วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ความอัดอั้น 1



 “ชั้นบอกแกกี่ครั้งกี่หนแล้ว ว่าให้สอบให้ได้ แล้วทีนี้เป็นไง ไม่ได้อะไรเลยซักอย่าง ชั้นควรจะร้องไห้แทนแกดีมั๊ยเนี่ย”
เสียงเรียบ เย็นชา ผ่านริมฝีปากบางเฉียบที่ดังจากด้านหลังของผม ทำให้สมองของผมมึนงงไปหมด หางตาเหลือบไปมองผู้ที่ยืนค้ำหัวผมอยู่ข้างหลัง ผมนิ่งฟังเสียงประชดเหน็บแนมที่ยังคงดังอยู่ เหมือนไม่มีวันจบ...
..........................................................

ผมนึกไม่ออกเลยว่าตัวเองทำอะไรผิด ตั้งแต่เข้าเรียนม.1 ผมทำทุกอย่างตามที่แม่อยากให้เป็น แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรที่ได้ดั่งใจแม่ซักอย่าง แม่คาดหวังว่าผมจะทำกิจกรรมเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของเพื่อนๆและคุณครูที่โรงเรียน ผมก็พยายามทำทุกอย่าง ถึงแม้จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ผมก็พยายามแล้ว...
จนเมื่อผมอยู่ม.6 แม่อยากให้ผมสอบเข้าคณะแพทย์ ทั้งๆที่ผมพยายามบอกแม่แล้วว่าผมไม่อยากเป็นหมอ แต่ดูเหมือนว่าคำอุทธรณ์ของผมจะไม่มีผลกับแม่แต่อย่างใด คำขาดของแม่ก็คือ...
“แกต้องสอบเข้าแพทย์ให้ได้ ไม่อย่างงั้น ชั้นก็ไม่มีลูกอย่างแก...”
คำพูดของแม่เหมือนประกาศิต ผมไม่กล้าที่จะโต้แย้งอะไรอีก พยายามเรียนกวดวิชาและอ่านหนังสืออย่างหนักเพื่อให้ทุกอย่างเป็นได้อย่างที่แม่ต้องการ...
แต่การสอบเข้ามหาวิทยาลัย ไม่ใช่ว่าเพียงแค่อยากเข้าเรียนก็ได้เรียน สำหรับผม มันเป็นการสอบที่หนักที่สุดตั้งแต่เกิดมา เพราะผมไม่ได้แข่งเพื่อหาความรู้ให้กับตัวเองอย่างเดียว แต่ยังต้องแข่งกับคนอีกเป็นหมื่นเป็นแสน ที่ก็ต้องการเข้าไปเรียนต่อเหมือนกับผม...
..........................................................

ตั้งแต่จำความได้ ผมก็อยู่กับแม่เพียงสองคน ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต แม่เป็นคนจัดการให้ผมเกือบทั้งหมด ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าแม่คิดถูกแล้วที่มีอาชีพเป็นอาจารย์ เพราะด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย น้ำเสียงเย็นชาและกิริยาการเดินเนิบๆ เพียงแค่นี้ก็ทำให้นักเรียนที่มีแนวโน้มจะเกเร ต่างหัวหดกันหมด ซึ่งก็ไม่ได้ยกเว้นผมแต่อย่างใด
ตั้งแต่เด็กมา ผมจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่แม่ยิ้มให้ผมน่ะเมื่อไหร่ และจำไม่ได้แล้วว่าโดนแม่ตีกี่ครั้งกี่หน บางครั้งก็เพียงแค่เพราะว่าทำการบ้านผิด หรือไม่ก็ดูโทรทัศน์นานไปหน่อย ผมไม่เคยได้แสดงความคิดเห็นหรือแสดงความต้องการอะไรให้แม่เห็นเลย เพราะแม่ไม่เคยฟังและไม่เคยที่จะสนใจความคิดใดๆของผมทั้งสิ้น สิ่งที่ได้ยินได้ฟังจนชินก็คือ แม่สอนเด็กให้ได้ดีหลายคนแล้ว ทำไมจะสอนลูกให้ได้ดีไม่ได้ แต่มันเหมือนกับว่าแม่จะเข้มงวดกับผมจนแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง เพื่อนแต่ละคนของผม จะต้องถูกแม่ซักถามก่อนที่จะคบด้วยเสมอ เพราะกลัวว่าเพื่อนเหล่านั้นจะมาชักจูงให้ผมออกนอกลู่นอกทาง จนบรรดาเพื่อนของผมต่างถอยห่างจากผมจนเกือบไม่มีเพื่อนเหลืออยู่เลย คงเหลือเพื่อนบางคนที่ผมต้องแอบคบอยู่เพราะกลัวว่าแม่จะเข้ามาวุ่นวายจนเพื่อนกลุ่มสุดท้ายนี้ต้องเลิกคบกันไปอีก ซึ่งความอึดอัดนี้มันสะสมอยู่กับผมมาเป็นเวลาหลายสิบปี จนกระทั่งถึงวันนี้...
..........................................................

