วันอังคารที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2560

Chinese Family 1/5



ยังมีเรื่องให้เรียนรู้

เราตั้งโต้ะมื้ออาหารค่ำง่ายๆแค่กับข้าวถุงที่ซื้อมาจากตลาดมีเสียงฝนที่หยุดสลับกับตกปรอยๆและชุดแก้วจานช้อนสวยๆของรีสอร์ทและไวน์หนึ่งขวดเสริมเพิ่มบรรยากาศ มื้อนี้เรามีแขกพิเศษเป็นคุณแอนเมียของเจ้าทุยที่เราชวนร่วมโต้ะด้วยกัน

"ฝนตกก็ดีไปอย่างนึงค่ะคือไม่ร้อน ปกติจะค่อนข้างอบอ้าวยกเว้นตอนเช้าๆ"
"สถานที่มันหลบเข้ามาคล้ายๆทะเลในเล็กๆคนสมัยก่อนเขาใช้เป็นที่เอาเรือมาจอดหลบลมพายุค่ะ"

ผมมองไปก็ยังเห็นมีเรือประมงจอดลอยลำหลบคลื่นลมอยู่หลังโขดหินใหญ่ คุณแอนมีชุดวิสกี้น้ำแข็งโซดาโต้ะวางเล็กๆส่วนตัวเพราะเธอออกตัวว่าไม่ถนัดดื่มไวน์สักเท่าไหร่ ผมมองของเหลวในขวดไวน์ของพวกเราก็เลยพร่องลงไปในอัตราเร่งที่ช้ากว่าของเหลวในขวดวิสกี้ของคุณแอนเพราะผมเองปกติก็นานทีปีหนส่วนแบมไม่ต้องพูดถึงรินให้เท่าไหร่ก็ยังอยู่เท่าเดิมส่วนคุณแอนนั้นคาดว่าคงเป็นชุดเครื่องดื่มประจำของเธอที่นี่

"นี่แอนไม่มีเพื่อนดื่มมาตั้งนานแล้วนะคะเนี่ย" คุณแอนเติมเหล้าแก้วใหม่
"อ้าว แล้วเจ้าทุยล่ะครับมันไม่ดื่มเป็นเพื่อนเหรอ"
"รายนั้นน่ะเหรอ.. วันๆนึงก็ไม่ค่อยได้คุยกันหรอกค่ะอาจมีบ้างพวกเรื่องค่าน้ำค่าไฟอะไรแบบนั้น" คุณแอนอมยิ้ม

คุณแอนนับเป็นสาวรุ่นใหญ่ที่ยังคงดูแลรูปร่างของตัวเองได้เป็นอย่างดีคนนึงทีเดียว ตอนเดินออกมาจากห้องผมเห็นคุณแอนนั่งดื่มอยู่ที่โต้ะอาหารแล้วไม่กล้ามองเธอตรงๆแต่ก็มั่นใจว่าเห็นสองจุกนูนทะลุเสื้อสายเดี่ยวสีดำคลุมด้วยผ้าคลุมไหล่สไตล์อินดี้ ถ้าไม่นับเรื่องรอยแผลตั้งแต่ครึ่งแก้มลงมาถึงคอที่ครั้งนึงมันคงเป็นแผลฉกรรจ์ถึงได้กรีดลึกกัดกินจนเป็นแผลคล้ายรอยสักที่บรรจงลงเข็มโดยช่างสักระดับซาตานติดตราไปชั่วชีวิตก็ถือว่าเจ้าทุยก็ได้ของดีมาครอบครองคล้ายๆผมเหมือนกันนะ ผมฟังคุณแอนคุยอยู่คนเดียวไปเรื่อยๆอาจมีตอบรับบ้างคงเพราะปกติไม่ค่อยจะมีเพื่อนมาให้คุยเท่าไหร่เพราะเจ้าทุยเพื่อนของผมก็เคยเล่าให้ฟังว่าเมียมันชอบที่จะอยู่บ้านในรีสร์อทมากว่าบ้านอาคารพานิชย์ในตัวจังหวัด

"คุณภพสนใจรอยแผลเหรอคะ" คุณแอนหันมาถามผมที่กำลับแอบพิจารณาเพลินไปหน่อย
"อ๋อ.. เอ่อ ขอโทษครับ"
"โอ้ยไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะแผลขนาดนี้ใครเห็นก็ต้องมองค่ะ"
"พี่ก็เลยต้องดูแลตัวเองหน่อยออกกำลังอะไรแบบนี้เผื่อคนอื่นเค้าอาจอยากมองอย่างอื่นมากกว่ามองแผลน่าเกลียดนี้ล่ะค่ะ" ผมเหล่สบตากับแบม  
"โอ้ยแต่ก่อนพี่แอนสวยแฟนเยอะนะถามน้องแบมสิ"

"แล้วคุณแอนรู้จักกับแบมได้ยังไงครับ" ผมเปลี่ยนบรรยาศเพราะสังเกตุว่าแบมตาปรือเหมือนกำลังจะหลับ
"ก็พี่แอนอยู่ห้องตรงข้ามห้องแบมไง" แบมหันมาบอกผมพยามทำตาโตขึ้นมาหน่อย
"โน!! พี่ไม่ได้อยู่ห้องตรงข้ามพี่อยู่ห้องข้างๆ น้องแบมจำสลับกันแล้ว"
"อ้าว.. แบมนึกว่าห้องตรงข้ามเป็นห้องพี่แอนซะอีก"
"ห้องตรงข้ามน้องแบมก็ห้องเพื่อนพี่ที่หล่อๆไง สงสัยน้องแบมจำสลับกับห้องพี่รึเปล่า 55" พี่แอนโยนระเบิดลูกที่หนึ่ง
"นี่ถ้าแบมมีเรื่องกับคุณแอนสงสัยห้องตรงข้ามถูกตำรวจจับไปแล้วนะฮะ" ผมตลกฝืดๆแบมยกไวน์ขึ้นทำหน้าขมๆแก้อาการมึนงงกับความทรงจำของตัวเอง
"ตั้งแต่ย้ายกลับมาในบรรดาคนรู้จักตอนอยู่กรุงเทพที่พี่แอนขอให้ได้เจออีกสักครั้งก็มีหลายคนนะ ได้เจอน้องแบมนี่ล่ะคนแรกค่ะ"
"อยากเจอแบมทำไมเหรอคะ" แบมถาม
"ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่คิดถึงอยากเจอเฉยๆ" คุณแอนยกแก้วขึ้นดื่ม

"คุณภพคงอายุเท่าทุยงั้นพี่แอนแทนตัวเองว่าพี่เลยแล้วกันนะคะ" พี่แอนดื่มหมดแก้ว
"ตอนนั้นน้องแบมเค้าแต่งชุดนักศึกษาน่ารักมากพวกน้องชายพี่เห็นแล้วคะยั้ยคะยอจะให้พี่แนะนำให้รู้จักให้ได้"
"พี่ก็เตือนมันนะจีบดอกฟ้าจะไหวเร้อมันก็ไม่เชื่อพี่" ผมฟังแล้วรู้สึกว่าเวลาพี่แอนพูดคุยจะแฝงทัศนคติแปลกๆโดยเฉพาะเมื่อพูดเรื่องแบม

"พี่ก็แนะนำให้มันรู้จักกับน้องแบมจำได้ไหมล่ะที่สูงๆผอมๆผมยาวหล่อๆน้องชายพี่อ่ะ" พี่แอนถามแบม
"จำ.. จำไม่ได้ค่ะ.. มันนานมากแล้ว" แบมตอบ
"แหม.. ถ้าน้องพี่มันมาได้ยินเข้ามันคงเสียใจมากนะ"
"พี่ก็นึกว่ามันจีบติดเป็นแฟนกับน้องแบมไปแล้วซะอีกเห็นว่าเคยไปรับไปส่งกันนี่นา" พี่แอนรินแก้วใหม่
"เอ.. สงสัยพี่แอนจำคนผิดแล้วล่ะค่ะ ไม่น่าจะใช่แบมหรอก" น้ำเสียงของแบมฟังดูมั่นใจแบบอารมณ์ขึ้นหน่อยๆ
"ถ้าน้องแบมพูดแบบนั้นพี่ก็กลายเป็นคนพูดจาเพ้อเจ้อน่ะสิคะ" พี่แอนไม่ยอมลดรา
"เดี๋ยวคุณภพเค้าจะมองว่าพี่เป็นคนโกหกเอานา..55"

"แบมได้มาเจอพี่แอนที่นี่โลกมันกลมจริงๆนะครับ" ผมไม่รู้จะพูดอะไรส่วนแบมนั้นเงียบไปนานแล้ว
"แล้วไปไงมาไงถึงมาเป็นแฟนกับน้องแบมได้ล่ะคะเนี่ย"
"คุณแม่ผมแนะนำให้รู้จักกันครับ เราแต่งงานกันได้เกือบเดือนแล้ว"
"โอ้โห!!.. คุณภพนี่ชายหนุ่มผู้โชคดีตัวจริงเลยนะคะเนี่ย ยินดีด้วยค่ะ" พี่แอนชวนผมกับแบมชนแก้ว
"ขอโทษนะคะแบมขอเสียมารยาทไปนอนก่อนดีกว่าเห็นกำลังคุยกันสนุกเลย แบมฝากเป็นเพื่อนคุยพี่ภพด้วยนะคะ" แบมพูดน้ำเสียงเรียบไม่แสดงอารมณ์ที่แท้จริงแล้วลุกเดินไปทางห้องนอนทันที

"โอ้ย.. คนกันเองคงไม่เสียมารยาทอะไรหรอกค่ะ" พี่แอนพูดกับผมรินแก้วใหม่ให้ตัวเอง
"แล้ววันพรุ่งนี้คุณภพมีแพลนจะทำอะไรคะ"
"ก็คิดว่าจะไปดูอาจารย์นาโอะทำงานแถวๆนี้รอเจอเจ้าทุยแล้วก็กลับครับ"
"โอ้ย!!.. สองสามวันโน่นแหละกว่าทุยจะกลับน่ะค่ะ"
"เห็นเจ้าทุยมันว่าจะกลับพรุ่งนี้บ่ายๆเย็นๆนี่ครับ"

"ทุยเค้าถ้าลองได้เข้ากรุงเทพนะหลายวันกว่าจะกลับค่ะ" พี่แอนหัวเราะ
"เค้ามีบ้านมีผู้หญิงที่โน่น ไปแล้วกลับยากค่ะคุณภพ" พี่แอนชวนผมชนแก้วอีกครั้ง
"อ้าว.. เห็นมันบอกผมว่ามันไปส่งลูกนี่ครับ"
"ทุยเค้าก็ให้ลูกเรียกผู้หญิงทางโน้นว่าแม่ด้วยค่ะ" พี่แอนหัวเราะต่อ

"พี่ขี้เกียจเข้าไปขวางความสุขของเขาเราอยู่ของเราที่นี่ดีกว่า"
"ดีครับ กรุงเทพน่าเบื่อ" ผมส่งข้อความไปบอกแบมว่ากำลังจะชิ่งตามเข้าไป.. ใกล้แล้ว
"แต่พี่ไม่โกรธทุยนะคะตอนนี้เราอยู่เหมือนคนรู้จักกัน พี่แอนเองก็หน้าอย่างกับผีทุยเค้าคงจะอาย"
"ขอบคุณคุณภพนะคะที่อยู่เป็นเพื่อนดื่มไม่รังเกียจพี่" เธอชวนผมชนแก้วอีกครั้ง

จบประโยคนี้พี่แอนเมียเจ้าทุยก็ยกขาขาวของคนวัยสี่สิบกว่าที่ยังรูปร่างดีเหมือนพวกสาวๆผมมองตามไปจนถึงโคนขาขาวเรื่อยขึ้นไปจนถึงสองจุกเนื้อนมสองเต้ากลมอัดแน่นอยู่ในเสื้อยืดแขนกุด ผมเคยอยากลองมีอะไรสาวใหญ่หัวใจยังเปลี่ยวอยู่บ้างเหมือนกันยิ่งพวกที่ดูแลตัวเองดีๆเหมือนพี่โบพี่เบียร์และพี่แอนเมียของเพื่อนรักที่กำลังจู่โจมผมอยู่ตอนนี้แต่ถ้าผมจะต้องหักกับเพื่อนทุยเพราะผู้หญิงคนนี้ผมตามเข้าไปนัวเนียกับแบมเมียสาวคนสวยที่เพิ่งอารมณ์บูดเดินหนีเข้าห้องนอนไปน่าจะดีกว่าเยอะ

"พี่แอนกับทุยก็เหมือนเป็นเพื่อนกันน่ะค่ะเราอยู่กันด้วยธุรกิจ เค้าจะทำอะไรมีใครก็ตามใจเค้าคิดแบบนี้ซะพี่แอนก็ไม่ต้องโกรธใคร" เท้าของพี่แอนถูไถไปตามท่อนเนื้อทรยศที่มันดันแข็งตัวเป็นท่อนรับสัมผัสเท้าเปล่าของสาวใหญ่ใจถึง
"อย่าเลยครับพี่ผมว่าไม่ดีหรอก.. ผมเกรงใจทุย" ผมจับเท้าของพี่แอนให้นิ่งๆไว้
"คุณภพบอกว่าแต่งงานกับน้องแบมแล้ว.." พี่แอนมีแผนอะไรสักอย่าง
"สามคนก็ได้นะ เปลี่ยนรสชาติ" พี่แอนจับมือผมไปลูบไล้หน้าอกกลมแน่น
"อืมมม.. มม คุณภพกล้าขอน้องแบมรึเปล่าล่ะ พี่แอนว่าคำตอบอาจมีเซอไพรซ์นะคะ คุ้มค่าน่าลอง" เธอจับนิ้วของผมวนรอบๆจุกแข็งเป็นเม็ด

"แบมเค้าคงไม่กล้าหรอกครับ" ผมลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์
"น้องแบมคนสวยเค้าอาจจะร้ายเดียงสากว่าที่คุณภพคิดก็ได้นะคะ" พี่แอนทิ้งระเบิดอีกลูก
"คุณภพโดนคุณแม่ช่วยเขาใส่ตะกร้าล้างน้ำมาหรือเปล่า55" เมียเพื่อนทุยนี่วอนโดนตีนจริงๆ
"คุณภพลองถามน้องแบมดูนะว่าสนใจไหมพี่แอนจะดื่มรอคำตอบอยู่ตรงนี้แหละ"

ผมปิดประตูห้องเห็นแบมเอนหลังกึ่งนอนดูโทรทัศน์ตาแดงๆอยู่บนเตียงเสียบสายชาร์ตโทรศัพท์แล้วก็ล้มตัวลงนอนลงข้างๆแบมหยิบกล้องดิจิตัลมาเปิดดูรูปและกดปุ่มศึกษาฟังชั่นช่วยเหลือต่างๆ

"ไม่คุยกันแล้วเหรอ" แบมเอ่ยขึ้นมาก่อน
"อืมมม.. ขี้เกียจคุยแล้ว"
"แม่งเหี้ยมากเลยพี่ภพ" ผมเพิ่งเคยได้ยินแบมสบถเป็นครั้งแรก
"ใคร.. พี่เหรอ" หรือว่าพิธีกรรายการเล่าข่าวรอบดึกในทีวี
"ไม่ใช่..พี่ภพ!!" แบมยันตัวนั่งแล้วหันมาทำหน้าจริงจัง
"มันโกหก เรื่องที่เค้าเล่าอ่ะมันไม่จริงเลยพี่ภพ!!" แบมอธิบายให้ผมฟัง
"ที่เค้าบอกว่าน้องเค้ามาจีบแบมก็มาจริงๆแหละแต่แบมไม่เคยพูดด้วยเลยสักครั้งนะพี่ภพแบมเดินหนีตลอด"
"แล้วพี่แอนเค้าพูดให้ร้ายแบมอย่างนั้นทำไมล่ะ" ผมสงสัย
"ถ้าแบมจำห้องผิดจริงๆนะแบมพอรู้แล้วล่ะว่าเค้าโกรธอะไรแบม"

"ตอนแบมเรียนมหาลัยเช่าหอนี้อยู่ก็เจอพี่แอนแบบผ่านกันไปมาไม่ได้สนิทอะไรเลยเคยคุยทักทายกันบ้างแค่นั้นเองอ่ะพี่ภพ แบมก็อยู่กับเพื่อนใช่ป่ะวันนึงข้างห้องมีแบบกินเหล้าเสียงดังแล้วตรงข้างห้องที่หอเค้าจะมีช่องเป็นประตูเล็กๆเอาไว้ซ่อมพวกท่อน้ำอ่ะมันแทรกตัวเข้ามาดูแบมกับเพื่อนอาบน้ำทางช่องลม"
"แล้วแบมรู้ได้ไง" ผมชักสนใจเรื่องที่แบมเล่าว่าโดนแอบดูอาบน้ำอีกแล้วผมชักอยากเห็นหน้าเพื่อนแบมที่อยู่ด้วยกัน
"แน่ใจสิพี่ภพเพื่อนแบมเห็นหัวเห็นตามันเลย"
"แล้วแบมทำไง"
"เพื่อนแบมก็กรี๊ดเลยห้องอื่นเค้าก็ออกมาคนดูแลหอก็มาเค้าก็รีบวิ่งมาแบมเล่าให้เค้าฟังเค้าก็เรียกตำรวจ"
"แบมไม่กล้าออกไปดูแต่เห็นเพื่อนบอกว่ามันมากินเหล้ากันแล้วมาแอบดูตั้งหกเจ็ดคนอ่ะพี่ภพ" ผลัดกันแอบดูหกเจ็ดคนเลยเหรอแบม

"แล้วไงต่อ.. หาอะไรอ่ะ" แบมเหมือนจะมองหาอะไรสักอย่าง
"ขนม.. โมโหอ่ะพี่ภพ" ผมยื่นห่อขนมโปเต้ที่ล้มตัวลงนอนทับไว้ให้แบม
"แล้ววันหลังแม่บ้านก็มาบิวท์แบมอีก" ผมรับห่อขนมมาแกะให้เพราะดูท่าทางการวางมือของแบมนาทีนี้แล้วน่าจะดึงทีเดียวขนมกระจายทั่วเตียงแน่ๆ
"แม่บ้านเค้าบอกว่าคืนนั้นอ่ะตำรวจจับไปก็แค่ปรับลงบันทึกแค่นั้น"
"แล้วแม่บ้านเค้าก็บอกว่าไอ้ประตูช่องเนี้ยจริงๆมันมีกุญแจแต่มันหายไปตั้งนานแล้ว"
"แม่บ้านเค้าก็น่าจะบอกเจ้าของ"
"ใช่ สงสัยไม่ได้บอก" แบมจกขนมกรุบกรอบเคี้ยวให้หายโมโห
"แสดงว่ามันต้องเคยมาแอบดูก่อนหน้านั้นหลายวันแล้ว" ผมกำลังสืบสวนคดีแอบดูนางฟ้า(นักศึกษา)อาบน้ำ
"นั่นอ่ะ แบมก็อะไรวะแค่ปรับเองเดี๋ยววันหลังมันก็มาอีกมันไม่เข็ดหรอกใช่ป่ะ"
"แบมก็เลยบอกพ่อ.."

"ห่ะ.."
"แบมก็เลยบอกพ่อ"
"แล้วมันตายไหม.."
"ไม่รู้ดิ"

"ถ้าเป็นเรื่องนี้จริงๆและแบมจำห้องผิดจริงๆนั่นก็น่าจะเป็นห้องของพี่แอนเขา" ผมโชว์ฝีมือการเดา
"อาจเป็นน้องชายที่ว่า เขาก็เลยโกรธ"
"แต่ถ้าเป็นคดีความผิดแค่นี้โทษก็ไม่น่าจะเท่าไหร่"
"แบมไม่รู้น่ะสิว่าป๊าแบมจัดหนักขนาดไหน เห็นว่ามียาเสพติดในห้องด้วย"
"ถ้างั้นก็ยาว.."
"เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นแล้วเราก็กลับกันเถอะหรือไม่ก็นอนค้างพัทยาอีกคืนก็ได้"

"แล้วพี่ภพเชื่อที่เค้าเล่าหรือเปล่า"
"เรื่องไหน.." แม่ง..หลายเรื่องเกิ๊น
"ที่มันว่าแบมเป็นแฟนกับน้องมันอ่ะ ที่ว่าไปรับไปส่งกันอ่ะ"
"พี่จะไปรู้ได้ไงล่ะตอนั้นยังอยู่ญี่ปุ่นเลยมั้ง"
"แล้วพี่ภพเชื่อรึเปล่าล่ะ!!" แบมจะเอาคำตอบให้ได้

"หมายถึงพี่คิดว่ามันจริงหรือไม่จริงน่ะเหรอ" ผมตอบคำถามด้วยคำถามบ้าง
"หมายถึงว่าพี่ภพเชื่อหรือเปล่า"
"มันไม่สำคัญหรอก มันสำคัญจากวันนี้ที่เราอยู่ด้วยกันมากกว่า" ผมปลอบเธอ
"พี่ภพว่าไม่สำคัญเหรอ!!"
"ใช่.. ถึงยังไงพี่ก็ไม่รู้อยู่แล้วเรื่องจริงเรื่องปลอม ปัจจุบันที่เราอยู่ด้วยกันสิที่พี่เชื่อ" ผมพยามปลอบแบมตามความเป็นจริงตามวิถีพุทธ
"แล้วสำหรับพี่ภพมีอะไรที่สำคัญบ้างเหรอ!!" พูดเสร็จชาวพุทธก็งอนลุกเดินเข้าห้องน้ำไปเลย จริงๆตอบว่าไม่เชื่อไปซะก็หมดเรื่องแล้วงานงอกเพราะผมเสือกท่ามากไม่เข้าเรื่อง

เดินไปแง้มประตูดูเห็นพี่แอนยังนั่งอยู่ที่เดิมคนเดียวเหมือนที่บอกว่ายังรอคำตอบจากผมเรื่องที่เธอชวนผมกับแบมสวิงบนสังเวียนสามมุมคืนนี้ ผมเอนหลังลงนอนดูเพดานคิดเรื่องที่พี่แอนเล่าและที่แบมเพิ่งอธิบายคิดเรื่องเชื่อหรือไม่เชื่อจริงหรือไม่จริง หรือว่าแบมจะเคยมีแฟนมาก่อนจริงๆ หรือว่าอาจแอบมีลูกแล้วแต่แม่ผมช่วยแม่แบมใส่ตะกร้าล้างน้ำมาจริงๆ ผมไม่เคยเห็นเลือพรหมจรรย์ของแบมตามที่ใครๆเขาพูดกันเรื่องสาวบริสุทธิ์และก็ไม่เคยถามเธอตรงๆ

แต่ผมไม่สน.. แบมก็น่ารักกิริยามารยาทดีนิสัยดีพูดจาดีเข้ากับพ่อแม่ผมได้ แต่ถ้าวันนึงแบมบอกว่าเคยมีลูกแล้วผมจะทำยังไงคิดจนเผลอหลับฝันไปเพราะยังไม่ได้นอนเลยทั้งคืนทั้งวัน

ผมรู้สึกตัวตื่นได้ยินเสียงแปลกๆแทรกมากับเสียงพายุทั้งลมทั้งฝนที่โหมกระหน่ำใส่ตัวบ้านแสงไฟในห้องมืดสนิทแบมยังนอนนิ่งไม่สะทกสะท้านกับพายุ

ปึ้ก.. ปึ้ก.. ผมนอนฟังเสียงดังมาจากประตูทุกครั้งที่เสียงดังประตูก็จะสั่นสะเทือนเป็นจังหวะใกล้กันสองครั้งแล้วก็ห่างสลับกันไปสักพักใหญ่ๆจบเงียบเสียงไปนานจึงแง้มประตูออกไปดู พี่แอนไม่อยู่แล้วแสงไฟกลางบ้านสีส้มสว่างจางๆอยู่ดวงเดียวมองเห็นแก้วจานช้อนขวดโซดาล้มระเกะระกะ ที่หน้าประตูมีมีดปอกผลไม้ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่หล่นอยู่สองเล่มผิวสัมผัสประตูไม้ที่เมื่อตอนเย็นผมยังชมในใจว่าสวยตอนนี้เป็นแผลบาดเจาะเนื้อไม้คล้ายโดนปามีดใส่เหมือนเป็นฉากรับในการแสดงกายกรรมปามีด

ผมรู้ได้ทันทีโดยสัญชาติญาณนักเดาว่าเสียงแปลกประหลาดแทรกกับเสียงฝนที่ผมนอนฟังอยู่ต้องเป็นของเจ้ามีดสองเล่มนี้แน่ๆ ตอนแรกคิดว่าจะเก็บไปไว้ตรงอื่นเพราะไม่อยากให้แบมเห็นแต่นึกขึ้นได้ว่าไม่อยากมีลายนิ้วมือบนด้ามมีดเลยเอาเท้าเขี่ยๆไปให้พ้นหน้าห้อง

แล้วใครเป็นคนปามีดพวกนี้ใส่ประตูห้องที่ผมกับแบมนอนอยู่ล่ะผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งในใจผมก็คงจะไม่พ้นพี่แอนไปได้เพราะแรงจูงใจมันเยอะเหลือเกิน เธออาจโกรธเรื่องที่น้องชายโดนตำรวจจับเพราะแบมหรือไม่ก็เพราะผมปล่อยทิ้งให้เธอดื่มรอคำตอบอยู่คนเดียวจนเมาและโมโหที่ไม่ได้สมสวาทดังใจหวัง เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าตกใจหรืออันตรายเกินไปนักจึงปิดประตูแล้วค่อยๆคลำทางไปล้มตัวลงนอนต่อ คิดว่าตื่นแล้วจะชวนแบมเก็บข้าวของกลับกันเลยดีกว่าหรือไม่ก็ไปนอนเล่นพัทยาอีกสักคืนก็ได้

ผมรู้สึกตัวได้ยินเสียงปลุกจากโทรศัพท์ของแบมดังได้สักพักแล้วคิดว่าเธอคงลืมปิดเพราะเรามาเที่ยวกันไม่ได้ต้องลงไปเปิดประตูให้ช่างเหมือนนอนอยู่ที่บ้าน แบมงัวเงียปิดเสียงสัญญาณปลุกแล้วเดินเข้าห้องน้ำส่วนผมก็หลับตายังอยากนอนต่ออีกหน่อย

"พี่ภพ" แบมพันผ้าเช็ดตัวหอมกลิ่นสบู่เดินออกมาจากห้องน้ำ
"ฮึ.."
"เจ็ดโมงกว่าแล้วนะเค้าพี่ภพนัดเจ็ดโมงครึ่งไม่ใช่เหรอ"

ผมทะลึ่งตัวเข้าห้องน้ำทันทีแต่ก็ได้แค่แปรงฟันล้างหน้าทำธุระส่วนตัวน้ำท่าไม่ต้องอาบเพื่อออกมายืนรอรถตู้คณะทำงานของอาจารย์นาโอะที่ผมตอบรับคำชวนให้ไปเที่ยวดูการทำงาน รถตู้เลี้ยวโค้งผ่านมาทางหน้าทางเดินเข้าบ้านที่ผมกับแบมยืนรออยู่แล้วด้วยไม่อยากเสียหน้ากับคนญี่ปุ่นเรื่องเวลา

"ไม่มีกระเป๋าอะไรเลยเหรอ" อาจารย์นาโอะนั่งหน้าคู่คนขับเปิดหน้าต่างถามผม
"มีกล้องอันเดียวครับ" ด้วยความเร่งรีบกลัวไม่ทันเวลานัดแผนที่ว่าจะเก็บของออกไปพักที่อื่นจึงต้องล้มเลิก
"เมื่อวานผมลืมบอกกับคุณไป งานนี้ทุกคนที่อยู่ในสถานที่ต้องใส่ชุดว่ายน้ำนะ"
"ผมไม่ได้หยิบออกมาครับ"
"งั้นคุณก็เข้าไปเอามาเรายังพอมีเวลา ผมเก็บงานรอบเช้าเสร็จไปแล้ว"
"เดี๋ยวแบมไปเอาให้ก็ได้" แบมเดินกลับเข้าไปในบ้าน

เมื่อแบมกลับมาเราก็ขึ้นบนรถตู้ที่มีสามสาวนางแบบกับกระเทยอีกสองคนที่ผมไม่เคยเห็นหน้า ผมกับแบมแทรกตัวไปนั่งเบาะหลังที่เดิมสังเกตุว่ายังมีรถตู้หรูหรายี่ห้อแพงตามมาอีกหนึ่งคันเรานั่งกันเงียบๆโยกเยกไปตามสภาพผิวทาง แบมไม่คุยกับผมเลยไม่แม้แต่จะมองหน้าตลอดระยะทางไม่ไกลนักลัดเลาะไปตามสวนมะพร้าวจนมาเจอกำแพงซีเมนต์ทึบสูงทางเข้าตกแต่งไว้คล้ายรีสอร์ทหรู

