วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

สามีที่รัก ตอนที่ 8 ชุดนอนเป็นเหตุ



        ผ่านมาไม่นาน  ดิฉันก็ต้องใจห่อเหี่ยวเมื่อพี่กรมาบอกว่าต้องเดินทางไปศึกษางานที่ต่างประเทศเป็นเวลา 1 เดือน  ชีวิตคู่ที่หวานชื่นของดิฉันต้องมีอันสะดุดเสียแล้ว  ก็อย่างที่บอกค่ะ เราแต่งงานกันมาสองปีก็ไม่เคยพรากจากกันเลย  ถึงแม้จะไม่ได้มีสัมพันธ์กันในช่วงก่อนหน้านี้ แต่ดิฉันก็อบอุ่นใจและมีความสุขใจเมื่อได้เห็นหน้าพี่กรอยู่ตลอด  พอได้ทราบข่าวอย่างนี้ดิฉันก็บอกไม่ถูกเลยว่าเศร้าเพียงใด  อีกทั้งยังแอบน้อยใจนิดๆ ที่พี่กรไม่ยอมพาดิฉันไปด้วย   ดิฉันถึงกับเงียบขรึมไม่ค่อยพูดจา   แต่พี่กรก็ไม่ได้สังเกตหรืออย่างไรไม่ทราบ  เขาก็ยังทำตัวเป็นปกติ  ยิ่งทำให้ดิฉันน้อยใจเขามากไปอีก   ฮึ...มีอย่างที่ไหน  จะเดินทางไปต่างประเทศไม่ยอมพาเมียไปด้วย  คอยดูเถอะ  จะไม่ยอมให้เข้าใกล้ตัวเลยทีเดียวถ้าหากยังไม่สำนึก
        จนถึงวันที่พี่กรเดินทาง  ดิฉันมาส่งเขาที่สนามบินด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว  อีกตั้ง 1 เดือนที่ไม่มีเขาอยู่มันรู้สึกอ้างว้างอย่างบอกไม่ถูก   นึกแล้วดิฉันก็อยากจะต่อว่าตัวเอง  นี่ดิฉันหลงเสน่ห์เขามากขนาดนี้เลยเหรอ  และไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่เป็นแบบนี้  แต่ก็ต้องยอมรับค่ะ ว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ
        “เสร็จงานพี่ก็จะรีบกลับ  อยากได้อะไรมั้ย เผื่อพี่หาซื้อมาให้ได้”   พี่กรเอ่ยถามก่อนจะเดินเข้าช่องเกทเพื่อรอเวลาขึ้นเครื่อง
        “ไม่เป็นไรค่ะ  ไม่ต้องก็ได้  เดินทางปลอดภัยนะคะ”  ดิฉันตอบเสียงแผ่วเบาเศร้าสร้อย
        “ฮื่อ  ไม่เอาน่า  อย่าทำหน้าแบบนี้สิ  พี่ใจไม่ดีนะ  พี่ไปแค่เดือนเดียวเอง น่านะ  ยิ้มให้พี่ชื่นใจหน่อยสิ  ช่วงพี่ไม่อยู่พี่ได้บอกคุณแม่ไว้แล้วล่ะ  ท่านบอกว่าอาจจะแวะมาอยู่เป็นเพื่อนอ้อยเป็นบางครั้ง   อ้อ...พี่ฝากไปดูงานที่โรงงานด้วยนะ  คงไม่มีงานเอกสารอะไรมากหรอก  แค่เช็คๆ ดูแล้วก็เก็บไว้ให้พี่ พี่กลับมาจะเคลียร์เอง  มีอะไรก็ถามเลขาฯ พี่ได้   คงใกล้เวลาแล้วล่ะ พี่ต้องเข้าไปแล้ว  พี่ไปก่อนนะ”   ว่าพลางพี่ก็รวบดึงดิฉันเข้ามากอดพร้อมพรมจูบหอมแก้มเสียหลายทีโดยไม่ได้เกรงผู้คนที่พากันเดินอยู่ขวักไขว่หลากหลายหน้า  แล้วก็ค่อยๆผละจากดิฉันเดินเข้าช่องผู้เดินทาง  ดิฉันได้แต่ยืนมองด้วยความอาลัยจนพี่กรค่อยๆ หายลับตาไป   ดิฉันเดินกลับออกมาจากที่เช็คอินเพื่อที่จะกลับมาที่จอดรถ  เดินมาเรื่อยๆ เอื่อยๆ ราวกับไม่ค่อยจะมีแรงเดิน  ผู้คนเดินกันขวักไขว่ แต่กลับรู้สึกเหมือนเดินอยู่คนเดียว
“น้องอ้อย   ช่ายน้องอ้อยหรือเปล่าค่ะ”  มีเสียงหวานใสทักมาจากที่ใดสักแห่ง  ดิฉันหันไปตามที่มาของเสียง  แล้วก็หันไปเจอร่างหนึ่งยืนห่างจากดิฉันไม่ถึงสิบเมตร  พี่แคท  เพื่อนพี่กรนั่นเอง
        “ค่ะ  พี่แคทหรือเปล่าค่ะ สวัสดีค่ะพี่  แล้วพี่มาทำอะไรที่นี่ค่ะ”
        “ช่ายจ๊ะ  พี่มาส่งแฟนไปฮ่องกงจ๊ะ”
        “อ้อยก็มาส่งพี่กรไปอเมริกาค่ะ”
