผ่วๆ จากพี่สาวออกมาว่า..
     "โอมจ๋า!!..โอมคงไม่ว่าพี่นะ น้อง!"

พี่รหัสยอดรัก


     ผมขอเล่าประสบการณ์ของตัวเองบ้าง    ปัจจุบันเรียนมหาวิทยาลัยปีที่   2 ตอนอยู่ปี 1 เข้ามหาวิทยาลัยใหม่ ๆ ผมเด๋อด๋ามากไม่รู้จักใครด้วยเพราะมาจากต่างจังหวัด  แต่ในที่สุดผมก็โชคดีเพราะได้พี่รหัสเป็นผู้หญิง  ที่สำคัญสวยน่ารักมาก หุ่นดี ขนาดผมเห็นวันแรกยังคิดว่าฝันไปหรือเปล่าเพราะได้พี่รหัสสวยทันสมัยขณะที่ผมเป็นเด็กมาจากบ้านนอก  แต่พี่รหัสดีมาก เพราะไม่มีท่าทางว่ารังเกียจผมเลย มีอะไรก็พูดคุยปรึกษาได้   ความที่พี่น่ารัก  พูดเพราะ  ผมก็เลยหลงรักเข้าเต็มเปาเลยซึ่งปรากฏว่าพี่รหัสมีแฟนอยู่แล้ว ผมก็เก็บเอาไว้ในใจ ก็พยายามเอาใจพี่เขาเสมอ มีอะไรก็เอามาฝาก  โทร.ไปหา ท่าทางพี่เขาไม่ได้รำคาญเลย จนกระทั่งการรับน้องก็ผ่านไป ผมและพี่รหัสก็ยังสนิทสนมกันเหมือนเดิม แต่เวลาแฟนพี่เค้าอยู่ผมจะหลบเลยเพราะเป็นเด็กวิศวะหน้าตาดีและรวย พวกเยอะมาก จนกระทั่งวันที่ผมไม่คาดคิดก็มาถึง พี่รหัสโทร.เข้ามาหาผมที่หอพักตอนประมาณ 3 ทุ่ม บอกว่าอยู่ที่ผับแห่งหนึ่งให้ผมไปอยู่เป็นเพื่อนหน่อย เร่งให้ออกไปเร็ว ๆ ผมก็รีบจับแท็กซี่บึ่งไปเลย ไปถึงก็พบพี่นั่งดื่มเบียร์อยู่คนเดียว ตาแดงก่ำเหมือนคนเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
     "พี่เป็นอะไรไปครับ" ผมถาม
     "เฮิร์ท คนมันไม่รักดี อยู่เป็นเพื่อนพี่หน่อยนะตุ๋ย"
     ความจริง ไม่น่าจะแทนกันว่าพี่เพราะพี่รหัสอายุมากกว่าผมแค่ปีเดียว แต่ถ้าดูเฉพาะหน้าตาผมก็แก่กว่าหลายปี   แต่ติดมาแต่ทีแรกตอนรับน้อง   พี่รหัสก็เลยต้องเรียกพี่มาเรื่อย ๆ
     พี่เอาแต่ดื่มเบียร์กรอกเข้าปากราวกับน้ำ พร่ำถึงความไม่ซื่อตรงและความไม่จริงใจของคนรัก ฟังดูพอจะเข้าใจว่าทะเลาะกับแฟนเพราะไปเห็นแฟนแอบควงคนอื่น
     "พอเถอะพี่ พี่ดื่มมากแล้ว"
     "พี่ไม่อยากกลับบ้าน"
     ร่างของพี่เริ่มอ่อนระทวยเอนไปเอนมา ผมต้องคอยประคองเอาไว้
     "ตุ๋ย อย่าปล่อยให้พี่กลับบ้านอย่างนี้นะ พ่อพี่เอาพี่ตายแน่"
     พูดแล้วก็ร้องไห้อย่างน่าสงสาร พวกโต๊ะข้าง ๆ ก็มองกันด้วยสายตาแปลก ๆ ผมก็เลยเรียกให้เขามาเก็บตังค์ พี่ก็ยังมีสติควักตังค์มาจ่ายเพราะผมไม่มีเงิน จากนั้นผมก็พาขึ้นแท็กซี่ พี่รหัสบอกว่าไปไหนก็ได้แต่อย่าพากลับบ้านเด็ดขาดผมก็ไม่รู้จะทำไงเพราะที่หอพักก็เป็นหอชายห้ามพาผู้หญิงเข้าไป
     "ไปโรงแรมนะคะ..แท็กซี่ ตุ๋ยพาพี่ไปนอนพักหน่อย"
     ผมก็อึ้ง พี่ก็หลับคอพับคออ่อน ผมก็คอยประคับประคองไว้ ไม่นานแท็กซี่ก็เลี้ยวเข้าโรงแรม มันเป็นโรงแรมม่านรูดชัด ๆ ผมไม่เคยเข้ามาก่อนเลย ลงจากรถเข้าไปภายในห้อง พี่รหัสพอเห็นเตียงก็ล้มตัวลงไปนอนเลย กระโปรงเลิกขึ้นมาเกือบเห็นกางเกงใน ขาสวยขาวจั๊วะ กลมกลึง ของผมแข็งปั๋งทันที แต่ก็ระงับใจเอื้อมมือไปดึงให้ แล้วผมก็นั่งลงบนโซฟา
     พนักงานมาเก็บเงินอีก  ผมก็ปลุกพี่  ๆ เขามาเก็บเงินล้วงหน่อยในกระเป๋า ล้วงไปจ่ายเขาเลยตุ๋ย  ผมก็ล้วงพี่ก็พลิกไปพลิกมาผมก็คว้าไปเจอเอาเต่าของพี่เข้าเต็มเปา  โอ้โฮ โหนกนูนเต็มมือมโหฬารแท้ ๆ ผมก็ได้กระเป๋าแล้วจ่ายเงินเขาไป พอจากนั้นผมก็ปิดประตูล็อคเลย
     "ตุ๋ย พี่ร้อนจังเลย ถอดเสื้อผ้าให้พี่หน่อย ไม่ไหว..ร้อน"
     ผมก็รู้เลยว่าพี่ต้องไม่เคยดื่มมาก่อนแน่ เพราะตอนจบมัธยมเพื่อนชวนดื่มเหล้า เมาครั้งแรกผมก็เมาร้อน  แก้ผ้าแก้ผ่อนเอาพัดลมจ่อยังไม่หาย พี่ก็บอกร้อนถอดเสื้อให้หน่อย ผมก็เอาไงเอากันวะ อยากดูอยู่แล้ว
     คิดแล้วผมก็แกะกระดุมเสื้อชุดนักศึกษาเลย พอหลุดออกผมก็เย็นวาบไปทั้งไขสันหลังเพราะอกตูมขนาดใหญ่ที่ผมเคยแอบกลืนน้ำลายเวลาเห็นมันเด้งอยู่ในเสื้อของพี่ บัดนี้มันกระจะตาอยู่ไม่ถึงฟุต  มีเสื้อชั้นในตัวเล็ก ๆ ปิดอยู่แค่นั้นเอง ผมดึงเสื้อออกไปวางไว้ ร่างของพี่รหัสสวยขาว นอนถอนหายใจเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์อยู่บนเตียง