"เดี๋ยวพาทีมงานไปสระน้ำริมทะเลนะ" ผู้ชายที่ลงมาจากรถตู้หรูหราสั่งงานชายรับใช้ของสถานที่
"ตามสบายนะครับ ถ้าเห็นคนแต่งตัวคล้ายคนเมื่อกี้ก็เรียกใช้ได้ครับขนมเครื่องดื่ม.. ไวน์.. แชมเปญ มีครับ"
"เอ่อ.. ผมยังไม่ทราบชื่อ" ชายในชุดเหมือนจะไปตีกอล์ฟคุยกับแบมก่อนเลยทั้งที่ผมยืนอยู่ข้างๆ
"ชื่อแบมค่ะ" แบมยิ้ม
"เห็นอาจารย์ว่าจะมีลูกศิษย์มาช่วยงานตอนแรกผมเห็นคุณแบมแล้วคิดว่านางแบบซะอีก"
"อ๋อ.. ไม่ใช่หรอกค่ะ" แบมหัวเราะมุขจีบหญิงเห่ยๆ
"เอ๊ะ..ตอนนี้ผมขอยกเลิกนางแบบฝรั่งยังทันไหมครับ" ชายในชุดนักกอล์ฟหันไปพูดเสียงดังกับกระเทยสไตลิส
"สันดาน.." อาจารย์นาโอะกระซิบเป็นภาษาญี่ปุ่นกับผมว่า ไอ้เหี้ยนี่แม่งสันดาน

"คุณไม่ต้องมาช่วยผมหรอก ไปนั่งคอยดูอยู่กับแฟนคุณก็พอ" อาจารย์นาโอะบอกผม
"ไม่เป็นไรครับอาจารย์แบมเค้าคงดูแลตัวเองได้ เราก็อยู่กันแถวๆนี้ไม่ได้ไปไหนไกล"
"ผมหมายถึงคุณอาจไม่มีสมาธิในการทำงาน"
"อ๋อ.. ก็ถ้าเห็นผมไม่ไหวตอนไหนอาจารย์บอกผมได้เลยครับ"
"ก็บอกอยู่เนี่ย.." อาจารย์นาโอะเห็นผมอึ้งไปก็หัวเราะเสียงดังชวนให้ผมช่วยยกข้าวของไปวางไว้รวมกัน

"โอะๆ อย่าเลยครับน้องแบม" แบมไม่ฟังชายในชุดนักกอล์ฟร้องห้ามยังคงช่วยผมยกของที่ไม่หนักมากเดินตามผมมาแต่พอผมยิ้มให้ขยับจะพูดด้วยเธอก็ทำเฉยๆเหมือนไม่มองไม่สนใจ เราเดินสวนกันไปมาคนละสองสามรอบข้าวของก็ถูกย้ายมาวางกองรวมกันที่กำแพงปูนดิบหน้ากรอบประตูทางเข้าบริเวณสระว่ายน้ำที่ด้านหลังเห็นวิวทะเลเมฆมืดครึ้ม  

"ทุกคนเชิญทางนี้หน่อยค่า.." กระเทยสไตลิสร้องเรียกผู้เกี่ยวข้องกับการถ่ายแบบแฟชั่นในวันนี้มารวมกัน
"ตอนนี้นะคะจะเป็นการถ่ายเซ็ทต่อจากเมื่อตอนเช้า"
"และขอต้อนรับคณะของคุณวีริศซึ่งเป็นทั้งเจ้าของหนังสือเจ้าของสถานที่และเป็นเจ้านายดิชั้นด้วยค่าาา"

เสียงปรบมือต้อนรับคณะของนายทุนเจ้าของงานและสถานที่ในวันนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนคือชายในชุดนักกอล์ฟคนนี้นี่เองนอกจากนี้ก็ยังมีสปอนเซอร์ใหญ่ของหนังสือซึ่งมาพักผ่อนนอนเล่นอยู่ในบ้านพักหรูริมทะเลแห่งนี้หลายวันแล้ว

"เดี๋ยวเชิญอาจารย์นาโอะและล่ามภาษาญี่ปุ่นค่ะ" อาจารย์นาโอะขอตัวออกไปยืนกลางวงรอน้องผู้หญิงในชุดสูทสีดำใส่ส้นสูงเดินกระย่องกระแย่งบนพื้นหญ้าเปียกๆจากกลุ่มของชายในชุดนักกอล์ฟ
"สวัสดีค่ะช่ืออ๋อมนะคะวันนี้มาเป็นล่ามภาษาญี่ปุ่นให้อาจารย์ ถ้าพี่ๆท่านใดสงสัยในขั้นตอนการทำงานก็บอกอ๋อมเดี๋ยวอ๋อมถามให้ค่ะ"
"… เดี๋ยวอาจารย์จะบรีฟงานและระเบียบในการทำงานให้ทุกท่านฟังนะคะ" อาจารย์นาโอะอธิบายให้ล่ามสาวฟรีแลนซ์หน้าตาน่ารักฟังออกท่าทางมือไม้
"การทำงานอาจารย์จะแบ่งเป็นสองช่วงนะคะ ในช่วงแรกบริเวณสระว่ายน้ำจะอนุญาติเพียงฝ่ายช่างภาพช่างแต่งหน้าทำผมฝ่ายเสื้อผ้าและวีไอพีเท่านั้นนะคะนอกจากนี้ไม่อนุญาตให้เข้าภายในส่วนของการทำงานค่ะ" ล่ามสาวน้อยสอบถามอะไรบางอย่างซึ่งเหมือนเธอเองก็ยังงงๆไม่มั่นใจความหมายในการสื่อสารสองภาษา

"ช่วงที่สอง.. " อาจารย์นาโอะทำท่าให้พูดไปเพราะล่ามสาวน้อยหันมามองเขาให้แน่ใจอีกครั้ง
"ช่วงที่สองจะเป็นคอนเสพท์ปาร์ตี้ริมสระน้ำ ท่านที่จะเข้าบริเวณทำงานต้องขอความร่วมมือว่าให้แต่งกายเป็นชุดว่ายน้ำเท่านั้น" อาจารย์เข้ามาอธิบายเสริม
"ถึงแบ็คกราวด์ภาพจะเบลอแต่ขอความกรุณาห้ามใส่ชุดอื่นๆเข้าในบริเวณอย่างเด็ดขาดค่ะ"

อาจารย์ทำมือเรียกพวกทีมภาพซึ่งมีเพียงอาจารย์นาโอะและลูกมือยกของเด็กคนไทยอีกคน

"แบมนั่งเล่นแถวนี้ก่อนแป้ปนึงนะ" ผมเดินมาบอกแบม
"พี่ภพเห็นอะไรสำคัญก็ทำไปเถอะค่ะ" อ๋อ.. ผมถึงบางอ้อแล้วว่าทำไมแบมถึงงอนผมนานถึงตอนนี้ก็ไอ้เรื่องสำคัญไม่สำคัญห่าอะไรเมื่อคืนนี่แหละ
"เดี๋ยวแบมอยู่กับน้องเค้าก็ได้" แบมเขยิบตัวไปยืนข้างล่ามสาวน้อยที่ยังยืนงงๆ
"เอ่อ.. แล้วไม่ต้องตามเข้าไปทำงานเหรอคะ" แบมถามล่ามสาวน่ารักรุ่นน้อง
"ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่แปลให้เองน้องอยู่เป็นเพื่อนแฟนพี่ก่อนก็แล้วกันนะ"
"ระวังคนตัวใหญ่ๆที่ใส่ชุดตีกอล์ฟให้พี่ด้วย ชอบมาคุยกับแฟนพี่" ผมแซวแบมเล่นแบบไม่ดูกาละเทศะแล้วรีบขนชุดขาตั้งไฟที่ยังกองเหลืออยู่ตามเข้าไปสมทบที่ริมสระน้ำ

"สวัสดีค่ะน้อง..อ๋อม ใช่ไหมคะ พี่ชื่อแบมนะ" แบมทำความรู้จักกับล่ามสาวที่น่าจะเป็นรุ่นน้อง
"สวัสดีค่ะ" ล่ามสาวยิ้มสวยให้สาวสวย
"เดี๋ยวเราไปนั่งกันทางด้านโน้นไหมคะยืนตรงนี้ไม่รู้จะเกะกะเขาทำงานหรือเปล่า" แบมชวนเดินไปที่โต้ะไม้ริมระเบียง

"อ้าว.. น้องอ๋อมน้องแบมเดี๋ยวเชิญนั่งในห้องกระจกเย็นๆดีกว่าครับมีน้ำมีกาแฟมีขนมโทรทัศน์ไวไฟปลั๊กชาร์ตแบ็ตพร้อมบริการครับ" คุณวีริศกดวางโทรศัพท์บอกทางแล้วเดินมาทางสองสาว
"ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวแบมอยู่ตรงนี้ดีกว่ากลัวเกะกะเค้าค่ะ"
"โอ้ย.. ห้องใหญ่ค่ะน้องแบม พวกนางแบบเค้าเข้าไปทำงานกันแล้วด้วย ไปเถอะ.. น้องอ๋อมพาน้องแบมไปสิ" คุณวีริศสั่งลูกน้อง
"เชิญค่ะพี่แบม.. เอ่อ..เดี๋ยวนะคะ.. คุณวีริศคะ" ล่ามสาวเหมือนยังสงสัยไม่กระจ่างอะไรบางอย่าง
"ครับ.. น้องอ๋อม เอ่อ.. เช็คงานที่แล้วน้องอ๋อมไปรับแล้วยัง"
"รับมาแล้วค่ะ" อ๋อมตอบ
"มารับเช็ควันหลังเจอกันทานข้าวกันด้วยสิ นะ.. มีเบอร์ส่วนตัวพี่แล้วนี่" แบมพอเดาออกว่าคนคนนี้เป็นคนชนิดไหน
"คือที่อาจารย์นาโอะบอกว่าทุกคนต้องใส่ชุดว่ายน้ำอ่ะค่ะ.."
"อืมม.. ก็เพิ่งรู้เหมือนกันเนี่ย"
"หนู.. ไม่ได้เตรียมชุดมาด้วยค่ะ" น้องอ๋อมสารภาพกับเจ้านาย
"งั้นเอางี้.. เดี๋ยวน้องอ๋อมขึ้นไปกับพี่ พวกแฟนพวกวีไอพีเค้าน่าจะเตรียมติดมาว่ายน้ำกันคนละหลายชุดอยู่นะ"
"เดี๋ยวแบมให้น้องยืมก็ได้ค่ะพอดีติดมาสองชุด"

เสียงโทรศัพท์เรียกเข้าเครื่องของคุณวีริศ เขาขอตัวแต่ไม่ลืมบุ้ยหน้าชักชวนให้สองสาวเข้าไปนั่งพักผ่อนในตัวบ้านทันทีที่แบมและอ๋อมนั่งลงบนชุดโซฟาป้าในชุดฟอร์มแม่บ้านก็เข้ามาถามเครื่องดื่มเพราะเล็งสองสาวตั้งแต่เดินมาแล้ว

"รอถ่ายแบบกันเหรอคะ" ป้าเอาน้ำเปล่าเย็นๆมาเสริฟ
"เปล่าหรอกค่ะมาทำงานน่ะจ้ะ" แบมรีบตอบ
"คุณๆสวยน่ารักกว่านางแบบฝรั่งพวกนั้นอีกนะคะเค้าน่าจะชวนไปถ่ายแทนซะเลย" แม่บ้านถอยหลบไปเพราะสองสาวเอาแต่ยิ้มไม่คุยด้วยต่อ

"น้องอ๋อมทำงานกับคุณวีริศเหรอคะ" แบมชวนคุย
"อ๋อ.. อ๋อมเพิ่งเริ่มงานเองค่ะยังเป็นพนักงานฝึกหัดอยู่เลย"
"แต่ว่าอ๋อมเคยเป็นฟรีแลนซ์รับของคุณวีริศมาตั้งแต่ยังเรียนไม่จบแล้วค่ะพวกงานล่ามและงานแปลเอกสารภาษาญี่ปุ่นภาษาฝรั่งเศษ" แบมสนใจเพราะตัวเองก็ชื่นชอบภาษาฝรั่งเศษเช่นกันสืบไปสืบมาพบว่าเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องจากมหาวิทยาลัยแถวท่าพระจันทร์เหมือนกันถึงจะคนละคณะแต่ก็คุยกันสนุกสนิทกว่าเดิม

"ว่าแต่.. เรื่องชุดว่ายน้ำอ่ะค่ะพี่แบมทำไมพี่แบมถึงได้เตรียมมาล่ะรู้ก่อนเหรอ"
"ก็อาจารย์เค้าบอกแฟนพี่เมื่อตอนเช้า"
"แสดงว่าคุณวีริศไม่ใช่เพิ่งรู้หรอก จะหาเรื่องถ้าอ๋อมทำไม่ได้น่ะสิ"
"อ้าว.. ทำไมล่ะ"
"ก็สงสัยเค้าชอบแกล้งอ๋อมมั้ง พี่แบมคิดดูตอนที่วงโอเอ็กซ์ของเกาหลีมาอ่ะให้แบมคอยเทคแคร์"
"อ้าว.. ไม่ดีเหรอ"
"โอ้โหพี่แบม แค่ต้องลุยกับพวกติ่งอ๋อมก็แทบจะไม่ได้หลับได้นอนแล้วนี่ยังต้องเทคแคร์ผู้ชายตั้งหลายคน แล้วอ๋อมรู้แต่ภาษาญี่ปุ่นรู้เกาหลีซะเมื่อไหร่" อ๋อมเล่าวีรกรรมหมาดๆ
"อ้าว.. แล้วคุยกันยังไงล่ะ"
"ภาษาอังกฤษพี่แบมมันพูดได้หลายคนอยู่ โชคดีไป.."
"แล้วคุณวีริศเค้าไม่รู้เหรอว่าน้องอ๋อมพูดเกาหลีไม่ได้" แบมถามต่อ
"โอ้ย.. สนุกเขาเลยพี่แบม แล้วไอ้วงเนี้ยตอนบริษัทจ้างมาคราวที่แล้วแต่ละคนโคตรเรื่องมากเลย ปีนี้มันมีเพลงดังเลยซื้อทัวร์มันอีก" น้องอ๋อมเล่าเรื่องงานที่เธอต้องรับผิดชอบในฐานะพนักงานฝึกหัด
"เค้าชอบแบบ..กดดัน จะทำได้ไหม..ไหมไหม อะไรแบบนั้นอ่ะพี่แบม มันก็ต้องได้อยู่แล้วแหละ"

"เอ่อ.. แล้วพี่แบมเอามาสองชุดทำไมอ่ะคะ" น้องอ๋อมยังสงสัย
"..อืมม.. ..ตัวนึงพี่ซื้อมาแล้วไม่กล้าใส่อ่ะมันโป๊เกินแต่ติดอยู่ในถุงเดียวกัน" แบมอธิบายแบบเอาตัวรอด
"แล้ว.. แล้ววันนี้พี่แบมจะใส่ตัวโป๊หรือตัวไม่โป๊อ่ะ" น้องอ๋อมไม่แน่ใจว่าสาวรุ่นพี่อารมณ์แบบไหน
"เดี๋ยวให้น้องอ๋อมเลือกแหละเพราะพี่คงรออยู่ตรงนี้ถ้าไม่เข้าไปที่เขาถ่ายก็ไม่ต้องเปลี่ยนชุดใช่ป่ะ" แบมอวดแผนฉลาด
"ดูทีวี ดูทีวี.." แบมกดรีโมทเปลี่ยนภาพในจอยักษ์
"โหย.. ไม่เอาอ่ะพี่แบมเป็นเพื่อนกันแล้วก็ต้องเป็นให้ตลอดสิ" น้องอ๋อมเห็นแววว่าแบมจะชิ่ง
"แล้วเชื่อป่ะถ้าพี่แบมนั่งอยู่คนเดียวนะเดี๋ยวคุณวีริศต้องมาชวนพี่แบมไปเลือกชุดข้างบนแน่ๆ" ก็จริงนะ..แบมคล้อยตาม
"งั้น..เดี๋ยวพี่หลบในห้องน้ำ"
"หนูว่าป้าแม่บ้านเค้าก็รู้อยู่ดีแหละว่าพี่แบมไปหลบอยู่ตรงไหนถ้าเจ้านายเขาถาม" แบมหันไปมองป้าแม่บ้านกำลังนั่งหาวว่างงาน

"อ่ะ.. ระหว่างนี้น้องอ๋อมเอาไปลองดูลองทำใจก่อนได้" แบมแกล้งวางชุดบิกินี่สีเหลืองเลมอนสุดเซ็กซี่ข้างๆน้องอ๋อม
"โหย..!! นี่พี่แบมซื้อมาจะใส่ที่ไหนเนี่ย" น้องอ๋อมหยิบบิกินี่สายสปาเก็ตตี้ตัวจิ๋วไปพิจารณาเส้นสายตะขอยึดความมั่นคงปลอดภัยไม่อยากหลุดโชว์จอแบนต่อหน้าใคร
"ขออ๋อมดูชุดพี่แบมอีกชุดหน่อยดิ" น้องอ๋อมคงยังอยากได้เลือก
"อ่อมใส่ตัวนั้นแหละดีแล้ว ชุดแบบนี้คนนมเล็กใส่ได้ดูไม่โป๊มาก" สองสาวเงียบกันไปมองที่หน้าอกของน้องอ๋อมกันโดยมิได้นัดหมาย
"ไม่หรอก.. พี่ก็นมเล็ก ..แต่อ๋อมใส่อ่ะดีแล้วสวยแหละ" แบมยังคะยั้นคะยอต่อไป

"โห.. สงสัยซื้อมาใส่ให้พี่คนนั้นดูกันสองคนในห้องแน่ๆเล้ยยย" น้องอ๋อมแซว
"อ๋อ.. พี่แต่งงานแล้วอ่ะ" แบมรีบออกตัวเพื่อไม่ให้ดูก๋ากั่น
"จริงอ่ะ!! พี่แบมอายุเท่าไหร่แล้วอ่ะ"
"ยี่สิบหก.." แบมปัดเศษที่เป็นเดือนออกไม่เอามานับรวม
"โหย.. สุดยอดเลยอ่ะ อ๋อมอยากแต่งงานตอยอายุแบบพี่แบมอย่างเงี้ยเลย"
"แต่งเร็วไม่แก่ดี.."
"ดียังไงอ่ะ.." แบมสงสัย
"แค่คิดแล้วขนลุกแล้วพี่แบมอย่าเพิ่งมีลูกนะ!!ไปเที่ยวก่อน พี่สาวอ๋อมเค้าแต่งงานช้าแต่งแล้วมีลูกเลยอ้วนแผละผัวหนีไปมีเมียน้อยเลยอ่ะ"
"อ้าว.. คนมันก็ต้องแก่ก็ต้องอ้วนเป็นธรรมดา" แบมยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
"ผู้ชายเขาไม่ได้มองแบบนั้นน่ะสิพี่แบม ยังไงก็ชอบคนสวยหุ่นดี" อ๋อมหยิบชิ้นท่อนล่างตัวจิ๋วมาพลิกไปพลิกมาดูเล่น

"โอ้ย..!! นี่ถ้าเป็นอ๋อมมากับสามีนะอ๋อมจะใส่โชว์ซะเลยพี่แบมมีสามีมาด้วยทั้งคนจะกลัวอะไร ถ้าพี่แบมใส่ชุดนี้นะรับรองเกิดออร่าแผ่รังสีเลยอ่ะ..และก็ต้องมีแต่คนอิจฉาแฟนพี่แบมแน่ๆ"

"น้องอ๋อมใส่อ่ะดีแล้วค่ะ สวยแหละ อื้ออ.." แบมไม่หลงกลง่ายๆ

สามสาวนางแบบในชุดว่ายน้ำแบบทูพีซถ่ายรวมเซ็ทสุดท้าย วันนี้บรรยากาศการทำงานเป็นไปได้อย่างราบรื่นอาจเพราะเจ้าของแบรนด์และเจ้าของหนังสือต่างชื่นชอบในผลงานการถ่ายภาพแฟชั่นระดับโลกของอาจารย์นาโอะเป็นทุนอยู่แล้วจึงไม่ค่อยยุ่งวุ่นวายอะไร ส่วนอาจารย์นาโอะก็จะอธิบายสิ่งที่เขาต้องการให้นายทุนและสไตลิสฟังอย่างชัดเจนและให้ดูมอนิเตอร์ไปด้วยอาจมีบ้างที่ลูกค้าขออาจารย์ก็จัดให้อย่างเต็มใจ

ผมมองเห็นเหล่าวีไอพีที่กระเทยสไตลิสและผู้จัดการกองพูดถึงไว้ก่อนทำงานเริ่มลงมาเดินพูดคุยบ้างก็นั่งเล่นดูเราทำงานหรือไม่ก็ดูนางแบบในชุดบิกินี่แฟชั่น

"เดี๋ยวช่วงที่สองผมอยากได้อารมณ์แปลกไปกว่าชุดเมื่อกี้อีกหน่อย" อาจารย์บอกเป็นภาษาญี่ปุ่นผมแปลเป็นไทยและอังกฤษให้หนึ่งในสามสาวนางแบบแปลเป็นฝรั่งเศษอีกที
"ชุดเมื่อกี๊มันเป็นแบบถ่ายแฟชั่นซึ่งผมก็คิดว่าได้งานที่เพอร์เฟคทีเดียว" กระบวนการแปลเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องระงม
"แล้วอาจารย์อยากได้อารมณ์แบบไหนคะหนูจะได้คิดท่าให้น้องๆ" กระเทยสไตลิสถามเป็นภาษาไทย
"อืมม.. ผมต้องการแววตา.. สีหน้า แบบ อืมม อธิบายยาก"
"เดี๋ยวผมขอดูชุดและคุยเรื่องแต่งหน้าทำผมก่อนแล้วเราค่อยคุยกันทีเดียว"
"เบรกครึ่งชั่วโมงค่า.." กระเทยผู้จัดการกองร้องประกาศ
"เดี๋ยวพวกคุณก็เปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำกันด้วยนะ" อาจารย์นาโอะเตือนทีมงานทุกคน

ผมเดินกลับมาหาแบมที่กำลังนั่งเมาท์กับล่ามสาวน่ารักดีอย่างถูกคอบนโต้ะมีชุดมะม่วงน้ำปลาหวาน พวกนางแบบนั่งอยู่หน้ากระจกอีกด้านของห้อง

"เหนื่อยไหมพี่ภพ" แบมอารมณ์ดีขึ้นแล้ว
"ไม่หรอก แค่ช่วยหยิบๆจับๆนิดหน่อย"
"ช่วยหยิบๆจับๆเสื้อผ้านางแบบรึเปล่าคะ" อ้าว.. อีนี่เขี่ยทำไมเนี่ยแบมกำลังอารมณ์ดีๆ
"ล้อเล่นนะคะพี่ๆ..55" เออ.. กูรับคำขอโทษเพราะมึงน่ารักเนี่ยแหละ

"เดี๋ยวแบมก็เปลี่ยนชุดได้แล้วมั้ง" แค่พูดกับแบมแค่นี้กะจู๋ผมก็แข็งแล้วอ่ะเดี๋ยวต้องใส่กางเกงว่ายน้ำมีหวังชักธงรบตลอดรายการแน่
"ให้พวกนางแบบเค้าเปลี่ยนให้เสร็จก่อนก็ได้พี่ภพ เดี๋ยวแบมกับน้องเปลี่ยนพร้อมกันเลย" พูดแล้วสองสาวก็หัวเราะคิกคักตีกันแบบมีความลับ
"น้องใส่บิกินี่แบบสายไม่เป็น"

คราวนี้สองสาวหัวเราะกันยาวเลยผมยังงงว่าตอนตลกมันผ่านไปตอนไหนทำไมผมไม่ได้ยินวะเนี่ย หยิบกางเกงว่ายน้ำแบบคล้ายๆขาสั้นอยู่บ้านเข้าห้องน้ำเปลี่ยนทับกางเกงชั้นในแบบบอกเซอร์ เดินกลับเข้าไปบริเวณริมสระว่ายน้ำซึ่งเหล่าแม่บ้านและคนงานชายกำลังช่วยกันจัดโต้ะคล้ายปาร์ตี้ริมสระ

"พี่ภพ!!" เสียงเรียกจากทางด้านหลัง
"อ้าว แน้ต.." ผมรับไหวุ้่นน้องคนรู้จักกัน
"ผมเพิ่งมาถึงเมื่อกี๊เนี้ยะ พี่ภพมาทำอะไรพี่"
"มาเที่ยว" ผมตอบไม่เน้นรายละเอียด
"มาดูนางแบบเหรอพี่" เจ้าแน้ตนักศึกษาที่ผมเคยสอนเย้าแหย่
"เฮ้ย!! มาเที่ยวกับเมีย ..ว่าแต่นางแบบอะไรวะ"
"อ้าว.. นี่ไงเต็มรถตู้มาพร้อมคันเดียวกับผมเลย"
"ผมมาเปิดเพลงเนี่ย" นี่เขาปาร์ตี้กันจริงจังไม่ใช่แค่จัดฉากถ่ายเลยเหรอวะเนี่ย
"เออ.. เออ.. เดี๋ยวเจอกันพี่ขอตัวก่อน"

จากบรรยากาศการทำงานในรอบแรกก่อนเที่ยงมีคนอยู่แค่สิบกว่าคนเปลี่ยนเป็นคนสักห้าสิบคนเดินกันขวักไขว่เสียงเพลงอาร์แอนด์บีที่เจ้าแน้ตอุ่นเครื่องเบาๆสร้างบรรยากาศจากกองถ่ายริมสระว่ายน้ำเป็นปาร์ตี้สุดชิค.. ผมมองดูวีไอพีคนนึงคุ้นๆหน้าในข่าวโทรทัศน์กำลังคล้องเอวสาวน้อยร่างเล็กดัดฟันในชุดบิกินี่โยกย้ายไปตามสเต็ปเต้นแก่ๆ

"อีกสิบนาทีค่า" กระเทยผู้จัดการกองเดินร้องบอกทีมงาน อาจารย์นาโอะเรียกนางแบบและผู้เกี่ยวข้องมาซักซ้อมทำความเข้าใจอีกที
"เดี๋ยวผมจะถ่ายแบบแคนดิดลองเทคไปเลยนะพวกคุณก็ดื่มกินเต้นกันตามปกติถ้าเห็นกล้องมาก็โพส แต่อย่าลืมแววตาและอารมณ์"

"แบบนี้นะ ..คุณเห็นพวกหื่นกามนั่นไหม" อาจารย์ชี้ชวนให้พวกเราดูเหล่าวีไอพีซึ่งบางคนก็คุ้นหน้าคุ้นตาทั้งหมดมากับสาวๆรุ่นลูกทั้งสิ้น
"คุณคิดตามผมนะ.. เมื้อกี๊ตอนคุณโพสท่าถ่ายอยู่น่ะคนพวกนี้มันมองดูพวกคุณกันตาเป็นมัน พวกมันพิจารณาทุกส่วนสัดผิวพรรณเรือนร่างของสาวสวยระดับนางแบบอย่างพวกคุณกันสบายอารมณ์ ไม่ว่าชุดที่ปกปิดส่วนสำคัญของคุณไว้จะงดงามหรือแพงสักเท่าไหร่พวกเขาก็มองเหมือนไม่เห็นมันในจินตนาการของเขา"
"ผมอยากให้แววตาของคุณแสดงถึงความเสียวซ่านที่ต้องตกเป็นเป้าสายตา ผมจะโฟกัสให้คุณเลอค่ากว่าสาวๆคนอื่นๆเบลอๆที่เป็นได้แค่เพียงแบ็คกราวด์ให้คุณ"
"ขออารมณ์แบบนั้น.. ขอให้สนุก" อาจารย์นาโอะสรุปง่ายแต่ไม่รู้ว่าทำง่ายหรือเปล่า
"เดี๋ยวคุณกับผมถือคนละกล้องแล้วก็เดินลุยถ่ายเลย ผมรับผิดชอบนางแบบเองส่วนคุณเจออะไรชอบใจก็ถ่ายเก็บไว้เป็นสต๊อคบรรยากาศ น่าจะสนุกนะ"
"ขอบคุณครับอาจารย์" ผมดีใจจนบอกไม่ถูกที่อยู่ดีๆก็ได้เป็นกล้องสองให้อาจารย์นาโอะ ถ้าภาพที่ผมถ่ายได้ตีพิมพ์สักภาพผมคงดีใจมากๆ

"จะถือว่าเป็นการขอโทษเรื่องเอริก็ได้นะ" อาจารย์นาโอะบอกก่อนแยกตัวไปเตรียมเพราะเหลืออีกไม่ถึงสิบนาที

Chinese Family 1/4



ใจเขากับใจเรา

ผมกับแบมเล่นกันเหมือนเด็กๆจับโน่นล้วงนี่จี๋เอวกันจนหนึ่งในสามสาวนางแบบขยับรู้สึกตัวตื่นเหล่มาทางพวกเราเล็กน้อย แบมนั่งพิงเบาะกอดอกเพราะตอนนี้เสื้อชั้นในมันอยู่ผิดรูปผิดทรงไม่อยู่ในที่ในทางเธอหยิกแขมผมแรงๆเมื่อผมเอียงคอเอาหน้าไปใกล้ๆ

"พอแล้ววว พี่ภพพพพ" แบมหยิกแรงๆเข้ากับจังหวะกระซิบ

หนึ่งในสามสาวนางแบบหันตัวยื่นห่อขนมข้ามเบาะมาให้ผมกับแบมเราขอบคุณแล้วหยิบมาคนละชิ้นตามมารยาท สาวอีกคนเริ่มส่งภาษาอังกฤษสำเนียงแปลกๆ(แต่ถ้าผมพูดของผมน่าจะแปลกกว่า)พอจับใจความได้ว่ากำลังถามว่าเราเพิ่งมาเหรอพักอยู่บ้านตรงไหนแล้วรู้จักกับอาจารย์นาโอะด้วยเหรอ

ผมฟังแบมคุยกับสามสาวที่หันตัวมาคล้ายนั่งล้อมวงคุยกันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยเราแนะนำตัวกันนิดหน่อยพอจับใจความได้ว่าพวกเธอเป็นสาวฝรั่งเศษหลังจากนั้นผมก็ไม่รู้เรื่องอะไรอีกแล้วเพราะแบมร่ายฝรั่งเศษแบบลื่นหูจนสามสาวยิ้มประหลาดใจ ผมสังเกตุว่าบางช่วงบางตอนสาวๆหันมาทางผมทำท่าเหมือนสนใจอะไรสักอย่างบางช่วงอาจารย์นาโอะก็ตะโกนเป็นภาษาฝรั่งเศษมาจากหน้ารถด้านข้างคนขับคู่ของเจ้าเด็กหัวหยิกและแฟนมันก็พูดฝรั่งเศษขึ้นมาบ้างแล้วทั้งรถก็หัวเราะกันส่วนแบมทำท่าอายๆงอนนิดๆหยุดคุยพิงเบาะรถ สรุปว่ามีแค่ผมกับคนขับรถตู้ที่ไม่รู้ว่าเขาพูดเรื่องอะไรหัวเราะทำไมกัน(หรือคนขับรถตู้ก็รู้เรื่องหว่า..)