“แล้วทีนี้จะทำยังไงต่อ...” เสียงเย็นชาของแม่ดังขึ้นอีก “...ไม่ต้องเรียนดีมั๊ย ชั้นจะเอาแกไปฝากครูใหญ่ ให้ช่วยรับแกเข้าไปเป็นภารโรงของโรงเรียน บอกตรงๆว่าชั้นคิดผิดจริงๆ รู้อย่างนี้เอาขี้เถ้ายัดปากแกตั้งแต่เด็กๆก็ดีแล้ว”
คำพูดของแม่ทำให้ผมสะอึก ทำไมแม่ต้องกดดันผมหนักขนาดนี้ด้วย
“นี่ถ้าพ่ออยู่...” ผมเอ่ยขึ้น แต่แม่ตัดบทเสียงดัง
“ไม่ต้องพูดถึงพ่อแกเลย...” เสียงเย็นชาของแม่เข้มขึ้น “...แกนั่นแหล่ะที่ทำให้พ่อแกออกจากบ้านไป ยังมีหน้าไปพูดถึงมันอีก”
“แต่..” ผมจ้องหน้าแม่ เพราะไม่เคยได้ยินเรื่องของพ่อมาก่อน ไม่รู้ด้วยว่าเกี่ยวอะไรกับผม
“พอแล้ว...” แม่ตัดบท “...ชั้นไม่พูดเรื่องนี้กับแกอีก รู้ไว้ซะด้วยว่าชั้นทนเลี้ยงแกมาเนี่ยก็เพราะอยากให้พ่อของแกรู้ว่าชั้นก็มีปัญญาเลี้ยงแกได้ แต่แกกลับทำตัวไม่ได้เรื่องเหมือนพ่อแก แกไม่มีอะไรที่เหมือนชั้นซักนิด นี่ถ้าชั้นไม่ได้เบ่งแกออกมาเองนะ ชั้นคงไม่เชื่อหรอกว่าแกเป็นลูกของชั้น”
ประโยคสุดท้ายของแม่ทำให้ความอดทนของผมถึงขีดสุด ผมลุกออกจากเก้าอี้ในห้องและเดินออกจากห้องไปทันที
“จะไปไหน...แกยังไม่ไหนไม่ได้ ชั้นยังพูดไม่จบ” แม่ตะโกนไล่หลังมา แต่ผมไม่สนใจจะฟังอีกแล้ว...
...........................................................................

ผมเดินออกมาจากบ้าน ตรงไปหน้าปากซอยซึ่งเป็นที่สิงสถิตของบรรดาเพื่อนๆกลุ่มสุดท้ายของผมเพราะเพื่อนที่โรงเรียนหรือเพื่อนที่อื่น ต่างถูกแม่ของผมถามโน่นถามนี่จนหนีผมไปหมดแล้ว ซึ่งก็เป็นไปตามคาดเพราะพวกมันนั่งอยู่ที่ร้านกาแฟกันครบหน้าเพราะแต่ละคนก็ไม่ได้ทำอะไร นอกจากจะมานั่งสุมหัวกันอยู่ที่นั่นทั้งวัน...
............................................................................

“มึงก็เลยเดินหนีออกมาจากบ้าน...” เปี๊ยกถามพลางหัวเราะเสียงดังลั่น เพื่อนคนอื่นๆที่นั่งอยู่ด้วยก็พลอยหัวเราะไปด้วย “...แค่เนี้ย?”
“มึงจะให้กูทำยังไงล่ะ...” ผมพูดเสียงหงุดหงิด เพราะหวังว่ามาคุยกับเพื่อนๆที่ร้านกาแฟหน้าปากซอยแล้วจะสบายใจขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่าโดนพวกมันหัวเราะเยาะอีก
“เป็นกู กูไม่ยอมเว้ย...” ไอ้เติมพูดพลางหัวเราะก่อนจะจ้องหน้าผม “...มีอย่างที่ไหนวะ ด่าเอาๆ อยากเป็นหมอก็มาเรียนเองสิวะ”
“แล้วกูจะทำยังไงดีเนี่ย...” ผมพูดด้วยความกลุ้มใจเพราะไม่รู้จะทำยังไงต่อ มองเหม่อไปบ้านตัวเองที่เห็นอยู่ลิบๆ หางตาเหลือบเห็นพวกมันมองสบตากัน
“แม่มึงเครียดมาก...” เสียงไอ้เปี๊ยกพูดเบาๆ “มึงไปหาวิธีให้แม่มึงลดความเครียดหน่อยเถอะ”
“กูก็เห็นแม่กูเครียดมาตั้งแต่กูเกิดแล้ว...” ผมบ่น “...ไม่รู้จะทำยังไงนี่หว่า”
“ไม่ต้องห่วง...” เปี๊ยกตบไหล่ผมเบาๆ “...พวกกูเป็นเพื่อนมึง มึงไม่สบายใจ พวกกูก็พลอยไม่สบายใจไปด้วย เอ้านี่...” มันพูดพลางล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบซองพลาสติกเล็กๆขึ้นมาซองนึง ชูที่หน้าของผม
