วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

สาวใหญ่ร่านสวาท ตอนที่ 2





          มันยากสำหรับฉันมากที่จะเล่าเรื่องราวต่อ เพราะความกลัวที่จะต้องเล่าความจริง ฉันกลัวว่ามันจะกลับมาหลอกหลอนฉันอีก แต่ฉันก็ตัดสินใจที่จะเล่ามันต่อ เรื่องราวในโลกแห่งกามที่ฉันต้องเจอ

          ฉันทำใจอยู่พักนึง ในที่สุดอดีตคุณนายอย่างฉันก็ตัดสินใจไปทำงานเป็นลูกจ้างเป็นวันแรก ที่ร้านประดับยนต์แห่งหนึ่ง ซึ่งที่นี่มีพนักงานชายเยอะ นั่นจึงเป็นปัญหาหนึ่งที่กวนใจฉัน ในอดีต เวลาพูดถึงเรื่องผู้ชายกับเพื่อนสาวๆ หรือกับใครก็ตาม ฉันมักถูกเพื่อนกับญาติๆแซวว่าผู้ชายดีๆทำไมไม่ชอบ สเป็คผู้ชายไม่เหมือนชาวบ้าน ทำไมชอบพวกที่ดูเหมือนเพิ่งออกจากคุก ซึ่งฉันก็รู้ตัวเองดีว่าชอบผู้ชายดิบๆเถื่อนๆ อารมณ์รุนแรง จนคิดว่าตัวเองผิดปกติ ก็เลยกลัวที่จะยุ่งกับคนพวกนี้ มันลำบากโดยเฉพาะตอนที่มีสามีแล้ว เห็นหุ่นกรรมกรก่อสร้าง ฉันยังหวิวๆเลย ฉะนั้นการที่ต้องมาทำงานในที่ที่มีผู้ชายเยอะๆ มันจะทำให้ฉันวางตัวลำบาก แค่จากเป็นหัวหน้า ตอนนี้ต้องมาเป็นแม่บ้านก็หนักพอแล้ว ถ้ายังมีเรื่องผู้ชายอีก ชีวิตฉันคงวุ่นวายขึ้น เพราะลึกๆฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะแรดเงียบหรือเปล่า

        และแล้วก็ถึงวันมาทำงาน ฉันลุกขึ้นจากที่นอน เอาวะ เพื่อตัวเอง เพื่อลูก ฉันซ้อนท้ายรถสิงห์สามีมาถึงร้าน ซึ่งไม่ไกลจากบ้านนัก ขนาดของร้านก็ไม่เล็กไม่ใหญ่ ร้านอยู่ติดกับถนน โดยมีฟุตบาทกั้น เป็นร้านตั้งอยู่ในตัวเมือง  มีลูกค้ามาเรื่อยๆ ค่อนข้างเป็นร้านมีชื่อเสียงในอำเภอทีเดียว มีสาขาหลายสาขาในประเทศอีกด้วย

          เมื่อเดินเข้าไปในร้านฉันก็แทบจะวางตัวไม่ถูก ว่าแล้วสิ่งที่ไม่อยากให้เกิด ลืมไปว่าที่นี่ผู้ชายเยอะ พวกนี้จ้องฉันเอาเป็นเอาตาย ฉันว่าฉันใส่ชุดอยู่บ้านธรรมดาแล้วนะ แต่เจอมองขนาดนี้มันวางตัวไม่ถูก ฉันพอจะแยกออกว่าอันไหนมองธรรมดา อันไหนมองด้วยความหื่น และนี่คือการมองด้วยความหื่นของจริง คือจริงๆฉันก็เป็นคนมั่นใจแถมลึกๆก็ชอบโชว์ แต่เฉพาะเวลาที่มีอารมณ์มากๆแล้วหาวิธีปลดปล่อยเท่านั้น แต่นี่ฉันมาทำงาน แถมนี่มีแต่หนุ่มๆหันมารุมมอง พอสิงห์บอกว่านี่เมียผมเองจะมาทำงานที่นี่วันนี้ ทุกคนอึ้งทำเหมือนไม่เชื่อ พี่คนนึงพูดขึ้นมา "ไอ้สิงห์มันไม่ได้โม้จริงด้วย" ...ฉันนิ่งไปสักพัก เพื่อตีความประโยคนี้ และในที่สุดฉันก็เข้าใจ... นี่สิงห์เอาเรื่องฉันเล่าให้เพื่อนที่ทำงานฟังด้วยเหรอเนี่ย ทั้งที่ฉันกำชับตลอด คือเขาชอบเล่าให้คนอื่นฟังอย่างภูมิใจว่าแย่งฉันมาจากผัวคนเก่า ฉันติดใจดุ้นเขาจนยอมทิ้งผัวทิ้งทุกอย่างมากัดก้อนเกลือกินกับเขา ยิ่งเวลาเมาเขาจะเล่าด้วยความสะใจ ฉันย้ำนักย้ำหนาว่าอย่าเอาอดีตมาพูด แต่ตอนนี้ฉันมั่นใจแล้ว ว่าสิงห์เอาอดีตของเราไปเล่าให้ชาวบ้านฟังหมดเปลือก ทุกคนในร้านคงมองฉันว่าฉันเป็นผู้หญิงร่าน ทิ้งผัวเก่าเพราะหลงในลีลาชู้ ทุกคนถึงได้มองฉันแบบนี้ ทุกคนคงมองว่าฉันเป็นผู้หญิงร่าน วินาทีนั้นฉันขายหน้าสุดๆ แค่ทำงานวันแรกก็มีอุปสรรคแล้ว ไม่อยากจะคิดเรื่องต่อจากนี้เลย

