วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

สามีที่รัก ตอนที่ 3 เซอร์ไพร้ส์




      หลังจากที่ดิฉันร่วมหลับนอนกับพี่กร (ขอเรียกชื่อที่ถนัดปากนะคะ หลังจากใช้คำว่า สามี เพราะตอนนั้นยังรู้สึกห่างเหินเขาอยู่) อย่างที่สามีภรรยาทั่วไปควรจะเป็น  ดิฉันก็แอบดีใจอยู่ลึกๆ ที่พี่กรมีสีหน้าท่าทางดีขึ้นกว่าที่เคยคะ พูดจามากขึ้น  แถมถ้อยคำที่เรียกดิฉัน หวานซะจนดิฉันใจละลาย  ที่ผ่านมาเขาจะเงียบขรึม  ไม่ค่อยยิ้มแย้ม  แต่เดี๋ยวนี้เจอหน้าดิฉันเป็นต้องเดินเข้ามาโอบกอดซุกไซ้จูบนิดหอมหน่อยอยู่เรื่อย   ชอบจังเลยคะ  ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงคนอื่นๆ จะบ้าเห่อสามีเหมือนดิฉันมั้ย    ดิฉันบอกไม่ถูกนะคะว่าทำไมรู้สึกชอบหรือเรียกว่าติดใจก็ได้คะ เวลาที่เขาเข้ามาโอบกอด  ดิฉันเป็นต้องมือไม้อ่อน ร่างกายอ่วนยวบ เอนซบเคลิบเคลิ้มกับแผ่นอกหนาเขาอยู่เรื่อย  คือสามีดิฉันรูปร่างสูงโปร่ง ลำตัวหนา  เพิ่งมารู้ทีหลังนี่เองว่าเขาเคยเป็นนักเรียนนอกมาก่อน  ตอนเรียนที่ต่างประเทศเขามักจะเล่นกีฬาไปด้วย  มิน่า  ตัวล่ำเลยคะ  คุณผู้หญิงทั้งหลายก็ลองคิดดูนะคะ  มีผู้ชายตัวล่ำๆ เข้ามาโอบกอด  ใครจะไม่หลงเคลิบเคลิ้มไปด้วยล่ะ  ขนาดพูดถึงเขายังอดคิดถึงไม่ได้  เฮ้อ...ยัยอ้อยเอ้ยย....เป็นเอามากแล้วเนี่ย

      “พี่กรคะ   วันนี้ทำงานเสร็จ  รีบกลับบ้านนะคะ”  
      “มีอะไรเหรอ”
      “อืมม...กลับมาเดี๋ยวก็รู้คะ”
      “อะไรน๊อ   ท่าทางมีความลับ  ชักอยากรู้แล้วสิ  บอกพี่ไม่ได้เหรอ”  เสียงจากโทรศัพท์ของเขาบ่งบอกถึงความอยากรู้
      “ไม่ได้คะ  พี่กลับมาเดี๋ยวก็รู้เอง”  
      “อืม...จะรีบกลับก็ได้  แต่ไม่แน่ใจว่าจะได้กลับแต่หัววันหรือเปล่า  วันนี้พี่เรียกพนักงานมาประชุมประจำเดือนเสียด้วยสิ”
      “คะ  ตั้งใจทำงานนะคะ”
      “จ้า..  ขอตัวทำงานก่อนนะ  แล้วเจอกันที่บ้านจ๊ะ ที่รัก”  
      พอวางสายเสร็จ  ดิฉันก็รีบจัดเตรียมทำกับข้าว  แล้วรี่ไปจัดห้องนอนใหม่  อาบน้ำชำระร่างกายให้หมดจด  แต่งตัวให้สวยที่สุดเท่าที่เคยอยู่ด้วยกันมา  ตั้งใจว่าวันนี้จะมีเรื่องเซอร์ไพร้ส์ให้พี่กร  กว่าเขาจะกลับก็คาดว่าทัน ยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมง  เพราะโรงงานอยู่ห่างจากบ้านราวๆ  1-2 ชั่วโมง ถ้าหากการจราจรให้ย่านชานเมืองกรุงเทพไม่ได้ติดขัดมากนัก  เดิมทีบ้านดิฉันก็อยู่ติดโรงงาน ครั้นพอแต่งงาน พ่อแม่ของเขาและพ่อแม่ดิฉันต่างก็ช่วยกันหาเรือนหอให้ใหม่  จึงได้บ้านหลังนี้เป็นที่อยู่ของเราทั้งสอง  และแล้วก็เร็วเกินคาดคะ แค่ 5 โมงเย็น เสียงกริ่งหน้าประตูบ้านดังลั่น
      “อ้อย   พี่กลับมาแล้ว”
      “ค่า   เดี๋ยวก่อนนะคะพี่กร   หันกลับไปหน้าบ้านก่อน”   ดิฉันตะโกนจากในตัวบ้านออกไป โดยที่ไม่ยอมให้เขาเห็นตัวดิฉัน และยังไม่ให้เข้าบ้าน
      “อะไรเนี่ย  ทำไมลึกลับจัง”
      “ทำตามที่อ้อยบอกก่อนสิคะ  หันกลับไปหน้าบ้านแล้ว หลับตาด้วย”    พี่กรทำหน้าสงสัย แต่ก็ยอมหันหลังให้แต่โดยดี  ดิฉันจึงเดินเข้าไปข้างหลัง และใช้ผ้าผืนหนึ่งคาดปิดตาพี่กรและมัดไว้
      “หืมม....อะไรเนี่ย  อ้อย  พี่อยากรู้จนเนื้อเต้นแล้วเนี่ย”
      “เถอะน่า   เดี๋ยวอ้อยจะพาพี่เข้าบ้าน  เดินดีๆ นะคะ  ระวังๆ”   ดิฉันค่อยๆ ควงแขนพี่กรเดินเข้าบ้าน ช้าๆ เพราะเขาเดินไม่ถนัด
       “หืมม....วันนี้อ้อยตัวหอมจัง   มีอะไรให้แปลกใจน๊า   พี่ตื่นเต้นจนต้องรีบกลับบ้านเลยนะเนี่ย”   พี่กรก้มตัวลงมาดอมดมแก้มดิฉัน  แม่นยังกับมองเห็นจริงๆ
       “ฮื่อ  พี่เนี่ย  ใจเย็นๆ สิคะ   เอาล่ะ ถึงแล้ว    แถ่น แทน แท๊นนนนน.........”
