วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2559

เหตุการณ์จริง 8




พอทั้งคู่ถึงบ้าน รงก็จูบปากโบว์เป็นการใหญ่“ไม่เอาแล้วนะรง สัญญาแล้วไงว่าจะพอแค่นี้” รงก็หยุด“ผมไม่ไหวแล้วครับ เมื่อกี้คุณโบว์เดินเที่ยวที่ห้างมีแต่ผู้ชายมองกันใหญ่ผมเห็นแล้วหึงนี่ครับ”“หึงได้ไงฉันมีสามีแล้ว คนอื่นก็ได้แค่มองแต่ทำอะไรฉันไม่ได้นี่”“แต่ผมทำได้นี่ครับ”“ไม่ เอานะรง “ รงไม่ฟังเสียงก็รีบปลดเม็ดกระดุมกางเกงยีนต์โบว์และรูดซิบออก และถอดกางเกงยีนต์โบว์ออกส่วนโบว์ผลักร่างของรงออกแต่สู้แรงรงไม่ไหว รงรีบเอาตัวทาบ เอามือรวบแขนโบว์ไว้ และก็ค่อยๆ จ่อควยเข้าอย่างไม่ยากเย็น จนเหมือนการข่มขืนมากกว่า ผมทนดูได้สักพักก็ไม่ไหว ต้องช่วยตัวเองอีกรอบ พอออกมาแอบดูก็เห็นรงเอาควยที่เปื้อนน้ำกามถูบริเวรหน้าโบว์อยู่ผมเห็นโบว์ร้องให้“จะร้องให้ไปทำไมครับคุณโบว์ เมื่อคืนคุณไม่ใช่เหรอให้ท่าผม”“ฉันไม่รู้ แต่ฉันอยากให้เรื่องนี้จบ”“มัน จบไม่ได้หรอกครับเพราะว่ามันพึ่งเริ่มต้นมากกว่า” และรงก็ขอตัวกลับ ส่วนโบว์คงขึ้นไปอาบน้ำผมเลยอาศัยจังหวะนี้ รีบออกไป พอมืดๆก็เลยกลับมาที่บ้าน พอผมกลับมาโบว์ไม่มีอาการของคนพึ่งร้องให้ แต่กับยิ้มแย้มเอาอกเอาใจผมเป็นอย่างดี เธอคงไม่อยากให้ผมดูเธอออก ผมก็เลยปล่อยเลยตามเลย

หลังจากวันนั้นผมคอยแอบไปดูที่ทำงาน ทางด้านหลังของที่ทำงานโบว์เพื่อที่จะดูแต่ไม่เห็นมีอะไรเลยแต่ ผมไม่เชื่อว่าไอ้รงมันจะไม่ทำอีกเพราะดูจากสันดานของมันแล้วคงต้องมีอีกแน่ ผมเลยโทรไปหาแอมว่าผมสงสัยไอ้รง ว่ามันจะมีอะไรกับโบว์ แต่แอมบอกว่าผมคงคิดมากไปเอง ผมบอกว่าไม่คิดมากผมพอจะรู้ แอมถามว่าผมรู้ได้ไง ผมบอกว่า ดูจากท่าทาง โบว์เปลี่ยนไป แอมเลยบอกว่าถ้างั้นแอมจะบอกอะไรให้ผมฟังแต่ให้ผมสัญญานะว่าจะไม่โกรธ แอมเคยเห็นพี่รงกับคุณโบว์จูบปากกันผมถามว่าที่ไหน ที่ทำงาน ตอนเที่ยงหลังจากที่แอมกลับมาจากทานข้าวนึกว่าไม่มีใครอยู่แต่คุณโบว์กับพี่ รงดันอยู่ แต่ทั้ง 2 ไม่เห็นแอมนะแต่เท่าที่ดูคุณโบว์ไม่ค่อยเต็มใจนะเพราะมองซ้ายมองขวาตลอดเลย ผมเลยบอกว่าถ้ามีข่าวคราวอะไรให้บอกผมด้วยแอมจึงรับปากและแอมบอกต่อว่า