          จากนั้นสิงห์เลยพาฉันไปแนะนำกับเจ้าของร้าน ว่าฉันชื่อหญิง อายุ 36 เป็นเมียเขา มาทำงานเป็นแม่บ้าน เจ๊เจ้าของร้านชื่อ เอ๋ อายุประมาณ 48 เป็นเมียเจ้าของร้านประดับยนต์แห่งนี้ ส่วนสามีเธอต้องดูแลหลายสาขา เลยไม่ได้อยู่เฝ้า ให้เมียเขาดูแลเป็นเจ้าของร้าน สิงห์บอกว่าสามีเจ๊เขาเจ้าชู้มาก ทำให้เจ๊เขาโมโหบ่อยๆ โถ่สามีฉัน ยังมีหน้าไปบอกว่าคนอื่นเจ้าชู้อีก ไม่ดูตัวเอง เจ๊เขามีลูกหนึ่งคน อายุ 14 แสดงว่าอยู่แค่มอต้น เห็นว่าไปเรียน วันนี้ก็เลยยังไม่เจอเขา

         เจ๊เอ๋เจ้าของร้าน ฉันเรียกเขาแบบนั้น ท่าทางเชิดๆ แต่ก็สวยใช้ได้ ที่สำคัญนมใหญ่จริงๆ ยานด้วย แล้วใส่เสื้อบางๆอีกต่างหาก ไม่ใส่ชั้นในทั้งที่คนก็เยอะ ฉันแอบวิจารณ์ในใจ ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น เดี๋ยวซวย ถึงเขาจะมีอายุแต่ก็ดูดี ฉันว่าตอนสาวๆเขาคงสวยไม่เบา ฉันมองเจ๊เขาแล้วนึกถึงตัวเอง ท่าทางบุคลิกการพูดจาของเขาเหมือนฉันสมัยก่อน เพียงแต่ว่าตอนนี้ฉันเป็นคนใช้ เขาเป็นเจ้านาย

   

          แต่ปัญหาสำคัญตอนนี้คือพนักงานผู้ชายในร้าน ถ้าสมัยฉันเป็นวัยรุ่นโดนมองแบบนี้คงไม่คิดอะไรมาก แต่ว่าตอนนี้ฉันอายุตั้ง36แล้ว โดนมองนม มองขา มองก้น มันอึดอัด แถมจ้องกันเอาเป็นเอาตาย แต่ละคนหน้าตาไม่น่าไว้ใจ หน้าแต่ละคนหื่นๆทั้งนั้น ที่สำคัญพวกนี้รู้อดีตของฉัน เพราะผัวปากมาก ทำให้ฉันวางตัวลำบาก เพราะโดนทุกคนมองว่าเป็นผู้หญิงร่านไปแล้ว โดยเฉพาะคนงานพม่าในร้านหมอนี่จ้องฉันเหมือนจะจับฉันข่มขืนซะตรงนั้น คิดในใจว่านี่ฉันต้องมาทำงานกับคนพวกนี้เหรอเนี่ย ไม่รู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ ผู้หญิงอย่างฉัน ต้องมาอยู่ที่น่ากลัวๆ แล้วชีวิตฉันจะต้องเจอกับอะไร มีแต่เสือสิงกระทิงแรด แค่คิดก็กลัวแล้ว ทำงานไปสักพักฉันก็รู้จักกับนิดแม่บ้านอีกคน คุยเล่าประวัติถามไถ่กันไปมาเรื่องสัปเพเหระ ทำให้ฉันรู้ประวัติคนงานคนอื่นในร้าน

พนักงานในร้านนี้ก็มี

"นายสัน"
อายุ 28 เป็นคนใต้หน้าตาดีใช้ได้ ฉันถูกชะตาทีเดียว ถ้าไม่นับที่จ้องฉันมากเกินไป

"พี่วุฒิ"
อายุน่าจะ40กว่าๆ เป็นช่างใหญ่ของร้าน เขากับสันอาศัยอยู่ที่บ้านพักคนงานด้านหลังร้าน
พี่วุฒิต่อหน้าก็เหมือนเมินฉัน แต่จากประสบการณ์ฉันดูออก ว่าเขาก็แอบมองฉัน แต่มองแบบเนียนๆ
ท่าทางช่ำชองทีเดียว ดูสนิทกับสิงห์สามีฉันมาก