     พี่ไม่ได้บอกให้ผมถอดกระโปรง   แต่ผมอยากเห็นเลยดึงกระโปรงออก  พี่ก็ยกก้น (มันเป็นกระโปรงจีบรอบตัวแบบรัดเอว) ให้มันหลุดออกเฉยเลย เท่านั้นแหละเพื่อน ๆ เอ๋ย เหมือนฟ้าผ่าเทวดาแกล้งหรือเทวดาประทานมาก็ไม่ทราบ ร่างของพี่ช่างสวยงามราวกับรูปปั้น ช่วงขาเรียวงามขาวผ่องค่อย ๆ ลาดไปกับช่วงขาอวบนวลเนียนแนบชิด   แล้วก็ลาดไปรับกับสะโพกผายกว้าง  พี่รหัสเวลาใส่กางเกงยีนส์จะเน้นรูปร่างสวยแบบที่ใครเห็นก็ต้องน้ำลายหกแล้ว    นี่เล่นนอนหงายแบเบอร์อ้าซ่าแบบนี้  น้ำลายมันจะไม่หกอย่างเดียว มันจะไหลยืดออกมาเป็นสายเหมือนธารน้ำตกเชียวละเพื่อน  ๆ เอ๋ย (อิจฉายัง) ตรงกลางลำตัวใต้กางเกงในสีขาวนั้นเป็นหลังเต่าโหนกนูนขึ้นมาเหมือนกาบปลีกล้วยทำนองนั้น   ใหญ่มากรับรองว่าฝ่ามือปิดไม่มิดแน่นอน จากสะโพกก็เป็นสะเอวคอดกิ่วเว้าโค้งไปรับกับภูเขาสองลูกในเสื้อชั้นในลูกไม้สีขาวเช่นกัน  ใบหน้าสวยนั้นรับกับคอขาวผ่องเป็นยองใย รูปหน้าขมวดยุ่งเหยเกเหมือนกับอึดอัดร้อนรุ่มอยู่ตลอดเวลา ผมที่งามยาวสลวยนั้นบัดนี้กระจายเต็มหมอน
     "ตุ๋ย ตุ๋ย อยู่หรือเปล่า" เรียกแบบไม่ลืมตา
     "อยู่ครับพี่"
     "พี่หิวน้ำ เอาน้ำให้พี่หน่อย"
     ผมมองไปรอบ  ๆ  เห็นขวดน้ำกับแก้วน้ำวางอยู่หน้ากระจกก็เลยไปเทน้ำมาแล้วก็ยอกศีรษะประคองให้พี่รหัสดื่ม เธอดื่มอั๊ก ๆ จนหมดแก้ว
     "ตุ๋ยอย่าหนีพี่ไปไหนนะ พี่ขอนอนก่อน"
     "ครับ"
     แล้วผมก็กลับไปนั่งตรงโซฟาเหมือนเดิม     มองร่างของพี่ที่ขาวโพลนอยู่บนเตียงอย่างจิตใจสับสน ตรงกางเกงในริมขอบนั้นพิจารณาดี ๆ ก็เห็นขนสีดำเส้นเล็ก ๆ กระจายหลุดออกมานอกกางเกงและตรงกลางก็เป็นรอยเป็นร่องชัดเจน ผมร้อนรุ่มในใจจอย่างบอกไม่ถูก ร่างกายต้องการทางเพศอย่างไม่อาจห้ามได้ เป็นไงเป็นกันวะ ผมคิดในใจอย่างนี้ เพราะถ้าผมปล่อยให้ผู้หญิงนอนแก้ผ้าอยู่ตรงหน้าโดยไม่ทำอะไรเลย ผมก็ว่าบางทีผมอาจเป็นควายมากกว่าเป็นคน คิดดังนี้แล้วผมก็ถอดชุดที่ตัวเองสวมอยู่ออกบ้าง   เหลือไว้แต่กางเกงในตัวเดียวจะได้สมน้ำสมเนื้อกัน   เจ้าเพื่อนยากแข็งเป็นลำอยู่ในกางเกงตัวจิ๋ว  ท่าทางมันหิวจัดเหมือนเสือที่กระหายอยากกระโจนขย้ำเหยื่อเต็มแก่
     ผมไม่ผลีผลามค่อย ๆ ขึ้นเตียง จากนั้นก็ลูบที่เท้าก่อน ผมลูบ ๆ นวด ๆ ที่เท้าแล้วก็ดึงนิ้วเท้าให้เหมือนแบบนวดให้คลายเมา พี่รหัสลืมตาสลึมสลือไม่รู้ว่าเห็นผมแก้ผ้าหรือเปล่า
     "ทำอะไรน่ะตุ๋ย"
     "ผมจะนวดให้พี่ จะได้หายเมาเร็ว ๆ"
     เธอก็หลับตาเงียบไป   ผมก็นวดเท้าต่อ  จากเท้ามาข้อเท้าก็นวดเรื่อย  ๆ จากข้อเท้าก็มาน่อง ไม่ถึง 3 นาที ปรากฏว่ามือมาอยู่ที่เข่าของพี่รหัสเสียแล้ว อวัยวะผมแข็งจนรู้สึกเจ็บ  มือของผมไต่สูงขึ้นไปอีก บัดนี้เนินเนื้อสามเหลี่ยมอันเนียนนุ่มอยู่ใกล้ใบหน้าผมไม่ถึงสองคืบ  ผมเห็นขนสีดำกระจายอยู่ภายในกางเกงในเป็นเงาบาง ๆ เห็นเนินอูมขาวผ่องและเห็นร่องสีชมพูอิ่มนั้นชัดเจนเพราะเมื่อสายตาอยู่ใกล้ ๆ ก็จะเห็นว่าเนื้อผ้ากางเกงนั้นค่อนข้างเบาบาง     มือผมเปลี่ยนจากนวดมาเป็นลูบไล้  ช่างนุ่มและนวลเนียนเสียเหลือเกิน  ขาอวบขาวจนเห็นเส้นเลือดมีไรขนเล็ก  ๆ  สีน้ำตาลอ่อนมาก  ๆ ไปไรอยู่ทั่วผิวเนื้อ ช่างผุดผาดชวนหลงใหลเสียจริง ๆ พี่รหัสบิดตัวเบา ๆ ผมเคล้าคลึงขาขาวเต็มอิ่มแล้วในที่สุดผมก็ตัดสินใจประกบมือลงบนเนินเนื้อนั้นอย่างแผ่วเบา
     "อุ๊ย!" พี่รหัสสะดุ้ง "ทำอะไรน่ะตุ๋ย"
     "ผมทนไม่ไหวจริง ๆ ครับพี่" ผมบอกตามตรง
     "แต่.."
     ผมใช้นิ้วหัวแม่มือปาดไปตามร่องรอยและผ่านเนื้อผ้าบางเป็นแนวเปียกขึ้นมาทันที  ผมรู้แล้วว่าพี่รหัสกำลังเกิดอารมณ์ ผมเน้นมือหนักขึ้นโดยคลึงฝ่ามือไปทั่วขา เนินโหนกและสะโพกรวมทั้งหน้าท้อง
     "ตุ๋ย.." พี่รหัสลืมตาขึ้น ปากสั่นและซีด
     สายตาผมเว้าวอนขอความเห็นใจจากพี่ เท่านั้นพี่ก็หลับตาลง ผมจึงซุกใบหน้าไปที่จุดสำคัญทันที พี่สะดุ้งเบา ๆ แต่ก็ยังหลับตาและเม้มริมฝีปากแน่น ผมใช้ริมฝีปากเม้มตรงร่องและใช้ลิ้นแซะลงไปด้วย กางเกงในของพี่ยิ่งเปียกแฉะมากขึ้น และถอนหายใจขาดเป็นห้วง ๆ ผมเอาใบหน้าและริมฝีปากเล่นกับเนินอูมของพี่ มือก็เอื้อมไปบีบเคล้นปทุมถัน  แต่มันไม่ถนัดมือ ผมเลยสอดมือไปใต้แผ่นหลังปลดตะขอเสื้อในออก พอสายหลุด สองเต้าก็เป็นอิสระ ผมปัดมันขึ้นไปข้างบน แล้วทุกอย่างก็ปรากฏแก่สายตา
     "พี่ครับ.."