ตอนนี้เท่าที่ดูก็มีลูกค้ามาติดคุณโบว์อยู่หลายคน พอมาหาที่ไรรงก็ทำท่าซะอย่างเป็นเจ้าเข้าเจ้าของคุณโบว์ซะเองและตอนนี้ เศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดี งานที่บริษัทก็ไม่ค่อยมีคนมาติดต่อ จนโบว์เปรยว่าอยากจะปิดกิจการลงผมว่าก็ตามใจเพราะช่วงนี้เธอติดผมเหลือเกิน ถ้าผมว่างเป็นให้ไปรับไปส่ง ตอนเที่ยงยังให้ผมมารับเลยและเวลาผ่าน ไปสักเดือนแต่เท่าที่ผมสังเกตดูผมก็ไม่เห็นโบว์จะทำผิดสังเกต เพราะแอมดูให้ที่ทำงาน ที่บ้าน พอผมทำการบ้าน กับเธอ ก็ไม่ผิดปกติเพราะว่าของเธอไมมีทีท่าว่าจะหลวมเลย เพราะถ้าเธอมีอะไรกับเจ้ารงคงต้องหลวมแน่เพราะว่าของมันใหญ่มาก ผมเลยเดาว่าเธอคงไม่มีอะไรกับไอ้รงแน่ จนวันหนึ่งโบว์ บอกกับผมว่า มีข้าราชการเปิดสอบที่กรุงเทพ เธออยากไปสอบเพราะว่า เธอให้เหตุผลว่าเข้าราชการตอนแรก เงินเดือนอาจจะน้อยไปนิดแต่อยู่ไปเงินเดือนจะมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งตอนปลดเกษียณ ถ้าเป็นสมัยนี้จะได้รับบำนาญ ไปจนกว่าจะเสียชีวิตผม เลยแปลกใจมากเพราะว่าเมื่อก่อน ผมเคยชวนเธอไปสอบเธอปฏิเสธตลอด แต่ตอนนี้เธอกลับชวน ให้ผมไปสอบด้วยที่กระทรวง หนึ่งเพราะรับ ทั้งนิติกร4 รับคนจบโท กฎหมาย หรือเทียบเท่า ( ผมจบเน แต่สอบอัยการกับผู้พิพากษา มา 2 ปีแล้วแต่ไม่ติดสักที ) เพราะผมคงเป็นคนวิตถารมั้งเลยไม่มีบุญญาธิการเหมือนคนอื่นเค้าส่วนเธอ ตอนเรียนโท เธอเปลี่ยนสาย เป็น บริหาร เธอจะสอบในระดับ 4 ผมก็คงไม่ไปเพราะรอสอบอัยการ กับผู้พิพากษา

ซึ่งชาตินี้ก็คงไม่ติดแต่ก็จะสอบต่อเรื่อยๆ ขออธิบายระดับ1 คือผู้จบไม่ต่ำกว่า ปวช.ระดับ2 จบไม่ต่ำกว่า ปวส.ระดับ3 จบไม่ต่ำกว่า ป.ตรีแต่ ผมก็คิดว่า เธอคงอยากจะไปให้พ้นพวกรงมากกว่า ผมเลยแนะนำเธอว่า ตำรวจสัญญาบัตร จะเปิดรับปี 47 ให้เธอไปสอบ ถ้าติดก็ไปฝึกแค่ 6 เดือนเอง ที่โรงเรียนนายร้อย และถ้าบรรจะจะได้บรรจุเป็นยศ ร้อยตำรวจตรีแต่เธออาจ จะปรับวุฒิเป็นร้อยตำรวจโทได้เพราะว่าเธอจบป.