วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

น้าริน

 


ผมก็ได้มีโอกาสเย็ดกับน้ารินเพื่อนแม่ผมน้ารินอายุใกล้จะ60แล้วแต่ยังดูน่าเย็ดมามากและผมก็อยากเย็ดน้ารินมาโดยตลอดผมเคยไปแอบดูน้ารินอาบน้ำทุกครั้งที่แอบดูผจะชักว่าวตามตลอดเสียวมากๆแล้วอยุ่มาวันหนึ่งซึ่งผมสนิทกับน้ารินมากผมไปขอนอนที่บ้านน้ารินทำท่าหนีตำรวจน้ารินก็ให้นอนในบ้านแต่น้ารินนอนในห้องกับหลานสาวของน้าริน..แต่คืนนั้นผมไม่เคยหลับเลยจนเที่ยงคืนกว่าๆน้ารินเดินออกมาจากห้องของน้ารินมาดูตรงที่ผมนอนผมแกล้งเอาควยของผมออกมานอกกางเกงแข็งโด่อยุ่แบบนั้นน้ารินมาเห็นก็ยืนดูผมสักพักแล้วน้ารินก็ไปห้องน้ำออกมาน้ารินมาตรงที่ผมนอนแล้วเรียกผม3-4ครั้งแต่ผมไม่ตื่นน้ารินยืนดูควยผมที่หัวควยผมผงกหัวแบบนั้แล้วน้ารินนั่งยองๆข้างๆผมแล้วน้ารินใช้มือของน้ารินค่อยๆมาแตะที่ควยของผมแล้วน้ารินก็รูดขึ้นลงแล้วใช้มืออีกข้างของน้ารินเขี่ยตรงหีของน้ารินแล้วน้ารินหยุดสะกิดผมอีกครั้งแต่ผมไม่ตื่นน้ารินเลยใช้ปากของน้ารินอมควยของผมแล้วน้ารินก็ถลกชุดนอนของน้ารินขึ้นแล้วก็ค่อยๆนั่งลงมาทับที่ควยของผมจนควยของผมเข้าไปแค่หัวบานน้ารินถึงกับสะดุ้งเพราะคับแน่นมากแล้วน้ารินใช้น้ำลายป้ายตรงรูหีของน้ารินแล้วนั่งลงใหม่ที่นี้เข้าแค่หัวควยผมกระแทกส่วนเข้าไปจนมิดควยน้ารินถึงกับร้องกรี้ดออกมาแล้วบอกว่่าเอาออกเจ็บมากน้าไม่เคยเจอควยมานานแล้วผมก็แช่ไว้แบบนั้นแล้วค่อยๆโยกตัวน้ารินถึงกับร้องไห้ผมเย็ดกับน้ารินได้สักพักหลานสาวน้ารินเดินออกมาดูอายุ12ปีน้ารินดุหลานแกว่าเงียบๆแล้วมานี่แล้วแกให้หลานแกแก้ผ้าออกให้หลานมานั่งทับหน้าผมผมเลียหีหลานแกจนเยี่ยวแตกน้ารินก็ขย่มควยผมจนแตกเต็มรูหีของแก่..แล้วน้ารินก็อมควยผมคุ่กับหลานแกผมขอเย็ดหลานน้ารินน้ารินบอกว่าขนาดน้ายังจะตายแล้วหลานแกตัวแค่นี้ตายพอดีแต่หลานแกบอกขอลองมั้งผมรีบเอาน้ำมันมาเทใส่ควยแล้วเลียหีจนแฉะจากนั้นผมเอาควยจ่อตรงรูหีหลานแกค่อยๆดันเข้าไปเข้ายากมากแต่หลานแกอดทนมาพอเข้าแค่หัวก็มีเลือดออกมาผมดันเข้าจนสุดนิ่งไว้แล้วค่อยๆกระเด้าแตกจนน้ำเต็มหีหลานแกแล้วผมก็เย็ดกับน้ารินอีกจนเช้า.น้ารินออกไปขายกาแฟตอนตี5ผมก็เลยเย็ดกับหลานแกต่อแล้วน้ารินก็เข้ามาเอาไข่ลวกข้าวมาให้ผมกินแล้้วผมก็เย็ดกับน้ารินบ้างหลานแกบ้างทั้งวันจนทุกวันนี้ น้าริน สุโขทัย

โชว์ลูก

 

ผมและเมียแต่งงานอยู่กินกันมาแล้ว 8 ปี ผมทำงานเป็นพนักงานบริษัท ส่วนเมียผมทำงานขายของออนไลน์ และผมก็มีธุรกิจส่วนตัวเป็นการขายต้นไม้ด้วย เรามีลูกกัน 2 คน คนแรกเป็นลูกชายอายุ 8 ปีและลูกสาวที่ 2 อายุ 6 ปี เราอาศัยอยู่บ้านสองเดี่ยวสองชั้น ผมและเมียจะนอนแยกห้องกับลูกโดย ให้ลูกสองคนนอนห้องเดียวกัน แต่บางวันลูกก็จะมาขอนอนด้วย เมื่อก่อนผมกับเมียเรามีเซ็กกันแทบทุกวัน แต่หลังจากมีลูกเราสองคนเริ่มไม่มีเวลามีอะไรกันบ้างเพราะต้องคอยดูลูก พอลูกเริ่มโตผมกับเมียก็ฝึกให้ลูกนอนแยกห้องเพื่อเราจะได้มีเวลาส่วนตัวบ้าง โดยเวลาส่วนตัวก็คือเวลาที่เราจะได้เย็ดกัน ผมและเมียเรามีอารมณ์มากบางทีผมต้องลางานมาเพื่อเย็ดเมียเลยก็มี แต่บางทีตอนที่ส่งลูกๆเข้านอน ผมกับเมียก็รีบกลับ
ห้องไปเพื่อจะเย็ดกัน เราเล้าโลมกันอย่างหื่นกระหายจับเมียถอดเสื้อผ้า ดูดปากดูดนม เมียให้ผมนอนและขึ้นขย่มควยผมอย่างเร้าร้อน ผมจับเมียนอนจับขายกขึ้นสองข้างแล้วเอาควยเสียบไปในหีเมียและขยับเอวรัวๆ เมียผมเกร็งขา เอามือปิดปากตัวเองเพราะน่าจะเสียวมาก ผมก็ถามว่าเอามือปิดปากทำไม เมียผมก็บอกว่าเดียวลูกได้ยินเสียงผมก็บอก เมียไปว่าครางบาๆก็ได้ เมียผมก็บอกว่า ไม่ได้ถ้าถ้าครางอยากครางดังๆเพราะมันได้อารมณ์กว่า ผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เย็ดเมียจนใกล้เสร็จแต่ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ปั๊ง ๆ ๆ ผมกับเมียสะดุ้งและแยกกัน เมียผมวิ่งไปหยิบผ้าขนหนูมาใส่และผมก็เอากางเกงขาสั้นมาใส่ เมียผมวิ่งไปเปิดประตูและก็เป็นลูกผมสองคนมายืนอยู่ตรงประตู ลูกๆผมบอกว่านอนไม่หลับอยากมานอนห้องเดียวกับผมและเมีย ผมกับเมียก็ต้องยอมให้เข้ามานอนบนเตียงด้วย ผมก็มองหน้าเมียและทำหน้าเซ็งๆ เมียผมก็หันมาส่ายหน้ากับผมและบอกผมว่าให้ดูลูกไปปก่อน เดียวจะไปอาบน้ำก่อน ผมจึงนอนเซ็งอยู่บนเตียง พอเมียกลับมาผมก็ลุกไปอาบน้ำ ผมต้องไปรูดควยเอาน้ำออกเอง พอกลับมาเมียกลับลูกๆก็หลับหมดแล้ว เรื่องแบบนี้มันเกิดบ่อยมาก จนบางที่ผมกับเมียเวลามีอะไรกันต้องระแวงว่าลูกจะมาเคาะประตูไหม จนผมกับเมียก็เย็ดกันไม่ค่อยมีความสุข วันหนึ่งผมกับเมียก็เลยคุยกันว่าถ้ายังเป็นแบบนี้เราต้องหมดอารมณ์แน่ๆ ผมเลยบอกเมียผมไปว่าต่อไปเราไม่ต้องเกรงใจลูกไหม เย็ดกันให้เห็นไปเลย เมียผมก็บอกไม่เอา อายลูก ผมก็บอกไปว่าจะอายทำไมก็ลูกเราเองและลูกก็ยังเล็กไม่รู้เรื่องหรอก เมียผมก็ยังไม่ยอมแต่ผมก็ไม่ลดความพยายาม วันหนึ่งเป็นวันหยุด ผมหยุดอยู่บ้านแต่ลูกชายคนโตผมต้องไปเข้าค่ายลูกเสือ 1 คืน ทำให้ในบ้านจะเหลือแค่ผมเมียและลูกสาวคนเล็ก พอผมไปส่งลูกชายเสร็จ ผมก็กลับมาถึงบ้าน ลูกสาวคนเล็ก ก็นั่งดูการตูนอยู่บนโซฟา ส่วนเมียผมก็อยู่ในครัวผมเลยเดินเข้าไปในครัวผมก็เข้าไปกอดเมียข้างหลังเมียผมก็สะดุ้งเล็กน้อย ผมก็นัวเนียเมีย มือก็มุดเข้าไปในเสื้อจับ ถกขึ้นและเอามือค่อยๆลูบไปบนหน้าอกของเมีย  เมียผมก็บอกว่าอย่าเดียวลูกเห็นผมก็บอกเมียว่าลูกกำลังดูการ์ตูนอยู่ไม่มาในครัวหรอก ผมก็จูบเมียตอนนี้เมียผมก็คล้อยตามแล้ว ผมเลยเอามือมุดเข้าไปในกางเกงขาสั้นของเมียลูบบริเวณเนินหี ตอนนี้หีเมียผมก็เยิ้มจนได้ทีแล้ว พอดี สักพักเมียผมก็บอกว่าพอแล้ว เดียวต้องไปอาบน้ำลูกก่อน ผมเลยปล่อยตัวเมียและเมียผมก็เดินออกไปสั่งให้ลูกอาบน้ำ เมียผมก็พาลูกเข้าไปในห้องน้ำ ผมก็เลยเดินตามไป เปิดประตูห้องน้ำเมียผมก็ตกใจว่าเข้ามาทำไมผมเลยบอกลูกว่าขอพ่ออาบด้วยได้ไหม ลูกสาวผมก็บอกว่าได้สิ ผมก็เลยแก้ผ้าออกต่อหน้าลูกสาวผมและเมียเลย เมียผมก็ตกใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร และลูกก็ไม่ได้สนใจผมที่แก้ผ้าเลยด้วยซ้ำ และผมก็เลยบอกว่างั้นเรามาอาบน้ำกันทั้งหมดดีไหมลูก ลูกผมก็เห็นดีเห็นงามด้วยเพราะคงเห็นเป็นเรื่องสนุก ผมก็บอกเมียว่าลูกอยากให้อาบน้ำด้วยถอดเสื้อผ้าสิ แต่เมียผมก็บอกว่าไม่ยอม ผมเลยบอกลูกว่าแม่เขาจะไม่ยอมอาบน้ำด้วย ลูกสาวผมเลยหันไปหาเมียผมและบอกว่า ให้คุณแม่อาบน้ำด้วยสิทำไมคุณแม่ไม่ถอดเสื้อ เมียผมทนลูกงอแง้ไม่ไหวเลยยอมถอดเสื้อผ้าออก ตอนนี้เราสามคนก็ถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมดลูกผมก็ดีใจ เมียผมก็เอาสบู่มาฟอกลูกผมก็เลยชวนลูกช่วยฟอกสบู่แม่ด้วยไหม เมียผมก็ถามผมจะทำอะไร ผมก็แค่ยิ้มๆและเอาสบู่มาให้ลูกผมกับลูกก็ให้เมียผมนั่งลง และเข้าไปถูกสบู่ลูกผมก็ถูสบู่ให้เมียผมข้างหน้า ส่วนผมก็ไปข้างหลังและถูสบู่ผมถูไปเรื่อยๆและค่อยๆลูบไปเรื่อยจนถึงก้นเมียผม ผมก็ลูบไประหว่างก้นและไปลูบไปที่หีเมีย เมียผมก็สะดุ้งนิดๆแต่ไม่ได้ว่าอะไร จากนั้นผมก็เอานิ้วแหย่เข้าในหีเมียเมียผมก็ครางออกมาเล็กๆผมก็แหย่เข้าแหย่ออกอยู่จนเมียผม ร้องซี๊ดดังมากจนลูกถามว่าเป็นอะไร เมียผมก็บอกว่าพ่อถูสบู่แรงไป ลูกผมเลยบอกให้ผมถูแม่เบาๆ เมียผมก็หยิบฝักบัวมาล้างตัวให้ลูกสาวผมเลยบอกให้เมียผมลุกขึ้นและผมก็จับเมียแอ่นก้นและเอานิ้วแหย่หีต่อ เมียผมก็กระดกก้นขึ้นและค่อยๆโยกเอวกับนิ้วผมผมเลยรู้ว่าเมียผมอยากมากๆแล้ว ผมเลยเอานิ้วออกและเอาควยไปจ่อที่หีแล้วค่อยๆดันเข้าไป เมียผมร้องครางออกมาดังมาก ลูกก็ถามว่าพ่อทำอะไรแม่ ผมก็บอกไปว่าช่วยแม่นวดตัวอยู่แม่เขาปวดตัวผมก็เอามือสองข้างจับที่เอวเมียผมและค่อยๆทำเป็นนวดแต่เอวผมก็ค่อยๆซอยหีเมียอย่างช้าๆ เมียผมก็บอกว่า ใช่ๆแม่ปวดเอวพ่อเข้ากำลัง...ง....นวด...อ๊า..อา เอวแม่อยู่ ผมเลยบอกว่าเดียวพ่อจะนวดแม่เร็วๆ แม่เขาจะร้องดังนิดนึงลูกจะว่าอะไรไหม ลูกก็บอกว่าไม่เป็นไรค่ะพ่อนวดคุณแม่แรงๆได้เลยค่ะ ผมเลยเร่งความเร็วและกระแทกหีเมียผมดังตั๊บๆๆ เมียผมก็ร้องครางดังขึ้นมา โอ๊ยยยซี๊ด อ๊า แบบนั้นแหละผัวค่า นวดเมียแบบนั้นแหละ เมียผมตอนนี้ได้ปลดปล่อยเต็มที่แล้ว ผมก็บอกลูกว่าอาบน้ำเสร็จแล้วออกไปนั่งดูการ์ตูนต่อได้เลยเดียวพ่อจะนวดแม่อีกแปป ลูกสาวผมก็เดินออกจากห้องน้ำไปนั่งดูการ์ตูนตรงโซฟาต่อ พอลูกเดินออกไปเมียผมก็หันมาบอกผมว่า เอาให้เต็มที่เลยเมียไม่ไหวแล้วผัวค่าลูกจะเห็นก็ไม่เป็นไร ผมเลยจับเมียคุกเข่าท่าหมาและกระแทกควยเข้าออกหีเมียอย่างแรก เมียผมก็ก็ครางออกมาโดยไม่กลัวลูกจะได้ยิน แบบนั้นแหละผัวค่า กระแทกเข้ามาแรงๆเมียจะเสร็จแล้ว ผมก็กระแทกเมียผมอีกสองสามที เมียผมก็กระตุกแรงๆ และพอผมดึงควยผมออกมาน้ำหีเมียก็พุ่งออกมาใส่ผม เมียผมก็บอกว่าเสร็จแล้ว ผมก็ถามว่าแล้วผัวยังไม่เสร็จเมียจะช่วยผัวต่อได้ป่าว เมียผมยิ้มให้และนอนโก่งตูดตรงพื้นห้องน้ำ และบอกว่า เต็มที่เลยค่ะผัวขาแตกใส่หีเมียเลย ผมเลยสนองเมียให้ผมก็จับควยัดเข้าไปในหีเมีย และกระแทกๆ ผมก็ตบตูดเมียไปด้วย เมียก็กระตุกตามที่ผมตบ จนผมเสร็จผมก็บอกเมียว่า ผัวเสร็จแล้วๆๆแตกในนะ เมียก็บอกว่าจะเสร็จรอบสองเหมือนกัน เสร็จพร้อมเลยเลยผมก็กระแทกเน้นๆไปสี่ห้าที เมียผมก็ครางดังๆยาวๆมา ตอนนี้เมียก็เสร็จและผมก็เสร็จเข้าไปในหีเมีย พอผมดึงควยออกมาน้ำควยก็ไหลออกจะหีเมียผม ยืดเป็นทาง เมียผมก็หันมาจูบผมแล้วบอกว่าชอบแบบนี้อยากได้แบบนี้อีก ไม่อายลูกแล้ว ผมก็เลยบอกว่างั้นวันนี้ผัวจะจัดเมียทั้งวันเลยนะ เมียผมก็ยิ้มๆลุกขึ้นโดยมีน้ำควยไหลตามขา เมียผมก็เดินออกจากห้องน้ำโดยไม่นุ่งอะไร และหันมาบอกว่าให้รีบตามมาวันนี้เราจะเย็ดกันทั้งวันไม่ใช่หรอก็ไม่ต้องใส่เสื้อผ้าหรอก ผมและเมียก็เดินแก้ผ้าออกมาหาลูกลูกก็บอกว่า พ่อกับแม่ไม่แต่งตัวหรอ เมียผมเลยบอกว่าวันนี้พ่อเขาจะนวดแม่ทั้งวัน แม่เลยไม่ใส่ ลูกผมก็ไม่รู้เรื่องก็พยักหน้าตอบมาแบบไม่เข้าใจ วันนั้นผมกับเมียก็เย็ดกันทั้งวัน ทั้งตรงโซฟาโดยมีลูกนั่งดูการ์ตูนอยู่ข้างๆ  และเมียผมก็สอนการบ้านลูกไป โดยมีผมกำลังเย็ดอยู่ข้างหลัง บางทีเมียผมก็ร้องดังจนลูกรำคาญให้เสียงเบาๆ เมียผมก็จะบอกไปว่า พ่อเข้านวดเก่งแม่เลยต้องร้องดังๆนะลูก และบางทีเมียผมก็ดูดควยผมลูกก็ถามกำลังทำอะไร เมียผมก็ก็บอกว่าทำความสะอาดให้พ่อบ้างพ่อเข้านวดจนเหนื่อยแล้ว พอกลางคืนลูกสาวผมวันนี้อยู่คนเดียวเลยต้องมานอนห้องเดียวกับผมพอเปิดประตูมาก็เจอเมียผมกำลังขย่มผมอยู่แต่ตอนนี้เมียผมไม่สนอะไรแล้ว ก็ยังขย่มต่อไปแล้วหันไปบอกลูกว่า แม่จะนวดเสร็จแล้ว...ว...ว ลูกรอแปปนึงนะแม่จะ...เสร็จแล้วว แล้วเมียผมก็น้ำแตกพุ่งออกมา และเมียผมก็นอนบนตัวผมและเรียกให้ลูกสาวเข้ามาได้ เราก็นอนกันสามคน

จับแม่ทำเมียน้อย

 

ผมจะขอเล่าเรื่องเสียวประสบการณ์เซ็กส์ที่ผมเย็ดหีแม่เอาแม่ทำเมียน้อยให้ฟังนะครับ คุณแม่ผมอายุ 44 แล้ว ทำงานเป็นผู้ช่วยผู้บริหารในบริษัทแห่งหนึ่ง ส่วนผมอายุ 23 พอ เรียนจบมหาลัยก็มีเมียและได้ทำงานในหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ แต่เนื่องจากคุณพ่อนอนป่วยมาเป็นเวลานาน ผมกับแม่เริ่มมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งแต่ยังไม่ถึงขนาดมีอะไรกันนอกจากกอดๆ จูบๆ จับนมจับหี ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา พอเงี่ยนจัดผมก็ตกเบ็ดให้แม่แล้วผมก็ไปเอากับเมียซึ่งเมียผมก็ไม่ได้หึงหวงอะไร

แต่นานเข้าผมรู้สึกสงสารแม่ที่ไม่ได้รับความสุขที่แท้จริง ก่อนพ่อป่วยผมรู้ว่าพ่อกับแม่เอากันเกือบทุกวันเพราะแม่ผมเป็นคนสวย รูปร่างดี หีสวย นมสวย เมียผมอายุเท่าผมยังสู้ไม่ได้ จนกระทั่งวันหนึ่งผมเอารูปเปลือยของแม่ไปลงประกาศหาคนที่สนใจในเว็บสวิง ปรากฎว่ามีคนสนใจติดต่อเข้ามาเยอะมาก ผมให้แม่เลือกเอง แม่เลือกไว้สาม คน โทร.นัดเจอกันวันเสาร์ที่บางปู บ้านผมอยู่แถวศรีนครินทรก็ไปไม่ไกลนัก


ผมตัดสินใจไปเป็นเพื่อนแม่เพราะยังไม่ไว้ใจกลัวแม่เป็นอันตราย เมียผมก็อยากไปด้วยเพราะชอบฟังเพลงและไปดูเขาเต้นรำแต่ผมให้อยู่ดูแลพ่อ ถึงวันนัดมีมาตามนัดสองคน อีกคนแจ้งว่าอยู่ไกลมาไม่สะดวกแม่ผมนัดกระทันหันเกินไป แม่ผมแต่งตัวเรียบๆไม่โป๊เลย อาศัย ว่าหุ่นเธอดีอยู่แล้วผมยิ่งมองก็ยิ่งสวย ผมได้ความหล่อเพราะเชื้อแม่นี่เอง ผู้ชายที่มาตามนัดหน้าตาดี คนหนึ่งอายุสามสิบต้นๆ อีกคนอายุสามสิบปลายๆ ตรงสเปคแม่ผม ทุกคน คุยกันสนุกสนานเป็นกันเองเหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน


แม่ผมเต้นรำไม่เก่งแต่ก็อยากเต้น ดูเธอมีความสุขมากผมไม่เคยเห็นแม่หัวเราะมานานเป็นปีแล้ว จนใกล้เลิกตอนสามทุ่ม ผม เห็นแม่ทำตาเยิ้มเวลาพูดทั้งที่ปกติเป็นคนตาโต รู้ว่าแม่คงมีอารมณ์แล้ว ผมจึงชวนแม่ออกไปเต้นรำบอกเธอว่าแม่ต้องเลือกเอาคนใดคนหนึ่งแล้ว แม่บอกว่ารักพี่เสียดายน้อง เห็น เป็นคนดีทั้งคู่ ผมรู้ว่าแม่จะพูดอะไรต่อผมเลยรีบบอกว่าแม่ต้องเลือกไม่งั้นผมไล่กลับหมด ผมจ้องมองหน้าอกแม่ด้วยความเสียดาย แม่ใส่เสื้อปิดมิดชิดก็จริงแต่มองดูก็รู้ว่าข้างในมีของดีซ่อนอยู่


ผมเคยเห็นของจริงสวยมากและมีโอกาสได้จับบ้าง ไม่รู้ว่าคืนนี้ใครจะโชคดี แม่ทำท่าตัดสินใจแล้วผมก็เดาถูกที่แม่เลือกเอาคนอายุน้อยกว่าเพราะดูดีกว่า กันเยอะ ผมกลับมานั่งโต๊ะพอดีดนตรีเลิก ผมบอกกับพี่ผู้ชายคนอายุมากกว่าว่าขอบคุณที่มารู้จักกัน วันนี้ ขอเพียงแค่นี้ก่อนเพราะแม่ผมอยากกลับไปพักผ่อน ผมอยากไปเที่ยวต่อกับพี่อีกคนหนึ่ง เขาก็เหมือนรู้บอกว่าไม่เป็นไรไว้โอกาสหน้าคงมีโอกาสได้ไปเที่ยวต่อกับผมบ้าง แล้วก็จับมือแสดงความยินดีกับคู่แข่ง


ผมรู้สึกสงสารเพราะดูรู้ว่าเขาชอบแม่ผมมาก แม่ผมดึงมือเขาออกไปกระซิบอะไรเบาๆ สองสามคำ เห็นเขาพยักหน้าแล้วก็อำลาทุกคนเดินออกไป ผมถามแม่ว่าจะไปต่อที่บ้านหรือที่โรงแรม ถ้าไปโรงแรมผมก็เป็นห่วงเพราะแม่ผมใส่เพ็ชรใส่ทองเต็มตัว เลยตกลงว่าไปต่อที่บ้าน แม่ขอผมไปนั่งรถกิ๊กเพราะกลัวจะไปไม่ถูกและให้ผมขับรถแม่กลับบ้านเอง ผมเป็นคนขับรถเร็วมาถึงบ้านก่อน รออยู่นานแม่ก็ยังไม่มารู้สึกเป็นห่วงเลยโทร.ตาม


