วันอังคารที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2560

Chinese Family 1/3



ฉุกละหุกทัวร์

พอเริ่มเข้าถนนแยกออกจากเส้นมอเตอร์เวย์ไปทางจังหวัดตราดผิวจราจรไม่ดีเลยเป็นหลุมเล็กใหญ่ผมจึงลดความเร็วลงสักหน่อยประกอบกับไฟส่องสว่างก็มีเฉพาะตามแยกกลับรถซึ่งถ้ามาด้วยความเร็วขนาดนี้คงยากที่จะหยุดรถได้ทันเส้นทางเริ่มเป็นเนินเขาขึ้นลงสลับกับโค้งที่เริ่มมาให้ผ่อนคันเร่งเป็นระยะ

"นี่ขนาดเส้นไปสถานที่ท่องเที่ยวนะเนี่ย ไหวไหมพี่ภพนี่ตีสามกว่าแล้วนะ" แบมกระเด้งกระดอนไปตามผิวจราจรกว่าเราจะลาพี่แบมก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว
"พี่ว่าเดี๋ยวเราแวะพักที่ระยองก่อนดีกว่า" ผมเริ่มรู้สึกง่วงนิดๆเหมือนกัน
"แต่ก็อยากไปเห็นตอนเช้าเหมือนกันนะ จากจันท์ก็อีกร้อยกว่าโล" ผมมองดูนาฬิกาประเมินสภาพตัวเองแล้วคิดว่ายังไหว
"ถึงท่าเรือก็น่าจะเช้าพอดี แบมหลับก่อนได้เลยนะ"
"ถนนไม่ค่อยพังแล้วนี่พี่ภพ"

ผมแวะปั๊มน้ำมันใหญ่ไฟสว่างก่อนถึงจังวัดจันทบุรีหลังจากคลำทางมืดๆมานานนับชั่วโมงล้าหน้าล้างตาหาอะไรดื่มอะไรนิดหน่อย

"แบมไม่หิวเหรอ" ผมส่งขวดน้ำเปล่าให้แบมที่กำลังกึ่งหลับกึ่งตื่น
"ฮึ.. แบมลืมตาไม่ขึ้น" ผมยิ้มแล้วก็สตาร์ทเครื่องเตรียมถอยหลังตั้งลำไปต่อ
"พี่ภพ"
"หือ.." ผมหยุดรถไว้ก่อน
"พี่ภพซื้อไอ้นั่นไปเลยไหมล่ะ"
"อะไรเหรอไอ้นั่นน่ะ"
"ที่พี่ภพใช้อ่ะ ถุง.." แบมหรี่ตามองผม
"อ๋อ.. ทำไมล่ะ" ผมหัวเราะ
"ก็เผื่อพี่ภพง่วงจะแวะนอน เผื่อมันไม่มีเซเว่น"
"ไม่มีเซเว่นแล้วทำไมล่ะ" เหมือนผมกำลังไล่ถามเอาความกับคนกำลังละเมอ
"ก็ก่อนนอนไง" เหมือนแบมรวบรวมสติออกมาให้ได้เป็นคำพูด
"ก่อนนอนทำไมล่ะ"
"พี่ภพไม่นอนเลยหรอก แบมรู้"

ผมหัวเราะเบาๆ สังเกตุหลายครั้งจนรู้ว่าในภาวะปกติแบมจะมีระดับความสามารถในการต้านทานความง่วงได้ต่ำมากจนน่าประหลาดใจ บางทีนอนดูทีวีคุยกันไปเรื่อยๆพอใกล้ๆเที่ยงคืนคำพูดของแบมจะแปลกๆคล้ายคนละเมอพูดเช่นถามว่าพรุ่งนี้เช้าอยากกินอะไรแต่แบมจะตอบมาเป็นเบอร์โทรศัพท์เป็นอันรู้กันว่าเธอหลับแล้วหลังจากนั้นผมก็จะลุกมาซ้อมเปียโนต่อได้เพราะแบมยืนยันว่าเธอจะไม่ตื่นแน่ๆเชิญผมซ้อมตามสบายถ้าไฟไหม้ก็ขอแค่ให้ลากเธออกไปด้วยอย่าปล่อยให้หลับอยู่อย่างนั้น

แบมมักจะขอโทษผมเรื่องที่ไม่สามารถนั่งเป็นเพื่อนคุยกับผมเวลาขับรถไกลๆคล้ายอยากให้ผมยอมรับในข้อเสียส่วนนี้ของเธอ ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืนแบบจะยืนระยะทางได้ไม่เกินร้อยกิโล ดูนาฬิกาตอนนี้บอกเวลาเกือบตีห้าจึงไม่ปกติที่แบมจะรวบรวมคำพูดเป็นประโยคคุยกับผมได้พอรู้เรื่องทั้งที่เวลาขับรถกลับบ้านที่ขอนแก่นแบมจะหลับยาวม้วนเดียวกรุงเทพขอนแก่นคล้ายผมเป็นคนขับรถทัวร์เลย

ผมคิดเอาเองตามประสาสันดานคนลามกที่เพิ่งจะหลุดออกมาจากกรงที่สร้างไว้ขังตัวเองว่าเรื่องติดเรทนิดๆโป๊หน่อยๆหรือมุขตลกใต้สะดือของพวกเพื่อนญี่ปุ่นเกาหลีที่ผมขนใส่เข่งมาทุ่มใส่แบมจนเธอหัวเราะฟิวขาดหลับป๊อกไปเลยจะต้องมีผลต่อความรู้สึกทางเพศของแบมบ้างไม่มากก็น้อยแบมถึงได้อุตส่าห์ตื่นมาถามผมถึงเรื่องถุงยางอนามัย55

เกือบจะเข้าจังหวัดตราดผมมองเห็นป้ายบอกทางแยกเข้าตำบลที่เพื่อนที่เคยสนิทสนมกันมากย้ายมามีครอบครัวทำกิจการแพตกกุ้งเลยตัดสินใจว่าไม่ไปเกาะช้างดีกว่าเพราะยังไม่ได้โทรคุยกับนุ้ยลูกศิษย์เอกที่ผมดึงมาช่วยสอนว่าจะมาเฝ้าช่างตบแต่งแทนผมได้สักกี่วันและในฤดูมรสุมแบบนี้ถ้าข้ามเกาะกลับมาไม่ได้อาจเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นโดยไม่จำเป็น

ทุย.. เพื่อนสนิทสมัยโรงเรียนมัธยม เจ้าทุยเป็นเด็กกรุงเทพเรารู้จักกันตั้งแต่ม.หนึ่งเพราะเป็นนักเรียนโควต้าวงโยธวาธิตของโรงเรียนเหมือนกันวันไหนที่ซ้อมถึงค่ำมืดเจ้าทุยก็จะนอนกับผมในหอพักของโรงเรียนบางทียืีมเสื้อนักเรียนชื่อผมไปใส่ก็เคย ตั้งแต่ผมกลับมาจากญี่ปุ่นก็ได้แต่โทรคุยกันหรือทักทายกันในเฟสบุ๊คไหนๆก็มาถึงตรงนี้เลยคิดว่าน่าจะแวะเยี่ยมเยือนเพื่อนสักหน่อยและจะได้หาอะไรให้แบมกินเป็นมื้อเช้าด้วย