"เค้าคุยอะไรกันเหรอ" ผมอยากรู้
"แบมอวดเค้าว่าพี่ภพเป็นนักเปียโนเก่งมาก แล้วก็เราเพิ่งแต่งงานกัน" ผมรู้สึกว่าตัวเองดูดีขึ้นมาทันที  
"เขาแซวถามว่าเรามาฮันมูนกันเหรอแล้วก็เลยอวยพรอะไรแบบเนี้ย"
"อ้าว.. แล้วหัวเราะกันทำไมล่ะ" ผมกะว่าจะจำมุขฮาฝรั่งๆไปเล่าต่อกับเพื่อนๆคิดว่าน่าจะเจ๋งเพราะเห็นว่าฮากันทั้งรถ

"ก็เค้าเห็นพี่ภพเดินออกมาจากห้องลองชุดผู้หญิงน่ะสิ" (ว่าแล้ว..มุขนี้ต้องเชี่ยจริงๆ)
"แล้วเขารู้ว่าเราทำอะไรกันเหรอ"
"จะเหลือเรอะ!!"
"เค้าถึงอวยพรให้มีลูกกันเร็วๆนี่ไง" แบมคงแกล้งงอนเพราะตอนที่ผมดึงเธอเข้ามากอดเธอก็ไม่ได้ขัดขืน
"ไอ้เด็กหัวหยิกอะไรของพี่ภพอ่ะ มันบอกว่าเดี๋ยวคราวหน้ามันจะลองดูบ้าง"
"แล้วอาจารย์นาโอะว่าไง.."
"เค้าบอกพี่ภพสุดยอด" ถึงตอนนี้ผมอายเหี้ยๆ ยังดีที่ในสายตาของพวกนี้มันมองว่าเป็นเรื่องตื่นเต้นเสียวดี

"แต่ถ้ามีลูกกันเลยก็ดีนะ จริงๆพี่ก็แค่อยากให้เราเซ็ทอัพลงตัวกันก่อน" ผมหมายถึงทั้งเรื่องชีวิตคู่และเรื่องอาชีพใหม่ของเรา
"อื้อ.. แบมรู้" แบมขยับซบหน้าหลับตาอยู่ในอ้อมกอดใต้คางผม

"ทำไมอยู่ดีๆถึงอยากมีลูกอ่ะพี่ภพ" แบมดูอารมณ์ดีขึ้น ผมก็ตอแหลไปงั้นแหละแต่ถ้าลูกจะมาก็มาตั้งใจว่าต่อไปนี้จะไม่ใช้ถุงยางอนามัยเพื่อคุมกำเนิดแล้วเหมือนกัน
"ถ้ามีลูกก็คงสนุกดี"

"ถ้ามีลูกแบมจะให้เล่นเปียโน ..เพราะดี" เธอคงอยากเอาใจผม
"ถ้ามีลูกพี่จะเอานี่ให้ลูกดูก่อน" ผมแกล้งเปิดภาพวิดีโอในห้องลองชุดภาพอริยาบทตอนที่แบมกำลังลองชุดว่ายน้ำเซ็กซี่ที่ผมเลือก
"อุ๊ย..!! พี่ภพ เอามานี่เลย!! ลบ.. ลบเลย!!" แบมแย่งโทรศัพท์ไปจากมือผมหาวิธีลบคลิบเพราะเธอไม่ได้ใช้แอนดรอยด์จึงไม่คุ้นเคยกับปุ่มคำสั่ง
"เดี๋ยวดิ..เก็บลงคอมพ์ก่อนเดี๋ยวค่อยลบ" ผมค่อยๆบอกแม้จะเสียดาย
"เดี๋ยวหลุดนะพี่ภพ แบมตายแน่ๆป๊าแบมฟื้นมาลากแบมไปอยู่ด้วยแน่ๆ" แบมบ่นห่วงเพราะมีข่าวคลิปดาราหลุดให้เห็นให้ได้ยินอยู่เนืองๆแต่นิ้วก็ยังเลื่อนคลิบเดินหน้าถอยหลังดูวิดีโอของตัวเองไปด้วยไม่วางตา

"วิดีโอมันขยายไม่ได้อ่ะแบม มันต้องพวกภาพนิ่ง" ผมเห็นเธอพยายามใช้นิ้วแหวกหน้าจออยู่สามสี่ครั้ง
"แล้วมีภาพนิ่งไหมพี่ภพ"
"ลืมน่ะสิ ตอนนั้นฟุ้งซ่านธาตุไฟแตก"
"ดีแล้วล่ะ" แบมพูดไม่มองหน้าผม
"เดี๋ยวถ่ายกับกล้องใหม่เล้ยยย" ผมโยนหินถามทาง
"ลามก.."

"อ้วนอ่ะพี่ภพ" แบมเอามือปิดหน้าจอโทรศัพท์แล้วหันมามองผม
"ก็เดือนนึงมานี่ไม่เห็นแบมเล่นโยะคะเลยนี่"
"พอมาอยู่บ้านนี้แล้วมันยุ่งๆอ่ะพี่ภพ อยู่ที่บ้านมีพี่โบพี่เบียร์ด้วยแหละ" แบมก้มหน้าดูวิดีโอสาธิตวิธีใส่บิกินี่เส่้นสปาเก็ตตี้สีเหลืองมะนาวสุดเซ็กซี่

"อย่าให้หลุดเลยนะพี่ภพ!! ป๊าแบมฟื้นขึ้นมาฆ่าแบมแน่" เธอคืนโทรศัพท์ให้ผม รถตู้แวะส่งเราตรงทางแยกเข้าบ้านส่วนตัวของเจ้าทุยผมเดินเขย่งผ่านพื้นดินแดงแฉะๆไปหน้ารถถามอาจารย์นาโอะว่าพักอยู่บ้านหลังไหนซึ่งอาจารย์ก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะเพิ่งมาถึงยังไม่ได้เข้าพัก

"พรุ่งนี้คุณอยากไปดูผมทำงานไหมล่ะถ้าสนใจเราเจอกัน" อาจารย์หันไปถามคนขับรถ
"สักเจ็ดโมงเช้าตรงนี้แหละ ผมขอเบอร์โทรคุณไว้ก็ได้"
"นี่เบอร์ผม" อาจารย์ยิงมาแลกเบอร์กัน

รถตู้ออกตัวผมจึงกึ่งเดินกึ่งเขย่งกลับมาบนพื้นหญ้าที่แบมยืนรออยู่ดูจากเวลาที่รถตู้นัดเรามาถึงตอนนี้น่าจะราวๆห้าโมงเย็นถึงฝนจะหยุดไปแล้วทิ้งเหลือไว้เพียงความเปียกชื้นแฉะแต่เมฆมืดทะมึนฟ้าแลบแปลบปลาบที่เห็นอยู่กลางทะเลก็ร้องคำรามบอกความพร้อมที่จะคืบคลานเข้ามาถล่มที่นี่ในเวลาอีกไม่ช้านักสังเกตุจากลมแรงๆเย็นๆปะทะผิวกาย

ผมเปิดประตูหน้าบ้านมองทะลุผ่านทางเดินแผ่นไม้ตรงกลางระหว่างห้องซ้ายขวาตรงยาวเลยชายคาออกไปข้ามผ่านหาดหินน้อยใหญ่เห็นแดดส่องลงตรงลงที่ลานพื้นไม้แสงกำลังสวยท่ามกลางบรรยากาศมืดมิดขมุกขมัวของทะเลพายุฝนจึงวางข้าวของที่ซื้อมาแล้วหยิบกล้องตัวใหม่เรียกแบมให้รีบเดินมายืนตรงแสงที่กำลังส่องทะลุเมฆลงมานี้และถอยไปหาจุดมุมองประกอบด้านหลังสวยๆแล้วก็กดชัตเตอร์แบบไม่ต้องยั้งกลัวฟิล์มหมด

"แสงสวยดี" ผมชวนให้แบมดูภาพจากมอนิเตอร์กล้อง
"นางแบบก็สวยนะพี่ภพ" แบมยิ้มคงพอใจกับภาพตัวเองแต่ก็ยังไม่วายลูบพุงตัวเอง

ผมชวนแบมเดินหามุมถ่ายรูปกันต่อจนสุดทางเดินไม้ที่โขดหินใหญ่มีบันได้ไม้เล็กๆสามารถปีนขึ้นไปยืนมองวิวทะเลเห็นภาพรวมของอ่าวเล็กๆรูปพระจันทร์เสี้ยวด้านล่าง ผมได้ภาพสวยๆของแบมประเดิมกล้องดิจิตัลตัวแรกในชีวิตนึกทึ่งในความฉลาดของมันซึ่งถึงแม้จะเป็นแค่กล้องคอมแพ็คเล็งกดถ่ายง่ายๆแต่ภาพที่ได้ก็มีชัดตื้นชัดลึกสีแสงที่ได้ก็กำลังพอดีชอบแบบไม่ต้องปรับให้วุ่นวายเหมือเมื่อก่อน คงอีกไม่นานถ้าหุ่นยนต์เล่นเปียโนได้ไพเราะเหมือนกล้องดิจิตัลนี้ทำได้โลกก็ไม่จำเป็นจะต้องมีผมหรือมีใครๆอีกแล้ว

ตั้งแต่เอริย้ายข้าวของออกจากห้องผมก็ไม่ได้ถ่ายรูปอีกอาจมีที่อยากเก็บภาพเอาไว้บ้างก็ใช้แค่กล้องติดโทรศัพท์ถ่าย

...……………………………………………….

เอริเป็นคนชวนผมไปลงเรียนวิชานอกคณะเพราะรู้ข่าวว่าอาจารย์นาโอะนักถ่ายภาพแฟชั่นชื่อดังมีผลงานมากมายจะมาเป็นอาจารย์พิเศษ วันแรกของการเรียนการสอนที่ผมยังจำภาพเหตุการณ์ในวันนั้นได้อย่างชัดเจน นักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนวิชาถ่ายภาพบุคคลหลายสิบคนนั่งเรียงรายคล้ายอยู่บนแสตนด์เชียร์กีฬาสีทรงโค้ง อาจารย์นาโอะยืนบนเวทีเล็กๆหน้าจอรับภาพจากเครื่องโปรเจ็คเตอร์กำลังเล่าถึงประสบการณ์สนุกๆในการทำงานของตัวเองได้สักเกือบชั่วโมงนักศึกษาหัวเราะกันครื้นเครง

"ภาพบุคคลสไตล์ที่ผมชอบมากที่สุดก็คือ นู้ด.." เสียงนักศึกษาชายหญิงหัวเราะคิกคักซุบซิบกันอื้ออึง
"ผมมักจะมีปัญหากับพวกสไตลิสหรือเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าดังๆอยู่บ่อยๆเกี่ยวกับงานของผมและผลิตภัณท์ของเขา"
"ผมคิดว่าารตีความให้ได้ว่าเราอยากสื่อความหมายให้เกิดอารมณ์กับผู้ดูอย่างไรนั้นสำคัญกว่า"
"ใช้อารมณ์เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของสินค้า"
"ก่อนจะลงมือกดชัตเตอร์คุณเคยคิดไหมว่าต้องการภาพออกมายังไง แสงมาจากทิศทางไหน มันจะน่าสนใจอย่างไร"

"เอาสักตัวอย่านึง.. คุณรู้ไหมสิ่งใดที่ทำให้ความอนาจารสามารถถูกเรียกว่าศิลปะได้" เชี่ยและ เสือกชี้เรียกผมตอบ
"เออ.. ความมีชื่อเสียงของช่างภาพครับ" สาบานด้วยระดับความรู้ภาษาญี่ปุ่นเหี้ยๆของผมในตอนนั้นว่าไม่ได้กะจะตอบเพื่อกวนตีนใดๆอาจารย์นาโอะเลย
"สีแสงและเงาค่ะ" เอริยกมือแล้วยืนช่วยผมตอบ
"ใช่ ใช่เลย สีแสงและเงา" อาจารย์นาโอะคงไม่รู้ตัวว่าได้เจอกับแฟนพันธ์ุแท้เข้าให้แล้ว
"ดิฉันจำมาจากบทสัมภาษณ์ของอาจารย์จากนิตยสารค่ะ" เสียงหัวเราะคิกคักของเหล่านักศึกษาดังขึ้นอีกครั้ง

"เราจะได้ลองถ่ายภาพนู้ดกันโดยที่ผมจะไม่บอกว่าวันไหนหรือเมื่อไหร่" เสียงปรบมือเสียงร้องเชียร์ดังสนั่นจากทั่วทุกทิศทางภายในห้อง
"เพราะฉะนั้นใครที่ไม่เข้าเรียนในวันนั้นจะต้องเสียใจมากๆตอนเพื่อนๆเล่าประสบการณ์ให้ฟัง" อาจารย์นาโอะยิ้ม
"มีใครอยากจะลองเป็นแบบให้ผมและเพื่อนๆได้ทดลองถ่ายบ้างไหม" อาจารย์นาโอะคงลองชวนเล่นๆ
"ดิฉันอยากลองเป็นแบบค่ะ" เอริที่ยังไม่ได้นั่งลงตั้งแต่เมื่อกี๊รีบเอ่ยปากรับหน้าที่หุ่นนิ่งตามที่อาจารย์นาโอะรับสมัคร

ผมโดยสารรถไฟใต้ดินกลับห้องพร้อมเอริแทบทุกวัน เอริเป็นสาวกรุงโซลมาจากเกาหลีใต้เป็นเพื่อนคนแรกที่ผมรู้จักตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเรียนปรับพื้นฐานเราสนิทกันเพราะต้องสอบให้ผ่านเพลงของชั้นปีที่หนึ่งโดยการบรรเลงเปียโนและเชลโลร่วมกันถึงห้าเพลง เอริบอกว่าเธอชอบที่จะเล่นกับผมและชอบเสียงในห้องอพาร์เม้นท์ของผมมาก ถึงผมจะหาทางลดระดับการเล็ดลอดของเสียงด้วยวิธีใดก็ตามแต่ก็ทำได้แค่ปะๆติดๆเพราะเป็นห้องเช่าแต่สิ่งที่ดีเยี่ยมของอพาร์ทเม้นนี้คือถึงจะยังมีเสียงเล็ดลอดออกไปได้แต่ก็ไม่เคยมีผู้เช่าพักคนอื่นไม่พอใจยิ่งตอนที่เอริมาซ้อมด้วยบางคนถึงกับขอเพลงก็มี

"แล้วห้องข้างๆนี้ยังไม่มีคนอยู่อีกเหรอป๊อปซัง" เอริเช็ดเชลโลไปด้วยถามผมตอนเกือบจะสี่ทุ่ม
"ยังเลย แต่ถ้าเมื่อไหร่มีคนมาอยู่เราคงต้องซ้อมเบามือลง"
"เห็นโอซังเจ้าของตึกบอกว่าจะถามเขาก่อนว่าชอบดนตรีหรือเปล่าก่อนจะให้เช่า" ผมเช็ดทำความสะอาดเปียโนหลังซ้อมกับเอริเพิ่งเสร็จ
"อยู่ย่านนี้ค่าเช่าไม่ใช่ถูกๆนะเนี่ยแถมอยู่คนเดียวอีกต่างหาก" ถ้าผมไม่ได้พ่อส่งเงินมาช่วยคงแย่เพราะทุนที่ได้รับเฉพาะค่าเรียนอย่างเดียว
"อยุ่คนเดียวที่ไหน เลิกเรียนก็อยู่กับเธอนี่ไง เกือบทุกวัน" ผมแซวเอริ

"เอาล่ะ งั้นชั้นจะมาช่วยเธอจ่ายค่าเช่าห้องตั้งแต่วันพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะ" ผมตกใจที่เอริขอแชร์ห้องแบบปัจจุบันทันด่วน
"น่าจะเป็นการดีเพราะเราจะยังต้องเล่นคู่กันไปถึงปีสาม"
"แต่เธอเป็นผู้หญิงนะ"
"ชั้นคิดว่าเธอมองชั้นแบบเพื่อนซะอีกนะป๊อปซัง" เอริหลิ่วตา
"เอ้า.. เรื่องของมึง" ผมสรุปเป็นภาษาไทยที่เอริจำความหมายได้แค่คำว่ามึงคำเดียว
"แล้วซีซีล่ะ เขาไม่มาต่อยผมเหรอแฟนเขาจะย้ายมาอยู่กับผมเนี่ย"
"ซีซีเพิ่งบอกให้ฉันย้ายของออกจากห้องเค้าพรุ่งนี้"
"ผมไม่ใช่เกย์นะบอกไว้ก่อน" ผมกระโดดขึ้นนอนคว่ำหน้าบนเตียงประกาศความเป็นเจ้าของ

เอริหรือเฮริเป็นสาวเกาหลีแบบสาวเกาหลีหุ่นนางแบบบล็อคในฝันของชายหลายๆคน เธอผ่านการปรับแต่งบางส่วนของใบหน้าให้เป็นพิมพ์นิยมด้วยเงินที่ครอบครัวมอบให้หวังจะดันให้เธอก้าวถึงความมีชื่อเสียงระดับโลกทั้งฝีมือเชลโลและรูปลักษณ์ความสวยความงาม เอริอายุมากกว่าผมเกือบสี่ปีเพราะเธอเรียนจบปริญญาตรีจากประเทศบ้านเกิดมาแล้วหนึ่งใบก่อนที่จะมาเดินตามความฝันด้วยการเริ่มเรียนดนตรีอย่างจริงจังเพื่อเสาะหาโอกาส ฝีมือเชลโลของเอรินั้นอยู่ในระดับดีเพราะเธอผ่านการฝึกฝนสะสมมาตั้งแต่เด็กๆคล้ายกันกับผม

"งั้นคืนนี้ชั้นขอค้างที่นี่เลยก็แล้วกันนะพรุ่งนี้ค่อยไปเอากระเป๋า" ปกติไม่ว่าจะซ้อมดึกแค่ไหนซีซีหนุ่มอเมริกันก็จะมาคอยรอรับกลับ
"แล้วทำไมเธอไม่กลับไปก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยขนของมาล่ะ" ผมถามเอริไปอย่างนั้นแหละ
"ขืนกลับไปคืนนี้ชั้นคงต้องโดนฟรีส่งท้ายอีกแน่ๆ ไปเอาของพรุ่งนี้ตอนซีซีไม่อยู่ห้องดีกว่า"

ผมนึกเห็นดีด้วยตามนั้นเดินไปเปิดตู้หยิบที่นอนสำรองสำหรับเวลามีเพื่อนมาค้างซึ่งก็รวมถึงเอริด้วยที่มักจะมาขอค้างอยู่กับผมในช่วงเวลาที่เธอเลิกกับหนุ่มๆไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยเดียวกันคนละมหาวิทยาลัยหรือแม้แต่นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ชาวญี่ปุ่นที่เจอกันตามสถานที่เที่ยว

"แล้ววันนี้ที่เธออาสาเป็นแบบให้อาจารย์นาโอะคืออะไร" ผมถามสิ่งที่คาใจมาตั้งแต่ในคลาสเรียน
"ก็ครั้งหนึ่งในชีวิตชั้นอยากจะเป็นนางแบบมีรูปที่ถ่ายโดยฝีมือของอาจารย์เก็บไว้ก็แค่นั้น"
"แต่อาจารย์เขารับสมัครแบบเปลือยนะ" เอริมองหน้าผมไม่พูดอะไร
"แล้วก็คนในห้องตั้งเกือบห้าสิบคนนะ"
"เธอเคยเปลือยต่อหน้าคนห้าสิบคนไหมล่ะป๊อปซัง" เอริตอบคำถามผมด้วยคำถามกลับ พวกผู้หญิงคงชอบแบบนี้
"เธอก็คงไม่มีวันรู้สึกได้ว่าอารมณ์ตอนนั้นมันเป็นอารมณ์ยังไงแบบไหน เอาไว้หลังจากชั้นเข้าใจด้วยตัวเองแล้วแล้วชั้นจะเล่าให้เธอฟังก็แล้วกันนะ" ผู้หญิงคนนี้แม่งโคตรฮาร์ดคอร์เลยผมคิดในใจแล้วเอริก็หันไปจัดที่นอนให้ตัวเองเพราะอากาศเริ่มส่งสัญญาณว่าคืนนี้คงจะหนาวมาก

"ชั้นอยากรู้จังว่าเธอนิยามความแตกต่างระหว่างผู้ชายผู้หญิงไว้แบบไหนยังไงจะคร่ำครึเหมือนผู้คนที่บ้านชั้นไหม" เอริชวนทะเลาะเรื่องนามธรรมกับผมเสมอเวลาเธออารมณ์ไม่ดี
"ชั้นชอบเธอเพราะคนไทยใจดีที่สุดเธอเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆนะป๊อปซัง" เปล่าหรอก.. ผมก็แค่ชื่นชมในฝีมือเชลโลของเธอนั่นแหละจนพยายามมองข้ามรสนิยมเปลี่ยนคู่นอนบ่อยเพราะมันก็เรื่องของเธอ
"คนที่มหาวิทยาลัยเค้าพูดกันเรื่องชั้นเธอเคยได้ยินบ้างไหม ..ถ้าเธอจะฟังพวกนั้นเอาไว้บ้างชั้นก็ว่าดีนะ" เอริหยิบผ้าเช็ดตัวของเธอที่ตั้งใจทิ้งเอาไว้ใช้เวลาที่เธอขอพักค้างคืนที่ห้องผมหลังจากซ้อมเสร็จถ้าไม่มีหนุ่มๆคนไหนมารับกลับส่วนผมก็บริการซักพับเก็บให้หอมฟุ้งเรียบร้อย

"ชั้นไม่ล้อคประตูห้องน้ำนะ เผื่อเธอจะอยากเห็นก่อนคนอื่นในชั้น"

…………………………………………………

"สงสัยพี่ภพรีบตามเข้าไปเลยสิ" แบมถามผม เรานั่งแกว่งขาข้างกันบนพื้นไม้สุดทางเดินดูเมฆพายุฝนดำทะมึนฟ้าแลบแปลบปลาบแทนพระอาทิตย์ตกดิน
"ไม่หรอก พี่ไม่ได้ตามเข้าไป"
"เป็นไปได้ไงหื่นซะขนาดนี้"
"ก็ตอนนั้นพี่คิดว่าที่เอริยังมีที่สุกท้ายให้ได้กลับเพราะเราไม่ได้มีอะไรกัน"
"โห!! แมนมากพี่ภพ" แบมประกบมือกันคล้ายท่าไหว้ที่อก

"แล้วสุดท้ายพี่ภพมีอะไรกับเอริไหม" แบมยังอยากรู้
"มี.."
"อ้าว.. แล้วเอริมาอยู่อีกนานป่ะกว่าจะมีอะไรกัน"
"อีกสองวัน"
"โห.. ทุเรศ พี่ภพเล่าซะอย่างเท่เลย เอาคำชมแบมคืนมาเลย"
"นั่นมันอย่างกับนางแบบเกาหลีเลยนะ" ผมพยามเข้าข้างตัวเอง
"นี่ไงหื่น.." แบมประณามผมอีกที

"เดี๋ยวนะ..หื่นตรงไหน" ผมสะดุดใจกับคำว่าหื่นจนไม่ยอมปล่อยผ่าน
"ก็หื่นทุกตรงเลยอ่ะตั้งแต่ออกจากบ้านมาแล้วเนี่ย" จริงๆผมเริ่มหื่นจนทำอะไรหลายอย่างที่ก่อนหน้านี้แค่ฝันอยากเล่นๆแต่ไม่เคยทำมาตั้งแต่แต่งงานกับแบมนี่ล่ะ
"กับแฟนเก่าก็หื่นพี่ภพเพิ่งเล่าอยู่เนี่ย" ยาวล่ะทีนี้..
"ก็ไม่ใช่แฟน เป็นเพื่อนกัน"
"เป็นเพื่อนกันแล้วมีอะไรกันเหรอ ไม่ได้รักด้วยเหรอ" แบมเริ่มเสียงเปลี่ยนเข้ากันกับบรรยากาศเมฆมืดทะมึน
"เป็นเพื่อนกัน ไม่ได้รัก มีอะไรกันก็เพราะ.."
"สวย.."
"ใช่"
"อย่างกับแบมแบบเนี้ยเหรอ" ผมรู้ตัวแล้วว่าเพิ่งเอามีดสั้นประจำกายฮาราคีรีตัวเอง

ถึงตอนนี้ผมรู้แล้วว่าจูงมือเร่งแบมให้เดินออกนอกลู่นอกทางที่เธอเคยเดินมาตลอดชีวิตเร็วไปหน่อยจนเธออาจเริ่มเจ็บข้อมือเหนื่อยเกินไปหรือไม่ค่อยคุ้นหวาดกลัวในเส้นทางที่เธอไม่เคยรู้จัก สังเกตุว่าตอนที่เราอยู่ในรถตู้แถวหลังสุดขากลับพอมือผมเริ่มจะเลยเถิดเปิดเปิงลงล่างแบมก็จะห้ามไว้ลองดูใหม่อีกสองสามครั้งก็ต้องต้องหยุดเพราะแบมเหมือนจะงอนนิดๆให้ผมรู้ตัวว่าเริ่มจะขอจากเธอมากเกินจนล้ำเลยเส้นขอบเขตของความเสียวสนุก

"ไม่ถ่ายแล้วใช่ป่ะพี่ภพ ฝนจะลงแล้ว" ฟ้าแลบฟ้าร้องที่เห็นจากระยะไกลกลางทะเลตอนนี้เกือบจะอยู่กลางหัวเราสองคนแล้ว
"ขออีกรูป" ผมเลือกโหมดเป็นถ่ายบุคคลตอนกลางคืนและดันไอเอสโอสุดไว้แล้ว หวังว่าจะได้ภาพแบมสวยๆแบ็คกราวด์แปลกๆอีกสักรูป
"เอาตรงไหนอ่ะพี่ภพ" ลมแรงจนผมแบมปลิวต้องเอามือจับไว้ตลอด
"แบมถอดเสื้อได้ไหม ใส่แต่ชิ้นบนกับกางเกงขาสั้นนี่แหละ" ผมตัดสินใจวัดดวงพูดสิ่งที่จดๆจ้องกล้าๆกลัวๆอยู่นานเพราะแสงตอนนี้สวยจริงๆและคงจะผ่านไปอาจจะตลอดกาล
"นี่ไง หื่น!!" ผมรอลุ้นและยอมรับทุกคำด่า
"ข้างในมันไม่ใช่บิกินี่นะพี่ภพ มันเป็นบรา" ตอนนี้เราต้องเร่งระดับเสียงคุยกันแข่งกับเสียงลม
"ดีเลย.." ผมจีบนิ้วมือท่าโอเคสนับสนุนแบบตาใสๆรีบถอยไปตั้งท่าเตรียมถ่ายกดดันแบม

ได้ผล.. แบมหันซ้ายหันขวาเห็นว่าที่หาดหินด้านล่างไม่มีใครเลยเพราะคงจะเข้าไปหลบฝนในบ้านกันหมดแล้วเธอถอดเสื้อคอกลมแขนกุดลายขวางที่ใส่มาตั้งแต่ออกมาส่งพี่เบียร์ออกเห็นยกทรงตัวจิ๋วสีขาวลายลูกไม้เรียบๆโอบอุ้มเนื้อนมเนียนสวยสองเต้าไว้ ตอนแรกผมบอกแบมว่าจะถ่ายแค่รูปเดียวแต่กดรัวไปเป็นสิบขอให้มีได้ดีๆแค่สักรูปก็พอ แบมยืนตรงสองขาคู่ทิ้งแขนทั้งสองลงข้างลำตัวผมยาวปลิวไปตามทิศทางแรงลมเหมือนกำลังยืนง่วงรอรถเมล์ตอนเช้า

"แบมถอดกางเกงได้ไหม"
"ถอดไม่ได้พี่ภพ" ผมวัดดวงแบบได้คืบจะเอาศอกเลยได้ศอกสมดังหวัง

สิ้นเสียงแบมสายฝนก็กระหน่ำลงมาทันทีเป็นเม็ดแรงๆหนาๆจนรู้สึกเจ็บนิดๆเหมือนกันเพราะโดนแบบต่อเนื่องชุดใหญ่ ผมเก็บกล้องไว้ในเสื้อจูงมือแบมวิ่งเท้าเปล่าโป๊ท่อนบนวิ่งกลับมาตามทางเดินหลายสิบเมตรกว่าจะเข้าชายคาบ้านได้ก็เปียกปอนกันพอสมควรแต่ก็ยังดีที่กล้องดูจะไม่เปียกอะไรเท่าไหร่เพราะฝนตกเฉียงไล่หลังเรามา

ข้าวของที่ผมกับแบมวางไว้ที่พื้นก่อนเดินไปถ่้ายรูปเล่นกันถูกเก็บขึ้นมาวางบนชุดเก้าอี้รับแขกไม้เรียบร้อย ผมกับแบมยืนเปียกมะล่อกมะแล่กกันสักพักเมียของเจ้าทุยก็เอาผ้าขนหนูมาให้เราคนละผืนแบมรีบใส่เสื้อ

"ขอบคุณมากครับ ผมยังไม่ทราบชื่อเลย" ผมรูสึกเกรงใจเมียเจ้าทุยมากที่ต้องมาเก็บข้าวของให้พ้นฝน
"ชื่อลาวัลย์ค่ะ"
"ขอบคุณมากค่ะพี่หนูเกรงใจมากเลย" เสื้อแบมมีรอยยับไปทั้งตัว

ผมสังเกตุเห็นว่าตั้งแต่ใต้คางหูจนลงมาถึงคอของเมียเจ้าทุยเหมือนรอยโดนไฟไหม้เห็นเป็นพังผืดแบมก็คงเห็นแล้วเหมือนกันแต่ดูเธอก็ยังเฉยๆไม่มีปฏิกริยาหรือรู้สึกแปลกแตกต่างอะไรจึงถือโอกาสขนย้ายข้าวของที่ซื้อมาหลายถุงเพราะไม่ได้เตรียมอะไรติดตัวกันมาเลย

"น้องจำพี่ไม่ได้จริงๆเหรอ" เมียเจ้าทุยถามแบมตอนอยู่กันเพียงลำพัง
"เอ่อ.. คิดว่าจำไม่ได้ค่ะ ขนาดบางคนเจอกันทุกวันหนูยังจำไม่ค่อยจะได้เลย" แบมตอบแก้เก้อ เธอกำลังใช้สมองอย่างหนักเพื่อค้นรื้อลิ้นชักค้นหาว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร
"ก็เรานี่แหละเจอกันทุกวัน แต่หลายปีแล้วนะ" พี่ลาวัลย์ยิ้ม
"ลงลิฟท์ด้วยกันทุกวัน" แบมยิ้ม.. ลิฟท์ที่ไหนวะ!!

