วันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เดชแม่ยาย ตอนที่ 40 หมู่บ้านของผู้ใหญ่น้ำท่วมมาก





....ยามบ่ายของวันนี้ผมยังคงนั่งที่เก้าอี้โยกไม้มะค่าตัวโปรดที่ศาลาหน้า บ้าน ผมนั่งจิบกาแฟปล่อยอารมณ์สบายไปเรื่อยเปลื่อย นั่งมองชมนกชมไม้ ดูรถวิ่งผ่านไปมา ก็มันไม่มีอะไรทำนี่ เพราะตอนนี้ ชีวิตมันมีครบทุกอย่างแล้ว เหลืออยู่อย่างเดียวที่มีแต่ทำอะไรไม่ได้ เดินมานั่นไง สร้อยแม่ยายคนสวยของผม เธอเดินพาสัดส่วนอันวาบหวิวอวบอัดมา พร้อมขนมปังปิ้งร้อนๆหอมกรุ่น “กินซ่ะ...กำลังร้อนๆ”สร้อยวางจานขนมปังปิ้ง ไว้บนโต๊ะหินอ่อนข้างๆผม”วันนี้ไม่ไปไหนรึ”สร้อยถามแบบไม่หวังคำตอบจริงจัง “ก็ไม่รู้จะไปไหนนี่ เบื่อๆเหมือนกัน อยากหาอะไรๆสนุกทำเหมือนกัน” ผมตอบแล้วลุกขึ้นบิดขี้เกลียด “หัดใช้หัวคิดทำเรื่องดีๆบ้างสิ วันๆคิดแต่เรื่องบัดสี เห็นพี่ตอนนี้แล้ว ฉันนึกภาพของพี่เมื่อ 19 ปีที่แล้วไม่ออกเลย ภาพเด็กหนุ่มที่คร่องแคร่ว จริงใจ กล้าสู้กล้าเผชิญ ทุกเรื่อง ไม่น่าเชื่อเด็กหนุ่มที่เอาชนะใจฉันได้ทุกอย่างในวันนั้นจะกลาย มาเป็นไอ้แก่หื่นกามในวันนี้...”ผมขมวดคิ้วมองหน้าสร้อย “นี่ฉันดูแย่ขนาดนั่นเลยรึ สร้อย “ สร้อยส่ายหน้า มองผมด้วยสายตาสมเพธ “พี่ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้ กันเนี๋ยะ ในหัวนี่รู้จัก ผิด ชอบ ชั่วดีบ้างไหม ฉันเตือนนะ อย่าทำให้ ยัยโสเสียใจ ที่ฉันเงียบมาจนถึงทุกวันนี้เพราะฉันรักลูกหรอก..”ผมนั่งลงถอนใจ แล้วหันไป มองหน้าสร้อยทำตาซึ้งๆ”เธอรักลูกเธอ ฉันก็รักลูกเธอ แต่ฉันก็รักเธอมากกว่า สร้อย...” แฮ่ แฮ่ แฮ่...เจออย่างงี้ไม่ซึ้งบ้างให้มันรู้ไปสร้อย “อย่ากินมันเลย เก็บไปให้หมากินดีกว่า คนอาลัย...ขุดไม่ขึ้น เฮ้อ...ต้อง รอให้มันตายๆไปนั่นแหละถึงจะหมดเวร...”สร้อยคว้าจานขนมเดินเข้าบ้านไป ผม มองตามงงๆ...โธ่...สร้อย...ใจร้าย...
....เข้าบ้านมานั่งดูทีวีที่ห้องรับแขกเพราะจู่ๆฟ้าก็มืดและมีลมพัดแรง ท่า จะมีพายุเข้า สักพักลมก็แรง ฟ้าผ่าเปรี้ยงๆสนั่นหวั่นไหว ผม สร้อยและเจ๊เดือนต้องช่วยกันวิ่งปิดประตูหน้าต่าง เพราะลมแรงเหลือ เกิน ไม่นานฝนก็เทลงชนิดไม่ลืมหูลืมตา แรกๆก็มาแบบเบาๆ แต่สักพัก เมื่อ มองออกไปข้างนอกหน้าต่าง เริ่มเห็นสังกะสีและข้างของมากมายปริวผ่านไป ฝนกระหน่ำอย่างหนักจนไฟฟ้าดับ วูบ ดีที่บ้านของผมมีเครื่องปั่นไฟสำรองไว้ใช้ ยามไฟดับ แต่ฝนฟ้าที่ตก ข้างนอกก็ยังกระหน่ำอยู่อย่างน่ากลัว “โห...ถ้าจะไม่หยุดง่ายๆ พายุมาเอง เลย...” สร้อยมายืนดูที่หน้าต่างใกล้ๆผม กลิ่นกายหอมระรื่นโชยเข้าจมูก เล่นเอาผมเคริ้ม รอนเต้าคู่ที่เลยพ้นอก เสื้อคอต่ำขาวนวลจนน่าซุกจมูกลงไป แหมฝนตกพายุมานี่ มันน่าพาไปนอนกอดปลอบขวัญจังเลย สร้อยจ๋า....”เป็นบ้าอะไร มองฉันแล้วทำตาเยิ้มๆ ห่วงยัยโสบ้างไหม เนี๋ย ฝนแรงอย่างนี้จะกลับอย่างไง” ผมเรียกสติแล้วก็นึกออก อ้าว...ฝนตกอย่างงี้แล้วเมียผมเล่า แต่จะออกไปรับ ก็คงไปไม่ได้ เพราะทั้งลมทั้งฝนมันแรงเหลือเกิน ต้องก็คงต้องรอให้เบากว่า นี้ก่อน ขืนไปตอนนี้ขับรถอยู่ดีๆเกิดเจอต้นไม้ล้มใส่ หรืออะไรปริวมาทับ อาจตายได้ง่ายๆ “ห่วงนะห่วง แต่คงต้องรอฝนหยุดก่อน ไปตอนนี้ยังไม่ได้”ผมอธิบายแต่สร้อย ยังดูกังวล”ลองโทรเข้ามือถือยัยโสดูซิ ว่ายังอยู่ดีไหม...” ผมรับบัญชาแม่ยายอดีตเมียทันที “ไม่มีสัญญาณ...โทรไม่ติด แต่รอสักเดี๋ยวคงได้..”สร้อยชักหงุดหงิด “ทำไมทำเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลย อะไรๆก็ให้รอๆ” ผมเอียงหน้าไปพูดเบาๆข้างๆหูของสร้อย “งั้นแก้เซ็งด้วยการไปนอนกอดกันแก้หนาวในห้องไหม...” แล้วจานใส่ผลไม้ก็ถูกขว้างไล่หลังผมโดยที่ผมต้องวิ่งหนีหลบหลีกอย่างเร็ว ด้วยฝีมือสร้อย แหมพูดแค่นี้ทำไมต้องโกทธด้วย ผมเพียงพูดล้อเล่นสนุกๆแค่ นั้นเองน่า...


....ฝนยังกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย จนใกล้ค่ำก็ยังไม่มีทีท่าจะหยุด เสียงลม หวีดหวิวฟังดูน่ากลัวผสมเสียงกระหน่ำของฝนยิ่งสร้างความหวั่นใจให้ผม “มัน ชักจะแรงขึ้นเรื่อยๆแล้วนะสร้อย ตั้งแต่เป็นผู้ใหญ่บ้านนางรองมา ไม่เคยมี ลมฝนแรงขนาดนี้มาก่อน เลย ท่าจะไม่น่าไว้ใจเสียแล้ว ฉันชักกลัวว่า....”ผมพูดค้างไว้แค่นั้นจน สร้อยหันมามองผมด้วยสีหน้าหวาดๆ”พี่กลัวอะไรหรอ...”ผมถอนหายใจ “คิดเหมือนที่เธอคิดนั่นแหละ..” สร้อยทำหน้าบึ้งทันที “บ้า...ลามก...ในหัวคิดแต่เรื่องชั่วๆบัดสีบัดเถลิง...คิดอย่างงั้นได้ยัง ไง” ผมงงเมื่อถูกสร้อยด่าเป็นชุด “อะไรๆ อะไรกันสร้อย ฉันกำลังคิดว่า ถ้าฝนตกหนักเกิดน้ำท่วมหมู่บ้านเรา นี่มันลามกตรงไหน..”สร้อยหน้าเปลี่ยนสี ทำท่าอายๆ”อ้าว...คิดอย่างงั้นหรอ ขอโทษที อื่ม...ใช่..น่าเป็นห่วงนะ”ผม มองสร้อยด้วยสายตาเซ็งๆ”เอ..แล้วเธอคิดว่าอะไรกันนะ...” ผมมองดูฟ้าฝนและลมอย่างกังวล แล้วหันมามองสร้อยอีกที เห็นเธอเท้าแขนกับขอบหน้าต่าง ก้มแอ่นตัวมองออกไปนอกหน้าต่างจนน่าจับ สะโพกสอยใส่ข้างหลังจริงๆ”อื่ม...ลมฝนหนักขึ้นเรื่อยๆอีกแล้ว ไปรับยัยโส เหอะ ฉันเป็นห่วงจริงๆ” อื่มใช่...น่าเป็นห่วงจริงๆ ในที่สุดผมก็ตัดสินใจขับรถออกไปรับโสภาที่ออฟฟิต...