ผมลองโทรหามันตอนเกือบๆเจ็ดโมงเช้าที่ร้านกาแฟริมถนนตรงปากทางเข้าแพตกกุ้งของเจ้าทุยตามที่มันเคยเช็คอินไว้ในเฟสบุ้ค เจ้าทุยบอกว่าให้รออยู่ที่ร้านกาแฟก่อนสักครึ่งชั่วโมงเพราะมันพักอยู่ในเมือง ยังไม่ทันถึงครึ่งชั่วโมงดีเจ้าทุยก็ขับรถกระบะยกสูงมาจอดแล้วบอกให้ผมขับตามไป ผมกับแบมขับลัดเลาะไปตามหลังเจ้าทุยไปตามถนนหมู่บ้านจนผิวจราจรกลายเป็นดินแดงซึ่งในยามมรสุมแบบนี้จึงมีบางช่วงที่เป็นแอ่งน้ำขังแถมยังต้องขับข้ามผ่านลำธารเล็กๆที่เจ้าทุยบอกในตอนหลังว่ามีน้ำเฉพาะฤดูมรสุมเท่านั้น

เจ้าทุยขับนำมาวัดระยะทางได้สิบกว่ากิโลจนมาถึงลานจอดรถที่ตอนนี้ว่างเปล่าไม่มีรถสักคัน

"จอดตรงนี้เหรอ" ผมลดหน้าต่างลงมาเมื่อเจ้าทุยเดินมาข้างรถ
"ใช่ แต่อย่าไปเลย"
"อ้าว.. ทำไมวะ" ผมลงมาจากรถ
"ตอนนี้ปิด ปกติจะต้องจอดรถตรงนี้แล้วก็นั่งเรือต่อไปอีนิดนึง"
"แล้วร้านอาหารที่เห็นในเฟสก็ปิดเหรอ" ผมสงสัยจะมาเสียเที่ยว
"ปิดเหมือนกันทางมันเข้าออกลำบาก เดี๋ยวหมดฝนค่อยทำต่อ"
"แล้วที่เห็นเป็นที่พักล่ะ สวยดี"
"ก็จะพาไปนี่แหละ ตอนนี้มีแต่ฝรั่งพวกนี้มันเช่าอยู่ทีเป็นเดือนคนไทยไม่มีเลย"

เจ้าทุยขับพาย้อนกลับแล้วแยกไปอีกทางตามสวนมะพร้าวจนผ่านเข้าเขตแนวรั้วไม้ไผ่ที่ทำขึ้นอย่างง่ายๆมาจอดที่หน้าบ้านไม้ยกพื้นสูงชั้นเดียวสร้างง่ายๆแต่ดูเรียบหรูทันสมัย เจ้าทุยพาผมเดินเข้าไปด้านในแบ่งเป็นห้องนอนเรียงกันตามแนวซ้ายขวาเท่าๆกันด้านละสามห้องแล้วก็พื้นไม้โล่งๆยาวทะลุแนวหลังคาลงไปบนหาดหิน สองข้างบ้านเจ้าทุยปลูกไผ่สีทองปล้องใหญ่ๆเรียงเบียดบังสายตาจากคนภายนอกบ้าน

"พื้นที่ตรงนี้แต่ก่อนไม่มีใครเอาเลย เรามาทำกระต้อบให้ฝรั่งอยู่พวกทำสวนมะพร้าวยังว่าเราบ้าเลย"
"ก็สวยไปอีกแบบนะ"
"แถวนี้มันไม่มีหาด มีแต่หิน"
"แต่มันมีหน้าผาใหญ่ตรงนั้นบังอยู่ตอนมรสุมตรงนี้ลมจะไม่แรงถ้าจะหนักก็แค่ฝน" เพื่อนผมถือโอกาสแนะนำสถานที่

"รู้แล้วล่ะว่าแต่งงานเห็นในเฟสบุ้คแล้วเจ้าสาวน่ารักมากกก" เจ้าทุยชมแบมซึ่งๆหน้าจนแบมกล่าวขอบคุณแทบไม่ทัน
"แล้วเมียนายไปไหนแล้ววะ ใช่คนที่นั่งมาด้วยกันป่ะ" ผมถามถึงผู้หญิงที่เห็นนั่งอยู่ด้านข้างในรถกระบะ
"โอ้ยรายนั้นมาถึงก็เข้าครัวไปแล้ว เค้าไม่ค่อยอยากเจอใคร"
"อ้าวทำไมวะ"
"ไม่รุ"

แบมเห็นคนเดินอยู่ในส่วนของครัวที่แยกไปจากตัวบ้านต่ำลงในระดับพื้นคิดว่าน่าจะเป็นภรรยาของเพื่อนครองภพเพื่อจะทักทายสวัสดีตามมารยาท

"สวัสดีค่ะพี่" แบมยกมือไหว้สวัสดีผู้หญิงแต่งตัวแบบชาวบ้านยืนหันหลังเสียบปลั๊กกาต้มน้ำร้อนชงกาแฟอยู่ เธอรับไหว้แบมแบบไม่เห็นหน้าแล้วรีบเดินออกไป

"แล้วถ้าเราเช่าอยู่เป็นเดือนแบบฝรั่งพวกนี้แพงไหม" ผมถามเจ้าทุย
"ถ้าโซนด้านนี้เราคิดแพงเหมือนกันพวกนี้ไม่กระจอก แต่พวกกระจอกก็ยังมีอยู่ทางโน้นตรงที่แรกที่เราสร้าง"
"ถ้าเป็นแนวบ้านที่นายเห็นนี่เราทำดีเลยมีน้ำอุ่นมีแอร์มีสระว่ายน้ำมีแม่บ้านมีซักรีดมีบาร์เล็กๆมีรถรับส่งในเมือง"
"แต่ถ้าฝรั่งขี้นกก็อีกโซนนึงอันั้นหินล้วนๆคืนละร้อยแต่มีเน็ตมีไฟฟ้า ดีกว่าเมื่อก่อน"
"พวกไม่มีตังค์แต่อยากท่องเที่ยวก็มี เราก็ทำไว้รอรับมันสงสารมัน"
"บางคนมาทุกปีเป็นเพื่อนกันไปเลย"
"ตอนเรามาเจอที่นี่ก็ติดมากับเพื่อนฝรั่งที่มันมาตรงนี้ทุกปี พอดีเจ้าของเก่าเขาเบื่อจะตายห่าอยู่แล้วเราก็เลยเช่าต่อจากเขาเลยคุยกับเจ้าของที่เลย"
"มาวันแรกก็ได้เป็นเจ้าของเลยไอ้ห่า55"

"ตอนแรกก็จะตายห่ากันอยู่แล้วนะไม่มีคนพักไม่มีของกินจนเพื่อนฝรั่งมันทนไม่ไหวมันบอกมันถอนหุ้นทิ้งหายไปเลย"
"พออยู่ทำคนเดียวแม่งเสือกเริ่มดีก็เลยขอเช่าที่ข้างๆทำต่อเขาเป็นเศรษฐีสวนมะพร้าว"
"เขาว่าเขาเห็นเราทำงานขยันขันแข็งฝรั่งเริ่มมากันเยอะ เขาว่าไม่ต้องเช่าเขายกให้เราทั้งแปลงเลย"
"ยกลูกสาวให้เราอีกคน" เหมือนกูเลย..ผมคิดในใจ

"ตรงนี้มันเป็นคล้ายๆอ่าวเล็กๆหลบเข้ามาจากทะเลใหญ่สองข้างเป็นหินมีหาดทรายตรงกลางนิดเดียวเราเลยทำบ้านระยะยาวไว้ตรงกลางแล้วก็สร้างบ้านตัวเองหลบไว้ริมนี้แหละ"