“...นี่เป็นยาแก้เครียด พวกกูเก็บไว้ใช้เวลาที่มีเรื่องกลุ้มใจ มึงเอาไปให้แม่มึงกิน รับรองว่าหายเครียด บอกไว้ก่อนนะโว้ย นี่ของแพงนะ ถ้าไม่รักกันจริง กูไม่ให้มึงหรอก”
“แล้วแม่กูจะยอมกินเหรอวะ...” ผมยื่นมือไปรับ ภายในซองมีผงสีขาวอยู่ค่อนถุง “...กูยังไม่เคยเห็นแม่กูกินยาอะไรเลย แล้วเดี๋ยวเค้าถามว่าเอามาจากไหน กูขี้เกียจอ้างถึงพวกมึง”
“มึงก็ไม่ต้องให้แม่มึงรู้สิ...” เติมพูดเบาๆ “...กูรับรองแทนไอ้เปี๊ยกเลย พอแม่มึงกินยาแล้วนะ รับรองจะรักมึงมากเลยล่ะ แล้วต่อไปจะไม่หาเรื่องด่า หรือขัดใจอะไรมึงอีกเลย เชื่อกูสิ”
“ไม่เป็นอันตรายนะมึง” ผมคาดคั้น
“กูจะหลอกมึงทำห่าอะไรวะ...” เปี๊ยกทำเสียงจริงจัง “...ถ้ามันกินแล้วตาย กูจะเอาติดตัวไว้ทำห่าอะไร มึงนี่คิดโง่ๆ”
ผมพยักหน้า มองหน้าพวกมันสลับกันไปมาพลางคิดว่ายาที่พวกมันให้ก็คงไม่พ้นพวกยาอีหรือยากล่อมประสาท เพราะพวกมันเป็นเด็กข้างถนน จะเอายาแก้เครียดจริงๆมาจากที่ไหน...
บางที...บางทีนะ ถ้าแม่ได้กินยาพวกนี้สักครั้ง อาจจะดีขึ้นก็ได้ เพราะแม่ดูเครียดอยู่ตลอดเวลา ถ้าได้ผ่อนคลายลงบ้างอาจจะดีขึ้นก็ได้ ความคิดของผมเวลานั้น อะไรก็ได้ที่ทำให้แม่เลิกวุ่นวายกับผมซักที ผมคิดพลางมองหน้าพวกมันอีกครั้ง...
.............................................................

“เมื่อกี้ผมขอโทษครับที่เดินออกจากบ้านไป” ผมยืนอยู่หน้าแม่ที่กำลังเตรียมอาหารเย็น
“ไม่เป็นไร แกไปอาบน้ำแล้วเตรียมลงมากินข้าวได้แล้ว มีอะไรไว้เดี๋ยวค่อยคุยกันหลังกินข้าว” เสียงของแม่ยังเย็นชาเหมือนเดิม ผมมองหน้าแม่อีกครั้งก่อนจะเดินไปอาบน้ำ
กลับลงมาจากอาบน้ำ แม่ก็ขยับตัว
“กับข้าวเสร็จแล้ว ชั้นไปอาบน้ำก่อน แกจะกินก่อนหรือรอก็ตามใจนะ” โดยไม่รอฟังคำตอบ แม่เดินขึ้นไปข้างบนทันที
ผมมองตามร่างที่เดินขึ้นไปชั้นบน นิ่งคิดอะไรอีกครั้งก่อนจะหยิบซองพลาสติกขึ้นมา และเทผงสีขาวลงไปในแก้วน้ำของแม่เกือบครึ่งนึง ผมใช้ปลายช้อนคนจนผงเหล่านั้นละลายเป็นเนื้อเดียวกับน้ำ และนั่งรอแม่ลงมาทานข้าวพร้อมกัน...
.................................................................

ผมนั่งกินข้าวกับแม่ ตาก็คอยเหลือบมองแม่อยู่ตลอด
“เป็นอะไร กินไปสิ เดี๋ยวเสร็จแล้วเราค่อยขึ้นไปคุยกันข้างบน” แม่พูดพลางยกแก้วน้ำที่ผมผสมยาแก้เครียดขึ้นดื่มจนหมดแก้ว
“ครับ” ผมตอบสั้นๆ หวังว่าถ้าแม่ได้พักอย่างเต็มที่ บางทีแม่อาจจะอารมณ์ดีขึ้นบ้าง...
แม่นั่งเฉยๆซักพักก็เอ่ยปากขึ้น ทำให้ความหวังของผมดับวูบลง
“เดี๋ยวกินเสร็จแล้วตามชั้นขึ้นไปข้างบนนะ จะเอายังไงต่อก็พูดให้รู้เรื่องวันนี้แหล่ะ” แม่พูดจบก็ลุกขึ้นจากโต๊ะกินข้าวและเดินขึ้นข้างบนโดยไม่หันมามองผมอีก ผมนั่งสะอึกอยู่ในใจ อิ่มตื้อเดี๋ยวนั้นเลย นั่งฟุ้งซ่านอยู่ซักพักก็ตัดสินใจลุกขึ้นจากโต๊ะกินข้าวแล้วเดินตามแม่ขึ้นไปที่ห้องของแม่...
..................................................................