       พอมาถึงหน้าห้องนอน  ดิฉันเปิดประตูห้องนอนอ้าไว้  แล้วค่อยๆ ปลดผ้าปิดตาพี่กรออก  พอเขามองเห็นก็ตะลึงตาค้างไปชั่วขณะ   เพราะที่ห้องนอน  ดิฉันได้จัดใหม่ เปิดไฟพอสลัวๆ  ภายในห้อง จุดเทียนหอมไว้หลายจุด   กลางห้อง เป็นโต๊ะเล็กๆ ที่จัดตกแต่งนิดหน่อยพองามตา  บนโต๊ะมีเค้กวันเกิดที่มีเทียนเกลียวสีสวยปักอยู่   บนเตียงนอน ก็ปูด้วยผ้าปูสีขาวสะอาด  โรยกลีบกุหลาบสีแดงสดเป็นรูปหัวใจดวงใหญ่อยู่กลางเตียง
      “อะไรเนี่ย  อ้อย  ทำไมจัดห้องนอนได้สวยแบบนี้  มีอะไรหรือ อ้อยก็แต่งตัวสวยหวานแบบนี้”  เขาเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้น  มองสำรวจทั่วร่างของดิฉัน แล้วก็มองไปยังห้องที่ถูกจัดแต่ง
      “ฮื่อ...คนขี้ลืม    นี่วันเกิดตัวเองยังจำไม่ได้เหรอคะ”
      “อืมม....วันเกิดพี่จำได้  แต่ที่เตียงนอนเราล่ะ ทำยังกับว่าวันเข้าหอ   อ๋อ....................”  เหมือนพี่กรจะเริ่มนึกได้   แล้วหันมาที่ดิฉัน  ส่งสายตายิ้มหวานมาเลยทีเดียว
      “วันนี้ครบรอบวันแต่งงานของเราด้วยนะคะ     วันที่แต่งงานวันแรก  เราสองคนไม่ได้ฉลองอะไรเลย  อ้อยก็ไม่ได้ทำหน้าที่เจ้าสาวที่ดีของพี่กร  วันนี้อ้อยเลยอยากชดเชยให้คะ”     พี่กรยิ้มแก้มแทบปริ  หันมาประคองหน้าดิฉันที่บรรจงแต่งบางๆ  พองาม กับชุดเดรสสีขาวเนื้อบางละเอียดทั้งชุด
      “แล้วอ้อยรู้ได้ยังไงว่าเป็นวันเกิดพี่ด้วย”
      “วันเกิดสามี  อ้อยก็ต้องรู้สิคะ  แล้วไม่ดีหรือ”
      “ฮื่อ...น่ารักไปหมดเลย  เมียใครเนี่ย     อ้อย   ที่จริงพี่คาดไว้แล้วว่าอ้อยจะต้องเซอร์ไพร้ส์วันเกิดพี่แน่ๆ   เพราะวันนี้คุณแม่กับน้องแก้วเขาโทร.มาอวยพรให้พี่ตั้งแต่บ่ายแล้ว   แต่พี่คาดไม่ถึงว่าอ้อยจะยังคิดถึงวันแต่งงานของเราด้วย  พี่ขอขอบคุณอ้อยมากๆ เลย”  ว่าแล้วเขาก็โน้มหน้าลงมาจูบแก้มดิฉันที่เต็มใจเอียงให้เขา
      “ไปเถอะคะ   เข้าไปข้างใน”   พอเราสองคนควงคู่เข้าไปในห้อง  พี่กรปล่อยดิฉัน แล้วเดินกลับมาปิดล็อกประตู  แค่นี้ดิฉันก็เขินสะท้านแล้วคะ  เพราะรู้แน่ๆ ว่าจะมีอะไรต่อไป
      “เดี๋ยวก่อนนะ  อ้อย”   พี่กรจับดิฉันให้ยืนตรง   กระแอมลำคอสองสามครั้ง จนดิฉันฉงน   เขายิ้มมุมปากมีเลศนัย
      “นายพงศกร  เกรียงไกรฤกษ์.....”   พี่กรดัดเสียงเป็นแหบพร่า เหมือนคนมีอายุ  ทำหน้าขึงขังจริงจัง
      “เจ้าจะยอมรับ นางสาวผาณิตา  มณีวรกุล  เป็นภรรยา  ไม่ว่ายามทุกข์ หรือสุข  ตราบชีวิตจะหาไม่  หรือไม่?”   ดิฉันจึงได้ถึงบางอ้อว่าพี่กรเล่นมุขอะไร  จึงได้แต่กลั้นหัวเราะในความขี้เล่นของเขา