        “อุ้ยตายจริง  ตากรก็ไปต่างประเทศเหรอเนี่ย   อ่อ  มิน่า  น้องอ้อยเดินคอตกเชียว  ฮิๆๆ  คิดถึงสามีขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย”    พี่แคทเอียงคอมองมาที่ดิฉันพลางเย้าแหย่
        “อ่ะ  เอ่อ  เปล่าหรอกค่ะ   คืออ้อยเพลียๆ อ่าค่ะ   ยังไม่ได้ทานอะไรเลย  กะว่าจะออกไปหาร้านอาหารสักที่ก่อนกลับบ้านค่ะ”
        “อื้ม  พี่ก็กำลังจะหาร้านทานข้าวเหมือนกัน   งั้นเราไปด้วยกันมั้ยจ๊ะ  พี่ก็อยากมีเพื่อนคุยด้วยเหมือนกัน  บังเอิญจังที่เราก็มาอยู่ในสถานะโสดชั่วคราวเหมือนกัน  ฮิๆๆ”  
        พี่แคทดูท่าทางอารมณ์ดีกว่าดิฉันเสียอีก  เหมือนกับว่าไม่ได้อาลัยกับการไปของแฟนตัวเองสักนิด  ซึ่งต่างกับดิฉัน  ในที่สุดดิฉันกับพี่แคทก็เดินออกจากสนามบินมาด้วยกัน  พี่แคทโทร.ไปบอกคนขับรถของเธอให้ขับกลับบ้านไปก่อน   โดยเธอขออาศัยติดรถดิฉันมุ่งหน้าเข้ากลางกรุง เพื่อหาร้านอาหาร เธอบอกว่าดิฉันน่าจะจักดีกว่าเธอที่เพิ่งมาอยู่เมืองไทยไม่นาน  ดิฉันเองก็คิดว่าดีเหมือนกันที่อย่างน้อยก็ไม่เหงา  จะได้มีเพื่อนคุยบ้าง  ถึงแม้ดิฉันกับพี่แคทจะยังไม่ได้สนิทสนมอะไรกันมาก  แต่อย่างน้อยพี่แคทก็ดูไม่มีพิษภัยอะไร  แถมเป็นเพื่อนสามีอีกด้วย   เราสองคนพูดคุยกันไปเรื่อยๆ  ในขณะที่ดิฉันขับรถเข้าใจกลางกรุงเทพฯ   พี่แคทคุยเก่งจนทำให้ดิฉันคลายเหงาไปได้บ้าง   เราสองคนทานอาหารเสร็จ  พี่แคทก็ชวนดิฉันเดินช้อปปิ้งเพื่อผ่อนคลายตามประสาหญิง  ดิฉันก็เห็นว่าดีกว่าที่ดิฉันจะกลับบ้านไปนั่งเหงาอยู่คนเดียวก็ตกลงพากันไปตระเวนจับจ่ายซื้อของและเดินดูสิ่งของไปเรื่อยๆ  จนเมื่อยขา  เราสองคนจึงพากันกลับบ้าน  โดยดิฉันขับรถไปส่งพี่แคทที่บ้านย่านสาทร  บ้านพี่แคทเป็นคอนโดมิเนี่ยมหรูหราไม่ใช่ย่อย   เราสองคนนั่งคุยกันไปดูหนังฟังเพลงตามประสา  ทำให้ดิฉันกับพี่แคทเริ่มสนิทสนมเป็นกันเองมากขึ้น  พี่แคทเป็นคนอารมณ์ดีคุยสนุกพลอยทำให้ดิฉันคลายเหงาไปได้มากเลย

        หลายวันเข้า  ดิฉันกับพี่แคทก็มักจะนัดเจอกันในตอนบ่ายหรือเย็นหลังเลิกงานอยู่แทบทุกวัน  ดิฉันอยู่ตัวคนเดียวได้มีเพื่อนแบบนี้มานานแล้วตั้งแต่แต่งงานมาก็เลยสนิทกับพี่แคทง่ายเข้าไปใหญ่  จนเราสามารถพูดคุยเปิดอกกันได้ทุกเรื่องตามประสาหญิง  ได้อาทิตย์กว่าๆ  พี่แคทก็นัดไปที่บ้านและชวนกันทำอาหารกันทานในตอนเย็น  หลังจากทานอาหารเสร็จพี่แคทก็ชวนดื่มเบียร์ ซึ่งแต่ไหนแต่ไรดิฉันแทบไม่เคยแตะเลยค่ะ  เคยไปดื่มกับเพื่อนๆ มาบ้างแต่ก็ได้แค่จิบไม่เคยหมดขวดหมดกระป๋องสักครั้ง  แค่นั้นก็ทำให้ดิฉันมึนหัวได้แล้ว  แต่เมื่อขัดใจพี่แคทไม่ได้  ก็เลยต้องดื่มเป็นเพื่อนพี่แคทเขา  ยอมรับว่าพี่แคทดื่มเก่งมากๆ   หมดไป 3-4 กระป๋องแต่พี่เขายังไม่เมาเลย  ดิฉันได้แต่จิบไปเรื่อยๆ ยังไม่หมดกระป๋อง  แต่นั่นก็ทำให้ดิฉันเริ่มตึงๆ  หัวหนักๆ นั่งก็แทบจะทรงตัวไม่ค่อยได้  แต่ว่าสติสัมปะชัญญะยังอยู่ครบถ้วน