“แกจะทำยังไงต่อ” เสียงของแม่ยังเย็นเฉียบอย่างเสมอต้นเสมอปลายในความคิดผม ยาของไอ้พวกนั้นคงไม่ได้ผล แม่นั่งอยู่บนเตียง ส่วนผมยกเก้าอี้มานั่งอยู่ต่อหน้าแม่
“ผม...” ผมไม่รู้จะพูดอะไร “...ผมแล้วแต่แม่ครับ” แม่พยักหน้า ใบหน้าเรียบเฉย จากนั้นก็เริ่มด่ากรอกหูของผมเหมือนทุกครั้ง จนผมอยากจะเอามืออุดหูแล้ววิ่งหนีออกไปจากห้องแม่ แต่ก็รู้ว่าทำอย่างนั้นไม่ใช่วิธีที่ฉลาด เพราะยังไงซะ ผมก็หนีแม่ไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว
“ชั้นพยายามจะให้แกมีอาชีพการงานที่ดี ก็เลยอยากให้แกเรียนแพทย์ แทนที่แกจะพยายาม แกดันไม่ยอมตั้งใจเรียน เอาแต่เล่นทั้งวัน...” แม่พูดเสียงเรียบๆแต่เชือดเฉือนตามสไตล์ “...แก...แก..ถ้าแก..อืมม...ถ้าแกตั้งใจจริงซักหน่อยนะ...อืมม...”
จู่ๆแม่ก็พูดตะกุกตะกัก เสียงที่เคยเย็นชาเริ่มสั่น ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีชมพูจางๆ ขนลุกชันไปทั้งตัวจนสังเกตเห็นได้ แม่เอามือกุมขมับเหมือนกับจะเป็นลม
“แม่ เป็นอะไรครับ” ผมถามด้วยความตกใจเพราะไม่เคยเห็นแม่เป็นอย่างนี้มาก่อน
“ชั้นไม่ได้...เป็นอะไร...” แม่ตวาดขึ้น แต่เสียงที่ออกจากปากกลับสั่นระริกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “...ชั้น..ยังพูด....ไม่จบ...”
ผมดูด้วยความมึนงง ถ้ายาของไอ้พวกนั้นออกฤทธิ์จริง แม่ต้องมีท่าทางผ่อนคลายสิ ไม่ใช่ดูกระวนกระวายอย่างนี้
“ชั้น...” แม่พยายามจะพูดต่อ แต่ก็ต้องก้มหน้านิ่ง เสียงลมหายใจเข้าออกดังหนักหน่วงคล้ายกับพยายามควบคุมอารมณ์อยู่ ใบหน้าที่ระเรื่อเป็นสีชมพูในตอนแรกนั้น บัดนี้ได้แดงกล่ำไปจนถึงต้นคอ
ร่างที่นั่งอยู่บนเตียงก้มหน้า พยายามหายใจเข้าออกช้าๆ เบียดต้นขาทั้งสองข้างไปมาช้าๆจนชุดนอนที่แม่สวมอยู่ยับย่นไปด้วยแรงบิดนั้น “ทำไมเป็นอย่างนี้...” เสียงแม่พึมพำกับตัวเอง ซึ่งผมฟังไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร รู้อยู่แต่ว่าอาการของแม่เหมือนคนไม่สบาย แต่ก็ไม่เคยเห็นมาก่อน ร่างของแม่ก้มหน้าอยู่อย่างนั้นซักพัก ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างรุนแรง “...ไม่ไหว...แล้ว...” เสียงแม่พึมพำเบาๆ
“เอก...” แม่เงยหน้าเรียกผม เสียงที่ผ่านริมฝีปากออกมา ทำให้ผมต้องเงี่ยหูฟังอย่างแปลกใจ เพราะไม่เคยได้ยินแม่เรียกผมด้วยเสียงนุ่มนวลขนาดนี้มาก่อน แววตาที่แม่มองมานั้นเปล่งประกายบางอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน มันหยาดเยิ้มจนผมต้องก้มหน้าหลบสายตาของแม่
“ครับ” ผมขานรับเบาๆอย่างไม่รู้จะทำยังไง
“แม่เป็นอะไรก็ไม่รู้...” เสียงอ่อนนุ่ม แหบพร่านั้นสั่นคลอนประสาทผมอย่างรุนแรงเพราะมันเจือไปด้วยสำเนียงที่เร่าร้อน จนแม้แต่คนที่ไม่เคยผ่านประสบการณ์เรื่องผู้หญิงมาก่อนอย่างผมก็ยังรู้สึกได้ “...มันเป็นมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย เอก”
“แม่..แม่เป็นอะไรล่ะครับ” ผมพยายามถามเสียงตะกุกตะกัก แล้วก็ต้องใจหายวาบเพราะแม่ขยับมือทั้งสองข้างลูบไล้ต้นขาของตัวเองอย่างแผ่วเบา
“แม่...แม่อึดอัด......ทำไมเป็นอย่างนี้ แม่...แม่ทน...ทนไม่ไหวแล้ว” เสียงสั่นระริก ร่างที่นั่งอยู่บนเตียงค่อยๆบิดกายไปมาช้าๆ สองมือที่ลูบไล้ต้นขาค่อยๆขยับเลื่อนขึ้นมาด้านบนจนฝ่ามือทั้งสองข้างสัมผัสกับเต่งเต้าที่อยู่ภายใต้เสื้อนอน
“แม่...” ผมอุทานเสียงหลง เพราะไม่คิดว่าจะเห็นภาพอย่างนี้