"ตายห่า!! กี่โมงแล้ววะเนี่ย" เพื่อนทุยเหมือนอยู่ดีๆก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ผมดูเาลาจากโทรศัพท์เพราะไม่ได้ผูกนาฬิกาข้อมือกันทั้งคู่
"ถ้างั้นฝากกุญแจบ้านไว้เลยพอดีเดี๋ยวต้องเข้ากรุงเทพไปส่งลูกเข้าโรงเรียน" ก็โรงเรียนเดียวกับผมและพ่อมันนั่นแหละ
"กลับมาน่าจะพรุ่งนี้เย็นๆทำธุระอะไรนิดหน่อย"
"อยู่หลายๆวันนะหมดเรื่องลูกก็ว่างแล้วเดี๋ยวคุยกันทำยังไงได้แฟนสวยอย่างกับดารา" เจ้าทุยหยอดแบมเล่นๆ
"แล้วนี่ทานอะไรกันหรือยังครับ" เจ้าทุยหันมาถามแบมที่เพิ่งเดินมาสมทบเพราะรู้ว่าร้านกาแฟปากทางเข้ามีก็แค่กาแฟกับปาท่องโก่
"ก็ทานมานิดหน่อยค่ะ ตอนแรกว่าจะออกไปแต่เห็นทางเข้ามาแล้วสงสัยจะออกลำบาก"
"เอางี้ครับ เดี๋ยวผมทิ้งเมียเอาไว้ที่บ้านคอยดูแลดีกว่า" ผมกับแบมมองหน้ากันรู้สึกอีดอัดนิดๆ
"จะให้อยู่คนเดียวก็ห่วงจะเอาไปด้วยก็มีแต่ปัญหา" เจ้าทุยพูดเสียงดังพอดีกับที่เมียของมันเอากาแฟมาเสริฟ
"เค้ากินกาแฟกันมาแล้วจะให้กินอีกรึไง" เมียของมันวางถาดกาแฟลงบนโต้ะกลางแล้วเดินจากไป
"อ้อ.. แล้วนี่เค้ามาฮันนีมูนกันนะ!!" เจ้าทุยพูดเสียงดังกำชับเมียไล่หลังไป
"ดีเลยครับคุณแบม เพราะปกติเมียผมเค้าจะชอบมาอยู่บ้านนี้ มาคนเดียวก็มา ผมจะได้ไม่เป็นห่วง"

เจ้าทุยรีบวิ่งกลับไปที่รถไถขับย้อนออกไปทางเดิม ผมมองนาฬิกาบอกเวลาสิบโมงกว่าถ้าจะออกไปข้างนอกก็จะมีรถไถบริการไปส่งตรงที่เราจอดรถและมีรอบรถตู้บริการไปส่งในตัวจังหวัดตราดเพราะใกล้กว่าและมีสนามบิน ถ้าเราจะไปรถตู้รอบต่อไปนี้เลยก็จะเหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีหรือไม่ก็รอบบ่ายสามเลย

ลำพังผมคนเดียวถ้าตอนนี้ก็คงจะขอเปิดแอร์เย็นๆนอนสักงีบแล้วค่อยไปตื่นสักสี่โมงเย็นแต่ก็สงสารแบมเพราะเรามากันแบบฉุกละหุกทัวร์มีติดตัวกันแค่คนละชุดแค่นั้นจึงชวนแบมว่าเอาแค่ล้างหน้าแปรงฟันแล้วออกไปซื้อข้าวของเครื่องใช้กันดีกว่า ไปรวมๆกับเขาก็ดีเพราะคนขับรถไถจะได้ไม่ต้องย้อนมาส่งเราที่รถ

ระหว่างรอแบมล้างหน้าล้างตาผมลองเช็คสัญญาณไวไฟปรากฏว่ายอดเยี่ยมจึงเข้าแอพดูกล้องวงจรปิดที่บ้าน เห็นภาพนุ้ยเดินผ่านกล้องจึงนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ขอให้นุ้ยช่วยเฝ้าบ้านจึงรีบโทรหาก่อนแบตจะหมด

"สวัสดีค่ะพี่ภพ ไม่อยู่บ้านเหรอ"
"เออไม่อยู่ว่ะ ช่างมาป่ะนุ้ย"
"มาพี่.. ฝุ่นคลุ้งเลยเนี่ย" นุ้ยเดินออกมาให้พ้นจากเสียงและฝุ่นของใบตัดกระเบื้อง
"นุ้ย.. นุ้ยมาเฝ้าบ้านให้พี่สักสองสามวันได้ไหมล่ะ พี่พาแบมมาเที่ยวว่ะ"
"โอ้ย.. อิจฉา เอาน้องกลับมาด้วยนะพี่ภพ"
"เชี่ยและ.. อย่าทักสิ" ผมดุรุ่นน้องที่ดึงมาช่วยสอนเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์
"นุ้ยขอวันละสามแรงนะพี่ภพ ตามสบายเลยกี่วันก็ได้ค่ะ" กับผมธุรกิจก็คือธุรกิจ
"ค่าอาหารอีกวันละสี่ร้อยนะพี่ภพ"
"ค่าที่พักวันที่นุ้ยไม่ได้กลับขอนแก่นอีกวันละพันนะพี่ภพ" มันมัดมือชกผมเป็นชุดกะว่ารวยเลย
"เออ.. วันละสามแรงค่าอาหารวันละสามร้อยค่าที่พักไม่ให้ ..ให้พักที่บ้าน" ผมต่อรองแบบธุรกิจก็คือธุรกิจ

"โอ้ย.. นอนบ้านนี้คนเดียวเนี่ยนะนุ้ยไม่เอาหรอก" นุ้ยระแวงบ้านเก่าใต้เงาต้นไม้รกครึ้ม
"เอางี้ ให้ค่าอาหารวันละหกร้อยชวนเพื่อนมาได้ชวนผัวก็ได้" ผมประชดมัน
"อุ๊ย.. พูดจาหยาบคายนะพี่ภพ"

"แกเดินไปที่โรงรถนะ บนโต้ะที่มีเครื่องมือวางเยอะๆน่ะมันจะมีกุญแจเข้าบ้านอยู่ในกระป๋องใส่พวกน้อตพวกตะปู"
"กลางวันแกก็มารอช่างอยู่ในบ้านนี่แหละข้างนอกมันฝุ่นเยอะเดี๋ยวตายห่าไม่ต้องสอนกันพอดี"
"แกนอนห้องที่แบมเค้าเอาป้ายแผ่นไม้รูปดาวแขวนไว้น่ะ"
"เมื่อวานพี่สาวแบมเค้าเพิ่งมานอนแกก็นอนห้องนั้นแหละ" นุ้ยรับฟังผมสั่งเป็นชุดแบบไม่ทันได้กวนอะไรกลับ

นุ้ยเป็นรุ่นน้องในจังหวัดที่ดำเนินรอยเส้นทางดนตรีอย่างจริงจังที่ผมสอนมาตั้งแต่เด็ก ถึงแม้ประวัติชีวิตจะเข้ากรุงเทพอยู่กันคนละโรงเรียนนุ้ยได้ทุนไปศึกษาทางยุโรปตะวันออกส่วนผมไปญี่ปุ่นแต่ก็ดูเหมือนมันจะเชื่อฟังผมกว่าใครโดยเฉพาะตอนที่มันสารภาพว่าเป็นทอมแต่ผมบังคับให้มันไว้ผมยาว ในช่วงแรกๆผมจะขอให้นุ้ยมาจากขอนแก่นเพื่อช่วยสอนเฉพาะเด็กๆในวันเสาร์อาทิตย์เพราะถ้าจะให้ผมสอนเด็กๆในอัตราค่าแรงของผมมันสูงเกินความจำเป็น นุ้ยเป็นเด็กหนักเอาเบาสู้แต่ก็เรียกว่าเป็นคนเขี้ยวกับเรื่องเงินๆทองๆเรียกว่าเก็บทุกเม็ดแต่ผมก็เข้าใจมันดีเพราะเรียกใช้กันมาหลายงาน

ห้องที่เด็กๆและพี่เบียร์ใช้อาบน้ำแต่งตัวกันเมื่อวานนี้ผมยังไม่ได้เก็บเอากล้องจิ๋วแอบถ่ายออกมาจากห้องเลย มันยังคงถ่ายทอดภาพจากในห้องน้ำและห้องนอนได้อย่างคมชัดสมราคาผ่านแอพพลิเคชั่นบนมือถือมาให้ผมถึงที่ ผมเอาคืนเจ้านุ้ยเลยทีเดียวงวดนี้ก็แล้วกัน55 ถ้าคนขายไม่ได้โม้กล้องฟูลเอชดีแบบจับความเคลื่อนไหวแบตใหม่ๆสดๆอาจแสตนบายอยู่ได้ถึงสองสามวัน ..

