วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2557
ผมถูกเลี้ยง ต้อย ภาค1 ตอนที่3
แม่เช็ดมือแล้วเดินมาโอบผมจากด้านหลัง “พ่อเขาเป็นไบเซกช่วล
คือมีเซ็กซ์ได้กับทั้งผู้หญิงผู้ชาย” ผมแหงนมองหน้าแม่ “อื้อฮือ
แม่ไม่หึงไม่ว่าอะไรเลยเหรอ “ “ไม่นี่ลูก
ก็เพียงแต่เซ็กส์อีกรูปแบบหนึ่งเท่านั้น แล้วก็แล้วกันไปไม่มีอะไรผูกพัน
เพียงแต่มีข้อตกลงกันเรื่องความสะอาดและความปลอดภัยจากโรคอย่ามาทิ้งใว้ให้
แม่เท่านั ้น เรื่องนี้อีกเหมือนกันถ้าลูกอยากรู้ก็ถามพ่อดูได้
พ่อมีประสบการณ์แปลกๆ แต่แม่ว่านะรอให้โตอีกหน่อยดีกว่า
เรียนรู้เป็นเรื่องๆไป ดีไหมลูก” ผมก้มลงหอมที่แขนแม่ทั้งสองข้าง
“แล้วแม่ล่ะครับ เป็นเลสเบี้ยนด้วยหรือเปล่า ขอโทษครับที่ถาม” “ฮือ
ก็มีบ้างแต่ต้องเลือกคนเลือกเวลานะ
ผู้หญิงกับผู้หญิงก็มีรสชาติไปอีกแบบหนึ่ง
ทั้งพ่อและแม่เราตกลงกันไว้ว่าเรื่องแบบนี้ขอให้ถือว่าเป็นการกินอาหารแปลกๆ
อีกแบบหน ึ่งถ้าอยากก็กินถือเป็นการเปลี่ยนเมนูอาหารประจำ
แต่อย่าไปลุ่มหลงยึดติด” “แม่จะเล่าให้ผมฟังไหมครับ”
“ได้ซิแต่ไม่ใช่ตอนนี้นะลูก” พ่อกับแม่ เคยพูดกับผมไว้ว่า
บ้านเราจะมีความสุขได้ก็ต่อเมื่อเราอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาโดยเฉพาะวันหยุด
ประจำสัป ดาห์ควรจะเป็นวันส่วนตัวสถานที่ส่วนตัวของเราทั้งสามคน
วันอื่นๆเราพบปะผู้คนพานพบเหตุการณ์มากมายหลายเรื่องควรจะมีสักวันหรือสอง
วันที่เป็น วันของเรา อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้
บ้านเราจึงไม่ค่อยมีคนไปมาหาสู่
แต่ความสัมพันธ์ทางสังคมเพื่อนฝูงญาติพี่น้อง ก็ไม่เคยขาดหาย
ทั้งพ่อและแม่จึงชอบที่ออกไปเยี่ยมเยีอนหรือนัดพบปะกันตามสถานที่ต่างๆ
แม้จะไม่บ่อยนักแต่ก็ไม่เนิ่นนานจนความสัมพันธ์ต่อกันต้องจางหายไป
ตั้งแต่ผมจำความได้แม่จะมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งที่แม่จะบอกว่ามองตาก็รู้ใจ
กัน
น้านิดเป็นเพื่อนของแม่ที่อยู่ต่างจังหวัดเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนชั้น
ประถมจนถึงม หาวิทยาลัย
น้านิดจะมาพักที่บ้านเราเสมอเมื่อมีอันที่จะต้องมาทำธุระปะปังในกรุงเทพฯ
ส่วนพ่อนั้นมีเพื่อนฝูงมากมายแต่ไม่เคยมีใครมานอนค้างที่บ้านเลยไม่ว่าจะ
เป็นก่อนที่ พ่อจะแต่งงานหรือแต่งงานแล้ว
