วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ผมถูกเลี้ยง ต้อย ภาค1 ตอนที่1

ปฐมบทของกลกาม ผมมีประสพกามจริงจังๆก็เมื่อตอนต้นๆของอายุสิบสามขวบ ถ้าเทียบกับเด็กในปัจจุบันที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องนี้ผมอาจจะดูว่าผม เริ่มต้นช ้ากว่าคนอื่นๆหลายๆคน ผมว่านะความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ช้าหรือเร็วแต่อยู่ที่ว่าเมื่อคุณมีมันแล้ว คุณได้มันแ ล้วคุณมีความสุขคุณประทับใจกับมันมากน้อยเท่าไร ไม่เฉพาะแต่กับคุณรวมทั้งคนที่คุณมาเกี่ยวข้องด้วยนั้นมีความสุขกับคุณด้วย ไหม และความสุขที่คุณได้รับนั้นตัวคุณเองคู่ขาหรือผู้ร่วมของคุณนั้นทำความเดือด ร้อนทำคว ามทุกข์ทั้งกายใจให้กับคนอื่นๆบ้างหรือไม่ ถ้าไม่คุณก็เริ่มได้เลย ตามมาผมจะเล่าให้ฟัง อ่านเรื่องราวทั้งหมดของผมแล้วคุณอาจจะคิดว่าเป็นโรคจิต โฉดชั่ว นั่นแล้วแต่คุณ แล้วแต่มุมมอง ผมเพียงแต่จะบอกว่าผมมีความสุขกับมัน ทั้งผมและคนที่ผมร่วมด้วยเราทุกคนที่มีประสพกามด้วยกันนั้นมีความสุขยินยอม พร้อมใจ เต็มใจและที่สำคัญเราไม่ได้ทำไห้ใครเดือดร้อน ทั้งกายและใจ ผมเกิดในครอบครัวที่อบอุ่นมีฐานะที่อยู่ในขั้นปานกลางไม่ต้องปากกัดตีนถีบ ครอบครัวขอ งทั้งฝ่ายพ่อแม่ผมเป็นครอบครัวใหญ่สืบสายตระกูลมายาวนานอยู่ร่วมกันอย่างมี ความสุขจน พี่น้องทั้งพ่อและแม่ผมมีครอบครัวจึงมีบ้างที่แยกตัวออกมาจากบ้านใหญ่ แต่ก็ยังไปมาหาสู่กันตามปกติวิสัยรักใคร่ปรองดองกัน เมื่อพ่อและแม่ผมแต่งงานตกลงปลงใจที่จะอยู่กินร่วมกัน ก็แยกตัวออกมาจากครอบครัวใหญ่ มีบ้านหลังกะทัดรัดรั้วรอบขอบชิดสมฐานะ เมื่อผมเกิดขึ้นมานั้นสิ่งอำนวยความสะดวกในบ้านแม้จะไม่ฟุ่มเฟือยแต่ก็ครบ ถ้วนตามฐาน ะ พ่อแม่ผมเป็นคนเปิดเผยเป็นคนรุ่นใหม่ เราสามคนพ่อแม่ลูกไปไหนไปด้วยกัน กินอยู่หลับนอนบนเตียงใหญ่ร่วมกัน เราอาบน้ำพร้อมๆกันทั้งสามคนจนผมมีอายุได้สิบขวบก็เกิดความเปลี่ยนแปลงใน บ้าน จริงๆแล้วเป็นเรื่องปกติของคนทั่วไปแต่กับผมแล้วในตอนนั้นผมถือว่าเป็น เรื่องที่ผิดป กติว่าทำไมต้องเกิดกับผมด้วย วันหนึ่งๆก็เป็นไปตามปกติอย่างที่เคยเป็นมาตั้งแต่ผมจำความได้ วันนั้นพ่อมีประชุมบอกว่าจะกลับบ้านค่ำหน่อย ก่อนเวลาอาหารก็ต้องอาบน้ำเราสองคนแม่ลูกเข้าไปอาบน้ำอย่างที่เคยเป็นมา