....ผมขับรถฝ่าลมที่ต้องเรียกว่าเกือบๆจะเป็นพายุและฝนที่กระหน่ำลงมาไม่ขาด สาย ระหว่างทางต้องจอดเพื่อให้ลมมแรงที่พัดพาสายฝนกระหน่ำจนมองไม่เห็นถนน ต้นไม้สองข้างทางหักหล่นขวางถนนระเกะระกะ บางครั้งต้องจอดลงจากรถไปยก ต้นไม้ที่หักโค่นออกจากทาง กว่าจะถึงออฟฟิตได้เรียกว่าเปรียกโชก ที่ออ ฟฟิตไฟดับหมด โสภาเห็นผมมารับในสภาพนั้น รีบหาผ้ามาให้ผมเช็ดตัว “แหมพี่ น่าจะรอให้ฝนซาก่อนค่อยมาก็ได้ อันตรายนะ ฝ่าฝนมาอย่างนี้”ผมหนาวสั่นรีบชวนเมียรักกลับบ้าน”ก็พี่ห่วงโสนี่ ถ้าเกิด ฝนไม่หยุด ไม่ต้องรอยันพรุ้งนี้เลยรึ” ส่วน 6 สาวอมนุษย์นั้นพวกเธอมีบ้านพักอยู่ข้างหลังออฟฟิตอยู่แล้ว จึงไม่ต้องเป็น ห่วง “ฝนแรงจังเลย แรงจนน่ากลัว “โสภาพูดขณะผมค่อยๆขับรถคลานคลำทางกลับบ้าน”นั่นดิ..ถ้ายังตกหนักอย่างนี้ น่ากลัวน้ำจะท่วมหมู่บ้านเอาได้น่ะ”ผมชักกลัว”ไม่เคยมีพายุแรงฝนตกหนักขนาด นี้มาก่อนเลย สงสัยเพราะภาวะโลกร้อนแน่ ฟ้าฝนเลยวิปริตไปอย่างนี้” ผมค่อยๆขับมาจนถึงบ้านและออกจากรถเข้าบ้านอย่างทุลักทุเล เมื่อเข้ามาถึง บ้านก็เปรียกโชกทั้งผัวทั้งเมีย...
....สร้อยเปิดประตูรับ เธอรีบมาลูบหัวรีดน้ำจากเส้นผมให้ลูกสาวคนสวยที่ยาม นี้เหมือนลูกนกตกน้ำ “รีบเข้าห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ เดี๋ยวไม่ สบาย”สร้อยประคองลูกสาวร่างเล็กแต่ใจใหญ่ไปส่งถึงหน้าห้องด้วยความเป็น ห่วง เมื่อเดินกลับมาเจอผมยืนสั่นอยู่ก็ไม่ได้ว่าอะไร”สร้อย..ห่วงแต่ลูก สาวหรอ แล้วพี่เล่า...ทั้งหนาวทั้งเปรียกเหมือนกันนะ...”สร้อยส่ายหัวมองผม อย่างเอือมระอา”อย่างพี่นี่ นรกเขายังไม่มีโควต้าให้หรอก โตจนป่านนี้ยังไม่รู้จักคิดช่วยตัวเอง ก็ยืนหนาวตายอยู่นี่แหละ” แล้วสร้อยก็เดินส่ายสะโพกเข้าห้องไป... แหม...สร้อย...ใจร้ายยย....
....ผมยังไม่หมดเวรเพราะต้องขับรถพาเจ๊เดือนไปส่งบ้านอีก แม้นจะชวนนอนค้าง ที่บ้านของผม แต่แกไม่ยอมเพราะห่วงที่บ้านเหมือนกัน”ฝนบ้าอะไรกันนี่ ตกหนักขนาดนี้ ลมก็แรงเสียจนน่ากลัว”เจ๊เดือนบ่นด้วยสีหน้ากังวล “อื่ม..นั่นสิ ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเคยเจอนี่แหละ” ฝนและลมแรงนี่ก็กระหน่ำไม่ยอมหยุดจน เกือบๆ 3 – 4 ชั่วโมงแล้ว ระหว่างทางที่ผมต้องขับรถผ่านเข้าหมู่บ้าน ก็ได้เห็นความเสีย หาย บ้านไม้บางหลังล้มพังเป็นแถบๆ ข้าวของสารพัดกลาดเกื่อนหนทาง บ้านบาง หลังแม้นแข็งแรงแต่หลังคาปริวหายไปหมด น้ำเริ่มเจิ่มนองเกือบๆครึ่งแข้ง แล้ว สถานการณ์เริ่มน่ากลัว ผมหวั่นๆว่าอาจจะเกิดเหตุไม่คาดฝันได้ คงเฝ้าภาวนา ในใจอย่าให้มีอะไรร้ายแรงไปกว่านี้เลย ผมขับรถเรื่อยๆมาจนถึงบ้านของเจ๊เดือนที่ยามนี้ บ้านแกข้างฝาได้หายไปแถบ หนึ่งเพราะแรงลมฝนที่กระหน่ำ ผมต้องลงไปช่วยย้ายของมาไว้อีกข้างของบ้านที่ยังเหลืออยู่ เลยต้องเปรียก อีกรอบ หลังจากนั้นผมก็ขับรถกลับบ้านในสภาพเดียวกับที่ไปรับโสภา ผมมานั่ง ดูสถานการณ์ลมฝนด้วยความกังวลไปเรื่อยๆ และจน 2 ทุ่มกว่าๆฝนก็เริ่มเบาลง แต่ยังตกต่อเนื่องอยู่ ไฟฟ้าคงดับทั้งหมู่บ้าน แน่ ตอนนี้ลูกบ้านของผมคงกำลังเดือดร้อน ผมต้องหาทางช่วย แต่คงต้องรอวัน รุ่งพรุ้งนี้ ตอนนี้ได้แต่ภาวนาขออย่าให้ฝนมันตกมาหนักกว่านี้อีกเลย...ถ้าขืนยังไม่ หยุด จะเดือดร้อนกันมโหราฬแน่
....ผมนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง ลมแรงที่พัดกระหน่ำหยุดลงไปแล้วเหลือแต่สายฝน ยังสาดซู่ๆ ผมนั่งมองไปทางหมู่บ้านที่อยู่ในความมืดด้วยใจเป็นห่วง พวกเขา เจอสภาพอย่างนี้จะเป็นอยู่กันอย่างไง คงเดือดร้อนวุ่นวายในความมืดกันน่า ดู ยิ่งคนที่ยากจนบ้านทำด้วยไม้เก่าๆ บ้านคงพังไร้ที่พักอาศัยแน่นอน ถ้า มีลูกเด็กเล็กแดงอยู่ด้วยยิ่งลำบากไปกันใหญ่เลย สภาพคงอนาถจนผมไม่อยาก คิด อยากจะไปช่วยแต่ไม่รู้จะไปช่วยอย่างไงตอนนี้...โสภาเดินถือแก้วนมอุ่น มาหาผมและยื่นให้ดื่มไล่ความหนาวที่ผมต้องออกไปเผชิญมา “นอนเถอะพี่ ดึกแล้ว มัวนั่งคิดอะไรทำหน้าเครียดๆอยู่ได้....”ผมดื่มนมรวดเดียวหมดแก้วแล้ววางไว้ บนโต๊ะข้างตัว”พี่ห่วงชาวบ้าน เมื่อตอนไปส่งเจ๊เดือนเห็นสภาพแล้วน่าสงสาร มาก บ้านพังกันตั้งหลายหลัง ไฟฟ้าก็ดับ วุ่นวายไปหมด พี่เลนอนไม่หลับ” เมียสาวร่างฉบับกระเป๋านั่งลงตรงที่เท้าแขนของเก้าอี้แล้วโอบกอดพลางลูบบหัว ผมแล้วเอาคางวางไว้บนหัวของผมแล้วพูดปลอบ”น่าอย่าคิดมากเลย เรื่องอย่างนี้ มันสุดวิสัย พี่อาจเก่งกล้าท้าทายได้ทุกเรื่อง แต่ภัยธรรมชาติมันใหญ่เกินตัวพี่ ไว้พรุ้งนี้ค่อยออกไปช่วยเหลือลูกบ้านของ พี่ก็ได้ วันนี้พักผ่อนก่อนเถอะ เก็บแรงไว้ พรุ้งนี้ ลูกบ้านของพี่ต้องการความช่วยเหลือจากพี่มากกว่าครั้งไหนๆแน่ๆ”ผมลังเลสัก พักจึงลุกขึ้นเดินตามเมียรักที่จูงมือผมไปยังห้องนอน...
....เสียงฝนเงียบสนิทในห้องนอนของผม โสภาจูงผมมานั่ง แล้วเธอก็ขึ้นไปทำ ท่าจะนอน แต่ผมดึงตัวมากอดไว้ โสภาถามว่าจะทำอะไร ดึกแล้วนอนเถอะ...ผม บอกว่าผมหนาว โสภาจึงขยับตัวเอาผ้ามาห่มแล้วกอดตัวผมดึงให้นอนลง ไออุ่น จากกายของเมียสาวร่างเล็กชักทำให้ผมคึกคัก เอ...มีอาการแข็ง โว้ย...แล้วอย่างนี้จะนอนเฉยๆได้อย่างไร ต้องมีการทำอะไรกันบ้าง ผมผงกตัว ดึงชายเสื้อนอนสายเดี่ยวตัวบางขึ้นมาถึงหัวไหล่เมียสาว นมคู่เหมาะมือตะหง่านตั้งเต้า ผมก้มไปดูดสลับไปมา”หื่อ...ไม่นอนหรอ...” เสียงโสภาครางถาม”หนาวนะ ขอพี่แก้หนาวสักดอกได้ไหม...”ผมขอดื้อๆ “งั้นจัดให้เลยพี่...” เมียสาวร่างเล็กแต่ใจถึง ตอบอย่างไม่หวั่นแม้นว่าขนาดมันจะต่างขนาดไหน ใจ ถึงซะอย่าง ไม่มีอะไรต้องกลัว...