"แต่จำไม่ได้ก็ไม่แปลกหรอกตอนนี้พี่หน้าเหมือนผีขนาดนี้"
"พี่แอน!!" แบมนึกอยากจะเอามือขึ้นมาบังหน้าให้เหลือด้านที่ยังดีไว้เพื่อนึกแต่ก็ยังดีที่ไม่ต้องทำขนาดนั้น

พี่แอนสถาปนิกสาวอยู่ห้องตรงข้ามอพาร์ทเม้นท์ที่แบมเช่่าอยู่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยแถวท่าพระจันทร์ แบมเจอกับพี่แอนแทบจะทุกวันเพราะออกจากห้องในเวลาเดียวกัน จากรู้จักแต่หน้าก็เริ่มทักทายเมื่อเจอกันในเวลาและสถานที่อื่นๆ แบมจำได้ว่าพี่แอนสวยรูปร่างดีและแต่งตัวดูดีเหมือนพวกครีเอทีฟหรืออะไรแบบนั้น บางทีก็เจอกันที่สระว่ายน้ำหรือฟิตเนสต์บ้างแบมยังเคยแอบมองรูปร่างแบบนมเป็นนมตูดเป็นตูดของพี่แอนเลย แล้วก็เหมือนจะไม่ได้เจอกันอีกป้าแม่บ้านเล่าให้ฟังว่าพี่แอนโดนสาดน้ำกรดเพราะเรื่องผู้ชายที่มาติดพันหลายคนจนย้ายหายหน้าไป

"ไม่ได้เจอพี่แอนนานหลายปีเลยค่ะ"
"ใช่.. พี่ย้ายกลับมาอยู่บ้านไม่ได้บอกลา ..แต่ก็ดีนะเพราะได้มาเจอกันอีก"
"แบมก็เพิ่งมาอยู่กรุงเทพอีกทีไม่รู้จะยังไงเหมือนกันค่ะ"

ใจผมตอนนี้อยากจะรีบชวนแบมเข้าห้องเพราะสะสมความวอนท์มาทั้งวัน(หมูไม่กลัวน้ำร้อนลวก) คิดถึงช่วงวันแรกๆหลังแต่งงานที่ต้องมาคุมช่างบูรณะบ้านที่กรุงเทะด้วยกันบางวันผมมีอะไรกับแบมถึงสามรอบแต่ทุกครั้งเราก็จะไปมีอะไรในห้องบนเตียงของเรานอนตัวตรงๆมีเสียงแบมครางบ้างเล็กน้อยนานๆที ทุกครั้งเหมือนแบมเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่ผมจะเสร็จผมนึกอยากสอดใส่เมื่อไหร่ก็ใส่ถุงยางแบมอ้าขาออกแล้วก็ซอยกระยึกกระยักนกกระจอกไม่ทันกินน้ำจบข่าวแทบทุกครั้งยังดีที่ไม่ถึงกับล่มปากอ่าว

ในเมื่อผมได้ครอบครองนางฟ้าแล้วมันควรจะต้องมีอะไรที่มันดีกว่านี้สิ พิจารณาจากตัวเองผมก็เคยมีแฟนมาแล้วหลายคนหลายชาติภาษาอาการหลั่งเร็วนี้ติดตราตัวเป็นปมด้อยมาตลอดของผมมาตลอดไม่ว่าจะฝึกซ้อมตามข้อมูลในเน็ตแต่มันก็ไม่ได้ดีขึ้น จนวันที่ผมปล่อยให้น้องเจ้านายแทะกัดกินร่างของแบมจนผมเข้ามารับไม้ต่อเป็นครั้งแรกที่แบมเสร็จก่อนที่ผมจะทำน้ำหกใส่ลูกค้าแบบนั้นสิที่ผมฝัน.. อะไรที่เป็นตัวแปร

"เดี๋ยวทานข้าวด้วยกันนะครับผมซื้อมาเผื่อคุณลาวัลย์ด้วย" ผมเดินเข้ามาสมทบ
"อ๋อ.. แอนวิทยุไปบอกให้พนักงานเค้าตั้งโต้ะทุ่มนึงแล้วค่ะ"
"ฝนตกขนาดนี้อย่าลำบากเลยครับเราตั้งวงทานอะไรง่ายๆด้วยกัน ผมมีไวน์มาขวดนึงด้วย"
"ถ้างั้นคุณแบมกับคุณภพอาบน้ำอาบท่าแล้วเรามาเจอกันหนึ่งทุ่มครึ่งดีไหมคะ เดี๋ยวแอนจัดโต้ะไว้ให้"

ผมเข้ามาในห้องกับแบมดูเวลาแล้วยังพอเหลือให้นอนเล่นกันก่อนได้นิดหน่อย ภายในห้องเป็นพื้นและผนังไม้เหมือนบ้านเก่าในต่างจังหวัดเพราะเจ้าทุยมันรื้อไม้จากบ้านเก่าของพ่อตามาประกอบสร้างใหม่ เราเสียบชาร์ตโทรศัพท์กับที่ชาร์ตที่เพิ่งซื้อมาใหม่ลองเอาไดร์เป่าผมที่ขอยืมเมียเจ้าทุยมาเป่ากล้องถ่ายรูปให้แห้งสนิทแล้วจึงเปิดกล้องดูก็โล่งใจว่าปกติดีลองคอนเน็คกับไอแพดของแบมเพื่อดูภาพ

"สวยดีอ่ะกล้องเนี้ย" แบมชอบรูปที่ถ่ายวันนี้มาก(หายโกรธแล้วมั้ง)
"โหย.. โป๊อ่ะพี่ภพ" สิบรูปสุดท้ายเป็นรูปที่ผมขอให้แบมถอดเสื้อ

แบมใช้สองนิ้วแหวกดูรูปเซ็กซี่เล็กๆของตัวเองขยายเข้าออกเลื่อนดูตรงโน้นตรงนี้ไปเรื่อยคงจะไม่เคยถายรูปวาบหวิวแบบนี้มาก่อน

"ระวังหลุดนะพี่ภพ"
"พี่ว่าคอนเน็กดูภาพอย่างเดียวไม่เซฟลงไปไม่ผ่านไวไฟสาธารณะน่าจะโอเคนะ"


"เอ่อ.. แล้วแบมรู้จักเมียเพื่อนพี่ด้วยเหรอ" แบมเงยหน้าขึ้นมาจากไอแพดกำลังแต่งรูปที่ไม่โป๊ของตัวเองให้ฟรุ้งฟริ้ง
"ใช่..พี่ภพ พี่เค้าอยู่ห้องตรงข้ามกันกับแบมตอนแบมยังเรียนมหาลัย"
"แต่ก่อนเค้าสวยเลยนะพี่ภพ แล้วอยู่ดีๆพี่เค้าก็หายไปเลยแม่บ้านที่หอเค้าบอกว่าโดนน้ำกรดสาด"
"อืม..เรื่องของเขา"
"บางเรื่องเราก็เป็นเพื่อนรับฟังให้เขาได้แค่นั้น มันคนละกรรมกัน" เหมือนแบมจะสลดนิดๆ

"มาเรื่องของเราดีกว่า พี่ถอดให้" ผมเห็นแบมกำลังหยิบผาเช็ดตัวผืนใหม่ที่เมียเจ้าทุยเตรียมไว้
"ไปเปลี่ยนในห้องน้ำดีกว่าพี่ภพ" หน้าต่างสองบานยังเปิดอยู่โล่งโจ้งมีไอละอองฝนเย็นๆลอยเข้ามา

ผมเดินไปปิดหน้าต่าง ถึงแม้จะมีชายคาฝนไม่สาดแต่คิดว่าเปิดเครื่องปรับอากาศน่าจะดีกว่าปล่อยให้ละอองฝนชื้นๆปลิวเข้ามาแบบนี้แล้วกลับมานั่งบนเตียงทำท่าจะถอดให้เหมือนเดิมแบมเดินเข้ามายืนตรงหน้าเพราะปิดหน้าต่างแล้วก็ไม่มีข้ออ้างแล้ว เริ่มจากเสื้อยืดยับๆของเธอก่อนซึ่งแบมก็ชูสองแขนขึ้นอย่างเป็นใจผมเลยแกล้งดึงเสื้อยืดของเธอขึ้นคลุมหัวแบมไว้สองแขนกอดล็อคตัวเธอจัดการกับตะขอเสื้อชั้นในแล้วซุกหน้าลงจัดการกับสองเต้าขาวเนียนแบบไม่ให้แบมได้ทันตั้งตัวแบมดิ้นหนีได้สักพักผมจึงถอดเสื้อให้เธอจริงๆ

แบมรวบเส้นผมสีดำยาวสลวยของเธอไปด้านหลังให้ผมมองท่อนบนเปลือยเปล่าผิวขาวเนียน หน้าอกขาวของแบมไม่ได้ใหญ่แต่ก็ไม่ใช่เล็กอะไรนักยังมีเนินเนื้อให้ได้บีบเล่นเพลินๆออกไปในทางเหมือนของพวกเด็กมัธยมมากกว่า ผมทั้งดูดทั้งดุนหัวนมแบนบุ๋มจมแข็งสีแดงระเรื่อขยายเท่าปลายนิ้วก้อยจนแบมต้องห่อตัวถอยหนีคล้ายจะเลยจุดของความเสียวไปเพราะโดนสัมผัสรุกเร้ามาตั้งแต่ในห้องลองเสื้อไหนจะบนรถตู้อีก

"ใส่เลยพี่ภพ" แบมบอกผมเหมือนกับที่เคยบอกทุกครั้งแล้วก็ล้มตัวลงไปนอนหงายฆ่าผมด้วยท่าไม้ตาย ผมเองก็จิตหงุดเงี้ยวเขื่อนจะแตกอยู่แล้วขืนใส่ตามคำขอแบบทุกคืนก็เกมส์จบตั้งแต่ยังไม่สองนาทีแรกแน่นนอน แบมหัวเราะนิดหน่อยตอนที่ผมค่อยๆบรรจงถอดกางเกงผ้าสีขาวที่ยังเปียกชื้นจากวิ่งตากฝนกันมา พอรูดซิปกางเกงลงแบมก็เซอไพรส์ผมเพราะไม่ได้ใส่กางเกงชั้นใน

"อ้าว.. แบมไม่ได้ใส่กางเกงในเหรอ" แบมไม่ตอบได้แต่เอาสองมือปิดหน้าหัวเราะคิกคัก
"ตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ" ผมถามเสียงสั่น
"ก็ตั้งแต่ที่ร้านในเมืองแล้วพี่ภพ" แบมสารภาพว่าโนแพนท์มาตั้งแต่เมื่อตอนกลางวัน
"พี่ก็นึกว่ามีแต่ไอ้เด็กหัวหยิกกับแฟนมันที่ไม่ใส่ แบมก็ไม่ใส่เหมือนกันเหรอ" ผมวางกางเกงขาสั้นของแบมลงข้างตัวเธอ
"ไม่ใช่แล้วพี่ภพที่แบมไม่ใส่ก็เพราะตอนอยู่ในห้องลองอ่ะแบมกะว่าจะเปลี่ยนใส่ตัวใหม่ที่เพิ่งซื้อมาแต่พี่ภพถือถุงแบมออกไปหมดเลยอ่ะ"
"ทีนี้จะเอาตัวเดิมมาใส่อีกก็นะ..ใส่มาทั้งวันทั้งคืนแล้วอ่ะ" แบมอธิบายว่าเธอไม่ได้ฟีลอิสระเสรีชนแบบฝรั่งคู่วัยรุ่นนั้น
"แล้วแบมรู้สึกเป็นไงบ้างอ่ะ" ผมจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองแล้วขึ้นคร่อมสี่ขาอยู่บนตัวนางฟ้าแบม

"ก็ไม่รู้สึกยังไงหรอกพี่ภพแต่ตอนยืนรอรถตู้มันโดนฝนสาดไงแล้วกางเกงมันสีขาวอ่ะ เครียดเลยทีนี้"
"มิน่า.."
"มิน่าอะไรพี่ภพ!!"
"ก็พี่เห็นพวกนางแบบมันมองก้นแบมแล้วซุบซิบกัน" ผมมั่วแกล้งอำแบมเล่น
"มันชี้ด้วย"
"จริงเหรอพี่ภพ!!" 55

ผมมุดลงล่างลิ้มรสคราบความหอมหวานที่คงจะเปียกแฉะมาตลอดทั้งวันแทนคำตอบ ปกติแบมจะห้ามไม่ค่อยอยากให้เลื้อยลงมาชิมรสน้ำหวานจากกลีบเกษรบวมเป่งสีชมพูระเรื่อของเธอในระยะประชิดหน้าแบบนี้เพราะแบมกลัวผมจะเห็นริดสีดวงที่เป็นปัญหาเรื่อรังติดตัวของผู้หญิงหนึ่งในสาม แต่ตอนนี้นอกจากแบมจะไม่ห้ามทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำคล้ายฉลองศรัทธาทั้งรูปรสกลิ่นสีและเสียงให้ผมเธอยังแอ่นเอวขึ้นรับจังหวะเกร็งตวัดลิ้นแต่คงไม่โดนใจแบมคงส่งกระแสจิตให้ผมรู้ว่าวินาทีนี้แค่เกร็งหน้าเกร็งคอเอาไว้นิ่งๆปล่อยให้เธอเคลื่อนไหวส่ายสะโพกซ้ายขวาเอาเองว่าอยากให้ส่วนใดของร่องธารน้ำได้สัมผัสกับวิชาลิ้นหลักศิลาของที่ผมศึกษาฝึกฝนมาจากอินเทอร์เนต

ปกติตอนอยู่ที่บ้านกว่าจะเห็นหน้าอกหน้าใจเห็นน้องสาวสวยไร้ขนของแบมได้ก็ต้องปิดไฟมืดเหลือแต่แสงจากโทรทัศน์ให้เพ่งเอาเองแต่ตอนนี้แสงไฟจากหลอดฟลูออเรสเซนต์คู่สองแผงไฟทำให้ในห้องสว่างอย่างกับโต้ะสนุ้ก ผมมองเนินสงวนขาวเนียนโล่งแจ้งเพิ่งสังเกตุเห็นว่าเต่านินจาน้อยๆตอนขยายตัวก็พอจะมีขนบางๆปกคลุมกับเขาบ้างอยู่บ้างเหมือนกันส่วนสองกลีบเนื้ออูมแน่นบดเบียดรอยแยกที่ยังปิดสนิทเพราะที่ผ่านมาผมใช้งาน"น้องอุย"(ผมตั้งชื่อให้..เก๋ดี)แบบซื้อรถพันสองร้อยซีๆคันละล้านกว่ามาวิ่งวินรับจ้างส่งคนในซอย

"พี่ภพปิดไฟก่อน อืมม ซี้ด...อาา ซี้ด " สองนี้แหวกรอยแยกแบมส่ายสะโพกจังหวะสอดคล้องรับกับสัมผัสจากปลายลิ้นที่ตวัดดุนติ่งเนื้อชุ่มฉ่ำด้วยความเร็วระดับเทอร์โบ
"อื้ย.. โอ้ย..โอย ซี้ด.... ตรงนั้นเลยพี่ภพ" แบมสั่งเสียงดังแข่งกับเสียงฝนกระทบหลังคาอยากให้ผมเน้นหน่อย
"ซี๊ด อื้มมมม โอย.. แบมจะเสร็จ พี่ภพใส่เถอะแบมอยากเสร็จกับไอ้นั่น"
"พี่ภพใส่เลย โอย.. ซี็ด ซี้ดดด.. แบมเสียว"

ผมขึ้นไปนอนคร่อมบนตัวแบมเธอจับท่อนเนื้อแข็งพร้อมระเบิดได้ทุกวินาทีจ่อให้ถึงปากถ้ำผมจึงทำหน้าที่ของมนุษย์ชาติดันเข้าไปในตัวของนางฟ้าแบมแล้วซอยถี่ๆตามสัญชาติญาณการแพร่เผ่าพันธุ์

"อู้ยยย อึ้มมม..อือ อื้อ…พี่ภพ อะ อะ อาาาา.. ซี้ดดด.." แบมหยีตาเผยอริมฝีปากอวบอิ่มเหมือนกินของเปรี้ยวสุดๆผมมองเนื้อนมคู่กระเด้งกระดอนไปตามจังหวะความเร็วระดับอัลเลโกร (Allegro)
"โอ้ยยย..พี่ภพ อื้ย.. แบมใกล้แล้ว อีกนิดนะ โอ้ยยย.. ขอแรงๆนะพี่ภพ นะ!! แรงๆ กระแทกเลยพี่ภพ!! แรง!! "

ผมรั้งเอวคอดของแบมไว้ให้มั่นแล้วใส่หมดทุกก๊อกท่องสูตรคูรแม่สิบเจ็ดไปด้วยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองลดระดับความเตลิดเปิดเปิงไปตามสถานการณ์ให้ได้ นางฟ้าแบมให้รางวัลคนขยันด้วยเสียงร้องครวญครางรับคลอเป็นลูกคู่ล้อกันไปแบบไม่ยอมให้หลุดสักประโยค

"โอ้ยย.. อึมมม อึ้มม..อึ้ยย พี่ภพ!!" แบมเรียกชื่อผมเสียงสูงกัดริมฝีปากบนเกร็งตัวเหมือนกำลังแข่งยกน้ำหนักกีฬาโอลิมปิกหลับตาปี๋หน้าตาเหยเกแอ่นสะโพกกระตุกตอดบีบกอดรัดทูตสัมพันธไมตรีตัวน้อยของผมแบบแนบแน่นจนรู้สึกได้ว่าไม่เคยรู้สึกอยากแช่อุ่นๆคานิ่งๆเอาไว้ในตัวของแบมอย่างนี้มาก่อน เมื่อปฏิบัติหน้าที่ส่งแบมให้เสร็จสมอารมณ์หมายแล้วผมจึงอิสระกามิกาเซ่แบบลืมตายได้สักสิบสโตรก(นิวเมติก)ก็พร้อมจะฉีดเชื้อลูกๆเข้าไปอยู่ในบ้านใหม่อันอบอุ่นในตัวแบม

"พี่ภพ ทิชชู่ๆ!!" แบมเหมือนจะนึกอะไรได้

ผมกับแบมตัวติดกันหลักฐานยังคาที่จอดคลานคู่กระดึบๆค่อยๆขยับเคลื่อนตัวเข้าไปให้ใกล้ม้วนกระดาษทิชชู่จนสามารถเอื้อมมือถึงได้แล้วยังต้องแกะห่อพลาสติกอีก  เราหัวเราะกันเพราะผมยังชักปืนออกมาเก็บไม่ได้จนกว่าแบมจะได้ทิชชู่ไปอุดรูกันไม่ให้น้ำขาวข้นไหลย้อนออกมาตามสเต็ปธรรมเนียมวัตรปฏิบัติดังเช่นทุกครั้งของการประกอบกามกิจก่อนหน้านี้มา(สงสัยจังใครสอน)

"พี่ภพไปอาบน้ำก่อนได้เลยแบมต้องนอนนิ่งๆสิบห้านาที" แบมหันมาบอกผมแล้วหันไปคว้าไอแพดมาเล่นทั้งที่ยังเปลือยเปล่าขาววิ้งท้าแสงนีออนสว่างอย่างกับเซเว่นต้นขาก็หนีบก้อนทิชชู่คาไว้ ผมเลยเดินไปอาบน้ำก่อนเงียบๆ(ตอนแรกอ่านในเน็ตมาเขาว่าเสร็จแล้วให้นอนกอดกัน)

ผมอาบน้ำไปก็มองดูนับถือสไตล์การแต่งห้องน้ำของเจ้าทุยไปจดจำไว้กะว่าจะไปทำที่บ้านบ้างเพราะสีสันการแบ่งพื้นที่ด้วยลวดลายและโทนสีของกระเบื้องมันให้ความรู้สึกลงตัวผ่อนคลายแถมยังมีกระจกบานใหญ่ที่มีม่านบังตาแต่ก็พร้อมจะเปิดออกถ้าอยากจะอาบน้ำไปชมวิวทะเลไป

ออกจากห้องน้ำก็รีบไล่แบมเข้าไปอาบต่อเพราะนึกอยากจะลองดูกล้องวงจรปิดที่บ้านว่าตอนนี้เจ้านุ้ยมันทำอะไรอยู่หรือไม่ขโมยก็ยกเปียโนผมไปแล้ว ลองดูกล้องตามจุดต่างๆภายนอกบ้านก็ปกติดีแต่ว่าอยู่ในบรรยากาศมืดไม่ได้เปิดไฟลองดูกล้องภายในตัวบ้านก็มืดคล้ายไม่มีคนอยู่หรือมันอาจออกไปหาอะไรกินแถวๆนั้น ลองเปิดกล้องที่แอบไว้ในห้องนอนรับแขกเปิดไฟสว่างไว้แต่ไม่มีใครมีแต่กระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กสีสดวางอยู่

ลองดูกล้องที่แอบแล้วลืมไว้ในห้องน้ำก็บิงโกพอดีมีภาพสาวน้อยผอมบางกำลังยืนอาบน้ำพอดีมุมกับที่หันกล้องไว้ ผมดูเธออาบน้ำไปหยิบดูหยิบใช้พวกของของแบมในห้องน้ำแต่ก็ไม่ได้รู้สึกถือโทษโกรธอะไรหายกันไปแล้วกันนะนี่ถ้าไม่ใช่เพิ่งกระหน่ำกับแบมไปผมคงชักว่าวไปด้วยแน่นอนเพราะเธอที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนคนนี้ก็น่ารักรูปร่างดีนมใหญ่

แบมอาบน้ำเสร็จเร็วกว่าที่ผมคิดเปิดประตูออกมาผมปิดโทรศัพท์แทบไม่ทัน

"ทำไมต้องตกใจด้วยอ่ะพี่ภพ" แบมพันผ้าเช็ดตัวสีขาวออกมาเลือกชุดชั้นในจากถุงของห้างสรรพสินค้า
"แอบดูหนังโป๊ชัวร์" แบมดักคอผม
"รู้ได้ไงแบมยังไม่เห็นโทรศัพท์พี่เลย"
"ก็พี่ภพมีพิรุธ" แบมหรี่ตาข้างนึงเหมือนพวกนักสอบสวนจนผมอยากจะดึงผ้าขนหนูให้หายซ่า
"แบมเคยเห็นนะดึกๆอะ ตื่นมาห็นพี่ภพนั่งหน้าคอมดูหนังโป๊" ผมไม่รู้จะแก้ตัวท่าไหน
"แบมก็ไม่ได้ว่านะพี่ภพอยากจะดูก็ดูได้" แบมถือชุดชั้นในเดินเข้าห้องน้ำไป แบมทำให้ผมชักเริ่มงงกับสถานการณ์อีกครั้ง

"แล้วพี่ภพมีอะไรกับแบมแล้วยังดูหนังโป๊ไหวอีกเหรอ" แบมพันผ้าเช็ดตัวออกจากห้องน้ำเห็นสายยกทรงสีดำ
"ไม่ได้ดูทุกวัน บางทีเพื่อนมันส่งมาให้ก็ดู" ผมเด้งเชือกฉากหนีไปเรื่อยๆก่อน
"แบมไม่น่ารักเหมือนพวกสาวญี่ปุ่นแบมก็รู้เนอะ"
"เพราะพี่ภพไม่ได้รักแบมด้วยแหละ" เอาล่ะ.. ไปกันใหญ่แน่นอน ผมข่มอารมณ์ตามสันดานชายเดี่ยวขี้รำคาญเอาไว้ไม่ตอบโต้

"แล้วให้แบมใส่ชุดไหนอ่ะ" เธอถามถึงเซอไพรส์ของผมที่บอกเมื่อกลางวันที่แผนกชุดลำลองสตรีคงไม่อยากต่อความยาวเรื่องรักไม่รักกันอีก
"ชุดนอนเอาถุงนี้" แบมรับไปเอาออกมาดูเป็นชุดนอนแบบเสื้อยืดลายแมวคิตตี้กับกางเกงผ้ายืด(สั้นที่สุดในร้านของกางเกงผ้ายืด)
"โล่งใจ แต่กางเกงแอบสั้น..ทีแรกแบมนึกว่าจะแรงกว่านี้นะเซอไพรส์ของเสี่ยภพเนี่ย" แบมหัวเราะเปลี่ยนให้ดูต่อหน้าผมด้วยทักษะเทพไม่ต้องปลดผ้าเช็ดตัว
"แต่ตอนนอนต้องถอดชุดชั้นในด้วยนะ" ผมกลิ้งไปบนเตียงเล่นยืดเส้นเพราะปวดหลังนิดหน่อย


"โต้ะอาหารตั้งเสร็จแล้วนะคะคุณภพน้องแบม" เมียเจ้าทุยมาร้องเรียกอยู่ที่ทางเดินหน้าห้อง

Chinese Family 1/3



ฉุกละหุกทัวร์

พอเริ่มเข้าถนนแยกออกจากเส้นมอเตอร์เวย์ไปทางจังหวัดตราดผิวจราจรไม่ดีเลยเป็นหลุมเล็กใหญ่ผมจึงลดความเร็วลงสักหน่อยประกอบกับไฟส่องสว่างก็มีเฉพาะตามแยกกลับรถซึ่งถ้ามาด้วยความเร็วขนาดนี้คงยากที่จะหยุดรถได้ทันเส้นทางเริ่มเป็นเนินเขาขึ้นลงสลับกับโค้งที่เริ่มมาให้ผ่อนคันเร่งเป็นระยะ

"นี่ขนาดเส้นไปสถานที่ท่องเที่ยวนะเนี่ย ไหวไหมพี่ภพนี่ตีสามกว่าแล้วนะ" แบมกระเด้งกระดอนไปตามผิวจราจรกว่าเราจะลาพี่แบมก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว
"พี่ว่าเดี๋ยวเราแวะพักที่ระยองก่อนดีกว่า" ผมเริ่มรู้สึกง่วงนิดๆเหมือนกัน
"แต่ก็อยากไปเห็นตอนเช้าเหมือนกันนะ จากจันท์ก็อีกร้อยกว่าโล" ผมมองดูนาฬิกาประเมินสภาพตัวเองแล้วคิดว่ายังไหว
"ถึงท่าเรือก็น่าจะเช้าพอดี แบมหลับก่อนได้เลยนะ"
"ถนนไม่ค่อยพังแล้วนี่พี่ภพ"