แม่บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงกำลังจอดรถคุยกันอยู่ ผมบอกว่าทำไมไม่มาคุยกันที่บ้าน แม่บอกว่าไม่สบายใจไม่อยากนอนกับคนอื่นบนเตียงที่พ่อเคยนอน ผม เลยเดาเอาว่าแม่คงเข้าม่านรูดกับกิ๊กไปแล้ว ผมตั้งใจว่าจะแอบดูแม่ผมโดน*ซะหน่อยเลยอดดูกัน เมื่อคืนผมนอนไม่หลับเลย กอดจูบเมียก็คิดว่ากอดจูบแม่เย็ดเมียก็คิดถึงแม่ว่ากำลังโดนคนอื่นเย็ด แม่โทร.มาตอนตีหนึ่งบอกไม่ต้องเป็นห่วงแม่มีความสุขมากยังไม่อยากกลับบ้าน แม่ขอนอนค้างที่โรงแรม เสียงแม่สั่นๆ ผมบอกให้แม่รีบกลับแต่แม่กดปิดโทรศัพท์ไปก่อน


ผมควยแข็งขึ้นมาทันทีเมื่อนึกว่าแม่คงถูกเย็ดทั้งคืน เมียก็นอนหลับสนิทแล้วไม่อยากปลุกขึ้นมาเบิ้ล จนเกือบสว่างผมได้ยินเสียงรถมาจอดหน้าบ้านรู้ว่าแม่กลับมาแล้ว ผมรีบลุกไปเปิดประตูบ้านเห็นแม่เดินอย่างอ่อนแรงผ่านประตูรั้วเข้ามา ผมจูงแม่ขึ้นไปส่งบนห้อง ประตูห้องยังไม่ทันปิดผมก็ดึงแม่เข้าไปกอดจูบอย่างหิวกระหาย แม่ไม่ขัดขืนผมเลยแต่ขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและเข้าห้องน้ำ ผมไม่ยอมแล้วครับผมจัดการถอดเสื้อผ้าให้แม่ด้วยมือผมเอง


แม่นอนหงายไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย กลิ่นน้ำหอมที่แม่ฉีดไว้ตั้งแต่เย็นวานยังหอมกรุ่นทั้งตัว ผมจูบลูบไล้ไปทุกส่วนตั้งแต่เส้นผมจนถึงปลายเท้า ตรงร่องหีมีรอยช้ำเล็กน้อย มี กลิ่นคาวติดอยู่นิดหน่อยแม่คงล้างทำความสะอาดมาบ้างแล้ว ผมชอบนมแม่มากขนาดนอนหงายยังตั้งเต้ากลมหัวนมแหลมเล็กสีแดงอมชมภูสวยกว่า เมียผมมาก ผมทั้งดูดทั้งคลึง ผมคงไม่มีเวลาคิดเรื่องผิดถูกชั่วดีอะไรอีกแล้ว ผมเอาควยถูตรงปากรูสกิดโดนเม็ดแตดแม่


เสียง แม่ร้อง อย่า อย่า แต่กอดผมแน่นแอ่นหีร่า ผมไม่ฟังเสียงยอมดื้อกับแม่ซักวัน ผมกระแทกควยใส่หีแม่ทีเดียวจมมิดด้าม ผมโยกต่อไปด้วยความมัน แม่นอนส่ายหน้าไปมาน้ำตาซึมผมไม่รู้ว่าแม่คิดอะไร ผมชักเข้าชักออกอยู่นาน จับแม่พลิกคว่ำพลิกหงายเปลี่ยนท่าไปเรื่อยๆ ผมอยากลองเย็ดตูดแม่แต่กลัวแม่เจ็บ ตูดแม่สวยมากผมเลยใช้ลิ้นเลียรูตูดแทนแล้วใช้นิ้วแหย่เข้าไปจนสุดแม่ชอบมาก


ฟ้าเริ่มสว่างแล้วผมกลัวเมียผมจะตื่นผมเลยรีบเผด็จศึกในท่านอนนอนหงายยกขา แนบอก ควยผมเข้าลึกยันมดลูกและซอยควยรัวๆ ใส่หีแม่จนแตกใน พาแม่ขึ้นสวรรค์ไปพร้อมกัน ปัจจุบันพ่อผมเสียแล้ว แม่ยอมเป็นเมียน้อยของผมด้วยความเต็มใจและแม่ไม่ยอมไปยุ่งเกี่ยวกับใครอีกเลย ผมหลงใหลและติดใจในรสรักของแม่มากแต่ก็ไม่ละเลยที่จะให้ความสุขกับเมียรักอย่างสม่ำเสมอ

จุดจบยอดนักเย็ด #2

 

 
 


==================

ชีวิตประจำวันของผมก็ยังวนเวียนอยู่แต่กับเรื่องงาน เรื่องผู้หญิง สลับกับการสังรรค์ออกดื่มกับเพื่อนๆ บ้างตามประสาหนุ่มโสด เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนจบใหม่ๆ จนตอนนี้ก็ล่วงเลยมาครบ 10 ปีแล้ว แต่ผมก็ยังไม่เคยเบื่อ และไม่เคยคิดอยากหาแฟนเป็นตัวเป็นตนเหมือนเพื่อนๆ คนอื่นๆ เขา ก็แหม ผมเองก็ไม่ได้ห่างเหินจากเรื่องสาวๆ เลยนี่ครับ ไอ้ครั้งจะให้ไปหยุดอยู่กับผู้หญิงคนเดียวคนเดิม มันก็ดูจะน่าเบื่อเกินไปไม่ใช่เหรอ สู้คอยเปลี่ยนสาวๆ ในสต็อคไปเรื่อยๆ ลิ้มลองรสชาติใหม่ๆ แบบนี้ยังจะดีกว่าเสียอีก นี่ล่าสุดก็พึ่งไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้กับไอ้ปืน เพื่อนในกลุ่มที่พึ่งสละโสดไปหมาดๆ เฮ้อ ไอ้พวกนี้มันจะรีบโยนอิสระทิ้งทำไมกันน้า

“เออลุง ถามไรหน่อยดิ” กุ๊กเอ่ยถามขึ้นมากลางวงเหล้าที่มีผม พี่จ๋อง ไอ้เบส และไอ้แมนเพื่อนสนิทอีกคนนั่งล้อมวงกันอยู่ในร้านประจำไม่ใกล้ไม่ไกลจากบริษัทนัก
“จะแซวอะไรกูอีกล่ะ ทำเสียงซะจริงจังเลยมึง” ผมคีบน้ำแข็งเติมใส่แก้วแบบไม่ได้หันไปมองมัน
“แหมมมม... หนูยังไม่ได้แซวไรเลยนะวันนี้ แค่จะถามว่าช่วงนี้ว่างเหรอ เห็นมานั่งกินกับพวกหนูตลอด ไม่ดอดไปหาสาวๆ รึไง อิอิอิ”

“นั่นไง ดูทรงก็รู้แล้วว่ามึ๊งงงงต้องเล่นกูแน่ ทำไมวะ คนจะกินเหล้ากับเพื่อนๆ ที่ทำงานบ้างไม่ได้รึไง?”
“เอ๋าา ก็เห็นไม่ได้จิ๊ะจ๊ะกับน้องออยคนนั้นตั้งนานแล้วนี่ เลิกกันแล้วหราาา?” ยัยกุ๊กยังแกล้งถามต่อ น้ำเสียงเชิญชวนน่าเคาะกะโหลกมาก
“เรื่องส่วนตัวเฟ้ย เด็กอย่ายุ่ง นี่แน่ะ” ผมพูดจบก็ดีดหน้าผากมันไปทีนึงเบาๆ แม่งก็ช่างรู้ดีนัก เพราะช่วงหลังๆ นี้ผมก็เริ่มเบื่อลีลาเดิมๆ ของน้องออยซะแล้ว ก็เลยไม่ค่อยได้ติดต่อพูดคุยอะไรกับเธอซักเท่าไหร่ ส่วนออยเองก็ดูเหมือนจะมีหนุ่มๆ มาติดพันเธอไม่ขาดสายเช่นกัน สุดท้ายแล้วช่วงนี้ผมก็เลยต้องมานั่งทนให้ไอ้กุ๊กมันจิกกัดอยู่ข้างๆ เนี่ย เฮ้อ

“ว่าแต่ที่ถามเนี่ย ทำไม? จะขออาสาเข้ามาแทนที่เค้ารึไงครับ?” ผมแกล้งแซวมันกลับไปบ้าง
“หึ่ยย ไม่มีทางอ้ะ อย่างลุงเนี่ยไม่ได้แอ้มหนูหรอก ถ้าหน้าแบบมาริโอ้จะไม่ว่าซักคำ” ยัยนี่มันก็ช่างปากคอเราะร้ายเหลือเกิน ช่วงหลังๆ ผมก็เริ่มจะเถียงไม่ทันมันแล้ว
“อ้าว ก็นี่ไง ซูเปอร์มาริโอ้เนี่ย ตัวเป็นๆ เลย” ผมพูดแล้วทำท่ายกไม้ยกมือกระโดดแบบตัวการ์ตูนมาริโอ้ เล่นเอาคนในวงขำก๊ากไม่เว้นแม้แต่ยัยกุ๊กไก่
“ระวังเถอะมึงสองตัว ชอบกัดกันดีนัก เดี๋ยวสุดท้ายก็ได้กันเองจนได้” พี่จ๋องร้องแซวอย่างอารมณ์ดี
ยิ่งเหล้าเข้าปากมากขึ้นเท่าไหร่ เราก็ยิ่งชวนกันคุยเรื่องทะลึ่งตึงตังขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะยัยกุ๊กกับไอ้เบสที่ไม่ได้ขับรถมาทำงาน แม่งกินกันยังกับน้ำเปล่า เติมแล้วเติมอีกไม่เห็นใจรุ่นพี่อย่างพวกผมกันบ้างเลย

“มีคำถามอีกแล้ววว” กุ๊กร้องขึ้นพลางยกมือหรา
“ไรอีกล่ะเอ็ง?”
“เวลาลุงตับๆ กับสาวๆ อ่ะ เคยเจอเคสแปลกๆ มั่งป่าววว?” นั่นไง พอเมาแล้วลามปามนะไอ้นี่
“แปลกๆ ยังไงวะ แต่ละคนมันก็ไม่เหมือนกันป่ะไอ้บ้า”
“โห่ ไม่ดิ ก็แบบ... แบบพวกที่ซาดิสม์ๆ หรืออารมณ์รุนแรงไรเงี้ยมีมั่งป่าว?”
“อารมณ์แรงๆ เหรอ...? ก็เห็นเยอะแยะไป มันก็เรื่องปกตินี่หว่า”
“ยังไงๆ เล่าเลย”

“มึงนี่เซ้าซี้ชิบหาย ก็อย่างบางคนที่ลุคเค้าดูเรียบร้อยๆ แต่เวลาอยู่บนเตียงก็ปล่อยเต็มที่ไม่มีกั๊กนั่นแหละ ยิ่งพวกที่ทำงานเครียดๆ กดดันแบบพวกหัวหน้าคน หรือพวกหมออะไรพวกนี้ เค้าก็มาปลดปล่อยความเครียดลงบนเตียงไง เข้าใจยัง”
“โหหหหห ลุงเคยได้กับหมอด้วยเหรอ?” กุ๊กถามตาโต
“ทำไมวะ ก็คนมันมีสเน่ห์ หน้าตาดี ลีลาเด็ด ผู้หญิงเค้าก็อยากลิ้มอยากลองเป็นธรรมดาป่ะ?”
“แหวะ หลงตัวเอง”
“หมอนี่หมอนวดรึเปล่าพี่?” ไอ้เบสยิงมุกขึ้นมากลางวง เล่นเอาต้องขำก๊ากกันอีกรอบ ไอ้พวกนิ่งๆ เงียบๆ แบบนี้แหละครับ เวลาเล่นมุกทีคนฮากันชิบหาย

เรากินกันอีกพักใหญ่ก็พากันเช็คบิลและเตรียมแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน ผมเองดื่มไปไม่หนักเท่าไหร่ เพราะรู้ตัวดีว่าต้องขับรถกลับบ้านแน่ๆ ไม่ต่างอะไรกับพี่จ๋องและไอ้แมนที่เอารถมาเหมือนกัน ส่วนไอ้เบสนี่แม่งรู้กันดีอยู่แล้วว่าโคตรพ่อโคตรแม่คอทองแดง เหล้าอะไรก็เอาแม่งไม่ลง จะเหลือก็แค่ยัยกุ๊กไก่นี่แหละที่ตอนนี้ป้อแป้สติสตังค์ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ด้วยความที่พี่จ๋องเองก็ต้องรีบกลับบ้านไปหาครอบครัว ส่วนไอ้แมนก็ไม่ได้คุ้นเคยกับน้องๆ มากนัก ผมเลยรับอาสาขับรถพาน้องๆ ไปส่งบ้านเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ

เราช่วยกันหิ้วปีกกุ๊กไปนอนเบาะหลังให้มันนอนสะดวกๆ คนเดียว ส่วนไอ้เบสก็ขึ้นมานั่งข้างคนขับ คอยชวนผมคุยแก้ง่วงไปตามเรื่องตามราว ผมแวะส่งไอ้เบสที่บ้านก่อนด้วยความที่บ้านมันอยู่ใกล้สุด ร่ำลากันลวกๆ แล้วก็ขับพายัยกุ๊กที่ไม่ได้สติเพื่อไปส่งคอนโดพี่สาวมันแถวๆ รัชดา ผมเองมีเบอร์พี่สาวมันอยู่แล้ว ก็เลยไม่มีปัญหาอะไร โทรนัดแนะเตรียมให้เธอลงมารับหน้าคอนโดแล้วก็ขับไปตามทางเรื่อยๆ

บนรถปกคลุมไปด้วยความเงียบสนิท ผมชำเลืองมองกระจกหลัง เห็นกุ๊กกำลังนอนหลับสนิทอย่างสบายใจเฉิบ มุมปากมีคราบน้ำลายเกาะแห้งเป็นทาง ไม่มีสภาพความเป็นกุลสตรีเล้ยแม่คุณเอ๊ย ด้วยความที่มันนอนตะแคงหันข้างออกมา ทำให้เสื้อยืดคอกว้างสีเทาเปิดอ้าอาก เผยให้เห็นเนินอกอวบๆ จากสองเต้าที่บดเบียดกัน ทะลักออกมาตามช่องคอเสื้อจนเห็นเป็นก้อนนูนๆ ที่ยุบไปตามแรงกด ซึ่งต้องยอมรับว่านมใหญ่พอสมควรด้วยความที่มันเป็นคนร่างอ้วน ทำให้ไขมันตรงอกก็เยอะตามไปด้วย ผมแอบมองอยู่พักหนึ่งจนต้องเผลอกลืนน้ำลายเบาๆ ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยมองเห็นภาพกุ๊กในแง่มุมของความเป็นผู้หญิงแบบจริงๆ จังๆ มาก่อน จนกระทั่งวันนี้ที่ได้เห็นเนินอกมันเต็มๆ นี่แหละ

ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อ ผมก็พาตัวเองมาถึงหน้าคอนโดพี่สาวมันซะแล้ว เห็นพี่สาวมันยืนรอรับอยู่หน้าร้าน MaxValuในชุดนอนกางเกงนอนแบบเข้าชุด สวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าฝ้ายสีแดงเข้ม อืม พอเทียบกันแล้วพี่สาวมันก็หน้าตาหมวยๆ ไม่ต่างอะไรจากมันเท่าไหร่ ต่างกันแค่เธอไว้ผมยาวเลยไหล่ดูออกสาวๆ ในขณะที่กุ๊กตัดผมซอยสั้นเปิดติ่งหู เช่นเดียวกับรูปร่างของทั้งคู่ที่สวนทางกันไปคนละเรื่อง เพราะพี่มันตัวสูงกว่า และผอมเพรียวกว่า ขณะที่ยัยกุ๊กนั้นทั้งเตี้ยกว่า แถมยังอวบกว่าจนแทบจะเรียกว่าอ้วนอยู่แล้ว ก็ยิ่งทำให้เห็นภาพเปรียบเทียบความเป็นหญิงของพี่น้องคู่นี้ชัดเจนขึ้นไปอีก

“ขอบคุณนะคะพี่โจ้” น้องแก้ว สาวออฟฟิศวัย 30 เอ่ยทักขึ้นเมื่อผมเปิดประตูลงจากรถ
“ไม่เป็นไรจ้ะ มาพี่ช่วยผยุงมันขึ้นห้องนะ” ผมอาสาช่วยเธอหิ้วปากยัยน้องสาวจอมอวบขึ้นไปส่งถึงห้อง แม้ว่าน้องแก้วจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว แต่ผมก็มักจะแอบคิดอะไรทะลึ่งๆ เวลาที่เจอหน้าเธอทุกที หน้าหมวยๆ น่ารักๆ แบบนี้เวลาโดนเย็ดหนักๆ เธอจะทำหน้ายังไงกันนะ แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรจริงจังหรอกครับ เพราะกลัวจะเข้าหน้ายัยกุ๊กไก่ที่ทำงานไม่ติด ข้อหาไปยุ่มย่ามกับพี่สาวมันนั่นแหละ ผมส่งกุ๊กถึงห้องเสร็จแล้วก็เดินลงลิฟท์มากับเธอ เราสองคนกล่าวลากันเรียบๆ แล้วผมก็ขับรถกลับบ้านโดยที่เธอยืนมองอยู่เงียบๆ จนรถผมเลี้ยวลับมา

วันเวลาก็ยังเดินหน้าไปตามเส้นทางของมัน ผมเองก็ยังคงใช้ชีวิตในแบบฉบับหนุ่มโสดต่อไปเหมือนเดิม จะต่างออกไปก็ตรงที่ สาวๆ ซึ่งสลับวนเวียนกันเข้ามาในชีวิตนี่แหละ ที่คอยจะเปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ ไม่ซ้ำหน้ากัน แม้จะมีบางคนที่ยังแอบแวะกลับมาซ้ำให้พอกระชุ่มกระชวยบ้างนานๆ ที

“อืมมมมมม์...... ” คือเสียงครางกระเส่าที่หลุดลอดออกมาจากปากของสาวสวย ซึ่งกำลังบดอัดสะโพกของเธออยู่ข้างบนตัวผมด้วยความเร้าใจ ในขณะที่ผมเองก็นอนเอนหลังพิงกับหัวเตียง สองมือเกาะกุมเต้านมของเธอด้วยปลายนิ้วทั้งห้า สลับกับการก้มลงไปดูดเลียมันอย่างหิวกระหาย อาภรณ์ของเธอหลุดลุ่ย เสื้อเชิ้ตแขนยาวกับกระโปรงทรงเอสีดำกองตกอยู่ที่พื้นห้อง ยกทรงผ้าลื่นหลุดหายไปไหนแล้วไม่รู้ กางเกงในตัวจิ๋วสีครีมพาดคาอยู่ที่ข้อเท้าซ้าย
“เสียวมั้ยครับแจน?” ผมเอ่ยปากถามกระตุ้นอารมณ์เธอเหมือนทุกที
“อืออออ...ออออ... เสียววววว....ค่ะ โอวววว์...” ผมปล่อยให้เธอขย่มอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะจับเธอเปลี่ยนท่าให้เธอนอนะแคงข้าง แล้วจ่อท่อนควยแข็งปั๋งมุดเข้าไปในร่องเสียวเธอจากด้านหลังทีละน้อย ค่อยๆ กระเด้าเอวแบบเนิบๆ เป็นการยั่วอารมณ์เธอให้พุ่งสูงขึ้นไปอีก ผมรู้ดีเลยว่าท่านี้เธอชอบมาก เพราะลำควยอวบๆ มันบดบี้ครูดกับติ่งเสียวของเธอไปด้วยเวลาที่สาวเข้าออกยาวๆ

“ฮืออออ..... อออ ทำแรงๆ.... เลยค่ะโจ้...” เธอครวญครางร้องขอให้ผมกระแทกแรงขึ้นอีก แต่ผมเองยังต้องการแกล้งยั่วเธอให้ร่านหนักกว่านี้
“ทำอะไร.... แรงๆ ครับ” ผมแกล้งถามทั้งๆ ที่ท่อนควยยังคงสาวเข้าออกช้าๆ ในตัวเธอ
“อึ่กกก.... อือออออ.... ช่วยเย็ดแรงๆ ได้มั้ยคะ? กระแทกหีแรงๆ อ่ะ..!” น้ำเสียงเธอเริ่มขุ่นมัว แต่ยังแฝงไว้ด้วยความร่านอยู่ลึกๆ อาห์ ผมล่ะโคตรสะใจเลยเวลาที่ออกแรงกระเด้าเย็ดจนสาวๆ ที่ดูติ๋มๆ เรียบร้อย ต้องยอมปลดปล่อยอารมณ์ความอยากที่ซุกซ่อนอยู่ภายในออกมาจนหมดเปลือก โดยเฉพาะคุณหมอคนสวยอย่างเธอ

อืมม... หมอแจน หญิงสาวที่ประสบความสำเร็จในชีวิตตั้งแต่ในวัย 30 ต้นๆ ทั้งหน้าตาที่สะสวย เฉลียวฉลาด อาชีพการงานก็ดี แถมยังมีหน้ามีตาทางสังคม เคยปรากฏชื่อในนิตยสารสุขภาพอยู่บ่อยๆ ท่าทีตอนแรกของเธอก็ดูหวงเนื้อหวงตัวเป็นกุลสตรีดีอยู่หรอก แต่พอได้มาโดนท่อนควยใหญ่ๆ คว้านขยี้รูหีของเธอแบบถึงใจ สุดท้ายก็ถึงกับเงี่ยนง่าน ต้องแอบหนีแฟนมานอนโก่งโค้งให้ผมเย็ดอยู่แบบนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

“อาาาาห์..... อาาาาาาาห์.... อ๊าาาาาาา!” เสียงเธอร้องลั่นห้องเมื่อผมกระเด้าเย็ดเธอแบบเน้นๆ เส้นผมดำขลับของเธอพริ้วสยายไปตามจังหวะกระแทกจนมันยุ่งเหยิงไปหมด เม็ดเหงื่อผุดโซมกายเราทั้งคู่ ทั้งๆ ที่แอร์ในห้องก็เปิดไว้จนเย็นฉ่ำ
“อ๋าาาาา....! โจ้ แจนเสียวหี... โอ๊ยยย ควยโจ้ใหญ่สะใจเหลือเกิน....อ๊ะ.. อ๋าาาา กระแทกแรงงง... แรงงงงง”
“อูยยยย.. แจนจ๋า หีแจนตอดควยเหลือเกิน โจ้เสียวหัว.... ชะมัดเลยยย” ผมพูดไปพลางเอามือตบก้นเธอเบาๆ ดังเพี้ยะ บีบคลึงบั้นท้ายกลมกลึงด้วยความหมั่นเขี้ยว ภาพแคมหีของเธอที่กำลังอ้าหุบ รูดควยผมเข้าออกไปมาจนมันเปียกเยิ้มไปทั้งลำ ชวนให้อารมณ์เงี่ยนของผมพุ่งทะยานสูงขึ้น

“ฮืออออ.... โอ้ววว... แจนจะแตกแล้วนะ ฮือ... เค้าขอแตกนะ”
“ได้ครับแจน เดี๋ยวผมจะเย็ดแจนให้น้ำแตกคาควยผมเลยนะ”
“อ๊าาาา... าาาา อ๊าาาาาาาา..... แจน... แจน..... อ๊ายยยยยยยยยยยยยยย.....ซี้ดดด ”
ผมอัดควยซอยตั้บๆๆ ได้ไม่นานแจนก็เหมือนจะทนความเสียวไม่ไหว สูดปากร้องกรี๊ด ตัวกระตุกตอดหงึกๆ ฟุบหน้าลงบนเตียงอย่างอ่อนแรง ผมเองก็ขี้เกียจฝืนเอาไว้นานๆ เร่งตะบันเย็ดหีเธอจากด้านหลังดังปั้บๆๆๆๆๆ ! ก่อนจะชักควยออกมา ถอดถุงยางทิ้งแล้วสาวรูดจนแตกเลอะแก้มก้นเธอไปทั่ว สภาพหมอสาวคนสวยตอนนี้กำลังนอนฟุบคว่ำหน้าอย่างหมดแรง ก้นโก่งโค้งเด่นอ้อนควยอยู่บนเตียง ที่ร่องหีของเธอโบ๋บานเป็นโพรง มองเห็นคราบน้ำเงี่ยนเกาะมันเป็นเงาทั่วหน้าขา

ผมเดินไปส่งเธอขึ้นรถหลังจากนอนพักเอาแรงกันเกือบ 2 ชั่วโมง ก็พอดีกับที่ไอ้บิ๊ก เพื่อนในกลุ่มคนนึงโทรมาชวนไปกินข้าวเย็นพรุ่งนี้ ก็เลยตอบตกลงเออออไปเพราะไม่ได้เจอหน้ามันมาพักนึงแล้ว ตกเย็นวันต่อมา ผมใช้เวลาติดอยู่บนรถประมาณครึ่งชั่วโมง ก็เดินทางมาถึงร้านกับข้าวกึ่งผับที่ไอ้บิ๊กลงหุ้นเป็นเจ้าของร่วมกับเพื่อนมัน ผมมองซ้ายมองขวาอยู่แป๊บนึงก็เห็นไอ้บิ๊กโบกมืออยู่หยอยๆ จากโต๊ะยาวริมกำแพงสุดด้านใน แต่อ้าว นั่นมันมากับสาวสวยที่ไหนล่ะเนี่ย ไม่ใช่แฟนมันนี่หว่า?