"นายทศ"
อายุประมาณ30 ช่างอีกคน อาศัยที่บ้านตัวเอง เพราะมีลูกมีเมียแล้ว
ส่วนสิงห์สามีฉันเพิ่งมาทำงานทีหลังพวกเขา แต่ดูสนิทกับทั้งสามคนมาก

"นายรัต"
คนงานพม่ายังหนุ่มอายุ20ต้นๆ พูดภาษาไทยไม่ชัด และพักอยู่
บ้านพักด้านหลังร้านเช่นกัน แต่คนละห้องกับพี่วุฒิและสัน

ส่วนพนักงานหญิงมี 3 คน

"น้องอร"
สาวหมวยอายุ 25 เป็นพนักงานที่คอยต้อนรับและดูแลลูกค้า ซึ่งเจ๊เอ๋ไว้ใจเธอมากๆ

"น้องภา"
อายุ 20ต้นๆ พนักงานบัญชี คอยดูแลเรื่องเงิน

"นิด"
อายุ30กว่าๆรุ่นเดียวกับฉันเป็นแม่บ้านอีกคน ดูสนิทกับเจ๊เอ๋เจ้าของร้านมาก

          สามีฉันพาฉันไปทำความรู้จักกับคนในร้าน ร้านนี้มีช่างสามคนในร้าน ซึ่งร้านนี้จะทำเกี่ยวกับ ติดแอร์รถยนต์ ติดฟิล์ม เคาะ พ่นสี และอื่นๆ ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้ จำมาจากที่เขาเขียนหน้าร้าน        

          การทำงานวันแรกของฉันหนักเอาการ เพราะต้องเอาผ้าของเจ๊เอ๋ไปซัก และคอยทำความสะอาดร้านและบ้านที่อยู่ด้านหลังร้านให้เขา แล้วก็ต้องทำความสะอาดห้องลูกชายของเจ๊เอ๋ด้วย เจ๊แกเป็นคนรักและเอาใจลูกมากทีเดียว ลูกชายเขาชื่อคม อายุ14 เรียนอยู่มอต้น ท่าทางเป็นคนหยิ่งๆหน่อย ไม่พูดไม่จา แถมยังเมินฉันอีก แต่ก็ดีเหมือนกัน นานๆทีจะเจอคนที่เมินฉัน เมินจนมีพิรุธเลยก็ว่าได้ แต่ฉันก็ไม่คิดอะไร อายุเท่านี้ไม่มีพิษมีภัย อย่างน้อยก็ไม่ทำให้ฉันอึดอัด ฉันต้องเข้าไปทำความสะอาดห้องน้องคมทุกเช้า

          แต่ที่แย่กว่านั้น คือฉันต้องซักเสื้อผ้าให้นายศักกับพี่วุฒิคนงานของร้านด้วย จะไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะเจ๊เอ๋สั่งให้ทำ ดูเจ๊เขาไม่ชอบหน้าฉันเท่าไหร่ ไม่รู้แค้นฉันมาจากไหน มองฉันด้วยสายตาจิก แถมแสดงออกทางท่าทาง พูดก็ถามคำตอบคำบทจะบ่นก็ร่ายยาวเลย แถมท่าทางดูถูกฉันด้วย ชอบพูดจาแขวะฉัน ประมาณว่า

เจ๊เขาถาม
"เมื่อก่อนทำงานอะไรมาล่ะ

ฉันตอบอย่างสุภาพ
"อ๋อ ทำโรงงานค่ะ

เจ๊เอ๋แบะปากแล้วพูดว่า
"เป็นสาวโรงงานเหรอ มิน่าถึงไม่พอกิน"
"ตั้งใจทำงานนะ จะได้ไม่เป็นตัวถ่วงผัว"

          ฉันคิดในใจ เมื่อก่อนฉันเป็นเมียเจ้าของโรงงานต่างหาก แต่ก็เถียงไม่ได้ ก้มหน้าทำงานต่อไป จะว่าไปสมัยที่ฉันเป็นเมียเจ้าของโรงงาน ฉันก็พูดจาดูถูกลูกน้องแบบนี้แหละ บางทีก็แขวะลูกน้องผู้หญฺิงแรงๆ ฉันเพิ่งจะเข้าใจด้วยตัวเองวันนี้ ว่าพวกนั้นรู้สึกยังไงเวลาโดนดูถูก แต่โชคยังดีเวลาโดนเจ๊เอ๋บ่น หรือดูถูก ก็จะมีนายสันช่างประจำร้านนี่แหละ ที่คอยพูดให้กำลังใจฉัน
   

          เจ๊เอ๋ใช้งานฉันหนักเกินค่าแรงมาก ทีกับพนักงานหญิงคนอื่นงี้คุยกันสนุกสนานได้ทั้งวัน หัวเราะร่า ทั้งที่มีแม่บ้านสองคน แต่ว่านิด แม่บ้านอีกคน สนิทกับเจ๊เอ๋ เลยคุยนินทาชาวบ้านกันทั้งวัน ฉันต้องทำงานงกๆทั้งวัน สมัยก่อนฉันคงทำบาปกับลูกน้องไว้เยอะ เขาให้ฉันเดือนละ 6000 บาท ถือว่าน้อยสำหรับฉันที่ใช้เงินหลักแสนหลักล้านมาก่อน แต่ตอนนี้ถือว่าเป็นเงินที่ทำให้ชีวิตฉันอยู่รอด