ผมแวะปั๊มน้ำมันใหญ่ไฟสว่างก่อนถึงจังวัดจันทบุรีหลังจากคลำทางมืดๆมานานนับชั่วโมงล้าหน้าล้างตาหาอะไรดื่มอะไรนิดหน่อย

"แบมไม่หิวเหรอ" ผมส่งขวดน้ำเปล่าให้แบมที่กำลังกึ่งหลับกึ่งตื่น
"ฮึ.. แบมลืมตาไม่ขึ้น" ผมยิ้มแล้วก็สตาร์ทเครื่องเตรียมถอยหลังตั้งลำไปต่อ
"พี่ภพ"
"หือ.." ผมหยุดรถไว้ก่อน
"พี่ภพซื้อไอ้นั่นไปเลยไหมล่ะ"
"อะไรเหรอไอ้นั่นน่ะ"
"ที่พี่ภพใช้อ่ะ ถุง.." แบมหรี่ตามองผม
"อ๋อ.. ทำไมล่ะ" ผมหัวเราะ
"ก็เผื่อพี่ภพง่วงจะแวะนอน เผื่อมันไม่มีเซเว่น"
"ไม่มีเซเว่นแล้วทำไมล่ะ" เหมือนผมกำลังไล่ถามเอาความกับคนกำลังละเมอ
"ก็ก่อนนอนไง" เหมือนแบมรวบรวมสติออกมาให้ได้เป็นคำพูด
"ก่อนนอนทำไมล่ะ"
"พี่ภพไม่นอนเลยหรอก แบมรู้"

ผมหัวเราะเบาๆ สังเกตุหลายครั้งจนรู้ว่าในภาวะปกติแบมจะมีระดับความสามารถในการต้านทานความง่วงได้ต่ำมากจนน่าประหลาดใจ บางทีนอนดูทีวีคุยกันไปเรื่อยๆพอใกล้ๆเที่ยงคืนคำพูดของแบมจะแปลกๆคล้ายคนละเมอพูดเช่นถามว่าพรุ่งนี้เช้าอยากกินอะไรแต่แบมจะตอบมาเป็นเบอร์โทรศัพท์เป็นอันรู้กันว่าเธอหลับแล้วหลังจากนั้นผมก็จะลุกมาซ้อมเปียโนต่อได้เพราะแบมยืนยันว่าเธอจะไม่ตื่นแน่ๆเชิญผมซ้อมตามสบายถ้าไฟไหม้ก็ขอแค่ให้ลากเธออกไปด้วยอย่าปล่อยให้หลับอยู่อย่างนั้น

แบมมักจะขอโทษผมเรื่องที่ไม่สามารถนั่งเป็นเพื่อนคุยกับผมเวลาขับรถไกลๆคล้ายอยากให้ผมยอมรับในข้อเสียส่วนนี้ของเธอ ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืนแบบจะยืนระยะทางได้ไม่เกินร้อยกิโล ดูนาฬิกาตอนนี้บอกเวลาเกือบตีห้าจึงไม่ปกติที่แบมจะรวบรวมคำพูดเป็นประโยคคุยกับผมได้พอรู้เรื่องทั้งที่เวลาขับรถกลับบ้านที่ขอนแก่นแบมจะหลับยาวม้วนเดียวกรุงเทพขอนแก่นคล้ายผมเป็นคนขับรถทัวร์เลย

ผมคิดเอาเองตามประสาสันดานคนลามกที่เพิ่งจะหลุดออกมาจากกรงที่สร้างไว้ขังตัวเองว่าเรื่องติดเรทนิดๆโป๊หน่อยๆหรือมุขตลกใต้สะดือของพวกเพื่อนญี่ปุ่นเกาหลีที่ผมขนใส่เข่งมาทุ่มใส่แบมจนเธอหัวเราะฟิวขาดหลับป๊อกไปเลยจะต้องมีผลต่อความรู้สึกทางเพศของแบมบ้างไม่มากก็น้อยแบมถึงได้อุตส่าห์ตื่นมาถามผมถึงเรื่องถุงยางอนามัย55

เกือบจะเข้าจังหวัดตราดผมมองเห็นป้ายบอกทางแยกเข้าตำบลที่เพื่อนที่เคยสนิทสนมกันมากย้ายมามีครอบครัวทำกิจการแพตกกุ้งเลยตัดสินใจว่าไม่ไปเกาะช้างดีกว่าเพราะยังไม่ได้โทรคุยกับนุ้ยลูกศิษย์เอกที่ผมดึงมาช่วยสอนว่าจะมาเฝ้าช่างตบแต่งแทนผมได้สักกี่วันและในฤดูมรสุมแบบนี้ถ้าข้ามเกาะกลับมาไม่ได้อาจเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นโดยไม่จำเป็น

ทุย.. เพื่อนสนิทสมัยโรงเรียนมัธยม เจ้าทุยเป็นเด็กกรุงเทพเรารู้จักกันตั้งแต่ม.หนึ่งเพราะเป็นนักเรียนโควต้าวงโยธวาธิตของโรงเรียนเหมือนกันวันไหนที่ซ้อมถึงค่ำมืดเจ้าทุยก็จะนอนกับผมในหอพักของโรงเรียนบางทียืีมเสื้อนักเรียนชื่อผมไปใส่ก็เคย ตั้งแต่ผมกลับมาจากญี่ปุ่นก็ได้แต่โทรคุยกันหรือทักทายกันในเฟสบุ๊คไหนๆก็มาถึงตรงนี้เลยคิดว่าน่าจะแวะเยี่ยมเยือนเพื่อนสักหน่อยและจะได้หาอะไรให้แบมกินเป็นมื้อเช้าด้วย

ผมลองโทรหามันตอนเกือบๆเจ็ดโมงเช้าที่ร้านกาแฟริมถนนตรงปากทางเข้าแพตกกุ้งของเจ้าทุยตามที่มันเคยเช็คอินไว้ในเฟสบุ้ค เจ้าทุยบอกว่าให้รออยู่ที่ร้านกาแฟก่อนสักครึ่งชั่วโมงเพราะมันพักอยู่ในเมือง ยังไม่ทันถึงครึ่งชั่วโมงดีเจ้าทุยก็ขับรถกระบะยกสูงมาจอดแล้วบอกให้ผมขับตามไป ผมกับแบมขับลัดเลาะไปตามหลังเจ้าทุยไปตามถนนหมู่บ้านจนผิวจราจรกลายเป็นดินแดงซึ่งในยามมรสุมแบบนี้จึงมีบางช่วงที่เป็นแอ่งน้ำขังแถมยังต้องขับข้ามผ่านลำธารเล็กๆที่เจ้าทุยบอกในตอนหลังว่ามีน้ำเฉพาะฤดูมรสุมเท่านั้น

เจ้าทุยขับนำมาวัดระยะทางได้สิบกว่ากิโลจนมาถึงลานจอดรถที่ตอนนี้ว่างเปล่าไม่มีรถสักคัน

"จอดตรงนี้เหรอ" ผมลดหน้าต่างลงมาเมื่อเจ้าทุยเดินมาข้างรถ
"ใช่ แต่อย่าไปเลย"
"อ้าว.. ทำไมวะ" ผมลงมาจากรถ
"ตอนนี้ปิด ปกติจะต้องจอดรถตรงนี้แล้วก็นั่งเรือต่อไปอีนิดนึง"
"แล้วร้านอาหารที่เห็นในเฟสก็ปิดเหรอ" ผมสงสัยจะมาเสียเที่ยว
"ปิดเหมือนกันทางมันเข้าออกลำบาก เดี๋ยวหมดฝนค่อยทำต่อ"
"แล้วที่เห็นเป็นที่พักล่ะ สวยดี"
"ก็จะพาไปนี่แหละ ตอนนี้มีแต่ฝรั่งพวกนี้มันเช่าอยู่ทีเป็นเดือนคนไทยไม่มีเลย"

เจ้าทุยขับพาย้อนกลับแล้วแยกไปอีกทางตามสวนมะพร้าวจนผ่านเข้าเขตแนวรั้วไม้ไผ่ที่ทำขึ้นอย่างง่ายๆมาจอดที่หน้าบ้านไม้ยกพื้นสูงชั้นเดียวสร้างง่ายๆแต่ดูเรียบหรูทันสมัย เจ้าทุยพาผมเดินเข้าไปด้านในแบ่งเป็นห้องนอนเรียงกันตามแนวซ้ายขวาเท่าๆกันด้านละสามห้องแล้วก็พื้นไม้โล่งๆยาวทะลุแนวหลังคาลงไปบนหาดหิน สองข้างบ้านเจ้าทุยปลูกไผ่สีทองปล้องใหญ่ๆเรียงเบียดบังสายตาจากคนภายนอกบ้าน

"พื้นที่ตรงนี้แต่ก่อนไม่มีใครเอาเลย เรามาทำกระต้อบให้ฝรั่งอยู่พวกทำสวนมะพร้าวยังว่าเราบ้าเลย"
"ก็สวยไปอีกแบบนะ"
"แถวนี้มันไม่มีหาด มีแต่หิน"
"แต่มันมีหน้าผาใหญ่ตรงนั้นบังอยู่ตอนมรสุมตรงนี้ลมจะไม่แรงถ้าจะหนักก็แค่ฝน" เพื่อนผมถือโอกาสแนะนำสถานที่

"รู้แล้วล่ะว่าแต่งงานเห็นในเฟสบุ้คแล้วเจ้าสาวน่ารักมากกก" เจ้าทุยชมแบมซึ่งๆหน้าจนแบมกล่าวขอบคุณแทบไม่ทัน
"แล้วเมียนายไปไหนแล้ววะ ใช่คนที่นั่งมาด้วยกันป่ะ" ผมถามถึงผู้หญิงที่เห็นนั่งอยู่ด้านข้างในรถกระบะ
"โอ้ยรายนั้นมาถึงก็เข้าครัวไปแล้ว เค้าไม่ค่อยอยากเจอใคร"
"อ้าวทำไมวะ"
"ไม่รุ"

แบมเห็นคนเดินอยู่ในส่วนของครัวที่แยกไปจากตัวบ้านต่ำลงในระดับพื้นคิดว่าน่าจะเป็นภรรยาของเพื่อนครองภพเพื่อจะทักทายสวัสดีตามมารยาท

"สวัสดีค่ะพี่" แบมยกมือไหว้สวัสดีผู้หญิงแต่งตัวแบบชาวบ้านยืนหันหลังเสียบปลั๊กกาต้มน้ำร้อนชงกาแฟอยู่ เธอรับไหว้แบมแบบไม่เห็นหน้าแล้วรีบเดินออกไป

"แล้วถ้าเราเช่าอยู่เป็นเดือนแบบฝรั่งพวกนี้แพงไหม" ผมถามเจ้าทุย
"ถ้าโซนด้านนี้เราคิดแพงเหมือนกันพวกนี้ไม่กระจอก แต่พวกกระจอกก็ยังมีอยู่ทางโน้นตรงที่แรกที่เราสร้าง"
"ถ้าเป็นแนวบ้านที่นายเห็นนี่เราทำดีเลยมีน้ำอุ่นมีแอร์มีสระว่ายน้ำมีแม่บ้านมีซักรีดมีบาร์เล็กๆมีรถรับส่งในเมือง"
"แต่ถ้าฝรั่งขี้นกก็อีกโซนนึงอันั้นหินล้วนๆคืนละร้อยแต่มีเน็ตมีไฟฟ้า ดีกว่าเมื่อก่อน"
"พวกไม่มีตังค์แต่อยากท่องเที่ยวก็มี เราก็ทำไว้รอรับมันสงสารมัน"
"บางคนมาทุกปีเป็นเพื่อนกันไปเลย"
"ตอนเรามาเจอที่นี่ก็ติดมากับเพื่อนฝรั่งที่มันมาตรงนี้ทุกปี พอดีเจ้าของเก่าเขาเบื่อจะตายห่าอยู่แล้วเราก็เลยเช่าต่อจากเขาเลยคุยกับเจ้าของที่เลย"
"มาวันแรกก็ได้เป็นเจ้าของเลยไอ้ห่า55"

"ตอนแรกก็จะตายห่ากันอยู่แล้วนะไม่มีคนพักไม่มีของกินจนเพื่อนฝรั่งมันทนไม่ไหวมันบอกมันถอนหุ้นทิ้งหายไปเลย"
"พออยู่ทำคนเดียวแม่งเสือกเริ่มดีก็เลยขอเช่าที่ข้างๆทำต่อเขาเป็นเศรษฐีสวนมะพร้าว"
"เขาว่าเขาเห็นเราทำงานขยันขันแข็งฝรั่งเริ่มมากันเยอะ เขาว่าไม่ต้องเช่าเขายกให้เราทั้งแปลงเลย"
"ยกลูกสาวให้เราอีกคน" เหมือนกูเลย..ผมคิดในใจ

"ตรงนี้มันเป็นคล้ายๆอ่าวเล็กๆหลบเข้ามาจากทะเลใหญ่สองข้างเป็นหินมีหาดทรายตรงกลางนิดเดียวเราเลยทำบ้านระยะยาวไว้ตรงกลางแล้วก็สร้างบ้านตัวเองหลบไว้ริมนี้แหละ"


"ตายห่า!! กี่โมงแล้ววะเนี่ย" เพื่อนทุยเหมือนอยู่ดีๆก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ผมดูเาลาจากโทรศัพท์เพราะไม่ได้ผูกนาฬิกาข้อมือกันทั้งคู่
"ถ้างั้นฝากกุญแจบ้านไว้เลยพอดีเดี๋ยวต้องเข้ากรุงเทพไปส่งลูกเข้าโรงเรียน" ก็โรงเรียนเดียวกับผมและพ่อมันนั่นแหละ
"กลับมาน่าจะพรุ่งนี้เย็นๆทำธุระอะไรนิดหน่อย"
"อยู่หลายๆวันนะหมดเรื่องลูกก็ว่างแล้วเดี๋ยวคุยกันทำยังไงได้แฟนสวยอย่างกับดารา" เจ้าทุยหยอดแบมเล่นๆ
"แล้วนี่ทานอะไรกันหรือยังครับ" เจ้าทุยหันมาถามแบมที่เพิ่งเดินมาสมทบเพราะรู้ว่าร้านกาแฟปากทางเข้ามีก็แค่กาแฟกับปาท่องโก่
"ก็ทานมานิดหน่อยค่ะ ตอนแรกว่าจะออกไปแต่เห็นทางเข้ามาแล้วสงสัยจะออกลำบาก"
"เอางี้ครับ เดี๋ยวผมทิ้งเมียเอาไว้ที่บ้านคอยดูแลดีกว่า" ผมกับแบมมองหน้ากันรู้สึกอีดอัดนิดๆ
"จะให้อยู่คนเดียวก็ห่วงจะเอาไปด้วยก็มีแต่ปัญหา" เจ้าทุยพูดเสียงดังพอดีกับที่เมียของมันเอากาแฟมาเสริฟ
"เค้ากินกาแฟกันมาแล้วจะให้กินอีกรึไง" เมียของมันวางถาดกาแฟลงบนโต้ะกลางแล้วเดินจากไป
"อ้อ.. แล้วนี่เค้ามาฮันนีมูนกันนะ!!" เจ้าทุยพูดเสียงดังกำชับเมียไล่หลังไป
"ดีเลยครับคุณแบม เพราะปกติเมียผมเค้าจะชอบมาอยู่บ้านนี้ มาคนเดียวก็มา ผมจะได้ไม่เป็นห่วง"

เจ้าทุยรีบวิ่งกลับไปที่รถไถขับย้อนออกไปทางเดิม ผมมองนาฬิกาบอกเวลาสิบโมงกว่าถ้าจะออกไปข้างนอกก็จะมีรถไถบริการไปส่งตรงที่เราจอดรถและมีรอบรถตู้บริการไปส่งในตัวจังหวัดตราดเพราะใกล้กว่าและมีสนามบิน ถ้าเราจะไปรถตู้รอบต่อไปนี้เลยก็จะเหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีหรือไม่ก็รอบบ่ายสามเลย

ลำพังผมคนเดียวถ้าตอนนี้ก็คงจะขอเปิดแอร์เย็นๆนอนสักงีบแล้วค่อยไปตื่นสักสี่โมงเย็นแต่ก็สงสารแบมเพราะเรามากันแบบฉุกละหุกทัวร์มีติดตัวกันแค่คนละชุดแค่นั้นจึงชวนแบมว่าเอาแค่ล้างหน้าแปรงฟันแล้วออกไปซื้อข้าวของเครื่องใช้กันดีกว่า ไปรวมๆกับเขาก็ดีเพราะคนขับรถไถจะได้ไม่ต้องย้อนมาส่งเราที่รถ

ระหว่างรอแบมล้างหน้าล้างตาผมลองเช็คสัญญาณไวไฟปรากฏว่ายอดเยี่ยมจึงเข้าแอพดูกล้องวงจรปิดที่บ้าน เห็นภาพนุ้ยเดินผ่านกล้องจึงนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ขอให้นุ้ยช่วยเฝ้าบ้านจึงรีบโทรหาก่อนแบตจะหมด

"สวัสดีค่ะพี่ภพ ไม่อยู่บ้านเหรอ"
"เออไม่อยู่ว่ะ ช่างมาป่ะนุ้ย"
"มาพี่.. ฝุ่นคลุ้งเลยเนี่ย" นุ้ยเดินออกมาให้พ้นจากเสียงและฝุ่นของใบตัดกระเบื้อง
"นุ้ย.. นุ้ยมาเฝ้าบ้านให้พี่สักสองสามวันได้ไหมล่ะ พี่พาแบมมาเที่ยวว่ะ"
"โอ้ย.. อิจฉา เอาน้องกลับมาด้วยนะพี่ภพ"
"เชี่ยและ.. อย่าทักสิ" ผมดุรุ่นน้องที่ดึงมาช่วยสอนเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์
"นุ้ยขอวันละสามแรงนะพี่ภพ ตามสบายเลยกี่วันก็ได้ค่ะ" กับผมธุรกิจก็คือธุรกิจ
"ค่าอาหารอีกวันละสี่ร้อยนะพี่ภพ"
"ค่าที่พักวันที่นุ้ยไม่ได้กลับขอนแก่นอีกวันละพันนะพี่ภพ" มันมัดมือชกผมเป็นชุดกะว่ารวยเลย
"เออ.. วันละสามแรงค่าอาหารวันละสามร้อยค่าที่พักไม่ให้ ..ให้พักที่บ้าน" ผมต่อรองแบบธุรกิจก็คือธุรกิจ

"โอ้ย.. นอนบ้านนี้คนเดียวเนี่ยนะนุ้ยไม่เอาหรอก" นุ้ยระแวงบ้านเก่าใต้เงาต้นไม้รกครึ้ม
"เอางี้ ให้ค่าอาหารวันละหกร้อยชวนเพื่อนมาได้ชวนผัวก็ได้" ผมประชดมัน
"อุ๊ย.. พูดจาหยาบคายนะพี่ภพ"

"แกเดินไปที่โรงรถนะ บนโต้ะที่มีเครื่องมือวางเยอะๆน่ะมันจะมีกุญแจเข้าบ้านอยู่ในกระป๋องใส่พวกน้อตพวกตะปู"
"กลางวันแกก็มารอช่างอยู่ในบ้านนี่แหละข้างนอกมันฝุ่นเยอะเดี๋ยวตายห่าไม่ต้องสอนกันพอดี"
"แกนอนห้องที่แบมเค้าเอาป้ายแผ่นไม้รูปดาวแขวนไว้น่ะ"
"เมื่อวานพี่สาวแบมเค้าเพิ่งมานอนแกก็นอนห้องนั้นแหละ" นุ้ยรับฟังผมสั่งเป็นชุดแบบไม่ทันได้กวนอะไรกลับ

นุ้ยเป็นรุ่นน้องในจังหวัดที่ดำเนินรอยเส้นทางดนตรีอย่างจริงจังที่ผมสอนมาตั้งแต่เด็ก ถึงแม้ประวัติชีวิตจะเข้ากรุงเทพอยู่กันคนละโรงเรียนนุ้ยได้ทุนไปศึกษาทางยุโรปตะวันออกส่วนผมไปญี่ปุ่นแต่ก็ดูเหมือนมันจะเชื่อฟังผมกว่าใครโดยเฉพาะตอนที่มันสารภาพว่าเป็นทอมแต่ผมบังคับให้มันไว้ผมยาว ในช่วงแรกๆผมจะขอให้นุ้ยมาจากขอนแก่นเพื่อช่วยสอนเฉพาะเด็กๆในวันเสาร์อาทิตย์เพราะถ้าจะให้ผมสอนเด็กๆในอัตราค่าแรงของผมมันสูงเกินความจำเป็น นุ้ยเป็นเด็กหนักเอาเบาสู้แต่ก็เรียกว่าเป็นคนเขี้ยวกับเรื่องเงินๆทองๆเรียกว่าเก็บทุกเม็ดแต่ผมก็เข้าใจมันดีเพราะเรียกใช้กันมาหลายงาน

ห้องที่เด็กๆและพี่เบียร์ใช้อาบน้ำแต่งตัวกันเมื่อวานนี้ผมยังไม่ได้เก็บเอากล้องจิ๋วแอบถ่ายออกมาจากห้องเลย มันยังคงถ่ายทอดภาพจากในห้องน้ำและห้องนอนได้อย่างคมชัดสมราคาผ่านแอพพลิเคชั่นบนมือถือมาให้ผมถึงที่ ผมเอาคืนเจ้านุ้ยเลยทีเดียวงวดนี้ก็แล้วกัน55 ถ้าคนขายไม่ได้โม้กล้องฟูลเอชดีแบบจับความเคลื่อนไหวแบตใหม่ๆสดๆอาจแสตนบายอยู่ได้ถึงสองสามวัน ..

ผมกับแบมหลับหัวโขกกันมาตั้งแต่บนรถไถบริการและจอกที่นั่งหลังหลับยาวกันมาจนถึงจุดหมายแถวๆท่ารถทัวร์เก่าซึ่งมีทั้งตลาดสดตลาดแห้งข้าวของเตรื่องใช้ ที่ทะยอยลงไปก่อนหน้าพวกเราก็จะมีคู่ฝรั่งแก่ๆหนึ่งคู่และสามสาววัยรุ่นกับหนึ่งหนุ่มหล่อไม่ใส่เสื้อส่วนสาวๆท่อนบนจะเป็นบิกินี่มีเสื้อบางๆคลุมทับไว้กับกางเกงขาสั้นคล้ายๆกัน

เรามีเวลาจนถึงสี่โมงเย็นก็พอจะเดินเล่นได้เรื่อยๆไม่ต้องรีบร้อน แบมบอกว่าคล้ายตลาดที่บ้านคือทุกสิ่งอย่างจะมารวมกันไว้ในอาคารหนึ่งทั้งของสดของแห้งเสื้อผ้าหรือแม้แต่อาหารสุนัข ระหว่างที่เรานั่งกินก๋วยเตี๋ยวกันหรือเดินเล่นเลือกซื้อของจำเป็นที่เราไม่ได้เอามาด้วยผมสังเกตุว่าแทบทุกคนที่เดินผ่านจะต้องมองแบมที่หนักๆก็พวกวัยรุ่นถึงกับร้องแซวเป็นภาษาประเทศเพื่อนบ้าน จะแม่ค้าคนนึงถามแบมว่าแสดงเรื่องอะไรเหรอจ้ะหนู

มันจึงเป็นการไม่สมควรเลยถ้าผมจะปล่อยให้ชีวิตรักของผมที่แม้จะได้เชยชมครอบครองนางฟ้าแต่กลับยินยอมเพียงให้เธอนอนต้วตรงๆหลับตาปี๋รอเพียงแค่เมื่อไหร่ผมจะเสร็จ คืนที่น้องเจ้านายลงทุนระเบิดพลีชีพฮาราคีรีตัวเองให้ประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดากับผมและแบมคือครั้งแรกที่ผมได้เห็นเธอกระตุกเกร็งกรีดร้องเหมือนอัดอั้นมาเป็นเดือน

ผมเคยลองเล้าโลมแทบจะทุกอย่างทั้งจากแหล่งให้ข้อมูลแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ที่ยังไม่ได้ลองทำก็คือหาอุปกรณ์เซ็กทอยส์ต่างๆมาช่วยเพราะเห็นว่าไหนๆแบมก็อยากไปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่นอยู่แล้ว แบมเป็นคนรูปร่างดีอาจเพราะคุณพ่อเป็นคนผอมสูงและเล่นโยคะกับพี่สาวมาตั้งแต่วัยรุ่นสิบเอ็ดสิบสอง

ผมชวนแบมข้ามถนนไปยังอาคารที่หมายตาเอาไว้เพราะเห็นโลโก้ยี่ห้อเสื้อผ้าชุดกีฬาต่างๆซึ่งน่าจะเป็นทางเลืกที่ดีในการที่ผมกับแบมจะหาเสื้อผ้าเปลี่ยนในวันนี้และวันต่อๆไปเราแยกกันเดินเพราะภายในแบ่งชุดของผู้ชายผู้หญิงคนละชั้น ผมดูราคาแล้วชอบใจราคาเสื้อยืดแผงในตลาดมากกว่าจึงเดินขึ้นไปหาแบม


บนชั้นสามแผนกเสื้อผ้าสตรีเท่าที่ผมกวาดตามองก็ค่อนข้างจะครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นชุดลำลองชุดกีฬาหรือแม้แต่ชุดชั้นใน แต่ก็เหมือนกันคือเน้นแต่แบรนด์ดังๆราคาค่อนข้างสูงจึงเป็นการจำกัดเฉพาะลูกค้าที่มีกำลังซื้อจึงมีเพียงฝรั่งสามสาวที่มารถตู้คันเดียวกันกับผมแค่นั้น

มองเห็นหัวแบมผลุบๆโผล่ๆอยู่ในแผนกชุดชั้นในจึงเดินตามเข้าไปยืนรออยู่ห่างๆแค่พอให้เธอเห็น

"จะช่วยแบมเลือกเหรอพี่ภพ" ผมของขึ้นทันทีที่ได้ยินแบมถาม
"อ้าว!!แล้วของพี่ภพล่ะ ไม่ซื้อเหรอ"
"ก็ซื้อพวกกางเกงในกับกางเกงขาสั้นสองตัว เดี๋ยวเสื้อยืดไปซื้อในตลาดดีกว่า"
"แพงล่ะสิ" แบมถามแบบเริ่มเรียนรู้นิสัยของผมไปเรื่อยๆ

"เอาตัวนี้สิสวยดี" ผมชี้กางเกงชั้นในที่แขวนเอาไว้
"ตัวนิดนึงตั้งพันกว่าบาทพี่ภพ"
"แบบผูกเชือกไหม" ผมเห็นสามสาวบิกินี่ท่อนบนภายใตเสื้อคลุมบางๆแล้วลองชี้ให้แบมดู
"บ้า..พี่ภพ แบบนั้นมันบิกินี่"
"งั้นแบมเลือกไปก่อนละกัน" เหมือนฝรั่งสาวสามคนนั้นจะเดินเข้ามาผมเลยชิ่งออกมาก่อน
"พี่ภพอ่ะ ชอบแต่จะให้แบมเหมือนคนโน้นคนนี้" แบมบ่นไล่หลังผม

"ดูชุดให้แฟนเหรอคะ" พนักงานสาวรุ่นแผนกชุดลำลองทักทายผม
"ใช่ครับ คนที่สวยๆคนนั้นอ่ะน้อง" ผมชี้อวดแฟนให้น้องพนักงานขายดู
"โห.. น่ารักจังค่ะพี่" น้องคงคิดว่าผมอาจเป็นลูกชายเศรษฐีที่ไหนถึงได้ควงสาวน่ารักขนาดนี้มาเดินเล่น
"แล้วแฟนพี่ปกติเค้าชอบใส่ยี่ห้ออะไรสไตล์ประมาณไหน"
"อืม.. ไม่รู้สิ อะไรก็ได้มั้ง"
"เลือกยี่ห้อดังๆไว้ก่อนสิพี่ ผู้หญิงชอบยี่ห้อดังๆ"
"พี่อยากได้แบบดูแล้วเซ็กซี่ๆหน่อยอ่ะ น้องพาพี่ไปเลือกสักสองชุด"
"เสื้อผ้าของที่นี่เน้นขายลูกค้าฝรั่งอยู่แล้วพี่ แบบเซ็กซี่ๆมีเยอะเลย" น้องพนักงานขายคงกำลังได้อารมณ์ออกสำเนียงพื้นถิ่นเดินนำผมฝ่าดงแฟชั่นเข้าไปด้านใน

"พี่ภพทำอะไรคะ" แบมถือถุงเดินจากแผนกชุดชั้นในมาหาผมกับน้องพนักงานขาย
"ทำเซอร์ไพรส์นิดหน่อยจ้ะ นี่ผู้ช่วยพี่ ถ้าแบมไม่ชอบชุดไหนน้องเค้าเป็นคนเลือกนะไม่ใช่พี่" ผมโยนขี้ให้พนักงานขายทันทีโชว์ไหวพริบปฏิภาน แบมยิ้มเดินออกจากแผนกเสื้อผ้าลำลองสตรีไป

แผนกสุดท้ายด้านในสุดเป็นแผนกเครื่องกีฬาผมเดินถือถุงเสื้อผ้าของแบมและของผมตามมาตาก็มองหาโซนขายชุดว่ายน้ำไปด้วย เจอแบมกำลังเลือกชุดว่ายน้ำแบบวันพีซที่แขวนซ้อนกันไว้กับราว