        “อื้ม  น้องอ้อย  เมื่อวันก่อนที่เราไปซื้อเสื้อ  และชุดนอน  พี่เห็นอ้อยซื้อชุดอะไรก็ไม่รู้ เชยจะตาย  พี่อยากให้อ้อยลองชุดของพี่  เอามั้ย  ถ้าอ้อยชอบพี่ยกให้เลยก็ได้  เพราะพี่มีหลายชุด  ป่ะ  ไปเลือกที่ห้องพี่”

        ว่าแล้วพี่แคทก็คว้ามือดิฉันพาเข้าไปที่ห้องของเธอทั้งๆ ที่ดิฉันก็เริ่มออกอาการเซๆ นิดหน่อย  แล้วเธอก็เปิดตู้เสื้อผ้าแล้วก็เลือกชุดออกมา ซึ่งอยู่ในนั้นนับหลายสิบชุดจนนับไม่หมด   แต่ที่ทำให้ดิฉันชักไม่มั่นใจก็คือชุดที่เธอว่านั้น  ส่วนมากเป็นชุดนอนที่เนื้อละเอียดบางหวิวจนแทบจะมองทะลุเห็นสัดส่วนหมด   พี่แคทค่อยๆ เลือกมาทีละชุดแล้วก็มาทาบที่ตัวดิฉันเพื่อลองดู
        “เอ่อ  พี่ค่ะ  มันจะบางไปหรือเปล่าค่ะ  อ้อยคงไม่กล้าหรอกค่ะ  อ้อยว่าที่อ้อยมีอยู่ก็ดีแล้วล่ะคะ”
        “ฮื่อ  อะไรจ๊ะ  น้องอ้อย  ใส่ไปได้ยังไง  ชุดเชยๆ  มันต้องมีเซ็กซี่บ้างสิ  แหม  หุ่นน้องอ้อยสวยขนาดนี้ จะไปปิดอะไรมากมาย  มีของสวยก็อวดบ้างก็ได้  แค่ใส่อยู่กับสามี  ให้เขาได้หลงใหล  ไม่ดีเหรอ”
        “เอ่อ   อ้อยไม่เคยใส่เลยนะคะ”
        “อะไรกัน   เธอนี่ยังหัวโบราณอยู่เลยเหรอเนี่ย  ผู้หญิงอย่างเราก็ต้องมีวิธีมัดใจสามีกันบ้างแหละ  พี่ใส่แบบนี้  แฟนพี่เขาชอบจะตาย”  

        พูดไม่พูดเปล่า  พี่แคทปลดเปลื้องอาภรณ์ของเธอออกอย่างไม่สะทกสะท้านต่อดิฉัน แม้กระทั่งชุดชั้นในเธอก็ถอดต่อหน้าต่อตาดิฉันเลย กลับกลายเป็นดิฉันที่อายแทน หุ่นพี่แคทค่อนข้างอวบ ผิวขาวอมชมพูเนียนไปทั้งตัว ซึ่งต่างจากฝรั่งตะวันตกที่ผิวขาวเผือกแต่ไม่เนียน  ตามที่ดิฉันเคยเห็นมา  สะโพกเธอกลมผายอวบใหญ่รับกับเอวคอดกลม  ไม่ได้น่าเกลียด  ทุกอย่างดูสมส่วนสวยงาม เพราะเธอเป็นคนขายาวเรียว อกใหญ่ไหล่กว้างกว่าดิฉัน  โครงร่างสูงกว่าหญิงไทยอย่างดิฉันอยู่พอควร แล้วพี่แคทก็เลือกมาชุดหนึ่งที่บางหวิว  มันมองเห็นแทบจะไม่ปกปิดอะไรเลยด้วยซ้ำมาสวมใส่  เดินไปหมุนตัวอยู่ต่อหน้ากระจกบานใหญ่ยิ้มอย่างภูมิใจ
        “ไหน  น้องอ้อยลองใส่สักชุดซิ   เดี๋ยวพี่จะลองเลือกให้”
        “อ่ะ  เอ่อ  ไม่เป็นไรหรอกค่ะ  อ้อยว่าไม่เอาดีกว่า”  ดิฉันก็ยังใจไม่กล้าพออยู่ดี
        “เอาน่า  เชื่อพี่เถอะ  รับรองได้เลย  นายกรได้หลงหัวปักหัวปำแน่ๆ   นี่น้องอ้อย ตอนยังไม่แต่งงาน ไม่เคยมีแมวมองมาทาบทามเป็นนางแบบบ้างเหรอเนี่ย   ดูสิ  หุ่นเพรียวได้ส่วน  หน้าสวยหวานแบบนี้  พี่ว่าเป็นดารานางแบบได้สบายเลยนะ”    พี่แคทถามไปพลางพิศหน้าสำรวจดิฉันไปทั่วตัว พร้อมจับดิฉันหมุนไปรอบๆ
        “เอ่อ...  ก็เคยมีคะ  แต่อ้อยไม่ชอบค่ะ”
        “ต๊ายย  มีแบบนี้ด้วย   ส่วนมากใครๆ เขาก็อยากเด่นอยากดัง  เธอนี่แปลกคนแฮะ”
        “อ้อยไม่กล้าพอหรอกค่ะ  และไม่คิดว่าตัวเองจะสวยดีพอได้ขนาดนั้น”
        “โห...อย่างเธอไม่สวย  แล้วแบบไหนละจ๊ะถึงจะสวย   อืมมม....  พี่ก็ไม่แปลกใจหรอกที่ตากรเขาจะหลงเธอได้ขนาดนี้  ถึงขนาดรีบกลับมาแต่งงานหลังรับปริญญาที่อเมริกา”
        “ขนาดนั้นเลยเหรอค่ะ   อ้อยไม่อยากจะเชื่อ”
        “จริงๆ   พี่ยังขำเขาเลยตอนนั้นว่าเขาเป็นเอามาก  แต่พอได้เจอน้องอ้อยแล้วก็หายสงสัย  สวยหวานแบบนี้  ผู้ชายคนไหนก็คงหลงล่ะ”