          ตลอดเวลาที่ฉันทำงานที่ร้านนี้ นายสันจะคอยพูดจาแซวฉันบ่อยๆ แทบทุกครั้งที่เจอ บางทีก็พูดให้สิงห์สามีฉันได้ยิน แต่สามีฉันเขาก็ไม่ว่าอะไร ก็แน่ล่ะสิงห์อยากให้ฉันสวิงนี่ แถมบอกสันว่าแบบสันเนี่ยสเป็คฉันเลย บอกสันว่าฉันชอบของดำอะไรแบบนั้น สันก็เลยได้ใจ เห็นสามีฉันไม่ว่า ชอบมาเรียกฉันน้องหญิงคะ น้องหญิงขา จากแซวก็เริ่มกลายเป็นพูดจาหยอดฉัน ทั้งที่ฉันน่ะอายุมากกว่ามันอีก มากกว่าเกือบสิบปี นี่ถ้ามันเป็นลูกน้องฉัน พูดจาลามปามขนาดนี้ฉันคงด่าไปแล้ว ฉันไม่รู้จะตอบสนองยังไง ก็ได้แต่ยิ้มๆไป ทั้งที่ลึกๆฉันว่ามีหนุ่มๆมาชอบมันก็ไม่เลวอยู่หรอก เพราะมันแสดงว่าเรายังมีเสน่ต่อเพศตรงข้ามอยู่ มีผู้ชายอ่อนกว่ามาคอยพูดดีด้วย มันก็กระชุ่มกระชวย  ถึงจะมีสามีแล้ว แต่เจอคำหวานเข้าหน่อยก็มีเคลิ้มเหมือนกัน เขาถือว่าหล่อถูกสเป็กฉันใช้ได้ หน้าแบบคนใต้ ผมหยิกๆ ผิวดำๆ ไม่ผอมไม่อ้วน ดูดีกว่าสามีฉันหลายเท่า ที่สำคัญตัวสูงดี ทั้งชีวิตฉันเจอแต่ผู้ชายสูง 160 กว่าๆ ทั้งสามีเก่าทั้งสิงห์ แถมเขายังพูดแบบติดสำเนียงใต้นิดๆ เจอแบบนี้ก็รู้สึกแปลกใหม่ดีเหมือนกัน

          นายสันคอยถามไถ่เอาอกเอาใจฉันระหว่างทำงาน เห็นสามีฉันไม่ว่าอะไร มันเอาใหญ่เลย ยิ่งเขาแซวฉัน สามีฉันยิ่งชอบ เวลาอยู่กับสามีเขาก็จะถามถึงสันตลอด ว่าฉันคิดยังไงกับสัน ฉันก็ไม่รังเกลียดเขาหรอกนะ แต่เขาก็อายุแค่ 28 รุ่นเดียวกับน้องสาวฉันเลย เด็กๆแบบนี้จะซักแค่ไหนกันเชียว ฉันไม่เคยลองหรอก แต่ว่าตามความคิดฉัน คนที่เก่งเรื่องอย่างว่า น่าจะมีประสบการณ์สักหน่อย แต่ทั้งชีวิต มีอะไรกับผู้ชายอายุ 30ต้นๆกับปลายๆ ไม่เคยลองเด็กๆเลย และที่กลัวที่สุดคือ สิงห์อาจจะวางแผนให้สันมาจีบฉัน เพื่อจะให้ฉันสวิงก็ได้ ซึ่งฉันก็ยังไม่แน่ใจ เพราะเขาก็ยังดูรักฉันดี ใครจะบ้าให้ชายอื่นมาจีบเมียตัวเอง        

          ทว่าตอนนี้ฉันอยากจะคิดเรื่องผู้ชายเป็นเรื่องสุดท้าย ฉันไม่เหมือนกับสิงห์ที่ถึงจะจนยังไงก็ยังสนุกสนานกับชีวิต ตอนนี้ฉันมีรายจ่ายที่ต้องรับผิดชอบหลายอย่าง ทั้งที่เงินเดือนของฉันก็น้อยนิด แค่ค่ากินก็แทบไม่พอแล้ว แต่ตอนนี้ต้องมารับผิดชอบทั้งค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ และอื่นๆ โดยที่สิงห์ไม่เคยช่วยฉันออกเลยสักบาท ไหนจะเงินค่านมลูกที่ต้องส่งไปให้ญาติ เขาอุตส่าห์เลี้ยงลูกของเราให้ อีกอย่างลูกเราโตขึ้นทุกวัน ถ้าญาติเลี้ยงต่อไปไม่ไหว เราก็ต้องรับเขามาอยู่ด้วย แล้วจะมีปัญญาส่งลูกเรียนได้ยังไง ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นแม่ที่แย่ ตั้งแต่ลูกเกิดมาก็แทบไม่ได้เลี้ยงดูเขาเลย กลัวเขาจะโตมาเป็นเด็กไม่ดี แต่ด้วยฐานะฉันในตอนนี้ มันเป็นไปได้ยากที่จะเลี้ยงดูเด็กสักคน