"ไปดูตรงโน้นเถอะ" ผมชวนแบบไปที่ชั้นขายชุดบิกินี่
"แบมดูแล้วพี่ภพ มันไม่ใช่บิกินี่แบบที่เป็นชุดว่ายน้ำอ่ะ"
"ถ้าเป็นชุดว่ายน้ำจริงๆมันมีแต่แบบนี้" แบมชี้ให้ผมดูชุดว่ายน้ำโรงเรียนที่แขวนไว้ทั้งราวแต่ผมก็ยังจูงมือเธอมาได้อยู่ดี

"มันเป็นแบบชุดแฟชั่นอ่ะพี่ภพ แบมว่ามันลงน้ำจริงๆไม่ได้หรอก"
"หรือว่าถ้าเรียกว่าบิกินี่มันก็จะมีแต่แบบนี้ แบมไม่เคยซื้อใส่อาจไม่รู้" ผมเริ่มให้เหตุผลบ้าๆบอๆไปเรื่อย
"แบมเคยเห็นในเว็บอยู่นะพี่ภพ สงสัยเค้าไม่ได้เอามาขาย"
"ถ้าเป็นแบรนด์ยี่ห้อพวกชุดว่ายน้ำจริงๆอย่างพวกสปีโดก็จะมีอยู่แค่ทางด้านนั้นล่ะค่ะ" น้องพนักงานขายคนเดิมเดินเข้ามาให้ข้อมูลยิ้มทำเป็นเหมือนมีเลศนัยรู้กันอะไรกับผม
"ความจริงมาทะเลทั้งทีสวยรูปร่างดีอย่างคุณผู้หญิงใจจริงหนูอยากเชียร์เป้นทางด้านบิกินี่เหมือนกันนะคะ"
"ชุดแบบที่คุณผู้หญิงบอกอันนั้นเหมาะกับพวกสระหรือสวนน้ำอะไรแบบนั้นมากกว่า"

"มีแต่ชุดโป๊ๆนะคะเนี่ย ถ้ามีแบบสปอร์ตหน่อยก็ดี" แบมคุยกับน้องพนักงานหลังจากหยิบเลือกดูแทบจะหมดทั้งสามราว
"ไม่ชอบเลยเหรอ"
"ก็ชอบหลายตัวแหละพี่ภพ ไม่งั้นแบมต้องหาเสื้อทับ"
"ยังไม่บ่ายสามเลยแบมก็ค่อยๆลองไปทีละชุดสิ เดี๋ยวรถตู้เค้าก็มาจอดรับข้างหน้านี้อยู่แล้ว"
"ยินดีค่ะ วันนี้ลูกค้าไม่เยอะตามสบายค่ะ"

"แล้วของผู้ชายมีไหมครับ" ผมถามน้องพนักงานแต่จริงๆก็ซื้อกางเกงขาสั้นมาไว้แล้ว
"ของคุณผู้ชายจะเป็นชั้นล่างค่ะ ด้านบนนี้เป็นของคุณผู้หญิงอย่างเดียว" ผมจับพลิกชุดโน้นชุดนี้ดูไปเรื่อย
"ที่เค้าเลือกมันเป็นแบบชุดแฟชั่น แล้วแบบเซ็กซี่ๆเลยอ่ะมีไหมน้อง"
"ถ้างั้นก็ต้องแบบที่ฝรั่งพวกนั้นเค้าใส่กันค่ะพี่" ผมมองตามไปที่สามสาวต่างชาติกำลังยืนชำระค่าสินค้ากับพนักงานขายหญิงอีกคนนึงที่เค้าท์เตอร์เก็บเงินด้านหน้าติดกับบันไดทางเดินขึ้นลง
"ยังไงอ่ะ" ผมชักสนใจ เพิ่งรู้ว่าเล่นแต่งตัวตุ๊กตามันสนุกแบบนี้นี่เอง
"ส่วนใหญ่ลูกค้าฝรั่งเขาจะนิยมแบบไม่มีฟองน้ำรองและก็เป็นสายผูกกันน่ะค่ะ"
"จะเป็นราวแขวนด้านนี้ทั้งหมด" น้องคนขายชี้ไปราวแขวนที่แบมบอกว่ามีแต่ชุดโป๊ๆ

"น้องๆ พี่เข้าเอาชุดไปให้แฟนพี่ลองข้างในได้ป่ะ" น้องคนขายหุบยิ้มดูทำหน้าเบื่อๆ
"วันนี้ลูกค้าไม่ค่อยมีเนอะ"

ตอนนี้ชั้นสามทั้งชั้นของตึกสี่คูหาที่ดัดแปลงคล้ายเป็นห้างสรรพสินค้าย่อมๆมีเพียงแค่ผมกับน้องพนักงานขายกับอีกคนที่ยืนอยู่ตรงเค้าท์เตอร์ขายด้านหน้าแบมเข้าไปลองชุดในห้องลองส่วนฝรั่งสามสาวนั้นลงไปแล้ว ผมหยิบแบงค์พันหนึ่งใบวางไว้บนชั้นสินค้ามองหน้าวัดใจกันกับน้องคนขาย ผมยอมรับว่าตื่นเต้นมากแทบไม่เชื่อตัวเองว่าภายนอกโลกของเปียโนผมจะกล้าทำอะไรแบบนี้ส่วนดีของการไม่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปก็มีเหมือนกัน

"ห้างเค้ามีกล้องวงจรปิดนะพี่ ในห้องลองน่ะไม่มีหรอกแต่ข้างนอกนี่มีแน่" พนักงานขายหลังหลังให้ผมไปจัดเสื้อผ้า
"คนรวยนี้ทำไมไม่ไปโรงแรมให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราว" เธอบ่นแบบให้ผมได้ยิน
"ขอโทษครับน้อง พี่ล้อเล่น" ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี
"ไม่เป็นไรหรอกพี่ ฝรั่งมันก็เข้าไปเอากันบ่อย"
"เดี๋ยวหนูดูต้นทางให้พี่เลยแล้วกัน" พนักงานขายสาวสำเนียงพื้นถิ่นหยิบแบงค์พันแล้วหันหลังเดินจากไป

ห้องลองชุดของแผนกชุดว่ายน้ำมุมอยู่ด้านในสุดของชั้นที่สาม ผมกลับมายืนรอแบมอยู่ที่หน้าประตูห้องลองชุด  

"แบมมม.." ผมทำเสียงออดอ้อนมือเกาประตูสลับกับเคาะเบาๆ
"พี่ภพ!!" แบมเน้นเสียงดุผมแสดงว่าเธอเข้าใจเจตนารมณ์ของผมแล้ว
"ขอดูด้วยแบมมม" ผมพร้อมจะลงไปดิ้นหน้าตู้ของเล่น
"อายคนขายเค้า"
"คนขายไปแล้ว.."

สักพักได้ยินเสียงดึงกลอนล็อคประตูแง้มเปิดออกจึงรีบแทรกตัวเข้าไปทันที ภายในห้องลองชุดแคบแต่ยาวน่าเกือบๆสามเมตรมีกระจกยาวเต็มผนังด้านตรงข้ามประตูเข้าส่วนผนังทั้งสองด้านเป็นราวตะขอแขวนเสื้อผ้าตามแนวยาวแสงไฟสีขาวส่องสว่างผ่านเพดานฝ้ากรองแสง แบมยืนตัวตรงขาคู่อยู่ในชุดว่ายน้ำทูพีซท่อนบนเป็นแบบสายคล้องคอลายกราฟิกสีสวยปกปิดคลุมทั้งสองเต้าเสริมฟองน้ำเห็นร่องอกเล็กน้อยชิ้นล่างเป็นแบบเต็มตัวสีดำล้วนตัดกับหน้าท้องและต้นขาขาว

"ชุดนี้เป็นไงพี่ภพ" แบมผายมือออกรอฟังความเห็นจากผมที่กำลังหูอื้อเพราะความดัันภายในมันพุ่งพล่าน
"สวยจ้ะ"
"ข้างหลังเป็นไงบ้าง" แบมหันหลังให้ผมแล้วถามสะท้อนกระจกเงา

ผมก้มกดจมูกลงสูดลมจากต้นคอของแบมแรงๆสองมือลูบไปตามสะโพกผายบีบสองแก้มก้นที่อัดแน่นภายใต้เนื้อผ้าสแปนเด็กซ์ค่อยนวดเรื่อยขึ้นมาตามหน้าท้องจนกุมสองเต้าของนาฟ้าแบมไว้ในอุ้งมือทั้งสองของคนธรรพ์อย่างผม ผมลูบหนักมือวนเป็นวงกลมสบตากับแบมที่กำลังมองกิจกรรมของเราในกระจกเงาเช่นกัน แบมหันตัวกลับมามองสมตาผมก้มลงจูบเธอรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นหนักๆเหมือนแบมจะมีอารมณ์ร่วมแตกต่างจากเวลาเรามีอะไรกันที่บ้าน

"มันมีฟองน้ำ.. พี่ภพ" เธอกระซิบบอกผมที่สาละวนสองนิ้มลากหาหัวนมเธอไม่เจอสักที

แบมปลดตะขอสายคล้องคอออกปล่อยให้ตกลงมาตามแรงโน้วถ่วงของโลกผมกอดกระชับเอวคอดของเธอรีบซุกหน้าลงบนสองเต้าเนื้อนมขาวขนาดกำลังดีไม่เล็กไม่ใหญ่ละเลงลิ้นรัวลงไปรอบๆยอดปทุมถันสีแดงระเรื่อที่แข็งตัวเท่าปลายนิ้วก้อยรออยู่แล้วทุกครั้งที่ปลายลิ้นลากผ่านไปโดนแบมก็จะกระตุกเกร็งกอดผมแน่นๆบ้าง

"พอแล้วพี่ภพ นะ" แบมหลับตาปี๋ร้องขอเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงสัมผัสลูบไล้เนินสงวน ผมลูบไล้บางเบาบางจังหวะลองวนเน้นหนักๆจนหลับตาแบมเชยคางไม่ได้ขอให้ผมหยุดอีก

"แบมลองชุดนี้ด้วยสิ" ผมหยิบไม้แขวนชุดท่ีถือติดมือเข้ามาด้วย แบมเห็นแล้วเลิกคิ้วสูงมองหน้าผม
"ใส่ไม่ไหวหรอกพี่ภพ" แบมกระซิบ
"เอาไว้ใส่ในห้องก็ได้"

ผมหยิบกล้องโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายวิดีโออริยาบทตอนแบมถอดชุดเดิมแล้วลองใส่ชุดที่ผมเลือกให้ทีละชิ้น ตอนแรกเธอดูตกใจที่เห็นผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคล้ายจะห้ามๆแต่ผมก็ทำเฉยสักพักแบมก็ยอมตามใจอาจยังติดอายติกตลกขำตัวเองแต่ก็ดูเป็นธรรมชาติ ผมเลือกบิกินี่แบบ triangle string bikini สีเหลืองอ่อนด้วยเหตุผลแค่ชอบสายแบบสปาเกตตี้แบบผูกและชอบที่ท่อนบนเป็นแบบไม่มีฟองน้ำ

ผมฝันเห็นแบมในภาพจินตนาการเพิ่งเดินขึ้นมาจากทะเลชุดยังเปียกเห็นเป็นรอยหัวนมนูนจับมือเดินเล่นกับผมเหมือนที่เคยเห็นคู่ผัวเมียฝรั่งทำกัน อาจเพราะตอนแรกๆสมัยที่อาศัยอยู่กับกลุ่มเพื่อนเกาหลีตอนไปเรียนที่โตเกียวเวลาหิมะตกหนักหรือมีเหตุอะไรให้ออกไปไหนไม่ได้หลายๆวันเพื่อนๆผู้หญิงในอพาร์ทเมนท์จะโนบราใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นหรือชุดนอนเดินผ่านส่วนกลางไปมาถือเป็นเรื่องปกติซึ่งผมชอบมากและเป็นเหตุให้ไม่เคยเปลี่ยนอพาร์ทเมนท์เลยตลอดระยะเวลาที่ไปศึกษาต่อ

ผมทำท่าจะเข้าไปต่อจากเมื่อสักครู่แต่แบมถอยหนีบอกว่าพอแล้วเธอกลัวว่าจะร้องเสียงดังจนใครได้ยิน ผมเข้าไปกอดจูบคราวนี้แบมยอมแลกลิ้นอย่างไม่ขัดขืนด้วยเป็นครั้งแรก ตอนจะถอดเปลี่ยนใส่ชุดเดิมผมจะขอถอดให้แต่ได้ยินเสียงเหมือนมีคนเข้มาใช้ห้องข้างๆจึงขออกไปรอแบมข้างนอก ตอนเปิดประตูออกมาเจอสองในฝรั่งสามสาวนั้นยืนรออยู่ที่หน้าห้องลองชุดซึ่งมีสองห้องติดกัน เธอทั้งคู่มองผมแล้วยิ้มๆผมก็ได้แต่ยิ้มแหยๆตอบ

ผมส่งข้อความไลน์ไปบอกแบมว่าจะขอลงไปรอข้างล่างที่เป็นชั้นขายสินค้าพวกไอทีเห็นว่าข้างนอกฝนกำลังตกหนัก ผมเดินดูพวกสินค้าไอทีรอแบมมาหยุดอยู่ที่แผนกขายกล้องและพวกแอคเซสเซอรี่ต่างๆสะดุดตากับชายชาวเอเชียคนหนึ่งจึงเข้าไปทักทาย

"สวัสดีครับ อาจารย์นาโอะ" ผมไหว้สวัสดีชายชาวญี่ปุ่นวัยกลางคน
"อ้าว อ้าว ๆๆๆ อ้าว" อาจารย์นาโอะเห็นผมแล้วยิ้มชี้หน้าทำท่าตกใจ
"ผมเป็นเพื่อนของเอริจังเคยลงเรียนถ่ายภาพกับอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยโตเกียวครับ"
"ป๊อปซัง" อาจารย์ทำท่าดีใจโอเวอร์ตามแบบฉบับของชนชาตินี้ที่นึกชื่อผมออกเสียที

อาจารย์นาโอะเป็นศิลปินด้านถ่ายภาพระดับเอเซียหรืออาจระดับโลกด้วยซ้ำ สมัยก่อนผมก็เคยบ้ากล้องอยู่พักนึงตั้งแต่ยังเป็นกล้องใช้ฟิล์มแต่เมื่อเลือกสายทางเดินที่ทุกนาทีมีแต่คนแข่งกันฝึกซ้อมกล้องนั้นก็เลยถูกทิ้งไว้ในห้องนอนบ้านพ่อแม่ที่ขอนแก่น ตอนเรียนที่โตเกียวเมื่อผมทราบว่าอาจารย์นาโอะผู้ซึ่งมีชื่อเสียงด้านภาพขาวดำจะมาสอนจึงไปลงทะเบียนเรียนนอกคณะกับเอริแฟนผมในตอนนั้น เราสนิทสนมกับอาจารย์เพราะเอริแฟนสาวชาวญี่ปุ่นของผมอาสาเป็นนางแบบเปลือยโพสท่าให้อาจารย์สาธิตการจัดแสงถ่ายภาพท่ามกลางนักศึกษาหลายสิบคนที่ลงเรียนในชั่วโมงนั้น

"ผมอยากบอกคุณว่าผมเสียใจอีกครั้งเรื่องเอริจัง" อาจารย์นาโอะโค้งขอโทษผมเรื่องที่แอบมีความสัมพันธ์กับเอริในตอนหลังและเป็นเหตุให้ต้องลาออกจากมหาวิทยาลัยทั้งที่เพิ่งเริ่มสอนได้เพียงไม่ถึงปี
"เรื่องมันผ่านไปนานแล้วครับอาจารย์" ผมรีบโค้งตอบเพราะมันเป็นการไม่สมควรอย่างมากที่คนระดับนี้กำลังโค้งก้มหัวขอโทษผม
"ผมไม่ได้รักเอริครับผมก็แค่ทำดีกับเธอในช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน เมื่อเธอพบว่ามีเส้นทางที่ดีกว่าคนเป็นเพื่อนกันย่อมเข้าใจได้ครับ"
"ผมเลิกกับเอริสักพักนึงแล้วหลังจากคุณกลับประเทศไป เอริก็ยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเชลโล"
"ผมไม่เข้าใจพวกคุณเลยจริงๆ" อาจารย์นาโอะบอกกับผม
"ผมเคยบอกกับเอริแล้วแต่เธอก็คงอยากสัมผัสกำคำว่าระดับโลกอยู่ดี คุณก็ด้วยใช่ไหม"
"ผมคงเห็นโลกไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้วครับอาจารย์" พอดีกับจังหวะที่แบมเดินเข้ามาหาผม เธอยกมือไหว้สวัสดีอาจารย์นาโอะ
"โห.. แฟนน่ารักนี่หว่ามึงนี่มันร้ายเหี้ยๆ" อาจารย์นาโอะตาลุกโพลงนิสัยโอเวอร์ประจำชนชาติบอกกับผมเป็นภาษาญี่ปุ่นเสียงดังว่า โห.. แฟนน่ารักนี่หว่ามึงนี่มันร้ายเหี้ยๆ แบมได้แต่ยิ้มสงสัยว่าสองคนนี้น่าจะกำลังพูดอะไรเรื่องเธอสักอย่าง

อาจารย์นาโอะถามว่าพวกเราพักกันที่ไหนพอผมบอกชื่อรีสอร์ทไปอาจารย์ก็บอกว่ากำลังมารอรถตู้เพื่อจะไปที่นี่พอดี เพราะอาจารย์รับงานถ่ายภาพแฟชั่นไว้โดยลูกค้าฝรั่งเลือกโลเกชั่นในบริเวณใกล้ๆกันกับที่พักของเราพอดีโดยที่สามสาวชาวต่างชาติที่นั่งรถตู้ออกมาพร้อมเราก็คือนางแบบที่ลูกค้าเลือกซึ่งมาพักเพื่อรอถ่ายงานตั้งแต่สามวันที่แล้วเพราะอาจารย์นาโอะติดธุระมาไม่ได้ตามกำหนดการที่วางไว้ตั้งแต่แรก ผมแนะนำแบมและอาจารย์ให้รู้จักกันยึนคุยรอเวลาส่วนแบมได้แต่ฟังเพราะไม่เข้าใจภาษา อาจารย์นาโอะแนะนำให้ผมซื้อกล้องคอมแพ็คยูสเซอร์ระดับดีหน่อยเมื่อผมถามเกี่ยวกับกล้องเพราะอยากจะได้ไว้ถ่ายผลงานของนักเรียนอยู่แล้ว

คนขับรถตู้วิ่งฝ่าฝนลงมาเปิดประตูรถให้บรรดาแขกของรีสอร์ตที่ยืนหลบฝนรอขึ้นรถกันอยู่ตรงบันไดทางขึ้นห้าง ผมกับแบมวิ่งขึ้นรถกันก่อนเพราะเรานั่งที่นั่งหลังสุดมาต่อด้วยสามสาวนางแบบและคู่หนุ่มสาวนั่งตอนหน้าส่วนคู่ฝรั่งสูงอายุหายไป อาจารย์นาโอะเปิดประตูนั่งหน้าคู่กับคนขับ

เมื่อรถตู้เลี้ยวแยกออกจากถนนใหญ่ลัดเลาะไปตามโค้งถนนหมู่บ้านซึ่งคนขับบอกกับผมว่าจะต้องอ้อมกลับไปอีกทางเพราะฝนที่เพิ่งตกลงมาทำให้คาดว่ารถไม่น่าสามารถจะข้ามลำธารเล็กๆสองช่วงนั้นได้ซึ่งระยะเวลาอาจนานขึ้นประมาณครึ่งชั่วโมง

ผมนั่งมองหัวฝรั่งนางแบบของอาจารย์นาโอะโงนเงนชนกันไปมาคาดว่าพวกเธอคงจะหลับหันมาหาแบมจอมขี้เซาระดับโลกเหมือนกันที่มาแปลกเพราะยังลืมตาแป๋วดูวิวข้างทางอยู่ได้ ตอนเรายืนรอรถตู้ปะปนกับคนที่มาหลบฝนรอรถทัวร์ผมเห็นแบมสนใจมองฝรั่งหนุ่มสาวตัวสูงยาวที่นั่งอยู่ด้านหน้าแบบไม่วางตาซึ่งจะว่าไปผมเองก็สนใจเช่นกันไม่ใช่เพราะการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ดูก็รู้ว่าน่าจะอยู่ในโซนฝรั่งขี้นกฝั่งโน้นอย่างที่เจ้าทุยเพื่อนผมว่า แต่เป็นเพราะเสือผ้าทอบางๆที่พอเปียกฝนแล้วเห็นสองเต้าของสาวเจ้าได้อย่างชัดเจนส่วนเจ้าหนุ่มวัยรุ่นที่มาในชุดฟุตบอลบาร์ซ่าแต่คีบรองเท้าแตะมันก็เหมือนแอบท่อนเหล็กเขื่องๆเห็นเป็นลำไว้ในกางเกงโดยเฉพาะเวลามันเดิน

ผมซุกตัวเข้าไปเบียดแบมที่นั่งด้านริมหน้าต่างมือก็แทรกโอบกอดด้านหลังแบมหันมายิ้มให้

"ไม่หลับเหรอ"
"แบมไม่ง่วงเลยอ่ะแปลกดี รถมันก็โยกนะ"
"เดี๋ยวกลับถึงบ้านแล้วเข้าห้องเลยนะ" ผมแกล้งแหย่เธอเล่น
"แล้วแฟนพี่เค้าก็อยู่ในบ้าน" แบมคงอึดอัดเล็กๆเหมือนกับผม
"ดีสิ มีคนแอบดูตื่นเต้นดี"
"พี่ภพนี่ไม่ค่อยอายใครดีเนอะ สงสัยอยู่ญี่ปุ่นนาน"
"แล้วเกี่ยวอะไรกับอยู่ญี่ปุ่นล่ะ" ผมดึงเอาฝ่ามือเธอมาหอมเล่นอีกมือก็ลูบพุงน้อยๆของแบมไปด้วย
"ก็เค้าว่าคนญี่ปุ่นแก้ผ้าอาบน้ำเดินกันหน้าตาเฉยเลย" แบมเล่าสิ่งที่ได้ยินมา
"พี่ก็เคยไปอาบแบบนั้นนะ ภาพติดตาเป็นเดือนโคตรเซ็งเลยอ่ะ" แบมหัวเราะ
"แล้วบ้านที่พี่ภพอยู่ไม่มีห้องอาบน้ำเหรอ"
"ก็มีนะ จริงๆมันก็มีทุกบ้านแหละ แต่พวกอยู่หออาจเสียค่าน้ำแพงกว่าอะไรแบบนั้นล่ะพี่ก็ไม่ค่อยรู้รอจ่ายอย่างเดียว"
"ก็เลยต้องไปโรงอาบน้ำเพราะค่าน้ำแพงเหรอ"
"มันก็ไม่ได้แพงขนาดอาบไม่ไหวหรอก"
"แล้วทำไมไม่อาบที่บ้านอ่ะ" ใครเอาเจ้าหนูจำไมนี่ไปเก็บทีได้ไหมเนี่ย

"พี่ว่าเขาไปดูคนแก้ผ้ากันมั้ง ดูแบบไม่ต้องแอบดูด้วยอ่ะ"
"เอาตัวเองไปแก้ผ้าให้คนอื่นดู ดูคนอื่นแก้ผ้าอะไรแบบเนี้ย คนญี่ปุ่นมันเลยมีแต่ผอมๆเพราะมันกลัวอ้วนเวลาไปแก้ผ้าโชว์คนอื่น" ผมตอบคำถามเจ้าเด็กอยากรู้ส่งเดชไปมั่วๆ
"แล้วเค้าไม่อายกันเหรอ พี่ภพอายป่ะ"
"สมมุตินะ.. อ่ะไม่ต้องสมมุติก็ได้ แบมเห็นฝรั่งสองคนนั้นตอนยืนรอรถป่ะ" แบมรับว่ามองมองเหมือนกัน
"พี่ว่าไอ้เด็กหัวหยิกนั่นมันไม่ใส่กางเกงในชัวร์" ไอ้เด็กหัวหยิกที่ซ่อนบ้องข้าวหลามเอาไว้ในกางเกงผมเดาว่ามันไม่น่าจะเกินมัธยมปลายหรือไม่ก็มหาวิทยาลัยต้นๆ
"เห็นผู้หญิงป่ะ"
"เห็นสิ นมตู้มเต็มหน้าแบมเลย" แบมหันเขยิบท่านั่งเพื่อให้มือทั้งสองของผมปลดตะขอหลังเสื้อชั้นในตัวใหม่ได้ทำงานสะดวกขึ้นเพราะกุมที่หน้าอกลูบสองเต้าเบาๆมาสักพักแล้ว
"พี่ภพชอบเลยสิแบบนี้" แบบแซวผม

"พี่ชอบนะ" แบมหลับตายิ้มหวานตอนนี้เธอหันหลังกึ่งนั่งกึ่งนอนผ่อนคลายจากแรงกดรัดของเสื้อยกทรงที่เพิ่งซื้ออยู่ในอ้อมกอดของผม
"เพราะว่าสวยพี่ภพก็เลยอยากดู"
"เอาป่ะ.. พี่ว่าผู้หญิงก็ไม่ใส่กางเกงใน เดานะ"
"บ้า.. มันจะทำทำไม อูย.. พี่ภพ" แบมหยุดความสงสัยชั่วคราวเมื่อผมบดคลึงหัวนมเธอเบาๆ
"ถ้าผู้หญิงไม่สวยผู้ชายไม่หล่อพี่ก็ไม่อยากดูนะ จะแจ้งตำรวจจับข้อหาไม่ใส่กางเกงในด้วย"

"มันคงได้อีกอารมณ์นึงมั้ง อารมณ์แบบที่ไม่เหมือนอารมณ์แบบอื่นๆ เหมือนน้องนายชอบแอบดูแบมอาบน้ำใครจะด่าก็ไม่สนเพราะอย่างอื่นมันแทนกันไม่ได้จะดูหนังโป๊ก็ไม่ใช่"
"สมมุติว่าแบมแต่งตัวสวยไปเดินสยามคนมองแบมเต็มเลยเพราะแบมสวยแต่แบมก็รู้ของแบมคนเดียวว่าฉันโนแพนท์อยู่นะโนบราอยู่นะ ไม่รู้สิมันคงได้อารมณืนั้นแหละ"
"แล้วพี่ภพเคยทำเองรึยัง" ผมตกใจนิดหน่อยเพราะแบมเอานิ้วผมไปอม ความเปียกชื้นอุ่นๆในปากและสัมผัสของลิ้นที่ตวัดบดกับปลายนิ้วเล่นผมซะเคลิ้ม
"พี่เหรอ.. พี่ไม่ชอบอ่ะ ถ้าพี่ชอบพี่คงเข้าฟิตเนสอยากมีกล้ามใหญ่ๆดูดี"
"แต่พี่อยากให้เมียพี่เป็นแบบนั้นบ้าง ก็เพราะว่าเมียพี่สวยเป็นแบบนั้นได้"

ผมแกล้งดึงเสื้อยืดตัวเดิมตั้งแต่เมื่อคืนของแบมและเสื้อยกทรงตัวใหม่ขึ้นสองนิ้วของทั้งสองมือบดหัวนมคล้ายหมุนปุ่มหาสัญญาณคลื่นวิทยุจากนอกโลก แบมเสียวจนหลับตาหันมาจู๋ปากรอรับให้ผมประกบปากลงไปบนริมฝีปากของเธอ  ผมแกล้งปล่อยสองมือออกเมื่อรถตู้ชะลอความเร็วช่วงที่ผ่านสองข้างทางเป็นบ้านคนติดๆกันเป็นชุมชนหนาแน่น นมคู่ขาวสวยหัวนมแข็งเป็นไตสีแดงระเรื่อของเมียสาวน่ารักที่สุดในโลกปรากฏสู่สาธารณะโดยไร้แผ่นผ้าอาภรณ์ใดๆมาปกปิดตามธรรมเนียมสังคมมนุษย์ยุคเจริญแล้วที่ให้ความสำคัญต่อเปลือกห่อหุ้มร่างกายมากกว่าภายในจิตใจ

แบมคงเริ่มปรับตัวกับรสนิยมทางเพศของสามีเธอได้บ้างเล็กๆน้อยๆด้วยการหยิบแว่นตาดำทรงเชยๆของใครก็ไม่รู้คงจะลืมเหน็บไว้หลังเบาะที่สามสาวนางแบบนั่งมาใส่บดบังใบหน้า เรายังสนุกกับการนัดกันโบกสามมือบ๊ายบายแกล้งกลุ่มเด็กชาวบ้านผู้ชายผู้หญิงข้างทางเล่นด้วยซ้ำ

