วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2559

คำสารภาพของแฟนผม ตอนที่10




หลังจากที่ผมกับน้องนิดแยกจากกัน ผมกลับไปที่คอนโดสะสางงานที่ค้างอยู่จนถึงช่วงเย็นจึงออกไปฟิตเนสคลับที่ผมเป็นสมาชิกอยู่ แต่ดูเหมือนวันนี้ผมไม่ค่อนมีสมาธิกับการออกกำลังกายนัก ด้วยเรื่องของน้องนิดเมื่อตอนกลางวัน มันคอยรบกวนสมาธิอยู่อยู่ตลอดเวลา ผมรู้ว่าน้องนิดแยกทางออกจากห้างด้วยอารมณ์ที่ยังคุกรุ่นยังไม่ดับมอด น้องยังต้องการให้ผมดับให้ถึงขนาดยอมเป็นฝ่ายเสนอให้ผมก่อนด้วยซ้ำ แต่ผมมันดันบ้ายึดติดกับคำพูดของตนเอง สัญญากับตัวเองแบบนี้ แม้จะทำให้ผมภูมิใจที่ยังคงไม่ได้ละเมิดคำสัญญานั้น ซึ่งผมก็ไม่รุ้เหมือนกันว่า ผมคิดผิดหรือถูกกันแน่ เวลาเท่านั้นที่จะตอบได้ว่าการกระทำของผิดในวันนั้นส่งผลกระทบกับชีวิตของผมกับน้องนิดในทางใด

หลังจากที่ใช้เวลาในฟๆตเนสคลับจนถึงทุ่มกว่าๆ ผมก็กลับไปที่คอนโดออนเอ็นรอให้นิดนิดออนมาคุย จวบจนเลยเวลาปรกติที่น้องนิดจะออนเอ็มมา ผมก็ยังไม่เห็นเธอ ผมฌลยลองโทรศัพท์ไปหา สายติดแต่น้องนิดไม่รับ ปล่อยให้สายเรียกเข้าขาดไปเอง ผมกดเบอร์โทรหาอีกครั้ง คราวนี้กลับได้ยินเสียงจากเทปว่า เลขหมายที่ท่านเรียก ยังไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ค่ะ ซึ่งหมายถึงน้องนิดคงปิดเครื่อง ไม่พร้อมจะคุยกับผม ทำให้ผมเริ่มซีเรียส ผมปล่อย
เวลาให้ผ่านไปอีก30นาทีก็ลองโทรหาใหม่ ยังคงปิดสายเช่นเคย ใจผมเริ่มว้าวุ่นว่าณ.เวลานั้น น้องนิดกำลังทำอะไรถึงได้ปิดเครื่อง เธอยังอยู่กับพ่อแม่ในคอนโด หรือว่าไปไหนกันแน่

ผมอดใจรอด้วยความกระวนกระวายต่อไปไม่ไหวครับ รีบแต่งตัวลวกๆ แล้วขับรถไปยังคอนโดของน้องนิดทันที ไปทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่าน้องนิดพักอยู่ห้องใดชั้นใด คงแค่อยากจะรุ้ว่าน้องนิดกับพ่อแม่เธอยังอยุ่ที่คอนโดหรือไม่ คงมีทางเดียวคือสังเกตุจากรถที่ทั้งสองใช้อยู่เท่านั้นเองครับ

ผมขับรถไปถึงคอนโดน้องนิดเวลาตอนนั้น5ทุ่มกว่าไปแล้ว พอผมไปถึงทางเข้าที่ต้องผ่านป้อมรปภ.นั้นก็ต้องหยุดรถ เพราะไม้กันรถไม่ได้เปิดให้คงเป็นระบบรักษาความปลอดภัยของทางคอนโดเป็นแน่ทั้งๆที่เมื่อตอนกลางวันผมขับรถผ่านเข้าไปได้โดยไม่ต้องหยุดตรวจ สักครู่รปภ.ก็เข้ามาสอบถามผมว่าจะไปห้องใด อย่างที่บอกไปตอนแรกนั่นแหละครับว่าผมไม่รู้ว่าน้องนิดพักอยู่ห้องหมายเลขใดจึงไม่สามารถบอกรปภ.ไปได้ ทางรปภ.จึงถามชื่อของผู้เป็นเจ้าของห้องพัก  พอผมบอกชื่อจริงของน้องนิดออกไป พนักงานรปภ.ก็เดินกลับเข้าไปที่ป้อมแล้วยกหูโทรศัพท์โทร ผมคิดว่าคงจะโทรตรงเข้าไปที่ห้องของน้องนิดเป็นแน่ สักครู่พนักงานรปภ.ก็เดินมาที่รถผมพร้อมบอกว่า สงสัยจะไม่มีใครอยู่ในห้องครับ ช่วงจังหวะนั้นผมเห็นคนไทยกับฝรั่งเดินผ่านพนักงานรปภ.เข้าไปโดยไม่เห็นมีการตรวจหรือซักถามประการใด
ผมเลยถอยรถออกแล้วไปหาที่ว่างๆในซอยจอด คิดว่ารอให้เวลาผ่านไปสัก10นาทีค่อยลองเดินเข้าไปอาจจะเข้าได้