ผมกดร่างเมียรักนอนลงกับเตียงนุ่ม ค่อยประกบปากจูบบดอย่างเบาๆ ลิ้นของผม คว้านเข้าไปถูกับไรฟันของเธอ โสภากระดกลิ้นออกมาปะทะ เราแลกลิ้นสลับกัน อย่างดูดดื่ม สองมือของผมลูบไล้ไปบนร่างเล็กอวบ ร่างน้อยๆแอ่นไหวยามถูก สัมผัส โสภาเริ่มหายใจหนักๆ
.ผมจึงจูบลงที่คอเล็กอีกครั้งแล้วค่อยๆ เลื่อนลงมาที่หน้าอก เอาลิ้นแยงเข้าไปใต้บรา เล็กบิดตัวไปมาพร้อมกับจิกผมของผมแน่น ผมจึงลากบราเธอลงข้างนึง นมอันใหญ่โตขาวๆ ของเธอก็เด้งขึ้นมาต่อหน้าผมทันที หัวนมสีชมพูปนน้ำตาลนิดๆ ทำให้ผมแทบทนไม่ไหว ผมจึงลากลิ้นผ่าน หัวนมเธอไปมา รอบรอบไม่ให้โดนที่ยอดหัวนม เธอแอ่นอกขึ้น พร้อมกับพูดว่า
"โอยยยย...... อย่าแกล้งซิพี่ ดูดเร็วๆแรงๆเลย โส....เสียว......จะขาดใจแล้ว" พร้อมกับแอ่นอกใส่ปากผม


....ผมบีบไปที่นมคู่เต่งพอเหมาะมือเพื่อให้หัวนมเต่งขึ้น แล้วจึงถกเสื้อ ของเธอขึ้นมา ถกเสื้อยกทรงเลื่อนขึ้นไปแล้วดูดอมหัวนมเธอเข้าไป พร้อมกับรัวลิ้นที่ ปลายหัวนม เธอจิกผมของผมแน่นขึ้นอีก อีกมือผมก็เอื้อมไปข้างหลังปลดตะขอเธอออกแล้วก็ถอดชุดนอนของเธอออก จากนั้น จึงถอดยกทรงออกเพื่อไม่ให้มันขัดขวางปฎิบัติการของผม จึงทำให้เห็นอกที่ขาวเนียนและอวบอิ่ม ของเธอผมดูดเลียทั้งสองข้างสลับไป มา พร้อมกับบีบนมทั้งสองเต้าของเธอ ผมเริ่มลูบมือลงไปข้างล่าง ลูบหีที่เนินนูนของโสภา จากข้างนอกกางเกงในตัวน้อย ซึ่งมันตัวเล็กและบางมาก ผมลองลูบตรงที่น่าจะเป็นติ่งเสียวของเธอ แล้วบี้พร้อมกับยังดูดนมเธออยู่ เธอแอ่นฌนินเข้าสู้รับมือผม ผมจึง เอามือมาลูบตรงท้องน้อยและล้วง เข้าไปในกางเกงตัวในน้อย ภายในเนินของเธอ มันเปียกแฉะไปหมดแล้ว ผมจึงบี้เม็ดเธออีก โสภาผวาแอ่นกาย ร้อง ซี๊ด... อ๋า.. พะ..พี่... โอว์... ผมจึงรีบถอดกางเกงในของเธอออก ปากยังดูดปากเธอและนมสลับกันไป เธอเริ่มเอามือมาจับของท่อนเอ็นผม พร้อมกับล้วงหาทางเข้า....
...แต่โสภาเอามือรั้งหัวของผมไว้ เธอมองหน้าของผมตาหวานเชื่อม และพยัก หน้าให้ผมเลื่อนหัวลงไปที่หว่างขาของเธอ แหมท่าจะติดใจลีลาชิวหาพาเพลินของ ผม แม้นไม่บอกผมก็รูว่าเธอต้องการให้ผมทำอย่างนั้น ก็ไม่อยากให้เมียนอกใจ และเธอจะได้ติดใจจน ไม่อาจลืมผม ฉะนั้นได้เลยน้อง พี่จัดให้...
...”ทำให้โสหน่อยนะพี่ โสชอบ มันเสียวดี เอาเลย....ผัว...จ๋า....”
เสียงเธออ้อนและสั่น ผมจึงเริ่มลากสิ้นไปที่แคมทั้งสอบข้างของเธอ เลียเบาๆ เธอยิ่งร่อนและเด้งรับ เพื่อให้โดนติ่งเสียวของเธอ แต่ผมไม่ยอมให้โดน ยิ่งแกล้งแล้วก็ยิ่งเห็นว่าน้ำใสๆของเธอยิ่งไหลออกมามากขึ้น
"โอยยย....พี่.... ดูดตรงนั้นซิ.... โอว์... อย่าเลียอย่างเดียวซิ....."
ผมจึงหยุดเลียและดูดขบตรงติ่งของเธอทั้งหมดและรัวลิ้นพร้อมกับดูดและ ดึงเข้าออกเบาๆ
"อูววววว..... เสียวจังเลยค่ะ โอวววววว...ๆๆๆ ทำไมมันเสียวอย่างนี้......อ๊ะ..อาววววววว."
....เธอจิกผมของผมแน่นสุดๆ ทั้งสองมือ พร้อมกับเกร็งขา เธอคงเสร็จไปทีแล้ว แต่ยังจับหัวผมกดกับเนินของเธอคาไว้ จากนั้นเธอก็เริ่มลุกกลับใส่ผมบ้าง สาวร่างเล็ก พลิกตัวผมให้นอนหงายและ จัดการถอดเสื้อผ้าที่เหลือของผมออกจนหมด สายตาของสาวคราวลูกจ้องไปที่ท่อน เอ็นใหญ่ที่ปูดโปนด้วยเส้นเลือด และผงาดโด่น่ากลัว แต่สาวน้อยโสภาหาหวาด กลัวไม่ เธอครานแล้วเอื้อมมือไปจับอย่างกระหายใคร่โดน..
....แล้วเธอก็เริ่มอมท่อนเอ็นของผมเข้าไป ลีลาเธอเด็ดมาก เธอเริ่มจูบที่หัวของเอ็นก่อน แล้วจูบไปรอบลำเอ็นผม โสภาจูบจนถึงโคนแล้วก็ลากลิ้นกลับมาที่หัว เลียรัวที่หัวสักพักก็ถอกตรงหนังหุ้มของผม ออกมา เลียไปที่รอบๆ หัวบาน ตรงรอยหยักและรัวลิ้นไปตรงรอยแยก ผมเสียวจนกลัวจะแตกซะให้ได้ แล้วเธอก็อมมันเข้าไปทั้งหัวรูดขึ้นลงอยู่เฉพาะส่วนหัว สักพักเธอก็อมลงไปถึงโคน ผมเสียวมากเลยเอื้อมมือไปบีบนมเธอ เสียงโสภาครางฮือๆรอดจากปากที่อมอยู่ออก มา เธอก็รู้ว่าผมเสียวจึงรูดปากขึ้นลง ยาวๆ พร้อมกับรัวลิ้นกับหัวท่อนเอ็นของผม ผมจะทนไม่ไหวแล้ว จึงบอกเธอว่า "โส....พอเถอะ พี่จออกอยู่แล้ว...”
...เมื่อโสภาหยุดผมจึงจับตัวเธอขึ้นมาแล้วให้นอนแผ่ ผมจับสาวร่างเล็กถ่าง ขาออก คุกเข่าแล้วเอาท่อนเอ็นจ่อปลายเข้าร่องรูของเธอจากนั้น ก็ก้มลงไปจูบปากเธอ มือก็บีบนมเธอและบี้หัวนมทั้งสองข้างโสภาคงเครื่องติดแรงแล้ว เลยเอื้อมมือมาจับท่อนเอ็นของผมจ่อกับรุของของเธอ และเด้งใส่ท่อนเอ็นของผมเองทีเดียวมิดเลยเพราะน้ำเธอมันเต็มร่องไป หมดแล้ว และร่อนเอวเองเลย ร่องรูเล็กนั้นยังฟิตรัดแน่นเสมอ และบีบรัดตลอดลำเอ้นจน ผมรู้สึกแน่นและเสียวซ่านที่สุด....


ผมจึงสนองด้วยการกระแทกเข้าออกแบบยาวๆ เธอร้องส่ายหัวไปมาหลับตาพริ้ม "โอว์ ...ซี๋ด... ผัวจ๋าา อ๋า....โอว์ อ๋าา...แรงๆ...โอ้ย.." พร้อมกับจิกหลังผมแน่น และขบิบร่องหลืบรับ และเกร็งไปทั้งตัว
.... เธอผลักผมให้นอนลงและขึ้นมานั่งสวมตอของผมแล้วขย่มต่อทันทีเธอหันหลังให้ผม ผมจึงเอื้อมมือไปจับนมเธอบีบทั้งสองข้างดูเธอร่อนเอวไปมา แล้วผมก็แทบทนไม่ไหว เธอขย่มขึ้นลงยาวๆ แล้วก็บี้บดแตดเธอกับท่อนเอ็นผมพร้อมร่อนเอวเป็นจังหวะ สลับกันไป ชนิดไม่สนว่า รอบข้างจะเป็นอย่างไง เธอหมุนตัวกลับมา หันหน้าหาผม เอามือท้าวไปข้างหลัง แอ่นอกขึ้นและ ขย่มสุดแรงเกิด ผมจะตาย จะแตกอยู่แล้วแต่ก็ยังทนเพราะอยากเสียวกับเธอนานๆ โสภาก็ก้มลงมาดูดเลียนม ให้ผม ทำให้ผมเสียววูล แล้วผมก็จับหน้าเธอก้มลงมา ดูดปากกับผม เธอยังร่อนอยู่ตลอดเวลาพร้อมกับขมิบร่องรูตลอด ผมจึงบีบนมเธอเป็นการตอบโต้กลับไป แต่เธอก็แอ่นอกสู้ให้ดูดอีก ผมดูดและบีบบี้หัวนมเธอ และเด้งท่อนเอ็นกระแทกสวนกับหอยของเธอ ที่อยู่ข้างบนสักพักก็ไม่ถนัดแล้ว เลยจับตัวเธอลากมาตรงขอบเตียง แล้ว ผมก็ลงไปยืนที่ขอบเตียง เธอก็รู้งานรีบนอนพาดขอบเตียงหันหลังให้ผม
....ผมรีบเอาท่อนเอ็นแยงเข้าไปในร่องรู ที่อ้ารอแฉะฉ่ำอยู่ ผมแทงเข้าไปทีเดียวมิดแล้วก็รีบขย่มต่อเพราะผมจะแตก แล้ว มือก็บีบนมเธอข้างนึงอย่างแรง อีกข้างบีบที่ก้นอันขาวนวลและเนื้อแน่นนุ่นมือของเธอ ผมกระเด้าเร็วมากขึ้นอีกเพราะ จะเสร็จแล้ว โสภาเองก็ครางไม่หยุดคงใกล้จะถึงแล้วเหมือนกัน ผมโยกไม่หยุดอัดกระเด้าใส่จนร่างของสาวน้อย กระแทกจนขอบเตียงและขาเตียง สั่นเลื่อนไปมาดังเอี๊ยดอ้าด จนในที่สุดผมก็ไม่อาจเก็บกลั้นไว้ได้ต่อไปจึง พ่นน้ำออกมาเต็มร่องเสียว โสภาผวาจิกที่นอนเด้งก้นสวนรับแรงฉีดอันซาบซ่าน ทุกหยาดหยดร้องคราง ฮือออ.... ผมฟุบตัวลงกับแผ่นหลังขาวนวลหอบเหนื่อยแทบขาดใจ “เก่งขึ้นเยอะ เลยนะ ตั้งแต่กลับมาแข็งใหม่นี่..” ไม่รู้ว่าชมหรือเปล่า แต่ผมเหนื่อยจนไม่มีแรงจะตอบ....