“ว่าไงวะไอ้บิ๊ก แหมควงสาวสวยมาโชว์เพื่อนเลยนะมึง” ผมทักแซวให้เจ้าตัวได้ยิน เล่นเอาเธอแอบเขินไปไม่น้อย
“ควงห่าอะไรล่ะ นี่มิ้นท์ ลูกพี่ลูกน้องกู พึ่งกลับจากไปเรียนที่ออสฯ ต้นปีนี่เอง ช่วงนี้แม่เค้าเลยให้มาช่วยดูร้านกับกูเนี่ย” เธอยกมือไหว้ ผมก็รับไว้ลวกๆ แล้วหยอดต่อทันที
“โห มิน่าล่ะ ลูกค้าแน่นร้านผิดกับแต่ก่อนเยอะเลยว่ะ”
“ไอ้ห่า มึงนี่แม่งกวนตีนจริงๆ พอๆ กูชวนมึงมากินข้าวนะสัด ไม่ได้ชวนมาป้อน้องกู” ไอ้บิ๊กพูดขำๆ พลางชักชวนให้ผมไปนั่งกินข้าวร่วมกัน

ไม่นานเพื่อนๆ คนอื่นๆ ในกลุ่มก็ทยอยตามมาจนครบทีม พวกเราเล่าสารทุกข์สุขดิบแบ่งปันกันเหมือนสมัยนั่งกินเหล้าตอนเรียน บางคนก็หน้าที่การงานใหญ่โต บางคนก็ลูกสองแล้ว ส่วนผมเองก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง เพราะใจลอยมัวแต่แอบเหล่น้องมิ้นท์คนสวยอยู่เป็นระยะๆ ผิวขาวๆ เนียนนุ่มของเธอ สะท้อนเด่นอยู่ภายใต้บรรยากาศของร้านที่ค่อนข้างมืด ใบหน้าสวยหวานตามแบบฉบับสาวสมัยใหม่ ไม่แน่ใจว่าผ่านการทำจมูกหรือทำอะไรมาบ้าง แต่ถึงกระนั้นก็ยังชวนให้ควยลุกได้อยู่ดี เส้นผมสีน้ำตาลทองอ่อนๆ ยาวปรกเป็นลอนเกือบถึงกลางหลัง หน้าอกหน้าใจก็ขนาดมาตรฐานไม่ต่างอะไรจากสาวไทยซักเท่าไหร่ แต่ถูกดันให้โดดเด่นอยู่ในชุดเกาะอกสีดำที่แสนจะเปิดเผย

จนหลายๆ ครั้งผมก็เผลอทิ้งสายตาจ้องนานจนเธอแอบสังเกตได้ แต่เธอกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังคงหัวเราะสนุกสนานไปกับวงสนทนาอย่างเพลิดเพลิน คล้ายกับจะเปิดโอกาสให้ผมได้แอบส่องหน้าอกเธอแบบเต็มๆ สองตา ยิ่งจังหวะที่เธอหัวเราะร่า ยิ่งพาให้สองเต้าของเธอเด้งกระฉอกจนคนดูอย่างผมแทบลืมหายใจ

เราสองคนแลกไลน์กันก่อนที่จะแยกย้ายกลับบ้าน กะว่าเอาไว้สำหรับพูดคุยทำความรู้จัก และให้คำแนะนำภายหลังในฐานะพี่น้อง แต่ผมเองแอบยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจลึกๆ เพราะรู้ดีว่าเธอกับผมต้องได้สานสัมพันธ์กันต่ออย่างลึกซึ้งแน่นอน เราคุยกันมาเรื่อยๆ นับตั้งแต่วันนั้น มิ้นท์เองพึ่งกลับจากไปเรียนต่อสายบริหารที่ซิดนีย์มา ยังไม่ทันได้เริ่มทำงานจริงๆ จังๆ ทำให้ช่วงนี้เธอเลือกที่จะหาประสบการณ์ใหม่ๆ ด้วยการลองไปสมัครนางงามตามกองประกวดต่างๆ ซึ่งล่าสุดเห็นว่าได้เข้ารอบ 50 คนสุดท้ายของมิสยูนิเวิร์สด้วย ยิ่งคิดว่าตัวเองจะได้ล่อนางงามก็ยิ่งปึ๋งปั๋งขึ้นมา คอยเชียร์เธอแบบออกหน้าออกตายิ่งกว่าไอ้เพื่อนผมที่เป็นญาติเธอเองซะอีก

หลังจากได้ทำความรู้จักกับเธอแล้วทำให้ผมเองแทบจะลืมเรื่องสาวๆ คนอื่นไปเลย ด้วยความที่เธอทั้งสวย ฉลาด รูปร่างดี และมีเซ้นส์อารมณ์ขันที่ใกล้เคียงกับผม เราจึงยิ่งคุยกันถูกคอขึ้นเรื่อยๆ แต่ติดแค่ตรงที่เธอเองก็ยังไม่ยอมเปิดใจคบหากับผมอย่างจริงๆ จังๆ ซักที เต็มที่ก็ได้แค่ไปกินข้าวดูหนังกันสองต่อสอง แล้วก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้านโดยไม่เคยได้มีโอกาสไปต่อกันอย่างที่ผมตั้งใจไว้ แต่ยิ่งเธอเล่นตัวปิดโอกาสเท่าไหร่ ไอ้ผมเองกลับยิ่งสนุกและรู้สึกท้าทายที่จะเอาชนะผู้หญิงเก่งๆ แบบเธอ ให้มายอมนอนทอดกายให้ผมได้ลิ้มลองความสุขจากเรือนร่างของเธอให้จงได้ เราคุยกันแทบจะทุกๆ เรื่องแบบตรงไปตรงมาและเปิดเผย ผมเคยลองถามเธอเกี่ยวกับประสบการณ์บนเตียงในช่วงที่ไปเรียนต่อ ซึ่งต้องยอมรับว่าเธอเองก็ค่อนข้างใจถึงและก๋ากั่นพอสมควรทีเดียว แต่ไม่ใช่ในแบบผู้หญิงใจแตกที่เที่ยวนอนกับใครเค้าไปทั่วนะครับ

“พวกหนุ่มๆ ฝรั่งนี่นอกจากจู๋ใหญ่แล้วลีลามันดีมั้ย?” ผมเปิดประเด็นไปตรงๆ หลังจากที่เราสนิทกันในระดับที่สามารถคุยเรื่องทะลึ่งกันได้แล้ว
“555 พี่โจ้ถามอะไรทะลึ่งว่ะ”
“เอ๊าก็อยากรู้นี่นา พี่ไม่เคยไปลองกับหนุ่มๆ ฝรั่งที่ไหนมาก่อนนี่นา ก็เลยคิดว่ามิ้นท์อาจจะพอรู้บ้างไม่มากก็น้อย...”
“แหมๆๆ ไม่เคยลองกับหนุ่มๆ แต่เคยลองกับสาวผมบลอนด์มาแล้วสิท่า”
“ก็ไม่รู้สินะ อิอิ”
“มิ้นท์ก็เคยคบกับฝรั่งแค่ 2-3 คนเท่านั้นแหละพี่ ไม่แน่ใจนะว่าคนอื่นๆ ที่เหลือมันจะเป็นเหมือนกันป่าว แต่หนูว่าพวกนี้เค้าอึดอ่ะ เวลามีอะไรกันทีมันทำกันเป็นชั่วโมงเลยนะ กว่าจะจบแต่ละทีนี่แทบจะสลบ ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน”
“โอ้โห.... แบบนี้มิ้นท์ก็ไม่เบาเหมือนกันน่ะสิ สู้กับหนุ่มๆ ตัวล่ำๆ ได้เป็นชั่วโมงๆ”
“555+ ไอ้บ้า ไม่ถึงขนาดนั้นย่ะ”

เราเริ่มคุยถึงเรื่องใต้สะดือของแต่ละคนลึกลงเรื่อยๆ ทุกครั้งที่แชทกัน ด้วยความที่ผมเองก็ค่อนข้างโชกโชนพอตัว เลยยิ่งชวนให้เธอสนใจใคร่รู้ และคอยอ้อนให้เล่าเรื่องสาวๆ ให้เธอฟังบ่อยๆ
“โห ไม่น่าเชื่อเลย ว่าพี่โจ้จะหื่นได้ขนาดนี้นะเนี่ย”
“ง่ะ ก็มิ้นท์ขอให้เล่าให้เองไม่ใช่เหรอ แล้วจะมาว่าพี่ได้ไง” ผมส่งสติกเกอร์หน้าอ้อนตามหลังข้อความไป
“ฮิฮิ ใครจะไปรู้ล่ะ ไอ้เราก็นึกว่าจะเป็นคนนิ่งๆ เนี้ยบๆ ที่ไหนได้....”
“อารายๆๆๆ ที่ไหนได้อาราย?”
“ที่ไหนได้ดันทะลึ่งเหมือนมิ้นท์เลยยยย 555”
“55555+”


จุดจบยอดนักเย็ด #1

 
 


==================

ห้องคอนโดหรูขนาด 50 ตารางเมตรย่านลาดพร้าว กำลังถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นสังเวียนรักอันเร่าร้อนระหว่างผมกับเธอ...

ภาพสาวผมสั้นหุ่นผอมบางที่กำลังหมอบโก่งโค้งจิกหมอน แอ่นก้นให้ผมกระแทกอยู่ตรงหน้า ดูไม่ต่างอะไรจากเหล่าสาวๆ คนก่อนๆ ที่แวะเวียนมาให้ผมตักตวงความเสียวจากเรือนร่างของพวกเธอ แต่ผิดกันที่ครั้งนี้ผมเองนั่นแหละ ที่กลับรู้สึกแปลกๆ มีอารมณ์บางอย่างผสมปนเปซ่อนอยู่จากรสสัมผัสที่ได้รับจากผิวกายของเธอ

“อือออออ....พี่โจ้..... หนูไม่ไหวแล้วนะ......” เสียงเธอร้องครวญอย่างอ่อนแรง บ่งบอกว่าอารมณ์ทั้งหมดกำลังจะถึงจุดระเบิดในอีกไม่ช้า สองมือผมจับยึดสะโพกเธอไว้แน่น เร่งกระเด้าควยมุดเข้าออกรูหีเธออย่างต่อเนื่องเพื่อพาเธอไปถึงที่หมาย
“ฮืออออออ..... ฮือออ.... โอ๊ยยยยย! พี่โจ้.....!!” ร่างเธอกระตุกตอดรัดรึงแก่นกายผมอยู่ภายใน ใบหน้าหมวยๆ ของเธอยับยู่ยี่ด้วยอาการสั่นสะท้านจากความเสียวที่พึ่งได้รับ แล้วก็ค่อยๆ ทิ้งตัวลงฟุบกับที่นอนอย่างหมดแรง.....


=======================================


ผมโจ้ครับ หนุ่มรูปหล่อ-พ่อไม่รวย-แต่ควยใหญ่ ไม่เชื่อลองจับดูได้ เอ๊ย! ตอนนี้ก็ย่างเข้า 33 ขวบแล้ว หน้าที่การงานอะไรๆ ก็มั่นคงดี ยึดอาชีพ AE ในวงการโฆษณามาได้เกือบๆ จะ 10 ปีแล้ว เรื่องเงินๆ ทองๆ ก็เลยฟู่ฟ่าตามประสาเซลล์กินค่าคอมนั่นแหละครับ บางช่วงก็อู้ฟู่หน่อยเพราะยอดดี แต่บางทีก็เรื่อยๆ ไม่ได้อะไรมากมาย แต่สิ่งนึงที่ไม่เคยขาดตกบกพร่องเลยก็คงจะเป็นเรื่องสาวๆ นี่แหละครับ เพราะเพื่อนๆ ที่สนิทกันมักจะขนานนามให้ด้วยความหมั่นไส้ว่า 'ไอ้โจ้ยอดนักเย็ด' เพราะนอกจากอาวุธประจำกายที่ยาวใหญ่ ลีลาจัดจ้านจนสาวๆ ทั้งมีเจ้าของและไม่มีเจ้าของต้องกลับมาขอโดนซ้ำแล้ว ผมยังถือเป็นคนที่บริหารเวลาเก่งแบบหาตัวจับยาก ถึงขั้นที่ว่าบางวัน ล่อน้องคนนึงตอนสายๆ ตกบ่ายๆ ค่ำๆ ก็ดอดไปล่ออีกคนนึงได้แบบสบายๆ ไม่มีสายไม่มีขาด

ขนาดสาวๆ ในออฟฟิศตัวเองยังไม่วายโดนผมฟาดนิ่มๆ ไปก็หลายคน ทั้งเจ้านายหุ่นสะบึมอย่างพี่หน่อย พี่แอนเลขาคนสวยที่ลาออกไปแล้ว รวมไปถึงน้องๆ นักศึกษาสาวที่มาฝึกงาน ซึ่งพวกนี้ส่วนใหญ่ก็เข้าถึงตัวไม่ยากอยู่แล้ว แค่เทคแคร์และเปย์เอาใจพวกเธอดีๆ ซื้อโน่นซื้อนี่ให้นิดๆ หน่อยๆ ก็พร้อมจะไปจบลงบนเตียงกับผมแล้ว ก็แหม เด็กวัยรุ่นสมัยนี้เค้าหัวสมัยใหม่ยิ่งกว่าคนวัย 30 แบบเราๆ กันแล้วนี่ครับ ที่เด็ดก็คือ บางคนเรียนมหาลัยชื่อดัง ผลการเรียนก็อยู่ในระดับกำลังคั่วเกียรตินิยมให้ทางบ้านชื่นใจ แต่ก็ไม่วายยอมเป็นเด็กเสี่ย มีป๋าๆ คอยส่งเสียเลี้ยงดูกันแบบเป็นล่ำเป็นสัน พวกนี้แหละยิ่งเย็ดง่ายเข้าไปใหญ่ มองตากันปราดเดียวก็แทบจะรู้ใจแล้ว อ้อ! แต่ก็ใช่ว่าผมจะเย็ดมั่วไปทั่วโดยไม่ดูตาม้าตาเรือนะครับ อย่างน้อยๆ สาวที่จะได้มีโอกาสลิ้มลองท่อนควยอุ่นๆ ของผมเนี่ย ก็ต้องหน้าตาพอไปวัดไปวาได้ระดับนึง แล้วที่สำคัญถ้าเกิดอ้วนเผละนี่ ต้องขอยอมแพ้ มันหมดอารมณ์จริงๆ ครับ

ขอวกกลับมาพูดถึงเรื่องที่ทำงานอีกนิดนึงนะครับ ด้วยความที่ผมทำตำแหน่ง AE ซึ่งต้องคอยดีลงานตามความต้องการของลูกค้า ฉะนั้นเพื่อนร่วมงานที่ต้องประสานงานด้วยอยู่ตลอดเวลา หลักๆ นอกจากเจ้านายและหัวหน้าฝ่ายแล้วก็หนีไม่พ้นฝั่งทีมครีเอทีฟอย่าง พี่จ๋อง พ่อบ้านใจกล้าลูกสองหัวหน้าทีมครีเอทีฟ ไอ้เบส อาร์ตไดหนุ่มแว่นมาดขรึมหน้าตาย กับยัยกุ๊กไก่ ก็อปปี้น้องใหม่ไฟแรง ที่พึ่งผ่านโปรหมาดๆ เมื่อไม่กี่เดือนก่อน แล้วก็มีพี่โจที่เป็นผู้บริหารฝ่ายครีเอทีฟ หัวหน้าพี่จ๋องอีกที แต่พี่แกไม่ค่อยได้ลงมาดูงานระดับพวกผมเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะไปประชุมแผนกับพวกรุ่นใหญ่กันมากกว่า ซึ่งในแก๊งครีเอทีฟเนี่ย คนที่ถือเป็นคู่กัดขาประจำ ที่ชอบต่อล้อต่อเถียงตอนทำงานกับผมมากที่สุดก็คือยัยกุ๊กไก่นี่แหละ

สาวหมวยฮิปสเตอร์หุ่นมิชลิน (อีก 2 โลก็แตะเลข 7 แล้วครับท่าน) วัย 28 ขวบ ศิษย์เก่าม.ดังย่านท่าพระจันทร์ จริงๆ หน้าตามันก็ออกน่ารักแบบหมวยๆ นะครับ ตาตี่ๆ ปากนิด จมูกหน่อย ทรงหน้าคล้ายๆ ยู อาโออิ แต่เป็นน้องยูเวอร์ชั่นบวมน้ำ ไว้ผมซอยสั้นเปิดข้างอย่างกับทอมบอย ถ้าไม่ติดว่าเพราะหุ่นไซส์บิ๊กเบิ้มของมัน กับฝีปากร้ายๆ ที่ชอบกัดจิกผมนี่ ก็คงพอจะมองว่ามันมีความน่ารักอยู่บ้าง ก็แหม กุ๊กนี่มันสูงแค่ 158 แต่น้ำหนักดันน้อยกว่าผมที่สูง 184 แค่ 10 โล นิดๆ เองนะคุณ แก้มงี้ตึงเป็นซาลาเปาเชียว นึกภาพแป๊ะยิ้มเวอร์ชั่นผู้หญิงดูเอาอ่ะครับ นั่นแหละ มันเลย

แต่ถึงยัยนี่จะฟังดูหลุดจากสเป็คผมไปไกลลิบเลยก็เถอะ แต่เชื่อมั้ยครับว่าสาวหมวยหุ่นอวบระยะสุดท้ายคนนี้แหละ ที่ทำให้เสือผู้หญิงอย่างผมต้องปั่นป่วนจนแทบจะสิ้นลาย....

“ลุง เราเข้าไปบรีฟกับโตโยต้าอีกทีวันไหนนะ?” เสียงเล็กๆ ของกุ๊กไก่ที่นั่งอยู่โต๊ะติดกัน เอ่ยถามขึ้น แม่งงงงง! เรียกตูว่าลุงๆๆ อยู่ได้แค่ไว้เคราะนิดๆ หน่อยๆ แค่นี้ ไอ้บ้าเอ๊ย  ตูแก่กว่าเอ็งแค่ 4-5 ปีเองนะว้อย
“อะไรวะอ้วน อายุแค่นี้สมงสมองไปหมดแล้วเหรอ?” ผมสวนไปแบบนิ่มๆ
“เอออออ แหม ก็คนเค้าลืมจดวันนิดเดียวเอง มัวแต่นั่งคิดแก้งานเนี่ย ใครมันจะไปนั่งจำวันได้เล่า”
“วันจันทร์หน้า ตอนบ่ายป่ะ?” เสียงไอ้เบส ลอยข้ามโต๊ะมาไม่ไกล
“นั่นง่ะ ทีไอ้เบสมันก็นั่งแก้งานเหมือนกัน มันยังจำได้เลย” ผมสำทับ
“พอๆ วันจันทร์ บ่าย จบ แค่นี้นะคนจะทำงานละ” กุ๊กพูดตัดบทงอนๆ เรียกเสียงฮาจากผมและคนอื่นๆ ในห้อง

“ฮัลโหล น้องออยเย็นนี้ว่างมั้ยครับ...? เหรอ...? ถ้าซักทุ่ม-สองทุ่มสะดวกมั้ยเอ่ย พี่ว่าจะชวนไปกินร้านเดิมที่เคยไปน่ะ... โอ๊ย กลับไม่ดึกจ้าาา” ผมโทรชวนน้องออย เซลล์ค่ายฮอนด้า คู่ขาที่กำลังคั่วกันอยู่ช่วงนี้ไปทานมื้อเย็นที่ร้านประจำ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคอนโดย่านห้วยขวางของเธอ

“ว้ายๆๆ มีเดทว่ะ ลุงมีเดท” เสียงยัยกุ๊กตะโกนแซว เรียกความสนใจจากคนอื่นๆ
“ไอ้โจ้แม่งก็ร่อนทุกวัน วันละสามเวลานั่นแหละ มึงยังไม่ชินอีกเหรอวะกุ๊ก” พี่ปอ เลขาพี่หน่อยพูดแซวตาม พี่แกก็เป็นอีกคนที่ผมแอบเล็งอยู่เงียบๆ นะเนี่ย สาวผมบ๊อบทรวดทรงกำลังพอดีมือ แม้จะลูกหนึ่งแล้วแต่รูปร่างหน้าตาของเธอก็ยังเป๊ะเพราะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทั้งเข้าคลีนิคเสริมความงาม ไหนจะโยคะอาทิตย์ละสามวันอีกเล่า อูยย เวลาเธอใส่เสื้อเชิ้ตรัดๆ กับกระโปรงเข้ารูปนี่แม่งชวนให้ควยผมสะดุ้งทุกที
“ไม่ทราบว่ารอบนี้ไปรู้จักมักจี่จากไหนอีกครับเนี่ยคุณโจ้?” พี่จ๋องถามยิ้มๆ
“โอ๊ย ก็แค่คุยๆ กันเฉยๆ น่าพี่ เพื่อนของรุ่นน้องอีกที ไม่ได้มีอะไรพิเศษร้อก” ผมพูดกลบเกลื่อน ทั้งที่พึ่งตะบันเย็ดเธออย่างถึงใจไปเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว

พอผมไปถึงที่ร้านก็เจอเธอนั่งรออยู่ข้างใน โอ๊ะตายจริง นี่ผมมาช้ากว่าเธอเหรอเนี่ย พอขอโทษขอโพยอ้อนเธอไปพักนึงเราก็สั่งอาหารกับเครื่องดื่มมากินกัน น้องออยสาวเปรี้ยวหน้าคม แต่งหน้าจัดนิดๆ วันนี้มาในชุดเสื้อเชิ้ตยูนิฟอร์มบริษัท หน้าอกหน้าใจคัพบีขนาดพอดีมือภายใต้ยกทรงลูกไม้สีฟ้า แอบโผล่หน้ามาทักทายเป็นระยะๆ ผ่านช่องกระดุมที่เผยออ้า ด้านล่างสวมทับด้วยกระโปรงเข้ารูปทรงเอสีดำ ที่ขับให้สะโพกของเธอเด่นดึงดูดสายตาหนุ่มๆ จนต้องเผลอเหลียวมองตาม

ผมเจอเธอครั้งแรกตอนไปผับกับพวกน้องๆ ที่สนิทกัน เธอเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกับแฟนของรุ่นน้องผมอีกที ด้วยความที่เราต่างก็โสดทั้งคู่ (ถึงผมจะมีคู่ควงไม่เคยขาดก็เหอะ) หลังจากชนแก้วเล่นหูเล่นตากันพอสมควรแล้ว ผมก็ชวนเธอไปนั่งคุยเล่นที่ห้องกันสองต่อสอง ซึ่งเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร เราเย็ดกันตั้งแต่ตีหนึ่งกว่าๆ ลากยาวไปจบเกือบๆ ตีสาม เธอเสร็จไปสองน้ำ ส่วนผมเองก็แตกไปรอบนึง หลังจากนั้นเราก็คอยหาเวลามาเจอกันอีกเป็นระยะๆ

“ช่วงนี้ลูกค้าเยอะมั้ยครับ?” ผมเอ่ยถามหลังจากเราพึ่งจัดการสปาเก็ตตี้กับลาซานญ่าตรงหน้าจนเกือบหมด
“ก็เรื่อยๆ นะคะ แต่ว่ายอดก็ยังไม่ได้ดีเท่ากับช่วงต้นปีอ่ะ แล้วพี่ล่ะ?”
“เหมือนกันครับ ก็เรื่อยๆ แต่ว่าจบเดือนนี้ก็น่าจะได้ยอดจากลูกค้าเจ้าใหญ่อีกสองเจ้านู่น ก็พอไปวัดไปวาได้”
“ว้ายยย แบบนี้ต้องเลี้ยงข้าวเค้าแล้วนะมื้อนี้” เธอพูดแล้วหัวเราะชอบใจ ซึ่งผมเองก็ไม่ขัดข้องอยู่แล้วกับการเลี้ยงข้าวสาวๆ เวลาไปเดทกัน เพราะอีกเดี๋ยวเธอก็ต้องตอบแทนผมด้วยเรือนร่างของตัวเองอยู่ดี อิอิอิอิ เราสั่งเช็คบิลเสร็จก็ตรงดิ่งไปที่คอนโดของออยทันที พอผลักประตูห้องเปิดออกผมก็บุกจู่โจมเธออย่างไม่ให้ตั้งตัว