     "ตุ๋ย..อย่า..อย่าทำพี่" เสียงของพี่ขาดเป็นห้วง ๆ
     ผมเห็นเต้าขนาดใหญ่ของพี่กลมกลึงสวยงาม  บนเต้ามีเม็ดเล็ก ๆ สีชมพูอ่อนค่อนมาทางแดง ดูน่ารักเหลือเกิน ผมค่อย ๆ เอามือลูบไล้แผ่วเบารู้สึกมีความสุขและอบอุ่นเหลือเกิน  สวยงามเหลือเกิน  ผมผละจากส่วนล่างไต่ขึ้นมาหาเนินอก  ร่างกายของเราแนบชิดกัน ร่างของพี่รหัสอุ่นร้อนผ่าว ผมเอาใบหน้าซุกลงระหว่างภูเขาสองลูก จากนั้นก็หันมาจับลูกซ้ายเอาไว้ ผมดูดเคล้นเม็ดเล็ก ๆ บนเนินอกนั้นอย่างตื่นเต้นและสุขใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน  พี่ร้องครางและส่ายร่างไปมา  บัดนี้เราทั้งสองเหลือเพียงกางเกงในคนละตัว   ผมดึงเสื้อในของพี่ออกไปแล้ว  ร่างของเราทาบทับกันโดยผมอยู่ระหว่างขาสองข้างของพี่รหัส    ในขณะที่ผมเพลินกับการใช้ลิ้นบนอกซ้ายขวาพร้อมกับซุกหน้าไปตามความยืดหยุ่น มือก็กอบกำเต้าที่อยู่นอกปากพร้อมกับนิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือบิดบี้ตุ่มเล็ก ๆ นั้นอย่างเบามือ
     "ตุ๋ย โอ้ย..ซี๊ด..พอเถอะ ตุ๋ย.." พี่ร้องระงม
     ผมยังคงโจมตีบัวตูมขนาดใหญ่สองดอกนั้นอย่างไม่ลดละ ส่วนล่างนั้นเล่าของสำคัญของผมก็ถูไถกับของพี่รหัสอย่างเมามัน เราเคลื่อนสะโพกกันแทบไม่หยุด ผมกดและขยี้ลงไปไม่หยุดหย่อน  ผมผละจากบัวตูมลากลิ้นไปที่ขอบก้นแล้วละเลงไปทั่วตัว หน้าท้อง  พี่พลิกลำตัวคว่ำโดยที่ผมไม่ได้บอก พลันที่ผมงับติ่งหูและซอกคอด้านหลังพี่ก็ร้องอย่างไม่ออมเสียงอีกต่อไป   สะโพกด้านหลังของพี่ผายและอวบเต่ง   ก้อนเนื้อสะโพกกลมกลึง ผมแทบกลั้นไม่อยู่ ส่วนยาวของผมเซาะแทรกเข้าไปตรงร่องขาไปกระแทกกับกลีบเนื้อด้านหลังที่อยู่ในกางเกงใน  พี่ร้องและส่ายสะโพกอย่างแรงอย่างไม่สามารถระงับอารมณ์ของตัวเองได้อีก
     ลีลารักยังคงดำเนินต่อไป  ผมไม่คิดว่าผมจะได้ชมเชยพี่รหัสที่งามและสวยขนาดนี้ ผมบอกได้เลยว่าในชีวิตผมครั้งนี้เป็นครั้งที่สองเท่านั้นที่ได้ทำอย่างนี้กับผู้หญิง ครั้งแรกก็ตอนจบมัธยมพากันไปเลี้ยงแล้วจบลงที่ซ่อง โชคดีที่ใส่ถุงป้องกันไม่งั้นติดโรคกลับไปแล้วก็ได้
     ผมจูบร่างกายหอมกรุ่นด้านหลังจนทั่ว พี่คงสยิวและเกิดอารมณ์มากเพราะร้องครางไม่ได้ศัพท์  มือก็จิกผ้าปูที่นอนขยุ้มจนแทบขาด ผมพลิกร่างของพี่กลับมาด้านหน้า ผมจูบวนที่หน้าท้องแล้วเอานิ้วเกี่ยวที่ขอบกางเกงในทั้งสองข้าง ช่วงที่พี่รหัสเสียวจนเผลอแอ่นตัว  ผมก็ดึงกางเกงในหลุดออกไปติดอยู่ที่เข่า  พี่รู้ตัวปากก็ครางสั่นระริก แต่เอามือมาปิดของสำคัญ  ผมแกะมือของพี่ออก  พี่ตัวสั่นปากสั่นคางกระทบกันกั๊ก ๆ เหมือนกับหนาว เนื้อเนินของพี่สวยมากจริง ๆ นูนเด่นขึ้นมาเป็นลานกว้าง มีหญ้าขึ้นแซมไม่หนานักแต่กระจายไปทั่ว  จากเนินสูงมีร่องลำธารเล็ก  ๆ ลากลงมาถึงส่วนล่าง ร่องธารนั้นสีชมพูอ่อน ๆ รอยแยกนั้นปิดแทบสนิท ส่วนล่างสุดมีรอยเยิ้มแฉะจนพื้นหญ้าบริเวณนั้นราบเอนลู่   ผมรอช้าไม่ได้รีบซุกหน้าลงไป  ลิ้นกระชับกับร่องลำธารลากจากบนลงล่างและวนตรงแอ่งที่มีน้ำเฉอะแฉะตรงส่วนล่าง   พี่ยกขาตั้งเข่าร้องพลางส่ายสะโพกและบิดตัวไปมา กางเกงในหลุดไป
     "โอ้ย..โอ้ย..ตุ๋ย..พี่ไม่ไหวแล้ว พอเถอะตุ๋ย"
     ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก   มือก็ดึงทึ้งเส้นผมของผมจนแทบขาด  ผมทนเจ็บละเลงลิ้นและริมฝีปากลงไป รู้สึกในความแฉะนั้นมีกลิ่นหอมละมุน เป็นกลิ่นของความสะอาดที่ทำให้ผมมั่นใจในการเล่นลิ้นต่อไป
     "พอแล้วตุ๋ย พอแล้ว.."
     พี่ยังคงร้อง   ซี๊ดปากสลับกับครวญคราง ผมเองทนไม่ไหวแล้วเพราะถ้าช้ากว่านี้เพื่อนยากอาจคายพิษข้างนอกให้เป็นที่อับอายได้  ผมเลื่อนตัวไปจูบที่อกทั้งสองเต้า  ส่วนล่างเจ้าตัวร้ายสองตัวเริ่มเอาตัวกระแทกกันจนเฉอะแฉะ เจ้าตัวร้ายมันเอาหัวปาดจากล่างขึ้นบนล่างขึ้นบนไปตามร่องธาร   เจ้าของธารก็ร้องอย่างหวาดเสียวกลัวมันจะมุดเข้าถ้ำ ในขณะที่มันไถลไปก็ชนกับขอบเขินเนินหินจนเจ้าของมันสะดุ้งอย่างเสียวซ่าน
     วินาทีสำคัญมาถึงผมค่อย  ๆ เอาหัวเจ้าชะโดจ่อปากถ้ำโดยที่เจ้าของถ้ำแทบไม่รู้ตัวเพราะส่วนบนกำลังถูกดูดดุนจนเสียวซ่านร้องระงมอยู่ ผมไสตัวของพี่ขึ้นไปบน ศีรษะติดหัวเตียงไถลไปไหนไม่ได้อีกผมจับเอวพี่ไว้แน่น สะโพกกลมนั้นรัดตึงอยู่ที่หน้าขา หัวชะโดเข้าเป้า ผมจูบข้างบนแล้วออกแรงดันส่วนล่าง
     "พรวด.."
     ผมรู้สึกว่ามันเป็นอย่างนั้นจริง  ๆ  เจ้าชะโดมุดเข้าไปครึ่งท่อนหางกระดิกแน่นตื้อไปหมด  เจ้าของถ้ำร้องลั่นแบบหวีดมือก็ไขว่คว้าอากาศ ส่วนขาก็เกร็งจนนิ้วเท้าจิกกันแน่น
     "ปล่อย ตุ๋ยปล่อย ทำไมทำอย่างนี้..โอ้ย.."
     ผมขยับตัวเบา ๆ ให้มันคลายแล้วขยับไปข้างหน้าอีก ถอยออกมาแล้วดันเข้าไปอีกครั้ง คราวนี้มันมิดด้ามเลย
     "เจ็บตุ๋ย..ทำไม..โอย..ซี๊ด.."  พอผมขยับก็ร้องซี๊ด เล็บที่จิกเนื้อแขนผมก็หลุดออก
     "พี่ครับ มันคับจริง"
     "พี่ก็คับ คับมาก เจ็บ.."
     "ผมเสียวจังพี่.."
     พี่ไม่ตอบ  ผมขยับถอยออกแล้วสวนเข้าไปอีก ออกแล้วสวนเข้าไปอีก จากนั้นผมก็เร่งเครื่อง ขากับสะโพกของพี่กระแทกกันดังผับ ๆ ตอนนี้พี่คงหายเจ็บเพราะเอาแต่ร้องและรัดแน่น ผมเองก็เจ็บเพราะรู้สึกเหมือนเส้นสองสลึงจะขาด ร่างของพี่สั่นสะท้านตามแรงกระแทก หน้าอกไหวกระแทกกันจนพี่ต้องเอามือจับไว้
     ผมเร่งเครื่องสปีดสุดแรง  พี่ร้องลั่นตัวเกร็ง  ผมก็เร่งจนสุดแล้วฉีดน้ำอุ่น ๆ เข้าไปในร่างกายของพี่  จากนั้นเราก็หมดแรงหลับไปด้วยกันทั้งคู่  ทั้งหมดนี่เป็นเรื่องจริงที่ผมเก็บมาเล่าเป็นความประทับใจ ต่อมาพี่ก็กลับไปคืนดีกับแฟน พี่หลบหน้าผมไม่เคยพูดจากับผมอีกเลย ขนาดเจอกันยังทำไม่รู้จัก ผมยังรักพี่เสมอนะพี่ ถึงวันนี้ก็ยังคิดถึง จาก "เด็กตาลีบ" ของพี่ไง

คนทะเลเมื่อมีคาว



บ้านเกิดจริง ๆ ของผมอยู่ทาง"ปักษ์ใต้" หมู่บ้านที่ผมอยู่นั้นติดทะเล แต่ไม่ใช่มีหาดทรายเหมือนบางแสนหรือพัทยา หรือว่าเหมือนกับหาดชายทะเลโดยทั่วไป ที่อื่นบริเวณอ่าวไทยเขามีโขดหิน   เกาะแก่งและหาดทราย   ตรงกันข้ามกับบ้านผม!! ชายทะเลบ้านผมกลับมีต้นไม้และพันธุ์พืชที่เรียกกันว่าป่าชายเลน!