ของแบมหนึ่งมือของผมน่ะ ..สองมือ นึง ส่อง ซั่ม.. บ๊ายบาย


เรื่องแปลกๆของแฟน




ผมกับแฟนอายุ28/25คือผมชอบเรื่องแบบนี้อยู่แล้วครับแต่แฟนไม่ค่อยเท่าไร หลังๆนี้รู้สึกว่าแฟนแปลกๆไปครับเซ็กส์จัดขึ้นกว่าเดิมเวลากลับจากทำงานหรือเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนของเธอที่กางในของเธอจะมีน้ำขุ่นๆตลอดครับ  เมื่อไม่นานมานี้ผมเคยเปิดใจคุยเรื่องสวิงกับเธอไปครับแต่ก็เคยคุยเรื่องนี้อยู่นานแล้ว แรกๆก็ต่อว่าผมอย่างหนักอยากให้คนอื่นมาเอาแฟนหรือยังไง แต่หลังมาผมเอากับเธอทีไรก็จะคุยในแนวว่ามีคนอื่นที่ไม่ใช่ผมกำลังเย็ดเธอตลอดพอผมพูดกับเธอทีไรน้ำที่หีเธอเฉะทุกที ผมเปิดใจคุยกับเธอมาตลอดแต่เธอดูอายๆกลัวๆเธอบอกว่าหุ่นเธอไม่ดีหน้าตาก็ไม่สวยจะมีใครมาเอา และอีกอย่างกลัวผมรับไม่ได้ไม่รักเธอผมจึงบอกว่ากลับว่ามันยึ่งทำให้ผมรักเธอมากขึ้นไปอีก ผมจึงเห็นเธอยิ้มออกมาแล้วแฟนก็ถามกลับมาว่าแล้วจะออกสวิงเมื่อไร ผมว่ายังไม่รู้ยังหาเดี่ยวที่ไว้ใจไม่ได้แต่ผมก็บอกเธอกลับไปว่าถ้าเจอใครถูกใจก็บอกละกัน  เธอไม่ตอบแต่เธอยิ้มให้อายๆหน้าแดง แต่หลังอาทิตย์หนึ่งผ่านไปเธอมีอะไรกับผมเธอบอกผมว่าเธอเจอเดี่ยวแล้วหนึ่งคนผมถามว่าเป็นใคร เธอตอบว่ารุ่นน้องที่ทำงานอ่อนกว่าเธอ2ปี ผมผมถามว่าไปว่าได้กันหรือยัง.......เธอยิ้มแล้วตอบว่ายังไม่มีอะไร  แต่ผมว่าคงโดนเย็ดแล้วแน่เพราะหลังมานี้เวลาผมเย็ดกับเธอดูเธอร้อนแรงขึ้นร่านขึ้นและเวลที่เธอกลับจากทำงานหรืออไปเที่ยวกับเพื่อนที่ทำงานหีเธอเฉะกลับมาตลอดพอเธอไปอาบน้ำผมแอบดูกางเกงในเธอเฉะมากคครับยังกะไปเย็ดกันมาเลย 
เพื่อนๆว่าแฟนผมโดนรุ่นน้องเธอเย็ดยังครับ... หลังจากที่ผมสังเกตเห็นว่าแฟนผมมีนิสัยแปลกไปผมก็เริ่มจับตาดูความเครื่อนไหวแบบห่างๆ มีอยู่คืนหนึ่งเราออกไปเที่ยวกันครับมีเพื่อนๆเธอไปกันด้วยแต่ที่คงจะขาดไม่ได้ครับก็คือเพื่อนรุ่นน้องของเธอครับ  พอไปถึงผับแหงนี้ก็นั้งรอเพื่อนเธออยู่สักพักก็มากันครบครับและเแฟนผมก็แนะนำให้ผมรู้จักกับรุ่นน้องคนนี้น้องเค้าชื่อ  เอกครับพอแนะนำกันเสร็จก็เดินกันเข้าไปในผับกันก่อนที่จะเข้าไปแฟนผมยังกระสิบบอกว่าน้องคนนี้เเหละที่เค้าบอกกะตัวเอง แฟนผมของผมชื่อก้อยนะครับ พอเราเข้าไปข้างในบรรยากาศทำบวกกับเหล้าทำให้เราสนุกกันมากจนทำให้ก้อยแฟนผมลืมตัวไปว่าผมมาด้วยแต่จริงๆแล้วผมพยามหลบตัวเองเพื่อไม่เอกและก้อยเห็นพวกเธอจะได้แสดงฉากรักกัน....ก้อยแฟนผมกินสปายเข้าน่าจะ3-4ขวดได้แล้วทำให้ก้อยดูตึงๆคงจะเมานิดๆแล้วละทำให้ก้อยกล้าเต้นยั่วเอกสะขนาดนั้นแต่ดูเอกยังไม่ค่อยมีอาการสักเท่าไรแต่สิ่งที่ผมเห็นมันทำให้ผมควยถึงกับแข็งขึ้นมามันยังทำให้ใจผมหวิวๆสั่นๆรู้สึกห่วงแฟนผมขึ้นมา นั้นภาพที่เห็นก็คือเอกกำลังนัวเนียก้อยแฟนผมทางด้านหลังส่วนมือข้างหนึ่งของเอกน่าจะล้วงหีของก้อยอยู่แน่แล้วสีหน้าก้อยมันบ่องบอกถึงความเงี่ยนยังเห็นได้ชัดแต่เวลามันก็มาทำลายความเงี่ยนของคนทั้งสองมันเป็นเวลาที่ผับเริมปิดเราจึงเแยกย้ายกันกลับแต่ดูแล้ววสองคนนั้นคงอารมณ์ค้างแต่ก้อยแฟนผมเธออยากกลับบ้านก็ตามใจเธอครับผมก็ประคองก้อยขึ้นรถเอกก็เข้ามาช่วยประคองแล้วร่ำลากันผมขับรถกลับอยู่ๆก้อยก็พูดขึ้นว่าเปนไงเค้าหามาดูดีป่าว...ผมก็ว่าOKหล่อดีแต่ผมก็ลองถามก้อยว่าเอกเยสก้อยยังก้อยเขิลแต่ก็ตอบผมว่ายใครรจะให้คนอื่นเบาง่ายๆใช่ป๊ะ แต่อาการที่ก้อแสดงออกมาคือความเงี่ยนเห็นชัดมาก เราขับรถมาสักพักหนึ่งก็ถึงคอนโที่เราอยู่ครับเราสองคนก็ขึ้นห้องกันครับพอถึงห้องผมลองเอามือล้วงเข้าไปในกางเกงที่ก้อยใส่เป็นกางเกงขาสันยีนเอวหลวมขากว่างเหมาะที่ๆจะล้วงแถมก้อยยังใส่กางในจีสติงตัวใหม่ที่ืก้อยพึ่งซื้อมาอีกด้วยแต่ที่สุดยดคือกางเกงในเปียกชุ่มไปด้วยน้ำเงี่ยนของก้อยผอมเล้าโลมแลกลิ้นกันดูก้อยมีอารมมากๆเธอบอกให้ผมเย็ดได้แล้วผมค่อยๆปลดกางเกงและเสื้ออออกเหลือแต่ชุดชั้นในผมสร้างความเงี่ยนให้เธอจนก้อยบอกไม่ไหวแล้วผมค่อยๆดันควยของผมเข้าซึ้งตอนหีของก้อยเยิ้มแฉะมากผมเริ่ม  ผมเริ่มกะแทกก้อยเบอๆเธอครางเอ้ออ้าในคอรู้สึกว่าความเงียนเธอมีพลังมากผมเริ่มถามเรื่องของก้อยกับเอกไปถึงไหนแล้วเหรอ....เงียบ.....เย็ดกันยัง
...เธอบอกว่าไม่ยังไม่เย็ดกันที ผมกะแทกก้อยแรงขึ้นเรื่อยๆจนก้อยเสียวจากนั้นผมเปลียนให้ก้อยตีบนให้เธอขยมแบบสุดถึงพริกถึงขิงแบบที่ก่อยไม่เคยทำมาก่อน  ผมเริ่มแค้นเธอเรื่อยจนก้อยเริ่มว่า แค่อมให้เอกแล้วก็เอกเลียให้ผมเลยถามต่อว่าถอดผาหมดหรือป่าว ก้อยบอกว่าถอดแต่กางเกงและกางในผมเลยถามไปว่าไปที่ไหนกันละก้อยบอกห้องพักของเอกผมเสียววววสุดๆไปเลยครับน้ำแทบแตก. แล้วผมถามว่าจากนั้นละพอเอกแตกแล้วเอกก็มาส่งที่หน้าปากซอยคอนโดของเรา. ผมฟังเรื่องที่ก้อยเล่าผมมาทำให้ผมน้ำแตกคารูหีของก้อยที่ตอดรับผมตลอดดูเธอคงมีอารมมากเธอกระตุกๆไปตั้งสามสี่ครั้งเลยครบ.......ไว้มาเล่าต่อละกันใครมีประสปการณ์แบบผมมาเล่าแลกเปลี่ยนกันบ้างนะคับ