ถ้าลดค่าใช้จ่ายได้ก็คงจะดีมาก ฉันเลยปรึกษาสามีว่าจะทำยังไงดีเรื่องค่าเช่าบ้าน จะไปอยู่ที่ราคาถูกกว่านี้ดีไหม แต่ถ้าถูกกว่านี้แน่นอนว่าขนาดบ้านก็ต้องเล็กลง แค่หลังที่เช่าอยู่ตอนนี้ก็เล็กจนฉันอึดอัดแล้ว ถ้าไปเช่าหลังเล็กกว่านี้อยู่ฉันบ้าตายแน่ๆ สิงห์เลยเสนอว่าไปขออยู่ที่พักคนงานหลังร้านเจ๊เอ๋ไหม เพราะเขาให้คนงานอยู่ฟรีๆ ถ้าเราไปขออยู่ เขาก็อาจจะให้อยู่ก็ได้ ฉันว่าเป็นความคิดที่ดี อย่างน้อยก็ประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะ แต่ปัญหาคือฉันต้องอยู่ไกล้ๆพวกนายสันกับเจ๊เอ๋ทั้งวันทั้งคืน ไหนจะนายรัตคนงานพม่าที่พักแถวนั้นเหมือนกันอีก ถ้าให้ไปอยู่ที่นั่นฉันขอเป็นตัวเลือกสุดท้ายดีกว่า ฉันขอให้สิงห์ช่วยค่าเช่าบ้านบ้าง เขาก็บอกไม่มีเงิน ฉันรู้ว่าเขามี แต่เขาจะเก็บไปกินเหล้ากับเพื่อน เขาพึ่งพาไม่ได้เลย ฉันพูดด่าเขาหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่มีประโยชน์ จนเบื่อที่จะพูด พูดไปก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนสามีคงง่ายกว่า แต่ในสถานการณ์แบบนี้ คงจะทำอะไรแบบนั้นยาก
   

          แค่งานที่มีก็ยุ่งจนแทบไม่มีเวลาไปเจอใคร ถึงเขาจะไม่ได้เรื่องยังไง แต่เขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี ฉันไม่อยากขึ้นชื่อว่าผู้หญิงร่าน มีปัญหาการเงิน มีปัญหาบนเตียงนิดหน่อย ก็ทิ้งสามี

          ...แต่บอกตรงๆ ถ้ามีใครสักคนเข้ามาในช่วงเวลานี้ ฉันก็คงจะหวั่นไหวอยู่เหมือนกัน

          ฉันสับสนอยู่ตลอดเรื่องสามี เรื่องอนาคต ถ้าฉันอยู่กับสิงห์ต่อไปฉันมองไม่เห็นอนาคตของเราสองคนเลย ฉันเองก็พอจะรู้ตัวเองเหมือนกัน ว่าจิตใจฉันก็ไม่มั่นคง สังเกตุจากที่ร้านเจ๊เอ๋มักจะมีตำรวจคนรู้จักเจ๊เอ๋มาหาบ่อยๆเพื่อพูดคุยทักทาย นิดแม่บ้านในร้านบอกว่าตำรวจคนนี้แอบชอบฉันอยู่ ฉันถามว่ารู้ได้ยังไง นิดก็บอกว่าเขาดูออกจากสีหน้าท่าทาง แถมเขาก็ถามถึงฉันบ่อยๆ ว่าเป็นใครชื่ออะไร มีแฟนหรือยัง นิสัยเป็นยังไง แต่สุดท้ายเขาเห็นว่าฉันมีสามีแล้ว ก็เลยไม่กล้าจีบ ได้แต่มอง ฉันเองพอรู้ว่ามีคนในเครื่องแบบแอบชอบ ก็แอบหวั่นไหว แอบคิด แบบจินตนาการอยู่บ้าง ว่าถ้าได้เขาเป็นสามีแทนที่สิงห์ จะเป็นยังไง มันคงจะดีนะ ชีวิตคงดีกว่านี้ แค่นี้ฉันก็หวั่นไหวได้ง่ายๆแล้ว ถึงจะไม่รวยมาก แต่มีความมั่นคงบ้างก็ยังดี ยิ่งอายุมาก มุมมองก็กว้างขึ้น ฉันเริ่มรู้แล้วว่าการจะหาผู้ชายสักคนเรื่องหน้าที่การงานฐานะก็สำคัญ อาจไม่ต้องรวยมาก แต่ขอให้ขยันมีความรับผิดชอบ เพราะคนเราต้องกินต้องอยู่ อีกเรื่องก็คือเรื่องบนเตียง

          ...กับผู้ชายสักคน ต่อให้เรื่องอื่นดีหมด แต่เรื่องบนเตียงห่วย ก็คงไปด้วยกันยาก เพราะฉันมีความต้องการสูง        