      “ยอมรับครับ  หลวงพ่อ”  พี่กรทำเสียงทุ้มหล่อ   จนดิฉันกลั้นหัวเราะไม่อยู่  จึงได้ทุบที่แขนเขาไปทีหนึ่ง
      “บ้าจริง  พี่กรเนี่ย  เราเป็นคนไทย  เราแต่งแบบพุทธนะคะ  ไม่ใช่คริสต์”
      “ก็ลองเปลี่ยนวิธีดูบ้างไง  งานแต่งจริงของเราแต่งแบบไทยๆ   วันนี้ขอจำลองงานแต่งเป็นโบสถ์คริสต์ดู  นี่อย่าเพิ่งนอกเรื่องสิ   อะแฮ่ม...........  (แล้วก็ดัดเสียงแหบแบบเดิม)   นางสาวผาณิตา  มณีวรกุล  เจ้าจะยอมรับนายพงศกร  เกรียงไกรฤกษ์  เป็นสามีคู่ชีวิต  ไม่ว่าจะยามทุกข์หรือสุข  ตราบชีวิตจะหาไม่  หรือไม่”  พูดจบพี่กรก็หันหน้าตรงกับดิฉัน  เอื้อมจับมือดิฉันมาประคอง  ด้วยแววตาจริงจังแต่มีประกายยิ้มอยู่ในที  จากที่ดิฉันเป็นคนต้นคิดเรื่องเซอร์ไพร้ส์  แต่พี่กรกลับทำเซอร์ไพร้ส์มากกว่าเสียอีก  ดิฉันถึงกับสบตาซึ้ง ส่งยิ้มให้พี่กร
      “รับคะ   อุ้ย...พี่กร  เดี๋ยวก่อน”  พอรับคำจบพี่กรก็โน้มหน้าเขาจูบดิฉันทันที  จนตั้งตัวแทบไม่ทันต้องเบี่ยงหน้าหลบ
      “จะหลบทำไม  ต้องให้เจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวก่อนสิ  ที่รัก”
      “หลวงพ่อยังไม่ได้บอกให้จูบเลยนี่คะ  พี่กรขี้โกง  แหวนก็ยังไม่สวม”  ดิฉันค้อนให้
      “โธ่  หลวงพ่อหมดธุระหน้าที่ เขาก็ออกไปจากห้องไปแล้ว  และแหวนเราก็สวมกันอยู่แล้วนี่  ทีนี้ก็เหลือแค่เราสองคน  มามะ  ขอพี่ชื่นใจหน่อย”   พี่กรจับเชยคางดิฉันให้เงยหน้าสบตา
      “พี่กรเนี่ย.....”  ที่จริงก็ทำต่อว่าเขาไปอย่างนั้นแหละคะ  ใจจริงก็อยากให้เขาจูบอยู่แล้ว  แต่ก็ยังเขินอายพี่กรเหมือนกัน   แล้วพี่กรก็ประทับจูบกับดิฉันอย่างดูดดื่ม  สองแขนโอบประคองดิฉันไว้  ดิฉันก็เช่นกัน  เราสองต่างดูดดื่มลิ้มรสแห่งชิวหาที่หวานชื่นอยู่เนิ่นนาน  ดิฉันอยากให้เวลาช่วงนี้อยู่ไปนานๆ เสียเหลือเกินคะ   ไม่อยากให้ความสุขแบบนี้จางหายไปไหน  จากนั้นพี่กรก็ประคองพาดิฉันไปนั่งที่ขอบเตียง  โอบกอดไว้
      “เดี๋ยวก่อนสิคะ  พี่กร  แล้วเค้กวันเกิด  พี่จะไม่อธิษฐานและเป่าก่อนเหรอ”
      “ไว้ก่อนดีกว่า  ตอนนี้พี่สนใจของขวัญชิ้นนี้ที่ฟ้าบรรจงเนรมิตรและประทานมาให้เป็นเมียพี่คนนี้มากกว่า  พี่อยากอยู่กับเจ้าสาวของพี่   ไหนๆ  วันนี้อ้อยจัดเซอร์ไพร้ส์วันเกิดและครบรอบวันแต่งงานให้พี่แล้ว  ถ้าอย่างนั้น  วันนี้น้องอ้อยจะต้องตามใจพี่ทุกอย่างนะ”
      “ก็ได้คะ  พี่กรจะให้อ้อยทำอะไรล่ะคะ  วันนี้อ้อยจะชดเชยให้ทุกอย่าง”
      “ต้องทำตัวเป็นเจ้าสาวที่ดีให้พี่”
      “ทำอย่างไรคะ”