....ระหว่างที่เราสุขสมนอนก่ายกอดกันอยู่นั้น ผมได้ยินเสียงซู่ๆแว่วๆ มา ผมลุกขึ้นเดินไปเปิดม่านที่หน้าต่างดูว่าเสียงอะไรเมื่อได้เห็นผมต้อง ตกใจร้องตะโกนบอกโสภาทันที “โส...โส...ตื่นเร็วน้ำท่วม ตื่น ตื่น ตื่นเร็วน้ำท่วม..แล้ว..”เสียงโสภางัวเงีย “อื่ม...รู้แล้วว่าน้ำมันท่วม...นี่ท่วมเต็มรูของโสเลย...”เมียสาวงัวเงีย พูดซ้ำยังเล่นมุขอีก”ไม่ใช่โส...นี่น้ำท่วมจริงๆ น้ำ ท่วมหมู่บ้านของเราแล้ว “ โสภาเหมือนได้สติ ผลุดลุกขึ้นมา “หาน้ำท่วม ตายแล้ว ท่วมได้อย่างไง” ผมแต่งตัวลวกๆโดยมีโสภาสวมเสื้อนอนยาวสายเดี่ยววิ่งตามออกมาจากห้องตรงไป หน้าบ้าน ผมวิ่งไปยืนที่ศาลาหน้าบ้าน ลมฟ้าลมฝนกระหน่ำแรงกว่าเก่า ท้อง ทุ่งและหมู่บ้านยามนี้ เนื่องนองไปด้วยน้ำป่าใหลทะลักเข้าท่วมจนมองขาวขุ่น เวิ้งว้างจนสุดสายตาไปหมดท่ามกลางความมืดและฟ้าร้องฟ้าผ่า เป็นระยะ ช่วยขับเน้นสายน้ำที่ใหลบ่ามาให้มองดูน่ากลัวทวีคูณ และความช่วย เหลือจากผู้ใหญ่อย่างผมที่ลูกบ้านต้องการก็มาไวเกินกว่าที่คิดไว้มาก สร้อย ที่วิ่งตามออกมาเมื่อเห็นสภาพหมู่บ้านจมอยู่ใต้น้ำ ถึงกับปิดปากอุทาน ว่า คุณพระช่วย แต่ก่อนคุณพระจะช่วย ก็คงต้องให้ผู้ใหญ่อย่างผมไปช่วย ก่อนในคืนนี้.....
....ผมวิ่งไปที่ห้องเก็บของท้ายสวน ลากเอาเรือท้องแบนออกมา ในสถานการณ์ อย่างนี้ เรี่ยวแรงมาจากไหนไม่รู้ ผมลากมาถึงทางรถเข้าหน้าบ้าน ที่ต่อ กับถนนใหญ่ที่ตัดผ่านหน้าบ้านของผม ที่บัดนี้กลายเป็นท่าน้ำไปแล้ว สร้อย กับโสภาถามว่าผมจะไปไหน ผมบอกว่าจะออกไปช่วยชาวบ้าน “แล้วจะช่วยอย่างไง เล่าพี่..” ผมรีบติดเครื่องเรือท้องแบน”ก็จะไปช่วยคนที่ติดน้ำท่วมมาหลบภัยที่บ้านเรา ให้ได้มากที่สุด”ผมตอบแล้วก็บังคับเรือให้แล่นออกไป และตรงไปยังหมู่บ้าน ที่เห็นแต่หลังคาเหนือน้ำ ท่ามกลางพายุฝนและฟ้าแลบฟ้าผ่าอันน่าหวาด เสียว....
...กระแสน้ำป่าแรงมาก เรือท้องแบนหน้ากว้าง 1.5 เมตร ยาว 3 .5 เมตร ที่ผมสั่งต่อมาไว้ขับเล่นในสระหลังบ้าน แล่นฝ่าสายน้ำที่ใหลบ่ามาอย่างรุนแรงแทบไม่ไหว ซ้ำลมฝนที่กระหน่ำใส่ไม่ลืม หูลืมตา ทำผมเปรียกจนหนาวสั่นสะท้านไปถึงไข่ นี่ขนาดติดเครื่องยนต์อย่าง แรง 15 แรงม้าแล้วนะ มันยังแล่นทะยานฝ่ากระแสน้ำไปได้อย่างเชื่องช้า แต่ข้างหน้ามีคนรอความช่วยเหลือจากผมอยู่ ผมต้องฝ่าไปให้ได้ เรือท้องแบน ของผมแล่นมาถึงบ้านหลังแรกที่น้ำท่วมเหลือแค่หลังคา มีคนหนีน้ำขึ้นมานั่ง ตากฝนหนาวสั่น 3 -4 คน ผมจอดรับให้ขึ้นมาและแล่นรับคนอื่นๆอีก สภาพทุกคนตื่นตระหนกขวัญหาย พอ เห็นผมมาช่วย ต่างพากันดีใจราวผมเป็นเทวดามาโปรด ผมพาไปได้แค่เที่ยวล่ะ 10 กว่าคน แต่ล่ะเที่ยวก็น่าหวาดเสียว ต้องฝ่ากระแสน้ำที่ค่อนข้างแรง มาก และต้องคอยหลบหลีกท่อนซุงที่ลอยตามน้ำมาบ้าง ไม่ถึง 2 ชั่วโมง ชาวบ้านลูกเด็กเล็กแดงก็มาหลบภัยน้ำท่วมกว่า 200 คน แต่ผมยังต้องเทียวไปช่วยคนที่ติดน้ำอยู่บนหลังคาอีกหลายสิบหลังคา เรือน เพราะน้ำป่าคราวนี้มาฉับพลัน ไม่มีใครทันตั้งตัว เนื่องจากไม่เคย มีน้ำท่วมใหญ่อย่างนี้มาก่อนนับตั้งแต่ตั้งหมู่บ้านมา....ช่างเป็นพิบัติภัย ที่จน่าร้ายแรงที่สุดตั้งแต่หมู่บ้านของเราเผชิญมา....
....เวลาผ่านไปจนตี 3 กว่าๆ จำนวนคนที่ผมรับมาหลบภัยน้ำท่วมที่บ้านของผมทวีจำนวนมากขึ้น เหตุที่น้ำไม่ ท่วมบ้านของผมเพราะมันตั้งอยู่บนเนิน และอยู่ห่างมาจากหมู่บ้าน เป็น ที่ดินเก่าแก่ของบรรพบุรุษ มีเนื้อที่ขนาด 4 – 5 ไร่ ผมสร้างบ้านหลังใหญ่ ขนาด 5 ห้องนอนไว้หนึ่งหลัง และบ้านขนาดกลาง 2 หลัง สร้างรั้วล้อมไว้หมด ภายในทำสวน บ่อปลา และสนามหญ้าไว้ออกกำลังกาย ภายหลังโสภายังทำสนามเทนนิสเพิ่ม แต่ไม่เคยใช้ หรือไปเล่นกันเลย เพราะตีไม่เป็น สาเหตุที่ทำสนามเทนนิสเพราะโสภาไปบ้า เห่อ ภราดรอยู่พักหนึ่ง เลยคิดจะตีเทนนิสบ้าง แต่พอภราดรเลิกดัง สนามเทนนิสสร้างเสร็จ เธอก็เลิกคิดตีเทนนิส ก็แค่นั้น ตามประสาวัยรุ่น เบื่อง่าย...
....ตอนนี้ที่บ้านของผมเต็มไปด้วยชาวบ้านที่อพยพหนีน้ำมาพึ่งพา ทุกคนเหลือ มาแต่ตัว เรียกว่าสิ้นเนื้อประดาตัวเลยทีเดียว โสภาและสร้อยช่วยกันดูแล และรักษาผู้บาดเจ็บ และเอาเสื้อผ้าที่พอมีมาแจกจ่ายให้ทุกคนตามที่เห็นว่า จำเป็น เพื่อผลัดเปลี่ยนแก้หนาว อาหารและเครื่องดื่มร้อนๆถูกนำมาให้ทุกคน ได้รองท้องประทังหิวไปก่อน ส่วนเด็กๆถูกพาไปอยู่เรือนหลังเล็ก ผู้หญิง สาวๆที่พอมีเรี่ยวแรงก็ช่วยกันดูแล ส่วนผู้ชายก็ช่วยกันขนถุงทรายไปกันหน้า บ้านเผื่อเกิดเหตุน้ำทะลักไม่คาดฝัน ที่บ้านของผมยามนี้จึงเต็มไปด้วยผู้คน ร่วมๆ4 – 500 คนกว่า เกือบๆครึ่งหมู่บ้านเลย แต่อีกส่วนหนึ่งนั้นมีชาวบ้านบางคนบอกว่า ได้ขนข้าวของหนีน้ำไปอยู่ที่วัดก่อนหน้าแล้ว ส่วนที่ผมไปช่วยมาคือกลุ่มที่ไม่คิดว่าน้ำจะท่วมหนักขนาดนี้....