     ก็เป็นที่รู้กันแล้วว่า พวกที่อยู่ชายทะเลต้องมีอาชีพเกี่ยวกับการจับปลา แถวหมู่บ้านผมก็มีอาชีพหยั่งที่ว่าแทบทุกครัวเรือน!!
     เนื่องจากป่าชายเลนอันเป็นที่ทำกินหรือการประกอบอาชีพของพวกเราในตอนแรก ๆ เท่าที่ผมจำความได้ ชาวบ้านตัดไม้โกงกาง (ซึ่งเป็นถ่านไม้ที่ดีที่สุด) นำเอามาเผาถ่าน..ทั้งขาย  ทั้งใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงหาอาหาร  ฯลฯ  และต่อมาเมื่อทางราชการได้ออกกฎหมายห้ามตัดไม้ป่าชายเลน!!   ไม้โกงกางจึงเป็นไม้หวงห้ามตั้งแต่นั้นมา
     เมื่อทางราชการประกาศห้ามตัดไม้โกงกางที่นำมาเผาถ่านเป็นอาชีพของชาวบ้าน  จึงได้เริ่มมีอาชีพใหม่คือการเที่ยวจับกุ้ง,หอย,ปู,ปลา ซึ่งตอนนั้นยังหาได้ง่ายแถบบริเวณป่าชายเลน  แต่เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป พวกสัตว์น้ำต่าง ๆ ที่พอหาได้ใกล้    ๆ    บ้านคือริมป่าชายเลน   ก็เริ่มอันตรธานหายไปอยู่ห่างออกไป..พวกชาวบ้านจึงต้องอาศัยพาหนะอื่นแทนกระดานแผ่นเดียวคือ ต้องใช้เรือ!!
     ..ตอนนั้นผมยังไม่หนุ่มฉกรรจ์เหมือนตอนนี้!!อาศัยว่าผมเกิดมาหน้าตาดีกว่าเพื่อน ๆ อีกหลายคน แม้ฐานะความเป็นอยู่ทางบ้านค่อนข้างยากจน แต่ผมก็ยังมีคนที่ทำให้เกิดเรื่องราวดั่งที่ผมจะเล่าต่อ ๆ ไป
     "พี่วดี"  เป็นลูกสาวคนกลางของลุงผู้ใหญ่  พี่วดีอายุประมาณ  24-25  ไม่ทราบว่าทำไมถึงยังไม่ยอมแต่งงานซะที ทั้ง ๆ ที่พี่สมภพพี่ชายของแก และพี่วรรณีน้องสาวแกก็แต่งงานมีลูกมีเต้ากันไปแล้วตั้ง  2-3 ปี แต่พี่วดีก็ช่วยลุงผู้ใหญ่กับป้าบุญมีค้าขายอยู่กับบ้าน ตั้งแต่ทางราชการยังไม่ประกาศห้ามตัดไม้โกงกาง
     พี่วดีทั้งขาว,สวยและขยันทำงานทุกอย่าง   ด้วยเหตุนี้ผมจึงเห็นมีพวกข้าราชการที่อำเภอบ้าง  พวกชาวเรือที่แวะขายกุ้ง,หอย,ปู,ปลา และพวกหนุ่ม ๆ ที่มานั่งดูดโอเลี้ยง,กินกาแฟ,  ผมเห็นนั่งกิน นั่งจีบพี่วดีตั้งครึ่งค่อนวัน แต่พี่วดียังไม่เห็นจะคิดแต่งงานกับผู้ชายคนใด!!
     ครับ!! ผมเองก้อเป็นผู้ชาย!! เพิ่งย่างวัยรุ่นมาได้เพียงปีกว่า ๆ พูดง่าย ๆ ว่าเพิ่งจะทำบัตรประชาชน   ผมก็ยังเคยคิดสับสนฝันอะไรต่อมิอะไรประเภทลม  ๆ แล้ง  ๆ  กับพี่วดีอยู่บ่อย  ๆ อย่างน้อยมันก็เป็นความรู้สึกของลูกผู้ชาย เมื่อผมกลับจากทะเลมากับพ่อและแวะเอากุ้ง,หอย,ปู,ปลามาขายพี่วดีตอนเช้า ๆ แม้พี่วดียังไม่ได้หวีผมเผ้า ล้างหน้าทาแป้งเพราะต้องรีบต้มน้ำชงกาแฟบริการพวกลูกค้าขาประจำ และหยิบขายพวกของชำหรือถ้าว่างก็ออกมาตรงชานหน้าบ้านช่วยป้าบุญมีชั่งหอย,ปู,ปลาให้แก่พวกที่จอดเรือนมาแวะขาย วันไหนพี่วดีนุ่งกางเกงขาสั้น ใส่เสื้อยืดแต่งตัวแบบสบาย ๆ ก็มีของแถมให้เป็นอาหารตาแก่พวกหนุ่ม ๆ ที่มานั่งกินน้ำชา,กาแฟ ยิ่งตอนที่พี่วดีแกก้ม  ๆ  เงย ๆ หยิบของขายให้แก่ลูกค้า..บางครั้ง!!แกก็เผลอทำนมโผล่,ทำนมหกอยู่บ่อย  ๆ  แฮ่ะ  ๆ แล้วนมแกทั้งอวบ ทั้งขาวย่อยซะเมื่อไหร่!!แค่เพียงแว๊บ ๆ ที่นมแกโผล่โชว์ความขาวตรงคอเสื้อยืดกว้าง ๆ ตอนที่แกก้ม ๆ เงย ๆแม่เจ้าประคุณเอ๋ย!! ผมนี้อยากจะเกิดเป็นเสื้อชั้นใน..ใส่นมพี่วดี..ฮ้า!! บางทีผมได้เห็นเป็นบุญตาเพียงครั้งเดียว..ผมก็เก็บไปเสียวฝันไปตั้งหลายวัน!!สำหรับผม!!ชอบไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่บ้านหรือที่ร้านพี่วดีตอนสาย  ๆ เพราะตอนนั้นพวกหนุ่มทั้งหลายพากันกลับบ้านทำงานซ่อมแซมแห   อวน  เครื่องมือหากินไปตามเรื่อง..และอีกอย่างที่ผมคอยสังเกตอยู่ตลอดมาคือ     พี่วดีจะอาบน้ำ,ล้างหน้าในช่วงเวลานั้น ผมชอบนั่งแอบมองพี่วดีขณะที่นุ่งผ้าเช็ดตัวตอนออกมาจากห้องน้ำ มันช่างเป็นภาพสวยงามสำหรับความรู้สึกของผมซะจริง  ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงปมผ้าเช็ดตัวที่ขมวดเอาไว้หลวม ๆ ในบางครั้ง ความขาวอวบอูมเปล่งปลั่งตรงร่องเนินเต้าที่เบียดชิดกันราวจะล้นทะลักออกมา..
     กึ๋ยส์!!แล้วยิ่งตรงชายผ้าเช็ดตัวด้านล่าง!!แฮ่ะ   ๆ  สองขาอวบขาวอล่างฉ่างที่เปลือยเปล่าเลยหัวเข่ากลมมนไปร่วมคืบ..อื้อหึ๋ย!!จะดูกี่เดือน    กี่ปีก็ไม่จืดจริง  ๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงสะโพกผายงอนแน่นหนั่น เวลาพี่วดีหันหลังเดินเข้าห้องแกไปนั้น..แฮ่ะ ๆ ตรงเป้ากางเกงของผมมักจะตุงชูชันขึ้นมาทุกที!!
     ผมก็ฝัน ผมก็คิดของผมหยั่งงี้!!ก็ตามประสาของผู้ชายที่กำลังย่างเข้าสู่วัยเริ่มรู้จัก"ความหงี่"  จะไม่ให้ผมฝัน,ให้ผมจินตนาการกับเรือนร่างของพี่วดีได้อย่างไร? ระยะหลังผมเริ่มมีความรู้สึกนึกคิด และมีความรู้สึกใหม่ ๆ ขึ้นมา โดยที่ผมคิดของผมไปว่า..จะทำยังไงดีน่ะ!!ถึงจะได้เห็นเรือนร่างของพี่วดีในสภาพที่ปราศจากเสื้อผ้าจะได้เป็นบุญตาก็พอใจ!!