        “แหม  พี่แคทก็เล่นชมกันเกินไป”   ดิฉันชักอายหนักขึ้น  เพราะพี่แคทไม่ชมเปล่า  แต่มองสำรวจดิฉันไปทั่วตัวแถมสายตายิ้มแปลกๆ  จนดิฉันเริ่มหวาดหวั่น  เหมือนกับว่าไม่ใช่แค่ผู้หญิงกันเองชื่นชมกัน  แต่ว่ามันอธิบายไม่ถูก
        “แล้วไม่เคยมีหนุ่มมาจีบเธอบ้างเหรอ  ก่อนหน้าตากรน่ะ”
        “ก็มีมาบ้างค่ะ  แต่พี่ชายอ้อยเขากันท่าหวงน้องสาวไปหมด  เลยไม่มีใครกล้า”
        “อืมม....แล้วตากรฝ่าด่านพี่ชายเธอได้ยังไงนะเนี่ย  บอกพี่ได้มั้ย”
        “เอ่อ...  อ้อยก็ไม่ทราบค่ะ   ไม่รู้พี่กรเขาไปคุยกับพ่อและพี่ชายอ้อยแบบไหน  เพราะอ้อยก็เจอหน้าพี่กรไม่กี่ครั้งก่อนแต่งงาน”
        “อืม...ร้ายจริงๆ นะ  ตากรนี่   เอาล่ะ  ไหนลองชุดนี้ดูซิ”   ว่าแล้วพี่แคทก็เลือกชุดนอนสีชมพูบางๆ มาให้ชุดหนึ่ง
        “เอ่อ... ให้อ้อยใส่ตอนนี้เลยเหรอค่ะ”  ดิฉันยังงงๆ  และยังเอียงอายพี่เขาอยู่
        “ก็ช่ายนะสิ   นี่..อ้อยจ๋า....  จะมาอายอะไร  ผู้หญิงด้วยกัน   มาๆ  พี่ช่วยถอดให้”

        ดิฉันอิดออดอยู่ไม่นานก็ขัดใจพี่แคทไม่ได้  จึงยอมถอดเสื้อและกระโปรงออก คงเหลือแต่บราเซียและแพนตี้ แล้วก็สวมชุดที่พี่แคทเลือกให้  แล้วเราสองคนก็ไปยืนสำรวจมองตัวเองที่กระจก  ดิฉันรู้สึกหน้าร้อนผะผ่าวเลยทีเดียว  ชุดนอนที่เลือกมาใส่เป็นแบบแซกเนื้อเดียวกับกระโปรงบางหวิว มันยาวเลยเข่าไปนิดหน่อย  แขนยาวก็จริง  แต่มันบางแนบเนื้อจนอวดทรวดทรงของดิฉันต่อหน้าพี่แคทที่ยืนข้างดิฉัน  พี่แคทมองที่กระจกไปพลาง  มือของเธอก็ลูบไล้ไปตามตัวดิฉัน ทำให้รู้สึกหวิวๆ แปลกๆ  ถึงจะเป็นผู้หญิงด้วยกันก็เถอะ  ก็ไม่เคยมีใครมาทำแบบนี้กับดิฉันเลยสักครั้งตั้งแต่เกิดมา  จนดิฉันไม่แน่ใจว่าพี่แคทคิดจะทำอะไร
        “เห็นมั้ย  หุ่นอ้อยสวยจะตาย  พี่เป็นผู้หญิงด้วยกันยังคิดว่าอ้อยสวยหวาน  เซ็กซี่จะตาย  ยิ่งอยู่ในชุดนี้นะ  บอกตรงๆ ว่าน่าฟัดที่สุดเลยล่ะ”  

        ไม่พูดเปล่า  พี่แคทเล่นหนักกว่าเดิมอีก  คราวนี้เธอยืนอยู่ด้านหลังดิฉัน  โอบแขนสองข้างมาลูบคลำตั้งแต่หน้าท้องไล่ขึ้นมาตรงหน้าอกของที่ดิฉัน  เท่านั้นไม่พอ  เธอยังค่อยๆ กุมเต้ากลมของดิฉันแล้วบีบคลึงเบาๆ  ดิฉันต้องบิดตัวหนี  แต่ก็ไม่พ้นเสียแล้ว  เพราะพี่แคทกอดเต็มลำแขนของเธอ  ใบหน้าของเธอก็มาซุกที่ซอกคอ  คางเกยไหล่ดิฉันอยู่   พี่แคทตัวสูงใหญ่กว่าดิฉันอยู่พอควรแทบจะเท่ากับพี่กรผิดแต่ว่าพี่กรตัวหนากำยำกว่ายิ่งทำให้ดิฉันหนีไม่พ้น   ดิฉันไม่แน่ใจแล้วว่าพี่แคทเธอจะแค่ชื่นชมกับหุ่นทรวดทรงดิฉัน  เธอเริ่มใช้ริมฝีปากจูบไซ้ที่ซอกคอดิฉันจนแทบจะทำให้ดิฉันเข่าอ่อน ตอนนั้นขนลุกเกรียวไปหมด แล้วพี่แคทก็จับดิฉันหันมาประจันหน้ากับเธอพร้อมด้วยรอยยิ้มหวาน  แต่ดิฉันกลับรู้สึกหวาดหวั่น  ตระหนกตกใจไปหมด  ไม่คิดมาก่อนว่าพี่แคทจะทำแบบนี้
        “อ้อย   รู้ตัวหรือเปล่าว่าพี่อยากจะฟัดเธอจริงๆ นะ  น้องอ้อยสวยจริงๆ”
        “เอ่อ  พี่แคท   มันหมายความว่าไงค่ะเนี่ย  อ้อยงงไปหมดแล้ว   อุ้บ.....อื้มมม.....”  