....ผมยังคงแล่นเรือท้องแบนออกหาชาวบ้านที่ติดค้างบนหลังคาต่อไป แม้นโสภา และสร้อยจะขอร้องให้ผมหยุดรอให้ฟ้าสว่างก่อนก็ตาม “ทุกคนกำลังเดือดร้อน ความช่วยเหลือจากพี่ยามนี้คือสิ่งที่พวกเขาต้องการ “ผมบอกโสภาเมียรัก “แต่พี่ต้องพักบ้าง พี่แล่นเรือไปรับคนมาตั้งหลายสิบเที่ยวแล้ว ทั้งเปรียกทั้งหนาว ให้คนอื่นไปบ้างเถอะ ถ้าพี่เป็นอะไรไปพวกเราจะลำบากนะ..”โสภาห้ามและเตือน ด้วยความเป็นห่วง “ใช่...พี่ไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่นะ พี่ช่วยไม่ได้หมดทุกคนหรอก” สร้อยก็ยังมาช่วยห้ามด้วยเป็นห่วงผม “พี่จะช่วยเท่าที่พี่ช่วยได้ ขืนให้ คนอื่นไปมันก็ไปไม่เป็นหรอกจะออกไปตายเปล่าๆ” ผมยืนยันและยังขับเรือท้องแบนแล่นฝ่าลมฝนออกหาชาวบ้าที่ยังติดน้ำอยู่บน หลังคาต่อไป...ส่วนน้ำมันของเรือนั้นผมให้ช่วยกันดูดจากถังน้ำมันรถในบ้าน ของผมออกมาจนหมดทุกคันแล้ว และคงจะพอใช้จนกว่าผมจะช่วยคนได้หมด....
....ขณะผมแล่นเรือมาถึงบ้านของเจ้าคม ผมได้ยินเสียงเจ้าคมตะโกนร้องขอความ ช่วยเหลือ เมื่อเข้าไปใกล้ๆก็เห็นเจ้าคมกอดกับเด็กบัวอยู่บนหลังคา ทั้ง คู่เปลือยเปล่า ผมเห็นจากแสงไฟฉายที่ส่องไปดูสภาพ “ไงเล่ามึง หนาวจนต้องล่อกันแก้หนาวบนหลังคาเลยรึไอ้คม ไอ้วรนุชพันธุ์ ทาง”ผมแล่นเรือไปเทียบหลังจอดรับมัน”เปล่าหรอกพี่ กำลังเอาๆกันอยู่ น้ำดันท่วมวาบมาต้องหนีตายกันเลยขึ้นมาอยู่บนหลังคาในสภาพที่พี่เห็นนี่ แหละ” ฮื่ม...ล่อกันเพลินว่างั้น ผมต้องถอดเสื้อให้เด็กบัวใส่ และถอดกางเกงใน ให้เจ้าคมใส่เพื่อไม่ให้อุจาด ส่วนตัวเองเหลือกางเกงกุยใส่ตัวเดียว และ แวะรับชาวบ้านขึ้นเรือตามทางมาอีก 7 – 8 คน เมื่อมาถึงบ้านผมหนาวสั่นต้องพักหาความอบอุ่นให้ร่างกาย เจ้าคมได้ เสื้อผ้าเก่าๆของผมไปใส่ ส่วนเด็กบัวก็ใส่ของโสภาไป ใกล้ๆแจ้งลมฝนเริ่มสงบแต่น้ำป่ายังใหลผ่านหน้า บ้านของผมเสียงใหลดังน่ากลัว...
....ผมมายืนดูถนนหน้าบ้านที่บัดนี้กลายเป็นแม่น้ำสายใหญ่ ฝนเบาเม็ดทำให้ เราครายความตึงเครียดไปได้บ้าง ได้แต่หวังอย่ามีมากระหน่ำซ้ำอีกเลยแค่นี้ ชาวบ้านและผมก็ย่ำแย่แล้ว ผมมองไปทางหมู่บ้านที่ตอนนี้เห้นแต่หลังคา “มึงว่ายังมีคนเหลือติดค้างอยู่ไหมไอ้คม” ผมถามเจ้าคมที่ยืนอยู่ข้างๆ “ไม่รู้สิพี่ แต่มั่นใจเลย งานนี้ต้องมีคนหายคนตายกันเพียบแน่ มาหนักเหลือเกินคราวนี้” ผมนึกแล้วก็ใจหาย ยิ่งเห็นท่อนซุงลอยน้ำมาไม่ขาดระยะยิ่งเจ็บใจไอ้พวกตัด ไม้ทำลายป่า ที่เป็นต้นเหตุให้เกิดภัยร้ายแรงครั้งนี้ “กูจะออกเรือไปหาคนอีกรอบ “เจ้าคมรีบห้าม”อย่าเลยพี่ พอเถอะ พี่ช่วยคนมาเยอะแล้ว ออกไปแต่ล่ะครั้งมันเสี่ยงนะ น้ำก็แรงถ้าเรือล่มล่ะ ก้อ ไม่รอดแน่ “ผมเดินไปที่เรือ “แต่กูจะไป มึงดูโน่น มีคนรอให้กูไปช่วย กูเป็นผู้ใหญ่ที่เขาเชื่อใจและเลือกกูมาเพื่อช่วยเหลือพวกเขา และเวลานี้แหละที่เขาต้องการให้กูช่วยอย่างล้นเหลือถ้ากูไม่ไป แล้วกูจะอยู่มีหน้าเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างไง” ผมยืนยันจนเจ้าคมยืนอึ้ง”งั้นผมจะไปกับพี่” ผมยิ้มให้มันพยักหน้า เราสองคนต่างลงเรือลำเดียวกันเพื่อจะไปทำความดี น่า จะเป็นครั้งแรกด้วย ที่เราสองคนคิดดีทำดีด้วยกัน...
....แต่ก่อนจะออกเรือ สร้อยและโสภาก็วิ่งมาเรียกและร้องห้าม ”พี่..ยังจะไปอีกหรอ พอก่อนเหอะ ตอนนี้น้ำกำลังใหลบ่ามา อันตรายนะ โสเป็นห่วงนะ ไปแต่ล่ะเที่ยวดสภาวนาให้พี่กลับมาให้ปลอดภัยทุกที รออีกเดี๋ยวก็แจ้ง แล้ว พี่รอให้พวกเจ้าหน้าที่เขามาช่วยดีกว่า”สร้อยพยักหน้าเห็นด้วย “มาพักบ้างเถอะ พี่ยังไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย พี่ต้องพักบ้างนะ พอเถอะ แค่นี้พี่ก็ช่วยชาวบ้านมาได้เยอะแล้ว” ผมยิ้มให้สองสาวอย่างชนิดที่คิดว่าเท่ส์ที่สุด”ไม่เป็นไรหรอก พี่จะไป เที่ยวนี้อีกเที่ยวเดียว กว่าพวกเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือจะมาพี่กลัวจะไม่มีคน เหลือรอดให้ช่วยนะสิ ไม่ต้องห่วงหรอกพี่เก่งอยู่แล้ว สร้อยกับดสก็ รู้ พี่ไปล่ะ”แล้วผมกับเจ้าคมก็แล่นเรือฝ่าความมืดของฟ้าและสายน้ำป่าในยาม ใกล้รุ่งออกไป....
....ผมกับเจ้าคมตระเวณล่องเรือมองหาคนที่ติดอยู่บนหลังคาไปเรื่อยๆ โดยมีผมเป็นคนขับและเจ้าคมส่องไฟที่หัวเรือ ฟ้าเริ่มแจ้งแล้ว สายฝนตก พล่ำไม่ยอมหยุด แสงอาทิตย์ดูมืดมัว ภาพในความมืดเริ่มเผยออกมาให้ ประจักษ์ เห็นแล้วก็ใจหาย นองไปทางไหนก็มีแต่น้ำที่ใหลเชี่ยว บางแห่งก็ เป้นวังวนเสียงดังหวีดหวิว ทุ่งราบที่เป็นบ้านคนอาศัย บัดนี้จมหายเหลือ แต่หลังคาโผล่พ้นน้ำขึ้นมา ผมชะลอเรือดูสภาพที่อนาถใจ เจ้าคมก็นั่งนิ่ง พูดไม่ออก ระหว่างคนที่ตัดไม้ทำลายป่า และธรรมชาติที่ลงโทษมนุษย์ ผมอยากรู้ใครโหดร้ายกว่ากัน ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องด้วยเลยเหล่านี้ เขาทำผิดอะไรจึงต้องมารับกรรมที่ เขาไม่ได้ก่อ แต่พวกตัดไม้ทำลายป่ากลับเสวยสุขอยู่สบายร่วมกับเจ้าหน้าที่ ที่ดูแลป่าไม้....
....ขณะเราสองคนอินอยู่กับภาพอันหดหู่เสียงเจ้าคมก็ตะโกนด้วยความตกใจดัง ลั่น “พี่ๆๆๆๆ นั่นๆๆๆๆท่อนซุงลอยนน้ำมาเยอะแยะเลย หลบๆๆๆๆเร็วๆๆๆๆ พี่หลบเร้วๆๆๆ” ผมตั้งสติได้หันไปเห็นท่อนซุงนับสิบถูกระแสน้ำพัดพาพุ่งมาอย่างแรงและ เร็ว และตรงมาที่เรือของเรา ผมพยายามหักเรือหลบแต่ไม่พ้น ท่อนซุงขนาดใหญ่ชนเรือของเราพลิกคว่ำ ผมกับเจ้าคมกระเด็นตกลงไปในสายน้ำ อันเชี่ยวกราด ดำผุดดำว่ายกันเพื่อประคองชีวิต กระแสของน้ำไม่ยอมให้เรา ตั้งหลักได้ เราสองคนถูกพัดพาไปไม่รู้ทิศทาง “พี่ๆๆๆๆ ช่วยผมด้วย “เจ้าคมที่ลอยห่างผมไปพยายามตะเกียดตะกายร้องขอให้ผมไปช่วย แต่ผมเองยัง ช่วยตัวเองไม่ได้เลย และผมก็ไปจับได้กิ่งไม้ของต้มไม้ใหญ่ที่จมอยู่ใต้น้ำ พอยั้งตัวไว้ได้ แต่ที่น่าเศร้าคือได้เห็นภาพของเจ้าคมที่พยายาม แหวกว่าย โบกไม้โบกมือให้ผมไปช่วยมันลอยห่างออกไปและจมหายไปกับสายตา โธ่ เจ้าคมไม่น่าเลย ไปดีเถอะไอ้น้อง กูจะไม่ลืมมึงเลย แล้วกูจะทำบุญไปให้ มึงบ่อยๆ....