โท ก็เทียบเท่าระดับ 4 แต่งานตำรวจหญิงดูมีหน้ามีตาในสังคมกว่า พอถึงเวลา ประมาณปลายปี 47 เธอก็ไปสอบ ตำรวจสายธุรการ และเธอก็สอบติดจริงๆจากผู้สอบ กว่า แสนคน แต่ขึ้นบัญชีไว้ไม่ถึง2พัน ที่น่าดีใจเธอได้บรรจุในรอบแรกเพราะวาคะแนนเธอดีมาก พอถึงกำหนดเธอก็บอกพนักงานในบริษัทว่าอีกประมาณเดือนเธอก็ประกาศที่จะปิด บริษัท เธอก็เรียกพนักงาน มารับเงินเดือนเดือนสุดท้าย และให้เงินเดือนๆ สุดท้ายไปคนละ3เดือนเพื่อไปหา งานใหม่ทำ ส่วนบริษัท เธอก็จะปล่อยเซ้งทั้งหมดเธอมีกำหนด เลี้ยงส่งและถือเป็นการเลี้ยงฉลอง ที่สอบตำรวจได้ ที่ร้านอาหาร มีพนักงานมาในคืนนั้นทั้งหมด คือรง สร และแอม ผมไปกับโบว์ทั้งหมด 5 คน พอทานอาหารเสร็จสัก 3ทุ่มผมก็ชวนไปเที่ยว ผับ ซึ่งโบว์ไม่ค่อยชอบเพราะเธอบอกว่ามันดูเหมือนแหล่งมั่วสุมอย่างไงไม่รู้ แต่คืนนั้นเธอก็ไปพอถึงผับ คืนนั้นผมแกล้งสั่งเหล้ามา มอมทุกคน และแอมก็เป็นคนแรกที่กลับไปก่อนพราะแฟนโทรตาม และผมก็เดินไปส่งเธอที่จอดรถและบอกว่าผมจะต้องไปอยู่ที่กรุงเทพ ส่วนโบว์จะไปอบรมต่อที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ที่อ.สามพราน ถ้ามีโอกาสผมจะไปหาแอมแอมก็ตกลงพร้อมอวยพรให้ผมผมเลยขอให้แอมอีกครึ่ง ชั่วโมงแกล้งโทรศัพท์ตู้สาธารณะมาที่เครื่องผมหน่อย แอมก็ตกลงและเรา ทั้ง 4 ก็นั่งดื่มต่อ แต่โบว์ไม่ค่อยดื่มเลยไม่เมา จนผมคยั้นคยอให้เธอดื่มเธอดื่มไปสัก แก้วกว่าๆ ก็เริ่มโงนเงนแล้วและเธอก็ไม่ยอมดื่มต่อ แต่ผมดูแล้วเธอยังไม่เมาแน่ และสักพักแอมก็โทรมาหาผม ผมก็แกล้งรับโทรศัพท์ และแกล้งว่ามีงานที่บริษัทมาเคลียร์ ผมต้องออกไปก่อน แต่โบว์ขอไปด้วย ผมเลยบอกว่าไปเรื่องงาน จะพาไปด้วยได้ไง คนอื่นเค้าจะเกรงใจ ไม่กล้าให้เราช่วย พอได้ฟังอย่างนั้นดูเธอจะเข้าใจ เธอถามว่าผมจะไปนานไหม ผมบอกว่าไม่เกิน 2 ชั่วโมง สักเที่ยงคืนน่าจะกลับมาถึงพอผมออกไปสักพัก ผมเลยแกล้งกลับเข้ามาที่เทคบอกรงว่า รถผมออกไม่ได้ยืมรถรงได้ไหม
   