ผมกับแบมหลับหัวโขกกันมาตั้งแต่บนรถไถบริการและจอกที่นั่งหลังหลับยาวกันมาจนถึงจุดหมายแถวๆท่ารถทัวร์เก่าซึ่งมีทั้งตลาดสดตลาดแห้งข้าวของเตรื่องใช้ ที่ทะยอยลงไปก่อนหน้าพวกเราก็จะมีคู่ฝรั่งแก่ๆหนึ่งคู่และสามสาววัยรุ่นกับหนึ่งหนุ่มหล่อไม่ใส่เสื้อส่วนสาวๆท่อนบนจะเป็นบิกินี่มีเสื้อบางๆคลุมทับไว้กับกางเกงขาสั้นคล้ายๆกัน

เรามีเวลาจนถึงสี่โมงเย็นก็พอจะเดินเล่นได้เรื่อยๆไม่ต้องรีบร้อน แบมบอกว่าคล้ายตลาดที่บ้านคือทุกสิ่งอย่างจะมารวมกันไว้ในอาคารหนึ่งทั้งของสดของแห้งเสื้อผ้าหรือแม้แต่อาหารสุนัข ระหว่างที่เรานั่งกินก๋วยเตี๋ยวกันหรือเดินเล่นเลือกซื้อของจำเป็นที่เราไม่ได้เอามาด้วยผมสังเกตุว่าแทบทุกคนที่เดินผ่านจะต้องมองแบมที่หนักๆก็พวกวัยรุ่นถึงกับร้องแซวเป็นภาษาประเทศเพื่อนบ้าน จะแม่ค้าคนนึงถามแบมว่าแสดงเรื่องอะไรเหรอจ้ะหนู

มันจึงเป็นการไม่สมควรเลยถ้าผมจะปล่อยให้ชีวิตรักของผมที่แม้จะได้เชยชมครอบครองนางฟ้าแต่กลับยินยอมเพียงให้เธอนอนต้วตรงๆหลับตาปี๋รอเพียงแค่เมื่อไหร่ผมจะเสร็จ คืนที่น้องเจ้านายลงทุนระเบิดพลีชีพฮาราคีรีตัวเองให้ประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดากับผมและแบมคือครั้งแรกที่ผมได้เห็นเธอกระตุกเกร็งกรีดร้องเหมือนอัดอั้นมาเป็นเดือน

ผมเคยลองเล้าโลมแทบจะทุกอย่างทั้งจากแหล่งให้ข้อมูลแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ที่ยังไม่ได้ลองทำก็คือหาอุปกรณ์เซ็กทอยส์ต่างๆมาช่วยเพราะเห็นว่าไหนๆแบมก็อยากไปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่นอยู่แล้ว แบมเป็นคนรูปร่างดีอาจเพราะคุณพ่อเป็นคนผอมสูงและเล่นโยคะกับพี่สาวมาตั้งแต่วัยรุ่นสิบเอ็ดสิบสอง

ผมชวนแบมข้ามถนนไปยังอาคารที่หมายตาเอาไว้เพราะเห็นโลโก้ยี่ห้อเสื้อผ้าชุดกีฬาต่างๆซึ่งน่าจะเป็นทางเลืกที่ดีในการที่ผมกับแบมจะหาเสื้อผ้าเปลี่ยนในวันนี้และวันต่อๆไปเราแยกกันเดินเพราะภายในแบ่งชุดของผู้ชายผู้หญิงคนละชั้น ผมดูราคาแล้วชอบใจราคาเสื้อยืดแผงในตลาดมากกว่าจึงเดินขึ้นไปหาแบม


บนชั้นสามแผนกเสื้อผ้าสตรีเท่าที่ผมกวาดตามองก็ค่อนข้างจะครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นชุดลำลองชุดกีฬาหรือแม้แต่ชุดชั้นใน แต่ก็เหมือนกันคือเน้นแต่แบรนด์ดังๆราคาค่อนข้างสูงจึงเป็นการจำกัดเฉพาะลูกค้าที่มีกำลังซื้อจึงมีเพียงฝรั่งสามสาวที่มารถตู้คันเดียวกันกับผมแค่นั้น

มองเห็นหัวแบมผลุบๆโผล่ๆอยู่ในแผนกชุดชั้นในจึงเดินตามเข้าไปยืนรออยู่ห่างๆแค่พอให้เธอเห็น

"จะช่วยแบมเลือกเหรอพี่ภพ" ผมของขึ้นทันทีที่ได้ยินแบมถาม
"อ้าว!!แล้วของพี่ภพล่ะ ไม่ซื้อเหรอ"
"ก็ซื้อพวกกางเกงในกับกางเกงขาสั้นสองตัว เดี๋ยวเสื้อยืดไปซื้อในตลาดดีกว่า"
"แพงล่ะสิ" แบมถามแบบเริ่มเรียนรู้นิสัยของผมไปเรื่อยๆ

"เอาตัวนี้สิสวยดี" ผมชี้กางเกงชั้นในที่แขวนเอาไว้
"ตัวนิดนึงตั้งพันกว่าบาทพี่ภพ"
"แบบผูกเชือกไหม" ผมเห็นสามสาวบิกินี่ท่อนบนภายใตเสื้อคลุมบางๆแล้วลองชี้ให้แบมดู
"บ้า..พี่ภพ แบบนั้นมันบิกินี่"
"งั้นแบมเลือกไปก่อนละกัน" เหมือนฝรั่งสาวสามคนนั้นจะเดินเข้ามาผมเลยชิ่งออกมาก่อน
"พี่ภพอ่ะ ชอบแต่จะให้แบมเหมือนคนโน้นคนนี้" แบมบ่นไล่หลังผม

"ดูชุดให้แฟนเหรอคะ" พนักงานสาวรุ่นแผนกชุดลำลองทักทายผม
"ใช่ครับ คนที่สวยๆคนนั้นอ่ะน้อง" ผมชี้อวดแฟนให้น้องพนักงานขายดู
"โห.. น่ารักจังค่ะพี่" น้องคงคิดว่าผมอาจเป็นลูกชายเศรษฐีที่ไหนถึงได้ควงสาวน่ารักขนาดนี้มาเดินเล่น
"แล้วแฟนพี่ปกติเค้าชอบใส่ยี่ห้ออะไรสไตล์ประมาณไหน"
"อืม.. ไม่รู้สิ อะไรก็ได้มั้ง"
"เลือกยี่ห้อดังๆไว้ก่อนสิพี่ ผู้หญิงชอบยี่ห้อดังๆ"
"พี่อยากได้แบบดูแล้วเซ็กซี่ๆหน่อยอ่ะ น้องพาพี่ไปเลือกสักสองชุด"
"เสื้อผ้าของที่นี่เน้นขายลูกค้าฝรั่งอยู่แล้วพี่ แบบเซ็กซี่ๆมีเยอะเลย" น้องพนักงานขายคงกำลังได้อารมณ์ออกสำเนียงพื้นถิ่นเดินนำผมฝ่าดงแฟชั่นเข้าไปด้านใน