และพ่อก็ไม่เคยไปนอนค้างอ้างแรมที่ไหนยกเว้นก็เป็นจากการต้องไปงานราชการ
ต่างพื้นที่ ก็จะพักตามสถานที่ที่หน่วยงานนั้นจัดไว้ให้
แม่ก็เช่นกันตั้งแต่จำความได้แม่ไม่เคยจะทิ้งบ้านไปพักค้างอ้างแรมที่ไหน
ถ้าเป็นการไปท่องเที่ยวพักผ่อนเราก็จะไปการสามคนพักค้างคืนร่วมกันทั้งสามคน
แต่ก็ไม่บ่อยนักพ่อมักจะพูดว่าไม่มีที่ไหนมีความสุขเท่าบ้านเรา
ผมแม้จะอายุเพียงสิบสองปีก็เห็นด้วย
ผมไม่รู้ว่าครอบครัวคนอื่นเขาเป็นอย่างไรรู้แต่ว่าทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นหลัง
จากเลิกเ
รียนหลังจากการออกไปเที่ยวเตร่ตามประสาวัยรุ่นคราใดที่กลับเข้าบ้านผมจะมี
ความสุขควา มอบอุ่นรู้ได้ว่าเจืออยู่ในทุกอณูของบ้าน
จำได้ว่าวันนั้นเป็นคืนวันศุกร์ที่อยู่ในระหว่างปิดภาคเรียนภาคแรกผ่านวัน
ครบรอบวันเ กิดครบสิบสองปีมาไม่กี่วัน ก็นับว่าผมย่างเข้าสิบสามแล้ว
เป็นวันที่ฝนตกหนักตั้งแต่บ่ายและฟ้ายังฉ่ำฝนอยู่จนถึงเวลาเข้านอน
เป็นปกติหลังเวลาอาหารที่เราพ่อแม่ลูกจะคุยกันเรื่องสัพเพเหระ
จนได้เวลาที่พ่อกับแม่ขึ้นนอน
ผมยังดูรายการทีวีต่อจนรายการโปรดจบลงผมขึ้นนอน
อากาศวันนี้เย็นสบายผมไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศ
เปิดหน้าต่างให้อากาศบริสุทธิ์เย็นฉ่ำหลังฝนพัดผ่านเข้ามาไล่ความอบอ้าวใน
ห้อง ค่อนข้างดึกผมปิดไฟนอน
เคลิ้มๆหลับไปมีความรู้สึกว่ามีคนเข้ามาในห้องคิดว่าคงเป็นแม่ที่มักจะเปิด
เข้ามาดูใ นห้องนอนผมบ่อยๆ ในภวังค์เคลิบเคลิ้มนั้น
ผมมีความรู้สึกว่ามีฝ่ามือนุ่มนิ่มลูบไล้อย่างแผ่วเบาไปที่น้องชายของผม
ผ่านกางเกงนอนบางเบา ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเสียวซาบซ่า
อ่อนโยนนุ่มนวลกว่าที่ผมสัมผัสด้วยตนเอง
น้องชายเริ่มแข็งตัวชูชันอยู่ไต้ผ้าที่บางเบา
มือนุ่มเนียนอ่อนโยนลูบไล้ไปทั่วพร้อมๆกับที่ผมรู้สึกได้ถึงลมอุ่นๆจากปาก
ของผู้มาเย ือนพัดผ่านแผ่วเบาไปตลอดความยาวของน้องชายขึ้นลง
ผมไม่เคยมีความรู้สึกเสียวซาบซ่านมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย
ผมอยากจะลืมตาดูว่าเป็นใครแต่ผมไม่กล้ากลัวว่าถ้าผมลืมตาขึ้นมาแล้วความสุข
เสียวซ่าน จากลมเป่าและการลูบไล้จากปลายมือ จะมลายหายไป
สิ่งที่ผมทำได้ตอนนั้นคือขยับกายท่อนล่างเพื่อหวังว่าจะให้ฝ่ามืออันนุ่มนวล
นั้นลูบไ
ล้ที่น้องชายได้ถนัดถนี่และถ้วนทั่วทุกตารางมิลลิเมตรของความโตและความยาว
