วันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เดชแม่ยาย ตอนที่ 38 ไม่เชื่ออย่าลบหลู่...




....ต่อจากตอนที่ 37 เลยนะ....


....การตายของซินแสบุ้นทำให้ความหวังของผมดับวูบ ผมกับเจ้าคมกลับมาบ้านมานั่งเซ็งกันที่


ศาลาหน้าบ้าน ผมรู้สึกหดหู่สิ้นหวัง ชีวิตของลูกผู้ชาย มันจะมีเหลือความหมายอะไรอีกเล่า


อยู่เหมือนตายทั้งเป็น จากนี้ไป โอ้...ไม่อยากคิด เวลาที่เหลืออยู่ มันอยู่เพื่ออะไร สร้อยที่


แสนรัก โสภาที่แสนห่วง และเหมยลี่ที่แสนอวบอึ๋ม ผมได้แค่นั่งมองพวกเธออย่างชื่นชมเสีย


แล้ว ไม่อาจทำให้พวกเธอมีความสุขได้เลย และที่น่าเสียดาย ผมยังไม่ได้ล่อสร้อยเลย มัน


ช่างน่าเสียดายจริงๆ นี่แหละคนเรา เวลามีโอกาศมักชะล่าใจ พอเสียโอกาศไปก็มานั่งเสียดาย


เฮ้อ.....กลุ้มใจโว้ย......


...."มาสุมหัวคิดอะไรชั่วๆกันอีกล่ะ...สองคนนี่..." ไม่ต้องบอกหรอกว่าใคร สร้อยเดินผ่านมาก็


ทักแรงๆเลย ผมเหลือบมองหุ่นอันอวบอั๋นของแม่ยายวัยใกล้กัน แล้วถอนหายใจแรงๆไม่พูด


อะไร ผมนั่งซึมใจลอยคิดอะไรไม่ออก "ไม่สบายหรือเปล่าพี่.." สร้อยขมวดคิ้ว แล้วเดินมา


จ้องหน้าเหมือนสำรวจดูอาการของผม ที่ดูแปลกๆกว่าทุกวัน "ถามอะไรก็ไม่ตอบ ไปล่ะ เอ..


เป็นอะไรไปเนี่ยะ..." สร้อยเดินหันหลัง ส่ายสะโพกขนาด 40" จากไป ถ้าเป็นเมื่อก่อนได้มี


อาการอะไรบ้างแต่วันนี้ แม่ง...โคตรแห้งแล้งเลยหัวใจ.....


....ผมนั่งเงียบอยู่อย่างนั้นจนเจ้าคมที่นั่งข้างๆคงจะอึดอัด มันลุกขึ้นมายืนแล้วตบบ่าผม "ใจ


เย็นน่าพี่ ทุกปัญหามีทางออก เราอย่ายอมแพ้ปัญหา ชีวิตพี่ไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆนี่


ครั้งนี้ก็เหมือนกัน พี่อย่ายอมแพ้ เราต้องมาช่วยกันแก้ปัญหา..." ผมเงยหน้ามองเจ้าคม


"ใช่...ทุกที มันเป็นปัญหาที่แก้ได้ แต่การฝืนสังขารน๊ะ มันไม่มีใครฝืนได้หรอก ชีวิตและ


สังขารย่อมร่วงโรยไปตามวัย ..." เจ้าคมถอนหายใจ "แล้วพี่จะเอาอย่างไงล่ะ ต่อจากนี้ไป"


เจ้าคมถามผม.."ไปวัดกัน...ไปหาหลวงตา กูจะถือศีลกินเจ ลด ล่ะ เลิก กูจะเข้าสู่ร่มเงา


ของศาสนา กูจะสละทุกสิ่ง ปล่อยวางทุกอย่าง " เจ้าคมตะลึง มันตาโต ทำท่าเหมือนสิ่ง


ที่มันได้ยินเมื่อสักครู่มันหูฝาด "พี่รู้ตัวรึป่าว...ว่าพี่พูดอะไรออกมา.." มันจับตัวผมเขย่าราว


จะปลุกผมให้ตื่นจากการนอน.."กูพูดจริง...ไปเหอะ ไปวัดกัน..." ผมเดินนำหน้าเจ้าคมไปที่


รถ "มึงขับ...ตรงไปที่วัดเลย.."ผมสั่งเจ้าคม จิตใจผมล่องลอย นึกถึงความสงบร่มรื่นของ


อาณาเขตวัด นึกถึงการปล่อยวาง การบำเพ็ญจิต โอ้...ความสงบที่แท้จริง...ผมกำลังจะก้าว


ไปหาแล้ว..."พี่แน่ใจนะ.."เจ้าคมถามย้ำ ก่อนที่มันจะสตาทส์รถ ผมมองมันด้วยแววตาและสี


หน้าที่นิ่งสงบ พลางผงกศรีษะ แล้วเจ้าคมก็พาผมมุ่งหน้าไปที่วัด........


....เจ้าคมขับรถพาผมมุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่ผมสั่ง ใจของผมยามนี้นิ่งไม่ยินดียินร้าย ไม่รู้


สึกถึงอารมณ์ใดๆ โอ้ช่างมีความสุขเสียจริง ยุบหนอ พองเนอ ลาก่อนชีวิตอันวุ่นวาย ลาก่อน


โลกและสังคมอันสับสน ลาก่อน...สิ่งลวงตาทุกอย่าง ลาก่อน สร้อย ลาก่อน โสภา และลาก่อน


เหมยลี่ ลาก่อนเหล่าผู้หญิงที่เคยร่วมรักมาทุกคน ขออโหสิกรรมให้ด้วย....


....เจ้าคมมองผมด้วยแววตาหวาดหวั่น"พี่จะบวชเลยรึป่าว..."มันหันมาถามผม และผมก็ส่ายหน้า


"กูจะนุ่งขาวห่มขาวก่อนแล้วเมื่อพร้อมกูจะบวชไม่สึก..."เจ้าคมเบรกรถกึก "โธ่...พี่...อย่าทำอย่าง


นั้น พี่ยังไม่ได้บอกลาใครเลย..." ผมถอนหายใจ "คมเอ๋ย...อย่าอาลัยในตัวกูเลย อย่ามาขวาง


ทางกูเลย ปล่อยกูไปเถอะ ไป...พากูไปวัด...แต่ เอะ..นั่น..." ผมต้องเปลี่ยนอารมณืทันที เมื่อ


มองเห็นรถที่แวงขึ้นไป "นั่นมันไอ้ปลัดนี่หว่า...มันพาเหมยลี่ไปไหน ไอ้เลวเอ๋ย..ไอ้คม เร็ว


รีบตามมันไป มันจะพาเหมยลี่ของกูไปไหน...กูบอกให้ตามไป เร็วๆ ขับตามไปเลย.." เจ้าคมทำ


หน้างงๆ "อ้าว..ไม่ไปวัดแล้วเรอะ..."ผมตบหัวของมัน"ไปเผาวรนุชมึงเรอะ ตามรถไอ้ปลัดไป


มันพาเหมยลี่ของกูไปไหน รีบตามไปดู ให้ไว้ด้วย.." เจ้าคมส่ายหัวแล้วเหยียบคันเร่งขับตาม


รถของปลัดไปตามคำสั่งของผม "แหม..ตะกี้ทำปลงตอนนี้ ทำเร่ง ตัด ล่ะ เลิกได้ ไม่จริงนี่ แค่


เหมยลี่มากับปลัดแค่นี้ก็ตบะแตกแล้ว..."


....รถของปลัดที่พาเหมยลี่มาด้วยมาจอดที่ร้านคาราโอเกะ ปลัดขิกพาเหมยลี่เดินเข้าไปข้างใน


อย่างสนิดสนม ผมและเจ้าคมย่องตามเข้าไป ทั้งสองเข้าไปในห้องวีไอพีแล้วหายเงียบไป


ผมมาเข้าห้องข้างๆแล้วคอยชำเหรืองมองและแนบหูฟังตลอด หยามกันเกินไปแล้ว ไอ้ปลัดขิก


บังอาดพาเหมยลี่ของกูมาทำบัดสีที่นี่ "พี่ ผมว่ามาทำลับๆล่อๆอย่างนี้ไม่ดีนะ เหมือนขโมยอย่าง


ไงไม่รู้ ผมว่าบุกเข้าไปเลยดีกว่า"ผมทำตาดุใส่มัน"มึงจะบ้าเรอะ กูมีสิทธ์อะไรไปห้ามลี่ กู


แค่กิ๊กของเขาเท่านั้น ไอ้ปลัดขิกนี่ มันหยามกูมากที่พากิ๊กกูมาทำซ้ำรอยในที่ ที่กูเคยพาลี่มาทำ


มันกะกูเห็นจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้" เจ้าคมส่ายหน้า "เอางี้ พี่ไม่เข้าไป ผมเข้าไปเอง..."เจ้าคม


เดินไปเปิดประตูหน้าตาเฉย เสียงเหมยลี่ทักว่ามาได้ไง เจ้าคมผลุดหายเข้าไป ผมเลยเดินตาม


มาที่ประตูและเปิดเข้าไปบัาง "อ้าวมาได้ไงครับผู้ใหญ่.." ไอ้ปลัดขิกร้องทัก ใบหน้ายิ้มแย้ม"เอ้อ.