แล้วผมก็เข้าใจถูกครับต้องครับผลังจากที่ผมเดินผ่านป้อมรปภ.โดยไม่ถูกเรียกซักถามผมก็เดินไปทางด้านหน้าทางเข้าอาคาร ผมเห็นรถปิคอัพของพ่อน้องนิดยังคงจอดอยู่ที่ด้านหน้า แต่ไม่มีรถของน้องนิด เธออาจขับขึ้นไปจอดบนอาคารจอดรถก็ได้ผมคิดแบบนั้น ผมตัดสินใจเดินเข้าไปในอาคารซึ่งเป็นโถงโล่งๆ ด้านในสุดเป็นที่ทำงานของพนักงานต้อนรับ ดูเหมือนกึ่งๆโรงแรมชั้นนำทั่วๆไป มีล็อบบี้เล้าจ์เปิดไฟสลัวๆอยู่ด้านซ้ายมือ มีเพลงบรรเลงจากเปียนโนดังแว่วออกมา ผมลองเดินเฉียดไปดูพอถึงระยะที่สายตาจะพอมองเห็นผู้คนในล็อบบี้เล้าจ์ได้ ผมก็เห็นน้องนิดครับ เธอนั่งหันด้านข้างมาทางที่ผมหยุดยืนอยุ่ เธอนั่งอยู่กับผู้หญิงสุงวัยผมจำได้ว่าเป็นแม่ของน้อง เพราะเมื่อตอนกลางวันเคยเห็นหน้ากันมาแล้ว ส่วนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับเธอนั้นเป็นผู้ชายสองคน คนแรกสูงอายุเป็นพ่อเธอ ส่วนอีกคนน่าจะเป็นคนหนุ่มกว่า แต่ผมก็มองหน้าไม่ถนัดนัก เพราะเผอิญมีกระถางต้นไม้บังอยู่

ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมากดหาน้องนิดเพื่อจะเช็คดูว่าเธอยังปิดสายอยู่หรือไม่ คราวนี้เธอเปิดสายครับ พอมีเสียงเรียกเข้าน้องนิดก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู แล้วก็กดสายทิ้งไม่ยอมรับสาย ในขณะนั้นผมรู้สึกหน้าชาวูบเหมือนโดนตบหน้า ยิ่งเห็นน้องนิดกดสายทิ้งแล้วยังพูดคุยยิ้มๆหัวเราะเบาๆ กับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเธอ ผมแทบจะคลั่ง รู้สึกหึงหวงทั้งๆที่ไม่รู้แม้สักนิดว่าเธอพูดคุยเรื่องอะไรกัน

ผมยืนเก้กังรอสักครู่ เห็นว่าคงไม่มีประโยชน์อะไรถ้ายังยืนอยู่ตรงนั้น จะเป็นที่ผิดสังเกตุของพนักงานต้อนรับเสียเปล่าๆ จึงค่อยเดินคอตกกลับออกไปแล้วขับรถกลับคอนโดของผม คืนนั้นจำได้ว่าผมนอนหลับๆตื่นๆ เพราะมันมีเรื่องราวที่ข้ดข้องหาคำตอบไม่ได้วนเวียนในสมองให้คิดอยุ่ตลอด จวบจนเช้าผมตื่นขึ้นมาด้วยความรู้อ่อนเพลีย อันดับแรกคือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คดูว่าจะมีข้อความใดๆส่งมาบ้างหรือไม่ ในใจก็หวังลึกๆว่าน้องนิดน่าจะส่งข้อความอะไรมาหาผมบ้าง แต่กลับปรากฎว่ามีข้อความจากคุณชัยยศ นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลาง คนที่ผมกำลังเสนองานอยู่ คุณชัยยศ นัดให้ผมไปหาที่ออฟฟิสในตอน11โมง ผมดูเวลาก็ใกล้จะถึงเวลานัดแล้ว เรื่องของน้องนิดผมจึงจำเป็นต้องพักไว้ก่อน ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวไปหาคุณชัยยศทันที ช่วงที่ผมไปพบคุณชัยยศเรื่องงานผมขอข้ามไม่เล่ารายละเอียดแล้วกันนะครับ เอาเป็นว่าหลังจากการไปพบคุณชัยยศในวันนั้น ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนแปลงขึ้นไปในทางดีขึ้นอย่างมาก แต่ก็ทำให้ผมกับน้องนิดห่างๆกันไปโดยปริยาย เพราะผมกำลังก้าวหน้าในเรื่องงาน เลยทุ่มแรงทุ่มเวลาเพื่องานในการสร้างฐานะของตนเอง