     และแล้ว!!ผมก็เริ่มมีความคิด  "โปร่งใส"(ว่าเข้าไปนั้น!!) ไอ้สิ่งที่ผมเฝ้าคิดเฝ้าหวังมาเนิ่นนาน มันก็เข้ามาอยู่ในสมองและวาดร่างโครงการในเวลาต่อมา
     ผมพอจะทราบมาบ้างแล้วว่า  พี่ดีจะอาบน้ำ กินข้าวกินปลาก่อน 2 ทุ่มกว่า ๆ แทบทุกคืน  แม้ผมจะเสี่ยงต่อลูกปืนของลุงผู้ใหญ่ แต่ไม่รู้จะทำยังไงในเมื่อหัวใจและความรู้สึกของผมมันเกิด"ความอยาก"ขึ้นมาคือ..ผมอยากเห็นพี่วดีตอนอาบน้ำ,ตอนแก้ผ้า  อยากจะรู้นักว่า  ไอ้สิ่งที่วับ  ๆ  แวม ๆ อยู่ในร่มผ้ามันจะตรงกับที่ผมเคยคิดตลอดเวลาหรือเปล่า?
     เย็นวันนั้นผมแกล้งทำเป็นซึม ๆ เหงา ๆ เหมือนคนไม่ค่อยสบาย..พ่อผมก็ดีใจหายไม่พูดอะไรสักคำ พอคว้าผ้าห่ม ห่อยาตั้งและอุปกรณ์จิปาถะที่ต้องนอนเฝ้า"ซั้ง"ในตอนกลางคืน..และเมื่อแม่เดินเข้าไปหยิบปืนลูกซอง 5 นัดเพื่อนคู่ใจของพ่อมายื่นส่งให้ พ่อก็เดินลงเรือ ติดเครื่องลับหายไป
     ทุ่มกว่า  ๆ ผมออกจากบ้านโดยบอกแม่ว่าจะไปซื้อยาที่บ้านลุงผู้ใหญ่..มันเป็นตอนหัวค่ำของคืนข้างแรมที่มืดสนิท..ผมไม่อยากเอาไฟฉายที่ติดตัวฉายไปข้างหน้า เพราะถ้าหากมีเรื่องมีราวอะไรขึ้นมาและชาวบ้านเขารู้ว่าผมไปแอบดูพี่วดีแก้ผ้าอาบน้ำเดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่
     ผมเดินลัดเลาะผ่านดงโกงกางที่แต่ละต้นสูงชันเป็นรูปร่างของไม้สงวนใหม่ ๆ และเหมือนกับว่า เทวดา,ฟ้า,ดิน ท่านจะเป็นใจ!! เมื่ออีกประมาณร้อยเมตรกว่า ๆผมก็จะถึงพงหน้าห้องน้ำบ้านลุงผู้ใหญ่!!ตอนนั้นก็คงทุ่มกว่า  ๆ  ประสาททุกส่วนของผมลุกซ่า   เมื่อผมเห็นแสงสว่างจากไฟฟ้าภายในห้องน้ำถูกเปิดให้สว่างขึ้นมาพร้อมกับที่ฝนหลงฤดูก็เทซ่า  ๆ  เหมือนจะรู้เจตนาของผมในตอนนั้น ว่าผมกำลังคืบคลานเสาะหารูร่องเพื่อแอบมองคนที่อยู่ในห้องน้ำ!!
     และผมก็ได้พบกับมุมมองที่สวยงามตรงฝาสังกะสีด้านหลังห้องน้ำเข้าให้พอดี!!มันเป็นรอยผุที่คนภายในห้องน้ำมิอาจทราบได้ มันสูงจากพื้นดินในสภาพที่ผมนั่งดูได้อย่างสบาย ๆ และไม่คิดมาก่อนว่าจะฟลุ้คอย่างง่าย ๆ สมเจตนา!!
     แม้เนื้อตัวของผมจะเปียกปอนกับสายฝนที่ยังคงตกซ่า   ๆ  แต่ตรงกันข้าม!!ผมกลับรู้สึกร้อนฉ่ากับภาพที่ผมเห็น ภาพที่ปรากฏต่อสายตาซึ่งห่างจากที่ผมนั่งไปไม่ถึงวาอย่างแน่นอน!!..กึ๋ยยส์!!
     ผมเริ่มมีความรู้สึกรุ่มร้อนเรื่อย  ๆ ขึ้นมา พี่วดีในชุดผ้านุ่งกระโจมอกด้วยผ้าเช็ดตัวลายสีขาวสลับฟ้า..กำลังยืนแปรงฟันโดยหันส่วนสะโพกแน่นหนั่นผายงอนที่กำลังกระเพื่อม เนื่องจากอยู่ในขณะยืนแปรงฟัน!!
     และเพียงแค่ตัวอย่างหรือไตเติ้ลที่ผมเฝ้าคอยเวลานี้มาตลอดนั้น ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าผมงัดเอาถ่อที่หัวกำลังเริ่มจะบานออกมาจัดการรูดเข้า รูดออกตั้งแต่เมื่อไหร่?  เพียงแค่ผมรูดกระตุกถี่ ๆ อีกครึ่งนาทีต่อมา ผมก็มิอาจอดกลั้นความรู้สึกและอารมณ์ของตัวเองที่เห็นชัด ๆ อยู่ตรงหน้า มันกระฉูดออกมาเพราะทานต่อภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าต่อไปอีกไม่ไหว!!
     ร่างเปลือยเปล่าขาวโพลนของพี่วดีที่ปรากฏต่อสายตาของผมเวลานั้น แม้เจ้าถ่อหัวบานของผมจะกระฉูดไปเพียงชั่วครู่ก็ยังรีบชูชันร้อนผ่าวขึ้นมา
     กึ๋ยส์ส์!! อื้อ..หือย์!!นี่..นี่น่ะหรือคือเรือนร่างของพี่วดี..ผู้หญิงรุ่นพี่ที่ผมแอบหลง แอบเอาไปสร้างจินตนาการสำเร็จความใคร่ ตั้งแต่ปลายเส้นผมที่กำลังโดนชะโลมฟอกด้วยยาสระผมผสมยานวดยี่ห้อดัง..ไปถึงปลายเท้าส่วนล่างมันปรากฎความขาวโพลนอล่างฉ่างให้ผมเห็นอย่างเต็มตา..สองเต้าอวบขาวเนียนที่ผมเคยเห็นวับ ๆแวม ๆ ใต้ร่มผ้า มันกำลังอวดความขาวเปล่งปลั่งชูชันต่อสายตา ช่างเป็นสองเต้าที่ในชีวิตผมไม่เคยเห็นมาเลยจริง  ๆ  ปลายติ่งสีชมพูอ่อน ๆ ขนาดของนิ้วก้อยที่ประดับอยู่ตรงปลายสองเต้าที่งอนช้อย  ผมคะเนว่าอย่างน้อย 35 นิ้วโดยประมาณและดีกรีหรือลิมิตของความงุ่นง่านยิ่งกลับเพิ่มองศาขึ้นไป ต่ำจากหน้าท้องแบนราบขาวผ่องปราศจากไขมัน ตรงด้านหน้าบริเวณโคนขาอวบของพี่วดีตรงนั้น!!
     หึ๋ยส์!!พี่วดีเคยทำบุญแต่ชาติปางก่อนด้วยอะไรกัน เพราะหอยกาบหรือหลังเต่าทะเลตัวย่อม  ๆ  ที่ผมเคยเห็นเคยจับมานั้น มันสู้ความอวบอูม โหนกนูนของส่วนสำคัญตรงโคนขาของพี่วดีโดยมิมีราคาต่อรอง!!
     หากจะเรียกว่า"กระดอง"ก็คงเป็นกระดองที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน   เพราะความอวบอูมกว้างใหญ่   ซึ่งปกคลุมด้วยเส้นไหมสีดำละเอียดอ่อนกำลังดี  มันล้นนูนพูนปรี่จนล้นเลยหน้าขา   ตรงรอยแยกที่ปรากฏสีชมพูอ่อน   ๆ  เรื่อร่ามันยังคงปิดแง้มสนิท คงจะยังไม่โดนพวกงูทะเลหรือพวกอสรพิษเข้าชอนไช!!