"พี่ภพทำอะไรคะ" แบมถือถุงเดินจากแผนกชุดชั้นในมาหาผมกับน้องพนักงานขาย
"ทำเซอร์ไพรส์นิดหน่อยจ้ะ นี่ผู้ช่วยพี่ ถ้าแบมไม่ชอบชุดไหนน้องเค้าเป็นคนเลือกนะไม่ใช่พี่" ผมโยนขี้ให้พนักงานขายทันทีโชว์ไหวพริบปฏิภาน แบมยิ้มเดินออกจากแผนกเสื้อผ้าลำลองสตรีไป

แผนกสุดท้ายด้านในสุดเป็นแผนกเครื่องกีฬาผมเดินถือถุงเสื้อผ้าของแบมและของผมตามมาตาก็มองหาโซนขายชุดว่ายน้ำไปด้วย เจอแบมกำลังเลือกชุดว่ายน้ำแบบวันพีซที่แขวนซ้อนกันไว้กับราว

"ไปดูตรงโน้นเถอะ" ผมชวนแบบไปที่ชั้นขายชุดบิกินี่
"แบมดูแล้วพี่ภพ มันไม่ใช่บิกินี่แบบที่เป็นชุดว่ายน้ำอ่ะ"
"ถ้าเป็นชุดว่ายน้ำจริงๆมันมีแต่แบบนี้" แบมชี้ให้ผมดูชุดว่ายน้ำโรงเรียนที่แขวนไว้ทั้งราวแต่ผมก็ยังจูงมือเธอมาได้อยู่ดี

"มันเป็นแบบชุดแฟชั่นอ่ะพี่ภพ แบมว่ามันลงน้ำจริงๆไม่ได้หรอก"
"หรือว่าถ้าเรียกว่าบิกินี่มันก็จะมีแต่แบบนี้ แบมไม่เคยซื้อใส่อาจไม่รู้" ผมเริ่มให้เหตุผลบ้าๆบอๆไปเรื่อย
"แบมเคยเห็นในเว็บอยู่นะพี่ภพ สงสัยเค้าไม่ได้เอามาขาย"
"ถ้าเป็นแบรนด์ยี่ห้อพวกชุดว่ายน้ำจริงๆอย่างพวกสปีโดก็จะมีอยู่แค่ทางด้านนั้นล่ะค่ะ" น้องพนักงานขายคนเดิมเดินเข้ามาให้ข้อมูลยิ้มทำเป็นเหมือนมีเลศนัยรู้กันอะไรกับผม
"ความจริงมาทะเลทั้งทีสวยรูปร่างดีอย่างคุณผู้หญิงใจจริงหนูอยากเชียร์เป้นทางด้านบิกินี่เหมือนกันนะคะ"
"ชุดแบบที่คุณผู้หญิงบอกอันนั้นเหมาะกับพวกสระหรือสวนน้ำอะไรแบบนั้นมากกว่า"

"มีแต่ชุดโป๊ๆนะคะเนี่ย ถ้ามีแบบสปอร์ตหน่อยก็ดี" แบมคุยกับน้องพนักงานหลังจากหยิบเลือกดูแทบจะหมดทั้งสามราว
"ไม่ชอบเลยเหรอ"
"ก็ชอบหลายตัวแหละพี่ภพ ไม่งั้นแบมต้องหาเสื้อทับ"
"ยังไม่บ่ายสามเลยแบมก็ค่อยๆลองไปทีละชุดสิ เดี๋ยวรถตู้เค้าก็มาจอดรับข้างหน้านี้อยู่แล้ว"
"ยินดีค่ะ วันนี้ลูกค้าไม่เยอะตามสบายค่ะ"

"แล้วของผู้ชายมีไหมครับ" ผมถามน้องพนักงานแต่จริงๆก็ซื้อกางเกงขาสั้นมาไว้แล้ว
"ของคุณผู้ชายจะเป็นชั้นล่างค่ะ ด้านบนนี้เป็นของคุณผู้หญิงอย่างเดียว" ผมจับพลิกชุดโน้นชุดนี้ดูไปเรื่อย
"ที่เค้าเลือกมันเป็นแบบชุดแฟชั่น แล้วแบบเซ็กซี่ๆเลยอ่ะมีไหมน้อง"
"ถ้างั้นก็ต้องแบบที่ฝรั่งพวกนั้นเค้าใส่กันค่ะพี่" ผมมองตามไปที่สามสาวต่างชาติกำลังยืนชำระค่าสินค้ากับพนักงานขายหญิงอีกคนนึงที่เค้าท์เตอร์เก็บเงินด้านหน้าติดกับบันไดทางเดินขึ้นลง
"ยังไงอ่ะ" ผมชักสนใจ เพิ่งรู้ว่าเล่นแต่งตัวตุ๊กตามันสนุกแบบนี้นี่เอง
"ส่วนใหญ่ลูกค้าฝรั่งเขาจะนิยมแบบไม่มีฟองน้ำรองและก็เป็นสายผูกกันน่ะค่ะ"
"จะเป็นราวแขวนด้านนี้ทั้งหมด" น้องคนขายชี้ไปราวแขวนที่แบมบอกว่ามีแต่ชุดโป๊ๆ

"น้องๆ พี่เข้าเอาชุดไปให้แฟนพี่ลองข้างในได้ป่ะ" น้องคนขายหุบยิ้มดูทำหน้าเบื่อๆ
"วันนี้ลูกค้าไม่ค่อยมีเนอะ"

ตอนนี้ชั้นสามทั้งชั้นของตึกสี่คูหาที่ดัดแปลงคล้ายเป็นห้างสรรพสินค้าย่อมๆมีเพียงแค่ผมกับน้องพนักงานขายกับอีกคนที่ยืนอยู่ตรงเค้าท์เตอร์ขายด้านหน้าแบมเข้าไปลองชุดในห้องลองส่วนฝรั่งสามสาวนั้นลงไปแล้ว ผมหยิบแบงค์พันหนึ่งใบวางไว้บนชั้นสินค้ามองหน้าวัดใจกันกับน้องคนขาย ผมยอมรับว่าตื่นเต้นมากแทบไม่เชื่อตัวเองว่าภายนอกโลกของเปียโนผมจะกล้าทำอะไรแบบนี้ส่วนดีของการไม่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปก็มีเหมือนกัน

"ห้างเค้ามีกล้องวงจรปิดนะพี่ ในห้องลองน่ะไม่มีหรอกแต่ข้างนอกนี่มีแน่" พนักงานขายหลังหลังให้ผมไปจัดเสื้อผ้า
"คนรวยนี้ทำไมไม่ไปโรงแรมให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราว" เธอบ่นแบบให้ผมได้ยิน
"ขอโทษครับน้อง พี่ล้อเล่น" ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี
"ไม่เป็นไรหรอกพี่ ฝรั่งมันก็เข้าไปเอากันบ่อย"
"เดี๋ยวหนูดูต้นทางให้พี่เลยแล้วกัน" พนักงานขายสาวสำเนียงพื้นถิ่นหยิบแบงค์พันแล้วหันหลังเดินจากไป

ห้องลองชุดของแผนกชุดว่ายน้ำมุมอยู่ด้านในสุดของชั้นที่สาม ผมกลับมายืนรอแบมอยู่ที่หน้าประตูห้องลองชุด  

"แบมมม.." ผมทำเสียงออดอ้อนมือเกาประตูสลับกับเคาะเบาๆ
"พี่ภพ!!" แบมเน้นเสียงดุผมแสดงว่าเธอเข้าใจเจตนารมณ์ของผมแล้ว
"ขอดูด้วยแบมมม" ผมพร้อมจะลงไปดิ้นหน้าตู้ของเล่น
"อายคนขายเค้า"
"คนขายไปแล้ว.."