        ดิฉันยังตะลึงไม่หาย  ที่จู่ๆ  พี่แคทก็มีท่าทีเหมือนกับอยากปล้ำฟัดดิฉัน  โดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวอะไรเลย  พี่แคทก็รวบโน้มคอดิฉันไว้แล้ว ก็ประกบปากจูบดิฉันทันที  ดิฉันสะบัดหน้าหนีอย่างไรก็ไม่พ้น  พี่แคทก็บดริมฝีปากของเธอเข้ากับริมฝีปากของดิฉัน   ร่างเราสองคนบดเบียดกันอยู่ด้วยแรงกอดของพี่แคท  หน้าอกเราสองคนบดเบียดแนบแน่น  ถึงแม้จะมีแค่ชุดนอนที่เราสองคนสวมใส่กั้นอยู่แต่มันก็บางเหลือเกิน  จนเหมือนว่าผิวเนื้อแนบกันเลยถ้าหากว่าดิฉันไม่เหลือบราหุ้มห่อเต้ากลมเอาไว้   ลมหายใจดิฉันเริ่มติดขัด  หายใจแรงมากขึ้น  ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมาเจอแบบนี้   ดิฉันยังคิดไม่ออกว่าเรี่ยวแรงของดิฉันมันหายไปไหนหมด  ไม่อาจต้านทานการรุกเร้าของพี่แคทได้เลย  หรือจะเป็นเพราะฤทธิ์เบียร์ที่ดื่มมาก็ไม่รู้  เพราะก่อนหน้านี้ดิฉันก็รู้สึกมึนๆ หัวนิดหน่อยอยู่แล้ว  ยิ่งมาเจอเข้าแบบนี้ ร่างกายดิฉันมันเริ่มสยิวอย่างบอกไม่ถูก   อย่างที่เคยบอกมาก่อนแหละค่ะว่าดิฉันแพ้รสจูบ ที่เคยได้รับจากพี่กร  ไม่มีครั้งไหนที่ดิฉันจะมีเรี่ยวแรงต้านทาน   พี่แคทก็รุกจูบหนักหน่วงขึ้นจนดิฉันแทบขาดใจ  เท่านั้นไม่พอ  มือข้างหนึ่งของเธอก็บดคลึงหน้าอกดิฉัน  แล้วลูบเลื่อนลงไปที่ท้องน้อย  แล้วเธอก็ถอนริมฝีปากออก  มองดิฉันด้วยสายตาที่อธิบายไม่ถูก   ดิฉันได้แต่ตระหนก  ตั้งตัวไม่ติด  รู้แต่ว่าขาดิฉันมันอ่อนแรงจนแทบยืนไม่อยู่
        “พะ..พะ..   พี่แคท  ทำอะไรค่ะ เนี่ย”  ดิฉันจะผละออก  แต่ขาอ่อนไปหมด  พี่แคทจึงโอบประคองดิฉันไว้แล้วรั้งตัวดิฉันไปทิ้งลงที่เตียงนอนที่อยู่ไม่ห่างนัก   และก็โถมร่างของเธอทาบทับร่างดิฉันไว้
        “พี่จะทำให้เรามีความสุขไงจ๊ะ   เธอไม่เหงาบ้างเหรอ  ตากรไม่อยู่ตั้งเดือนหนึ่ง   พี่อยากจะช่วยให้เธอหายเหงา  เพราะพี่ก็เหงาเหมือนกัน”
        “ตะ...แต่   อุ้บบ”  
        ยังไม่ทันได้พูดอะไร  พี่แคทก็ประทับจูบเข้ามาอีกระลอก  ดิฉันถูกทาบทับอยู่  แถมยังไร้เรี่ยวแรงแต่แรกแล้ว  จึงไม่อาจหลบหนีพ้น  พี่แคทรุกหนักกว่าเดิมเลยคราวนี้  ตะโบมจูบจนดิฉันคิดว่าเธอจะดูดกลืนลิ้นดิฉันให้หลุดจากปากเสียให้ได้  มือของเธอก็ลูบไล้ไปตามหน้าอกดิฉันป่ายปะไปเรื่อยตามหน้าท้องและต่ำลงไปที่ชายชุดนอนที่บางเบานั้น   ดิฉันเกร็งสะท้านไปหมดเมื่อเธอถลกชายชุดนอนขึ้นมาตะปบไว้ที่กลางหว่างขาดิฉัน  เจอเข้าแบบนี้ดิฉันพล่านเลย  ทั้งกลัว ตกใจ  แต่ก็เสียวสยิวไปด้วยอย่างบอกไม่ถูก
        “ย่ะ....   อย่าคะ พี่แคท  อย่าทำแบบนี้  อึ้ยย....ซี้ดดดด”  ดิฉันร้องห้าม พร้อมกับบิดตัวไปมากับการรุกเร้าของเธอ  เมื่อดิฉันหลุดพ้นจากการจูบที่เร่าร้อนของเธอ
        “ทำไมล่ะ  น้องอ้อยไม่ชอบเหรอจ๊ะ  พี่รู้นะว่าอ้อยมีความต้องการเรื่องแบบนั้นเพราะคิดถึงนายกรเขา  ดูสิ  แค่พูดถึงเขาเธอก็น้ำเยิ้มแล้วเนี่ย”   พูดถึงพี่กรขึ้นมา ทำให้ดิฉันต้องคิดจินตนาการถึงเขาอย่างช่วยไม่ได้  ทั้งการกอดจูบที่ดิฉันต้องบอกว่าหลงไหลเคลิบเคลิ้มทุกครั้ง
        “ตะ..แต่  เราทำแบบนี้มันไม่ถูกนะคะ พี่แคท  อูยยย  ซี้ดดดด”  ปากดิฉันปฏิเสธ  แต่ทำไมร่างกายดิฉันกลับแอ่นรับกับนิ้วพี่แคทที่ค่อยกรีดแซะตามร่อง อยู่นอกกางเกงชั้นในก็ไม่รู้  บอกได้อย่างเดียวว่ามันเสียวสยิวไปหมดเลย