“ว้าย! พี่โจ้ใจร้อนจัง ให้ออยล้างเนื้อล้างตัวก่อนสิคะ”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ก็น้องออยหอมไปทั้งตัวแบบนี้ พี่ไม่รังเกียจหรอก” ผมพูดพลางก็จูบซุกไซร้ไปตามลำคอ บางจังหวะก็เลื่อนขึ้นมาหอมแก้ม ก่อนจะค่อยๆ จูบไปที่ริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา สองมือก็ยังโอบกอดเธอไว้แน่น ข้างนึงกอดเอว อีกข้างก็ขยำบีบลงไปบนก้นของเธอดังหมับ
“อือออออ... พี่โจ้อ่ะ จะทำเลยจริงๆ เหรอ” เธอผงะหน้าออกมาบ่นเสียงอ่อน ผมไม่รอให้เธอพูดซ้ำจูงเธอไปนอนที่เตียงนุ่มๆ อันแสนจะคุ้นเคยทันที มือปลาหมึกก็ลูบไล้ปลดเปลื้องกระดุมเสื้อเธอด้วยความคล่องแคล่ว  ดันยกทรงเธอขึ้นไปค้างอยู่เหนือราวนม แล้วจึงใช้ลิ้นสากๆ สัมผัสเข้ากับหัวนมที่ชูชันรออยู่

“อื้อออออออออ......” ออยครางลากเสียงยาว เมื่อผมประกบปากดูดนมเธอดังจ๊วบๆ มือซ้ายผมมุดต่ำลงใต้กระโปรง ล้วงสอดเข้าไปด้านข้างกางเกงในที่เปียกชื้นของเธอ อืมมม พึ่งเริ่มก็เปียกเยิ้มขนาดนี้ ต้องบอกว่าเธอนี่จัดเป็นสาวอารมณ์สูงอีกคนนึงที่ผมเคยเจอมาเลยนะเนี่ย ผมใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลาง ค่อยๆ สอดเข้าไปสำรวจปากโพรงของเธอทีละน้อย นิ้วโป้งที่อยู่ด้านนอกก็บดบี้คลึงเล่นเม็ดเสียวของเธอไปด้วยพร้อมๆ กัน เล่นเอาเธอตัวเกร็ง ขาถ่างอ้าส่งสัญญาณให้ผมสอดนิ้วลึกเข้าไปอีก

“ออยจ๋า... ออยแฉะจังเลย... ออยอยากโดนควยพี่แล้วเหรอครับ?” ผมแกล้งพูดกระตุ้นอารมณ์เธอ
“อืออออ..... ออออ พี่โจ้อ่ะ... อ๊ะ.... อาาาาห์.... อย่าแกล้งออยซี่... ” เธอครางตอบด้วยความอาย แต่ผมไม่สนใจ ยิ่งเร่งนิ้วติ้วหี้เธอเร็วขึ้นไปอีก ปากก็ประกบดูดดุนเต้านมของเธออย่างแรงเหมือนกับจะดึงให้มันหลุดตามออกมา ผมเล้าโลมเธอจนเปียกเยิ้มได้ที่ ก็หันมาถอดเสื้อผ้าตัวเองออกจนหมด ขยับเข้าไปยืนชิดเธอที่นอนรออยู่ ลำควยอวบแข็งเอียงซ้ายนิดๆ ตั้งเด่ชี้ไปที่หน้าเธออย่างท้าทาย

“ออยดูดให้พี่หน่อยนะ” เธอได้ยินแล้วก็พยักหน้าตอบ ค่อยๆ จับควยผมไปจ่อไว้แนบกับริมฝีปาก แล้วค่อยๆ ตวัดเลียชิมรสของมันอย่างระมัดระวัง แผล่บ แผล่บ ก่อนที่เธอจะค่อยๆ อ้าอมควยผมเข้าไปจนมิดเงี่ยง รูดปากเข้าออก พร้อมๆ กับใช้มือถอกควยไปด้วย

อูยยยยย ลีลาของเธอนี่ไม่เบาจริงๆ ผมโดนเธอโม้คอยู่เกือบ 5 นาทีก็เริ่มรู้สึกเสียววาบ เลยจับเธอเอนตัวลงนอนหงาย สวมคอนด้อมผิวขรุขระยี่ห้อดูเร็กซ์ให้กับน้องชาย แล้วค่อยๆ ยัดมันเข้าไปกลางร่องหีของเธอทีละนิด

“งือออออออ..... เจ็บบบ...... ” เสียงออยร้องไม่เป็นภาษาจังหวะที่ผมเผลอดันมันเข้าไปแรงหน่อย จนผมต้องหยุดซอย เสียบควยคาไว้แล้วก้มลงไปดูดนมเธอเพื่อปลุกอารมณ์อีกทางนึง จนน้ำเสียวเธอเริ่มเยิ้มออกมาพอสมควรแล้ว ก็ตั้งหน้าตั้งตาซอยต่อ ผมจับสองขาเธอแบะอ้าเอามาวางไว้ที่ซอกแขนตัวเอง บดก้นเน้นๆ เป็นจังหวะสลับกับการสาวควยยาวๆ เข้าออกรูหีจนเธอต้องสูดปากด้วยความเสียวซี้ด
“อ๋าาาา..... อ๋าาาา...าาาาา... พี่....... หนูเสียวววว.... .... เสียวหี....  อาห์” เธอร้องครวญครางขาดช่วงตามจังหวะที่ผมกระแทก เสียงเนื้อเราสองคนกระทบกันดังปั้บๆๆๆ ดังสนั่นสะใจผมมาก ผมกระเด้าเย็ดเธอในท่าเบสิคอยู่เกือบ 10 นาที ก็เปลี่ยนมาจับเธอนอนคว่ำหันหลัง เพื่อเตรียมสอดใส่ในท่าด็อกกี้ท่าโปรดของเธอ

“ยกก้นขึ้นหน่อยครับที่รัก” ผมจับสะโพกเธอยกขึ้นเพื่อหาช่องเสียบให้ถนัดถนี่ เธอเองก็รีบโก่งโค้งเพื่อเร่งให้ผมเสียบควยเข้าไปอย่างหิวกระหายไม่แพ้กัน ผมแง้มแก้มก้นของเธอแบะออกเพื่อมองกลีบหีของเธอแบบชัดๆ แอบเห็นรูก้นของเธอยังหุบสนิทมีขนรำไรนิดๆ ซึ่งยังไม่เคยถูกชายใดทะลวงมาก่อน ผมเคยลองขอเธอเอาข้างหลังอยู่ทีนึงแต่ก็ยังไม่เป็นผลสำเร็จ เธอเองยังกลัวๆ กล้าๆ เพราะไม่เคยโดนมาก่อน ผมเองก็ไม่ได้อยากบังคับขืนใจเธอ เลยจับท่อนลำหัวบานถูไถกับปากร่องพร้อมๆ กับที่เธอเองก็ส่ายก้นสู้ผมเช่นกัน ก่อนที่ผมจะกดควยพรืดเข้าไปในหีเธอมิดลำจนเธอร้องเสียงหลง
“อู๊ยยยย.....ยยยยยยย พี่โจ้.... เบาๆ นะ...”

ผมค่อยๆ ซอยเธอในท่าหมา จากช้าๆ ค่อยๆ เร่งไปเร็วขึ้นๆ เสียงดัง ปั้บ.........ปั้บ.......ปั้บ.......ปั้บ....ปั้บ....ปั้บ...ปั้บ! สองเต้าของเธอแอ่นไกวไปตามน้ำหนักกระแทก ผมเห็นแล้วอดใจไม่ไหวต้องเอื้อมมือไปคว้าบีบนมเธออย่างสนุกมือ ออยร้องครางหงิงๆ เมื่อโดนท่อนควยยาวใหญ่มุดเข้าออกรูหีของเธอจนคับตึงไปหมด เม็ดเสียวของเธอถูกเสียดสียู่ยี่ บางจังหวะก็หุบยุบเข้าไปข้างใน ผมมองรูหลังเธออยู่แป๊บนึงก็คิดอะไรได้ เลยใช้มือขวาล้วงควักร่องหีเธอไปด้วยจนน้ำเสียวโชกนิ้วไปหมด แล้วค่อยๆ เอานิ้วถูไถประตูหลังเธอจนมันเริ่มที่จะเปียกเยิ้มไม่แพ้รูหน้า เธอเองก็มัวแต่ร้องครวญครางด้วยความเสียว ไม่ทันสนใจว่านิ้วผมกำลังจะแหย่เข้าไปสำรวจพื้นที่ลับของเธออีกทางหนึ่ง

“อุ๊ยย....! พี่ไม่เอาาา.......” ไม่ทันที่เธอจะร้องห้าม นิ้วชี้ผมก็สอดเข้าไปในก้นเธอครึ่งนิ้วแล้วครับ แม้ว่าเธอจะพยายามดิ้นตัวหนีเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล ในเมื่อผมกำลังกระเด้าเย็ดเธออยู่จากด้านหลัง จังหวะที่ออยล้มตัวฟุบหน้าหนีเข้ากับเตียง ผมเลยได้ทีดึงนิ้วชี้ออก แล้วสอดนิ้วกลางเข้าไปจนมิด เธอเกร็งตัวกระตุกเล็กน้อยในตอนแรกเหมือนยังไม่ชิน จนผมเริ่มที่จะสอดนิ้วเข้าออกช้าๆ เธอจึงเริ่มที่จะผ่อนคลายลงไปบ้าง

พอเห็นว่าเธอเริ่มชินกับมันแล้ว ผมจึงเริ่มกลับมาสาวท่อนควยบดเข้าหีเธออีกครั้ง พร้อมๆ กับสอดนิ้วเข้าออกรูหลังของเธอไปด้วยในเวลาเดียวกัน
“ฮือออออออ...... อืมมมมมมมม....มมมม์ พี่โจ้.........” ออยพยายามข่มเสียงครางของเธอไว้ในที แต่ไม่นานเธอก็เริ่มจะกลั้นมันไม่ไหว ผมถอนนิ้วออกจากประตูหลังเธอดังผลุ่บ ปากร่องของมันคล้ายจะดึงรั้งนิ้วผมไว้ด้วยความเสียดาย แล้วหันมาเร่งกระแทกเธออยู่อีกประมาณไม่ถึง 5 นาที ออยก็เริ่มตัวสั่น ร้องครวญครางออกมาลั่นห้องอย่างควบคุมไม่ได้

“อ๊ะะะะ.........! อาาาาา.... อ๊ะะะะ..... อ๊ะะะะ.... พี่โจ้..... หนูเสียววว....”
“มันมั้ยออย.... ควยพี่เย็ดมันมั้ยยย?” ผมเร่งตะบันเย็ดเธอหนักขึ้นตามเสียงร้องเร้าอารมณ์
“อ๋าาาาาา..... มันนน... มันมากกกก.... อาห์พี่... หนูจะแตก... แล้วนะ....”
“แตกเลยออย พี่ก็จะแตกแล้วเหมือนกัน อืมมม...”
“อ๋อยยยย..... อ๋อยยยยยยยย..... ตะ.... แตก...... แตกแล้ววว...”  เสียงออยโหยหวน ร่องรักขมิบตอดผมตุ้บๆๆๆ เล่นเอาผมเสียวตามจนทนไม่ไหว เร่งซอยชุดใหญ่ก่อนที่จะกระฉูดน้ำแตกตามเธอในเวลาไล่เรี่ยกัน

“อืมมม ออยนี่เย็ดมันที่สุดเลยรู้มั้ย” ผมพูดชมเธอในระหว่างที่กำลังนอนกอดพักเหนื่อยอยู่บนเตียง
“แหมมม พี่โจ้พูดแบบนี้ แสดงว่าไม่ได้มีแค่ออยคนเดียวน่ะสิคะ ฮึ คนเจ้าชู้” เธอพูดแล้วก็เอานิ้วจิ้มจมูกผมเล่น
“ก็แหม มีของดีกับตัวก็ต้องเปิดโอกาสให้สาวๆ คนอื่นได้ลองบ้างสิครับ คนเราต้องรู้จักมีน้ำใจนะ” เธอฟังแล้วก็หัวเราะอย่างชอบใจ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของสาวๆ ที่แวะเวียนเข้ามาแบ่งปันความเสียวกับผม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วพวกเธอก็มักจะไม่ได้ต้องการการผูกมัดอะไร นอกเหนือไปจากเซ็กส์ดีๆ ให้ต่างฝ่ายต่างได้ตักตวงกันแบบเต็มอิ่ม บางคนก็หิวโหยเพราะความโสด บ้างก็เบื่อรสชาติลีลาจากคนทางบ้าน ซึ่งผมเองก็ไม่ได้สนใจที่จะเข้าไปรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวของพวกเธออยู่แล้ว แค่เพียงหาโอกาสแบ่งปันความสุขด้วยกันก็พอ



ฟูมฟักรสรักให้เมียสาว เสียวคูณสอง #1


 

ก็ตามชื่อนะฮะ ภาคต่อจากเรื่องแรกที่เคยเขียนไป
เล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคู่ของบอย-เป้ ที่กำลังจะได้มาสนิทสนมกับคู่ของรุ่นน้องอย่างโจ้-กุ๊กแบบแนบแน่นสุดๆ

แต่ช่วง 5 ตอนแรก จะเป็นมุมมองของสาวเป้ที่เล่าย้อนกลับไปในช่วงต้นอีกที
ถ้าใครเบื่อๆ ขี้เกียจอ่านซ้ำ ก็ข้ามไปก่อนก็ได้ แล้วค่อยมาตามตั้งแต่ตอน 6 อีกที :)

จบ.



---------------

“ช่วงนี้งานยุ่งเหรอลูก?” เสียงหญิงวัยกลางคนเอ่ยทักขึ้น เรียกความสนใจจากหญิงสาวที่กำลังนั่งใจลอยอยู่บนโซฟาให้หันกลับไปมองตามที่มา   
“อะไรนะคะ?” เธอขานรับกลับไปด้วยคำถาม เนื่องจากไม่ทันตั้งใจฟัง
“แม่ถามว่าช่วงนี้งานยุ่งเหรอ เห็นเราทำหน้านิ่วคิ้วขมวดบ่อยๆ” ผู้เป็นแม่เอ่ยทวนคำถามด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย

“อ๋อ... เปล่าค่ะแม่” เธอฝืนยิ้มตอบแล้วก็นิ่งเงียบไปอีก ฝ่ายแม่ที่จับสังเกตถึงความกลัดกลุ้มในใจของลูกสาวได้ จึงเป็นฝ่ายเปิดประเด็นขึ้นมาด้วยตัวเอง
“หรือว่ามีปัญหากับบอยรึเปล่า? บอกแม่ได้นะ” คำพูดของผู้เป็นแม่เล่นเอาคู่สนทนาถึงกับเก็บอาการไว้ไม่อยู่
“แม่รู้เหรอคะ...?” เธอเอ่ยออกมาได้แค่นั้น ก่อนที่อีกฝ่ายจะพยักหน้ารับเบาๆ

พอเห็นแบบนั้นแล้ว หญิงสาวจึงเริ่มนึกถึงภาพใบหน้าของชายหนุ่มคู่ชีวิตที่ชื่อว่า 'บอย' ขึ้นมา.... นึกถึงภาพรอยยิ้มอบอุ่นใจดีที่เขาเคยมีให้เธอมาตลอด ภาพช่วงเวลาที่ทั้งคู่เริ่มคบหากันในฐานะคู่รักหนุ่มสาว ก่อนจะตามมาด้วยภาพที่ชายหนุ่มค่อยๆ คุกเข่าลงข้างหน้าเธอ พร้อมกับเอ่ยประโยคที่จะทำให้เธอไม่มีวันลืมไปอีกชั่วชีวิต...

“แต่งงานกันนะเป้...”

ประโยคสั้นๆ เพียงห้าพยางค์ ที่กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทุกอย่างในชีวิตเธอ ทั้งที่ดีงาม... และเลวร้ายเกินกว่าที่จะทำใจยอมรับได้... ซึ่งพอมองย้อนกลับไปแบบนี้แล้ว เธอก็ได้แต่ทอดถอนใจออกมาเบาๆ ด้วยความเศร้าใจ

=======================================

เป้ หญิงสาวหน้าตาเรียบๆ หมวยๆ วัย 30 ต้นๆ เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้สวย-รวย-เก่ง หรือว่าประสบความสำเร็จอะไรมากมาย ทรวดทรงก็ไม่ได้โดดเด่น ออกอวบนิดๆ ตามประสาคุณแม่ลูกหนึ่ง พูดง่ายๆ ก็คือเป็นผู้หญิงวัยทำงานธรรมดาๆ คนนึง ที่เราสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในสังคมรอบๆ ตัวนี่แหละ แต่สิ่งหนึ่งที่มันค่อนข้างจะพิลึกพิลั่น จนต้องหยิบยกเอามาขยายความให้คุณฟังก็คือ... เรื่องราวกุ๊กกิ๊กบนเตียงที่เหมือนจะธรรมดา... แต่ไม่ธรรมดาของเธอนั่นเอง

ย้อนกลับไปเมื่อราวๆ 13 ปีที่แล้ว... สาวเป้ในคราบของนิสิตเฟรชชี่ปีหนึ่งคณะสถาปัตย์ฯ ผู้กำลังตื่นตาตื่นใจกับโลกใบใหม่ในรั้วมหาฯลัย ก็ได้มาพานพบและทำความรู้จักกับบอย ชายหนุ่มรุ่นพี่ต่างคณะ ผู้ซึ่งจะกลายมาเป็นสามีของเธอในอนาคต ผ่านทางสาวบีเพื่อนซี้ของเธอนั่นเอง

ด้วยความที่พี่ชายของบี เป็นเพื่อนซี้กลุ่มเดียวกันกับหนุ่มบอย ทำให้ทั้งคู่มักจะได้เจอหน้าคร่าตากันอยู่บ่อยๆ เวลาที่พี่ชายและน้องสาวไปมาหาสู่กัน ซึ่งสาวเป้เองก็มองชายหนุ่มไว้แค่เพียงในฐานะของ 'เพื่อนของพี่ชายเพื่อน' อีกที โดยที่ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้น เนื่องจากเธอเองก็พึ่งจะเลิกรา และอยู่ในช่วงห่างๆ กับทีแฟนเก่าได้ไม่นานเท่าไหร่ จึงทำให้เป้ไม่ได้คิดสนใจมองใครอีกในเวลานั้น

ซึ่งฝ่ายหนุ่มบอยเองก็ดูท่าว่าจะไม่ได้คิดอะไรกับเธอเช่นกัน เวลาเจอหน้ากันก็มีแค่ทักทายบ้างตามประสารุ่นพี่รุ่นน้องคนรู้จัก ไม่ได้มีการชวนคุยสานต่อความสัมพันธ์อะไรมากมายเท่าไหร่ แม้ว่าทั้งคู่จะเคยคุยๆ เล่นๆ กันบ้างเป็นครั้งคราวผ่านทาง MSN ก็ตาม

“อ้าว ยังไม่กลับเหรอเป้?” หนุ่มบอยเอ่ยทัก เมื่อเห็นหญิงสาวยังนั่งเล่นอยู่ที่ม้านั่งหน้าตึกในช่วงพลบค่ำเพียงลำพัง
“แฮะๆ ยังค่ะพี่ อีกเดี๋ยวก็กลับแล้วล่ะ ขี้เกียจเจอรถติด... แล้วพี่บอย ยังไม่กลับเหรอ?” สาวเป้ตอบยิ้มๆ พลางถอดหูฟัง MP3 ของตัวเองออก ด้วยไม่รู้จะคุยอะไรต่อเธอจึงลองถามคำถามเดียวกันกลับไป

“อ๋อ พี่พึ่งแก้แบบงานเสร็จน่ะ ก็เลยลงมาช้าหน่อย พวกไอ้เอ ไอ้ม่อนมันชิ่งกันไปหมดแล้ว ไม่ยอมรอเลย” บอยตอบพลางทำหน้าเซ็งๆ นิดๆ
“แล้วนี่จะกลับยังล่ะ? เป้ต้องขึ้นรถข้างหน้านี้ใช่มั้ยล่ะ เดี๋ยวพี่เดินไปเป็นเพื่อนก็ได้ ยังไงก็ทางเดียวกันอยู่แล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยเสนอตามมารยาท

หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ แล้วจัดแจงเก็บข้าวของเข้ากระเป๋าเป้แล้วลุกสะพายเดินตามชายหนุ่มรุ่นพี่ไป ทั้งคู่เดินมาหยุดตรงหน้าป้ายรถเมล์ด้านหน้ามหาฯลัย ซึ่งหญิงสาวมักจะมารอคอยขึ้นรถกลับบ้านที่นี่เสมอ

“เออ แล้วนี่เป้กินมื้อเย็นอะไรรึยัง?” หนุ่มบอยเอ่ยถามขึ้นมา
“ยังเลยค่ะ ว่าจะกลับไปกินที่บ้านนั่นแหละ” เป้ตอบกลับไปเรียบๆ
“ไปกินร้านป้านางกันมั้ย? เดินเลยไปข้างหน้านี้เอง นี่พี่ก็ยังไม่ได้กินอะไรเหมือนกัน” ชายหนุ่มเสนอไอเดียขึ้นมากะทันหัน เล่นเอาหญิงสาวแทบตั้งตัวไม่ติด แต่เธอก็ยอมตอบตกลงไปด้วยกัน

ชายหนุ่มกับหญิงสาวนั่งทานก๋วยเตี๋ยวกันสองคนเงียบๆ โดยที่หนุ่มบอยก็คอยชวนเธอคุยเป็นระยะๆ ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ที่ทั้งเธอและเขาได้มีโอกาสใช้เวลาร่วมกันแบบสองต่อสองอย่างนี้ โดยที่ไม่มีเพื่อนๆ คนอื่นๆ มาเอี่ยวด้วย บรรยากาศแปลกๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้หญิงสาววัยว้าวุ่น เกิดอาการเขินๆ เกร็งๆ ขึ้นมาชอบกล เนื่องจากเธอไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงดี ไม่รู้จะชวนคุยเรื่องอะไร เพราะที่ผ่านมาเธอก็ไม่ค่อยได้สนใจรุ่นพี่คนนี้ซักเท่าไหร่ เนื่องจากนิสัยที่เป็นคนเงียบๆ พูดน้อยของเขา

แต่พอได้ลองมาใช้เวลานั่งคุยกันจริงๆ จังๆ หญิงสาวจึงได้พบว่า ชายหนุ่มรุ่นพี่เองก็เป็นคนอารมณ์ดี และกวนตีนยิ่งกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก

“เออ พี่ถามอะไรหน่อยดิ” หนุ่มบอยเปิดประเด็นขึ้นมา
“อาฮะ?”
“ตกลงแล้วนี่ เป้ไม่ได้เป็นทอมใช่ป่ะ?”