      “ต้องให้พี่กอดไว้ทั้งคืน  ห้ามหนีไปไหน”
      “ได้คะ”  ดิฉันแนบตัวกระชับเข้าหา  ซุกไซร้ใบหน้าอยู่ที่อกเขา
      “อ้อยรู้มั้ยว่า  พี่คิดฤกษ์แต่งงานเองเลยนะ ตอนนั้น กะว่าจะขออ้อยเป็นของขวัญวันเกิด  ก็เลยขอร้องผู้ใหญ่ของเราทั้งสองฝ่ายให้จัดงานวันแต่งงานของเราตรงกับวันเกิดของพี่   แต่แล้วพี่ก็ต้องผิดหวัง  เมื่อเจ้าสาวไม่ได้เป็นไปตามที่พี่คิดไว้  วันเข้าหอ พี่ช้ำใจมากเลย  แต่พี่ก็ไม่ได้โทษอ้อยหรอกนะ  เพราะอ้อยก็ไม่ได้รู้จักสนิทสนมกับพี่แต่ทีแรก  ก็เป็นเรื่องธรรมดา  พี่ก็เลยเฝ้ารอวันที่อ้อยยอมรับพี่ได้   ตอนนี้พี่ดีใจ  ภูมิใจที่วันนั้นพี่ได้รู้ว่าพี่เป็นชายคนแรกของอ้อย  และอ้อยก็เป็นคนแรกของพี่เหมือนกัน”
      “คิกๆๆ  วันนี้รู้สึกจะช่างพูดจังเลยนะคะ   แล้วจะกอดอย่างเดียวเหรอคะ”
      “เรื่องอะไร  เมียสวยหยาดเยิ้มขนาดนี้  กอดอย่างเดียวก็โง่ล่ะ  วันนี้พี่อยากจะให้อ้อย .....เอ่อ”
      “อะไรคะ”  ดิฉันขมวดคิ้วถามเขา เมื่อเขาเริ่มอึกอัก
      “เราเป็นผัวเมียกันแล้วนะที่รัก  พี่ก็อยาก......”  
      พูดได้แค่นั้น  พี่กรก็ประคองใบหน้าฉันแล้วก็ประกบจูบทันที  ไม่ว่าจะจูบกันสักกี่ครั้ง  ดิฉันก็ยังเคลิบเคลิ้มซาบซ่านได้อยู่เสมอ  ภายในกายดิฉันมันร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง เขาประทับจูบอยู่เนิ่นนานจนร่างดิฉันอ่อนปวกเปียกไปหมด  เมื่อเขาถอนจูบออก  ดิฉันแทบจะเป็นลม รู้สึกเลือดเนื้อมันวูบวาบไปตามร่างกาย  ทั้งๆ ที่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วที่เรามีความสัมพันธ์กันแนบแน่น  แต่ทุกครั้งที่เขาสัมผัสจับต้อง เล้าโลม  ดิฉันต้องตัวอ่อนทุกที  พี่กรมองหน้าดิฉันด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข
      “อ้อยสวยจริงๆ  หอมหวานสมชื่อเสียด้วย  พี่ไม่ผิดหวังแล้วที่ได้แต่งงานกับอ้อย  วันนี้พี่จะทำให้อ้อยมีความสุข  ตอบแทนทุกอย่างที่อ้อยทำเพื่อพี่ นะที่รัก  วันนี้พี่จะสอนความรักให้กับอ้อย”
      “คะ  พี่กร”
      ว่าแล้วพี่กรก็ค่อยๆปลดชุดของดิฉันลงจากไหล่จนมันเผยผิวให้เขาได้ยล  แล้วก็พรมจูบซุกไซร้ไปตามซอกคอสลับซ้ายขวา  ดิฉันก็โอนอ่อนตามทุกท่วงท่า  และแล้วสิ่งที่ดิฉันยังไม่เคยประสบมาก่อน ก็มีอันต้องแก่นกายเบียดใบหน้าเขา  เมื่อพี่กรเลื่อนลงไปจูบหน้าอกของดิฉัน  
      “อูยย  พี่กรขา   อ้อยใจหวิวไปหมดเลย  ซี้ดดด...”
      “อกอ้อยสวยจัง  กลม ตึง ไม่ใหญ่ไม่เล็ก  งามสมส่วนจริงๆ   ขอพี่ชื่นชมหน่อยนะ”
      “อ่ะ   อา.....  พี่ขา  อ้อย  อ่ะ  เอ่อ....”