สักพักได้ยินเสียงดึงกลอนล็อคประตูแง้มเปิดออกจึงรีบแทรกตัวเข้าไปทันที ภายในห้องลองชุดแคบแต่ยาวน่าเกือบๆสามเมตรมีกระจกยาวเต็มผนังด้านตรงข้ามประตูเข้าส่วนผนังทั้งสองด้านเป็นราวตะขอแขวนเสื้อผ้าตามแนวยาวแสงไฟสีขาวส่องสว่างผ่านเพดานฝ้ากรองแสง แบมยืนตัวตรงขาคู่อยู่ในชุดว่ายน้ำทูพีซท่อนบนเป็นแบบสายคล้องคอลายกราฟิกสีสวยปกปิดคลุมทั้งสองเต้าเสริมฟองน้ำเห็นร่องอกเล็กน้อยชิ้นล่างเป็นแบบเต็มตัวสีดำล้วนตัดกับหน้าท้องและต้นขาขาว

"ชุดนี้เป็นไงพี่ภพ" แบมผายมือออกรอฟังความเห็นจากผมที่กำลังหูอื้อเพราะความดัันภายในมันพุ่งพล่าน
"สวยจ้ะ"
"ข้างหลังเป็นไงบ้าง" แบมหันหลังให้ผมแล้วถามสะท้อนกระจกเงา

ผมก้มกดจมูกลงสูดลมจากต้นคอของแบมแรงๆสองมือลูบไปตามสะโพกผายบีบสองแก้มก้นที่อัดแน่นภายใต้เนื้อผ้าสแปนเด็กซ์ค่อยนวดเรื่อยขึ้นมาตามหน้าท้องจนกุมสองเต้าของนาฟ้าแบมไว้ในอุ้งมือทั้งสองของคนธรรพ์อย่างผม ผมลูบหนักมือวนเป็นวงกลมสบตากับแบมที่กำลังมองกิจกรรมของเราในกระจกเงาเช่นกัน แบมหันตัวกลับมามองสมตาผมก้มลงจูบเธอรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นหนักๆเหมือนแบมจะมีอารมณ์ร่วมแตกต่างจากเวลาเรามีอะไรกันที่บ้าน

"มันมีฟองน้ำ.. พี่ภพ" เธอกระซิบบอกผมที่สาละวนสองนิ้มลากหาหัวนมเธอไม่เจอสักที

แบมปลดตะขอสายคล้องคอออกปล่อยให้ตกลงมาตามแรงโน้วถ่วงของโลกผมกอดกระชับเอวคอดของเธอรีบซุกหน้าลงบนสองเต้าเนื้อนมขาวขนาดกำลังดีไม่เล็กไม่ใหญ่ละเลงลิ้นรัวลงไปรอบๆยอดปทุมถันสีแดงระเรื่อที่แข็งตัวเท่าปลายนิ้วก้อยรออยู่แล้วทุกครั้งที่ปลายลิ้นลากผ่านไปโดนแบมก็จะกระตุกเกร็งกอดผมแน่นๆบ้าง

"พอแล้วพี่ภพ นะ" แบมหลับตาปี๋ร้องขอเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงสัมผัสลูบไล้เนินสงวน ผมลูบไล้บางเบาบางจังหวะลองวนเน้นหนักๆจนหลับตาแบมเชยคางไม่ได้ขอให้ผมหยุดอีก

"แบมลองชุดนี้ด้วยสิ" ผมหยิบไม้แขวนชุดท่ีถือติดมือเข้ามาด้วย แบมเห็นแล้วเลิกคิ้วสูงมองหน้าผม
"ใส่ไม่ไหวหรอกพี่ภพ" แบมกระซิบ
"เอาไว้ใส่ในห้องก็ได้"

ผมหยิบกล้องโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายวิดีโออริยาบทตอนแบมถอดชุดเดิมแล้วลองใส่ชุดที่ผมเลือกให้ทีละชิ้น ตอนแรกเธอดูตกใจที่เห็นผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคล้ายจะห้ามๆแต่ผมก็ทำเฉยสักพักแบมก็ยอมตามใจอาจยังติดอายติกตลกขำตัวเองแต่ก็ดูเป็นธรรมชาติ ผมเลือกบิกินี่แบบ triangle string bikini สีเหลืองอ่อนด้วยเหตุผลแค่ชอบสายแบบสปาเกตตี้แบบผูกและชอบที่ท่อนบนเป็นแบบไม่มีฟองน้ำ

ผมฝันเห็นแบมในภาพจินตนาการเพิ่งเดินขึ้นมาจากทะเลชุดยังเปียกเห็นเป็นรอยหัวนมนูนจับมือเดินเล่นกับผมเหมือนที่เคยเห็นคู่ผัวเมียฝรั่งทำกัน อาจเพราะตอนแรกๆสมัยที่อาศัยอยู่กับกลุ่มเพื่อนเกาหลีตอนไปเรียนที่โตเกียวเวลาหิมะตกหนักหรือมีเหตุอะไรให้ออกไปไหนไม่ได้หลายๆวันเพื่อนๆผู้หญิงในอพาร์ทเมนท์จะโนบราใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นหรือชุดนอนเดินผ่านส่วนกลางไปมาถือเป็นเรื่องปกติซึ่งผมชอบมากและเป็นเหตุให้ไม่เคยเปลี่ยนอพาร์ทเมนท์เลยตลอดระยะเวลาที่ไปศึกษาต่อ

ผมทำท่าจะเข้าไปต่อจากเมื่อสักครู่แต่แบมถอยหนีบอกว่าพอแล้วเธอกลัวว่าจะร้องเสียงดังจนใครได้ยิน ผมเข้าไปกอดจูบคราวนี้แบมยอมแลกลิ้นอย่างไม่ขัดขืนด้วยเป็นครั้งแรก ตอนจะถอดเปลี่ยนใส่ชุดเดิมผมจะขอถอดให้แต่ได้ยินเสียงเหมือนมีคนเข้มาใช้ห้องข้างๆจึงขออกไปรอแบมข้างนอก ตอนเปิดประตูออกมาเจอสองในฝรั่งสามสาวนั้นยืนรออยู่ที่หน้าห้องลองชุดซึ่งมีสองห้องติดกัน เธอทั้งคู่มองผมแล้วยิ้มๆผมก็ได้แต่ยิ้มแหยๆตอบ

ผมส่งข้อความไลน์ไปบอกแบมว่าจะขอลงไปรอข้างล่างที่เป็นชั้นขายสินค้าพวกไอทีเห็นว่าข้างนอกฝนกำลังตกหนัก ผมเดินดูพวกสินค้าไอทีรอแบมมาหยุดอยู่ที่แผนกขายกล้องและพวกแอคเซสเซอรี่ต่างๆสะดุดตากับชายชาวเอเชียคนหนึ่งจึงเข้าไปทักทาย

"สวัสดีครับ อาจารย์นาโอะ" ผมไหว้สวัสดีชายชาวญี่ปุ่นวัยกลางคน
"อ้าว อ้าว ๆๆๆ อ้าว" อาจารย์นาโอะเห็นผมแล้วยิ้มชี้หน้าทำท่าตกใจ
"ผมเป็นเพื่อนของเอริจังเคยลงเรียนถ่ายภาพกับอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยโตเกียวครับ"
"ป๊อปซัง" อาจารย์ทำท่าดีใจโอเวอร์ตามแบบฉบับของชนชาตินี้ที่นึกชื่อผมออกเสียที