“เฮ้ย! บ้า!! ไปเอามาจากไหนพี่!? เป้เนี่ยนะทอม?”
“อ้าว.. ก็เห็นเป้ดูห้าวๆ ตัดผมสั้นๆ แถมตัวติดกับยัยบีตลอดเวลา ใครๆ เค้าก็นึกว่าเป้เป็นแฟนบีกันหมดดิ” ชายหนุ่มอธิบายให้เธอเข้าใจ
“เฮ้ยยย... ไปกันใหญ่แล้ว เป้เป็นผู้หญิงงง ยัยบีนี่ก็เพื่อนกัน ดูยังไงเป็นทอมเนี่ย?” สาวเป้โอดครวญด้วยความร้อนใจ

“ก็เป้เล่นใส่เสื้อกับกระโปรงตัวหลวมโพรกงี้ รองเท้าคอนเวิร์สงี้ แถมดันรัดนมมาเรียนอีก จะไม่ให้พี่เข้าใจผิดได้ไง” หนุ่มบอยพูดด้วยสีหน้าทะเล้น
“กวนแระๆ อันหลังนี่มันแบนเองตามธรรมชาติป่ะ...” เป้พูดค้อนๆ แก้มป่อง กำหมัดค้างกลางอากาศ ทำท่าว่าจะเงื้อต่อย เรียกเสียงหัวเราะคำโตจากชายหนุ่ม

“สรุปว่าไม่ได้เป็นทอม?” หนุ่มรุ่นพี่ถามพลางตักลูกชิ้นเข้าปาก
“ไม่ได้เป็นดิ” สาวรุ่นน้องตอบ ใช้ตะเกียบคีบชิ้นเกี๊ยวเข้าปากเช่นกัน
“แล้วก็ไม่ได้คบกับบีอยู่?” หนุ่มรุ่นพี่ถามต่อ มือก็แกะห่อแคปหมูไปด้วย
“อาฮะ”  สาวรุ่นน้องว่าพลางใช้ช้อนตักน้ำซุปขึ้นซดเสียงดังซ้วบบ...บบ

“งั้นก็ดีเลย พี่จะได้เดินหน้าจีบได้เต็มที่” บอยเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง แววตาเป็นประกาย
“พรืดดด....ดด ห๊ะ!? พี่จะจีบเป้เนี่ยนะ...?” เป้อุทานออกมาด้วยความตกใจ เผลอพ่นน้ำซุปกระเด็นออกจากปาก
“เปล่า... จีบบี!” ชายหนุ่มยิงมุกจบก็หัวเราะร่วน ปล่อยให้สาวรุ่นน้องออกอาการหน้าแตกเขินอายจนแก้มแดง

พอทานกันเสร็จ ชายหนุ่มก็ยังมายืนรอเป็นเพื่อนเธอ รอจนกระทั่งส่งเธอขึ้นรถเมล์เรียบร้อยแล้วตัวเองจึงเดินข้ามฟากไปรอรถที่ป้ายฝั่งตรงข้าม ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเพียงการกระทำเล็กๆ น้อยๆ  ที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรนัก และชายหนุ่มเองก็อาจจะแค่ทำไปตามมารยาท แต่สาวน้อยวัย 18 อย่างเป้ก็อดที่จะปลื้มใจในความมีน้ำใจของชายหนุ่มรุ่นพี่ไม่ได้

น่าแปลกที่ยิ่งนานวัน หนุ่มบอยก็ยิ่งดูมีท่าทีใกล้ชิดสนิทสนมกับสาวเป้มากขึ้นทุกที จนเธอเองชักจะเริ่มรู้สึกได้ถึงบรรยากาศขัดเขินแปลกๆ ระหว่างทั้งคู่ แรกๆ เธอก็ยังคิดว่าหนุ่มบอยคงจะตั้งใจมาจีบสาวบีเพื่อนซี้ของเธออย่างที่เคยพูดไว้เล่นๆ เนื่องจากบีเองก็เป็นสาวสวยหน้าตาดีคนนึงในมหาฯลัย ในขณะที่ตัวเธอเองนั้น แม้ว่าจะไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร แต่พอมายืนเทียบกันกับสาวเพื่อนซี้ข้างๆ ก็เลยออกจะดูหมองๆ ลงไปบ้าง

นานๆ ที ชายหนุ่มก็จะแวะเวียนเอาขนมมาฝากเธอบ้างเป็นครั้งคราว รวมถึงเริ่มแชทมาคุยเล่นกับเธอทาง MSN อยู่บ่อยๆ ทั้งคู่จึงเริ่มที่จะสนิทสนมกันในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งสาวเป้ก็เริ่มแน่ใจแล้วว่าหนุ่มรุ่นพี่นั้นตั้งใจที่จะเข้าหาเธอต่างหาก

และหลังจากที่สนิทกันจนโทรคุยเล่นได้เป็นปกติแล้ว ชายหนุ่มจึงลองเอ่ยปากชวนหญิงสาวไปดูหนังด้วยกันแบบสองต่อสอง เพราะรู้ดีว่าเธอนั้นชอบดูหนังเป็นงานอดิเรกอยู่แล้ว ซึ่งสาวเป้เองก็ตอบตกลงไปแบบไม่ได้คิดอะไรมาก แค่นึกดีใจที่มีคนช่วยออกค่าตั๋วให้ฟรีๆ

ซึ่งหนังเรื่องแรกที่ทั้งคู่ตัดสินใจดูด้วยกันก็คือ... 'Blade'

“เป้ชอบดูหนังแนวนี้ด้วยเหรอ?”
“อืม ก็ดูได้หมดอ่ะพี่”
“เออ แปลกดี”
“แปลกไงอ่ะพี่”

“ไม่รู้ดิ ก็หนังมันดู... ยังไงๆ ไม่รู้ มีแต่ฉากฆ่ากันโหดๆ พี่นึกว่ามันจะบู๊กันสนุกกว่านี้ซะอีก”
“เอาน่ะ ลองดูไปก่อน เดี๋ยวก็บู๊กันแล้วมั้ง”
“อืมๆ” ชายหนุ่มเออออตามแล้วเงียบไป แต่นั่งดูไปได้อีกไม่กี่นาที ก็เริ่มตามเรื่องราวในหนังไม่ไหว จึงใช้มือสะกิดหญิงสาวเพื่อหมายจะชวนคุยอีกรอบ

“เป้ๆ...” หนุ่มบอยกระซิบเบาๆ
“อย่าพึ่งชวนคุยซี่.. เป้ดูหนังอยู่” หญิงสาวครางบ่นอย่างขัดเคืองใจ จนชายหนุ่มต้องรีบถอยกรูด
“อ่ะๆ โอเคๆ” เขาว่าแล้วหันกลับมาเพ่งความสนใจกับฉากในหนังแทน พอหนังจบ สาวรุ่นน้องจึงใช้มือสะกิดปลุกหนุ่มบอยที่เผลองีบหลับไปในช่วง 10 นาทีสุดท้ายเพื่อเดินออกจากโรง

“โหย พี่อ่ะ หลับเฉยเลย ช่วงท้ายมันออกจะสนุก” สาวเป้บ่นตัดพ้อ
“โทษที สงสัยเมื่อคืนพี่นอนดึกไปหน่อย” หนุ่มบอยตอบแก้ตัวน้ำขุ่นๆ
“ดึกอะไรเล่า ก็พี่วางหูจากเป้แล้วก็นอนเลยไม่ใช่อ่อ?” หญิงสาวยังไม่ยอมเลิกรา
“เออๆ นั่นแหละ 5 ทุ่มก็ดึกแล้วนะนั่น.. ป่ะๆ กลับเหอะ เดี๋ยวจะไม่มีรถ” ชายหนุ่มพูดตัดบทดื้อๆ

ทั้งคู่ค่อยๆ ใช้เวลาไปเที่ยว ไปดูหนัง กินข้าวด้วยกันบ่อยขึ้นเรื่อยๆ เวลาเลิกเรียน หนุ่มบอยก็จะมารอรถเมล์เป็นเพื่อน หรือถ้าวันไหนที่เลิกไวๆ ก็จะนั่งรถไปส่งเธอที่บ้านด้วยกัน ก่อนจะขึ้นรถย้อนกลับมาที่มหาฯลัย แล้วนั่งรถอีกต่อกลับหอตัวเอง

จากที่เธอไม่เคยมองเห็นหนุ่มแว่นคนนี้อยู่ในสายตาเลย แต่เพราะความใจดีของชายหนุ่ม บวกกับความเป็นคนมองโลกในแง่ดีมีอารมณ์ขัน จึงทำให้สาวเป้เริ่มที่จะประทับใจในตัวรุ่นพี่คนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนแม้แต่สาวบีเพื่อนซี้ก็ยังแสดงท่าทีเชียร์แบบออกหน้าออกตา คอยพูดเป่าหูให้ทั้งคู่คบหากันเป็นแฟนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่เธอก็ยังไม่ค่อยจะแน่ใจซักเท่าไหร่ว่าชายหนุ่มจะคิดกับเธอเช่นไรกันแน่

=======================================

“หูยย เป้พึ่งรู้นะเนี่ย ว่าพี่บอยจะเป็นคนกวนตีนขนาดนี้” สาวเป้บ่นงอนๆ หลังจากที่โดนชายหนุ่มแกล้งพูดเล่นมุกล้อเลียนอย่างเจ็บแสบ ระหว่างที่โทรคุยเล่นกันอยู่
“แหม... พี่ก็กวนตีนเฉพาะกับคนที่สนิทกันเท่านั้นแหละ ถ้าไม่สนิทนี่พี่ไม่เล่นด้วยให้เสียมือหรอกนะ”
“อ้าว.. แล้วนี่เป้เผลอลดตัวไปสนิทกับพี่ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย? มั่วป่าววว?” หญิงสาวแกล้งกระเซ้าหยอกกลับไป

“เอ้า! ยัยนี่! ดูพูดเข้า... นับวันชักจะปากดีขึ้นทุกทีนะเรา” บอยบ่นงุบงิบ
“ก็พี่เริ่มก่อนเองนา กวนมากวนกลับ ไม่โกง สม ฮ่าๆๆ” เป้หัวเราะตอบกลับมาอย่างสะใจ
“เออ ตามสบายเลย”

“แล้วนี่ พรุ่งนี้คาบแรกกี่โมงอ่ะ?” ชายหนุ่มเอ่ยถามเปลี่ยนเรื่อง
“9 ครึ่งง่ะ พี่ล่ะ?”
“บ่าย”
“ดีๆ งั้นพรุ่งนี้เช้าฝากซื้อหมูปิ้งร้านเดิมมาให้เป้ด้วยนะ” หญิงสาวกล่าวไหว้วานเป็นการตบท้าย

“ห๊ะ? พี่เข้าหลังเธอตั้งเป็นชั่วโมงนะ? มานั่งรอกว่าจะจบคาบแรก มันจะไม่หิวก่อนเหรอ” หนุ่มบอยทักท้วง
“เอ้า... พี่ก็เอามาให้เป้ ก่อนที่เป้จะเข้าเรียนไง ไม่เห็นยาก”
“โอ้โห! แม่คุณ สรุปคือพี่ก็ต้องแหกขี้ตาตื่นถ่อเอาหมูไปให้เธอตั้งกะ 8 โมง 9 โมงเนี่ยนะ?” หนุ่มรุ่นพี่อุทานออกมา
“ถูกต้องนะคร้าบบบ” หญิงสาวเลียนเสียงแบบคุณปัญญา พลางทำนิ้วเป็นสัญลักษณ์แฟนพันธุ์แท้อยู่คนเดียว

“โอ๊ย ไม่มีทางอ่ะ ง่วงจะตาย ใครจะไปตื่น” บอยบอกปฏิเสธไปห้วนๆ
“เออ ไม่ไปก็ไม่ต้องไป ก็แค่จะจำไว้.. จำไว้เลยนะ ฝากแค่นี้... ก็ไม่ได้” เป้พูดงอนๆ จนชายหนุ่มต้องยอมเป็นฝ่ายง้อ
“น่ะ... งอแงอีก เออๆ เดี๋ยวซื้อไปให้ก็ได้”
“จริงอ่ะ? จริงๆ นะ?” สาวเป้ส่งเสียงดีอกดีใจลอดมาทางโทรศัพท์

“อืม ประมาณ 9 โมงละกันนะ เช้ากว่านี้ไม่ไหว ง่วง” บอยยื่นข้อเสนอ
“ขอบคุณค้าบบบบ ใจดีจังเลย” เป้รับคำอย่างว่าง่าย
“ฮึ ไม่ต้องมายอเลย แถวบ้านตัวเองก็ร้านหมูปิ้งแท้ๆ”
“ก็มันไม่อร่อยเท่าร้านนั้นนี่นา...” เป้ทำเสียงละห้อย ก่อนที่ทั้งคู่จะเงียบกันไปอีกครู่ใหญ่ๆ

“เออพี่บอย เป้ขอถามอะไรหน่อยดิพี่?” สาวเป้เป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นมาเพื่อทำลายความเงียบเป็นคนแรก
“หืมม?” หนุ่มบอยครางตอบในลำคอ
“ตกลงทุกวันนี้ เราสองคนนี่ยังไงอ่ะ?” หญิงสาวถามคำถามที่ค้างคาใจเธอมาพักใหญ่ๆ
“หมายถึงยังไง?” ชายหนุ่มทวนคำถามอีกครั้ง

“คือ... นี่พี่กำลังจีบเป้อยู่ป่ะ? หรือว่าเรากำลังคบกันอยู่? เป้ไม่ค่อยเคลียร์ว่ะ” เป้พยายามอธิบาย
“อืมมมมม.... พี่ว่า มันน่าจะอยู่ระหว่างกึ่งกลางล่ะมั้ง... แล้วเป้รู้สึกยังไงกับพี่ล่ะ?” บอยถามกลับไปบ้าง
“เป้ว่าพี่ก็โอเคนะ คุยกันรู้เรื่องดี” เป้ตอบกลับมาตรงๆ ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“แล้วตกลงตอนนี้มีแฟนอยู่เปล่า” บอยถามเข้าประเด็นทันที
“โห่... ไอ้บ้า คุยกันมาจนถึงขนาดนี้แล้วจะถามทำแป๊ะอะไรฟะ?” เป้ส่งเสียงเคืองๆ ตอบกลับไป
“เออน่า ตอบมาเหอะ” ชายหนุ่มยังคงดึงดันเอาคำตอบให้ได้
“ไม่มี”

“แล้วตอนนี้อยากมีมั้ย?” บอยถามต่อไปอีก
“ก็... เรื่อยๆ ยังไงก็ได้” เป้ตอบกลับไป พยายามทำน้ำเสียงให้ดูปกติที่สุด
“แล้วถ้าพี่จะขอคบกับเราเป็นแฟน เป้จะว่ายังไง” คำพูดของชายหนุ่มรุ่นพี่ ทำเอาหญิงสาวแทบหลุดกรี๊ดออกมา

“ก็... เดี๋ยวขอลองไปคิดดูก่อน... สักสองเดือน” หญิงสาวตอบเสียงสั่น แกล้งพูดยั่วเย้าชายหนุ่มไปเล่นๆ
“โว๊ะ! จะคิดอะไรนานขนาดนั้นฟะ อย่าเล่นตัวดิ ตกลงจะยอมคบกับพี่เปล่า นี่อุตส่าห์ยอมทนเขินถามไปตรงๆ แล้วนะเนี่ย” บอยโวยวายแบบเซ็งๆ
“โห... นี่เขินแล้วเหรอเนี่ย?”

“เออ... สรุปจะไม่ตอบใช่มะ งั้นวางหูแล้วนะ...” หนุ่มบอยยื่นคำขาด แล้วก็เว้นช่วงรอ ขณะที่หญิงสาวก็ยังนิ่งเงียบไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเหมือนกัน รออยู่เกือบๆ 10 วินาที ก่อนที่เธอจะส่งเสียงกลับมา
“... นี่วางสายไปแล้วยังเนี่ย?” หญิงสาวแกล้งถามกวนๆ

“เออออ! วางจริงๆ แระไอ้บ้า” บอยทำเสียงดุใส่
“เดี๋ยวๆๆ ดิ้ โห... คนแก่ใจน้อยว่ะ ขอคิดแป๊บนึงก็ไม่ได้...” สาวรุ่นน้องรีบยื้อชายหนุ่มไว้ก่อน แทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ หนุ่มบอยที่รู้ตัวว่ากำลังโดนล้อเลียนจึงออกอาการงอนๆ บ้าง
“เนี่ย ก็เราเอาแต่เล่นตัวแบบเนี้ย”
“โอเคๆ ตอบแล้วๆ”

“ตกลงคำตอบคือ...?” บอยถามย้ำอีกครั้ง
“คบ... ก็ได้... มั้ง” เป้ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ทำไมต้องมีมั้งด้วยฟะ?” ชายหนุ่มถามเสียงเซ็งๆ
“อ่ะๆ คบก็ได้ค่า” สาวน้อยตอบเสียงใสอย่างร่าเริง

“จริงดิ!?”
“เอ๊า! พี่นี่ยังไงเนี่ย... พอจะยอมคบแล้วก็ดันไม่เชื่อซะงั้น”
“ไม่ใช่อย่างนั้น พี่หมายถึง เราน่ะแน่ใจแล้วใช่มั้ย? นี่ก็พึ่งจะคุยกันได้ไม่นานเท่าไหร่เอง”
“อืม... ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เป้ว่าพี่บอยก็เข้ากับเป้ได้ดีนิ ถ้าเกิดลองคบกันแล้วมันไม่เวิร์คจริงๆ ถึงตอนนั้นค่อยกลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมก็ได้”

“โหย อย่าฝันเลย ถ้าเกิดพี่โดนเป้ทิ้ง รับรองไม่คุยต่อแน่ หน้ายังไม่อยากจะมอง”
“โว๊ะ! ตานี่... รู้ได้ไงว่าเป้จะเป็นคนทิ้ง ตัวเองนั่นแหละ อาจจะหนีไปมีกิ๊กก่อนก็ได้”
“ไม่อ่ะ ไม่มีทาง พี่ว่าเป้ต้องแอบหนีไปมีคนอื่นก่อนพี่ชัวร์ พนันกันมั้ยล่ะ?”
“เออ มาเด้” หญิงสาวตอบกลับไปอย่างท้าทาย

“พอๆๆ ยังไม่ทันจะได้คบกันเลย จะรีบไปมีกิ๊กกันซะแล้ว งั้นตกลงตอนนี้... เราเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการแล้วนะ” หนุ่มบอยเปลี่ยนโทนเสียงไปเป็นนุ่มนวลใจดีอีกครั้ง
“อื้อ...” สาวเป้ตอบทันควัน
“แล้ว... เราจะคุยกันยังไงดี หมายถึง... จะให้เรียกกันเหมือนเดิมมั้ย หรือต้อง... ตัวเอง เค้า... เรา... เธอ?” บอยเอ่ยถาม

“ไม่รู้อ่ะ เราก็ได้มั้ง ดูเก๋าดี แต่เป้ไม่เรียกบอยว่าพี่แล้วนะ บอกไว้ก่อน อิอิ” หญิงสาวพูดอย่างอารมณ์ดี
“นั่นง่ะ มาถึงก็ปีนเกลียวเลย” ชายหนุ่มบ่นขำๆ
“ก็เรียกพี่แล้วมันดูไม่สนิทนี่นา เรียกแบบนี้แหละ ดีแล้ว บอย.. บอย... บอยขา ฮ่าๆๆๆ” เป้หัวเราะร่วน
“เออ จะเรียกอะไรก็เรียกไปเหอะ ยัยจืด!” บอยตอกกลับเบาๆ

“เดี๋ยวจะโดนเพ่นกบาล เรียกให้ดีๆ เลยนะ” สาวเป้แว้ดกลับมาทันที
“อื้อหือ รู้สึกว่าพอเป็นแฟนกันแล้ว คุณน้องจะดุขึ้นเยอะเลยนะครับ ขอถอนตัวตอนนี้ทันมั้ยฮะ?”
“ฮะฮะฮ่า ช้าไปแล้วล่ะนาย ทำใจซะนะ มีแฟนเป็นจิ๊กโก๋อย่างเรา พ่อดุด้วย ขอบอก...” หญิงสาวแกล้งขู่

“ไม่เห็นเป็นไร เดี๋ยวค่อยแวะไปทักทายซักหน่อย” หนุ่มรุ่นพี่พูดท้าทายไปอย่างไม่กลัว
“เอาซี้ กล้าก็มา ขอบอกว่าพ่อเป้พกปืนติดบ้านด้วยนา ถ้าทำเป้เสียใจ... ระวังตัวไว้ด้วยล่ะ ฮี่ๆๆ”
“จ้ะแม่คุณ งั้นเราไปนอนแล้วนะ ง่วงละ ฝันดีครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ซื้อหมูปิ้งไปให้”
“ค่า ฝันดีค่ะ ไว้พรุ่งนี้เช้าเจอกัน บ๊ายบาย” ทั้งคู่กล่าวลา ก่อนจะกดวางสายไปด้วยหัวใจที่พองโตขึ้นมาพร้อมๆ กัน

=======================================

ทั้งสองคนคบหากันเป็นแฟนแบบง่ายๆ โดยที่เพื่อนๆ ของทั้งคู่ต่างก็สนับสนุนเป็นอย่างดี หนุ่มบอยกับสาวเป้เองก็ยังคงทำตัวเหมือนเคยๆ ไม่ได้มีอะไรหวือหวาหวานชื่นมากไปกว่าที่ผ่านๆ มา มันเป็นความสัมพันธ์ในแบบค่อยๆ ฟูมฟักดูแลกันและกัน ต่างคนต่างเป็นกำลังใจ คอยให้คำปรึกษาทั้งเรื่องเรียน เรื่องครอบครัว และเรื่องเพื่อนๆ

เวลาว่างก็มักจะพากันไปเที่ยวเดินเล่น ดูหนัง และหาอะไรกินกันเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมเข้ามาก็เห็นจะเป็นเรื่องของการถูกเนื้อต้องตัว จับมือถือแขนกันตามประสาคนเป็นแฟนนั่นแหละ แรกๆ สาวเป้เองก็ออกอาการเขินๆ อยู่เหมือนกัน เนื่องจากก่อนหน้านี้เธอเองก็พึ่งจะเคยมีแฟนแบบปั๊บปี้เลิฟมาแค่คนเดียว แถมยังคบหากันแค่เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ได้มีช่วงเวลาลึกซึ้งอะไรใดๆ นอกจากการไปรับไปส่งตอนกลับบ้านเท่านั้น

ตอนแรกที่หนุ่มบอยเอ่ยปากขอจับมือในโรงหนังนั้น เล่นเอาหญิงสาววัยรุ่น ถึงกับว้าวุ่นใจจนดูหนังไม่รู้เรื่องไปครึ่งค่อนเรื่องเลยทีเดียว แต่ความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาจากมือของชายหนุ่ม กลับสร้างความรู้สึกดีๆ ให้กับเธอได้มากกว่าหนังที่กำลังดูเสียอีก พอได้จับมือกันบ่อยๆ เข้า สาวเป้จึงเริ่มเสพติด และกลายเป็นฝ่ายยื่นมือไปจับมือบอยก่อนแทน

พอการจับมือกันเริ่มกลายเป็นเรื่องปกติคุ้นชินแล้ว หนุ่มบอยก็ค่อยๆ ขยับความสัมพันธ์ให้ลึกซึ้งขึ้นไปอีก ด้วยการเอ่ยขอกอดเธอ ในขณะที่ทั้งคู่กำลังใช้เวลานั่งเล่นด้วยกันที่หอของชายหนุ่ม สาวเป้ถึงกับออกอาการสะดุ้งตกใจ และคิดไปว่าแฟนหนุ่มกำลังพยายามจะรวบหัวรวบหางขอมีอะไรกับเธอด้วย จนหนุ่มบอยต้องรีบยืนยันว่าจะไม่ล่วงเกินเธอเด็ดขาด แค่เพียงอยากกอดแก้คิดถึงเธอเท่านั้น ซึ่งสุดท้ายแล้ว หญิงสาวก็ยอมตอบตกลงไปแบบกล้าๆ กลัวๆ

สัมผัสแน่นๆ จากท่อนแขนของชายหนุ่ม เล่นเอาเป้ถึงกับเผลอเคลิบเคลิ้ม ล่องลอยไปกับความรู้สึกอบอุ่นที่แผ่เข้ามา ความสุขที่เกิดขึ้น ทำให้เธอเผลอยื่นมือไปกอดเขาตอบโดยไม่รู้ตัว แอบรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของท่อนเนื้อบริเวณกลางตัวที่บดเบียดเข้ากับร่างเธอ ใบหน้าของหญิงสาวร้อนวูบวาบไปหมด

หนุ่มสาวทั้งคู่ยืนกอดกันตัวกลมอยู่เป็นนาที ก่อนที่หนุ่มบอยจะก้มหน้าลงมาประกบปากจูบเธอโดยไม่ได้ตั้งตัว... เพี้ยะ!! เสียงฝ่ามือนุ่มๆ ของหญิงสาวตบเข้าไปเต็มแก้มของชายหนุ่มโดยอัตโนมัติ

“บอยอ้ะ! เป้บอกแล้วไงว่ายังไม่พร้อม...” เป้ดุด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“อูยยย... ขอโทษๆ เราเผลอตัวไปหน่อย ก็เป้ดันตัวหอมขนาดนี้นี่นา” คำแก้ตัวของบอยฟังดูแปร่งๆ ชอบกล จนหญิงสาวต้องลองก้มหน้าลงไปดอมดมหัวไหล่ของตัวเองเพื่อพิสูจน์

“หอมเหิมอะไร อย่ามาอ้างเลย คิดเรื่องทะลึ่งอยู่อ่ะดิ มิน่า ข้างล่างงี้แข็งขึ้นมาเลยนะ”
“บ้า... ไม่ได้คิดทะลึ่งเฟ้ย แค่ตื่นเต้นขึ้นมาเฉยๆ”
“ไม่ต้องเลย ไม่เอาแล้ว เป้ไม่อยู่ดีกว่า เดี๋ยวโดนคนหื่นๆ มันปล้ำเอา” หญิงสาวว่าพลางหยิบกระเป๋า

“หู่ยยย เป้อ่ะ จะรีบกลับไปไหน ยังไม่ 5 โมงเลย” บอยออดอ้อนเนื่องจากยังไม่อิ่มจากรสสัมผัส
“ไม่อ่ะ เย็นแล้ว เดี๋ยวรถติด ป่ะๆ ลงไปส่งเลย เป้จะกลับบ้านแระ” สาวเป้พูดจบแล้วก็เดินเปิดประตูนำหน้าไป ทิ้งให้แฟนหนุ่มต้องรีบเดินตามไปส่ง

=======================================

ซึ่งแม้ว่าตอนแรกหญิงสาวจะแสดงท่าทีไม่พอใจออกไปยังไง แต่ท้ายที่สุดแล้ว เธอเองกลับเฝ้าฝันถึงแต่รสจูบอันสุดแสนจะนุ่มนวล ซึ่งตัวเองพึ่งจะเคยได้รับเป็นครั้งแรกในชีวิต มันเป็นประสบการณ์ที่ดูเรียบง่าย เกิดขึ้นแบบกะทันหันโดยไม่ทันคาดคิด ก่อนจะผ่านพ้นไปในชั่วเสี้ยววินาที แต่พอเวลาผ่านไป กลับทิ้งตะกอนของความสุขเอาไว้ฝังลึกลงไปในหัวใจของหญิงสาวจนมันเปี่ยมล้นออกมา

และหลังจากผ่านไปราวๆ 2 อาทิตย์ เธอจึงยอมเปิดใจ ปล่อยให้ชายหนุ่มได้มีโอกาสมอบความสุขให้กับเธออีกครั้ง ผ่านทางริมฝีปาก...