....ผมพยุงร่างไว้ต้านกระแสน้ำที่ถาโถมเข้าใส่จนกินน้ำสำรักน้ำไปหลาย อึก เรี่ยวแรงเริ่มน้อยลงจนจะฝืนทรงตัวไว้ไม่ไหว โอ้ย...นี่ผมต้องมาตายตรงนี้หรือนี่ เจ้าคมคู่หูของผมก็ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว คิดให้คนมาช่วยก็คงรอไม่ไหว ยาม นี้ไม่มีไอ้บ้าที่ไหนมันโผล่มาช่วยผมได้หรอก ผมได้เกาะกิ่งไม้รอให้ตัวเอง หมดแรงและจมหายไปกับสายน้ำ เวลาผ่านไปผมเริ่มล้า อื่ม...เวลาใกล้ตายมันเป็นอย่างนี้นี่เอง คนเราเกิดมาต้องตายทุกคน แต่ ตอนอยู่เราทำอะไรดีกันไว้บ้างเล่า แต่ผมไม่เคยเสียใจที่ต้องมาตายในสภาพ นี้ เพราะผมเลือกมาเอง และที่สำคัญผมเลือกที่จะมาทำดีก่อนตาย แรงของผมเริ่ม อ่อนลงทุกทีๆ มือทั้งสองข้างจะรั้งกิ่งไม้เอาไว้ไม่ไหวแล้ว สำนึกสุดท้ายของผม คิดถึง พ่อแม่ ครูบาอาจารณ์และสร้อย โสภา เหมยลี่ พี่หมดบุญแล้ว ขอลาทุกคนไปก่อนนะ....
....ขณะผมกำลังจะหมดแรงเฮือกสุดท้ายก็มีเสียงพูดที่คุ้นเคยเอ่ยขึ้นแกมๆหยาม หยัน”เหอะ เหอะ เหอะ สารรูปดูไม่ได้เลยนะไอ้ผู้ใหญ่ ไม่นึกว่าคนอย่างมึงจะมีวันนี้ด้วย กูไม่ ยอมให้มึงตายง่ายๆอย่างนี้หรอก ไม่งั้นชีวิตที่เหลือของกูคงเงียบเหงาแย่ เลย” ผมเงยหน้ามองไปทางเจ้าของเสียง “ไอ้เม้ง มึงมาได้อย่างไง”กำนันเม้งนั่นเอง มันกำลังยืนเอามือข้างหนึ่ง ยันกราบเรือยนต์ขนาดใหญ่ของมัน และอีกข้างยื่นมาให้ผมจับ ยิ้มให้ผมอย่างผู้มีชัยที่อยู่เหนือกว่าผมในยามนี้”ไอ้ผู้ใหญ่ส่งมือมา กู มาช่วยมึงแล้ว ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า กูจะได้มีโอกาศช่วยชีวิตของมึง” กำนันเม้งพูดอย่างภาคภูมิใจ “ส่งมือมาเร็วๆหรืออยากจมน้ำตายหงส์ตายห่านอยู่ตรงนี้หรือไง” ผมยังมองมันแบบถือตัว “ถ้ายอมให้คนอย่างมึงช่วยกูล่ะก้อ กูยอมจมน้ำตายดีกว่า ดีกว่าปล่อยให้มึงไปคุยได้ว่าเคยช่วยชีวิตกูให้รอดตาย มาแล้ว”กำนันเม้งมองผมแล้วมันก็ส่ายหัว”กูจะผิดกูจะบาปไหมเนี๋ยถ้ากูไม่ช่วย มัน ฟังมันพูดสิ น่าปล่อยให้จมน้ำตายจริงๆ”
....แต่แล้วก็มีเสียงใสๆดังขึ้นแทรกเสียงไอ้กำนัน”เตี๋ย ลื้อจะปล่อยให้อีตายไม่ได้นะ เตี๋ยต้องช่วยอี เตี๋ยก็รู้ว่าอั๊วะรักอี ถ้าเตี๋ยไม่ช่วย อั๊วะจะช่วยเอง มาพี่ส่งมือมา ลี่มาช่วยแล้ว”เหมยลี่ชะโงกหน้าออกมาแล้วยื่นมือน้อยๆมาให้ผมจับ”ลื้อดึงมัน ขึ้นมาไม่ไหวหรอกตัวมันอย่างกับยักษ์ แต่ถ้าโจ๊ะพรึมๆกันนั่นแหละลื้อถึงจะ รับมันไหว”เหมยลี่หน้าแดงตวาดกำนันผู้เป็นพ่อ”เตี๋ย พูดอย่างงี้เดี๋ยวมี ตัดลูกตัดเตี๋ยกันบ้างล่ะ แหมคับขันขนาดนี้ยังพูดเป็นเล่นไปได้ รีบช่วย พี่เขาก่อนแล้วค่อยคุยกันทีหลัง”กำนันเม้งส่ายหัวเซ็งๆ”ว่าไง ไอ้ผู้ใหญ่ มึงจะให้กูช่วยไหม”ผมส่ายหน้าทำนองว่าไม่อาววว....”ดีล่ะ กูจะ ไม่ช่วยมึงก็ได้ ไอ้คมมึงมาดึงลูกพี่มึงขึ้นเรือของกูที ก่อนที่มันจะจม น้ำตายไปเสียก่อน” ผมประหลาดใจมากที่เจ้าคมมันดันมาอยู่ในเรือของไอ้กำนันเม้ง “ส่งมือมาพี่ ก่อนจะหมดแรงจมน้ำตายไปก่อน อย่าถือตัวตอนนี้เลยเอาชีวิตรอด ก่อนดีกว่า”เจ้าคมที่สารรูปไม่ต่างจากผมยื่นมือมาให้ผมจับ และมันกับเหม ยลี่ก็ช่วยกันดึงผมขึ้นเรืออย่างทุลักทุเล...
.... ฮึ่ม...อย่างน้อยมันก็คุยได้ไม่เต็มปากว่ามันเป็นคนช่วยชีวิตของผม แค่เจ้า คมอาศัยเรือมันมาช่วยผมเท่านั้น เหมยลี่ลูบจับตัวผมอย่างห่วงใย”เป็นไงบ้าง พี่ ดูสิเปรียกแย่เลย ท่าทางหนาวน่าดู ลี่กับเตี๋ยไปที่บ้านพี่ อาสร้อย กับโสบอกพี่ล่องเรือออกช่วยคนทั้งคืนไม่ได้นอนเลย พอเตี๋ยกับลี่มาถึงสองคน นั้นวานเตี๋ยกับลี่ให้มาช่วยหาพี่ด้วยเพราะเที่ยวนี้ออกมานานเหลือ เกิน กลางทางเจอพี่คมลอยมากับน้ำเลยช่วยขึ้นมา และพี่คมบอกเรือล่มและตาม มาช่วยพี่นี่แหละ เป็นไงบ้างเนี๋ย เจ็บตรงไหนบ้าง”เหมยลี่เล่าอธิบายการมา ให้ผมฟังและลูบคลำตัวผมอย่างห่วงใย “เฮ้อ...อาลี่ลื้อทำเกินหน้าที่แล้ว ปล่อยไอ้ผู้ใหญ่มันไว้อย่างนั้น แหละ มันไม่ตายง่ายๆหรอก หน้าที่ลื้อแค่ช่วยมันพอ หน้าที่ห่วงใยปล่อยให้ เมียกับแม่ยายของมันจัดการกันเอง อย่าทำเกินหน้าที่” ก็นึกว่าตัวเองไม่รอดแล้ว แต่ถ้ารอดก็ไม่ได้คาดหวังเลยว่าจะเป็นไอ้กำนัน เม้งมาช่วย เฮ้อ...เพลียไปหมด เหนื่อยก็เหนื่อย หิวก็หิว....ผมหมดแรงนอน หงายไป ทุกคนไม่ได้พูดอะไรปล่อยผมนอนแผ่กลางลำเรือตามสบาย...
.ระหว่างเรือแล่นมุ่งหน้าไปยังบ้านผม เหมยลี่ เอาผ้าเช็ดตัวมาคอยเช็ดตัวผม ไอ้กำนันเม้งยืนกอดอกอยู่ที่หัวเรือ เหลือบ มองผมอยู่เป็นระยะ”ดูซิ เปรียกไปหมดเลยพี่ ทำไมพี่ต้องทำอะไรเสี่ยงๆอย่างนี้ด้วย เกือบตายแล้วไหมล่ะ นี่ถ้าลี่กับเตี๋ยมาช่วยไม่ทัน คงไม่ได้เห็นหน้ากันแล้วล่ะ” ผมเอาผ้าเช็ดเนื้อตัวและมองหน้าสาวหมวยซึ้งๆ”พี่ไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก คน อย่างพี่นี่ เป็นคนดีพระต้องช่วยอยู่แล้ว...”กำนันเม้งแค่นหัวเราะพูดเย้ยๆ ผม”พระช่วย พระที่ไหนมาช่วยมึง กูแท้ๆที่มาช่วยมึง ไม่ใช่พระที่ไหนเลย” ผมผุดลุกมองหน้ามัน”มึงจะทวงบุณคุณหรอ ได้ ไอ้เม้ง มึงให้ลูกน้องมึงหันเรือกลับเอากูไปปล่อยไว้ที่เก่าเลย กู ไม่อยากให้มึงพูดลำเลิกกูอย่างนี้....”ไอ้เม้งกัดฟันกรอด “ได้ เฮ้ย...หันเรือกลับ ปากดีนัก เอามันไปปล่อยที่เดิมเลย” แต่ก่อนเหตุการณ์จะบานปลายเหมยลี่ก็ร้องห้าม”อะไรกันหนักหนาสองคนนี่ หน้าสิ่วหน้าขวานแท้ๆยังเถียงกันเป็นเด็กๆไปได้ พอๆกันแค่นี้เถอะ” เจ้าคมมากระซิบข้างหูเตือนสติผมอีก”เงียบไว้ดีกว่าพี่ เราอยู่บนเรือ มัน เราเสียเปรียบ ไว้ขึ้นบกก่อนค่อยแก้คืน”ผมพยักหน้าเห็นด้วย และนั่ง เฉยปล่อยให้เหมยลี่เช็ดเนื้อเช็ดตัว ดูบาดแผล ไอ้กำนันเม้งมองอย่างไม่พอ ใจแต่ไม่กล้าพูดอะไร เพราะกลัวลูกสาวจะสวนเจ็บๆแต่ไม่วายบ่น”แม่งมันแก่พอๆ กับพ่อ เรียกมันว่าพี่อยู่ได้ ไหนลื้อลองบอกเหตุผลอั๊วะมาหน่อยสิว่าไอ้ผู้ใหญ่นี่ มันมีดีตรงไหน “เหมยลี่มองไปแว๊บหนึ่งแล้วตอบว่า”เพราะอีเป็นพระเอกนะสิ” กำนันเม้งหันหลังกลับไปมองทางหัวเรือและคำรามรอดปากออกมาว่า”ไร้เหตุผลสิ้น ดี...”