     อูยส์!!เมื่อตะกี้ก็กระฉูดไปอีกทีนึงแล้ว!!ทำไมนะไอ้ถ่อหัวบาน ทูนหัวทูนแก้วยังกลับลุกชูชัน  แข็งปั๋งขึ้นมาใหม่ ก้อ!!ก้อพี่วดีน่ะซิ!! พอยกขาฟอกสบู่เสร็จอย่างดิบดี ยังแถมเอานิ้วกลาง นิ้วชี้ ยัดเข้าไปตรงนั้นจนผมนี้แทบทนไม่ไหว!! แถมยังมีกะจิตจะใจแหวกอ้า แล้วตักน้ำราดซ่า ๆ พร้อมกับขยับนิ้วขึ้นลงอยู่ไปมา..มันเป็นภาพกระทำที่ผมเห็นชัดถนัดตา โดยคิดไม่ถึงเหมือนกันว่า..ผู้หญิงหยั่งพี่วดีจะกลายเป็นคนที่อยู่ในลักษณะของอารมณ์ที่ผมเห็นในตอนนี้ได้อย่างไร?!
     ผมหลบฉากเดินตากฝนกลับบ้านด้วยอาการของคนเข่าอ่อน  โดยไม่กล้าเรียกแม่ให้เปิดประตูขึ้นไปนอนบนบ้าน ด้วยความอ่อนเพลียก็เลยคลานขึ้นไปนอนบนแคร่ใต้ถุนบ้าน อุทิศเลือดเป็นอาหารให้ยุงซะหนึ่งคืน!!
     ตอนเช้าอีก 2-3 วันต่อมา!! เมื่อพ่อนำเรือเข้าไปจอดเทียบท่าเพื่อขายปลาที่บ้านลุงผู้ใหญ่..ความรู้สึกหลาย ๆ อย่างในเช้าวันนั้นของผมไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง?ผมรู้สึกว่า  ตัวเองไม่กล้ามองสบตาพี่วดีในขณะที่โกยปลาส่งให้พี่วดีคอยชั่งอยู่ตรงท่า หากเป็นวันอื่น  ๆ  ผมคิดว่าตอนพี่วดีก้มลงมารับเข่งปลาที่ผมยกยื่นสูงขึ้นไปให้ ผมก็สามารถจะมองเห็นสองเต้าของพี่วดีได้อย่างเต็มตา เพราะเสื้อยืดสี้นำเงินหลวม ๆ ที่พี่วดีใส่อยู่ในเช้าวันนั้น..ผมทราบดีว่า  เพียงแต่เหลือบตาขึ้นไปมองสูงขึ้นไปเมื่อพี่วดีเอื้อมมือก้มลงมารับเข่งใส่ปลา..สองเต้าขาวเต่งที่ผมเคยเห็นหมดแล้วอย่างเต็มตา มันจะต้องล้นทะลักออกมานอกเสื้อชั้นใน!!
     พี่วดีชวนผมคุยอยู่ตลอดเวลาระหว่างที่อยู่ในช่วงกำลัง"ขึ้นปลา"    แต่มีประโยคหนึ่งที่ผมได้ยินแล้วทำให้ทุกส่วนของร่างกายตื่นเพริดขึ้นมา หลังจากเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามาตลอด!!
     "พรุ่งนี้บ่าย  ๆ เทพว่างมั้ย? พี่อยากชวนเทพให้ช่วยขับเรือไปเป็นเพื่อนพี่สักหน่อย..พ่อแกติดเรื่องประชุมที่อำเภอเลยวานให้พี่ไปดูแทน ก็ซั้งที่พ่อบอกว่าจะขายนั่นแหละ ตอนแรกว่าจะไปดูคนเดียว   แต่พี่เห็นว่ามรสุมกำลังเริ่มพัดเข้ามาแถวหน้าอ่าวบ้านเรา ก็ชักกลัว ๆ ตกลงนะ เทพไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยก็แล้วกัน!!"
     มีหรือที่ผมจะปฏิเสธคำชวนของพี่วดี..แต่ที่ตื่นเต้นมากกว่านี้เมื่อพี่วดีบอกว่า
     "เอ้อ เทพ!! พี่ว่านาน ๆ พี่จะออกไปดูซั้งสักที เอายังงี้มั้ย? เราหาอะไรไปกินสนุก  ๆ แบบไปเที่ยวปิกนิก ชีวิตพวกบ้านเราไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหน เอาเป็นว่าเราอยู่ใกล้ทะเล เราก็ไปปิกนิกกันกลางทะเลแถว ๆ นี้แกละ!!"
     ผมก็ได้แต่ยิ้มรับพยักหน้า    แล้วเดินตามพี่วดีขึ้นไปเพื่อรับ"ตั๋วขายปลา"ขณะความรู้สึกต่าง  ๆ หลาย ๆ อย่างมันตื่นเต้นยังไงบอกไม่ถูก เพราะไม่คิดฝันมาก่อนเลยว่า พี่วดีจะให้โอกาสกับลูกชาวประมงหาเช้ากินค่ำหยั่งผม!!
     วันรุ่งขึ้น!!
     ผมกำลังเย็บอวนอยู่กับพ่อใต้ถุนบ้าน  ตอนนั้นก็ประมาณเที่ยงวันกว่า ๆ เสียงเครื่องยนต์ยี่ห้อ"เมอร์คิวรี่"ซึ่งติดท้ายเรือเร็วที่มีอยู่ลำเดียวในละแวกนี้  มันเป็นเรือเร็วขนาด 20 ฟุตของลุงผู้ใหญ่พ่อของพี่วดีและไม่มีเรือลำใดแถวนี้จะไล่กวดเรือเร็วลำนี้ได้ทัน หากแข่งกันจริง ๆ !!
     พี่วดีจริง ๆ ด้วย!! แกดับเครื่องจอดเรือเร็วลำสวยกับสะพานท่าน้ำหน้าบ้านผม พี่วดีโยนเชือกผูกเรือให้ผมรับ แล้วกระโดดตามขึ้นมา พี่วดีอยู่ในชุดกางเกงยีนส์ขาสั้นใส่เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่สีเหลืองสลับฟ้าผูกชายเสื้อเอาไว้ตรงขอบกางเกงในลักษณะทะมัดทะแมง     หมวกแก๊ปหรือหมวกแบบจ๊อกกี้สีแดงครอบผมยาวเคลียไหล่เอาไว้ ผมอดจะทึ่งในการแต่งตัวของพี่วดีไม่ได้   เพราะพี่วดีไม่เคยล้าสมัยสำหรับเสื้อผ้าที่สวมใส่และการแต่งตัว!!
     พี่วดีบอกพ่อกับแม่ผมว่าจะพาผมไปเป็นเพื่อนเพื่อดูซั้ง ผมยอมรับว่า ผมประทับใจพี่วดีหลาย  ๆ  ที่ไม่เป็นคนถือเนื้อถือตัวเหมือนกับลูกสาวสารวัตรกำนันที่เลยปากอ่าวผ่านหัวแหลมออกไปแค่ไปเรียนเสริมสวยที่กรุงเทพ  ฯกลับมาอยู่บ้านไม่เท่าไหร่ พวกชาวประมงหยั่งพวกผมเธอไม่ชายตามอง   หยิ่งยโสจองหอง  ฯลฯ  อย่างไร้เทียมทาน!!
     ผมลงเรือมากับพี่วดีในชุดขาก๊วยธรรมดา  ใส่เสื้อยืดสีแสบตาราคาถูก ๆ ..ผมแก้เชือกผูกเรือ    ในขณะที่พี่วดีติดเครื่องเบนหัวเรือมุ่งออกปากอ่าว..ฟองคลื่นสีขาวที่วิ่งมากระทบหัวเรือที่ติดท้ายด้วยเครื่องยนต์ขนาด 220 แรงม้าเป็นฝอยเล็ก ๆ สาดกระเซ็นขึ้นมาไปทั่วแคมเรือ!!
     "เทพขับเรือแทนพี่หน่อยซิ นาน ๆ ได้ใช้มันทีรู้สึกว่าบังคับยากจัง นี่ขนาดว่ามันยังไม่ถึงสองร้อย..โอ้ย!! เมื่อยแขนบังคับพวงมาลัยหลบเคลื่อนยากจัง!!"