สาวเป้ค่อยๆ เรียนรู้ที่จะปล่อยใจรับความสุขจากรสสัมผัสของแฟนหนุ่ม ทั้งการกอด การจูบ หรือแม้แต่การปล่อยให้ร่างกายเบียดเสียดสัมผัสกันภายนอกเนื้อผ้า เธอค่อยๆ คุ้นเคยกับการกระทำเหล่านี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มมองมันเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้รู้สึกเขินอายอะไรมากมายเท่าไหร่ แม้ว่าบางครั้งฝ่ามือของชายหนุ่มจะเผลอสัมผัสโดนเข้าที่หน้าอกหน้าใจของเธอบ้าง แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ออกอาการโวยวายใดๆ นอกจากทำหน้าเขินๆ อายๆ

ขณะที่ทางฝั่งของบอยเอง แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าแฟนสาวของตัวเองนั้น ทั้งสดซิง ทั้งอ่อนด้อย และไร้ประสบการณ์ทางเพศแบบแทบจะศูนย์เปอร์เซนต์เลยก็ว่าได้ ซึ่งถ้าตัวเค้าลองเกลี้ยกล่อมตะล่อมดูดีๆ ก็คงจะสามารถหาทางเจาะไข่แดงเธอได้ไม่ยากเย็นเท่าไหร่ แต่ชายหนุ่มเองกลับไม่เคยคิดที่จะฝืนใจเธอเลยแม้แต่น้อย โดยปล่อยให้เวลาและบรรยากาศที่เหมาะสมเป็นใจ เป็นฝ่ายคืบคลานเข้ามาหาคนทั้งคู่ด้วยตัวของมันเอง

ซึ่งก็ต้องรอไปเกือบๆ 2 ปี จนกระทั่งหนุ่มบอยกำลังจะเรียนจบนั่นแหละ ทั้งคู่จึงได้กลายเป็นของกันและกันอย่างสมบูรณ์...

มันเป็นวันหยุดธรรมดาๆ เหมือนที่ผ่านๆ มา สาวเป้และหนุ่มบอยเองก็พึ่งจะกลับมาพักเหนื่อยที่ห้องหอของฝ่ายชาย หลังจากที่พากันไปตะลอนทัวร์ เดินซื้อของกระจุกกระจิกที่สวนจตุจักรกันจนขาลาก หญิงสาวในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ ค่อยๆ ถอดรองเท้าผ้าใบของตัวเองวางไว้ที่ชั้นรองเท้า พอเดินเข้าไปล้างเท้าในห้องน้ำเสร็จเธอก็กระโดดทิ้งตัวลงไปบนที่นอนนุ่มๆ ทันที

“เฮ้ออออ เมื่อยโคตร” เป้ครางออกมาด้วยความอ่อนล้า
“ยังมีหน้ามาบ่นอีก ก็ชวนกลับตั้งกะบ่าย 3 แล้วยังจะดื้อขอเดินต่อเอง” หนุ่มบอยหันหน้ามาแซว
“แต่บอยก็ได้ของเหมือนเค้านั่นแหละน่า อย่ามาพูดเลย ฮึ ตัวเองซื้อเยอะกว่าเค้าอีก” หญิงสาวโต้กลับไปทันควัน
“แต่เสื้อเรารวมกันแล้วยังถูกกว่ารองเท้าเป้อีกนา” ชายหนุ่มเองก็ยังไม่ยอมแพ้ พร้อมกับปีนขึ้นมานอนพักข้างๆ แฟนสาว

“เออ บ่นไปเหอะ คราวหน้าเป้ไปคนเดียวก็ได้ เชอะ! ดูดิ ทีก่อนเป็นแฟนนะ ไปรับไปส่งไม่เคยจะบ่น... พอเป็นแฟนกันแล้วล่ะ บ่นเป็....” หญิงสาวพูดได้ถึงแค่นั้นแล้วก็เงียบเสียงไป เพราะโดนแฟนหนุ่มโน้มตัวเข้ามาประกบปากจูบอย่างกะทันหัน สาวเป้ที่กำลังตกใจจึงได้แต่หลับตาปี๋ ก่อนที่จะประกบบดปากตัวเองตอบโต้กลับไปโดยอัตโนมัติ ทั้งคู่ดูดปากกันอยู่เกือบๆ นาที หนุ่มบอยจึงค่อยๆ ถอนปากออก

“ฮื่อออ นี่แน่ะ พูดมากนัก” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์
“แฮ่กๆ... ไอ้บ้า หาว่าเค้าพูดมากเหรอ” หญิงสาวโวยพร้อมกับเอามือตีแขนแฟนหนุ่มดังเพี้ยะๆ ไม่หยุด จนบอยต้องใช้มือรวบตัวสาวเป้มากอดไว้เพื่อให้เธอหยุดตีเสียที
“โอ๊ยๆ พอแล้วๆ ยอมแล้ว ไม่ว่าแล้วคร้าบ” ชายหนุ่มโอดโอยพร้อมกับหอมแก้มเธอเป็นการขอโทษ

“ฮึ! ไม่ต้องเลย งอนแล่ว! เอ๊ะ อย่าซี่...” สาวเป้อุทานออกมาเมื่อแฟนหนุ่มเริ่มใช้มือลูบไล้สัมผัสหน้าอกนุ่มๆ ของเธอ ช่วงหลังๆ นั้น ทั้งเธอและบอยเริ่มที่จะมีการสัมผัสลูบไล้ร่างกายของกันและกันมากขึ้น เวลาที่ทั้งคู่นอนกอดจูบกัน ซึ่งที่ผ่านๆ มาก็เป็นเพียงแค่การสัมผัสผ่านเนื้อผ้าด้านนอกเท่านั้น แตกต่างไปจากครั้งนี้... ที่หนุ่มบอยกำลังพยายามสอดมือล้วงเข้าไปใต้เสื้อยืดของเธอแบบตรงๆ!

“บอย... อย่า....” เป้พยายามร้องห้ามเสียงอ่อย รู้สึกตื่นเต้นและขัดเขินไปพร้อมๆ กันจนทำอะไรไม่ถูก มือไม้อ่อนปวกเปียกไปหมด รสจูบเมื่อครู่ เหมือนไปปลุกสวิตซ์อารมณ์วาบหวิวในหัวเธอให้พร้อมทำงานขึ้นมา
“เป้... อีกไม่กี่วัน... เราก็กำลังจะเรียนจบอยู่แล้วนะ เราไม่รู้ว่าพอเราจบไปทำงาน เรากับเป้จะได้เจอกันน้อยลงรึเปล่า ไม่รู้ว่าต่างคนต่างจะยุ่งจนไม่มีเวลาให้กันมั้ย เราอยากใช้เวลาที่เหลือนี้กับเป้ให้มากที่สุดนะ รู้มั้ย?” ชายหนุ่มพรั่งพรูความรู้สึกในใจออกไปตามตรง หญิงสาวรุ่นน้องได้แต่รับฟังเงียบๆ ไม่รู้จะตอบอะไรกลับไป

“แต่ว่า...” เธอพูดออกมาได้แค่นั้น
“เราสัญญา ว่าเราจะไม่ทิ้งเป้ไปไหน เป้เป็นผู้หญิงคนเดียวที่เราอยากแต่งงานด้วย อยากมีลูกด้วยกัน อยากใช้ชีวิตด้วยกันไปตลอด... เป้จะยอมเป็นของเราได้มั้ย?” คำพูดของชายหนุ่มทำเอาหญิงสาวนั่งน้ำตาคลอ แม้ที่บ้านของเธอจะเคยพร่ำสอนมาตลอดว่าให้เก็บรักษาพรหมจารีย์ไว้จนถึงวันแต่งงาน แต่ในใจของเธอเองกลับนึกต่อต้านมันมาโดยตลอด แม้ว่าจะยอมทำตามคำสั่งสอนของพ่อแม่มาจนถึงทุกวันนี้ก็ตาม

จะมีประโยชน์อะไร ถ้าเธอเก็บความบริสุทธิ์ของตัวเองเอาไว้ แล้วไปพบว่าเรื่องบนเตียงหลังแต่งงานมันเกิดเข้ากันไม่ได้ ทำไมผู้หญิงที่ไม่ซิงแล้วถึงต้องถูกลดคุณค่าลงไปเหมือนกับสินค้ามือสอง ในขณะที่ผู้ชายกลับมีสิทธิ์เป็นฝ่ายเลือกได้ตลอด และในเมื่อ ณ เวลานี้ ตอนนี้ นาทีนี้ ชายหนุ่มที่เธอค่อนข้างมั่นใจว่าจะเป็นคู่ชีวิตที่ดีของเธอนั้น กำลังเอ่ยขอโอกาสที่จะเดินหน้าความสัมพันธ์กับเธอให้ลึกซึ้งขึ้นไปอีก... ทำไมเธอจึงควรจะเลือกโยนมันทิ้งไป...?

ก็ทีพี่ปู พี่ชายคนโตของเธอยังไปทำผู้หญิงท้องจนต้องแต่งงานตั้งแต่อายุไม่ถึง 20 ได้เลย ไม่เห็นพ่อแม่จะว่าอะไรบ้าง ซ้ำยังกลับไปเสียเงินสู่ขอจัดงานแต่งเป็นเรื่องเป็นราว ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่ได้อุ้มหลานสาวกันถ้วนหน้า ทีลูกสาวตัวเองล่ะห้ามนู่นห้ามนี่ จะมีแฟนซักคนยังต้องคอยรายงานเป็นฉากๆ ทำไมโลกมันช่างไม่ยุติธรรมแบบนี้?

เมื่อคิดแบบนั้นแล้ว หญิงสาวจึงหลับตาลง และพยักหน้าเบาๆ เป็นการส่งสัญญาณว่าเธอพร้อมแล้ว...

ชายหนุ่มค่อยๆ ขยับตัวปีนขึ้นมาคร่อมร่างของเธอไว้ ก้มลงไปประกบปากจูบช้าๆ อย่างแผ่วเบา ใช้มือข้างนึงสอดเข้าไปคลึงบีบหน้าอกของเธอใต้เสื้อ รู้สึกได้ถึงอาการสั่นสะท้านเล็กๆ จากร่างกายของแฟนสาว บอยจูบปากเป้ไป ขณะที่มือก็คอยรูดเสื้อเธอออกไปด้วยผ่านทางหัว มองเห็นยกทรงสีผ้าฝ้ายขาว ห่อหุ้มเต้านมไซส์ 34B ของเธอไว้

ความขาวเนียนของผิวกาย เร่งเร้าให้ชายหนุ่มต้องรีบถลกขอบยกทรงเลื่อนขึ้นไปกองไว้เหนือราวนม สาวเป้รีบใช้สองมือปกปิดหน้าอกตัวเองไว้ด้วยความเขิน แต่หนุ่มบอยก็รีบใช้มือจับง้างข้อมือของเธอให้อ้าออกดังเดิม

“อย่างจ้องดิ้บอย เป้อายนะ”
“ไม่เห็นต้องอายเลย นมเป้ขาวสวยจะตาย”
“สวยบ้าอะไรเล่า นมก็ไม่มี ฮือออ”

“โธ่... ไม่ต้องอายนะคนดี เป้น่ะสวยที่สุดในสายตาบอยเลยรู้มั้ย” ชายหนุ่มว่าพลางก้มลงไปใช้ปากจูบเข้าที่ยอดปทุมถัน เล่นเอาหญิงสาวถึงกับร้องซี้ดดดดส์ เนื้อตัวแอ่นเกร็ง
“โอ๊ยยย บอย... เบาๆ” เป้ครวญครางเสียงกระเส่า

หนุ่มบอยใช้ปากดูดนมแฟนสาวจนหนำใจแล้วก็ถอนปากออก จ้องมองสำรวจเรือนร่างของหญิงสางตรงหน้าอย่างชื่นชม แม้ว่าขนาดหน้าอกหน้าใจของเธอมันจะเล็กไปซักหน่อย แต่ความขาวเนียนของมันก็ทำให้ชายหนุ่มเกิดอารมณ์มากพอสมควร ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเป้าหมายลงไปสำรวจของลับของเธอที่ด้านล่างแทน

บอยใช้มือแกะกระดุมกางเกงยีนส์ของเป้ด้วยความเร่งรีบ ยิ่งรีบก็ยิ่งลนลานจนพาลให้ช้าลงไปอีก สาวเป้ที่เห็นแบบนั้นเลยออกแรงช่วยอีกทาง ด้วยการขยับสะโพก พร้อมกับรูดกางเกงยีนส์ออกไปจากหน้าขาตัวเอง เผยให้เห็นเจ้ากางเกงในสีขาวตัวจิ๋ว ที่มาพร้อมกับความอวบอูมโหนกนูนจนมองเห็นได้เป็นร่อง

หนุ่มบอยกลืนน้ำลายอึกใหญ่ มันเป็นภาพที่สวยงามจนชายหนุ่มแทบหยุดลืมหายใจ เขารีบใช้สองมือรูดกางเกงในตัวจิ๋วของเธอออกทันทีโดยไม่รอช้า ยื้อยุดฉุดแย่งกับเจ้าของอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะอาศัยแรงหื่นแย่งมันมาจากหน้าขาของเธอได้ในที่สุด สาวเป้รีบพลิกตัวนอนตะแคงหลบทันทีเพื่อไม่ให้แฟนหนุ่มได้จ้องสำรวจของสงวนของเธอได้แบบชัดเจน แต่หนุ่มบอยกลับเอามือดันขาขวาของเธอที่ทับอยู่ด้านบน ให้ลอยสูงขึ้นไปในอากาศ จนกลีบสาวโค้งสวยของเธอ โผล่หน้าออกมาทักทายแบบอล่างฉ่างเต็มๆ ตา

“บอย ไม่เอาาาา....” หญิงสาวรีบซุกหน้าหลบกับหมอนด้วยความเขิน พยายามออกแรงดิ้นขัดขืนอย่างไร้ผล ในขณะที่หนุ่มบอยจับยึดหน้าขาเธอไว้แน่น พร้อมกับค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปสำรวจร่องเสียวของเธอ ใกล้ขึ้นทุกที... ทุกที... จนกระทั่ง....

“ว้ายย! ตายแล้ววว...ววว” สาวเป้ร้องเสียงหลงเมื่อโดนลิ้นของแฟนหนุ่มจู่โจมปาดเลียไปตามรอยแยกของกลีบร่อง บางจังหวะก็จ่อลิ้นบี้ลงไปที่เม็ดเสียวของเธอตรงๆ จนหญิงสาวถึงกับตัวแอ่น สูดปากร้องซี้ดซ้าดเหมือนโดนทานของเผ็ดเข้าไป รู้สึกตัวลอยหวิวๆ เหมือนอยู่ในสภาพไร้แรงดึงดูด จังหวะที่แฟนหนุ่มกดลิ้นมุดคว้านเข้ามาในหี เล่นเอาสาวเป้เผลอครางออกมาดังๆ โดยไม่รู้ตัว

อารมณ์ที่ถูกกักเก็บมาตลอด ทำให้แค่เพียงไม่นาน หญิงสาวก็พลันถึงจุดสุดยอดไปแบบง่ายๆ ภาพในหัวสว่างวาบขึ้นมาเหมือนกับดอกไม้ไฟระเบิดโป้งป้าง มันระเบิดวูบวาบเป็นระลอกๆ ติดต่อกัน เนื้อตัวสั่นกระตุก เสียวจี๊ดๆ คันๆ ยุบยิบตรงบริเวณหว่างขา ก่อนจะระเบิดน้ำรักทะลักออกมาท่วมปากท่วมลิ้นของแฟนหนุ่มจนเลอะเยิ้มเป็นคราบ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนหอบแฮ่กๆ อย่างหมดสภาพ...

มันเป็นความรู้สึกแปลกประหลาดที่หญิงสาวพึ่งเคยได้พบเจอเป็นครั้งแรก มันทั้งเสียว ทั้งจั๊กจี้ ทั้งรู้สึกอิ่มเอมและมีความสุข จนไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดใดๆ ได้เลย...

หนุ่มบอยใช้ปากกับร่องรักของแฟนสาวจนมันเปียกเยิ้มเป็นที่น่าพอใจแล้วก็ค่อยๆ ถอนปากออก ขยับตัวถอดเสื้อยืด รูดกางเกงขาสั้นของตัวเองออกไปอย่างลวกๆ ตามด้วยกางเกงในรอสโซ่แบบเต็มตัว

วินาทีที่ท่อนเนื้อของชายหนุ่มผงาดหงึกหงักออกมาดูโลกกว้างนั้น สาวเป้ยังคงก้มหน้างุดๆ ซุกกับหมอนใบนุ่มอยู่โดยไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรทั้งนั้น เธอกำลังพยายามซ่อนตัวจากประสบการณ์ความอายที่พึ่งเคยได้ถึงจุดสุดยอดเป็นครั้งแรกในชีวิต จนไม่ทันได้สังเกตว่าชายหนุ่มกำลังจูงมือเธอ พาไปสัมผัสเข้ากับวัตถุแข็งๆ บางอย่าง... วัตถุที่เคยหลับใหล แต่ตอนนี้กำลังตื่นตัวเต็มที่แล้ว...

“อุ๊ย...!” เป้อุทานออกมาเบาๆ พร้อมกับจะชักมือกลับ แต่บอยยังคงรั้งข้อมือเธอไว้อย่างนั้น พร้อมกับค่อยๆ ออกแรงดึงสโตรคให้มือเธอรูดท่อนลำขึ้นลงช้าๆ
“อืมมม ดีจังเลยเป้” ชายหนุ่มครางฮือออกมาอย่างพึงพอใจ ในขณะที่ในหัวของหญิงสาวนั้นกำลังปั่นป่วนชวนเตลิดได้ที่ หัวใจของเธอเต้นแรงระส่ำไม่เป็นจังหวะ เมื่อได้ลองสัมผัสเข้ากับท่อนลำของแฟนหนุ่มสุดที่รักแบบเนื้อๆ เน้นๆ

แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะเคยได้สัมผัสมันผ่านเนื้อผ้ากางเกงด้านนอกมาบ้างแล้วเป็นครั้งคราว แต่สัมผัสที่ได้รับในครั้งนี้มันกลับแตกต่างออกไป มันทั้งแข็งแกร่ง ทั้งอุ่น แถมยังกระตุกสู้มือ เวลาที่เธอลากมือขึ้นลงเป็นจังหวะ รสสัมผัสที่เกิดขึ้นทำให้เธอสนใจจนต้องยอมชะเง้อหน้าขึ้นมาจ้องมองมันอย่างจริงๆ จังๆ

ภาพท่อนลำแดงคล้ำขนาดกำลังพอดีๆ บริเวณปลายหัวบานโร่ทรงเหมือนดอกเห็น ส่วนปลายเรียวแหลมนิดหน่อย ดูคล้ายหัวลูกศรมนๆ พอเห็นว่าเจ้าของดุ้นเนื้อเองก็กำลังจ้องสบตาเธออยู่ด้วย สาวเป้จึงรีบผงะปล่อยมือออกทันที

หนุ่มสาวทั้งคู่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่ ร่องหีที่เปียกเยิ้มของเป้ กำลังดึงดูดลำควยที่แข็งโด่เด่ของบอย ให้ทิ่มแทงเข้ามาอย่างเว้าวอน ชายหนุ่มขยับเข้าไปทาบทับร่างของหญิงสาวในท่าหันหน้าเข้าหากัน จับจ่ออาวุธประจำกาย ถูไถบริเวณปากทางขึ้นลงไปมา เพื่อให้หญิงสาวเตรียมรับมือกับความเสียวซ่านที่กำลังจะเกิดขึ้น เป้นอนตาปรือ ปล่อยให้บอยค่อยๆ ขยับตัวโกร่งก้นเกร็งสะโพก ทำท่าว่ากำลังจะดันท่อนเนื้อเข้าไปด้านในในไม่ช้า

“เดี๋ยว... เดี๋ยวก่อนบอย... ใส่ถุงก่อน” หญิงสาวรีบละล่ำละลักร้องห้าม หนุ่มบอยที่ได้ยินจึงเหมือนได้สติ รีบเอื้อมคว้าเอากล่องถุงยางในช่องด้านในของกระเป๋าเป้ ฉีกซองแล้วสวมใส่ทันที
“โห... ถึงขั้นเตรียมติดกระเป๋าไปด้วยเหรอเนี่ย นี่กะจะเอาไปใช้กับใครไม่ทราบ หา?” เป้ถามเสียงดุๆ
“ก็ใช้กับเธอนี่แหละ โดนแน่ ฮี่ๆๆ” บอยตอบพร้อมกับกระโจนเข้าหาเธอ กลับเข้าประจำที่ในตำแหน่งเดิม ก่อนที่จะออกแรงกดสอดท่อนเนื้อเข้าไปอีกครั้ง

กลีบเนื้อสาวที่เคยประกบสนิท ตอนนี้ถูกลำควยของชายหนุ่มแทรกตัวมุดทิ่มเข้าไปจนกลีบแคมเผยออ้าออก ติ่งเนื้อเสียวด้านบนถูกดันออกมาจนมันชี้ชูชันมองเห็นได้อย่างชัดเจน เนื้ออ่อนสีแดงอมชมพูของหญิงสาวดูเปียกลื่นมันวาวเมื่อถูกอาบด้วยน้ำหล่อลื่น ซึ่งกำลังไหลซึมออกมาเหมือนเขื่อนแตก พงหมอยรูปสามเหลี่ยมด้านบนของเธอเองก็ถูกคราบน้ำเงี่ยนเกาะติดกันจนเปียกลู่ไม่เป็นทรง

“อุ๊...! เบาๆ ก่อนบอย เป้เจ็บ... โอ๊ะ... โอ๊ยยย! โอ๊ยยย” สาวเป้แหกปากร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อถูกชายคนรักกดท่อนลำมุดเข้าไปในตัวเธอได้เพียงแค่คืบ
“อูยยย... ของเป้... แน่นมากเลย... ทนหน่อยนะเป้” ชายหนุ่มพยายามพูดปลอบใจ ขณะกดอัดท่อนเนื้อมุดเข้าไปอีก
“ฮือออ... โอ๊ยยย เป้เจ็บ... ไม่เอา ไม่ไหวแล้ว เอาออกไปก่อน” หญิงสาวเอาแต่ร้องครวญครางให้หยุดการกระทำ

หนุ่มบอยได้ยินแล้วก็นึกสงสาร แต่ครั้นจะให้ถอนตัวออกก็ใช่ที่ จึงยอมปล่อยแช่ท่อนลำเสียบค้างเอาไว้แค่นั้น ก่อนจะเปลี่ยนไปเพ่งสมาธิด้วยการจูบปาก สลับกับดูดนมแฟนสาวแทน เพื่อหวังจะช่วยให้เธอผ่อนคลายมากขึ้น.... ซึ่งก็ได้ผล เพราะร่องรูด้านล่างของเธอนั้นเหมือนจะค่อยๆ คุ้นชินกับวัตถุแปลกปลอมชิ้นนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ความเปียกชื้นที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้การเสียดสี ดูจะลดทอนความเจ็บปวดลงไปได้พอสมควร

“ซี้ดดดดส์... โอ้ยบอยย มันแน่นนน....นนน อือออ...” หญิงสาวร้องออกมาเบาๆ ใบหน้านิ่วคิ้วขมวด หลับตาปี๋ ตัวเกร็งไปทั้งร่าง
“อีกนิดเดียวนะคนดี เข้าไปได้เกินครึ่งแล้ว ฮึบ.. อ่ะ.. อูยยย อู๊ยยย...” บอยพยายามปลอบเธอ พร้อมกับบดควยเข้าไปแบบเนิบๆ จนในที่สุด ท่อนลำขนาด 5 x 5 นิ้ว ก็มุดหายเข้าไปในรูหีของเธอได้จนมิดด้าม พอชายหนุ่มสังเกตเห็นหยดเลือดไหลซึมออกมาจากปากรูแล้วก็เกิดนึกสงสารเธอขึ้นมาจับใจ

บอยก้มหน้าลงไปจูบปากสาวเป้เป็นการปลอบโยน ทั้งคู่จ้องสบตาด้วยกันอย่างหวานซึ้ง แม้ว่าหญิงสาวจะเจ็บแทบเจียนตาย แต่ก็ยังพยายามส่งยิ้มตอบกลับไปหาแฟนหนุ่ม ก่อนที่หนุ่มบอยจะค่อยๆ เกร็งตัว ขยับสะโพกถอนควยมุดเข้าออกหีเธอแบบช้าๆ เนิบๆ รอจนเธอเริ่มชินกับจังหวะการเคลื่อนไหว แล้วจึงค่อยๆ ออกแรงเย็ดเธอแรงขึ้นเรื่อยๆ สองมือก็เอื้อมไปบีบขยับเต้านมไปด้วยอย่างเมามัน สาวเป้ได้แต่หลับตาสะบัดหน้าไปมา นอนถ่างขารับความเสียวระลอกแล้วระลอกเล่าที่แฟนหนุ่มยัดเยียดมาให้เธอได้อย่างไม่รู้จักเบื่อ

“อ๊ะ.... อ๋าาาา บอยย.... โอ๊ยยย... เค้าเสียวว.... ฮืออออ....อออ” เป้ร้องครวญเสียงสั่นกระเส่า ใบหน้าหมวยๆ จืดๆ ของเธอในตอนนี้ดูเร่าร้อนแตกต่างจากปกติเป็นคนละคน แว่นตากรอบโตที่เธอสวมใส่ แทบจะกระเด็นหลุดออกจากใบหน้าอยู่แล้ว เมื่อโดนแฟนหนุ่มกระแทกกระทุ้งลำตัวซ้ำๆ

ความตื่นเต้นจากประสบการณ์ริลองร่วมรักเป็นครั้งแรก ทำให้อารมณ์ของหญิงสาวพุ่งทะยานกลับคืนมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเธอจะพึ่งเสร็จสมอารมณ์หมายไปเมื่อไม่ถึง 10 นาทีที่แล้ว ไม่ต่างอะไรกับหนุ่มบอยที่กำลังเสียวซ่านได้ที่ ชายหนุ่มเร่งตะบันท่อนควยมุดหีเธอพรวดๆ ก่อนที่จะเริ่มรู้สึกเสียวจี๊ดขึ้นมาที่บริเวณปลายหัวควย ภาพกลีบแคมที่เคยปิดสนิทของแฟนสาว ตอนนี้กำลังอ้าอมท่อนเนื้ออ้วนของตัวเองมุดเข้ามุดออกอย่างน่าดูชม

ภาพตรงหน้ากระตุ้นอารมณ์จนชายหนุ่มยากจะกักเก็บอารมณ์เอาไว้ได้ เร่งตะบันบั้นเด้าหนักๆ อีกไม่กี่นาที ก็หลุดปากร้องฮู้วออกมายาวๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่สาวเป้ทะยานขึ้นถึงจุดสุดยอดอีกเป็นครั้งที่สอง ร่องรูด้านในของเธอเกิดอาการขมิบตอดอย่างรุนแรง เนื้อตัวสั่นเฮือกๆ ผวาเข้ากอดแฟนหนุ่มเอาไว้แน่น จิกเล็บลงไปบนแผ่นหลังจนมันเป็นรอยยาว ในขณะที่ชายหนุ่มเองก็แอ่นตัว ขมิบก้นหงึกๆ กระฉูดน้ำรักสีขาวขุ่นพุ่งเลอะเต็มถุงยางอย่างสุดกลั้น

“อ... โอ๊ยยย บอย.... เค้า....เค้า... อ๊ะ.. อ๋าาาาา” สาวเป้หวีดร้องออกมาจับใจความไม่ได้ เมื่อร่างกายล่องลอยถึงสวรรค์ไปเป็นครั้งที่สอง...