      “เสียวเหรอจ๊ะ  ที่รัก  แบบนี้แหละที่เขาเรียกว่าเสียว”
      “ค่ะ   อ้อยเสียวมากเลย  อู้ยย...พี่กร   ทำไมเสียวอย่างงี้”
      “นี่แค่บทเริ่มต้นเอง   ยังมีอีกหลายบท”
      “แค่นี้อ้อยก็จะขาดใจแล้ว  พี่ขา”  
      ดิฉันจะขาดใจเสียให้ได้จริงๆ คะ  เพราะเพิ่งจะโดนจูบหน้าอกเต็มๆ เป็นครั้งแรก  ไม่เพียงเท่านั้น  พี่กรยังเม้มปากขบเลียปลายติ่งที่เต้าของดิฉันด้วย  โอย....ตัวสั่นไปหมดเลยคะ มันเสียวซ่านจนต้องแอ่นร่างสู้  สูดปากอย่างลืมตัว   ถ้าพี่กรไม่โอบร่างดิฉันไว้อยู่ คงได้หมดแรงนอนแผ่บนเตียงแน่ๆ   จนในที่สุดพี่กรก็หยุด แล้วกระชับดิฉันขึ้นนั่งข้างกาย  แล้วก็แลกจูบที่ริมฝีปากอีกครั้ง   อา.....ความเสียวหฤหรรษ์มันยังไม่จบอีกหรือนี่   ขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับรสจูบ  พี่กรควานมือไล่เรื่อยไปที่กระโปรง  แล้วค่อยๆ รูดเลื่อนมันขึ้นมา   ไม่รู้ว่ามือเขาเป็นประจุไฟฟ้าอะไรหรือเปล่า  ไม่ว่าเขาจะลูบไล้ไปส่วนใด ดิฉันก็เสียวซ่านไปทุกพื้นที่ที่โดนจับต้อง   พี่กรคงเห็นว่าชุดเจ้าสาวของดิฉันมันเริ่มเกะกะ  จึงรีบควานหาซิบและรูดออก  ปลดเปลื้องอาภรณ์ทุกชิ้นที่มีอยู่ออกจากร่างดิฉันหมดเลย   ถึงจะเคยเปลือยร่างให้พี่กรเห็นมาแล้วดิฉันก็ยังอดขวยอายพี่กรไม่ได้อยู่ดี

      บัดนี้ร่างเปลือยเปล่าได้อวดให้พี่กรได้เห็นเต็มตาอีกครั้ง  พี่กรมองด้วยความพึงพอใจ ส่งประกายตาหวานเยิ้ม  จนดิฉันแทบไม่กล้าสบตาสู้  พี่กรจับดิฉันให้นอนลงบนเตียง  ตอนนี้แสงไฟนวล ส่องมาที่ร่างดิฉันให้พี่กรเห็นชัดเจน  พี่กรขยับขึ้นมานอนข้างตัวดิฉันที่นอนหงายอยู่  เขาตะแคงตัวเองโอบกอดกระชับดิฉันแล้วก็พรมจูบไปตามใบหน้า ซอกคอ   แต่ยิ่งทำให้ดิฉันต้องร่างเกร็งก็เมื่อมือเขาลูบไล้ลงไปที่ท้องน้อยแล้วก็ไปแหมะอยู่ตรงส่วนนั้นของดิฉัน   คราวนี้ทำเอาต้องหลับตาปี๋ กัดเม้มริมฝีปากเลยทีเดียว   กายดิฉันโดนจู่โจมทั้งซอกคอ  และตรงซอกหว่างขาแบบนี้  ใครจะทนไหว  ทั้งๆ ที่พี่กรเขาค่อยๆ ลูบไล้แผ่วเบา  แต่ด้วยความที่ยังไม่เคยมีใครมาจับต้องเลย  แม้แต่ตัวดิฉันเองก็แทบจะไม่เคยแตะต้องส่วนนั้น  เรื่องกามารมณ์ต่างๆ ไม่เคยเรียนรู้มาก่อน  ถึงแม้ดิฉันจะไม่ใช่คนหัวโบราณ  การศึกษาก็ไม่ได้น้อยแล้ว  แต่เนื่องจากถูกเลี้ยงดูมาแบบหญิงไทยที่ถือคติเก่าแก่อยู่  ดิฉันยังไม่เคยได้สัมผัสรับรู้สิ่งเหล่านี้เลย   ตอนนี้ถูกพี่กรเล้าโลมไปตามร่างกาย จนมันเสียวซ่านสุดต้านอารมณ์ไม่อยู่แล้ว
      “พี่กรขาาาาาา.....อ้อยใจจะขาดแล้ว  อูยย...”
พี่กรไม่ฟังเสียงอะไรเลย  ค่อยๆ กรีดนิ้วลงไปที่ร่องหลืบดิฉัน  ร่างกายดิฉันมันก็ส่ายร่อนไปอย่างอัตโนมัติ  ควบคุมไม่ได้แล้ว  ตอนนั้นรู้ท้องปั่นป่วน  ที่ตรงส่วนนั้นของดิฉันมารู้สึกเกร็งบีบตัวยุบยับ   พี่กรระรัวนิ้วเข้าที่ร่องสงวนของดิฉันที่ตอบโต้ด้วยการส่ายร่อน  มันเสียวซ่านไปหมดแล้วตอนนี้  ซอกคอ  หน้าอก  พี่กรก็พรมจูบไปทั่ว
      “พี่กร  ช่วยด้วย  อ้อยไม่ไหวแล้ว   มัน  สะ...เสียวไปหมดแล้ว  อ๊ายย.......”