        “ไม่ถูกต้องยังไงเหรอ  เธอไม่ได้นอกใจสามีซะหน่อย  เราแค่หาความสุขด้วยกันเท่านั้นเอง  อืมมม...น้องอ้อยช่างหอมหวานสมชื่อจริงๆ อาว์......”   พี่แคทไม่ยอมลดละ  ยังคงพรมจูบซอกคอและไล่เรื่อยลงไปที่เต้ากลมของดิฉัน  ซุกใบหน้าเคล้าคลึงจนดิฉันต้องแอ่นกายไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน  ถึงแม้จะรู้สึกมึนๆ หัวอยู่บ้าง  แต่ความรู้สึกต่อสัมผัสนั้นยังรับได้อย่างเต็มเปี่ยม
        “อูยย...พี่คะ  อ้อยสยิวไปหมดแล้ว  พอเถอะคะ  อย่าทำอีกเลย”
        “พี่รู้ว่าเธอยังต้องการมันอยู่  เพียงแต่เธอไม่กล้าเท่านั้นเอง  อย่าคิดมากซิจ๊ะ  ทำใจสบายๆ  เดี๋ยวก็รู้สึกดีขึ้นเองแหละจ๊ะ  ดูซิ  ปากบอกว่าอย่า  แต่ตรงนี้เธอแฉะหมดแล้วนะ  ฮึฮึฮึ”   พี่แคทพูดโน้มน้าว  พร้อมกับล้วงฝ่ามือผ่านกางเกงชั้นในของดิฉันเข้าไป  แล้วก็ฉกนิ้วเข้ากรีดเข้าร่องหลืบของดิฉัน  ตอนนี้มันแอ่นโต้สู้มือพี่แคทจนก้นไม่ติดที่นอน ต้องเผลอครางออกมาอย่างสุดทนไหว
        “อึ้ยย....ซี้ดดดด พี่แคท  อ้อย  มะ...มะ..ไม่รู้  มันเสียวไปหมดแล้วค่ะ  อู้ยยยย...”
และแล้วพี่แคทก็รูดแพนตี้ของดิฉันลงไปที่หน้าขา  ดิฉันได้แต่ดิ้นบิดกาย ในใจก็ยังคิดปฏิเสธต่อต้าน  แต่ทางร่างกายดิฉันมันกลับต้านทานไม่ไหว   พี่แคทขยับขึ้นนั่งคร่อมตัวดิฉันไว้แล้วก็รูดชุดนอนของเธอออก คงเหลือแต่ชั้นในตัวจิ๋วของเธอ  อวดหุ่นขาวอมชมพู อวบอั๋น  หน้าอกกลมใหญ่ ซึ่งถ้าเทียบกันแล้ว ขนาดของพี่แคทใหญ่กว่าของดิฉัน  ด้วยรูปร่างอวบอัด เต้ากลมโต  ใบหน้าที่อวบอิ่มที่มองมาที่ดิฉันส่งยิ้มหวานละไม แล้วเธอก็ค่อยๆ โน้มหน้าเข้ามาหาดิฉัน  แต่ดิฉันเบี่ยงหลบด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น
        “ไม่ต้องกลัวหรอกนะ  น้องอ้อยจ๋า....  แล้วเธอจะรู้สึกดีเอง”

        ว่าแล้วเธอก็จับหน้าดิฉันหันเข้าหาแล้วก็ค่อยๆ กดริมฝีปากเข้าประกบจูบ  คราวนี้เธอไม่รุกรานรุนแรงเหมือนตอนแรก  แต่ค่อยจุมพิตแผ่วเบาละเลียดไปเรื่อย  แล้วค่อยๆ สอดลิ้นเข้าควานในปากดิฉัน  ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนถูกสามีจูบ  แต่ต่างกันตรงที่ความนิ่มนวลของริมฝีปาก  จินตนาการของดิฉันกระเจิงไปถึงหน้าพี่กรผู้ที่มอบจูบแรกให้กับดิฉันอย่างช่วยไม่ได้  ถ้าหากเขายังอยู่  รสจูบที่แสนหวานดิฉันคงได้รับอย่างเต็มอิ่ม   พี่แคทละเลียดลิ้นเข้าไปพลางครางในลำคออย่างถูกใจ   ดิฉันไม่เคยโดนสัมผัสจากผู้หญิงด้วยกันแบบนี้มาก่อน  ทั้งที่ใจต่อต้านว่าไม่เหมาะไม่ควร แต่อีกใจกลับเริ่มเรียกร้องปรารถนาขึ้นมา   มือพี่แคทค่อยๆ สอดคลำหาตะขอบราและปลดมันออก  จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นนั่งแล้วรูดชุดนอนของดิฉันถอดออกไปทางศีรษะและก็ดึงบราเซียทิ้งไปข้างตัวดิฉัน  ตอนนี้เราสองคนต่างก็เปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่  ดิฉันนอนหงาย หายใจหอบถี่  ทั้งหวาดหวั่นทั้งเสียวสยิวไปพร้อมกัน
        “รูปร่างเธอนี่มันน่ากอดฟัดจริงๆ เลยน้องอ้อย  รู้ตัวหรือเปล่า  หืมม”     พี่แคทกล่าวชมแล้วก็ลูบไล้เล้าโลมไปตามหน้าอกดิฉันทั้งสองข้าง แล้วก็ค่อยๆ บดคลึงที่ปลายหัวนมเล่น  เล่นเอาดิฉันได้แต่หลับตาปี๋กัดฟันกรอดๆ กลั้นเสียงครางตัวเอง
ดิฉันไม่ทันได้มอง  ก็ต้องแอ่นอกสะดุ้งเฮือก  เมื่อลืมตามาดูก็เห็นพี่แคทซุกใบหน้าลงจูบที่หน้าอกดิฉันสลับดูดเลียราวกับว่ามันเอร็ดอร่อยเสียหนักหนา
        “อู้ยยย  พี่ขา....  อ้อยเสียวไปหมดแล้ว  อูยยย...”