ร่างที่นั่งลูบไล้เรือนร่างของตัวเองอยู่บนเตียง บิดกายไปมา หลับตาพริ้ม ใบหน้าแดงกล่ำ เสียงหอบหายใจของแม่ทำให้ผมขนลุกไปหมดทั้งตัว เพราะมันแหบพร่าอย่างยั่วยวนยังไงบอกไม่ถูก สองมือที่ลูบไล้เต่งเต้านั้นขยับขึ้นไปบนไหล่ของตัวเอง
“แม่...” ผมอุทานอีกครั้ง เมื่อแม่ปลดสายชุดนอนออกจากร่าง ผิวกายขาวผ่องของแม่สว่างวาบขึ้นต่อหน้าต่อตาผม
ด้วยวัยย่างเข้า 40 ของแม่ ถึงจะไม่ใช่สาวแรกรุ่น แต่ผิวกายที่ขาวเนียน บวกกับการรักษาเนื้อรักษาตัวของแม่ ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างภายในร่างของแม่ ยังคงเต่งตึงจนดูอ่อนวัยกว่าอายุจริง
ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สองตาของผมจ้องมองร่างของแม่ตาแทบถลน และทั้งๆที่รู้ว่าไม่เหมาะสม แต่ท่อนเนื้อที่อยู่ในกางเกงดันแข็งตัวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ สายตามองลาดลงมาจากลำคอที่ขาวผ่อง เห็นสองเต้าที่เคลื่อนคล้อยลงบ้างตามอายุ แต่ยังคงรูปไว้ไม่คล้อยยานจนเสียสภาพแต่อย่างใด ป้านสีน้ำตาลจางๆประดับปลายยอดด้วยหัวนมสีน้ำตาลอ่อนพุ่งชูชันขึ้นมาราวกับเม็ดบัวขนาดย่อม สองมือของแม่ปาดเสื้อนอนลงมากองอยู่ที่เอว ก่อนจะวกฝ่ามือขึ้นลูบไล้และขยำขยี้สองเต้าช้าๆแต่หนักหน่วง พลางบีบบี้หัวนมที่แข็งชันนั้นเบาๆ เสียงครางที่หลุดออกมาจากแม่ทำให้ผมแทบคลั่ง
“แม่...เป็นอะไร” สำนึกสุดท้ายสั่งให้ผมถามแม่ที่นั่งแอ่นร่างบีบเคล้นเต่งเต้า ตอนนี้อย่าว่าแต่แม่เลยที่บิดไปมา ผมก็นั่งบิดขาไปมาอย่างทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน ท่อนเนื้อข้างในดันกางเกงนอนจนแทบทะลุ
“เอก...” เสียงเรียกของแม่ไม่ดังไปกว่าเสียงครางนั้น “...มานี่”
“ผม...” ผมลังเล ร่างที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมในขณะนี้ ทำให้ผมตัวแข็งไปหมดทั้งร่าง โดยเฉพาะท่อนเนื้อในกางเกง เหงื่อซึมทั่วแผ่นหลัง
“แม่บอกให้มานี่ไง...” เสียงเหมือนพยายามจะดุ แต่กระแสเสียงนั้นราวกับจะเชิญชวนเสียมากกว่า ฝ่ามือทั้งสองของแม่เปะปะไปมาบนเต้านมอ่อนนุ่มก่อนจะค่อยๆป่ายผ่านหน้าท้องลงมา
“แม่...” ผมอ้าปากค้างอีกครั้ง เมื่อร่างที่นั่งอยู่ต่อหน้านั้น ขยับเอวขึ้นเพียงนิด ก่อนจะดันชุดนอนที่กองอยู่ตรงเอวให้เลื่อนลงไปกองอยู่ที่ปลายเท้า สองขาที่เบียดเสียดบิดไปมานั้นค่อยๆถ่างกว้างออกจนเป็นรูปตัววี
สาบานได้ว่าตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยเห็นแม่ในสภาพที่เปล่าเปลือยมาก่อนเลย เกือบทุกครั้ง ถ้าไม่ใช่ชุดนอนก็เป็นชุดอยู่บ้าน หรือไม่ก็เป็นชุดที่ใส่ออกไปสอน...
แต่วันนี้ เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นร่างเปลือยเปล่าของแม่อย่างเต็มตาขนาดนี้ สายตาที่จับจ้องอยู่บนเต่งเต้าขนาดค่อนข้างใหญ่เลื่อนผ่านหน้าท้องลงไปจนถึงเนินเนื้อที่มีเส้นไหมดำสนิทปิดคลุมแผ่ทั่วหน้าขา
แม่เงยหน้าหลับตาพริ้ม แก้มแดงกล่ำ ฝ่ามือลูบไล้ ขยำขยี้บนเนินเนื้อจนเส้นไหมดำยุ่งเหยิงไปหมด ฝ่ามืออีกข้างก็วกกลับขึ้นไปบีบเคล้นสองเต้าอย่างหนักหน่วง เสียงหอบหายใจหนักหน่วงขึ้น
“แม่สั่งให้มานี่...” เสียงแหบพร่าดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ราวกับถูกมนต์สะกด ผมค่อยๆลุกขึ้นยืน ก้าวไปยืนอยู่หน้าร่างของแม่ที่กำลังนั่งอยู่ตรงขอบเตียง
“เอก..” เสียงหยาดเยิ้มอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนดังขึ้น “...ช่วยแม่...ด้วย...แม่...ไม่...ไม่ไหวแล้ว...”