     พี่วดีถอดหมวกหลบออกไปข้างหลังทางท้ายเรือ ใบหน้าแดงปลั่งเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ   เพราะอากาศและแสงแดดตอนนั้นกำลังร้อนจ้า.."ซั้ง"ของลุงผู้ใหญ่เลยลึกออกไปจากซั้งของพ่อผมประมาณ  3-4 ไมล์ทะเล มันเป็นซั้งขนาดใหญ่ที่ถูกปล่อยทิ้งร้างมาเกือบปี ซั้งทั่วไปไม่ได้ออกมาอยู่ลึกแบบนี้ เพราะชาวบ้านหยั่งพวกผมซึ่งไม่ได้ร่ำรวยหรือมั่งมี   ก็อาศัยซั้งเล็ก  ๆ  ที่อยู่ใกล้ฝั่งเป็นอาชีพเลี้ยงตัวประทังชีวิตกันเรื่อยมา
     ผมดึงคันเร่งความเร็วของเรือลดต่ำลงมาเมื่อมองเห็นแนวซั้งแถวที่   5  พี่วดียกกล้องส่องทางไกลขึ้นทาบสายตามองไปรอบ พร้อมกับให้ผมวนออกทางแนวซั้งที่ 3 ไปอีกรอบ และทำสัญญาณให้ผมเบาเครื่องเรือให้อยู่ระดับ 20-25
     ..เลยแนวซั้งที่  3  ออกไปประมาณครึ่งไมล์กว่า  ๆ เป็นกระต๊อบเฝ้าซั้งที่ถูกปลูกอยู่กลางทะเล มองไกล ๆ ก็โดดเด่นว้าเหว่ สำหรับคนที่ไม่ใช่ลูกทะเลจริง ๆเมื่อพี่วดีบอกให้ผมนำเรือเข้าไปเทียบที่กระต๊อบเฝ้าซั้งหลังจากเสร็จสิ้นการวนกลับไปดูแนวซั้งที่  3  อีกรอบ  พี่วดีเป็นคนโยนกระสอบ และยางกันกระแทกข้างแคมเรือ พร้อมกับเดินปาดเหงื่อกลับมานั่งข้าง ๆ ผมซึ่งยังคงยืนประคองเรือให้จอดเทียบกระไดขึ้นกระต๊อบเฝ้าซั้ง..ผมกลับหันไปมองชายฝั่งแถวหมู่บ้านพวกเราซึ่งไกลลิบ ๆ เข้าไป  เมื่อผมดับเครื่องเรือ และผูกเชือกรั้งข้างเรือทั้งหัวท้าย พี่วดีตบมือดัง ๆ และยิ้มให้
     "น้องชายพี่เก่งจัง!!  ไป..ขึ้นไปพักบนกระต๊อบหลบไอแดดดีกว่า  เดี๋ยว!! ให้พี่ขึ้นไปก่อน..เทพหยิบของกินพวกนั้นส่งตามขึ้นไป พี่จะคอยรับนะ"
     ..พี่วดีเหยียบแคมเรือที่โคลงเคลงไปมา   พร้อมกับก้าวขาขึ้นเหยียบบันไดที่ทอดยาวสูงเลยระดับน้ำทะเลขึ้นไปประมาณ 3 เมตร ภาพเด็ด ๆ และตื่นเต้นจนนึกไม่ถึง!! เมื่อพี่วดีเอี้ยวตัวมารับถุงของกิน 2-3 ถุงที่ผมส่งขึ้นไปให้ พร้อมกับพี่วดีร้อง"ว้าย!!"  เมื่อคลื่นลูกหนึ่งโถมเข้ามาอย่างแรงหอบพี่วดีจากกระไดตกลงทะเล ผมรีบวางถุงข้าวของอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เพราะแรงของคลื่นที่โถมประดังมากระทบแคมเรือ แต่มันไม่เหลือบ่ากว่าแรงสำหรับลูกทะเลหยั่งผมและพี่วดี!!
     "เร็ว ๆ เร็วส่งมือมาซิ!!"
     เสียงตะโกนของพี่วดีขณะที่ยื่นมือให้ผมจับดึงขึ้นไปบนเรือ..เนื้อตัวเปียกน้ำทะเลมะลอกมะแลก พี่วดีไอแค๊ก ๆ ทุบไหล่ผมเข้าให้ดังตุ๊บ ขณะบ่นอุบอิบ!!
     "ดูซิ!!   ไอ้เด็กบ้า!!   พี่บอกว่า..ส่งมา   ๆ  ยังแกล้งพี่ให้ตกน้ำตกท่าเปียกปอนจนได้..ไปเลย..ไปนำหน้าขึ้นไปก่อน!!" พี่วดีพูดยิ้ม ๆ งอน ๆ เก๋น่ารักไปอีกแบบ
     แต่ที่ผมรู้สึกเสียวแปล๊บไปถึงกล่องดวงใจ  เมื่อทั้งผมและพี่วดีหอบข้าวของขึ้นมานั่งหลบแดด หนีคลื่นอยู่บนกระต๊อบเฝ้าซั้งเรียบร้อยแล้วนี้ซี!!
     เนื้อตัวที่เปียกปอนของพี่วดีที่นั่งกอดเข่ามองผมอยู่น่ะซี!!   ผมไม่ทราบว่าจะกลับไปเล่าให้พวกพ้องน้องพี่ว่ายังไง?  สายตาของพี่วดีมองดูผมแปลก ๆ ออกไปคงอาจจะเพราะการอ่อนโลกและความอ่อนวัย     ผมจึงได้รับรู้หลายสิ่งหลายอย่างที่แปลก ๆ ใหม่ ๆ จากพี่วดีโดยที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน!! ผมเหลือบตาไปมองช่วงขาอ่อนซึ่งยังเปียกปอนด้วยน้ำทะเลที่พี่วดีนั่งชันเข่ามองมาที่ผมอยู่ก่อนแล้วนั้น     บวกกับความอึดอัดมราไใาได้เอ่ยพูดจาอะไรกันเกือบ  2-3 นาทีทั้งตัวผมเอง และพี่วดีต่างคนต่างก็ไม่ทราบว่า ความรู้สึกช่วงเวลานี้เป็นยังไง?
     "พี่วดีหนาวมั้ย?!" ผมไม่รู้จะเริ่มต้นระบายความอึดอัดออกมายังไง?
     "ถ้าพี่บอกว่าหนาว เพราะเทพก็เห็นแล้วว่าพี่เปียกปอนเหมือนลูกหมาตกน้ำยังงี้..เสื้อผ้าจะเปลี่ยนก็ไม่มี เทพจะให้พี่ทำยังไง?!"
     "พี่วดีเอาเสื้อของผมใส่ก่อนได้มั้ย?รังเกียจหรือเปล่า?"
     ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร  ทำให้ผมพูดโง่  ๆ  ออกไปยังงั้น  พี่วดีไม่ได้ตอบผมว่ายังไง  แต่หันหน้ากลับไปทางด้านฝากระต๊อบ  ผมมองภาพการกระทำของพี่วดีแทนคำตอบที่ลุกขึ้นยืนแล้วแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตที่เปียกโชกถอดโยนกองลงไป ตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงผมยาวประบ่าที่เปียกโชกที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าผมในตอนนั้น ก็เหลือแค่กางเกงยีนส์ขาสั้นและเสื้อชั้นในตัวจิ๋วที่ห่อหุ้มสองเต้าอวบอั๋นเพียงแค่ 2 ชิ้นเท่านั้นจริง ๆ!!
     "ไหนล่ะเสื้อของเทพที่บอกว่าจะถอดให้พี่" พี่วดีถามผมโดยไม่หันกลับมา
     "เอ้อ..เอ้อ..ผมว่า พี่วดีครับ เรากลับบ้านกันดีกว่า"
     ผมก็พูดบ้า ๆ ไม่ได้ความไปอีกที
     "บ้าซี!!  ถ้างั้นเทพหลอกให้พี่ถอดเสื้อออกทำไม? อยากดูพี่โป๊ใช่มั้ย? เรานี่บทบาทเหลือร้ายจริง ๆ ดูภายนอกเซ่อ ๆ ซ่า ๆ แต่ร้ายยิ่งกว่างูทะเล!!"
     "คือ..เอ้อ..เอ้อ..แต่ว่า" ผมมัวแต่เซ่อซ่าเหมือนคนที่ตกอยู่ในห้วงความฝันเพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะต้องประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้เหมือนกัน    ผมก้อเลยต้องกลายเป็นคนลิ้นไก่สั้นโดยมิได้เจตนา!!
     "เร็ว ๆ ..ส่งมา..แอบหลอกดูพี่โป๊ตั้งนานหลายนาทีแล้วนะ คิดรึว่าพี่ไม่รู้ทัน"
     เมื่อถึงตอนเริ่มแรกของเหตุการณ์ที่ผมประสบมาด้วยตัวเองในตอนบ่ายท่ามกลางกลิ่นอายของทะเล เรื่องราวที่ผมคิดว่าจะพลิกกลับหักเหเหมือนที่ตัวเองเฝ้าคิดตั้งแต่ต้น..และใฝ่สูงซะจนน่าอาย!!