เล่นแม่ยาย

เรื่องผมเกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อน ผมเรียนจบแล้วกำลังรองาน เพ็ญสาวปี 2 นักกิจกรรมรุ่นน้องเกิดปัญหาที่บ้านโทร.มาขอความช่วยเหลือ เธอกับแม่โดนตามล่าเพื่อปิดปากหลังพ่อโดนยิงเสียชีวิต ผมจึงขับไปรับเพ็ญกับแม่มาพักที่บ้านในกรมทหาร กรุงเทพฯ พ่อผมไปขอให้เพื่อนตำรวจช่วยเร่งคดีของพ่อเพ็ญ ได้ความว่าพ่อเพ็ญกับเพื่อน 3คนรวมทุนค้าขายแถวชายแดน ต่อมาเพื่อนไปค้ายา พ่อเพ็ญขอแบ่งทุนแยกทาง แล้วเกิดเหตุตำรวจจับยาของเพื่อนทำให้คิดว่าพ่อเพ็ญหักหลังจึงตามมาฆ่า เพ็ญกับแม่จำหน้าคนยิงได้ถูกตามเก็บด้วยต้องหนีหัวซุน ก่อนขอให้ผมช่วยเพราะผมเป็นลูกทหารมีบ้านพักอยู่ในกรมทหาร ระหว่างรอคดีผมต้องรับส่งเพ็ญไปมหา’ลัยด้วยจึงสนิทกันมากเช่นเดียวกับแม่เอ๋แม่ของเพ็ญไม่กล้าไปไหนกว่าจะจับคนยิงได้ก็หลายเดือน กลุ่มเพื่อนพ่อเพ็ญยิงสู้กับตำรวจตายไป 1 สาหัส 1 อีกคนหนีได้ แม่เอ๋จึงขายที่และบ้านจว.เดิมย้ายไปอยู่กับน้องสาวส่วนเพ็ญยังอยู่บ้านผม เสร็จคดีไม่นานผมจึงได้งานเงินเดือนออกผมพาเพ็ญกับเพื่อนไปเลี้ยงเป็นเรื่องเลยครับ เพ็ญกับเพื่อนท้าผมชนแก้วเล่น 2 รุม 1 ผมเมาแบบกลับบ้านไม่ถูก ไปส่งเพื่อนเพ็ญที่บ้านแถวปทุมฯ แล้วขับรถกลับไม่ไหวจึงจอดนอนข้างทาง “ไปนอนโรงแรมดีกว่าพี่สันต์ตรงนี้กลัวโดนจี้” ผมฝืนขับรถไปโรงแรมเข้าห้องได้คิดว่าบ้านตัวเองจึงถอดชุดโยนทิ้งเหลือกางเกงในตัวเดียวก็ตะกายขึ้นเตียงหลับแบบปิดสวิตช์รู้สึกตัวหนาวมากมือควานเจอผ้าห่มก็ซุกเข้าไปแต่พอเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มดันไปเจอร่างนุ่มๆ แต่ร้อนผ่าวของเพ็ญเข้าจึงกอดหมับ “พี่สันต์..อย่ากอดเพ็ญ” เสียงอู้อี้ของเพ็ญทำให้ผมรู้สึกตัวว่าไม่ได้อยู่คนเดียว แต่มือกอดร่างอุ่นๆ น่ารักแล้วใครอยากปล่อยล่ะ “ขอกอดแก้หนาวหน่อย” ปากพูดไปอย่างนั้นแต่ใต้ผ้าห่มมือผมกอดล้วงไปโดนอกหน้าซุกเข้าหาซอกคอเพ็ญ “อย่าค่ะ..พี่สันต์..อย่ารังแกเพ็ญ” เสียงเพ็ญสั่นระริก “ไม่ได้รังแก..พี่ทำเพราะรักเพ็ญ..รักมากอยากใกล้ชิด..น้องเพ็ญจ๋า” ผมพล่ามออกไปตามสันดานเจ้าชู้ประสบการณ์สอนสั่งให้พูดรักหวานๆ กับหญิงแล้วหล่อนจะใจอ่อน หากไม่เอ่ยคำรักอย่าหวังจะได้เสพสม “ไม่..ไม่..ไม่..ไม่ค่ะ..พี่สันต์ไม่ได้รักเพ็ญ..พี่สันต์รักคนอื่นเพ็ญรู้” เพ็ญเถียงเสียงสั่น “เพ็ญรู้ดีกว่าพี่ได้ยังไง..พี่รักเพ็ญบอกเพ็ญอยู่นี่ยังจะให้พี่ไปรักคนอื่นทำไม” ผมยืนยันยื่นหน้าเข้าหาเพ็ญหลบปากไม่ยอมให้จูบแต่อาการดิ้นรนผลักไสไม่แข็งแรงเท่าตอนแรก เมื่อไม่ยอมจูบปากผมจึงไซ้ต้นคอแก้มกับใบหู มือเคล้าเนินอกล้วงไปจนเจอเม็ดบัวจึงบีบบี้เบาๆ “พี่สันต์ขา..อย่าทำค่ะ..ปล่อยเถอะ..เพ็ญกลัว” เสียงเธอขาดเป็นช่วงๆ “กลัวอะไรหรือเพ็ญ” “กลัวพี่สันต์ไม่รับผิดชอบ..กลัวพี่….” ผมไม่ปล่อยให้เธอพูดจบประกบดูดปากทันทีเพ็ญบิดหน้าหนีแต่ไม่พ้นจึงเม้มปากแต่ผมแหย่ลิ้นซอกซอนไม่นานปากเธอก็ยอมให้ลิ้นล่วงล้ำเข้าไป ที่สุดก็ได้ดูดลิ้นเธอ ผ่านไปสักพักเพ็ญเริ่มดูดลิ้นผมตอบโต้ “พี่รักเพ็ญ..ขอรับผิดชอบทุกอย่างที่ทำลงไป” ผมกระซิบข้างหูขณะดึงกางเกงในเพ็ญออก มือได้สัมผัสกับอารมณ์รักของเธอที่ฉ่ำเยิ้มทั่วบริเวณปากร่องกลางเนินเนื้ออวบอูมเพ็ญตัวสั่นผวากอดเมื่อผมแทงนิ้วกลางช้าๆจนสุดนิ้วมือ ร่องเนินของเพ็ญเต็มไปด้วยน้ำหล่อลื่น เธอพร้อมแล้ว… ผมคิดจับเพ็ญนอนหงายจ่อหัวสูบเข้าปากท่อกดสะโพกเข้าไป “โอ้ย..เบาๆ พี่สันต์เพ็ญเจ็บ” เธอร้องยกสองขาแยกห่างกันมากขึ้น ผมก้มลงจูบดูดดุนเม็ดบัวกลางเนินนมปลุกเร้าอารมณ์ให้เพ็ญเกิดความต้องการรุนแรงยิ่งขึ้น โดยคาหัวสูบไว้แค่ปากทางเพ็ญหายใจแรงเหมือนกับว่าออกกำลังวิ่งไกลมาจนเหนื่อย ผมจึงกดสะโพกใส่อีกนิด หัวสูบดับเพลิงมุดลึกกว่าเดิมมากขึ้นและมากขึ้น แต่ไม่ทันสุดสายสูบ “โอ้ยยย..พี่สันต์ขา..พอแล้วค่ะ..เอาออกก่อนเพ็ญเจ็บ..เจ็บมากจริงๆ” เสียงร้องของเธอน่าสงสาร “เพ็ญขึ้นมานอนทับพี่จะได้ไม่เจ็บ” ผมไม่ยอมเอาออกแถมพลิกตัวให้ให้เธอขึ้นมาอยู่ข้างบน ผมลูบหลังเธอเบาๆ เป็นการปลอบโยนให้คลายความหวาดกลัวอย่างหนึ่งที่อาจารย์จิตวิทยาเคยสอน “หายเจ็บแล้วใช่ไหม” ผมรู้สึกเธอเกร็งตัวไม่ให้หัวสูบของผมมุดลึกเข้าไป “มันยังตึงอยู่ค่ะพี่สันต์” น้ำเสียงของเพ็ญดีขึ้น “ครั้งแรกก็เป็นแบบนี้แหละ..เพ็ญของพี่เก่งจะตายเดี๋ยวก็หายเจ็บ” “เพ็ญไม่เคยนะคะ..พี่สันต์เป็นคนแรกของเพ็ญ..อย่าทำให้เพ็ญเสียใจนะคะพี่สันต์” ผมไม่อยากเชื่อเพ็ญไม่เคยมีประสบการณ์เพราะท่าทีเธอเต็มใจสนุกกับผม “พี่รักเพ็ญ..ไม่ทำให้เพ็ญเสียใจ” สันดานเจ้าชู้ทำให้ผมรับปากไปก่อนแล้วค่อยหาทางแก้เอาข้างหน้า “เพ็ญก็รักพี่สันต์ค่ะ..เพ็ญแอบรักมานานแต่ไม่คิดว่าพี่จะรักเพ็ญ” คิดไว้แล้วเพ็ญต้องมีใจให้ผม “เพ็ญจ๋าวันนี้เรามีความสุขด้วยกันนะ” “ค่ะพี่..เราจะมีความสุขด้วยกัน” เพ็ญตอบรับผมแล้วค่อยหย่อนก้นลงมาหูผมแว่วได้ยินเธอกัดฟันกระทั่งหัวสูบผมมุดเข้าไปจนหมด ผมให้เธอขยับตัวยกก้นขึ้นให้หัวสูบวิ่งเข้าวิ่งออกแต่เพ็ญทำได้ไม่ดีนักจึงจับเธอกลับลงไปนอนหงายแล้วเริ่มชักสายสูบเข้าๆ ออกๆ เนินเนื้อของเพ็ญอย่างเมามันร่องรักของเพ็ญฟิตแน่นรัดหัวสูบของผมตลอดเวลา ผมชักสายสูบเข้าๆ ออกๆไม่นานก็เสียวสุดทานทนปล่อยความรักพุ่งเข้าใส่เป็นระลอก เพ็ญผวาเข้ากอดผมตัวสั่นระริกเมื่อความสุขพุ่งผ่านเข้าหาเพื่อนสาวรุ่นน้องหมดแล้วผมจึงชักหัวสูบออกเพ็ญรีบลงจากเตียงเดินไปเข้าห้องน้ำ ผมจึงเปิดไฟสว่างทั้งห้องแล้วก็ตกใจเมื่อเห็นสีแดงดวงใหญ่บนผ้าปูที่นอน และเมื่อรูดหัวสูบของตัวเองก็ได้พบว่า มีสีแดงๆ ติดมือออกมาด้วย..เพ็ญมีประจำเดือน..ผมคิดง่ายๆ แต่ความจริงคืออะไร ”พี่สันต์..เพ็ญเลือดออกไม่หยุด” เพ็ญเปิดประตูห้องน้ำออกมาหน้าซีดเสียงสั่น ”ประจำเดือน” ”ไม่ใช่….ประจำเดือนหมดไปสิบวันแล้ว” ”ไปหาหมอกัน..” ผมหาทางออก ”ตอนตีสี่เนี่ยะนะ..ให้เพ็ญบอกหมอว่าไง” ”บอกว่านอนกะผัว” ”นอนกะผัว..ผู้หญิงไม่ได้แต่งงานไปบอกหมอว่านอนกะผัว..พี่สันต์บ้าไปคนเดียวเถอะ” ”พี่นี่ไงผัวเพ็ญ” ผมผูกมัดตัวเองมากขึ้น ”มานั่งตรงนี้ซิ..ขอดูแผลหน่อย” ”บ้า..บ้า..พี่สันต์บ้า..เพ็ญอายนะ” เธอร้องลั่นท่าทางมีความสุขคลายตระหนกจากการตกเลือด ‘พี่นึกว่าประจำเดือนของเพ็ญ” ผมชี้ให้ดูรอยเลือดบนผ้าปูที่นอน ”หมดไปตั้งนานแล้ว” เธอยืนยัน ”งั้นพี่รู้แล้ว..” ผมดึงเพ็ญเข้ามากอด ”รู้อะไรคะ..” ตาใสซื่อคู่นั้นทำให้ผมสงสารเธอยิ่งขึ้น ”รู้ว่าเพ็ญรักพี่มาก ถึงขนาดพี่บอกรักคำเดียวเพ็ญก็มอบความบริสุทธิ์ให้” ”พี่รักเพ็ญมากไหม” ”รักมากกว่าเพ็ญรักพี่” เธอซุกอกกอดผมแน่น ”พรุ่งนี้ไปหาหมอกัน..ตรวจให้รู้ทำไมเลือดสาวออกเยอะนัก” ”เพ็ญไปวันจันทร์แต่คนเดียว พี่ไปทำงานเถอะ” ผมซุกไซ้ดมกลิ่นแก้มหอมๆ ”จะกลับหรือยัง” ”แล้วแต่พี่ค่ะ” เพ็ญยังไม่อยากกลับ ส่วนผมอยากกอดต่อเราจึงนัวเนียกันด้วยความสุข ผมดึงหัวสูบออกมาให้เพ็ญจับต้องให้คุ้นเคย แรกๆ เธอไม่กล้า แต่ที่สุดก็ยอมนวดหัวสูบแข็งจึงถูกส่งเข้าไปในร่องสาว ผมซอยอย่างมีความสุข แต่เพ็ญตัวเกร็งแข็งทื่อเหมือนเจ็บปวดตลอดเวลา รุ่งขึ้นเพ็ญนอนจับไข้อยู่ในห้อง ผมส่งข้าวส่งน้ำเงียบๆ ไม่ให้พ่อรู้ ตอนเย็นนั่นจึงออกมาเดินไม่ค่อยถนัด วันจันทร์เพ็ญไล่ผมไปทำงานเย็นเจอกันจึงรู้ ”หมอว่าเยื่อสาวของเพ็ญหนามาก มีเลือดค้างอยู่ด้วย พอขาดเลือดค้างผสมออกมาจึงดูว่ามากกว่าปกติ” ”หมอห้ามไม่ให้ยุ่งกับแฟนพักหนึ่ง” กลางดึกผมแฉลบเข้าไปหา เพ็ญอ้างคำสั่งหมอไม่ยอมให้ผมล่วงเกินถึงเจ็ดวัน แต่พอวันที่แปดเธอเรียกผมเข้าไปซักไซ้เรื่องข้อสอบ นั่งเอานมเบียดแขน ผมทำเป็นไม่รู้เท่าทันอธิบายเธอเข้าใจแล้วก็จะออกจากห้อง ”พี่ไม่กินบัวลอยไข่หวานก่อนหรือจ๊ะ” ”ไหนล่ะ” ”เพ็ญกำลังอุ่นให้พี่” เธอประคองถ้วยขนมโปรดมาวางตรงหน้า เพ็ญใช้วิธีก้มตัวลงวาง แทนการนั่งแล้ววางอย่างเคย เสื้อคอกระเช้าที่สวมแม้เป็นผ้าหน้า แต่เพ็ญไม่สวมเสื้อในนมสองเต้าจึงออกมายั่วตา ”เพ็ญ..” ”จ๋า..” เพ็ญขานรับเหลือบตามองผม ”พี่อยากกินเม็ดบัว” ”พรุ่งนี้เพ็ญจะซื้อให้” ”อยากกินวันนี้” ”พี่สันต์ก้อ..บอกล่วงหน้าซีค่ะ ..ดึกป่านนี้ร้านขนมปิดแล้วค่ะ” ”ไม่ต้องไปซื้อที่อื่นหรอก พี่อยากกินเม็ดบัวของเพ็ญ” ”อุ๊ย..” เพ็ญอุทานมือดึงเสื้อคอกระเช้าให้บังนมสวยๆ ให้พ้นจากสายตาหื่นๆ ”ไม่ต้องปิดพี่อยากกินบัวสองเม็ดในเสื้อคอกระเช้าของเพ็ญนี่แหละ” ”ไม่ค่ะพี่สันต์” เธอหลบ แต่ผมรวบเข้ามาจูบเท่านั้น ตัวเพ็ญก็ลอยพ้นพื้นไปหล่นโครมบนเตียง เพ็ญไม่อิดออดแล้วยังตอบโต้ประสานจังหวะผมได้คล้องจอง เราสองสอดประสานเด้งรับกันอย่างรู้ใจจนเหงื่อกาฬไหลพร่างพรูก่อนพบกับความสุขสันต์บนแดนสุขาวดีพร้อมกัน ”เพ็ญทำข้อสอบได้ทุกข้อเลยพี่สันต์” เธอยิ้มร่าวิ่งเข้ามากอดเมื่อผมกลับถึงบ้านใกล้ค่ำวันต่อมา ”เห็นมั้ยมีความสุขกับพี่แล้วสมองปลอดโปร่ง ความจำดีจำตำราได้ทุกบทตอน” ”เพ็ญเหนื่อยแทบตื่นไปสอบไม่ทัน..พี่ยังว่าดีอีก” เธอตัดพ้อ ”งั้นคืนนี้ต้องซ้ำจะได้หายเหนื่อยหายเพลีย” ”ไม่ไหวพี่..รอไปก่อนเถอะ..เพ็ญระบมทั้งตัว..ยังกะคราบของพี่ตามไปสอบด้วยเลย” ”นึกว่าพี่ตามไปให้กำลังใจถึงห้องสอบซี..จะได้มีความสุข” ”นึกแบบนั้นเพ็ญคงเพลียไม่มีแรงสอบแน่ๆ” เธอหัวเราะเสียงใส ผมสนุกกับเพ็ญคืนเว้นคืนจนเธอสอบเทอมสุดท้ายเสร็จทุกวิชา ”รู้ผลเมื่อไหร่” ”เดือนหน้าค่ะ” จังหวะนั้นผมมีงานมากจนไม่ค่อยได้สัมผัสกัน สิบกว่าวันผมกลับบ้านค่ำเพ็ญไม่อยู่บ้านจึงออกตามหาไปเจอนั่งชิงช้าที่สนามเด็กเล่นคนเดียวกลางความมืด ”ไม่สบายหรือเปล่าเพ็ญ” ”เปล่าค่ะ” เธอให้ผมจูงมือกลับบ้าน ”กลัวสอบไม่ผ่าน” เพ็ญสั่นหัว ”งั้นก็บอกพี่มาว่าไม่สบายใจเรื่องอะไร” ”เพ็ญสบายดีค่ะพี่” เธอรีบเดินนำผมถึงบ้านก็จัดหาข้าวให้ทันที ”พ่อล่ะ” ”ท่านไปทานเลี้ยงค่ะ” ”คืนนี้พี่นอนด้วยนะ” ”ค่ะ..” สี่ทุ่มกว่าพ่อถึงบ้านเรียกผมไปคุย ”ท่าทางเพ็ญมีปัญหาเอ็งสังเกตไหม” ผมสั่นหัว ”เอ็งปล้ำเพ็ญหรือเปล่า?” ผมสั่นหัวอีก ”เออดี แต่ถ้าเอ็งปล้ำพ่อก็ไม่ว่าอะไร เพ็ญมันเด็กดี ขยัน ช่วยเอ็งทำมาหากินได้” ”พ่อคิดว่าเพ็ญมีปัญหาเรื่องผู้ชาย” ผมแข็งใจเอ่ยปากถามพ่อ ”เออใช่..คิดว่าเป็นเอ็งด้วย..เพราะเอ็งเจ้าชู้นัก..เอ็งไม่ทำก็แล้วไป แต่ลูกผู้ชายทำอะไรต้องรับผิดชอบนะโว้ย..เดี๋ยวพ่อจะไปคุยกับเพ็ญสักพัก” พ่อแยกจากเพ็ญห้าทุ่มกว่า ผมแกล้งสนใจหนังคาวบอยเก่าในทีวี ”ได้เรื่องไหมพ่อ” พ่อส่ายหัวเดินเข้าห้องนอนแล้วไม่ออกมาอีก ผมนั่งดูหนังอีกครึ่งชั่วโมงไม่มีความเคลื่อนไหวของพ่อและเพ็ญจึงปิดทีวีปิดไฟ เข้าไปแปรงฟันเปลี่ยนชุดนอนแล้วจึงไปห้องเพ็ญประตูไม่ได้ล็อก เพ็ญนอนมองผมไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว ”คิดถึงพี่ใช่ไหม..หรืองอนพี่” ผมแกล้งหยอก ”ไม่ทั้งสองอย่างค่ะ” ”พี่คิดถึงเพ็ญเหลือเกิน” ผมล้มตัวลงนอนกอดเธอ ซุกไซ้ปากแก้ม เพ็ญรับจูบไม่ขัดขืน..แต่ไม่มีอารมณ์จนผมรับรู้ได้ ”เพ็ญเป็นอะไรไป..บอกพี่ซิ” ”พี่สันต์..” แววตาเซื่องซึมไร้ชีวิตชีวาจ้องผม ”เพ็ญสงสัยท้องค่ะ..” ”เพ็ญท้อง” ผมครางยาวในใจปั่นป่วนไปหมด ”ยังไม่แน่นะคะพี่สันต์ ประจำเดือนหายไปสิบวันเท่านั้น แต่ถ้าท้องจริงเพ็ญจะจัดการเอง พี่สันต์ไม่ต้องห่วง” น้ำเสียงเธอแหบแห้ง ”เพ็ญจัดการอะไร..จัดการยังไง” ผมถามเสียงดัง ”เบาๆ ซีคะเดี๋ยวท่านได้ยิน..เพ็ญปรึกษาเพื่อนแล้วพรุ่งนี้เพื่อนจะพาไปปรับ” เสียงเพ็ญแหบแห้งแต่มั่นคง ”เพ็ญจะฆ่าลูก” ”เปล่าค่ะ..เพ็ญยังไม่ท้อง..แต่เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ทำให้พี่สันต์ยุ่งยากเท่านั้น” ”พรุ่งนี้เพ็ญไปกับพี่” ผมกอดเธอแน่น ”ไปไหนคะ” ”ไปหาแม่เอ๋..พี่จะไปขมาแม่เอ๋ สารภาพว่าพี่รักเพ็ญแล้วทำเพ็ญท้อง..พี่ต้องการแต่งงานกับเพ็ญเร็วที่สุด” ”พี่สันต์ไม่หลอกให้เพ็ญดีใจคืนเดียวนะคะ” ”ไป..ไปหาพ่อกันเดี๋ยวนี้” ผมพาเพ็ญไปเคาะเรียกพ่อสารภาพเรื่องทั้งหมด ”แบบนี้ค่อยสมกับเป็นลูกพ่อ..เพ็ญสบายใจได้แล้วลูก..” ผมกราบเท้าพ่อแล้วกอดเพ็ญเข้าห้องตัวเอง ”เฮ้ยๆ ไม่ได้เพ็ญยังไม่ใช่เมียเอ็ง..ปล่อยให้เพ็ญกลับไปนอนห้อง” ผมไม่สนล็อกประตูห้องให้พ่อบ่นพึมพำคนเดียว
ผมลางานขับรถพาเพ็ญไปพบแม่เอ๋ สารภาพกับแม่ยายเหมือนที่บอกพ่อ ”สันต์รักลูกสาวแม่หรือเปล่า” ”รักครับแม่เอ๋” ”เพ็ญล่ะรักพี่สันต์เค้ามั้ย” ”รักมากจ้ะแม่” ”แม่ยินดีด้วยทั้งสองคน..ดีเหมือนกันแม่จะได้อุ้มหลานทันใจ” แม่เอ๋กอดลูกสาวคู่กับผมแนบแน่น ”แม่เอ๋หาฤกษ์แต่งเลยนะครับ ศุกร์นี้ผมกับพ่อจะมาขออีกหน” ”ไม่ต้องแล้วสันต์..ได้ฤกษ์เมื่อไหร่แม่จะโทร.ไปบอกแล้วมาทำพิธีที่บ้านนี้ตอนเช้า..ค่ำๆ ก็เลี้ยงเพื่อนๆ แบบกันเองในบ้านนี่แหละไม่ต้องมากพิธี ส่วนสินสอดพอใจให้เพ็ญเท่าไหร่ก็เท่านั้นแม่ไม่เรียกร้อง” แม่ยายจัดการเรื่องแต่งงานได้รวบรัดภายในสองอาทิตย์ต่อมาด้วยเหตุผลเดิม ”ไม่ต้องเอิกเกริกให้รู้ทั่วเมืองแม่ยังระแวงไอ้หลองที่ยังหนีไปอยู่นะ..” แม่เอ๋แต่งตัวสวยเหมือนเพื่อนเจ้าสาวราวไม่ใช่แม่ ส่วนน้าแอ๊วไม่โผล่มาจนเพ็ญเอ่ยถาม ”น้าแอ๊วไปไหน ป่านนี้ยังไม่มา” แม่เอ๋ดึงเพ็ญเข้าไปกระซิบ เจ้าสาวของผมหัวเราะคิก เมื่อเสร็จเรื่องราวผมพาเพ็ญกลับกทม. น้าแอ๊วของเพ็ญก็ยังไม่มา ”น้าเค้ายกที่ท้ายสวนให้ 2 งาน แม่จะออกเงินปลูกบ้านให้ เดือนหน้าช่างนัดมาดูแบบอย่าลืมล่ะ” ผมแยกไปอยู่คอนโด ชีวิตคู่มีความสุขดี เพียงแต่ห่างเรื่องบนเตียงด้วยเมียท้อง ผมจึงต้องอดทนเพื่อลูก คิดในใจนับวันอดอยาก คลอดเมื่อไหร่ผมจะเรียกดอกทบต้นคืนจากเพ็ญ แล้วผมก็ได้ลูกชาย ”ภรรยาคุณมดลูกไม่แข็งแรง 2-3 ปีนี้อย่าเพิ่งมีลูกอีกนะครับ” เพ็ญกินยาคุมตามคำแนะนำของหมอเมื่อมดลูกเข้าอู่ ”อย่าแรงนะพี่สันต์ เพ็ญยังเสียวข้างใน” คำขอร้องของเพ็ญทำผมหายคึกไปเกือบครึ่ง ส่วนเพ็ญเกร็งตัวไม่ปล่อยอารมณ์สนุกกับผมเหมือนก่อนแต่ง ยาคุมทำให้หุ่นที่อวบอัดของเพ็ญเป็นสาวบอบบาง แค่ปีเดียวเมียหุ่นอวบอั๋นกลายเป็นผอมบางไม่สะใจ ผมเริ่มหงุดหงิด เมื่อเพ็ญไม่ค่อยมีอารมณ์ผมอยากมากๆ ก็ต้องใช้กำลัง แทนที่จะได้รับความสุขกลับกลายเป็นทุกข์ เพ็ญโดนข่มขืน 2 ครั้ง เธอขอแยกห้องไม่ยอมให้ผมร่วมรัก สรุปอยากมีความสุขผมต้องใช้กำลัง ผมแก้ปัญหาด้วยการออกไปปลดปล่อยข้างนอก แต่พอกลับดึกหรือมีกลิ่นพิเศษติดตัวมาก็เกิดวิวาทกัน แล้วเพ็ญก็อุ้มลูกขวบครึ่งหนีไปอยู่กับแม่เอ๋ ผมตามไปงอนง้อเท่าไหร่เพ็ญไม่ยอมกลับ ”ขออยู่รักษาตัวกับแม่สักพักนะคะพี่สันต์..ถ้าไม่ดีขึ้นเพ็ญยอมให้พี่มีคนอื่น” เพ็ญไปนอนห้องแม่เอ๋ล็อกประตูไม่เปิดรับ ผมเรียกจนท้อ ”ไปหาข้าวกินก่อนเถอะสันต์” แม่เอ๋มาให้สติ ”ผมอยากกินเหล้า” ”ไปรอที่บ้านเดี๋ยวจะให้เด็กเอาไปส่ง” ผมอยู่บ้านใหม่คนเดียวไม่นานก็มีสาวสักสามสิบถือเหล้ากับแกล้มมา ”พี่เอ๋ให้เอามาส่งคุณสันต์” ”วางไว้บนโต๊ะนั่นแหละ” ผมกำลังเซ็งมองแวบเดียวว่าคนใช้บ้านนี้สวยดีแต่ไม่มีอารมณ์จะจ๊ะจ๋าจึงหลับตาคิดถึงปัญหาชีวิต ”รินเหล้าให้แล้วนะคะคุณสันต์” เธอพูดขณะเดินผ่านตัวออกจากบ้านไปผมขยับไปยกเหล้าแก้วนั้นดื่ม แล้วดื่มติดๆ กันจนหมดไปครึ่งขวด กินเหล้าแล้วผมร้อนเมื่ออยู่คนเดียวจึงถอดเสื้อกางเกง คว้าผ้าเช็ดตัวมานุ่งทับกางเกงลิงฝืนกินเหล้าต่อจนเมาหลับบนเก้าอี้ยาว รู้สึกตัวปวดฉี่มากเข้าห้องน้ำแล้วอาบน้ำเสร็จออกมาจึงเห็นว่าแก้วเหล้าจานใส่กับแกล้มบนโต๊ะถูกเก็บเรียบร้อยหมดแล้ว …เพ็ญคงมาเก็บ… ผมคิดในใจเดินเข้าห้องนอนเปิดไฟแต่ไม่ติดสักดวงจึงปิดประตูห้องกระชับผ้าขนหนูแน่นแล้วขึ้นเตียงนอน ฤทธิ์เหล้ายังเหลืออีกหลายก๊งผมจึงหลับตาก่อนพลิกมือควานหาหมอนข้างแต่ไปกระทบร่างใครคนหนึ่งในผ้าห่ม ”เพ็ญ..เพ็ญจ๋า..เพ็ญมานอนกับพี่คิดถึงพี่ใช่ไหม” ผมเชื่อมั่นว่าร่างในผ้าห่มนั้นเป็นเมียรักจึงสอดมือเข้าไปกอดลูบไหล่เธอปากก็พร่ำพรรณนาบอกถึงความรักเมียมากมายมหาศาลปานใด ไม่มีเสียงตอบจากเพ็ญมีแต่เสียงถอนหายใจยาวๆ ติดต่อกัน ”พี่รักเพ็ญมากนะจ๊ะ..ต่อไปพี่จะไม่ขัดใจเพ็ญอีกแต่เพ็ญก็ตามใจพี่บ้างนะ” มือที่ลูบแขนเลยไปถึงอก เพ็ญซูบไป แต่ยังมีก้อนเนื้อให้เคล้าคลึง ผมเคล้นนวดเต้าตึงต่อไปเพ็ญถอนหายใจหนักๆ อีกหลายครั้งผมจึงใช้สองนิ้วบีบบี้เม็ดบัวกลางอก ”ซี้ดดด…” เพ็ญครางหันตัวกลับมาซุกหน้ากับอกผมอย่างเคยชิน แต่มือเธอล้วงจับหัวสายสูบที่แข็งตัวอยู่ เพ็ญถลกกางเกงลิงดึงหัวสายสูบของผมออกมารูด ผมจึงล้วงเนินรักของเธอบ้าง เพ็ญมีอารมณ์มากจนนิ้วผมเปียกเลยครับ ไม่ต้องเสียเวลาอีกแล้ว ”เพ็ญจ๋าพี่จะทำเบาๆ นะ เจ็บเมื่อไหร่รีบบอกพี่” ผมกระซิบถือโอกาสไซ้ลิ้นตวัดเลียใบหูเธอไปพร้อมกัน ”ฮืออ..ฮือออ…ซี้ดดด..” เสียงเพ็ญอู้อี้เมื่อหัวสายสูบผมเริ่มมุดเข้ากลางเนินรัก น้ำหล่อลื่นมากมายของเพ็ญทำให้มันหายเข้าไปหมดสายในเวลาไม่นานนัก ”ไม่เจ็บแล้วนะจ๊ะ” ผมถามให้แน่ใจเพราะไม่อยากวิมานทลายอีก ”ฮืออออ..” เพ็ญตอบรับด้วยเสียงคราง ”พี่ซอยเลยนะเพ็ญ..รับรองว่าเบาๆ เบาที่สุด” ผมซักหัวสูบออกมาซอยเข้าออกช้าๆ และนิ่มนวล ไม่นานสะโพกของเพ็ญก็ส่ายรับการซอยของผมได้คล่องแคล่ว ”เพ็ญไม่เจ็บแล้ว..พี่ดีใจที่สุด” ผมเสียงดังซอยกระแทกใส่เพ็ญรุนแรงไม่ยั้งอย่างที่เคยทำ เพ็ญก็ตอบสนองสุดเหวี่ยงไม่เกรงกลัวความเจ็บปวด และส่งเสียงร้องครางดังกระหึ่มขึ้นทุกขณะ ป้าบๆ ป้าบๆ ผมซอยหัวสูบใส่เพ็ญไม่บันยะบันยังด้วยความเสียวกระสันอย่างที่สุด เพ็ญก็ร้องครางตอบรับ ”เสียว…เสียวววว…เสียวจังเลยสันต์ขา..” เสียงเพ็ญแปร่งไปจากปกติ ”พี่เสียวแล้วนะเพ็ญเกือบหรือยัง..เราเสร็จพร้อมกันนะเพ็ญจ๋า” ”เสียว..เสียวแล้วค่ะ..เสียววว..เหลือเกินไม่ไหวแล้ว..เสียวเหลือเกินสันต์ขา..เสียวที่สุดเลย” ”พี่..” ผมรู้แล้วว่ากำลังนอนกับใครจึงหยุดชะงัก ”อย่าหยุด..อย่าหยุดนะ…เอาอีก..เอาพี่แรงๆ เอาต่อไป..พี่กำลังมันเอาต่อไปเร็วๆ..เร็วๆ…พี่กำลังจะออก…ออกกก…แล้วสันต์ขา” คนที่ผมเข้าใจว่าสาวที่เด้งรับหัวสูบอยู่นั้นเป็นเมียรักจะส่งเสียงร้องครางด้วยความเสียวกระสัน เธอได้พลิกตัวจากการนอนหงายขึ้นมาอยู่เหนือผมทำตัวเป็นจ็อกกี้ม้าขี้โขยกอย่างเมามันพร้อมกับเสียงเร่งเร้าตลอดเวลา ผมจึงเด้งใส่เธอรุนแรงโดยไม่สนว่าใครคือเธอ ”พี่ออก. ..ออกแล้ว.. .สันต์ขา” เธอกระแทกหอยสู้ผมอย่างรวดเร็วปากก็ร่ำร้อง.. .ออกแล้วๆๆๆ. ..ติดๆ กันไม่หยุด เพ็ญเคยเสียวสะท้านกับผมมาก่อน แต่เสียงและลีลาเมียผมไม่ได้ครึ่งของเธอผู้นี้ …เธอมีความสุขสองครั้งติดๆ ก็เริ่มอ่อนแรงไม่มีแรงกระแทกเนินสู้ ผมจึงพลิกตัวเธอกลับลงไปนอนยกสองขาเบื้องล่างแล้วทำตัวเป็นคนขี่ม้าโขยกใส่บ้าง คราวนี้เธอกระเส่าเสียงครวญครางเสียงเร่งเร้าให้ผมขึ้นถึงสรวงสวรรค์ด้วยความเสียวสุดยอดยิ่งกว่าครั้งใดๆ ป๊าบๆ ป๊าบบบ…ผมกระแทกหัวสูบใส่อย่างรุนแรงติดต่อกันเกือบยี่สิบทีแล้วปล่อยความสุขพุ่งเข้าใส่ เธอแอ่นเนินขึ้นรับลาวาร้อนๆ ของผมพร้อมกับบิดตัวไปมาครางเสียงสั่น…สันต์จ๋าดีเหลือเกิน…สันต์จ๋าพี่มีความสุขมาก…สันต์จ๋าๆๆ เสียงครางของเธอเบาลงทีละน้อยกระทั่งเงียบไป เหลือเพียงเสียงหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อยของเราสองดังแข่งกัน ”เข้ามาอยู่ในห้องผมได้ไง…พี่…” ผมถามประโยคแรกเมื่อหายเหนื่อยแต่ถูกใช้มือปิดปากไว้ก่อนพูดจบ ”ไม่ต้องถามอะไร…ตอบพี่มาก่อนว่ามีความสุขกับพี่หรือเปล่า” ”มีครับ…มีมาก” ”รังเกียจพี่ไหม…ถ้าพี่จะขอความสุขจากสันต์อีก” ”แล้วเพ็ญล่ะพี่…” มือเธอปิดปากผมพูดย้ำอีกหน ”ตอบอย่างเดียวไม่ต้องถาม” ”เมื่อทำให้พี่มีความสุขได้ผมก็ยินดีทำให้ครับ” ”ดีมากน้องรัก…” เธอจูบปากสอดลิ้นเข้ามากอดกระหวัดลิ้นผม ”พี่…” ผมจูบกันอย่างเร่าร้อนรุนแรงด้วยความต้องการของเรานั้นคล้องจองกันเมื่อถอนปากออกผมจึงเอ่ยแต่ถูกมือประกบปิดไว้ ”บอกแล้วไงว่าฟังกับตอบเท่านั้นไม่ต้องถาม…ไม่ต้องสงสัยทุกอย่าง” ”แต่..” ”ไม่ต้องมีแต่ด้วย..มีพี่..มีสันต์และมีความสุขระหว่างเราสองคนเท่านั้น..ไม่เกี่ยวกับใครทั้งสิ้น..สันต์ทำได้ไหม” ”แต่ผม…” ผมไม่รับคำ ”สันต์สงสัย..กลัวพี่จะทำลายความรักของสันต์กับเพ็ญหรือเปล่า?” ”แต่พี่มา..” เธอไม่ยอมให้ผมถามจบ ”ใช่พี่มาเสนอตัวให้..ถ้าสันต์ไม่รังเกียจ ช่วยพี่ให้มีความสุขบ้างตามวาระ โดยสันต์ยังรักเพ็ญกับลูกมากๆ..ไม่รังแก ไม่ทิ้งเพ็ญ… สันต์ทำได้ตามนี้ พี่ก็สัญญาจะส่งเสริมสันต์กับเมียให้รักมั่นยืนยาว” ปากพูดมือไม่อยู่นิ่งไต่ไล่จากอกลงไปท้องแล้วขยุกขยิกที่ลำสายสูบ ”ผมไม่เคยรังแกเพ็ญและไม่เคยคิดทิ้งเพ็ญ” ผมเถียง ”เรื่องนี้ไว้ทีหลัง” สาวในความมืดตัดบท ”ผมรักเพ็ญอยากมีความสุขด้วยโดยไม่นอกใจเพ็ญ” เธอขยับขึ้นมาจูบปิดปากไม่ให้พูดต่อ มือเกาตามลำสายสูบทำให้มันตื่นตัวร้อนแล้วตั้งขึ้นเป็นลำ ”มหึมาเกินกว่าพี่คาด” มือเธอลูบลำสายสูบส่งเสียงพึมพำ ”ตอนได้ยินนึกว่าสักห้าหกนิ้ว..แต่นี่มันเจ็ดนิ้วกว่ามั้งเลยคืบไปตั้งเยอะ” เธอยืดนิ้ววัดความยาวลำสายสูบของผมแล้วดึงหนังหัวเขี่ยนิ้วไปตรงร่องเส้นสองสลึง ”เสียวนะพี่..” ผมตัวเกร็งร้องบอกไป ”ก็เสียวน่ะซี…ไม่เล่นให้เสียวแล้วจะเล่นทำไม” เธอย้อนแล้วจากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีกเพราะเธอดูดหัวสูบของผมเข้าไปไว้เต็มปาก ตอนนี้พูดอธิบายอะไรต่อก็คงไม่รู้เรื่องผมจึงสนองตอบแทนการเสนอยกที่สองของเธอ เนินเนื้อด้านนอกของเธอแห้งแล้วแต่ภายในยังฉ่ำไปด้วยความสุขทั้งของเราที่คลุกเคล้ากัน สองนิ้วผมแทรกเข้าไปเธอคายหัวสูบออกมือจับลำแน่นแตะปลายลิ้นวนไปบริเวณเนื้อหน้าประธานที่อ่อนไหวด้วยปลายเส้นประสาท เพิ่มความกระสันเสียวทวีคูณ ผมพยายามมุดเข้าไปใช้ปากแต่โดนห้าม ”อย่าเพิ่งเลยวันนี้พี่ไม่พร้อม..เดี๋ยวได้กลิ่นแล้วบ่นว่าพี่เหม็น” เธอดันหน้าผมพลิกตัวกลับมาประกบอยู่เบื้องบน มือจับหัวสูบตั้งตรง กางขายกก้นสูงให้หัวสูบปักกลางเนินเนื้ออูมแล้วปล่อยน้ำหนักตัวลงหัวสูบผมมุดเข้าไปเกลี้ยง ”ซี้ดดดด…ทำเถอะ..พี่เสียวแล้ว” เธอซี้ดดด…ดังอื้ออึง ผมเสียวตามเสียงขณะหัวสูบโดนกลีบเนื้อในร่องรักของเธอขมิบบีบรัด กล้ามเนื้อข้างเธอแข็งแรงมากขยับบีบรัดให้ผมเสียวจนต้องวนสะโพกเป็นก้นหอยให้หัวสูบควานร่องรักตอบโต้บ้าง ”มันดีเหลือเกินสันต์..ของเธอมันดีจริงๆ” เธอพึมพัมเป็นฝ่ายหมุนวนสะโพกสลับยกสูงขึ้นก่อนซอยกดลงต่ำให้กลีบเนื้อร่องรักบีบรัดขมิบ ผมใช้การเด้งเบาๆ ตอบรับเธอไปพร้อมกับการวนสะโพก ”เสียว…พี่เสียว…ไม่ไหวแล้วสันต์ทำเถอะพี่เสียวเหลือเกิน” เธอพลิกนอนหงายสองขายกลอยอย่างว่องไวบ่งบอกว่ามีประสบการณ์มากมาย ผมจึงกระแทกหัวสูบเข้าใส่แบบไร้ความปรานี เธอร่อนเนินสู้แบบไม่เกรงกลัวร่องรักพัง ผ่านไปเกือบห้านาทีเธอก็ออกอาการรัดสองขากับเอวผมแน่นไม่ยอมให้เคลื่อนไหว ”ดีไหมพี่..” ”ดี..ดีที่สุด..” คำตอบของเธอบอกแล้วว่าเธอมีความสุข เมื่อเธอคลายแรงขาผมจึง..ซอย..ซอย..ซอย..ใส่เธอแบบไม่ซ้ำท่าเหงื่อไหลเป็นทางทั่วหลัง คราวนี้เธอทั้งกอดและรัดขา ”เกือบหรือยังสันต์จ๋า” ”เสียวมากแล้วครับ..” ”ออกพร้อมกันนะ..ซอยพี่แรงๆ” ไม่ต้องย้ำหรือเร่งให้ซอยเร็วๆ อีก ผมจ้วงกระแทกหัวสูบอัดใส่เธออย่างไม่กลัวหัก ซอย..ซอย..ซอย..ผ่านไปหลายนาทีพลังในตัวผมที่อัดแน่นมานานจึงระเบิดเป็นลาวาร้อนพุ่งออกจากหัวสูบเข้าใส่เธออย่างรุนแรงในจังหวะที่ผมกระแทกเข้าไปสุดตัวพอดี ”กรี๊ดดด…สันต์จ๋า…เสียว…เสียวเหลือเกิน..เสียวววว..” เธอลืมตัวกรี๊ดเสียงออกมาสองขาถีบที่นอนอย่างแรงเหมือนจะหนีหัวสูบของผมให้พ้นจนหัวเธอกระแทกกับพนักหัวเตียง ”…….” เธอพึมพำคล้ายบ่นคล้ายร้องฟังไม่รู้เรื่องแล้วเงียบลงแต่เหงื่อแตกพรั่งพรูมากมาย ความสุขที่พุ่งออกจากหัวสูบเข้าใส่เธอเป็นจังหวะ ทุกครั้งที่มันพุ่งเข้าไปเธอก็จะขมิบกล้ามเนื้อข้างในรัดผมเหมือนกับจะรีดพิษรักของผมให้หมดตัว ความสุขหลั่งทะลักหมดแล้วเรี่ยวแรงก็สูญสิ้น ผมนอนกอดเธอนิ่งๆ จมูกได้กลิ่นเหมือนครั้งแรกที่ได้เพ็ญเป็นเมีย กลิ่นคาวเลือด ผมสูดจมูกฟุดฟิดให้แน่ใจกลิ่น ”สงสัยเมนพี่มา” เธอขยับตัวพูดเบาๆ ลงจากเตียงเดินตรงไปเปิดไฟห้องน้ำสว่างวาบขึ้นมา ”พี่เอ๋” เธอไม่หันมาแต่แสงไฟห้องน้ำสว่างพอให้เห็นชัด ”เธอไม่ใช่พี่เอ๋ครับ”
”พี่เอ๋คือใคร” ผมไม่ได้ตั้งใจปิดบัง แต่คืนนั้นมืดมากและผมเมา…เมื่อเมาแล้วผมยึดเรื่องบนเตียงสำคัญกว่าอื่นใด มีผู้หญิงมานอนรอในห้องนอน คนอื่นอาจปฏิเสธแต่ไม่ใช่ผม แถมบทเพลงบนเตียงของเธอแสนสะใจสุขสมปานนั้น ผมไม่ทำ 3-4 ยกถือว่าแย่ คืนนั้นแค่เสร็จสองยกก็มีอุบัติเหตุ ผมรอหน้าประตูเมื่อเธอเปิดก็ดันสวนเข้าไป “เธอเอง…” เห็นชัดเธอคือคนยกเหล้ามาส่ง “ใช่…” เธอสู้ตาไม่มีแววหวาด “ทำแบบนี้…ถ้าเพ็ญรู้??” ผมเกิดกลัวเมียรู้เรื่อง “ไม่ได้ตั้งใจ…แต่เห็นแล้วอยากพิสูจน์ความจริง…” “พิสูจน์ความจริง…มีด้วย” ผมทวนคำ “มีซี…แม่น้องเพ็ญบังคับลูกให้มานอนกับผัวน้องมันไม่ยอมเอาแต่ร้องไห้…เลยอยากรู้ว่าเพราะอะไร” “ทำแบบนี้แล้วรู้?” ผมสับสนสงสัย เธอเป็นใครจึงเข้ามาเกี่ยวข้องเรื่องนี้ จึงกวาดตามองเธออย่างตั้งใจ “สงสัยมากนักเหรอ…ไปคุยกันข้างนอก” เธอดันผมไปนั่งบนเตียง เดินไปมุมห้องแล้วไฟในห้องก็สว่าง “พี่เป็นใคร?” คะเนอายุเธอน่าจะเกิน 30 สูงเกือบเท่าผมแต่ผ้าขนหนูกระโจมอกทำให้เห็นรูปร่างไม่ชัดเจน รู้ว่าสะโพกผายใหญ่ นมเต็มมือหน้าสวยปากบางตาคมเข้ม “เด็กส่งเหล้าไงลืมแล้วหรือ?” เธอหัวเราะไม่สนใจว่าผมจะหน้านิ่วคิ้วขมวดปานใด “สี่ทุ่มกว่าไม่ได้ยินเสียงตั้งใจมาเก็บถ้วยจาน…แต่มาเจอคนเมานอนกำจรวดลำใหญ่เลยอยากพิสูจน์ ไม่คิดจะเจอจรวดข้ามทวีปสมใจอยากพี่เลย…เรื่องมีแค่นี้” “พี่เป็นใคร?” ผมย้ำอีกครั้ง “อย่าเครียดน้องสันต์…ถ้าน้องสันต์ให้สัญญากับพี่ตามที่ขอไว้ก็จะรู้ว่าพี่เป็นใคร” “ถ้าผมไม่สัญญา” “แล้วแต่ใจสันต์” เธอลูบขาอ่อนผมก่อนเลยไปโดนหัวสูบที่นอนในกางเกง “ถ้าสันต์ไม่…พี่ก็ได้แต่เสียดายสิ่งดีๆ ที่เราให้กันในคืนนี้อย่างที่สุด” “พี่ทำเพื่ออะไร” ผมซักไซ้ต่อ “เพื่อความสุขของทุกคนในบ้านนี้รวมทั้งพี่และสันต์” “ถ้าเพ็ญรู้เรื่องบ้านผมแตกแน่… พี่จะช่วยอะไรได้” “เราช่วยกันได้ดีที่สุด… ช่วยกันปิดความลับเอาไว้ไม่ให้เพ็ญกับพี่เอ๋รู้เรื่องนี้” “พี่เป็นน้องพี่เอ๋…เป็นน้าแอ๊ว…” “สันต์ตัดสินใจได้หรือยัง” เธอไม่ตอบแถมมือหันไปนวดหัวสูบผมหนักขึ้น “สันต์นี่ไฟแรงสูงเหลือเกินนะแค่แตะนิดเดียวขึ้นลำแล้ว” ผมยังตัดสินใจไม่ถูก จะรับสัญญาหรือปฏิเสธ ผมนั่งนิ่งปล่อยให้เธอลูบสัดส่วนสำคัญต่อไปจนแว่วเสียงไก่ขันมาแต่ไกล “เมื่อตัดสินใจไม่ได้พี่ก็ไปก่อนนะสันต์ขอบใจที่คืนนี้ทำให้พี่มีความสุขที่สุดในชีวิต” เธอปล่อยมือจากหัวสูบที่กำลังขึ้นลำลุกขึ้นยืน ผมดึงข้อมือไว้ “น้าแอ๊ว…” “อย่าขี้ตู่เรียกพี่แบบนั้น..พี่ไม่ใช่น้า…” ผมดึงเธอลงนั่งบนตัก “ถ้าผมสัญญาพี่จะทำยังไงให้ทุกคนพอใจ” “พี่รู้ว่าจะทำยังไง…ข้อสำคัญอยู่ที่สันต์ต้องอยู่ในสัญญา…ถ้าสันต์ทำได้พี่จะมีของแถมให้พิเศษ” “เป็นอะไรครับ” ผมไซ้ซอกหูเธอกระซิบถาม “ถึงเวลาก็รู้เอง…ปล่อยพี่เถอะ…ใกล้สว่างแล้ว” “ขอล้างหน้าไก่อีกรอบนะพี่” ผมห้ามใจไม่อยู่เธอส่งยิ้มให้เอนตัวหงายลงบนเตียง