 และแล้วในที่สุดดิฉันก็ต้องกรีดร้องอย่างสุดเสียง พร้อมทั้งกายกระตุกอย่างแรง  พี่กรก็เร่งระรัวนิ้วอยู่อย่างนั้นจนดิฉันซ่านไป  เมื่อเห็นดิฉันกรีดร้อง ร่างกระตุกเกร็ง  พี่กรก็หยุด  ชักนิ้วออกมาชูให้ดิฉันดู  ก็มองเห็นเมือกใสเปรอะเต็มไปหมด  ตอนนั้นที่ร่องหลืบมันก็ยังขมิบอยู่ยุบยับ  ดิฉันนอนแผ่  หอบกระเส่าจนอกกระเพื่อมไปมา  ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเสียวซ่านแบบนี้เลย
      “เป็นไงบ้างจ๊ะ  ที่รัก  เสียวสุดๆ เลยใช่มั้ย”
      “คะพี่กร   อูยยย....แทบขาดใจตายเลยคะ”
      “แบบนี้เขาเรียกว่า  เสร็จ”
      “เสร็จ”   ดิฉันทวนคำ
      “สงสัยน้องอ้อยนี่จะไม่เคยรู้เรื่องเพศเลยสิเนี่ย   ผู้หญิงหรือชาย ถ้ามีเพศสัมพันธ์หรือมีความต้องการทางเพศ เมื่อได้รับการเล้าโลมถูกจุด จะทำให้เสียวสุดๆ จนถึงจุดสุดยอด เรียกว่า ไคลแมกซ์  ผู้หญิงก็จะหลั่งเมือกเสียวออกมา   ส่วนผู้ชายก็จะปล่อยน้ำอสุจิออกมา  นั่นคือ เสร็จ  หรือถึงจุดสุดยอดจ๊ะ”
      “อ้อยเคยได้ยินมาบ้างคะ  แต่ไม่เคยได้รู้ด้วยตัวเอง  เพิ่งได้รู้เดี๋ยวนี้เองว่า มันเป็นแบบนี้   โอยยย..พี่กรขา  อ้อยเหนื่อยจังคะ  แต่มันก็มีความสุข”
      “จ๊ะ  ก็พี่อยากให้อ้อยมีความสุขแบบนี้แหละ  พี่ก็ไม่เคยเห็นมาก่อนเหมือนกันที่ผู้หญิงถึงจุดสุดยอด  แค่ได้รู้มาแต่ไม่เคยทำกับใคร  พี่เห็นแล้วยังเสียวไปด้วยเลยนะ ที่รัก”
      “แล้วผู้ชายเขาถึงจุดสุดยอด  มันเป็นยังไงคะ”
      “ก็คงเป็นเหมือนน้องอ้อย นั่นแหละ  แต่ของผู้ชายจะเป็นน้ำสีขาวมันหลั่งออกมาจาก ตรงนี้”  
      พี่กรปลดซิบกางเกงตัวเองออกมา  ดิฉันถึงกับใจเต้นโครมครามอย่างยากที่จะบอกได้ว่าเพราะอะไร   พี่กรไม่ถอดกางเกงออก  เพียงแค่รูดซิบและควักเจ้านั่นของเขาออกมันก็ตระหง่านเผยโฉมให้ดิฉันเห็น เป็นครั้งแรก  ตั้งแต่หลับนอนมาด้วยกันดิฉันก็ยังไม่เคยเห็นมันเต็มตาเสียที  เพราะยังมัวเอียงอาย  ไม่กล้ามอง  และเมื่อช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มดิฉันมักจะให้พี่กรห่มผ้าคลุมไว้  แต่คราวนี้ได้เห็นอย่างชัดเจนว่ามันเป็นลำเขื่องสีเข้มกว่าผิวพี่กรเล็กน้อย  พี่กรจับมือดิฉันไปให้ดิฉันเอามือสัมผัสมัน  มือยังสั่นนิดๆ  ขนาดมันเกือบจะเท่าลำแขนของดิฉันเลยคะ ขนาดพอกำได้รอบเต็มๆ กำมือ  พี่กรบอกให้ดิฉันกำมันเล่น และค่อยๆ บีบ รูดขึ้นลงไปมา  ดิฉันก็ทำตามอย่างว่าง่าย  อยากรู้เหมือนกันว่ามันเป็นอย่างที่เคยเห็นในหนังโป๊ที่เคยแอบดูของเขาหรือเปล่า  พี่กรเริ่มหน้าแดงก่ำ หายใจแรงขึ้น  และก็โน้มหน้าจูบดิฉัน  มือเขาก็ช่วยจังหวะกำรูดของเขาไปด้วย   ตอนนี้ความรู้สึกบางอย่างพุ่งพล่านเข้าสู่กายดิฉันอีกแล้ว  หลังจากจะเริ่มผ่อนได้สักพักเดียวเท่านั้น   ดิฉันทำตามที่พี่กรต้องการได้ไม่นานนัก ความรู้สึกที่มือก็รู้ว่าเจ้าลำแก่นกายของพี่มันแข็งเกร็งขึ้นทุกขณะ  ร้อนผะผ่าวไปจากเดิม
      “มืออ้อยนิ่มจัง  พี่เสียวมาก  พี่ทนไม่ไหวแล้ว  พี่ขอเถอะ”   พูดจบพี่ก็ขยับตัวอย่างร้อนรน  ทิ้งดิฉันให้นอนหงาย  ส่วนตัวเขาไปประกบนั่งที่หว่างขาดิฉัน ทั้งๆ ที่กางเกงเสื้อผ้าก็ไม่ได้ถอดสักชิ้น  ใจดิฉันสั่นรัวเลย  พี่กรยกขาดิฉันสองข้างขึ้นเล็กน้อย แล้วแบะออก  ค่อยๆ จรดปลายลำของเขามาตรงที่ร่องหว่างขาดิฉัน   อา..... ที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นเต็มตาแบบนี้มาก่อน  ได้แต่คอยดูด้วยใจระทึก
      “อ้อยจ๋า  พี่จะเย่อแล้วนะ   อู้วววว เสียวที่ปลายจังเลย  อ๊าาาา......”