ผมสะดุ้งทั้งตัวเพราะร่างของแม่ที่กำลังเคล้นคลึงเรือนร่างของตัวเองนั้น ขยับตัวมาประชิดร่างที่กำลังยืนอยู่ของผม และโดยที่ยังไม่ทันตั้งหลัก แม่ก็จับขอบกางเกงนอนซึ่งเป็นกางเกงยืดของผม และรูดลงไปกองกับพื้นทันที
“แม่...” ผมร้องเสียงหลง งอตัวด้วยความเคยชิน เพราะผมไม่เคยใส่กางเกงในเวลานอนมาก่อน ดังนั้น เมื่อแม่รูดกางเกงผมออกจากร่าง ท่อนเนื้อที่แข็งชันเนื่องจากภาพที่เห็นต่อหน้า จึงดีดพุ่งไปข้างหน้าจนแทบชนกับใบหน้าของแม่ที่ก้มลงมาระหว่างที่รูดกางเกงนอนผมออก...
“อยู่เฉยๆ...” เสียงแหบพร่านั้นยังคงสั่งอยู่ สองมือของแม่ปราดเข้ามาลูบไล้หน้าท้องของผมจนผมเสียววาบไปทั้งตัว มือนั้นป่ายเปะปะจนสัมผัสท่อนเนื้อแข็งเกร็งที่ตั้งขนานกับพื้นเนื่องจากความเสียวที่ได้รับ
ผมสะดุ้งไปทั้งร่างเพราะอุ้งมือที่อ่อนนุ่มของแม่คว้าที่ดุ้นเอ็นขนาดพอดีมือ มืออีกข้างหนึ่งของแม่โอบสะโพกของผมและดึงตัวเข้าไปจนยืนจ่อท่อนเนื้ออยู่ตรงกับใบหน้าของแม่
“แม่...” ผมอุทานเสียงหลง เมื่อร่างที่นั่งอยู่บนขอบเตียงก้มหน้าลงมาที่ดุ้นเอ็นและตวัดลิ้นเลียจนรอบ ก่อนจะอ้าปากอมท่อนเนื้อเข้าไปในปากจนแทบถึงโคน ผมเสียววาบ ขนลุกไปหมดทั้งตัว ริมฝีปากที่ร้อนผ่าวผสมกับปลายลิ้นที่ตวัดไล้เลียไปมา ทำให้ผมต้องแอ่นตัวขึ้นรับความเสียวที่ได้รับอย่างไม่นึกไม่ฝันมาก่อน
ร่างของแม่ที่ก้มหน้าก้มตาดูดดุ้นเนื้ออย่างหิวโหย ทำให้ผมเกร็งไปทั้งร่าง ทำไมจู่ๆแม่ถึงเป็นอย่างนี้ ทั้งๆที่เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี้เอง แม่ทำท่าเหมือนจะไล่ผมออกจากบ้าน แต่ตอนนี้กลับทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้
ผมยืนเห็นแม่ขยับศีรษะเข้าออกกับหว่างขาของผมอยู่ชั่วครู่ ก็เงยหน้าขึ้น ริมฝีปากของแม่มันเยิ้มไปด้วยน้ำลายซึ่งก็เลอะบนท่อนเนื้อของผมจนเป็นคราบมันวับ สองขาของผมสั่นระริกด้วยความเสียวที่ผ่านมาจากริมฝีปากของแม่ และผมก็ต้องเซขึ้นไปนั่งบนเตียงเมื่อแม่ดึงตัวผมขึ้นไปนั่งบนเตียง
“มานี่...เอก...” เสียงสั่นระริกของแม่ดังขึ้น ทำให้ผมนึกภาพไปถึงหนังที่เคยแอบดู เพราะพอถึงตอนนี้ ผมเริ่มจะรู้แล้วว่าแม่จะจบเรื่องนี้ยังไง
พอคิดอย่างนั้น ก็ยิ่งทำให้ผมเสียวไปหมดทั้งตัว นี่แม่จะเล่นพิเรนทร์อะไรกับผมอีก เพราะเพียงแค่นี้ก็ทำให้ผมแทบขาดใจตายอยู่แล้ว ท่อนเนื้อที่เป็นมันวาวด้วยคราบน้ำลายของแม่แข็งเกร็งขึ้นราวกับหิน
ผมมานั่งอยู่ขอบเตียงข้างๆแม่ พอสบตาแม่ ผมก็ต้องหลบตา เพราะแววตาของแม่นั้นมันมีประกายอะไรบางอย่างที่ผมก็บอกไม่ถูก เสียงหอบหายใจของแม่ยิ่งทำให้ผมนั่งเบียดท่อนขาไว้แน่นเพราะกลัวว่าแม่จะเห็นว่าท่อนเนื้อที่ตรงกลางนั้นมันบอกถึงความปรารถนาของเจ้าของอย่างไม่สามารถปิดบังได้...