ร่างของทั้งคู่สั่นสะท้านเคว้งคว้างอยู่เกือบ 10 วินาที ก่อนที่จะทิ้งตัวลงไปนอนกอดกันตัวกลมด้วยความเหนื่อยอ่อน ชุ่มโชกไปด้วยหยาดเหงื่อที่พรั่งพราวเป็นประกาย หนุ่มบอยรีบถอดถุงยางออกมามัดลวกๆ แล้วโยนทิ้งลงไปข้างเตียง ทั้งคู่นอนหอบเอาแรงอยู่อีกครู่ใหญ่ๆ จ้องสบตากันโดยไม่พูดอะไร พอหนุ่มบอยอมยิ้ม สาวเป้จึงหลุดขำออกมาบ้าง

“ยิ้มอะไร? ไอ้พี่บ้า” หญิงสาวโวยวายเบาๆ ด้วยความเขิน คว้าผ้าห่มไปคลุมตัวเอาไว้
“ก็คนมีความสุข ก็ต้องยิ้มดิ” ชายหนุ่มตอบออกไปอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับถามต่อ
“แล้วเป้ล่ะ มีความสุขมั้ย?” สาวรุ่นน้องไม่ตอบอะไร เพียงแต่อมยิ้มเขินๆ พร้อมกับพยักหน้า

“เรามีความสุขมากเลยนะรู้มั้ย” บอยว่าพลางเอื้อมมือไปลูบผมเธอเบาๆ อย่างอ่อนโยน
“อือออ... เป้ก็มีความสุขเหมือนกัน” เป้ตอบพลางขยับหัวเข้าไปซุกกับหน้าอกของแฟนหนุ่ม ความรู้สึกจากเซ็กส์ครั้งแรกในชีวิตของเธอออกมาค่อนข้างน่าประทับใจทีเดียว เธอเสร็จสมอารมณ์หมายถึงสองครั้งสองคราไล่เลี่ยกัน แม้ว่าในช่วงแรกๆ มันจะยังเจ็บๆ อยู่บ้าง แต่พอทำไปเรื่อยๆ มันกลับมีแต่ความรู้สึกหวิวๆ แปลกๆ เกิดขึ้น จนกลายเป็นความเพลิดเพลินไปโดยไม่รู้ตัว ทั้งที่เธอเคยคิดว่ามันจะยากลำบากกว่านี้เสียอีก

มันเป็นความรู้สึกสุขสมที่เธอคิดว่าคุ้มค่า เมื่อเทียบกับสิ่งที่เธอยอมแลกมันเพื่อให้ได้มา สิ่งที่เป็นเพียงคุณค่าในเชิงนามธรรมอย่างความเป็นสาวบริสุทธิ์ ซึ่งสังคมต่างยกย่องเชิดชูไว้บนหิ้ง... ความบริสุทธิ์มันมีคุณค่ามากกว่าความรักหรือ? หญิงสาวเพียงนึกสงสัยอยู่ในใจ

“บอยได้เป้แล้วจะทิ้งเป้ป่ะ?” แฟนสาวเอ่ยถามคำถามจริงจังด้วยน้ำเสียงเหมือนจะยั่วเย้า
“ไม่หรอก... มีแต่จะอยากแต่งงานกับเป้มากขึ้นด้วยซ้ำ” คำตอบของแฟนหนุ่มสร้างความพึงพอใจให้เธอ
“งั้นก็รีบๆ มาขอดิ”
“โห่ย ขอเก็บตังค์ก่อนดิ ใจร้อนนน” บอยพยายามพูดเบรค

“เร็วๆ นะ ยิ่งช้ายิ่งแพง” หญิงสาวพูดต่อไปเรื่อยๆ
“เฮ้ย ไรฟะ?” หนุ่มบอยร้องเสียงสูง
“ดอกเบี้ยมันแพง ไม่รู้เหรอ ใช้บริการไปแล้วไม่จ่าย เดี๋ยวตีตายเลย” สาวเป้เล่นมุก เรียกเสียงหัวเราะออกมาดังๆ

ก่อนที่สุดท้าย ทั้งคู่จะได้แต่งงานกันจริงๆ... แม้ว่าจะต้องรอจนเกือบ 10 ปีก็ตาม...

=======================================

ซึ่งแม้ว่าทั้งบอยและเป้จะเคยๆ คุยกันไว้คร่าวๆ แล้วว่า พวกเค้าอาจจะไม่ได้มีพิธีแต่งงานหรูหราเว่อร์วังอลังการอะไรมากมาย เนื่องจากทั้งคู่ไม่ใช่คนที่บ้าพิธีรีตองใดๆ แล้วก็ไม่ได้ห่วงเรื่องหน้าตาทางสังคมกันซักเท่าไหร่ แถมยังคบหาและรู้ใจกันมานาน จนแทบจะสามารถเดินไปจดทะเบียนแต่งงานกันแบบง่ายๆ ได้เลยด้วยซ้ำ

แต่ถึงกระนั้นแล้ว แฟนหนุ่มก็ยังแอบทำเซอร์ไพรซ์ครั้งใหญ่ ด้วยการบุกมาขอเธอแต่งงานถึงกลางออฟฟิศของฝ่ายหญิง โดยที่สาวเป้เองก็ไม่เคยคาดคิดและไม่ทันที่จะตั้งตัว

“แต่งงานกันนะเป้...” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กๆ พร้อมกับคุกเข่าลงข้างนึง ก่อนจะควักกล่องใส่แหวนออกมาเปิดโชว์เธอ แม้ว่าสาวเป้จะเป็นคนใจเด็ดใจแข็งอยู่พอสมควร แต่พอเจอเข้ากับสถานการณ์สุดโรแมนติกแบบนี้ โดยเฉพาะกับแฟนหนุ่มอย่างบอย ที่ไม่ค่อยจะเป็นคนโรแมนติกหวานๆ อะไรมากมายเท่าไหร่ ก็เล่นเอาเธอถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ และหลุดปากตอบตกลงออกไปแบบง่ายๆ

“อือ.... อื้อๆ...” คำตอบรับของหญิงสาว เรียกเสียงปรบมือจากเพื่อนร่วมงานที่ยืนลุ้นอยู่รอบๆ จนดังกระหึ่ม บ้างก็รู้เห็นเป็นใจกับแผนการของชายหนุ่มมาก่อนแล้ว บ้างก็แค่บังเอิญเดินผ่านมาเห็นเข้าพอดี จนกลายมาเป็นสักขีพยานให้กับความรักของหนุ่มสาวทั้งคู่โดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ล้วนแฝงเอาไว้ด้วยความยินดี

พิธีแต่งงานของทั้งคู่เป็นไปอย่างเรียบง่าย โดยทำพิธีช่วงเช้ากันแบบเงียบๆ ที่บ้านของสาวเป้ ส่วนงานฉลองช่วงเย็นนั้นก็จัดขึ้นเล็กๆ ที่ศูนย์ประชุมศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ โดยเลือกเชิญเฉพาะญาติๆ และเพื่อนที่สนิทจริงๆ เพียงไม่กี่คนเท่านั้น เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดงานที่ทั้งคู่เห็นตรงกันว่าสิ้นเปลืองและเปล่าประโยชน์ และเก็บออมเงินทุนเอาไว้ใช้สำหรับไปเที่ยวฮันนีมูนที่ต่างประเทศกันสองต่อสองแทน

มันเป็นช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์ ที่สองหนุ่มสาวได้ตัดขาดจากโลกใบเดิมที่คุ้นเคย ปล่อยชีวิตให้ล่องลอยไปกับบรรยากาศอันสุดแสนจะโรแมนติกของกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย สถานที่ซึ่งทั้งคู่ได้ประสานวิญญาณเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์แบบ ในฐานะของคู่ชีวิตอย่างเป็นทางการ...

“เป้มาดูดาวบนฟ้าดิ โคตรเยอะเลยอ่ะ วิบๆ วับๆ เต็มไปหมดเลย” หนุ่มบอยในชุดเสื้อยืดกางเกงบ็อกเซอร์ เอ่ยปากชักชวนภรรยาสาวให้มายืนดูดาวบนระเบียงโรงแรมร่วมกัน
“ไหนๆๆ โห! สวยจังเลย ไม่นึกว่าจะเยอะขนาดนี้นะเนี่ย” สาวเป้ในชุดผ้าคลุมอาบน้ำ เดินเช็ดผมตามออกมาอย่างว่าง่าย ก่อนที่เธอจะเผลอร้องอุทานตาโตด้วยความชอบใจ
“ถ้าเป็นที่กรุงเทพฯคงไม่ได้เห็นภาพท้องฟ้าสวยๆ แบบนี้แน่ๆ เลย”

“ก็แหงสิ ที่กรุงเทพฯตอนนี้คงยังฟ้าสว่างโร่อยู่เลยมั้ง” ภรรยาสาวแกล้งพูดแซว
“เออ กวนอีก หมายถึง ฟ้ามันคงไม่โปร่งแบบนี้เฟ้ย ฮึ” หนุ่มบอยทำหน้างอนๆ กอดอก
“รู้แล้วจ้า แหม ล้อเล่นก็ไม่ได้ โอ๋ๆ อย่างอนเค้าเลยนะ” หญิงสาวอ้อนพลางกางแขนกอดซุกร่างสามีแน่น เธอก้มหน้าลงไปสูดดมกลิ่นหอมๆ ของสบู่ ซึ่งยังคงติดตามตัวหลังจากที่ชายหนุ่มพึ่งจะอาบน้ำเสร็จหมาดๆ เมื่อครู่

“บอยตัวหอมจัง... ซื้ดดดด....ดดด.... แฮ่ๆ.... เค้าชอบ” เป้สูดกลิ่นกายของชายคนรักเข้าไปเต็มปอด พร้อมกับซุกหน้าลงไปแนบอก บอยจึงตอบโต้ด้วยการใช้มือลูบหัวเธอเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
“ทำท่าทางซะหื่นเลยนะครับ... คุณเมีย” บอยพูดแซวอย่างอารมณ์ดี
“อ้าว ก็หื่นไง ไม่รู้เหรอ นี่แน่ะ” สาวเป้ตอบพร้อมกับล้วงมือเข้าไปกำท่อนเนื้อของสามีเต็มกำมือ

“เฮ้ย! บ้า ทำอะไร เดี๋ยวใครเห็น” บอยพยายามจะดึงมือเป้ออก แต่เธอยังคงแกล้งฝืนจับยึดมันเอาไว้แน่น จนชายหนุ่มต้องเปลี่ยนมาประคองร่างหญิงสาว พาหลบเข้ามาในห้องด้วยความเร่งรีบแทน
“ยัง... ยังไม่ปล่อยอีก เดี๋ยวมันปึ๋งปั๋งขึ้นมาแล้วจะมาร้องไม่ได้นะ” บอยแกล้งพูดขู่ แต่สาวเป้กลับเงยหน้าสบตากับเขาด้วยสีหน้าที่เย้ายวน แววตาของเธอดูเคลิบเคลิ้ม คล้ายกับกำลังต้องมนต์สะกดอะไรบางอย่าง

“บอย... คืนนี้เป้มีรางวัลจะให้บอยแหละ...” เป้เอ่ยเบาๆ ด้วยน้ำเสียงขี้เล่น พร้อมกับใช้มือทั้งสองข้าง ค่อยๆ รูดกางเกงบ็อกเซอร์ของชายหนุ่มจนมันหล่นลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้า ก่อนจะดันตัวเขาให้นั่งลงไปบนเตียง
“ตอบแทนที่บอยทำตัวน่ารักมาตลอด...” เธอโน้มหน้าไปกระซิบเข้าที่ข้างใบหู ซุกไซร้เข้าไปที่ซอกคอจนร่างของชายคนรักออกอาการสั่นสะท้านเล็กน้อย

มันเป็นความตั้งใจลึกๆ ของเธอ นับตั้งแต่วันที่ชายหนุ่มลงมือเซอร์ไพรซ์เธอ ด้วยการเอ่ยปากขอแต่งงานแบบโรแมนติกสุดๆ ต่อหน้าคนอื่นๆ อีกนับสิบ ซึ่งเป้เองรู้ดีว่าสามีของเธอนั้นเป็นคนค่อนข้างจะขี้อาย และไม่ค่อยจะถนัดกับเรื่องราวกุ๊กกิ๊กโรแมนติกอะไรซักเท่าไหร่ ซึ่งการที่เขายอมทำอะไรเสี่ยวๆ แบบนี้ได้ ก็คงจะต้องใช้ความพยายามอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว เธอจึงอยากที่จะตอบแทนสามีด้วยสิ่งที่เขาชื่นชอบที่สุด

ซึ่งนั่นก็คือ... เซ็กส์อันสุดแสนจะเร่าร้อนในคืนนี้นั่นเอง...

“อืมมม....” หนุ่มบอยครางฮือออกมา เมื่อโดนภรรยาสาวใช้มือซ้ายรูดท่อนลำเล่นเบาๆ ขณะที่ปากก็คอยดูดไซร้ซอกคอของเค้าไปด้วย
“เสียวเหรอออ....?” สาวเป้เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย้ายวน ยิ่งออกแรงบี้คลึงปลายหัวบานแดงโร่หนักข้อขึ้นไปอีก
“อูยยย เสียววว...ววว” บอยครางกระเส่า
“คืนนี้บอยเสร็จแน่ เป้จะปล้ำบอยบ้าง อิอิ” หญิงสาวเอ่ยด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อราวกับลูกตำลึง

ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา หญิงสาวเองได้สั่งสมความรู้ในเรื่องบนเตียงมาจากแฟนหนุ่มอยู่ไม่น้อย ทั้งท่วงท่าและลีลาที่เขาชื่นชอบนั้น เธอเองก็จำได้ขึ้นใจจนหมดแล้ว เพียงแต่ไม่บ่อยครั้งเท่าไหร่ ที่เธอจะเป็นฝ่ายเริ่มต้นจู่โจมคู่ขาของตัวเองแบบนี้ ซึ่งแน่นอนว่าคงไม่มีโอกาสไหนที่จะเหมาะสมไปกว่าช่วงเวลาของการฮันนีมูนนี้อีกแล้ว

เป้ค่อยๆ ประกบปากจูบบอยอย่างนุ่มนวล แต่แฝงไว้ด้วยความเร่าร้อนดูดดื่ม ลิ้นของเธอเป็นฝ่ายเปิดฉากสอดเข้าไปสัมผัสกับปลายลิ้นของอีกฝ่ายอย่างคล่องแคล่ว เกี่ยวกระหวัดพัวพันไปมาราวกับงู หญิงสาวบดปากจูบชายหนุ่มอยู่หลายนาที ก่อนที่จะถอนปากออก มองเห็นหยดน้ำลายยืดยาวติดกันเป็นสาย

เธอใช้มือปาดน้ำลายเช็ดปากแบบลวกๆ จ้องหน้าชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มซุกซน ขณะที่หนุ่มบอยก็ออกอาการเขินๆ ทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นภรรยาสาวกำลังเข้าโหมดร้อนร่านได้ถึงปานนี้ รสจูบเมื่อครู่ ยังไม่ช่วยให้เธออิ่มหนำใจได้ซักเท่าไหร่ สาวเป้ค่อยๆดันร่างของสามีให้นอนหงายลงไปบนเตียง ก้มลงไปคุกเข่าลงที่หว่างขาของอีกฝ่าย ก่อนจะค่อยๆ แลบลิ้นเลียลงไปที่บริเวณปลายหัวควยเบาๆ เสียงดังแผลบบ...บบบ

“อุ๊..! ซี้ดดดดส์” บอยร้องแอ่นตัวเกร็ง ใช้สองมือจับยึดศีรษะของเป้เอาไว้โดยอัตโนมัติ หญิงสาวเห็นอีกฝ่ายออกอาการเสียวซ่านก็ยิ่งสาแก่ใจ ก้มหน้าก้มตาดูดเม้มท่อนลำแบบเน้นๆ บางจังหวะก็ก้มต่ำลงไปเลียถึงพวงไข่สองข้าง ก่อนจะเลียไล่ขึ้นมาตามแท่งเนื้อจนสุดลำโคน ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา ก่อนจะอ้าปากอมครอบลงไปถึงปลายเงี่ยง พร้อมกับออกแรงดูดรูดขึ้นลงแรงๆ จนชายหนุ่มเผลอสูดปากซี้ดซ้าดอย่างถึงอกถึงใจ

เป้ผงกหัวโม้กควยให้บอยอยู่อีกครู่หนึ่ง ก่อนที่จะขยับตัวเปลี่ยนท่า ปีนขึ้นไปนั่งคร่อมลงบนใบหน้าของชายหนุ่ม  ร่อนสะโพกบดอัดร่องเสียวของตัวเองเข้ากับริมฝีปากของสามีแรงๆ ดังพรืดๆ บอยที่รู้งานดีก็แลบลิ้นออกมาช่วยปาดเลียติ่งเนื้อที่ยื่นพ้นออกมาจากกลีบแคมให้เธอด้วย

หญิงสาวเสียวแปล๊บไปทั่วทั้งร่าง น้ำหล่อลื่นทะลักทลายออกมาเป็นสาย เมื่อปลายลิ้นสากๆ แตะสัมผัสเข้ากับเม็ดแตดกลมนูนของเธอ แต่ยังพยายามฝืนก้มลงไปแลบลิ้นเลียเข้าที่ปลายหัวบาน พร้อมกับใช้มือถอกรูดท่อนลำไปด้วย รสชาติเค็มๆ คาวๆ ของมันช่วยกระตุ้นอารมณ์ของเธอให้หงี่เงี่ยนขึ้นไปอีก ใช้ปากดูดกลืนท่อนลำของอีกฝ่ายเข้าไปเต็มปาก ทั้งขบ ทั้งดูด รูดอมเข้าไปเกือบสุดลำ

“โอ๊ยเป้.... พะ... พอก่อน เดี๋ยวเราแตก..” ชายหนุ่มละล่ำละลักบอกเสียงสั่น ภรรยาสาวจึงยอมถอนปากออกช้าๆ จังหวะที่ริมฝีปากครูดไปกับท่อนเนื้อจนหลุดออก เสียงดังโบ๊ะเต็มสองหู
“อาราย... แค่นี้จะไปแล้วเหรอ? จะรีบไปหนายย?” สาวเป้แกล้งพูดแซวอย่างสะใจ
“น่านะ ขึ้นให้เราหน่อย เราทนไม่ไหวแล้ว” หนุ่มบอยร้องออดอ้อนอย่างน่าสงสาร เรียกรอยยิ้มให้มาปรากฏขึ้นที่มุมปากของภรรยา

ปกติแล้วเป้มักจะต้องรับบทบาทเป็นผู้ถูกกระทำ ได้แต่แหกปากกรีดร้องครวญครางในท่านอนหงาย หรือไม่ก็นอนคว่ำ ปล่อยให้หนุ่มบอยตะบี้ตะบันอัดท่อนเนื้อมุดเข้าออกร่างเธอตามใจชอบ ตรงกันข้ามกับวันนี้ ที่ชายหนุ่มต้องมาเป็นฝ่ายร่ำร้องขอความเห็นใจจากเธอบ้าง

สาวเป้ที่กำลังคึกคักสุดขีด ค่อยๆ หย่อนสะโพกลงไปจ่อไว้กับหน้าขาของชายหนุ่ม ใช้มือจับเล็งท่อนลำด้านล่างให้ตรงกับร่องรู ก่อนจะออกแรงกดสะโพกลงไปช้าๆ จนปลายหัวมุดเข้าไปด้านในได้เกือบครึ่งนิ้ว เธอหลับตาขมวดคิ้ว เม้มปากแน่นด้วยความเสียวซ่าน ค่อยๆ ฝืนทิ้งตัวลงมาเรื่อยๆ ทีละนิด ทีละนิด จนกลีบสาวโอบอูม ค่อยๆ อ้าอมท่อนเนื้อเข้าไปได้เกือบสุดลำ

แม้จะคุ้นเคยกับเจ้าอาวุธประจำกายของชายหนุ่มมานานพอสมควรแล้ว แต่ทุกๆ ครั้งที่มีอะไรกัน หญิงสาวก็ยังรู้สึกจุกเสียดหน่วงๆ ตรงบริเวณหว่างขา ไม่ต่างอะไรจากวันที่เธอกับเขาได้ร่วมรักกันเป็นครั้งแรก

“แฮ่... แน่นเลย” สาวเป้ครางหอบด้วยน้ำเสียงน่ารัก ตั้งหลักพักเหนื่อยอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะใช้สองมือยันลงไปบนอกของสามี ค่อยๆ โหย่งก้น ขย่มควยของชายหนุ่มช้าๆ ท่อนลำที่คุ้นเคย ถูกรูดเข้ารูดออกแบบขึ้นสุดลงสุด บางจังหวะก็เกือบที่จะเด้งหลุดออกมาอยู่รอมร่อ เหลือเพียงปลายเงี่ยงจากขอบหัวบาน ที่ยังคงเกี่ยวคาปากทางเอาไว้ได้

สองมือของบอยที่ว่างอยู่ก็เอื้อมไปบีบคลึงเต้านมคู่งามของเป้ ซึ่งกำลังแกว่งไกวไปมาอย่างมันมือ ก้อนเนื้ออวบขาวถูกปลายนิ้วบีบบี้จนมันปลิ้นทะลักออกมาตามง่ามนิ้วอย่างน่าดูชม ชายหนุ่มพยายามเอนตัวขึ้นมาด้านหน้า ใช้ปากดูดเลียลงไปที่ยอดปทุมถัน ซ้ายที ขวาที เหมือนเด็กน้อยที่กำลังเอร็ดอร่อยกับไอติมทั้งสองแท่งในมือ

“อืออ.....อออ โอ๊ย..! บอย ดูดเบาๆ หน่อย เป้เจ็บ” ภรรยาสาวหลุดร้องออกมาเบาๆ
“อื้อๆ โทษทีนะ” สามีหนุ่มตอบสั้นๆ ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ลิ้นตวัดเลียไปที่หัวนมของเธอแทนเพื่อปลอบประโลม พยายามเด้งควยสวนสู้อีกทาง เพื่อเร่งเร้าอารมณ์เสียวของเธอให้พุ่งทะยานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลำควยของชายหนุ่มมีคราบน้ำเงี่ยนใสๆ เปียกเยิ้มเป็นมันวาว จังหวะที่ดุ้นเนื้อมุดทิ่มเข้าไปในรู น้ำหล่อลื่นของหญิงสาวก็จะคอยพุ่งกระฉอกสวนทางออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน

“อ๊ะ... อ๋าาาาสสส์... อาาาา บอย... เป้ใกล้แล้วนะ.... โอ๊ย ตรงนั้น.....นนน” สาวเป้ที่กำลังเงี่ยนได้ที่ร้องบอก สะบัดหน้าไปมาอย่างเมามัน ร่างกายชุ่มโชกไปด้วยหยาดเหงื่อ แต่กลับรู้สึกร้อนผ่าวๆ ไปทั้งตัว
“อืมมม” หนุ่มบอยพึมพำกลับมา ทั้งๆ ที่หัวนมเธอยังคาเต็มปาก

เป้ที่ถูกจู่โจมจากทุกทิศทาง เดี๋ยวซ้าย เดี๋ยวขวา เดี๋ยวด้านล่างอย่างต่อเนื่อง ทำให้ร่างกายของเธอไต่ทะยานขึ้นถึงชั้นบรรยากาศแห่งความสุขด้วยความรวดเร็ว รู้ตัวดีว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เธอเองจะต้องถึงจุดสุดยอดน้ำแตกคาควยของสามีหนุ่มแน่ๆ จึงเร่งออกแรงร่อนหีถูอัดกับหน้าขาของหนุ่มบอยแรงขึ้นเรื่อยๆ เร็วขึ้น... แรงขึ้น... จนชายหนุ่มที่นอนอยู่ด้านล่างชักจะไม่ไหวเหมือนกัน

ใบหน้าของบอยเริ่มที่จะบิดเบี้ยว กัดฟันกรอดๆ สองมือเปลี่ยนมาจับยึดที่บั้นท้ายของเธอ พร้อมกับออกแรงดึงรั้งเข้าหาตัว เสียงดัง ปั้บ... ปั้บ....บบ ปั้บบ...บบบ ปั้บ....บบบบ ปั้บบบบบบบบ..บบบบบ สนั่นลั่นห้อง

ก่อนที่ทั้งคู่จะทะยานพุ่งเข้าเส้นชัยไปแทบจะพร้อมๆ กัน สาวเป้กรีดร้องกรี๊ดๆ แอ่นหน้าเริ่ด หลับตาพริ้ม บดสะโพกอัดกับหน้าขาสามีแรงๆ ในขณะที่หนุ่มบอยเองก็สุดที่จะทานทนอีกต่อไป เด้งสะโพกสวนควยทิ่มเข้าหีเธอ พร้อมกับกระฉูดน้ำกามขาวข้นเหนียวหนืด พุ่งเข้าโพรงหีของเธอแบบเต็มๆ ปริมาณที่กักเก็บมาหลายวัน ทำให้มันไหลเยิ้มจนล้นนองออกมาตามหน้าขา ก่อนจะหยดแหมะลงไปบนเตียง

ทั้งคู่ทิ้งตัวลงนอนกอดกันตัวกลม หอบหายใจแฮ่กๆ สลับกันเป็นจังหวะ หมดสิ้นเรี่ยวแรงที่จะขยับตัวลุกขึ้นได้อีก ตรงกันข้ามกับปริมาณแห่งความสุขที่เปี่ยมล้น จนมันทะลักทลายออกมาเลอะเต็มที่นอน...