        “อืมม...เดี๋ยวพี่จะทำให้เสียวยิ่งกว่านี้”
แล้วเธอก็ทำให้ดิฉันใจเตลิดอย่างที่เธอบอก  มือข้างหนึ่งเธอล้วงรุกล้ำเข้าไปในสิ่งสงวนของดิฉัน นิ้วหนึ่งก็กรีดตามซอกอยู่สองสามครั้งก่อนจะสอดมันเข้าไป แล้วก็เริ่มชักเข้าออกจนดิฉันแอ่นกายสะท้านอย่างสุดกระสัน  นอนหงายหลับตาปี๋  ครางออกมาอย่างสุดทน   ท่อนบนก็โดนจูบเลีย  ละเลงไปทั่วอกสองเต้า  จนรู้สึกว่าปลายปทุมถันของดิฉันมันเสียวแข็งเป็นไต  ด้านล่างก็โดนรุกล้ำเข้าแบบนี้  ดิฉันนอนบิดกายตั้งรับไม่เป็นกระบวนเลย
        “พี่แคท  อ้อย  สะ  เสียวววว  อูยยยย  ไม่ไหวแล้ว”
        “ไม่ไหวก็ไม่ต้องกลั้นสิจ๊ะ  ปล่อยอารมณ์ตามสบาย ที่รัก”  เสียงพี่แคทเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระเส่าเช่นกัน  แล้วเธอก็เร่งรัวนิ้วเข้าออกเร็วขึ้นๆ  บ้างก็มีสลับหมุนควงนิ้วจนดิฉันต้องหนีบขาเข้าหากัน
        “พี่กร   โอ้ยยยย พี่กรจ๋า   ช่วยอ้อยด้วย  อ้อยไม่ไหวแล้ว   อู้ยยยย  อ๊ายยยยย.................”

        ได้ไม่นานดิฉันก็หมดความอดกลั้น ต้องกรีดร้องออกมา  ร่างกระตุกเกร็งไปหมด  ก่อนจะค่อยๆ ผ่อนคลาย  นอนหายใจหอบรวยริน
        “แหม...  น้องอ้อย  ปากบอกปฏิเสธ  แต่นอนครางละเมอถึงตากรเชียวนะ  น้องอ้อยเสร็จไวจริงๆ  เหมือนไม่เคยโดนแบบนี้”

        ดิฉันได้แต่นอนหายใจระรัวอยู่  พอเริ่มคุมสติสัมปะชัญญะได้  ก็ได้แต่นอนซึม อาการมึนเมาไม่รู้หายไปแต่เมื่อไหร่  นี่ดิฉันทำอะไรลงไป  ทำไมถึงได้หลงใหลเคลิบเคลิ้มคล้อยตามพี่แคทไปได้ขนาดนี้  นี่เรานอกใจคนรักเสียแล้วหรือ  และที่ทำอยู่แบบนี้มันก็พิสดารผิดวิสัยทั่วไป  มีอย่างที่ไหนที่ผู้หญิงด้วยกันมาทำรักให้กันแบบนี้  ซ้ำดิฉันยังคล้อยตามไปได้  ดิฉันนอนครุ่นคิดนิ่งนาน จนพี่แคทผิดสังเกต  เธอขยับมานอนข้างดิฉันโอบกอดแผ่วเบา
        “เป็นอะไรไป  น้องอ้อย”
        “นี่อ้อยทำอะไรลงไป   อ้อยไม่น่าเลย   น่าละอายที่สุด”
        “อย่าคิดมากสิจ๊ะ   นี่คงคิดว่าตัวเองนอกใจสามีเหรอ  ไม่เอาน่า  พี่เข้าใจจ๊ะว่าน้องอ้อยรักตากร  พี่ขอโทษที่เป็นคนพาอ้อยทำแบบนี้  พี่แค่อยากให้อ้อยคลายเหงา   ทุกวันนี้สิ่งแบบนี้ผู้หญิงเขาก็ทำกันเยอะแยะไป  ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกจ๊ะ”
        “อ้อยไม่ได้ทำผิด  ใช่ไหมคะ  พี่แคท”
        “เปล่าเลย  อ้อยไม่ได้ผิดอะไรทั้งนั้น   คนที่ผิดคงจะเป็นพี่  เพราะไม่รู้ว่าอ้อยยังถือธรรมเนียมเก่า  แต่พี่แค่อยากให้อ้อยมีความสุข  อ้อยจะได้ไม่เหงา  แล้วอ้อยไม่รู้สึกดีบ้างเหรอ  หืมม...”