          เวลาเงี่ยน ปกติฉันจะใช้นิ้วเขี่ยบริเวณเม็ดแตดแล้วก็เขี่ยหัวนมคลึงแรงๆเบาๆสลับกันไป เวลาขยี้เม็ดแตดตัวเองแล้วจินตนาการว่าโดนคนที่ชอบเอา ฉันจะสุขจนบอกไม่ถูก มันเสียวมากเวลาสัมผัสเม็ดของตัวเอง บางทีถ้ากำลังทำงานแล้วเงี่ยนฉันก็จะขมิบช่องคลอดไปเรื่อยๆ หรือฉี่แรงๆก็ทำให้ฉันเสียวได้

          กลางคืนถ้านอนอยู่แล้วเงี่ยนๆ เพื่อไม่ให้สามีรู้ ว่าฉันแอบช่วยตัวเอง ฉันจะเอาหมอนข้างมากอดแน่นๆแล้วถูๆกับตรงนั้น ฉันทำแบบนี้มาตั้งแต่สาวๆแล้ว ฉันเลิกทำไปนานตั้งแต่ตอนได้สิงห์เป็นสามีใหม่ๆ เพราะเขาเติมเต็มให้ตลอด แต่ตอนนี้ฉันต้องกลับมาทำแบบนี้ ทุกๆคืนพอมีอารมณ์ฉันก็เอาหมอนข้างมาถูๆ จนน้ำแฉะๆเยิ้มกางเกงชั้นใน พอทำแบบนี้จะรู้สึกสบายทุกคืน คลายเครียดได้ดีมาก แล้วก็นอนหลับสบาย  บางครั้งตอนกำลังอาบน้ำก็เอาฝักบัวมาฉีดตรงนั้น เวลาเอาน้ำฉีดรอบๆหีนานๆมันรู้สึกเสียวมาก ยิ่งทำยิ่งรู้สึกดี แต่ฉันไม่เคยถึงขั้นเอาอะไรแปลกปลอมสอดใส่เข้าไป เวลาเดินไปตลาดแล้วเห็นมะเขือยาว อยากจะลองดูสักครั้ง แต่ไม่กล้าซื้อ คิดแล้วก็อาย

          ฉันกับสิงห์นอนด้วยกันทุกคืนก็จริง แต่เขาไม่เอาฉันเลย ฉันพยายามกระตุ้นเขา สะกิดให้เขาทำการบ้าน ขอแค่ยกเดียว แค่สามนาทีก็ยังดี แต่มันก็ไม่เป็นผล ฉันเลยต้องพึ่งหมอนข้างทุกคืน ไม่ก็ใช้นิ้วถูระบายความเสียว แต่ต้องแอบทำไม่ให้สามีเห็น เพราะเดี๋ยวเขาจะเครียด ฉันไม่อยากให้เขาคิดมาก

          หลังจากทำงานเหนื่อยๆก็ได้เวลากลับบ้าน กลับมาถึงบ้าน มีไปรษณีย์มาส่งที่บ้านฉัน ใครส่งมากันนะ เป็นกล่องวัสดุกล่องใหญ่ ส่งมาในชื่อฉัน ฉันก็ไม่ได้ไปสั่งซื้ออะไรไว้นี่ แล้วใครส่งอะไรมา ฉันค่อยๆเปิดดู ทันทีที่เปิด ฉันแทบอึ้ง... มีดิลโด้ขนาดประมาณ 12 นิ้ว วางอยู่ข้างใน... อะไรกันเนี่ย โรคจิตที่ไหนส่งไอ้นั่นปลอมมาให้ฉัน... มันเป็นท่อนเอ็นปลอม สีชมพู ดูน่ากลัวมาก ตรงท่อนเอ็นมีเส้นเลือดปูดโปน ใครมันจะบ้ายัดของแบบนี้เข้าไปในจิ๋ม แค่คิดก็จุกแล้ว ข้างๆมีกระดาษเขียนข้อความเอาไว้ ฉันหยิบขึ้นมาเปิดดู

          "อุปกรณ์แก้เงี่ยน สำหรับผู้หญิงเงี่ยนๆ"

          ตายจริง ใครส่งของแบบนี้มา แถมยังมีข้อความประหลาดอีก มันรู้ได้ไงว่าฉันเงี่ยน... ใช่ฉันเงี่ยนจริงๆ แต่มันรู้ได้ยัง ไอ้บ้าที่ไหนมันส่งมาได้จังหว่ะเหมาะเจาะขนาดนี้ แถมดูเป็นของนอก อันนึงไม่น่าจะใช่ถูกๆ จะว่าเป็นสิงห์สามีฉันก็ไม่น่าใช่... เพราะเขาไม่น่ามีเงินไปซื้อ ขนาดเงินกินข้าวยังไม่ค่อยมี มั่นใจว่าไม่ใช่ของสามี ฉันจึงไม่ถามเขา และเก็บเอาไว้เป็นความลับ เดี๋ยวเรื่องจะวุ่นวายกว่าเดิม เพราะฉันรู้นิสัยเขาอยู่
   