ตามขนาดของ อายุของน้องชาย ที่ผงาดชูชันสู้กับความนุ่มนวลนั้นอยู่
ฝ่ามือที่นุ่มอ่อนโยนอีกข้างหนึ่งลูบไล้หน้าท้องของผมเหนือขอบกางเกงจากหน้า
ท้องขึ้น
ลงวนเวียนที่หน้าอกของผมบางครั้งอย่างนุ่มนวลแผ่วเบาเลยมาที่แก้มคางและริม
ฝีปากพร้อ มๆกับที่
นิ้วทั้งห้าของฝ่ามือที่นุ่มนิ่มอีกข้างนั้นกำรอบตัวน้องชายที่กำลังแข็ง
แกร่ง แล้วสาวขึ้นลง
ผมแอ่นลำตัวท่อนกลางขึ้นลงตามการสาวของมือที่แม้จะแผ่วเบา
ผมช่วยเหลือตนเองบ่อยจนมีท่าทางมากมายที่จะเพิ่มความเสียวซ่านให้กับตนเอง
แต่ครั้งนี ้กับการลูบไล้สาวขึ้นลงเป็นความสุข เป็นความเสียวซ่านสุดๆ
มากกว่ามากกว่าที่ผมทำให้กับตนเอง ผมบิดกายท่อนล่างเพื่อตอบรับกับความสุด
เสียว และแล้วสิ่งที่ผมไม่คาดคิดมาก่อนก็เกิดขึ้น ริมฝีปากอบอุ่น
แผ่นลิ้นที่แข็งแรงแต่นุ่มนิ่มก็สัมผ้สกับส่วนปลายของเจ้าน้องชายของอันเป็น
ส่วนที่ก ่อให้เกิดความสุดเสียวอย่างหาที่สุดไม่ได้
ปากนั้นลิ้นนั้นสัมผัสและเล็มลามเลียไปทั่วลำตัวเจ้าน้องชายจากยอดลงสู่โคน
และทันใดนั้นปากคู่นั้นก็กลืนน้องชายผมเริ่มจากบนสุดไปจนถึงโคนมีความรู้สึก
ถูกอมถูก รูดขึ้นรูดลงครั้งแล้วครั้งเล่ากระชั้นถี่เร็วขึ้น
ผมเกร็งตัวท่อนล่างยกขึ้นสูงสุดด้วยความเสียวซ่าน
สุดจะทานทนมือสองข้างของผมตะปบไปที่ศรีษะที่ก้มอยู่กับน้องชายของผม
ผมนุ่มนิ่มนั้นถูกผมกำขยี้ตามความรุนแรงของความเสียวซ่าน
สองมือผมออกแรงกดไปที่ศรีษะนั้นเพื่อให้น้องชายของผมจนหายไปเข้าไปปากอิ่ม
นุ่มนวลที่ แสนจะอบอุ่น
และแล้วก็ถึงเวลาที่ผมสุดจะอดกลั้นน้องชายผมฉีดปล่อยน้ำแห่งความรักเข้าไปใน
ปากอวบอิ ่มนั้นผมไม่รู้ว่าแรงฉีดของน้ำมีมากน้อยเท่าไร
ทิศทางของน้ำที่น้องชายผมพ่นออกมานั้นนอกจากในปากเข้าลำคอแล้วจะหยดย้อย
เปรอะเปื้อนไ ปที่ไหนได้บ้าง จนหยาดหยดสุดท้าย
ปากอิ่มนั้นก็ยังไม่ปลดปล่อยน้องชายเป็นอิสระ ความเสียวซ่านยังคงมีอยู่
จนเมื่อมือสองข้างของผมหมดสิ้นเรี่ยวแรงผ่อนคลายจากการกดศรีษะนั้นไว้
น้องชายผมจึงเป็นอิสระ
ผมนอนหอบหายใจแรงยังไม่กล้าที่จะลืมตามองกลัวว่าถ้าเป็นความฝันแล้วฝันนั้น
จะสลาย บอกตนเองได้เพียงว่านี่กระมังที่เขาเรียกกันว่าฝันสุดยอดของความสุข
ผมยังตื่นเช้าทันเวลาทีจะไปวิ่งออกกำลังพร้อมกับแม่และพ่อแต่งตัวเสร็จหิ้ว
รองเท้าจ็ อกกิ้งพบพ่อและแม่ที่หน้าประตู “อ้าว....