แต่แม่ไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่นิดเดียว สองมือของแม่ดันร่างผมลงไปนอนหงายอยู่บนเตียง ร่างขาวเนียนขยับตัวปีนขึ้นมาคล่อมอยู่บนร่างของผม สองเต้างามแกว่งไกวไปมาตามการขยับตัว แม่ขยับประชิดแนบใบหน้าลงกับใบหน้าผมและ...
“อืมม...” ผมครางออกมาเบาๆ เมื่อแม่ประกบริมฝีปากกับผมแนบแน่น ปลายลิ้นเรียวเล็กร้อนผ่าวโผล่พ้นริมฝีปากเรียวงาม ไต่ตวัดไปมาอยู่บนริมฝีปากผม ก่อนจะมุดแทรกเข้าไปภายในจนปลายลิ้นของเราสัมผัสกัน
ผมสะดุ้งเฮือกไปทั้งร่างเหมือนถูกไฟชอร์ต เมื่อปลายลิ้นอ่อนนุ่มนั้นกวาดจนทั่วทั้งปากและตวัดลิ้นเข้าพันกับลิ้นของผม สองมือแม่ลูบไล้ทั่วร่างผมก่อนจะไปหยุดอยู่ที่กลางหว่างขาและเคล้นคลึงท่อนเนื้อที่แข็งราวกับหินนั้นอย่างแผ่วเบาจนผมต้องแอ่นตัวขึ้นรับความนุ่มนวลนั้น อุ้งมือของแม่รูดท่อนเอ็นของผมขึ้นลงช้าๆ แต่มันยิ่งเพิ่มความเสียวให้ผมมากขึ้นไปอีก
“แม่...แม่ครับ...ผม...” ผมครางเบาๆ ร่างแอ่นขึ้นลงตามอุ้งมือของแม่ที่ทำหน้าที่อย่างต่อเนื่อง แม่หยุดเสียงครางของผมด้วยริมฝีปากอ่อนนุ่ม ปลายลิ้นของแม่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ผมได้แต่นอนบิดไปมาด้วยความเสียว จนกระทั่งลิ้นเรียวงามของแม่แตะกับหน้าอกของผม ริมฝีปากร้อนผ่าวประกบกับนมที่พึ่งแตกพานของผม ผมแทบจะขาดใจตาย ชาไปหมดทั้งร่าง เมื่อปลายลิ้นของแม่ฉวัดเฉวียนอยู่บนหัวนมทั้งสองข้าง
ผมได้แต่นอนกระตุกร่างด้วยความเสียวอยู่อย่างนั้น จนรู้สึกว่าแม่พลิกตัวนอนหงายและดึงร่างของผมขึ้นไปนอนอยู่บนตัวแม่
“เอก..เอก..ช..ช่วยแม่...ช่วยแม่ด้วย...” เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหูของผมที่ตอนนี้พลิกตัวขึ้นไปนอนอยู่บนร่างขาวโพลนนั้น สองมือของแม่ป่ายเปะปะลูบไล้อยู่บนแผ่นหลังของผม
ผมคงจะต้องฆ่าตัวตายแน่ๆ ถ้าไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อ ถึงแม้จะไม่มีประสบการณ์เรื่องผู้หญิงมาก่อน แต่ธรรมชาติก็สอนให้ผมรู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหน...
ใบหน้าเย็นชาที่มองผมอย่างเรียบเฉยตั้งแต่เมื่อสมัยที่ผมยังเด็กจนผมแทบไม่อยากมอง แต่ตอนนี้ผมกลับจูบไซ้ใบหน้านั้นจนทั่วก่อนจะมาประกบปากกับริมฝีปากที่เคยเชือดเฉือนผมมาตลอด เจ้าของริมฝีปากบางนั้นรีบเผยอริมฝีปากรอรับปลายลิ้นของผมที่สอดแทรกเข้าไปควานจนทั่วและตวัดพันลิ้นกับเจ้าของปากจนแทบแยกไม่ออก
ผมเล่นลิ้นอยู่อย่างนั้นจนพอใจก่อนจะค่อยๆเลื่อนใบหน้าลงมาซุกไซ้อยู่ตรงซอกคอ แม่เงยหน้าครางเสียงกระเส่า เร้าอารมณ์ให้ผมยิ่งพลุ่งพล่านมากขึ้นไปอีก จนเมื่อใบหน้าผมซบอยู่กับร่องอก สองมือเลื่อนขึ้นมาประกบอยู่กับสองเต้าที่อ่อนนุ่มแต่ยังคงรูปงามอยู่ ผมเคล้นคลึงเต้างามอย่างแผ่วเบา...