        “เอ่อ....”  ดิฉันก็ตอบไม่ถูก  ยอมรับค่ะว่าสิ่งที่ได้รับจากพี่แคทเมื่อสักครู่มันทำให้ดิฉันสุขสมถึงสวรรค์ทีเดียว  ไม่เคยรู้มาก่อนว่า  เขาทำกันแบบนี้ได้
        “ฮึๆๆๆ  นอนตัวบิดครางแบบนี้  พี่ว่าอ้อยก็มีความสุขนั่นแหละ    น้องอ้อยจ๋า  ทุกวันนี้ผู้หญิงก็ต้องหาความสุขให้กับตัวเองบ้าง   ไม่ต้องพึ่งพาผู้ชายตลอดนี่นา  ยุคนี้หมดสมัยที่จะต้องคอยเป็นเบี้ยล่างผู้ชายฝ่ายเดียวแล้ว”
        “อ้อยไม่เคยรู้มาก่อนนี่ค่ะ  อ้อยกลัว”
        “โธ่กลัวอะไร  เราแค่หาความสุขชั่วคราว  เราไม่ได้นอกใจเขาเสียหน่อย  ผู้หญิงก็มีความรู้สึกต้องการทางอารมณ์แบบนี้ด้วยกันทุกคน  เมื่อผู้ชายช่วยไม่ได้  เราก็ต้องช่วยตัวเองสิจ๊ะ   นี่แสดงว่าน้องอ้อยไม่รู้แม้แต่การ “ช่วยตัวเอง”  เลยเหรอเนี่ย”
        “ช่วยตัวเอง???”  ดิฉันขมวดคิ้ว
        “นั่นไง   พี่ว่าแล้วเชียว  มิน่าล่ะ  น้องอ้อยถึงเสร็จไวนัก  เพราะไม่เคยนี่เอง   ผู้หญิงน่ะ  เวลาต้องการเรื่องแบบนั้นขึ้นมา  มันก็ต้องมีที่ระบายกันบ้าง  ผู้ชายเขาก็มีวิธีของเขา   วันนี้พี่คงต้องสอนน้องอ้อยให้รู้เสียบ้างแล้วล่ะ”
        “เอ่อ...จะดีเหรอค่ะ”   ดิฉันก็ยังอิดออดเอียงอาย  ถึงแม้สิ่งที่พี่แคทพูดมาก็มีส่วนถูก  ผู้หญิงที่ใครๆ คิดว่าเรียบร้อยอ่อนหวานอย่างดิฉัน  ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยมีความรู้สึกต้องการเรื่องแบบนั้น  เพียงแต่ดิฉันก็ยังเก็บไว้ข้างใน  ไม่เคยแสดงออกให้ใครเห็น  เพราะสิ่งนี้เป็นเรื่องน่าอาย
        “ดีสิจ๊ะ  เวลาพี่อยู่คนเดียวพี่ก็ทำบ่อยไป  อย่างน้อยเราก็ได้ระบาย  ไม่ได้ไปคบชู้สู่ชายอื่นที่ไหนนี่  แต่เราก็มีความสุขของเราได้”
        “แต่ว่า...”
        “เถอะน่า  เชื่อพี่เถอะ  เดี๋ยวพี่จะสอนให้  แล้วน้องอ้อยจะรู้ว่ามันมีความสุขแค่ไหน”

        พี่อ้อยพูดพลางมองตาดิฉันด้วยสายตาฉ่ำเยิ้ม  ขาก่ายทับร่างเปลือยดิฉันคลอเคลียอยู่  มือไม้ก็ลูบไล้เหมือนกับปลอบประโลม ผิวเปลือยเปล่าของเราสองคนเบียดเสียดสีกันอยู่ไปมา พี่แคทมองตาดิฉันเหมือนหยั่งเชิงอยู่  จนเมื่อดิฉันนิ่งไม่ปฏิเสธต่อต้านเธออีก เธอก็ยิ้มหวานขึ้นมาทันทีพร้อมประคองดิฉันให้ขยับไปที่หัวเตียงนอน แล้วเธอก็คว้าหมอนนุ่ม ใบโตมารองให้ จัดให้ดิฉันอยู่ในทางเอนกึ่งนอนกึ่งนั่ง   ตัวเธอเองก็มานั่งขนาบข้างด้านซ้ายโอบกอดดิฉัน  ทำราวกับสามีดิฉันเคยทำ  พี่แคทสอดมือขวาโอบจากด้านหลังเข้าคว้าหน้าอกเต้าขวาดิฉัน  อีกด้านก็กุมเต้าซ้ายบีบคลึงเบาๆ  แถมยังใช้ปลายนิ้วเขี่ยเม็ดบัวยอดปทุมถันไปด้วย  เอาแล้วสิค่ะ  ความสยิวเสียวซ่านเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้งแล้ว  ลมหายใจดิฉันเริ่มกระท่อนกระแท่นอีกครั้ง  อาว์....


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น