“ดีมั้ยบอย? เป้ทำถูกใจอ๊ะป่าว?” เป้เอ่ยถามขณะกำลังนอนหนุนแขนบอยอย่างสบายอารมณ์
“สุดยอดเลยเป้... แทบขาดใจแน่ะ เป้เก่งที่สุดเลย” สามีหนุ่มกล่าวชมภรรยาสาวพร้อมกับยกนิ้วให้
“ดีจังที่บอยชอบ ไว้วันหน้าเป้ค่อยลองทำอีกทีก็แล้วกันเนาะ”

“เฮ้ย ไม่ต้องวันหลังหรอก เดี๋ยวคืนนี้ลองอีกทีตอนยกสองเลยก็ได้” หนุ่มบอยยั่วเย้าด้วยสีหน้าทะเล้น
“โอ๊ยย..... บอยอ่ะจะไหวรึเปล่าเถอะ ดูดิ๊ คอพับหลับสนิทไปแล้วเนี่ย” หญิงสาวพูดแซวพร้อมกับใช้มือจับดุ้นเนื้อของชายหนุ่มเล่นอย่างเอ็นดู
“ยัยนี่ ดูถูกกันแบบนี้ เดี๋ยวจะโดนดี!” หนุ่มบอยออกอาการฮึดฮัด ก่อนจะเริ่มต้นออกแรงปลุกปล้ำภรรยาสาวของตัวเองอีกรอบ พร้อมกับเสียงหัวเราะร่วนชอบใจของเหยื่อสาว ที่ดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้าเหนือกรุงเวียนนาในค่ำคืนนี้...




ฟูมฟักรสรักให้เมียสาว #15

  
 
=======================================

“บอย.... บอยทำแบบนั้น.. ทำไมอ่ะ?” แน่นอนว่าในหัวเธอไม่สามารถทำความเข้าใจถึงเรื่องที่ได้ยินอยู่
“เรา... เราแค่อยากเห็นเป้สนุกกับคนอื่นบ้าง..”  น้ำเสียงผมแหบพร่า รู้สึกเหมือนคอแห้งผากมีเม็ดทรายเกาะอยู่ข้างใน เป้เองฟังแล้วก็ซึมหนักขึ้นไปอีก ด้วยว่าเธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกอย่างไรกันแน่ในตอนนี้ รู้สึกผิดที่ลักลอบไปมีชู้ โกรธสามีตัวเองที่สรรหาชายอื่นเข้ามาทำให้เธอหวั่นไหว
“งั้นที่แมนขู่ว่าจะฟ้องบอย.... แต่บอยก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วใช่มั้ย?” เธอตาแดงก่ำ ปล่อยโฮน้ำมูกน้ำตาไหลเปียกเลอะเทอะใบหน้าสวยๆ จนหาความน่ารักไม่ได้

เราคุยกันอยู่เกือบสองชั่วโมง แต่ก็เหมือนไม่มีอะไรดีขึ้น จนสุดท้ายผมก็ตัดสินใจออกมานอนข้างนอกที่โซฟาหลับแขก เพื่อให้เป้ได้ปรับอารมณ์ให้ดีขึ้นก่อน แล้วกะว่าเดี๋ยวจะค่อยๆ คุยกันใหม่ให้อะไรๆ มันไม่แย่ลงไปกว่านี้ แต่จนแล้วจนรอด ผมยังไม่มีโอกาสปรับความเข้าใจกับเป้อีกซักที เราคุยกันน้อยลงเรื่อยๆ เธอเริ่มถามคำตอบคำกับผมจนผมเองก็อึดอัดและหงุดหงิดที่จะชวนเธอคุยต่อ แม้ว่าเราจะนอนเตียงเดียวกันได้แล้ว แต่ก็ต่างคนต่างนอนหันหลังให้กัน ไม่ได้มีอะไรกุ๊กกิ๊กก่อนนอนเหมือนตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ถึงกระนั้นเราก็ยังร่วมแบ่งปันความรักเวลาอยู่กันสามคนพอ่แม่ลูกอย่างดีที่สุดเพื่อที่ว่าจะไม่ให้ไปกระทบกับความรู้สึกของเจ้าลูกชาย ผมเองได้แต่เก็บปัญหานี้เอาไว้ข้างในคนเดียวอยู่ร่วมๆ เดือน คิดหัวแทบแตกว่าจะแก้ปัญหานี้ยังไงดี จนกระทั่งเหมือนจะมีคนที่สังเกตเห็นความอึดอัดในใจผมที่ซ่อนอยู่ คนๆ นั้นก็คือแม่ยายของผมนั่นเอง

“บอย เป็นไงบ้างลูก ช่วงนี้งานหนักเหรอ? เห็นดูจะเหนื่อยๆ นะ”
“อ๋อ... นิดเหน่อยครับคุณแม่ แต่ก็เรื่อยๆ แหละครับ เดี๋ยวก็ปกติแล้ว” ผมพูดหลบตาแกเพราะกลัวจะอ่านใจผมออกว่าแอบพาลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน หลงเข้าไปในเส้นทางกามรสอันสุดแสนจะโลดโผด นานแล้วที่ผมไม่ได้คุยจริงๆ จังๆ กับแกมากมายอะไรนัก โดยเฉพาะช่วงหลังๆ ที่แกตรวจพบก้อนเนื้อร้ายในปอด ซึ่งยังไม่แน่ว่าจะเป็นมะเร็งรึเปล่า เลยทำให้เธอมักจะไปพักอยู่กับลูกชายของเธอบ้างเป็นระยะๆ

“หรือมีปัญหาอะไรกับเป้รึเปล่า? เห็นช่วงนี้ดูนิ่งๆ ตึงๆ กัน บอกแม่ได้นะ” พอได้ยินคำพูดที่แฝงความห่วงใยนั้นผมก็กลั้นไม่อยู่ครับ น้ำตาไหลแหมะออกมาทันที ผมพรั่งพรูระบายความรู้สึกอัดอัดที่มีเล่าถึงปัญหาเรื่องที่ว่าตอนนี้เข้าหน้ากับเป้ไม่ติดเพราะทะเลาะกันอยู่ ออกไปให้เธอฟัง แม้ว่าจะไม่กล้าบอกสาเหตุต้นตอของเรื่องทั้งหมด เพราะมันเกินกว่าที่คนเป็นแม่อย่างเธอจะรับได้ก็ตาม เธอเอามือบีบไหล่ผมแล้วพูดปลอบใจอยู่พักนึง แล้วรับปากว่าจะไปช่วยคุยกับภรรยาของผมให้ ซึ่งผมก็ได้แต่กล่าวขอบคุณเธอ

ผ่านไปสองวัน เป้ก็เอ่ยชวนคุยกับผมขึ้นมาในระหว่างเตรียมตัวเข้านอน
“บอย... ขอคุยอะไรด้วยหน่อยดิ”
“หืมม?”
“เป้..... เป้ขอโทษที่ทำไม่ดีกับบอย...” น้ำเสียงเธอสั่นระริกเหมือนคนกำลังกลั้นใจไม่ให้ร้องไห้
“เฮ้ย เป้ทำไม่ดีกับบอยตรงไหนอะ?”
“ก็เป้.... ก็เป้นอกใจบอยไปมีคนอื่น” เธอพูดจบน้ำตาก็เริ่มไหลรินออกมาทีละนิด
“เป้!.. เป้ไม่ต้องขอโทษบอย บอยต่างหากที่ต้องขอโทษเป้ที่ไปพาไอ้โจ้เข้ามา”
“บอยไม่ผิดหรอก....อึ่กก.... อึ่กก... เป้ผิดเองที่ไม่ยอมบอก เผลอใจไปกับน้อง” ผมเองฟังแล้วก็อ่อนใจ ไม่รู้จะปลอบเธอยังไง เลยได้แต่ดึงเธอเข้ามากอดแล้วลูบหัวเธอเบาๆ แบบที่เธอชอบให้ทำ

“บอยยกโทษให้เป้นะ... อึ่กก...กก .. ฮือออออ” ผมไม่รู้ว่าแม่ยายของผมไปพูดกับเธอยังไง แต่ที่แน่ๆ คือคนเป็นแม่ลูกกัน คำพูดและคำแนะนำบางอย่างย่อมมีน้ำหนักมากพอที่จะให้เราฉุกคิดอะไรได้เสมอ
“เป้ฟังบอยนะ... ไม่ว่ายังไงเป้ก็คือผู้หญิงที่บอยรักที่สุด เป็นภรรยาและแม่ของลูกบอย บอยไม่มีวันทิ้งเป้ไปเด็ดขาด เรื่องที่ผ่านมาก็ให้มันเป็นประสบการณ์ที่มันผ่านไป เป้ไม่ต้องกลัวว่าบอยจะรังเกียจเป้นะ เพราะที่ผ่านมาบอยยอมรับว่าบอยเองก็พอใจไม่น้อย เวลาได้เห็นเป้สนุกกับน้องๆ บอยก็สนุกไปด้วย มันเป็นแค่องค์ประกอบหนึ่งในชีวิตคู่ของเราเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะมาแยกเราสองคนให้ขาดจากกัน” ผมพร่ำพูดความรู้สึกที่กดเก็บไว้มานาน เป้เองก็ตั้งใจฟังโดยไม่มีท่าทีต่อต้าน

“บอย... เป้รักบอยนะ...”
“บอยก็รักเป้ รักมากด้วย” ผมพูดแล้วก้มไปจูบปากเธอเบาๆ ที่ริมฝีปาก เธอเองก็หลับตาแล้วโน้มจูบตอบเบาๆ เช่นกัน เราสองคนกอดกันอยู่ในท่านั่งพับเพียบบนเตียง นานพอสมควรแล้วที่เราไม่ได้มีโอกาสสัมผัสเรือนร่างของกันและกันบนเตียงนี้ นับนิ้วไปมาก็ร่วมสองเดือนครึ่งแล้ว

ผมค่อยๆ ใช้มือรูดเสื้อนอนสายเดี่ยวของเป้ออกทางไหล่ซ้าย ดึงสายมันหลุดพ้นแขน จนหน้าอกของเธอค่อยๆ ปรากฏออกมาตรงหน้าผม เต้านมเธอยังคงสวยได้รูปอยู่ มันโค้งคล้อยลงบ้างตามวัยที่ผ่านเลยไป หัวนมมีสีน้ำตาลนิดๆ เพราะถูกดูดดุนมาพอสมควร แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดอย่างนึงที่ผมเคยเห็นในชีวิต มันคือเต้านมที่ฟูมฟักเลี้ยงดูลูกชายตัวน้อยของเราให้เติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ ผมค่อยๆ ไล่ลิ้นโลมเลียวนตามหัวนมของเธอเบาๆ ใช้มือที่เหลือขยำหมับที่หน้าอกอีกข้าง เป้ครางฮืมมมมมม ด้วยความพึงพอใจ เธอเองก็ไม่ได้มีอะไรกับใครมาร่วมเดือนแล้วแทบไม่ต่างกับผม อารมณ์ของเราทั้งคู่จึงพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อถูกสัมผัสด้วยรสมือและริมฝีปากที่คุ้นเคย

ผมประกบจูบเข้ากับเป้อีกครั้งอย่างอ่อนโยน มันแตกต่างจากรสจูบอันดูดดื่มและเร่าร้อนที่โจ้หรือแมนเคยมอบให้เธอ แต่ถึงกระนั้นมันก็เป็นรสจูบที่เธอเคยได้รับเป็นครั้งแรกเมื่อตอนที่คบกับผมใหม่ๆ สมัยเรียน รอยจูบที่ยังคงแผ่วเบาและทะนุถนอมเธอไม่ต่างอะไรจากสิบกว่าปีก่อน ผมรูดเสื้อยืดตัวเองออกทางหัว เช่นเดียวกับเป้ที่ถลกเสื้อสายเดี่ยวของตัวเองออกเช่นกัน กางเกงขาสั้นกุดของเธอคือชิ้นต่อไปที่ถูกถอดออก สองขาเธอแนบสนิทเพื่อปกปิดร่องกลางที่เปียกชื้นไว้ด้วยความเขินอาย ผมโน้มตัวลงไปไล่จูบตามน่องเธอ ไล่ขึ้นไปถึงบริเวณหน้าขา

เธอแสดงอาการจั๊กกะจี้นิดๆ แต่ก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นความสยิวอย่างช้าๆ สองมือผมจับขาเธอแบะอ้าออก ระดมลิ้นปาดเข้าไปตรงบริเวณร่องกลางของเธอ กลีบแคมของเธอดูแตกต่างจากเมื่อหลายเดือนก่อนไม่น้อย มันอ้าออกพอประมาณ ไม่ได้หุบเกือบสนิทเหมือนก่อน สีของมันเปลี่ยนจากชมพูอมแดงไปเป็นแดงเข้ม แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นคล้ำจนกลายเป็นสีน้ำตาล

“อือออออออออออ....อออ” เป้ปล่อยเสียงครางออกมาอย่างไม่เก็บอารมณ์ เมื่อผมดูดชิมเข้าไปตรงบริเวณเม็ดเสียวที่ยื่นชูชันอยู่ มือเธอเกาะกุมหัวของผมอย่างพึงใจ บางจังหวะก็ออกแรงกดหัวผมลงเพื่อให้สัมผัสเข้ากับร่องเสียวเธอหนักขึ้น ผมเลียจนน้ำเงี่ยนเป้ชะโลมไปทั่วใบหน้า ก็ตัดสินใจว่าคงได้เวลาอันสมควรแล้ว ที่จะส่งท่อนควยอุ่นๆของสามีเธอคนนี้ ให้กลับคืนสู่รูรักที่ห่างหายไปนาน ลำควยที่แม้จะไม่ได้ยาวใหญ่เหมือนกับของใครๆ แต่มันก็คือท่อนควยที่คอยมอบความสุขให้กับเธอมาตลอดระยะเวลาหลายปีในชีวิตคู่ของเรา

ผมถอดกางเกงนอนตัวเองออก จับท่อนเนื้อที่แข็งผงาดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ จรดเข้าไปกับปากทาง ค่อยๆ ออกแรงดันเข้าไปช้าๆ ด้วยความระมัดระวัง เป้ร้องอ๊ะ... วินาทีที่มันเบียดเสียดเข้าไป มันค่อนข้างเข้าง่ายกว่าแต่ก่อนมาก เพราะถูกขยายพื้นที่เพื่อรองรับท่อนควยที่ยาวใหญ่กว่าของผมอยู่พอสมควรก่อนหน้านี้ ไม่ต่างอะไรจากการขับซูซูกิสวิฟท์เข้าไปจอดในพื้นที่สำหรับรถอีซูซูดีแม็คซ์เลยล่ะครับ แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นความอบอุ่นที่ห่อหุ้มลำควยของผมเอาไว้ด้วยความรักของเธอ มันคือร่องรักเพียงหนึ่งเดียวที่ผมจะคิดเสียบควยเข้าไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่นี้

เป้พยายามขมิบตอดเป็นระยะๆ เพื่อช่วยกระตุ้นอารมณ์ความเสียวให้กับผม ผมเองรู้ดีว่าตัวเองคงไม่ได้มีลีลาหวือหวาและเย็ดเก่งเหมือนไอ้โจ้กับไอ้แมน จึงพยายามใช้เทคนิคเดิมๆ ที่เคยทำให้เธอเสร็จ ด้วยการเย็ดบดอัดให้ถูไถกับเม็ดเสียวของเธอแบบเน้นๆ ซึ่งมันก็ยังได้ผลดีอยู่ แม้ว่าเธอจะไม่ได้เสียวในระดับเดียวกับไอ้สองคนนั้น แต่มันก็ยังเสียวซ่านมากพอที่จะพาอารมณ์ของเธอให้พุ่งทะยานไปสู่จุดสูงสุดได้ในที่สุด

“อ๋าาาา.... บอยยย.... ยยย บอยยยย....” เสียงเธอร้องครวญครางในทำนองที่คุ้นหู เป็นสัญญาณบ่งบอกอะไรบางอย่าง ผมได้ยินก็ยิ่งเงี่ยนง่าน เร่งตะบันอัดควยเข้าออกรูหีของเธอเน้นๆ แบบหนักๆดังปั้บ ปั้บ ปั้บ ปั้บ ได้อีกประมาณสองนาที เราทั้งคู่ก็โผเข้ากอดกันแน่นในท่าเบสิค สองขาเป้เกี่ยวกระหวัดตัวผมไว้ มือเกร็งจิกหลังแน่น ปากก็ประกบจูบกันนัวเนีย พร้อมๆ กับร่างที่สั่นสะท้าน เมื่อผมปล่อยน้ำเชื้อแห่งความรักเข้าไปในช่องท้องของเธอแบบหมดหลอด เรานอนกอดกันหมดแรง เหงื่อโซมกายทั้งคู่จนที่นอนเปียกไปหมด ไม่รวมถึงน้ำรักของผมกับเป้ที่ค่อยๆ ไหลเปรอะไปตามผ้าปูที่นอนจนเปียกเป็นดวงๆ เป้มองหน้าผม ผมก็มองหน้าเป้ เราสบตาแต่ไม่ได้พูดอะไรกัน แล้วเป้ก็ยิ้มๆ ตีไหล่ผม

“บอยอ่า แตกในอีกแล้วนะ เดี๋ยวก็ท้องขึ้นมาหรอก” คำพูดของเป้ทำเอาผมอดยิ้มไม่ได้ แม้ว่ารสเสียวจากเซ็กส์ที่พึ่งผ่านไปจะเทียบกับคนอื่นๆ ไม่ได้ก็ตาม แต่อย่างน้อย มันก็เป็นเซ็กส์ที่ก่อตัวขึ้นจากความรักความผูกพันธ์ล้วนๆ ซึ่งมีคุณค่ามากมายกว่าเซ็กส์ที่เธอเคยมีกับรุ่นน้องคนอื่นๆ แบบเทียบกันไม่ได้
“ท้องก็ดีสิ เจ้าโอมจะได้มีน้องสาวอีกคนไง”
“โหยยย บอยมาท้องแทนเค้ามั้ยล่ะ เหนื่อยนะรู้มั้ยกว่าจะคลอดออกมาแต่ละคน อ้วนก็อ้วนด้วย ทำอะไรก็ลำบากไปหมด ฮึ” เป้พูดงอนๆ จนผมอดง้อเธอไม่ได้
“สัญญาเลยว่าถ้าเป้ท้องนะ บอยจะเป็นคนดูแล คอยปรนนิบัติให้เป้สบายเอง ไม่ต้องห่วงเลย” เธอได้ยินก็ยิ้มกว้าง แล้วขยับเข้ามากอดผมแน่น พลางจุ๊บปากผมเป็นการขอบคุณ

“เป้รักบอยที่สุดเลย”
“จ้า บอยก็รักเป้เหมือนกัน รักมากด้วยรู้มั้ย” เรานอนกอดกันจนหลับไปพร้อมๆ กับใบหน้ายิ้มแฉ่งทั้งคู่ มันเป็นอีกหนึ่งคืนที่ผมมีความสุขที่สุดในชีวิต ค่ำคืนที่ทำให้ผมได้ค้นพบสัจธรรมชีวิตเล็กๆ ว่า บนโลกอันกว้างใหญ่และแสนจะวุ่นวายนี้ ขอเพียงแค่มีใครหนึ่งคน ที่พร้อมจะเข้าใจและเคียงข้างสนับสนุนเรา ไม่ว่าเราจะเคยตัดสินใจผิดพลาด หรือทำเรื่องเลวร้ายลงไปก็ตาม ขอเพียงแค่นี้จริงๆ ชีวิตก็ไม่ต้องการสิ่งใดแล้ว..

เรื่องราวทั้งหมดระหว่างเป้กับผมและหนุ่มๆ รุ่นน้องก็เลยจบลงด้วยประการฉะนี้ เหตุการณ์ทั้งหมดก็ผ่านมาได้ประมาณ 3 ปี แล้ว ตอนนี้ครอบครัวของเราก็กลับมาหวานชื่นกันอีกครั้งเหมือนเดิม ผมกับเป้ก็ยังพยายามทำตัวเหมือนคนจีบกันใหม่ๆ เหมือนเช่นคำแนะนำที่เคยได้รับจากไอ้โจ้ในตอนแรก บางวันก็แกล้งโทรไปคุยจีบเธอกระหนุงกระหนิงในเวลางานก็มี เรื่องที่พอจะเสียใจอยู่บ้างก็คือเรื่องที่อาการป่วยของคุณแม่เป้ทรุดหนักลง จนสุดท้ายท่านก็เสียไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้เอง ผมเองก็พยายามปลอบใจเป้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะที่เธอเองก็เข้มแข็งมากพอที่จะผ่านเรื่องราวความสูญเสียครั้งนี้ไปได้เมื่อมีกำลังใจจากครอบครัวรอบข้าง

ส่วนเจ้าโอมลูกชายตัวน้อยนั้นก็เติบโตขึ้นทุกวัน ตอนนี้เข้าชั้นเตรียมประถมแล้ว แถมได้เลื่อนขั้นกลายเป็นพี่ชายคนโตให้กับน้องเอม น้องสาววัย 9 เดือนของเค้าอีกด้วย ส่วนเรื่องบนเตียงของเราน่ะเหรอครับ ทุกวันนี้ก็ยังซู่ซ่าไปตามเรื่อง แม้จะไม่ได้มีตัวช่วยอย่างเจ้าพวกรุ่นน้องจอมแสบ และจำนวนครั้งก็อาจจะลดลงเหลือเพียงอาทิตย์ละครั้ง แต่เราก็พยายามช่วยกันมอบความรักและรสสัมผัสให้แก่กันอย่างเต็มที่ พูดคุยในสิ่งที่เราต้องการมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ทำเหมือนกับว่ามันเป็นเซ็กส์ครั้งสุดท้ายที่เราจะมีให้แก่กัน

และนั่นแหละครับ คือเคล็ดลับที่ทำให้ชีวิตคู่ของเรายังคงสวยงามจนถึงทุกวันนี้