ไปด้วยหรือเมื่อคืนเห็นนอนดึก จะไหวเหรอ” “ไหวครับพ่อ
นอนดึกแต่หลับเป็นตายรวดเดียวตื่นเลยครับ” “ท่าจะฝันดีนะลูกแม่”
ใบหน้ายิ้มลมัยของแม่รอสบตาผมอยู่ ผมมองแล้วเมิน “ครับฝันดีครับ ฝันดีมากๆ”
“พ่อจะบอกให้นะถ้าฝันดีแล้วมีความสุข ก็ไม่ต้องเล่าให้ใครฟัง
เผื่อจะได้ฝันซ้ำบ่อยๆ” พูดจบพ่อยิ้มกริ่มมองไปที่แม่
แม่หน้าแดงหวดฝ่ามือไปที่ต้นแขนพ่อ และเราทั้งสามก็หัวร่อขึ้นพร้อมกัน
แม้จะยังไม่ถึงกำหนดเปิดเรียนภาคสุดท้ายในวันทำงานผมต้องอยู่โยงอยู่บ้านคน
เดียวจนกว ่าจะถึงเวลาเลิกงานจากคืนวันศุกร์อันแสนซ่านเสียว
ผมพยามไม่คิดถึงมัน ผมเพียงต้องการที่จะเก็บทุกหยดที่อยู่กับน้องชายของผม
เอาไว้เพื่อให้ถึงคืนวันศุกร์ วันศุกร์ที่ผมเฝ้ารอที่จะพบแม้จะเพียงความฝัน
วันทั้งวันตลอดสัปดาห์ ผมเลิกคิดเรื่องเซ็กส์
หางานมาทำไม่ให้ร่างกายได้พักผ่อน ก่อนนี้ผมจะออกวิ่งพร้อมพ่อและแม่ทุกเช้า
ตอนนี้ผมจะออกไปเล่นกีฬาที่สนามกีฬาไกล้บ้านและเพิ่มการวิ่งออกกำลังในช่วง
ตอนเย็นอี กครั้ง
ได้ผลทั้งตามที่พ่อและแม่พร่ำสอนว่าอย่าหมกมุ่นต้องแยกให้ออกว่าเป็นที่ไหน
เมื่อไร การทำงานทุกอย่างในบ้านการออกกำลังกายอย่างหนัก
ทำให้ผมหลับง่ายเลิกหมกมุ่นกับการช่วยตนเองช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับ
ร่างกาย จนแม้แต่แม่ก็แปลกใจถามผมในเย็นวันหนึ่งว่า “เกิดอะไรขึ้นลูก
เดี๋ยวนี้ผ้าปูที่นอน ชุดนอนของลูกไม่เปรอะเปื้อนแล้ว” พ่อหันมามองหน้าผม
“เออใช่ เห็นแม่เขาถามพ่อเหมือนกัน แต่พ่อเห็นว่าหักโหมออกกำลัง
ระวังอย่าให้มากเกินไปนัก อะไรที่มากไป น้อยไปก็ไม่ดี “ “ไม่มีฮะ
เพียงแต่ช่วงนี้ผมจะทดสอบตนเองทำตามที่พ่อและบอกไว้
อดกลั้นและไม่หมกมุ่นก็ได้ผลดีครับ หลับสบาย ร่างกายแข็งแรงมากขึ้นครับ”
“นี่ลูกพ่อ ที่พ่อกับแม่สอนเอาไว้นั้นก็เพื่อ
ไม่ให้เกิดความเคยชินจนเป็นการเสพติดเท่านั้นแต่ไม่ต้องการให้ถึงขนาดอด
กลั้นถึงขั้น มันไปจุกในอก” “ใช่จ๊ะลูกมีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า”