       พูดพลางเขาก็ค่อยจรดมันตรงเป้าแล้วค่อยๆ กันมันเข้ามาหาตัวดิฉัน    ตอนนี้ดิฉันก็ไม่แปลกใจแล้วว่า เมื่อที่เขาทำกับดิฉันครั้งแรก  ทำไมมันถึงเจ็บแปลบจนฉันจับไข้ไปเลย  ก็เพราะขนาดมันใหญ่เกินกว่าที่ร่องของดิฉันจะรับมันได้   นี่ขนาดว่าเริ่มจะพอคุ้นเคยแล้ว  ดิฉันก็ยังมีความรู้สึกเหมือนร่างจะฉีกเสียให้ได้  แต่คราวนี้เข้าไปได้ง่ายกว่าครั้งไหนๆ  เหมือนมีสิ่งหล่อลื่นช่วยไว้
      “พี่กร  เบาๆ นะคะ  อ้อยแน่นไปหมด  ซี้ดดดด  อ๊อยยยยยยย..........”  พยายามจะกัดฟันเพื่อข่มกลั้นเสียงครางของตัวเอง  แต่ก็ไม่สามารถทำได้  จนต้องครางออกมาเบาๆ
      “อ้อยเจ็บมั้ย  ทนหน่อยนะ  ต่อไปน้องอ้อยจะไม่เจ็บอีกแล้ว  ถ้ามันชิน  แล้วน้องอ้อยจะมีแต่ความสุข”
      “ค่ะ  ตอนนี้ก็เสียวบ้างแล้ว  แต่มันยังเจ็บอยู่”
      “ของน้องอ้อยมันฟิตมากๆเลย”
      ไม่รู้ว่าของดิฉันเล็กฟิต หรือว่าของเขาใหญ่เกินก็ไม่รู้แหละคะ  แต่ตอนนี้เหมือนร่างดิฉันมันจะถูกฉีกเอาเสียให้ได้   กว่าจะเข้าที่เข้าทางก็ใช้เวลาเกือบ 5 นาที  พี่กรจึงค่อยๆ  เสือกส่งแก่นกายของเขาแทรกเข้ามาเป็นจังหวะเนิบๆ  คราวนี้เป็นอย่างที่พี่กรว่าคะ  เริ่มรู้สึกดีขึ้น   และไม่ต้องห้ามเขาอีกแล้ว  โอว..นี่นะหรือคือความสุขที่ได้รับจากสามี  ดิฉันเริ่มได้รับความสุขสันต์เพิ่มขึ้นทีละน้อย จนเริ่มจะติดใจไปเสียแล้ว  เลือดในตัวร้อนฉ่าพลุ่งพล่านไปหมดเลยคะ  ทั้งตื่นเต้น ทั้งเสียวกระสัน  เพราะครั้งนี้ดิฉันนอนแผ่ล่อนจ้อนต่อหน้าพี่กรโดยไม่มีสิ่งใดปิดบัง  ได้เห็นสิ่งที่ชวนรัญจวนใจอย่างเต็มตา  จนแทบกลั้นไว้ไม่อยู่  ต้องหลับตาปี๋เลยคะ
      “อ้อยรู้สึกหวิว  เสียวใจสั่นแล้วคะ  พี่กร  อูยยยยย พี่จ๋า  อ้อยเริ่มเสียวคะ  ซี้ดดดดดดด”
แต่แล้วความสุขที่กำลังได้รับ เหมือนมีสวรรค์แกล้ง
       ปิ๊ง...ป่องงงงง....  ปิ๊ง ป่องงงงง.......

       เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น  พี่กรหยุดชะงัก  พร้อมกับกัดเขี้ยวกัดฟันถอนใจฟืดฟาดอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์  ดิฉันเองก็เสียดายไปด้วยคะ  แหม...กำลังจะได้รู้ถึงความสุขทีเดียว   เสียงกริ่งดังขึ้นหลายครั้งและถี่ขึ้น  เราสองคนจึงจำใจต้องผละจากกัน ดิฉันรีบเอาชุดเจ้าสาวไปเก็บและหาชุดอื่นมาสวมแทนอย่างลวกๆ  แล้วรีบไปเปิดประตูบ้าน   พี่กรก็เดินตามมาหลังจากจัดเก็บความเรียบร้อย  พอเปิดประตูได้เท่านั้น  เสียงคล้ายๆ ประทัดก็ดังขึ้นจนดิฉันตกใจ  และแล้วก็ตามมาด้วยสายรุ้งหลายสายปลิวว่อนอยู่ตรงประตูบ้าน
      “เซอร์ไพร้ส์................”  เสียงร้องประสานกันหลายเสียงแทบจะพร้อมกัน
      “คุณพ่อ  คุณแม่  พี่ๆ”     ดิฉันได้แต่อุทานด้วยความประหลาดใจ
      “สวัสดีครับ คุณพ่อ คุณแม่ พี่อาร์ต และอ๋อง  มากันยังไงครับเนี่ย”
      “เออ  หวัดดีกร  ก็คิดถึงพวกแกนะสิ   อยู่กันสุขสบายจนไม่ยอมไปเยี่ยมกันเลยนะ ตั้งใจจะมาเยี่ยม  และก็พอดีรู้ว่าวันนี้วันเกิดแกด้วย  เจ้าพวกนี้ก็เลยหาซื้อของมาฝาก  เอ้าๆ  เอาเข้าไปจัดกันให้เรียบร้อย”