อาจารย์นาโอะเป็นศิลปินด้านถ่ายภาพระดับเอเซียหรืออาจระดับโลกด้วยซ้ำ สมัยก่อนผมก็เคยบ้ากล้องอยู่พักนึงตั้งแต่ยังเป็นกล้องใช้ฟิล์มแต่เมื่อเลือกสายทางเดินที่ทุกนาทีมีแต่คนแข่งกันฝึกซ้อมกล้องนั้นก็เลยถูกทิ้งไว้ในห้องนอนบ้านพ่อแม่ที่ขอนแก่น ตอนเรียนที่โตเกียวเมื่อผมทราบว่าอาจารย์นาโอะผู้ซึ่งมีชื่อเสียงด้านภาพขาวดำจะมาสอนจึงไปลงทะเบียนเรียนนอกคณะกับเอริแฟนผมในตอนนั้น เราสนิทสนมกับอาจารย์เพราะเอริแฟนสาวชาวญี่ปุ่นของผมอาสาเป็นนางแบบเปลือยโพสท่าให้อาจารย์สาธิตการจัดแสงถ่ายภาพท่ามกลางนักศึกษาหลายสิบคนที่ลงเรียนในชั่วโมงนั้น

"ผมอยากบอกคุณว่าผมเสียใจอีกครั้งเรื่องเอริจัง" อาจารย์นาโอะโค้งขอโทษผมเรื่องที่แอบมีความสัมพันธ์กับเอริในตอนหลังและเป็นเหตุให้ต้องลาออกจากมหาวิทยาลัยทั้งที่เพิ่งเริ่มสอนได้เพียงไม่ถึงปี
"เรื่องมันผ่านไปนานแล้วครับอาจารย์" ผมรีบโค้งตอบเพราะมันเป็นการไม่สมควรอย่างมากที่คนระดับนี้กำลังโค้งก้มหัวขอโทษผม
"ผมไม่ได้รักเอริครับผมก็แค่ทำดีกับเธอในช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน เมื่อเธอพบว่ามีเส้นทางที่ดีกว่าคนเป็นเพื่อนกันย่อมเข้าใจได้ครับ"
"ผมเลิกกับเอริสักพักนึงแล้วหลังจากคุณกลับประเทศไป เอริก็ยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเชลโล"
"ผมไม่เข้าใจพวกคุณเลยจริงๆ" อาจารย์นาโอะบอกกับผม
"ผมเคยบอกกับเอริแล้วแต่เธอก็คงอยากสัมผัสกำคำว่าระดับโลกอยู่ดี คุณก็ด้วยใช่ไหม"
"ผมคงเห็นโลกไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้วครับอาจารย์" พอดีกับจังหวะที่แบมเดินเข้ามาหาผม เธอยกมือไหว้สวัสดีอาจารย์นาโอะ
"โห.. แฟนน่ารักนี่หว่ามึงนี่มันร้ายเหี้ยๆ" อาจารย์นาโอะตาลุกโพลงนิสัยโอเวอร์ประจำชนชาติบอกกับผมเป็นภาษาญี่ปุ่นเสียงดังว่า โห.. แฟนน่ารักนี่หว่ามึงนี่มันร้ายเหี้ยๆ แบมได้แต่ยิ้มสงสัยว่าสองคนนี้น่าจะกำลังพูดอะไรเรื่องเธอสักอย่าง

อาจารย์นาโอะถามว่าพวกเราพักกันที่ไหนพอผมบอกชื่อรีสอร์ทไปอาจารย์ก็บอกว่ากำลังมารอรถตู้เพื่อจะไปที่นี่พอดี เพราะอาจารย์รับงานถ่ายภาพแฟชั่นไว้โดยลูกค้าฝรั่งเลือกโลเกชั่นในบริเวณใกล้ๆกันกับที่พักของเราพอดีโดยที่สามสาวชาวต่างชาติที่นั่งรถตู้ออกมาพร้อมเราก็คือนางแบบที่ลูกค้าเลือกซึ่งมาพักเพื่อรอถ่ายงานตั้งแต่สามวันที่แล้วเพราะอาจารย์นาโอะติดธุระมาไม่ได้ตามกำหนดการที่วางไว้ตั้งแต่แรก ผมแนะนำแบมและอาจารย์ให้รู้จักกันยึนคุยรอเวลาส่วนแบมได้แต่ฟังเพราะไม่เข้าใจภาษา อาจารย์นาโอะแนะนำให้ผมซื้อกล้องคอมแพ็คยูสเซอร์ระดับดีหน่อยเมื่อผมถามเกี่ยวกับกล้องเพราะอยากจะได้ไว้ถ่ายผลงานของนักเรียนอยู่แล้ว

คนขับรถตู้วิ่งฝ่าฝนลงมาเปิดประตูรถให้บรรดาแขกของรีสอร์ตที่ยืนหลบฝนรอขึ้นรถกันอยู่ตรงบันไดทางขึ้นห้าง ผมกับแบมวิ่งขึ้นรถกันก่อนเพราะเรานั่งที่นั่งหลังสุดมาต่อด้วยสามสาวนางแบบและคู่หนุ่มสาวนั่งตอนหน้าส่วนคู่ฝรั่งสูงอายุหายไป อาจารย์นาโอะเปิดประตูนั่งหน้าคู่กับคนขับ

เมื่อรถตู้เลี้ยวแยกออกจากถนนใหญ่ลัดเลาะไปตามโค้งถนนหมู่บ้านซึ่งคนขับบอกกับผมว่าจะต้องอ้อมกลับไปอีกทางเพราะฝนที่เพิ่งตกลงมาทำให้คาดว่ารถไม่น่าสามารถจะข้ามลำธารเล็กๆสองช่วงนั้นได้ซึ่งระยะเวลาอาจนานขึ้นประมาณครึ่งชั่วโมง

ผมนั่งมองหัวฝรั่งนางแบบของอาจารย์นาโอะโงนเงนชนกันไปมาคาดว่าพวกเธอคงจะหลับหันมาหาแบมจอมขี้เซาระดับโลกเหมือนกันที่มาแปลกเพราะยังลืมตาแป๋วดูวิวข้างทางอยู่ได้ ตอนเรายืนรอรถตู้ปะปนกับคนที่มาหลบฝนรอรถทัวร์ผมเห็นแบมสนใจมองฝรั่งหนุ่มสาวตัวสูงยาวที่นั่งอยู่ด้านหน้าแบบไม่วางตาซึ่งจะว่าไปผมเองก็สนใจเช่นกันไม่ใช่เพราะการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ดูก็รู้ว่าน่าจะอยู่ในโซนฝรั่งขี้นกฝั่งโน้นอย่างที่เจ้าทุยเพื่อนผมว่า แต่เป็นเพราะเสือผ้าทอบางๆที่พอเปียกฝนแล้วเห็นสองเต้าของสาวเจ้าได้อย่างชัดเจนส่วนเจ้าหนุ่มวัยรุ่นที่มาในชุดฟุตบอลบาร์ซ่าแต่คีบรองเท้าแตะมันก็เหมือนแอบท่อนเหล็กเขื่องๆเห็นเป็นลำไว้ในกางเกงโดยเฉพาะเวลามันเดิน

ผมซุกตัวเข้าไปเบียดแบมที่นั่งด้านริมหน้าต่างมือก็แทรกโอบกอดด้านหลังแบมหันมายิ้มให้