          ฉันว่าน่าจะเป็นคนที่ฉันรู้จัก หรือคนไกล้ตัวฉันแน่นอน หรือจะเป็นพวกโรคจิต มันทำให้ฉันกระวนกระวายมาก ฉันรู้สึกกลัว แต่ปรึกษาใครไม่ได้ ผู้หญิงตัวคนเดียวต้องเจออะไรแบบนี้ ฉันเป็นกังวลมาก

          ฉันสงสัยว่า "ใครเป็นคนทำ ทำไมเขาถึงทำ ทำไมต้องเป็นฉัน และมันรู้ข้อมูลของฉันได้ไง" ...สารพัดความคิดจนฉันสับสนไปหมด ไหนจะข้อความน่ากลัวนั่นอีก จากนี้ฉันต้องระวังตัวมากขึ้น เพราะดูท่าทางชีวิตฉันต้องเจอกับอะไรแปลกๆแล้ว คืนนั้นฉันนั้งกังวลทั้งคืน ตื่นมาจะออกจากบ้านก็รู้สึกกลัว ไปทำงานด้วยความระแวง ไม่รู้ว่าใครที่ไหนกำลังคิดร้ายกับเรา ยิ่งที่ทำงานสิงห์ดันไปเล่าเรื่องที่ฉันทิ้งสามีเก่ามาคบกับเขาให้ทุกคนฟัง แค่เลิกกับสามีเก่ามาคบกับเขาน่ะไม่เท่าไหร่ นี่เล่นบอกว่าติดใจลีลาเขาจนยอมทิ้งทุกอย่างมาเอากับเขา แล้วท่าทางทุกคนก็เชื่อด้วย ถ้าจะให้ไปอธิบายแก้ตัว ยังไงก็คงฟังไม่ขึ้น ฉันว่าตัวฉันคงดูทุเรศกว่าเดิม เพราะตอนนี้ทุกคนก็คงมองฉันแปลกๆอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ ยิ่งมาเจอแบบนี้ฉันผวาไปเลย

          ทำงานวันถัดมา พี่วุฒิช่างใหญ่ประจำร้าน วันนี้มาทักทายฉันแต่เช้า เวลาคุยกับฉัน เขาจะมีสีหน้ากังวลอยู่เสมอ และชอบมองฉันแบบแปลกๆ ฉันเคยเห็นคนที่มองฉันแบบหื่นๆมาเยอะ แต่พี่วุติกลับดูต่างออกไป มาวันนี้เขามาคุยกับฉัน แถมยังพูดเรื่องแปลกๆ...

"น้องหญิงเมื่อก่อนทำงานอะไรมา"

"ทำงานที่โรงงานค่ะพี่ หนูออกมาตั้งแต่ตั้งท้อง พอคลอดก็เลยมาหางานทำ"

"อืม อยู่ที่นี่จะทำอะไรก็ระวังตัวไว้หน่อยนะ"

ฉันไม่เข้าใจที่เขาพูด ก็เลยถามกลับไปว่าระวังอะไร

"หมายถึงเรื่องอะไรเหรอคะ เรื่องนายสันเหรอ" ฉันถามด้วยความสงสัย

"ก็หลายๆเรื่อง จริงๆมันเกี่ยวกับเรื่องแม่บ้านคนเก่า..." พอเขาพูด ฉันถึงนึกขึ้นมาได้
เรื่องของแม่บ้านคนเก่า ที่ออกไปกระทันหัน ก่อนที่ฉันจะเข้ามาแทน

"แม่บ้านคนเก่าเขาทำไมเหรอคะ" ฉันถาม

          พี่เขากำลังจะพูดต่อ แต่เจ๊มาขัดจังหว่ะ เรียกฉันไปในครัว ฉันเลยขอตัวก่อน แต่ก็เก็บเรื่องนี้ไปคิดพอสมควร... เกิดอะไรขึ้นกับแม่บ้านคนเก่า อะไรทำให้พี่วุฒิกังวลถึงขนาดนั้น แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับดิลโด้ที่ฉันได้รับมารึเปล่า ฉันยังไม่ด่วนตัดสินใจ อาจจะไม่เกี่ยวกันก็ได้
แต่ปกติฉันอยู่มาเป็นปีๆไม่เคยมีใครส่งอะไรแบบนี้มาเลย ฉันทำงานได้พักเดียว มีคนส่งท่อนเอ็นปลอมมาให้ถึงบ้าน แบบนี้มันแปลกๆแล้ว หรือว่าคนที่ส่งมาจะเป็นคนที่ทำงานที่นี่กันแน่ แล้วใครกันล่ะ... มันเกี่ยวข้องอะไรกับแม่บ้านคนก่อนมั้ย...