....เรือยนต์ของกำนันเม้งแล่นมาจอดทางเข้าบ้านของผม ที่กลายเป็นท่าเรือไป แล้ว ผมโซดินลงจากเรือโดยมีเหมยลี่ประคองลงมา สร้อยวิ่งเข้ามาหาอย่างลืมตัว พลางจับแขนจับตัวผม”เป็นไงบ้างพี่ เกิดอะไรขึ้น ถึงต้องกลับมากับพี่เม้ง”เหมยลี่มองสร้อยขวางๆ”จะเป็นอะไรล่ะก็เกือบตายนะ สิ ดูแลพี่เขาอย่างไงปล่อยให้ไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอย่างนี้ ดีนะที่ลี่ กับเตี๋ยไปช่วยทัน ไม่งั้นได้เป็นศพกลับมาแล้ว” สร้อยหันมาตวาดสาวหมวยเสียงแว้ดๆ”กูก็ห้ามแล้ว อีหมวยตกมัน เขาอยากออกไปช่วยชาวบ้านเองนี่ กูก็เลยต้องปล่อยไป ถ้ารู้ว่ามันไปแล้วจะไปตายห่ากูไม่ให้ไปหรอก มึงช่วยเขามาก็พอแล้ว หมดหน้าที่แล้วส่งต่อให้กูจะดูแลพี่เขาเอง” สาวหมวยเอาตัวเข้าขวางสร้อยไว้ “เดี๋ยวลี่ดูแลเอง อาสร้อยไปดูแลคนอื่นเหอะ “สร้อยกระชากแขนดึงตัวผมมา”เอ้อ...อีหมวยนี่ ผัวมึงก็มาใช่ เมียเขาก็มี มึงจะมาแย่งหน้าที่เมียเขาทำไม”สาวหมวยไม่ยอมกระแขนดึงตัวผมกลับมา”ก็ลี่ ดูแลดีกว่านี่ ส่งผู้ใหญ่มา”เกิดการดึงตัวของผมไปมาระหว่างแม่ยายกับสาว หมวยจนผมเซไปเซมา หนักใจไม่รู้จะห้ามอย่างไง”เออ...พอๆหยุดทั้งคู่แหละ ขอ โสเมียตัวจริงดูแลเอง ไม่ต้องแย่งกัน เดี๋ยวโสดูแลพี่เขาเอง” โสภาเข้ามาตัดบทแล้วลากตัวผมออกมาจากการยื้อแย่งกันของสร้อยและเหม ยลี่ เมื่อเมียตัวจริงออกโรง แม่ยายและกิ๊กก็เลยต้องหลบไป....
....โสภา พาผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำแผลให้ในห้อง แต่ภายในบ้านและรอบบ้านของผมยาม นี้เต็มไปด้วยชาวบ้านที่หนีภัยน้ำท่วมมาอาศัยอยู่เต็มไปหมด จึงทำให้แทบไม่มีที่เดิน สภาพแต่ล่ะคนหมดอาลัยตายอยาก นั่งเศร้าซึม ร้องไห้ บ้าง


ก็ปลอบกันบ้างก็โวยวาย ถดท้อใจในโชคชะตา แต่เสียอะไรก็หาใหม่ได้ แต่ลมหายใจยังอยู่ก็อย่าเพิ่งท้อ ชีวิตนะมันต้อง สู้ ถ้าไม่สู้ชีวิตต่อไป แล้วเราจะเหลือคุณค่าอะไร...
...”พี่...ที่หลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะ พี่เป็นหลักของครอบครัวเรา ถ้าพี่ เป็นอะไรไป แล้วพวกเราจะทำอย่างไร”โสภาพูดขณะนั่งทำแผลให้ผม “ฮื่อ...พูดอะไรอย่างนั้น พี่เป็นคนของประชาชนนะ พี่เป็นคนที่เขาหวังให้ ช่วยยามยาก ถ้าพี่ไม่ช่วยแล้วใตรจะช่วยพวกเขา “โสภาถอนหายใจ “อุดมการณ์เหลือเกิน ตายไปก็ได้แค่ป้ายและคำเชิดชู พอนานๆไปเขาก็ลืม แต่ ครอบครัวของพี่ล่ะ จะเป็นอย่างไรถ้าขาดพี่ไป” ผมถอนหายใจและยิ้มน้อยๆ”ก็คิดอย่างนี้กันหมดนะสิ เห็นแก่ตัว สังคมเราจึงห่างไกลและไม่รู้จักการเสียสละ คนดีถึงน้อยลงทุกวัน” โสภากระแทกยาทาแผลใส่ผมจนผมสะดุ้ง”อูย...เจ้บ”ผมบ่นแต่ยังขำในท่าทีของเมีย สาว”ไม่รู้ล่ะ ใครจะเสียสละก็เสียไป แต่โสไม่ยอมเสียสละผัวหรอก”
....ผมออกมาข้างนอกเดินดูสภาพของชาวบ้านกว่า500คนที่เดินขวักไข่วกันไปมาลาย ตา ผมเจอไอ้กำนันเม้งยืนดูสภาพของชาวบ้านอยู่ มันหันมามองผมและละสายตาไป ดูชาวบ้าน “หนักกว่าที่คิดว่ะไอ้ผู้ใหญ่ น้ำท่วมคราวนี้มันหนักเหลือเกิน ข้าขอบใจแทนชาวบ้านทุกคนนะที่เอ็งออกไปช่วยชาวบ้านได้เยอะขนาดนี้ กูฟังวีรกรรมของมึงที่เอาเรือเศษเหล็กออกไปช่วยชาวบ้านแล้วกูทึ่งว่ะ”ไอ้ กำนันพูดชมผมแบบฝืนๆไม่เต็มปาก”ก็มันหน้าที่ของกูนี่ ถ้ากูไม่ช่วยตอนนี้ แล้วกูจะไปช่วยตอนไหนล่ะ”ผมตอบแบบยืดๆ”กูให้ลูกน้องขนยาและน้ำ อาหารกับของ จำเป็นมาแจกชาวบ้านแล้ว แต่ท่าจะไม่พอ ส่วนความช่วยเหลือจากทาง อำเภอ ปลัดกำลังประสานไป ไม่ช้าทางการคงออกประกาศให้หมู่บ้านนี้เป็น พื้นที่ประสบภัย ตอนบ่ายๆความช่วยเหลือขั้นแรกคงมา” ผมส่ายหน้า”อื่ม...มาช้าก็ยังดีกว่าไม่มา แต่น้ำท่วมคราวนี้มันมาจากพวกตัดไม้ทำลายป่า ท่อนซุงลอยประจานขนาด นี้ ต้องเป็นข่าวใหญ่ล่ะมึง คงมีการล้างบางกันบ้างล่ะ มึงก็ระวังตัวบ้าง ไอ้เม้ง” กำนันเม้งกัดฟันมองหน้าผม”ไอ้ผู้ใหญ่ปากหมา น้ำไม่น่าท่วมหมู่บ้านนะน่า ท่วมปากมึงมากกว่า กูไม่เคยรู้เรื่องเลย ที่นี่พื้นที่มึงแท้ๆ มึงปล่อย เขามาแอบตัดไม้จนจะหมดป่าไม่เคยออกไปดู จ้องจะรักษาป่าหอย ถึงเกิดเรื่อง นี่ไง มึงรู้ตัวเองบ้างไหม” กำนันด่าผมกลับ เออ..จริงของมัน รอน้ำลดก่อนเดี๋ยวกูจะออกไปไล่จับให้ หมด”ว่าแต่ไอ้ผู้ใหญ่ ชาวบ้านเยอะขนาดนี้มึงมีที่พักอาศัยให้เขากันไหม” ผมมองซ้ายขวาหาเจ้าคม ก็เห้นมันกำลังกอดปลอบขวัญอยู่กับเด็กบัว ไม่ห่าง จากผมเท่าไร “เฮ้ย...ไอ้คม มึงพาเด็กบัวไปล่อหลังพุ่มไม้เลยไป มานั่งกอดกันให้อุจาดอยู่ได้” ผมด่าประชดมัน เจ้าคมหัวเราะแหะๆ ละจากเด็กบัวเดินมาหาผม...
....”มีอะไรครับพี่..”เจ้าคมเดินมายืนใกล้ๆ “มึงไปเกณท์ชายฉกรรจ์ทั้งหมดให้ไปเอาเสาไม้ที่หลังเรือนเล็กและมาตั้งเสาทำ ศาลาใหญ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้และเอาตับแฝกมามุง แล้วให้ชาวบ้านอาศัยชั่ว คราว และขุดส้วมหลุมชั่วคราวให้เยอะที่สุด ชาวบ้านจะต้องอาศัยอยู่ที่นี่ ไม่รู้กี่วันกว่าน้ำจะลด เราต้องเตรียมการไว้เผื่อระยะยาว”เจ้าคมรับคำและ เดินไปจัดการตามที่ผมสั่ง “อื่ม...ดีมากผู้ใหญ่ แล้วกูจะรีบเอาความช่วยเหลือจากหลวงมาช่วยมึงโดน เร็วที่สุด แต่กูต้องไปดูที่วัดก่อน ชาวบ้านอีกส่วนก็รอความช่วยเหลือจาก กูอยู่ กูฝากทางนี้ด้วย”กำนันเม้งเดินไปขึ้นเรือ แหมเพิ่งมีครั้งแรกที่ผม กับมันคุยกันดีๆ อย่างว่าถึงเราจะเป็นศัตรูคู่แข่งกัน แต่ลึกๆในใจเราหา ได้คิดเข่นฆ่ากันไม่ เราแค่ชิงดีชิงเด่นกันเท่านั้น การมีอยู่ของกันและกันทำให้ชีวิตของเราต่างมีสีสันและเป้าหมาย หากเป็นไอ้เม้งมาตกน้ำใกล้ตายผมก็ต้องช่วยมันอย่างไม่ลังเล นี่คือน้ำใจ ของคู่แข่งเป็นการเคารพในกันและกัน ผมเองไม่อยากให้มันแพ้ใครนอกจากผม และ มันก็คงคิดแบบผมเช่นกัน และคงไม่เลิกคิดจนกว่าจะตายกันไปข้าง...