แน่นอนที่เราเปลือยกายกันมาตลอดทุกครั้งถ้าพ่ออยู่ด้วยพ่อก็จะเปลือยเช่นกัน วันนั้นผมกับแม่ก็อาบน้ำกันตามปกติแม่อาบไปผมก็อาบของผมแต่ตอนฟอกสบู่ถูตัว วันนี้ไม่ รู้ว่าเป็นอะไรทั้งๆที่แม่ก็ทำเหมือนทุกๆครั้งแม่ฟอกสบู่ไปทั่วตัวผมพร้อม กับย้ำสอนเ รื่องการทำความสะอาดเนื้อตัวตามที่ต่างๆ แม้จนที่อวัยวะสำคัญแม่ก็ฟอกถูกให้อย่างแผ่วเบา แต่วันนี้ เจ้าน้องชายผมมีการแข็งตัวขึ้นตามมือของแม่ที่สัมผัส ผมรู้แต่ว่ามีการแข็งตัวขึ้นพร้อมกับความรู้สึกแปลก เริ่มที่จะขวยอายไม่กล้ามองหน้าแม่ ได้แต่หลับตาปี๋เกร็งตัวยืนนิ่งเมื่อมือของแม่ลูบไล้อยู่ที่น้องชายจากการ สัมผัสอันอ ่อนโยนนั้น เมื่อมันแข็วตัวอยู่ในมือแม่ ผมรู้แต่ว่าแม่กำมันแน่นขึ้น ดูครั้งนี้แม่จะทำความสะอาดน้องชายผมเนิ่นนานกว่าปกติ แม่มองดูผมแปลกๆแต่ก็ยิ้มละมัยพร้อมกับพูดว่า “ลูกแม่เริ่มโตแล้วนะต่อไปคงจะอาบน้ำกับแม่ไม่ได้แล้ว” ผมมองหน้าแม่ไม่เข้าใจแล้วถามกลับว่า “ทำไมฮะ” แม่บรรจงราดน้ำที่น้องชายผมที่ยังแข็งตัวอยู่ แม่ตอบผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “เอาไว้ให้พ่อบอกเองดีกว่า พ่อคงจะพูดได้ดีกว่าที่แม่จะพูด” ผมไม่คิดอะไรมากนอกจากพูดว่า “ก็ได้ครับ” เราเสร็จจากห้องน้ำ แต่งตัวกันตามสบายแต่วันนั้นหลังจากแต่งตัวเสร็จผมมีความรู้สึกว่าวันนี้แม่ ผมแต่งตั วสวยขึ้น เราไม่รอพ่อมากินข้าวเย็นด้วยเพราะจะเลยเวลา ผมรู้ว่าพ่อไม่เคยผิดเวลาและพ่อจะกลับมากินข้าวเย็นทุกครั้งตั้งแต่ผมจำความ ได้ไม่ว่ าพ่อจะกลับบ้านช้าแค่ไหน กินข้าวเย็นกันเสร็จแม่ก็ทำงานบ้านไปตามปกติผมเอาหนังสือที่เรียนมาในวัน นั้นมาทบทวน เพราะผมจะถูกกำชับจากพ่อและแม่จนเป็นนิสัย แล้วผมจึงจะดูหนังฟังเพลงตามเรื่องราวของผม สามทุ่มเป็นเวลาที่แน่นอนที่ผมจะต้องขึ้นนอนบนเตียงใหญ่ที่กว้างขวางพอ สำหรับเราสามค น พ่อกลับบ้านจนเกือบสามทุ่มทักทายกันตามปกติแต่วันนี้ผมดูว่าแม่เอาใจพ่อ มากกว่าทุกวั นชุดอยู่กับบ้านหรือชุดนอนของแม่วันนี้ดูแปลกๆไปที่ออกไปทางบางเบา พ่อเห็นได้แต่มองยิ้ม ผมไม่ได้สนใจอะไรเพราะวัยแค่สิบขวบจนสามทุ่มผมเข้านอน ไม่นานนักผมก็หลับไปไม่รู้ว่าพ่อกับแม่เข้ามานอนตั้งแต่เมื่อไร ก็เป็นปกติวิสัยเหมือนเช่นทุกๆคืน จำได้แต่เพียงว่าก่อนที่จะหลับไปเสียงของแม่ที่บอกว่าผมเริ่มโตแล้วแวเข้ามา ในหูก็เท ่านั้นเอง สายของวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันหยุดของเราทั้งสามคนหลังอาหารเช้าแล้วเรานั่ง เล่นกันตา มสบายในห้องพักผ่อน พ่อเรียกผมเข้าไปไกล้แล้วบอกผมว่า “เรานี่โตแล้วใช่ไหม แม่บอกพ่อว่าอย่างนั้น” “ฮะ พ่อแม่บอกว่าผมโตแล้วผมต้องอาบน้ำเองแล้วแม่จะไม่อาบให้”ผมตอบอายๆมองหน้า แม่ที่นั่ง อยู่ฝั่งตรงข้ามแม่ไม่พูดอะไรแต่ใบหน้ายิ้มละมัย ผมมีความรู้สึกแต่เพียงว่า แม่จ้องมองที่เป้ากางเกงผม “ อืม.. พ่อก็ว่านะถ้าเป็นอย่างที่แม่เขาบอกลูกก็ต้องอาบน้ำคนเดียวแล้วและคงต้องแยก ห้องนอนก ันแล้ว ต่อไปลูกจะมีห้องนอนเป็นของตนเอง อยากทำอะไรเป็นความลับในห้องนอนก็ทำได้เองไม่มีใครรู้เห็น ดีไหม” ในวัยนั้นผมไม่ได้คิดอะไรมากมายมีแต่ความสงสัย ถามพ่อว่า “ทำไมฮะ แล้วพ่อยังอาบน้ำพร้อมกับแม่อีกหรือเปล่า แล้วพ่อกับแม่ต้องแยกห้องนอนกันด้วยไหม” คำถามของผมคงจะไร้เดียงสาจนถึงกับทำให้พ่อกับแม่หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน พ่อหยุดหัวร่อก่อนแม่แล้วบอกผมว่า “เพราะลูกโตแล้วจะเป็นหนุ่มแล้ว ต้องมีโลกส่วนตัวของลูกเอง แล้วพ่อกับแม่จะค่อยๆสอนให้ว่าทำไมคนที่โตแล้วจึงต้องทำอย่างนั้น ตอนนี้เดี๋ยวเราออกไปดูของใช้ที่จำเป็นสำหรับห้องนอนของลูก เราจะใช้ห้องสำรองที่ไว้รับแขกที่อยู่ตรงข้ามกับห้องเดิมนั่นแหละ” บ่ายแก่ๆของวันนั้นห้องนอนส่วนตัวของผมจึงเสร็จเรียบร้อย ผมขลุกอยู่ในห้องนอนของผมจัดโน่นย้ายนี่จนเย็นไกล้เวลาอาหาร แม่ผมขึ้นมาบอกให้ไปเตรียมตัวอาบน้ำและจะได้กินข้าวพร้อมกัน อาจจะเป็นที่ผมตื่นเต้นกับห้องใหม่โลกส่วนตัวของผม จึงทำตามที่แม่ว่า ผมอาบน้ำคนเดียวแม้จะรู้สึกแปลกๆแต่กับห้องใหม่ที่ผมได้มาทำให้ผมลืมความ แปลกความเคย ชินจากการที่แม่คอยอาบน้ำให้มาเป็นสิบปี ยังไม่ทันจะเสร็จเรียบร้อยแม่เข้ามายืนดูผมอาบน้ำ ด้วยใบหน้ายิ้มๆ แม่ไม่พูดอะไรนอกจากถามว่า “เป็นไงลูก” ผมเหลือบตามองแม่ดูเหมือนว่าแวบเดียวแม่ผมเพิ่งจะละสายตาจากน้องชายของผม ซึ่งยังคงแข ็งโด่จากการสัมผัสขัดถูด้วยมือผมเอง “ได้ฮะแม่ ผมอาบได้แม่สอนผมมาตั้งนานแล้วรับรองสะอาดเอี่ยมเหมือนที่แม่ทำให้ผมเลย” ดูเหมือนแม่อยากจะเดินมาที่ผมแต่ก็หันหลังกลับด้วยใบหน้าที่ฉาบรอยยิ้มของ ความรักควา มเมตตาอย่างเดิม พ่อมักจะเริ่มสอนโน่นสอนนี่เรื่องของเพศเรื่องของอารมณ์วันละเล็กละน้อยผม เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้างตามประสาของเด็กอายุสิบขวบเต็ม แต่ก็พอรู้เรื่องความแตกต่างของเพศมากพอสมควร นานวันเข้าผมเริ่มกล้าที่จะถามแรกๆก็กับพ่อก่อนต่อมาก็กับแม่แต่ก็เป็นคำถาม พื้นๆจาก คำพูดในหนังจากรูปแบบท่าทางที่เห็นในหนังสือทั่วไป ทั้งพ่อและแม่เต็มใจที่จะตอบคำถามขยายความในสิ่งที่ผมรู้ผมเห็นมา ทั้งพ่อและแม่จะใช้ภาษาที่เรียบง่ายเหมาะสมกับภูมิความรู้และวัยของผม หลังอาหารเย็นของวันแรกที่ผมต้องนอนคนเดียว ทุกอย่างยังเป็นปกติเหมือนที่เคยเป็นมาคุยกัน นั่งดูทีวี วิพากวิจารณ์สิ่งที่เกิดขึ้นรอบวัน คืนนี้อีกเช่นกันที่ผมเห็นแม่ผมแต่งตัวสวยกว่าคืนก่อนๆขุดนอนเบาบางมองเห็น เนื้อในรำ ไร และเท่าที่ผมจำความได้เมื่ออยู่บ้านแม่ไม่ชอบที่จะใส่เสื้อใน คืนวันศุกร์ คืนวันเสาร์ผมจะได้รับอนุญาติให้นอนดึกได้เพราะรุ่งขึ้นไม่ต้องไปโรงเรียน แต่ความเคยชินที่ว่าสามทุ่มต้องเข้าห้องนอน ผมก็เข้าห้องผมตามเวลา ห้องนอนใหม่ของผมพ่อไม่ต้องการให้ผมมีทีวีอยู่ในห้องซึ่งขัดกับความต้องการ ของแม่ที่ อยากให้ผมมีทีวีไว้ดู แต่แม่และผมก็ต้องยอมตามเหตุผลของพ่อที่ว่า ถ้ามีทีวีอยู่ในห้องนอนคนเดียวจะทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวจางหายไปเพราะ ผมก็จะขลุ กอยู่แต่ในห้องที่มีเพียงทีวีเป็นเพื่อน ผมจึงมีแต่วิทยุและหนังสือที่ผมเลือกมีไว้เหมาะสมสำหรับอายุอย่างผมในตอน นั้น ผมเข้าห้องนอนสามทุ่มเศษทำโน่นทำนี่ตามประสาเด็กอายุสิบขวบไกล้สี่ทุ่มผมปิด ไฟเตรียม นอน แต่จะเป็นด้วยความแปลกที่ แปลกแยกจากความเคยชินภาพของแม่ที่แต่งชุดมักจะแวบมาให้ผมเห็นทำให้ผมนอนไม่ หลับลืมตา โพลงอยู่ยนที่นอนอย่างเดียวดาย คงจะเลยสี่ทุ่มไปไม่มากนักทั้งพ่อและแม่เข้ามาในห้องผมหลังจากเคาะประตูแล้ว คงจะมาดู ว่าผมนอนหลับหรือยังตาแป๋วของผมสบตาทั้งพ่อและแม่ “นอนไม่หลับครับ” “เดี๋ยวก็หลับเองแหละลูกเพิ่งคืนแรกใช้เวลาปรับตัวสักพักก็จะหลับง่ายเหมือน เคย” พ่อพูดเสร็จก็เดินออกจากห้อง แม่เข้ามานั่งบนเตียง ท้าวแขนบนที่นอนโน้มตัวลงมาบอกผมว่า “นอนให้หลับนะลูก ห้องนอนแม่จะไม่ล็อคประตู มีปัญหาอะไรก็เข้าไปเรียกแม่ได้” ท่าที่แม่นั่งโน้มตัวเข้าหาผมนั้น ผมยาวสยายของแม่ละอยู่ที่ใบหน้าผมกลิ่นหอมของน้ำหอมระเหยกรุ่นตรงหน้า แสงไฟเรืองๆสีม่วงบนหัวเตียงทำให้ผมเห็นใบหน้าสวยซึ้งของแม่ แววตาที่หวานฉ้ำที่ผมไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อนเลย ตาผมละเลยไปสิ้นสุด ที่อกอวบใหญ่ที่ปราศจากสิ่งรัดรึงนอกจากเสื้อนอนอันบางเบา ไม่รู้ว่าเป็นที่กลิ่น ภาพหรือแสงสีเพียงแค่นั้นผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นน้องขายของผมชี้โด่ขึ้นมา คงจะเป็นธรรมชาติของมนุษย์ผมอายสบตาแม่แล้วเมิน “ นอนนะลูกแม่จะไปละ” ผมรู้ว่าแม่ลุกขึ้นแต่แม่ยังไม่ขยับเดินผมหันกลับมามองแม่ เห็นแม่ผมจ้องที่น้องชายที่แข็งโด่ชูชันอยู่อย่างนั้นอึดใจหนึ่งแม่จึงหัน กายก้าวออก จากห้องพร้อมกับปิดประตูอย่างแผ่วเบา ผมนอนไม่หลับ กระสับกระส่ายอยู่บนเตียงผุดลุกผุดนั่งจนห้าทุ่มเศษมีความรู้สึกหิวผมบอกตน เองว่าต้อ งลงไปหาอะไรกิน ไม่รู้เป็นเพราะอะไรก่อนนี้ถ้าผมลุกขึ้นมากลางดึกเพื่อหาอะไรกินหรือเข้า ห้องน้ำผมก็ จะเดินเหินเป็นปกติ แต่มาคืนนี้คืนแรกที่ผมนอนเดียวดายผมถึงต้องค่อยๆเดินค่อยๆย่องแม้แต่การปิด เปิดประต ูก็ทำอย่างเงียบเชียบที่สุด หลังจากหาอะไรรองท้องผมย่องขึ้นบันใดจะด้วยความเคยชินที่มีมาแต่เนิ่นนานผม เปิดประตู ไปที่ห้องนอนของแม่โดยพยามทำให้เงียบที่สุดเท่านั้นผมค่อยๆแง้มประตูมองเข้า ไปในห้อง บนเตียงนอนไฟสลัวจากหัวเตียงทำให้มองเห็นภาพที่เกิดขึ้นแม้ไม่ชัดเจนแต่ก็ เห็นว่า ร่างท่อนบนเปลือยเปล่าของแม่ทาบทับอยู่บนตัวพ่อแม่เหยีดร่างตรงโยกส่ายไปมา บนตัวพ่อผ มตกตลึงตัวแข็งเหลือกตาโพลงไปที่ภาพนั้น พ่อนอนเหยียดยาวหันศรีษะไปทางหัวเตียงร่างเหยียดตรงที่บดส่ายอยู่บนท่อนกลาง ของลำตัว พ่อจึงบังสายตาของพ่อจากประตู ในขณะที่แม่หันหน้าตรงประตูพอดี แม่สบตาผม ผมเห็นแววตาหยาดเยิ้มและรอยยิ้มแต่แม่ยังไม่หยุดขยับร่างกายท่อนล่างที่ดู เหมือนจะเพ ิ่มความรุนแรงเร่าร้อนมากขึ้นเมื่อสบตากับผม ผมจังงังอยู่กับภาพนั้นชั่วขณะจนหายตลึงแต่ก็นานพอที่จะเห็นรูปทรงองเอวของ แม่ในท่าแ บบนั้นที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ผมค่อยๆปิดประตู ผมกลับเข้าที่นอนภาพของแม่ในท่านั้นติดตาผมอยู่ตลอดเวลาพร้อมๆกับที่น้องชาย ผมก็กลับ มาแข็งแกร่งชูชันอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่าผมหลับไปตอนไหน แต่เช้าวันรุ่งขึ้นนั้นผมตื่นนอนสายโด่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น