"ไม่หลับเหรอ"
"แบมไม่ง่วงเลยอ่ะแปลกดี รถมันก็โยกนะ"
"เดี๋ยวกลับถึงบ้านแล้วเข้าห้องเลยนะ" ผมแกล้งแหย่เธอเล่น
"แล้วแฟนพี่เค้าก็อยู่ในบ้าน" แบมคงอึดอัดเล็กๆเหมือนกับผม
"ดีสิ มีคนแอบดูตื่นเต้นดี"
"พี่ภพนี่ไม่ค่อยอายใครดีเนอะ สงสัยอยู่ญี่ปุ่นนาน"
"แล้วเกี่ยวอะไรกับอยู่ญี่ปุ่นล่ะ" ผมดึงเอาฝ่ามือเธอมาหอมเล่นอีกมือก็ลูบพุงน้อยๆของแบมไปด้วย
"ก็เค้าว่าคนญี่ปุ่นแก้ผ้าอาบน้ำเดินกันหน้าตาเฉยเลย" แบมเล่าสิ่งที่ได้ยินมา
"พี่ก็เคยไปอาบแบบนั้นนะ ภาพติดตาเป็นเดือนโคตรเซ็งเลยอ่ะ" แบมหัวเราะ
"แล้วบ้านที่พี่ภพอยู่ไม่มีห้องอาบน้ำเหรอ"
"ก็มีนะ จริงๆมันก็มีทุกบ้านแหละ แต่พวกอยู่หออาจเสียค่าน้ำแพงกว่าอะไรแบบนั้นล่ะพี่ก็ไม่ค่อยรู้รอจ่ายอย่างเดียว"
"ก็เลยต้องไปโรงอาบน้ำเพราะค่าน้ำแพงเหรอ"
"มันก็ไม่ได้แพงขนาดอาบไม่ไหวหรอก"
"แล้วทำไมไม่อาบที่บ้านอ่ะ" ใครเอาเจ้าหนูจำไมนี่ไปเก็บทีได้ไหมเนี่ย

"พี่ว่าเขาไปดูคนแก้ผ้ากันมั้ง ดูแบบไม่ต้องแอบดูด้วยอ่ะ"
"เอาตัวเองไปแก้ผ้าให้คนอื่นดู ดูคนอื่นแก้ผ้าอะไรแบบเนี้ย คนญี่ปุ่นมันเลยมีแต่ผอมๆเพราะมันกลัวอ้วนเวลาไปแก้ผ้าโชว์คนอื่น" ผมตอบคำถามเจ้าเด็กอยากรู้ส่งเดชไปมั่วๆ
"แล้วเค้าไม่อายกันเหรอ พี่ภพอายป่ะ"
"สมมุตินะ.. อ่ะไม่ต้องสมมุติก็ได้ แบมเห็นฝรั่งสองคนนั้นตอนยืนรอรถป่ะ" แบมรับว่ามองมองเหมือนกัน
"พี่ว่าไอ้เด็กหัวหยิกนั่นมันไม่ใส่กางเกงในชัวร์" ไอ้เด็กหัวหยิกที่ซ่อนบ้องข้าวหลามเอาไว้ในกางเกงผมเดาว่ามันไม่น่าจะเกินมัธยมปลายหรือไม่ก็มหาวิทยาลัยต้นๆ
"เห็นผู้หญิงป่ะ"
"เห็นสิ นมตู้มเต็มหน้าแบมเลย" แบมหันเขยิบท่านั่งเพื่อให้มือทั้งสองของผมปลดตะขอหลังเสื้อชั้นในตัวใหม่ได้ทำงานสะดวกขึ้นเพราะกุมที่หน้าอกลูบสองเต้าเบาๆมาสักพักแล้ว
"พี่ภพชอบเลยสิแบบนี้" แบบแซวผม

"พี่ชอบนะ" แบมหลับตายิ้มหวานตอนนี้เธอหันหลังกึ่งนั่งกึ่งนอนผ่อนคลายจากแรงกดรัดของเสื้อยกทรงที่เพิ่งซื้ออยู่ในอ้อมกอดของผม
"เพราะว่าสวยพี่ภพก็เลยอยากดู"
"เอาป่ะ.. พี่ว่าผู้หญิงก็ไม่ใส่กางเกงใน เดานะ"
"บ้า.. มันจะทำทำไม อูย.. พี่ภพ" แบมหยุดความสงสัยชั่วคราวเมื่อผมบดคลึงหัวนมเธอเบาๆ
"ถ้าผู้หญิงไม่สวยผู้ชายไม่หล่อพี่ก็ไม่อยากดูนะ จะแจ้งตำรวจจับข้อหาไม่ใส่กางเกงในด้วย"

"มันคงได้อีกอารมณ์นึงมั้ง อารมณ์แบบที่ไม่เหมือนอารมณ์แบบอื่นๆ เหมือนน้องนายชอบแอบดูแบมอาบน้ำใครจะด่าก็ไม่สนเพราะอย่างอื่นมันแทนกันไม่ได้จะดูหนังโป๊ก็ไม่ใช่"
"สมมุติว่าแบมแต่งตัวสวยไปเดินสยามคนมองแบมเต็มเลยเพราะแบมสวยแต่แบมก็รู้ของแบมคนเดียวว่าฉันโนแพนท์อยู่นะโนบราอยู่นะ ไม่รู้สิมันคงได้อารมณืนั้นแหละ"
"แล้วพี่ภพเคยทำเองรึยัง" ผมตกใจนิดหน่อยเพราะแบมเอานิ้วผมไปอม ความเปียกชื้นอุ่นๆในปากและสัมผัสของลิ้นที่ตวัดบดกับปลายนิ้วเล่นผมซะเคลิ้ม
"พี่เหรอ.. พี่ไม่ชอบอ่ะ ถ้าพี่ชอบพี่คงเข้าฟิตเนสอยากมีกล้ามใหญ่ๆดูดี"
"แต่พี่อยากให้เมียพี่เป็นแบบนั้นบ้าง ก็เพราะว่าเมียพี่สวยเป็นแบบนั้นได้"

ผมแกล้งดึงเสื้อยืดตัวเดิมตั้งแต่เมื่อคืนของแบมและเสื้อยกทรงตัวใหม่ขึ้นสองนิ้วของทั้งสองมือบดหัวนมคล้ายหมุนปุ่มหาสัญญาณคลื่นวิทยุจากนอกโลก แบมเสียวจนหลับตาหันมาจู๋ปากรอรับให้ผมประกบปากลงไปบนริมฝีปากของเธอ  ผมแกล้งปล่อยสองมือออกเมื่อรถตู้ชะลอความเร็วช่วงที่ผ่านสองข้างทางเป็นบ้านคนติดๆกันเป็นชุมชนหนาแน่น นมคู่ขาวสวยหัวนมแข็งเป็นไตสีแดงระเรื่อของเมียสาวน่ารักที่สุดในโลกปรากฏสู่สาธารณะโดยไร้แผ่นผ้าอาภรณ์ใดๆมาปกปิดตามธรรมเนียมสังคมมนุษย์ยุคเจริญแล้วที่ให้ความสำคัญต่อเปลือกห่อหุ้มร่างกายมากกว่าภายในจิตใจ

แบมคงเริ่มปรับตัวกับรสนิยมทางเพศของสามีเธอได้บ้างเล็กๆน้อยๆด้วยการหยิบแว่นตาดำทรงเชยๆของใครก็ไม่รู้คงจะลืมเหน็บไว้หลังเบาะที่สามสาวนางแบบนั่งมาใส่บดบังใบหน้า เรายังสนุกกับการนัดกันโบกสามมือบ๊ายบายแกล้งกลุ่มเด็กชาวบ้านผู้ชายผู้หญิงข้างทางเล่นด้วยซ้ำ

ของแบมหนึ่งมือของผมน่ะ ..สองมือ นึง ส่อง ซั่ม.. บ๊ายบาย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น