รงก็ให้กุญแจรถผมมาและผมก็ยืมโทรศัพท์โบว์มาและโทรเข้าไปเบอร์ผมแต่ให้เปิด เป็นสายรับโทรศัพท์ โดยที่โบว์ไม่รู้ตัว เพราะผมจะได้ฟัง การสนทนา ทั้ง 3 คนได้และสมมุติถ้าเธอรู้ตัวว่าโทรออกก็จะได้ทำให้เธอคิดว่าเธอลืมล็อค เครื่องและเผลอโทรออกไปเอง และผมก็ออกไปจอดรถไว้ที่ระแวกใกล้ๆคอยฟัง ออกไปไม่ถึง 5 นาที ก็ได้เรื่องบทสนทนา“คุณโบว์มาเต้น กันเถอะครับ” เหมือนจะเป็นเสียงไอ้สร“โบว์เต้นไม่ไหว โบว์ตาลายๆอย่างไรชอบกน”การ สนทนาก็ไม่ค่อยชัดเพราะในผับเสียงเพลงค่อนข้างจะดัง ผมฟังไม่รู้เรื่องเลยเปลี่ยนแผนใหม่ ผมจึงขับรถของรงไปเก็บไว้ที่แถวๆหมู่บ้านผมซึ่งไม่ไกล ประมาณ 5 นาทีก็ถึงและก็หลบอยู่แถวหลังบ้าน และโทรตู้สาธารณะไปหารง รงบอกว่าคุณโบว์เมาแล้วจะให้ทำอย่างไง ผมบอกว่า กุญแจรถผมอยู่ที่โบว์ขับรถผมมาไว้ที่บ้านผม แล้วค่อยเปลี่ยนรถกันที่บ้านผม และผมก็คอยฟังสัญณานโทรศัพท์ โบว์ยังไม่ตัดแสดงว่าเธอยังไม่รู้ตัว เรื่องที่ผมเปิดโทรศัพท์เธอไว้ สักพัก จากเสียงดังอื้ออึง ก็เงียบสนิท จนผมไม่ได้ยินเสียงอะไร จนเห็นรถมันมาจอดที่บ้าน รงเอารถผมเข้ามาจอดในบ้าน ผมเลยวางโทรศัพท์ และปรับเป็นระบบสั่นแทน ผมอยู่บริเวณบ้านทางด้านหลังพุ่มไม้ ที่ผมปลูกเอาไว้และเผื่ออย่างไรก็ปีนขึ้นระเบียงใกล้ๆได้ ผมเห็นได้ชัดว่าโบว์ยังไม่เมา เพราะถ้าเธอเมาเธอจะไม่รู้สึกตัวต้องพยุงปีกกันก็ว่าได้ และโบว์ก็โทรหาผม ว่าเมื่อไหร่จะกลับ นี่ก็จะเที่ยงคืนแล้ว ผมเลยบอกว่าสัก ตี 2 น่าจะถึงบ้าน และก็วางหู ผมเห็นเธอบอกอะไรกับรงไม่รู้มือไม้ก็คอยปัด ส่วนไอ้สรก็ทำท่าไม่สนและไอ้สรก็โทรหาผม ถามว่าอีกนานไหมว่าผมจะกลับ ผมเดาว่ามันคงโทรมาหยั่งเชิงว่าผมจะกลับกี่โมงผมบอกว่าอย่างเร็วก็ตี 2มัน รีบวางหู และเดินไปกระซิบไอ้รง ผมเลยเดินมาแอบใกล้ๆ พุ่มไม้ม้าหินอ่อนที่รงกับโบว์และสรนั่งอยู่เพื่อจะได้ฟัง ( คนเราถ้าเห็นเมียมีอะไรก็ควยแข็ง แทบจะทั้งวันทั้งคืน แต่ที่เด็ดกว่านั้นคือ การแอบฟังการสนทนามันกว่าอีก 100 เท่า )“เราเข้าไปนั่งข้างในกันไหมครับคุณโบว์”“นั่งนี่ก็ได้ อากาศดีออก”และไอ้สรก็ขอตัวไปเดินเล่นนอกบ้าน เพราะรอบๆ บ้านผมจะไม่มีเพื่อนบ้านมีแต่ต้นไม้“คุณโบว์แน่ใจนะว่าจะนั่งที่นี่ ““ทำไม เหรอ” รงตอบแล้วทำหน้าเฉย ระยะห่างจากพุ่มไม้ไปม้าหินอ่อนประมาณ4-5เมตรเอง ผมเลยตัดสินใจปิดมือถือดีกว่าเผื่อเธอโทรมามันจะไม่สะดวก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น