พอดีเจ้าคมมันชวนมาร้องเพลง เลยมาเป็นเพื่อนมัน..."ผมตอบไปส่งๆ"ดีๆครับงั้นเรามาร้อง


ด้วยกัน" ปลัดขิกชวนผม ผมทำท่าจะปฏิเสธแต่เจ้าคมมากระซิบ"เอาน่าพี่ ดีกว่าปล่อยอยู่สองต่อ


สอง เดี๋ยวจะทำอะไรกันก็ไม่รู้.."ผมเห็นด้วยแต่...


...."ทำไม เขาจะทำอะไรกันมันเกี่ยวกับมึงสองตัวด้วยหรอ..." ผมหันไปตามเสียง "อ้าวไอ้เม้ง


มึงมาได้อย่างไง..." กำนันเม้งที่มายืนข้างหลังเมื่อไหร่ไม่รู้ทำเอาเราสองคนสะดุ้ง"ไม่ใช่ให้มึง


ถามกูว่ามายังไง แต่เป็นกูนี่ต้องถามมึง ว่ามึงสองคนมาได้อย่างไง"แหมโคตรเซ็งเลย ที่มาเจอ


ไอ้เม้งที่นี่ แต่เอก็ดีนะ มันก็ยังสบายใจได้ระดับหนึ่ง ที่ไอ้เม้งมันอยู่ อย่างน้อย ไอ้ปลัดขิกนี่


ก็ทำอะไรเหมยลี่ไม่ได้แน่ นอกจากไอ้กำนันเม้งจะรู้เห้นเป็นใจด้วย และดูท่ามันก็อยากได้ ไอ้


ปลัดขิกคนนี้เป้นลูกเขยจนตัวสั่นเหมือนกัน "มาคาราโอเกะกูคงอยากตีกอฟล์มั่ง ถามมาได้ไม่คิด"


ผมพูดตอกหน้ามัน "เฮอะ...กวนไม่สร่างเลยมึง วันนี้กูพาปลัดมาหาความสนุก กูไม่อยากมีเรื่อง


มึงไปไกลๆเหอะ " แหมมันไล่ดื้อๆเลย "กูไม่ไป มึงมีอะไรไหม" ผมลอยหน้าถามมัน "กูน่ะ


ไม่มีอะไรหรอก แต่ไอ้พวกข้างหลังมึงน่ะมันคงมีแน่.." มันพูดพลางพยักหน้าอย่างเป็นต่อ เจ้า


คมสะกิดผมให้หันหลังไปดู จึงได้เห็นสมุนไอ้กำนัน เกือบ 10 กว่าคนยืนทำหน้าตาดุอยู่ข้าง


หลัง ผมกลืนน้ำลาย "มึงนึกว่ากูกลัวเรอะ ไอ้มึงน่ะ มันเก่งได้เพราะพวกเยอะกว่าเท่านั้น มึงเป็น


กำนันมา สิบกว่าปีเคยยิงปืนสักนัดไหม เคยจับขโมยได้สักคนไหม"ไอ้กำนันทำสีหน้าเรียบเฉย


"นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่เรื่องสำคัญคืนนี้ ถ้ามึงยังไม่ออกไปจากห้องนี้ ลูกน้องกูกระทืบมึงแน่


มึงจะเก่งแค่ไหน มึงก็สู้พวกกูทั้งหมดไม่ได้หรอก"ผมทำท่าฮึดฮัด"แน่จริงก็เข้ามา.."ผมตั้งท่าเตรียม


มีเรื่อง แต่ปลัดและเหมยลี่เข้าห้ามไว้ และขอให้ผมกลับ "พี่กลับก่อนเถอะ ลี่รับรอง ไม่มีใคร


เข้ามาแทนที่ของพี่ในใจลี่ได้น่ะ อย่ามามีเรื่องกันเลย ลี่ขอร้อง"ผมกับเจ้าคมจึงถอยออกมา แล้วรีบ


เดินตัวปลิวมาที่รถ เกือบไป แหมไม่ทันดู จริงๆผมก็แกล้งทำเก่งไปอย่างงั้นเอง แหมไม่ใช่พระเอก


หนังน่ะ คนเดียวจะสู้ได้เป็นสิบ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น