เป็นน้ำเสียงอบอุ่นเจือความห่วงใยตอบมาจากแม่ “ไม่ครับ
ผมเพียงแต่รอคืนวันศุกร์ครับ ศุกร์ที่แล้วผมฝันอย่างวิเศษสุด
ก็หวังไว้ว่าคืนวันศุกร์ที่จะถึงนี้ผมจะฝันอย่างนั้นอีกและอยากให้เป็นทุกๆ
วันศุกร์ค รับ”
ผมกุมมือข้างซ้ายของแม่และข้างขวาของพ่อหันไปสบตาทั้งพ่อและแม่
ฟังจบพ่อระเบิดหัวเราะลั่นออกมา “อ้อ อย่างนี้นี่เอง
และถ้าไม่ฝันล่ะจะทำอย่างไร ทำเองเหรอ” พ่อพูดยิ้มๆ
ฝ่ามือแข็งแกร่งแต่นุ่มนวลลูบไปที่ใบหน้าของผมอย่ารักไคร่
แม่บีบมือผมแน่นกระชับขึ้น พร้อมกับเอ่ยขึ้น “พ่อนี่
ให้กำลังใจให้ความหวังลูกบ้างซิจ๊ะ ลูกอุตส่าห์อดทนรอคอย
ให้เหลืออาทิตย์ละครั้งเดียว” “ฮิ่อ ... แม่ก็ แค่พูดเล่นเท่านั้น”
พร้อมๆกับที่พูดพ่อตบหลังผมเบาๆ
“รู้อยู่แล้วว่าคืนวันศุกร์ลูกเราเขาต้องฝันดีแน่ๆ พ่อจะช่วยภาวนาให้
แม่เองคงไม่ต้องบอกมั๊งว่าภาวนามากกว่าลูกอีก” “เซี้ยวจังพ่อนี่”
แม่พูดกลั้วหัวร่อพร้อมกับที่โอบผมเข้าไปแนบไหล่อย่างรักไคร่
และแล้วเย็นวันศุกร์ก็มาถึง
ตลอดเช้าจรดเย็นผมรู้สึกว่าเป็นวันศุกร์อันยาวนาน
ผมใช้เวลาอาบน้ำถูตัวทำความสะอาดทุกสัดส่วนของร่างกายยาวนานกว่าทุกครั้งโดย
เฉพาะน้อ งชายผม
เมื่อผมถูกต้องแม้จะตั้งใจหรือไม่ต้องใจก็ผงาดตัวชูชันพร้อมที่จะสู้มือผม
อยู่ตลอดเว ลา
ผมได้แต่ปลอบน้องไปว่าใจเย็นๆน้องพี่คืนนี้เจ้าจะพบกับความสุขที่มากยิ่ง
กว่าศุกร์ที ่แล้ว บนโต๊ะอาหารเราอยู่กันพร้อมหน้าเหมือนเช่นเคย
พุดคุยสัพเพเหระตามปกติ
มีเพียงพ่อเท่านั้นที่บอกว่าเช้าวันเสาร์ต้องไปราชการด่วนและค้างหนึ่งคืน
ที่นั่นคงจ ะกลับถึงบ้านเย็นวันอาทิตย์ เราผมหมายถึงผมและแม่รับทราบ
และไม่ได้สอบถามอะไรเพิ่มเติมเพราะพ่อมีกจะย้ำนักย้ำหนาว่าเรื่องงานของพ่อ
นั้นถ้าพ่ อไม่พูดห้ามถาม มีแต่เพียงแม่เท่านั้นที่ถามยิ้มๆว่า
“ทส.ไปด้วยไหมงานนี้” “อ๋อไปซิแต่ ไม่ต้องกลัวหรอกแม่
คงไม่มีโอกาสอยู่กันสองต่อสอง
อย่างที่บอกแล้วถ้าเสร็จพ่อเมื่อไรจะเล่าให้ฟังทั้งสองคนแหละ”
พ่อตอบยิ้มๆสบตาทั้งแม่และผม
ผมขึ้นนอนในเวลาที่ไกล้เคียงกับคืนวันศุกร์ที่แล้วนอนกระสับกระส่ายไม่พยาม