     ผมยื่นเสื้อของตัวเองส่งไปให้พี่วดีด้วยกิริยาท่าทีที่สั่นจริง  ๆ แต่ผมต้องพบกับภาพชีวิตที่มีเลือดเนื้อจริง ๆ เมื่อพี่วดีหันกลับมายืนนิ่งจ้องหน้าผมด้วยแววตา!
     สองเต้าขาวโพลนที่เบียดกันอยู่เกือบจะล้นออกมานอกเสื้อชั้นใน  พี่วดียืนห่างกับผมในตอนนั้นเพียงแค่รู้สึกถึงลมหายใจที่ยืนใช้ความคิดแตกต่างกันออกไปต่าง   ๆ นานา
     แม้จะอยู่ในสภาพสองต่อสองตอนนั้นผมยังนึกว่า ผมฝันไป..แต่ผมจะฝันไปได้ยังไง..เมื่อเสียงพูดที่แปลก  ๆ ออกไปจากปากของพี่วดี ซึ่งผมไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ยินคำนี้มาก่อนเลย!!
     "ตกตะลึง..ตกใจหรือเปล่าเทพ!?  ที่เทพมาเห็น ได้เห็นพี่ในสภาพที่เทพไม่เคยมีโอกาสได้เห็นของผู้หญิงคนไหนมาก่อนใช่มั้ย?!!"
     "ครับ!!ไม่..ไม่..ไม่เคยเห็นครับ!!"
     "เอ้อ..ว่าแต่สำหรับเทพอย่างเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร..รับปากพี่ได้มั้ย?ว่าเทพจะปกปิดเรื่องนี้ตลอดไป ตกลงน่ะ..มาซิ!!ตรงไหน..ยังไงดี..พี่อยากรู้เหมือนกัน"
     ผมไม่ทราบว่าจะลงนรกหรือไต่สวรรค์!! แต่ผมรู้สึกผิดปกติกับบริเวณหน้าขาที่ผงาดชูชันเมื่อกางเกงขาก๊วยโดนพี่วดีเป็นคนจับรูดกองลงไป
     ผมไม่เคยอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าล่อนจ้อนต่อหน้าผู้หญิงคนไหนมาก่อน ไม่ทราบว่าผมรวบรวมเอาความกล้าพูดกับพี่วดีว่ายังไง?  เมื่อพี่วดีประคองกอดผมพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ ผมกับพี่วดีก็โน้มตัวลงนอนกอดก่ายในตอนต่อมา..
     บนกระต๊อบแคบ  ๆ กลางทะเลสำหรับใช้เป็นที่พักนอน"เฝ้าซั้ง"ซึ่งปราศจากเฟอร์นิเจอร์ใด  ๆ  มีเสียงคลื่น  เสียงลมทะเลและเสียงกระซิบกระเส่าง่าย  ๆ เหมือนเด็กยังไร้เดียงสา!!
     ไม่ทราบว่าผมเรียนรู้ด้วยตัวเองหรือธรรมชาติสั่งสอนผมมาให้ผมหัดเริ่มต้นโลมเลียซุกไซ้ และระดมจูบลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างของพี่วดี และอาการหอบหายใจถี่ ๆ เมื่อโดนผมปลดตะขอเสื้อชั้นในหลุดลุ่ยออกไป ปล่อยให้สองเต้าขาวผ่องถูกผมทั้งดูด,ทั้งอม,เลียซุกไซ้อย่างลืมตัว!!
     พี่วดีสะบัดหน้า  ส่ายหัว..พร้อมกับแอ่นสองเต้าให้ผมจูบไปทั่วอย่างเต็มใจ!!คงเหลือแต่กางเกงยีนส์เปียกน้ำที่ปกปิดร่างงามเพียงเท่านั้น   กว่าผมจะรูดมันหลุดหายออกไปพร้อมกับกางเกงชั้นในตัวจิ๋วออกไปทางปลายเท้า  ความโหนกนูน กว้างใหญ่ที่เอ่อล้นตรงบริเวณโคนขาอวบขาวที่ปรากฎอย่างเต็มตาเป็นคราที่สอง!!   ผมคิดถึงกระดองเต่าทะเลตัวย่อม  ๆ  ที่มันติดอวนมาเป็นประจำ จากสัณฐานที่เลยล้ำอวบอูมล้นหน้าขา ปรากฏรอยแยกที่ฉ่ำเยิ้มเป็นสีชมพูอ่อน บริเวณโดยรอบประดับด้วยพงหญ้าสีดำเปียกน้ำเป็นเงางามดุจเส้นไหม!!
     ผมนั่งยอง ๆ ใช้มือแหวกแหวะ สำรวจรูร่องที่กำลังฉ่ำเยิ้มของพี่วดี..ปลายนิ้วชี้งอขึ้นเหมือนเบ็ดตกปลา ผมหย่อนเบ็ดสำเร็จรูปลงไปในรูร่องลองเงี่ยงเบ็ด..พี่วดีซี๊ดปากเหมือนกินของเผ็ดแอ่นสะโพกขึ้นลงอยู่ไปมา
     ความฉ่ำเยิ้มบริเวณรูร่องตรงเนินนูนของพี่วดีทะลักล้นปรี่ออกมา เมื่อเงี่ยงเบ็ดที่หย่อนขึ้นลงเร็ว ๆ ช้า ๆ ไปเกี่ยวตรงปุ่มตาปลาเข้าพอดี!!
     "อุ้ย..ซี๊ดส์  ตรงนั้น..อย่า..อย่าทำพี่..เร็ว  ๆ หน่อยซี!! ช่วยพี่ โอว!! โอย ทำไม..เสียว..เสียวยังงี้"
     ตอนนั้นผมหน้ามืด  หูอื้อ  เมื่อพี่วดีผงกหัวขึ้นมาหน้าแดงก่ำ พร้อมกับดึงมือให้ผมทาบทับลงไป  คงจะไม่มีการพูดจาร่ำไร!!  หลังจากที่ผมทาบทับลงไป เริ่มร่ายเพลงถ่อที่พ่อให้มา พยายามจะตำลงไปที่ปากหอยกาบหรือกระดองเต่าที่ฉ่ำเยิ้มแตกอ้า..ในสภาพที่ทั้งผมและพี่วดีต่างก็ไม่เคยกับเรื่องหยั่งงี้มาก่อน บรรยากาศตอนนั้นก็ไม่ร้อนเท่าไหร่ เสียงคลื่นลมที่ขับกล่อมพร้อมใจ..แต่..ประทานโทษ!!
     ไม่ทราบว่าทำไม? ผมจึงไม่ปักปลายถ่อลงไปได้สักที!!
     "เร็ว ๆ เข้าซี!!ซี๊ดส์!!พี่..พี่จะทนไม่ไหว..อยู่แล้ว"
     ผมกัดฟันกรอด ๆ เหงื่อโชกท่วมใบหน้าเมื่อพี่วดียกเข่าสูงแล้วแบะถ่างอ้า ยันข้อศอกผงกหัวเอื้อมมือจับถ่อของผมช่วยประคองต่ำลงมา..พร้อมกับที่ผมต่ำลงไปสุด ๆ ตรงปากหอยที่ฉ่ำเยิ้มแดงร่า..เสียงดังกึ้ก..ฉึ๊ก!!และผมมีอาการเหมือนจะปวดท้องฉี่ก็ตามมาในขณะที่พี่วดีอ้าปาก หลับตา มือเท้าแขนขาเกร็งไปทั้งตัว!!
     ท่ามกลางสายลม   เสียงคลื่น   เสียงหอบหายใจและเสียงอะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่างที่ผมกับพี่วดีใช้เวลาสร้างเสียงเหล่านี้ขึ้นมา สะโพกผายงอนของพี่วดีที่ยกขึ้นรับอาการกระแทก อาการหอบหายใจถี่ ๆ อาการหนึบแน่นภายใจของพี่วดี มันตอดรัดลำถ่อของผมที่ชักขึ้นลงแต่ละทีแทบแหลกลาญ!!
     เสียงกระซิบพริ้วแผ่วแว่วหวานของ"สองเรา"เมื่อเรา"เอา"กันสองยกรวดผ่านไป..ร่างเปล่าเปลือยเปียกโชกที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยหยาดเหงื่อและเมือกไคลของเพลงพิศวาสที่ต่างวัย..กำลังจะเริ่ม"ครั้งใหม่"เมื่อตะวันกำลังจะลับขอบฟ้า!!