แต่ผมกับน้องนิดไม่ถึงกับห่างหายไม่ได้ติดต่อกันนะครับเราเพียงแค่คุยกันน้อยลงจากทุกคืน กลายเป็นอาทิตย์ละครั้ง sex phone จากอาทิตย์ละครั้ง กลายเป็นเดือนละครั้ง หรือบางเดือนไม่มีเลย ส่วนการนัดเจอกันนั้นเลิกนัดไปโดยปริยายเพราะต่างคนต่างก็ไม่มีเวลาให้กันและกัน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนใกล้ปีใหม่ น้องนิดก็โทรหาผมบอกเพียงว่าจะไปเยี่ยมญาติที่อมเริกากับพ่อแม่ เราคงติดต่อกันไม่ได้สักครึ่งเดือน ผมจึงขอนัดพบเธอก่อนที่จะไป แต่คำตอบของเธอกลับทำให้ผมประหลาดใจคือ"นิดไม่สดวกค่ะ....เอาไว้กลับมาก่อนค่อยคุยกันใหม่"จากนั้นเธอก็วางสายทันที
ผมเริ่มรุ้สึกถึงเค้าลางความไม่ปรกติของน้องนิดทั้งจากน้ำเสียงและท่าที แต่ทำอะไรไม่ได้ในเมื่อเธอยังไม่สดวกพบเจอก็ต้องปล่อยผ่านไปก่อน

หน้าที่การงานผมเริ่มดีขึ้นจากคนธรรมดาๆคนหนึ่งที่รับจ้างเขียนแบบบ้านมีเงินสดบวกทรัพย์สินไม่ถึง5ล้านผมเริ่มขยับขึ้นไปแตะหลัก10ล้านในเวลาไม่กี่เดือน แต่ก็หาใช่ว่าจะโชคดีไปเสียทั้งหมดทุกเรื่อง ทางบ้านผมเริ่มมีข่าวร้ายเมื่อคุณพ่อที่แก่ชรามากแล้วเริ่มเจ้บป่วยด้วยโรคชรา ผมพาท่านเข้ารักษาตัวในโรงพยบาลได้กี่วัน ท่านก็ลาจากโลกไป พอผมจัดงานศพให้คุณพ่อเรียบร้อยแล้ว คุณแม่ผมก็คงเหมือนตรอมใจที่ขาดเพื่อนร่วมชีวิตไป อีกไม่กี่วันท่านก็นอนตายอย่างสงบด้วยโรคชราเช่นเดียวกับพ่อผม

ผมเลยยุ่งวุ่นวายจนดูเหมือนจะลืมเรื่องน้องนิดไปเสียสนิทว่า เธอไปอเมริกากับทางบ้านแล้วกี่วัน ผมเลยลองกดโทรศัพท์ไปหาเธอ เสียงปลายทางติดต่อไม่ได้ เลยไม่รุ้ว่าเธอจะกลับมาหรือยัง จนผ่านไปอีกหลายวันน้องนิดก็โทรมาหาผม ผมรีบฉวยโอกาศนั้นนัดเจอกับเธอทันที คราวนี้น้องนิดตอบรับด้วยสุ่มเสียงที่ดูเหมือนจะกลับมาเป็นน้องนิดคนเดิมของผม ผมตั้งใจไว้มั่นแล้วว่าถ้าการเจอกันครั้งนี้ ผมจะไม่คิดถึงเรื่องคำสัญญาของตนเองแน่ๆ ถ้าน้องนิดต้องการ ผมจะพาเธอขึ้นสวรรค์ให้ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น