คิดถึงเรื
่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นไม่พยามแตะเนื้อต้องตัวน้องชายของผม
คิดแต่ว่ามาหรือไม่มา ผมปิดไฟเปิดแอร์เย็นฉ่ำตาจ้องที่บานประตู
ดึกสงัดผมยังไม่ง่วง ที่ประตูลูกบิดขยับตัว
ผมหลับตาขยับท่าทางให้อยู่ในท่าแผ่แบหราอย่างสบายๆ
เสียงเคลื่อนตัวแผ่วเบาไกล้มาที่เตียงนอน
กลิ่นน้ำหอมอ่อนกระตุ้นอารมณ์ให้เตลิดเปิดเปิง คืนนี้ต่างจากคืนที่แล้ว
มือนุ่มนิ่มอ่อนโยนคู่นั้นพุ่งตรงไปที่น้องชายผมไต้ขอบกางเกง ลูบไล้แผ่วเบา
เนิบนาบ เกาะกุม กำแน่นและปล่อยคลาย ทุกอาการสัมผัส
ส่งกระแสของความซ่านเสียวอบอุ่นไปทุกอณูของร่างกาย
มีความรู้สึกว่าร่างกายของผู้มาปลดปล่อยนั้นเคลื่อนตัวไปทางเท้า
มือหนึ่งเกาะกุมอยู่ที่น้องชายแนบแน่นแต่แผ่วเบา
แม้ผมจะไม่ลืมตาก็รู้ได้ว่าปากและลิ้นเริ่มแตะชิมสัมผัสลิ้มเลียตั้งแต่ปลาย
นิ้วเท้า ของผม
พร้อมๆกับมือที่เกาะกุมอยู่ที่น้องชายผมนั้นก็จะกุมแน่นบ้างปล่อยคลายบ้าง
สาวขึ้นลงบ ้าง ผมเกร็งจนสุดจะเกร็งแอ่นตัวท่อนกลางลอยขึ้นตามความเสียงซ่าน
การลิ้มเลียต่ายขึ้นมาจากปลายเท้าถึงต้นขา ช้าแผ่วเบา นุ่มนวล
หยาดเยิ้มแต่เสียวซ่าน
ผมยังเขม็งเกร็งหลับตาไม่กล้าลืมตาไม่กล้าแม้จะส่งเสียงครางหลุดรอดออกไป
เพราะกลัว กลัวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะหยุดชะงักและมลายหายไป
และแล้วริมฝีปากคู่นั้นก็ดอมดมเล็มเลียพร้อมๆกับปลายลิ้นอันชุ่มฉ่ำก็วน
เวียนอยู่ที่ น้องชายของผม
ลิ้นและริมฝีปากคู่นั้นดูเหมือนจะหยอกล้อทรมานน้องชายผมที่รอคอยอย่างหิว
กระหายมาถึง เจ็ดวันเต็มๆ
บนสุดเป็นส่วนที่เสียวกระสันที่สุดค่อยๆถูกกลืนเข้าปากเนิ่นช้าเนิบนาบแต่อบ
อุ่นและซ ่านเสียว ปากนั้นอมดูดลิ้นนั้นโฉบเลียรัวเร็วและเนิบนาบนุ่มนวล
ผมรู้แล้วว่าความสุขของมนุษย์นั้นอยู่ไม่ไกลเลย
ความสุขความเสียวซ่านสุดๆเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าผมพยามจะอดกลั้นเพื่อ
กักเก็บควา มเสียวกระสันไว้ให้นานที่สุด แต่ก็ต้องถึงเวลาที่ปลดปล่อย