ดิฉันรีบเข้าไปกอดคุณแม่อันดับแรก  จากนั้นคุณพ่อ และพี่ๆ
      “ไงยัยอ้อย  ทำอะไรกันอยู่เนี่ย  กดกริ่งตั้งนาน  อู้ย...ดูสิ  ลูกสาวแม่วันนี้แต่งหน้าซะด้วย  แต่ทำไมไม่เข้าชุดเลยละลูก”   ดิฉันถึงกับหน้าถอดสี  เพราะเพิ่งนึกได้ว่าขุดเสื้อยืดธรรมดาๆ กับกระโปรงยาวๆ ที่ดิฉันมักใส่ประจำยามอยู่บ้าน มันไม่ได้เข้ากับการแต่งหน้าของตัวเองสักเท่าไหร่
      “เออ  น่านสิ  แล้วนี้ผมเผ้าก็รุงรัง  ทำอะไรกันอยู่  เฮ่ยๆ...หรือว่า”    เสียงพี่อาร์ตถามทิ้งคำเป็นปริศนาพร้อมชี้หน้าทำตาล้อๆอีกคน  ตายแล้ว  ดิฉันแทบอยากแทรกแผ่นดินเสียให้รู้แล้วรู้รอด   และแล้วทุกคนก็หัวเราะร่า เมื่อเห็นเราทั้งคู่หน้าแดงกันหมด
      “บ้า  พี่อาร์ตคิดอะไรไปกันใหญ่  อ้อยกับพี่กรก็แค่จัดงานวันเกิดกันเองๆ สนุกๆ สองคนเท่านั้น”  ดิฉันได้แต่แก้ต่าง
       “แล้วไอ้ที่กันเองๆ สนุกๆ ล่ะ  มันแบบไหนว่ะ  อ้อย”
      “โธ่  ไม่มีอะไรหรอกครับ ทุกๆ คน  พอดีผมซื้อเครื่องสำอางค์มาให้อ้อยเขาน่ะครับ  ฉลองครบรอบวันแต่งงานด้วย  ก็เลยให้น้องอ้อยเขาลองแต่งให้ดู”   ดิฉันได้แต่ลอบถอนใจ ที่พี่กรยังหัวไวแก้ได้ทัน
      “ใช่คะแม่ พ่อ  พี่กรเขาซื้อของมาให้ แล้วเขาก็บังคับให้อ้อยแต่งหน้าให้ดู  มันก็เลยเป็นแบบนี้แหละคะ”
      “หือ........  พี่กร.....  เอ๋ๆๆๆ  เมื่อก่อนฉันเห็นแกเรียกคุณกรไม่ใช่เหรอ”   แน่ะ  พี่อ๋องยังมาสำทับอีก จนดิฉันไปไม่เป็น จะทำท่าถลึงตาดุใส่พี่ชาย ก็ทำไม่ได้เพราะจะกลั้นยิ้มเขินอายไว้ไม่อยู่
      “ฮ่าๆๆ  แกนี่มันไม่ยอมโตจริงๆ นะ ยัยอ้อย  อะไรพี่แซวเล่นแค่นี้ยังอายอีกเหรอ”
       “พอๆ ทั้งตาอ๋อง ตาอาร์ต  ก็ไปล้อเรื่องแบบนั้นใครเขาไม่อายล่ะ ไอ้ลูกบ้า  เดี๋ยวแม่ตีตาย  เราเองก็ไม่ยอมโตเหมือนแหละ  อายุครึ่งค่อนคน  เป็นพ่อคนได้แล้วยังมาล้อน้องเล่นเป็นเด็กๆ”   ยังดีหน่อยที่ดิฉันยังมีคุณแม่เป็นผู้ช่วยกู้ทุกเรื่องที่ดิฉันถูกพี่ชายแกล้ง
      “เอาล่ะๆ  เอาของไปเก็บกัน   แล้วหาอะไรมาดื่มฉลองให้เจ้ากรมันหน่อย  ไปเร็วๆ”   คุณพ่อรีบตัดบท  ดิฉันกับพี่กรได้แต่แอบมองตากัน
       “เออๆ  ป่ะๆ  วันนี้จะได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน  คิดถึงยัยอ้อยเหมือนกัน ตั้งแต่มันแยกตัวมา ไม่ค่อยมีคนแกล้งเลยว่ะ  ไม่ได้อยู่กันแบบนี้มานานล่ะ  คืนนี้พวกเราค้างกันที่นี่นะ  ยัยอ้อย จัดห้องให้พ่อแม่ด้วย  ส่วนพี่กับเจ้าอ๋อง จะนอนข้างล่างนี่ก็ได้ ไม่ลำบากหรอก”  
       สิ้นคำพูดของพี่ชาย  ดิฉันมองหน้าพี่กร  เห็นท่าทางหน้าเจื่อนๆแล้วก็ทั้งอยากขำ และเห็นใจเขาที่ผิดหวัง เมื่อสวรรค์ล่มกลางคัน

                                                                   .................................................   


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น