          เสร็จงานวันนั้น กลับบ้านมา สิงห์ถามฉัน "สันเป็นไงบ้าง ถูกใจมั้ย" ฉันบอกจะบ้าเหรอพี่ ถูกใจอะไร สิงห์ก็พูดต่อไปว่า ทีเมื่อก่อนเห็นชอบดำๆเถื่อนๆไม่ใช่เหรอ ทีตอนไอมิ่งยังยอมให้เอาเลย (ไอ้มิ่งคือยามลูกน้องฉันสมัยก่อน สิงห์วางแผนให้มันมาล่อฉัน) มันก็จริงที่ฉันชอบผู้ชายผิวดำๆ เข้มๆ ท่าทางเถื่อนๆ เพราะบรรดาญาติๆของฉันกับเพื่อนๆฉัน รวมถึงสามีคนก่อน จะเป็นผู้ชายตี๋ๆ ไม่ก็ผู้ชายจืดๆ แบบนั้นมันก็ดูสะอาดดี ผู้หญิงทั่วไปคงชอบ แต่ถ้าพูดเรื่องเซ็กส์ฉันไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วม ไม่พิศวาส ฉันเลยเหมือนกับโหยหาอะไรที่มันเป็นด้านตรงข้ามกับสิ่งที่มี ฉันเป็นมานานแล้ว ฉันบอกสามีว่าอย่าพูดถึงไอ้มิ่งอีก ไม่อยากจำ คืนนั้นฉันนอนหันหลังให้สามี เขามาโอบฉันจากด้านหลัง และเริ่มพูดเรื่องสวิงอีกครั้ง นี่เป็นครั้งที่ร้อยล่ะมั้งที่เขาพูดเรื่องนี้ พอเขาพูด รู้สึกได้เลยว่าท่อนเอ็นของเขาเริ่มแข็ง ดีดดิ้นอยู่ข้างหลังฉัน มันแข็งจริงๆ ท่าทางเขาคงมีรสนิยมแบบนี้ซะแล้ว ใจรักการสวิง ฉันกำชับเขาว่าอย่าได้เอาเรื่องอดีตของฉันไปเล่าที่ทำงานอีก  เพราะจะทำให้ทุกคนมองฉันไม่ดี ตอนนี้เวลาไปทำงานฉันอึดอัดมาก อุตส่าห์ตั้งใจจะทิ้งอดีต แต่นี่เล่นเอาอดีตฉันไปบอกพวกพนักงานในร้าน นี่บอกแค่พวกผู้ชายใช่ไหม สิงห์ก็บอกว่าตอนนั้นมันเมา เผลอคะนองปากในวงเหล้า แต่ฉันไม่เชื่อหรอก ฉันว่าพนักงานผู้ชายทุกคนคงรู้หมดแล้ว ยังไงเรื่องมันก็ต้องลามออกไปถึงพวกเจ๊เอ๋ หรือพนักงานหญิงบ้างล่ะ เพราะพวกผู้ชายคิดว่าฉันร่านถึงมองฉันแปลกๆ สิงห์บอกว่าแค่เล่าลอยๆ ไม่ได้ละเอียดมาก แบบละเอียดๆเล่าให้ไอ้สันฟังคนเดียว เพราะสนิทกัน มันไว้ใจได้

         เพราะแบบนี้เอง นายสันถึงได้หื่นกับฉันออกนอกหน้า คงคิดว่าแค่ลีลาดีก็พิชิตใจฉันได้ ฉันถามสิงห์ว่าที่สันมาจีบฉัน ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ ไม่หึงเลยเหรอ เขาบอกว่าไม่หึง แล้วก็ถามฉันกลับมาว่า

"คิดยังไงกับไอ้สัน"

...มันเป็นคำถามง่ายๆ แต่ลึกๆฉันกลับรู้สึกแปลกๆ ฉันคิดยังไงกับสันกันแน่นะ ฉันควรจะตอบว่า "เฉยๆ" แต่ฉันรู้สึกว่าคำนี้มันไม่ตรงกับความรู้สึกฉัน ฉันเลยตอบไปตรงๆ เพราะไม่อยากทำร้ายจิตใจสิงห์ด้วย

"ก็ดี"

"ถ้าอยากเอากับมันก็เอาได้นะ ไม่ห้าม" สิงห์ตอบ

          ฉันฟังแล้วก็ได้แต่นิ่ง  เมื่อเขาพูดจบฉันก็ไม่ตอบอะไร แต่ในใจฉันเต็มไปด้วยความสับสน ถ้าพูดถึงเรื่องศีลธรรม เรื่องแบบนี้แค่คิดก็ผิดแล้ว แต่ลึกๆในใจฉันก็ลังเล สิงห์เห็นฉันนิ่งเขาก็ไม่พูดอะไร แต่ฉันอยู่กับสามีฉันมานาน แค่ดูสีหน้าก็รู้แล้ว ว่าเขากำลังวางแผนอะไรบางอย่าง...

*ต่อตอนหน้า*

2 ความคิดเห็น:

  1. ดู ต่อตอนหน้าได้อย่างไร

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ดูด้านขวา ในส่วนของ บทความของบล็อก กดตรงรูปสามเหลี่ยมสีดำ จะมีตอนที่ต่อไป หรือก่อนหน้า เลือกเอาครับ บางที่มันติดหน้าของแอดโฆษณา ถ้าคุณใช้พวกแอพบล็อคโฆษณามันจะติดไม่ยอมโหลดหน้าเว็บให้ต้องหยุดทำงานของแอพพวกนี้ก่อนครับ

      ลบ