ผมรู้ว่าครั้งนี้น้องชายผมมีน้ำที่กักเก็บไว้อย่างมากมายตลอดสัปดาห์
คงยากที่ปากนั้นจะกลืนกินเข้าไปหมด ผมอ่อนแรง แต่มีความสุข
อยากจะลืมตามองผู้ปลดปล่อยแต่ก็กลัวว่าถ้าเขารู้ว่าผมมองอยู่วันศุกร์หน้า
เขาอาจจะไม ่มาปลดปล่อยผมอีก
ผมตื่นสายกว่าทุกวันเหลือบดูที่นาฬิกาปลุกที่ผมไม่เคยใช่ปลุกเลย
เกือบแปดโมงเช้าจัดว่าสายสำหรับบ้านผมทั้งพ่อแม่และตัวผม
พ่อผมสอนผมตลอดเวลาว่าคนที่ตื่นสายคือคนที่ปล่อยโอกาสที่ดีๆในชีวิตให้หลุด
ลอยไป พ่อฝึกให้ผมตื่นแต่เช้า
หัดที่จะกำหนดเวลาที่จะตื่นเองโดยไม่ต้องใช้นาฬิกา
แม้จะสายแต่เช้าวันนี้ฟ้ายังขุ่นมัวด้วยเมฆฝน ดูท่าว่าฝนคงจะตกทั้งวัน
ผมอาลัยอาวรณ์กับที่นอนคิดถึงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา
แต่ก็ไม่นานนักคำเตือนของพ่อที่ว่าอย่าหมกมุ่นอยู่กับอย่างใดอย่างหนึ่ง
ในห้องน้ำผมใช้เวลาค่อนข้างนานครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนวันศุกร์
สองครั้งมาแล้วครั้งแรกผมยังไม่แน่ใจว่าเป็นความจริงหรือความฝันจนเมื่อคืน
นี้และมาจ นขณะนี้ผมแน่ใจแล้ว่าไม่ใช่ความฝันแน่นอน
ทั้งสองครั้งที่ผ่านมาเป็นเรื่องจริง
ผมแต่งตัวตามสบายวันนี้คงออกไปไหนไม่ได้
และพ่อก็คงจะออกจากบ้านไปแล้วพรุ่งนี้ถึงจะกลับผมค่อยๆเดินลงจากห้องนอนมี
เสียงกุ๊กก ิ๊กอยู่ในครัว แม่คงอยู่ที่นั่น
เป็นอย่างที่ผมคาดคิดร่างเพรียวระหงของแม่อยู่ในชุดนอนที่ค่อนข้างรัดกุมผ้า
เบาแต่สี เข้มปกปิดร่างกายในส่วนที่ล่อแหลมอย่างรัดกุม
ผมเดินเงียบไปหยุดด้านหลังของแม่ห่างเพียงสองก้าว ผมกระซิบเรียก “แม่ครับ”
แม่หันร่างกลับมาดูเหมือนไม่แปลกใจที่พบกับผมสองต่อสองเพียงแต่เสียงกระซิบ
ของผมเท่า นั้นที่ทำให้แม่ส่อแววฉงนออกมาทางสีหน้า
ร่างของแม่หันกลับมาเต็มตัวผมทรุดลงไปที่สองเท้าของแม่แล้วกราบมือผมกุมอยู่
ที่ข้อเท ้าทั้งสองของแม่ใบหน้าซบอยู่ที่หลังเท้า
น้ำตาผมไหลหยดไปที่สองเท้านั้น “แม่ครับขอบคุณครับ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น