....”อาเหมยลี่กลับเหอะ อั๊วะต้องไปวัดไปดูชาวบ้านทางโน้นด้วย ทางนี้ไอ้ ผู้ใหญ่มันดูแลแล้ว” กำนันเม้งเรียกลูกสาวขึ้นเรือ”อั๊วะไม่ไป เตี๋ยไปเหอะ อั๊วะอยากอยู่ช่วยทางนี้”กำนันเม้งทำท่าโมโห”ลื้อจะมาดีๆ ไหม”สาวหมวยทำท่าฮึดฮัดและเดินตามกำนันเม้งขึ้นเรือไป ผมมองตามไปจนเรือยนต์ของกำนันเม้งลับตา อยากจะบอกว่า เออ..กูก็ขอบใจมึง ว่ะ เพื่อน บางครั้งศรัตรูตัวฉกาจอาจเป็นมหามิตรของเราก็ได้....
...เวลาผ่านไปจนบ่ายขบวนเรือช่วยเหลือของท่านผู้ว่าและนายอำเภอก็มาถึง เมื่อเรือเข้าจอดเทียบท่า ขบวนการช่วยเหลือก็เริ่ม ท่านผู้ว่าและนาย อำเภอ ได้นำถุงยังชืพแจกให้ชาวบ้าน ขบวนหมอและพยาบาลเข้าตรวจดูรักษาชาว บ้านที่บาดเจ็บ ท่านผู้ว่าได้ฟังเรื่องที่ผมแล่นเรือท้องแบนไปช่วยชาวบ้าน ถึงกับทึ่งและชื่นชม”แหม ผู้ใหญ่นี่ ยอดมากนะครับ ชาวบ้านเขายกย่อง ผู้ใหญ่มากเลย ผู้ใหญ่กล้าหาญและเสียสละอย่างนี้ ผมต้องขอโล่ประกาศ เกียรติคุณให้ คนดีเราต้องส่งเสริม ไม่งั้นคนดีจะสูญหายไปจากแผ่นดินของเราจนหมด” ผมยิ้มและบอกท่านผู้ว่าอย่าถ่อมตัว”มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ ไม่ ต้องมายกย่องอะไรหรอกครับ” ผู้ว่าตบไหล่ของผม”นี่แหละต้องยกให้เป็นผู้ใหญ่ตัวอย่าง แล้วท่านผู้ว่าก็ เรียกกลุ่มนักข่าวมาและประกาศเรื่องราวของผมให้นักข่าวรู้ เท่านั้นเองแสง แฟรชจากกล้องถ่ายรูปก็สว่างวูบวาบจนผมแสบตา นักข่าวเข้ารุมสัมภาษย์ถาม เรื่องราวของผมที่แล่นเรือฝ่าลม ฝน และพายุเมื่อคืนนี้ไปช่วยชาวบ้านและบอกจะเป็นข่าวสำคัญของพรุ้งนี้เลย...
....”ผมให้เจ้าหน้าที่ออกตรวจและร่วมกันประเมินความเสียหายแล้ว และจะทำ เรื่องขอความช่วยเหลือไปยังส่วนกลาง ขอให้ผูใหญ่วางใจได้ว่าทางจังหวัดจะไม่ทอดทิ้งผู้ใหญ่และชาวบ้านแน่ วันนี้ เป็นแค่ความช่วยเหลือเบื้องต้นเท่านั้น”ผมยกมือไหว้ขอบคุณท่านผู้ว่า”ผมและ ชาวบ้านขอขอบพระคุณท่านมาก และหวังว่าความช่วยเหลือจะมาโดยเร็ว” ท่านผู้ว่าและคณะอยู่สนทนากับผมและชาวบ้านพักใหญ่ๆก็ยกขบวนกลับไป แต่ เอ....ผมไม่เห็นไอ้ปลัดขิกเลย มันหายไปไหน ทั้งที่งานนี้มันน่าจะโผล่มา มากที่สุด อย่างว่ามันคงเป็นพวกไม่เอางานเอาการ คิดแต่เรื่องสบาย เรื่อง ลำบากๆอย่างนี้มันเลยไม่เสนอหน้ามา....
....ตกเย็นไอ้กำนันเม้งส่งคนมากางเต็นท์เพื่อให้ชาวบ้านใช้อาศัยหลับนอนใน คืนนี้ ผมเดินตรวจตราว่า ใครยังขาดเหลืออะไร ก็ช่วยเหลือแบ่งปันไปตาม อัตภาพ ได้เห็นสภาพของชาวบ้านที่เดือดร้อนก็ให้รู้สึกสังเวช ผมอยากให้ช่วงเวลา เลวร้ายนี้ผ่านพ้นไปไวๆ อยากให้น้ำลดเร็วๆ เพื่อเราจะได้กลับไปฟื้นฟูหมู่ บ้านเรา แต่คงต้องใช้เวลานานพอดู ใกล้ค่ำชาวบ้านต่างแยกย้ายจับจองที่นอน กัน เรายังต้องการความช่วยเหลืออีกมาก และหวังว่าคนไทยในเมืองจะมีน้ำใจ แบ่งปันมา...
.ผมมายืนมองน้ำป่าที่ใหลผ่านตรงทางเข้าหน้าบ้าน ช่างกว้างไกลราวทะเลสาป ขนาดใหญ่ เศษไม้ท่อนซุงและสิ่งปฎิกูลมากมายลอยตามลำน้ำมาไม่ขาดระยะ แต่ สิ่งที่น่าตกใจคือ ศาลเจ้าพ่อหัวโด่ก็ลอยตามน้ำมาด้วย”พี่...ผมว่าที่หมู่บ้านของเราเกิดเหตุ อย่างนี้เพราะพี่ไม่แก้บนเจ้าพ่อหัวโด่หรือเปล่า” เจ้าคมที่เดินมายืนข้างๆผมออกความเห็น “ไอ้วรนุชตกเข่งเอ้ย...มึงก็งมงายไม่ลืมหูลืมตา เจ้าพ่อมึงศักดิ์สิทธิ์ตรงไหน ขนาดศาลตัวเองยังไม่มีปัญญารักษาไว้ เลย มึงยังจะนับถืออีกหรอ”ผมด่าและให้สติมัน”อื่ม...นั่นดิ ศาลของท่านยัง ถูกน้ำพัดไปด้วยเลย “เราสองคนยืนมองศาลเจ้าพ่อถูกน้ำพัดจนหายลับตาไป แต่ ไม่นานคงมีคนตั้งศาลใหม่ให้แน่ เพราะคนนับถืออย่างงมงายโดยไม่คิดและแยกแยะ ยังมีอีกเยอะ
....อาทิตย์ใกล้ลาลับขอบฟ้า ผมยืนดูอาทิตย์ตกจนใกล้ลับแผ่นน้ำ โสภาเดินมา ยืนเคียงข้างผม”แล้วพวกดรงงานกับโรงสีและที่อื่นๆของเราเป็นอย่างไง บ้าง”ผมถามเมียรักในกิจการของเรา”จะไปเหลือหรือ ท่วมหนักขนาดนี้ แต่สบาย ใจได้ โสทำประกันไว้หมด”แหมฉลาดจริงๆเมียรัก ผมโอบบ่าเมียรักมองแผ่นน้ำ กว้างและสลับกับกลุ่มชาวบ้าน “วันนี้พี่ยังไม่ได้นอนเลย แต่ก็รู้สึกภูมิใจมากๆเลย ที่ทำประโยชนืมากมาย ”โสภาซบหัวมาที่ไหล่ของผม”โสก็ภูมิใจและโล่งใจที่พี่ปลอดภัย ขอร้องนะที หลังอย่าทำอย่างนี้อีกมันไม่คุ้ม”ผมก้มลงหอมไปบนหัวของเมียรักกลิ่มผมช่าง หอมชื่นใจ”คุ้มสิ พี่ช่วยคนตั้งเยอะแยะ ไม่คุ้มได้ไง” สร้อยเดินมายืนอีกข้างของผม “เฮ้อ...วันนี้เหนื่อยจัง พี่ไม่ไปพักบ้างหรือ”สร้อยบ่นแล้วถามผม”เดี๋ยวจะ ไปอาบน้ำนอนแล้ว เธอสองคนก็พักบ้างนะ เหนื่อยหนักช่วยชาวบ้านมาพอๆกัน ”ทั้งเมียและแม่ยายพยักหน้า...
....ผมกลับมาอาบน้ำในห้อง โสภาเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้เปลี่ยน ผมรู้สึกปวด เนื้อปวดตัวไปหมด คร้ายๆใช้แรงเกินตัวผสมตากฝนทั้งคืนเลยรู้สึกเหมือนจะ เป็นไข้ โสภาเอายาแก้ไข้มาให้ผมกิน แหมมันง่วงจังขอผมนอนก่อนนะ ผมหมดแรง แล้ว เล่นแบบโหดๆทั้งตอนเลย เหนื่อยแทบไม่ได้หายใจ ขอพักก่อนล่ะกัน .......อื่มปล่อยให้ผู้ใหญ่แกนอนพักผ่อนก่อนล่ะกัน แกเหนื่อยแบบข้ามวัน เลย แล้วพอผู้ใหญ่หายเหนื่อยแกคงมีอะไรมาเล่าให้เราฟังอีกเยอะ ตอนนี้อย่า ไปกวนแกเลย ให้แกหลับพักผ่อนไปตามสบายเถอะ แล้วเราจะมาติดตามตอนต่อไปกัน.....


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น