“เอก...แรง...แรงกว่านี้...” เสียงเร่งเร้าของแม่ ทำให้ผมบีบเคล้นเต้าทั้งสองหนักหน่วงขึ้นจนแทบแหลกคามือ แต่แทนที่แม่จะเจ็บปวด กลับแอ่นอกขึ้นรับแรงบีบเคล้นนั้นด้วยความเต็มใจ ใบหน้าของผมที่ซบอยู่กับร่องอกค่อยๆขยับไต่ขึ้นไปหาปลายยอดที่แข็งชันรออยู่
“อูยย...นั่น..นั่นแหล่ะ..เอก...นั่นแหล่ะ...” แม่สะท้านขึ้นทั้งตัว เมื่อริมฝีปากผมประกบเข้ากับเม็ดบัวปลายยอด ผมเม้มปากดูดดึงหัวนมพลางใช้ปลายลิ้นตวัดไล้เลียอย่างเอร็ดอร่อย เสียงครางของแม่ดังขึ้นไปอีก สองเต้าของแม่ขยับขึ้นลงตามแรงหอบหายใจ ผมยังคงสลับริมฝีปากดูดดื่มความหอมหวานจากเต่งเต้าทั้งสองข้างจนเนินอกของแม่แดงช้ำไปด้วยแรงบีบเคล้นและเปียกเยิ้มไปด้วยน้ำลายที่ละเลงจนทั่ว
ผมไล้ปลายลิ้นลงมาจนถึงหน้าท้องแบนราบโดยที่สองมือยังคงบีบเคล้นเต้างามทั้งสองอย่างหนักหน่วงเป็นจังหวะ จนใบหน้าผมลงมาซบอยู่บนเนินเนื้อที่ปกคลุมด้วยไหมดำสนิท แม่เด้งเอวขึ้นอย่างลืมตัวเมื่อผมไล้ปลายลิ้นจนกลุ่มไหมงามนั้นเปียกชื้นไปด้วยน้ำลายมองเห็นเป็นเงาวาววับ
“เอก..เอก..” แม่กระหืดกระหอบเรียกเมื่อผมค่อยๆซุกใบหน้าลงบนร่องเนื้อที่ดำสนิทไปด้วยเส้นไหมลาดยาวลึกลงไปถึงด้านหลัง ผมจับต้นขาของแม่ถ่างออกจากกันโดยที่ไม่ต้องใช้แรงแม้แต่นิดเดียว เพราะแม่รีบขยับตัวแยกขาให้ด้วยความเต็มใจ
เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นร่องรักของผู้หญิงอย่างชนิดที่เรียกว่าเห็นในระยะเผาขนอย่างนี้ กลีบเนื้อสีน้ำตาลอ่อนของแม่ลากจากด้านบนที่มีปุ่มที่ไวต่อความรู้สึกยื่นออกมาจนเห็นเป็นเม็ด ร่องนั้นยาวลึกหายไปด้านล่างปกคลุมไปด้วยสีดำที่ระเกะระกะตลอดทางจนแทบมองไม่เห็นร่องรัก ผมจ้องอย่างตื่นตะลึงเพราะภายในร่องรักนั้น เอ่อซึมไปด้วยหยาดน้ำขาวใสจนแทบจนล้นออกมาจากร่อง
“เอก..” เสียงเตือนของแม่ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ผมขยับใบหน้าเข้าหาร่องรักนั้นอย่างไม่นึกรังเกียจ ปลายลิ้นที่ทำงานอย่างหนักตอนที่ควานหาความหอมหวานจากสองเต้าด้านบน ค่อยๆแตะลงในร่องรักก่อนที่จะลากขึ้นลงตามความยาวของร่องช้าๆ
“อ๊ายย....” แม่กระตุกไปทั้งร่างเมื่อผมตวัดลิ้นอยู่บนติ่งเนื้อด้านบนและแทรกลิ้นเข้าไปภายใน ตอนนี้ใบหน้าผมแนบกับร่องเนื้อของแม่จนแนบสนิท กลิ่นคาวจากหยาดน้ำรักยิ่งทำให้ผมหมดความอดทนทีละน้อย...
“เอก..แม่..แม่ไม่ไหว...แล้ว...” เสียงกระหืดกระหอบของแม่บอกให้ผมรู้ว่าบทจบของเรื่องนี้ควรจะเป็นยังไง ผมขยับตัวขึ้นไปนอนประกบอยู่บนร่างขาวละเอียดของแม่และใช้หัวเข่าแยกต้นขาของแม่ออกจากกัน แม่ขยับตัวเพื่อให้เข้าที่เข้าทาง แยกขาออกจนสุดโดยที่ผมคล่อมอยู่บนร่าง...
ผมเสียววาบอีกครั้งเมื่อแม่จับท่อนเนื้อที่แข็งเกร็งของผมรูดขึ้นลงช้าๆก่อนที่จะจ่อปลายหัวเข้ากับร่องรักที่เอ่อเยิ้มไปด้วยหยาดน้ำใส
“เข้ามาสิ...เอก...” แม่เอ่ยปากเสียงกระเส่า เอวขยับไปมารอท่อนเนื้อของผม ซึ่งก็ไม่ต้องให้แม่เตือนอีก ผมค่อยๆดันท่อนเนื้อเข้าไปในร่องรักช้าๆ รู้สึกเสียววาบไปหมดทั้งดุ้น แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันใจแม่ เพราะแม่จับเอวของผมไว้แล้วกดเอวของผมลงกับช่วงล่างของแม่อย่างรวดเร็วจนเนินเนื้อของแม่บดกับท่อนเนื้อของผมจนมิดดุ้น
“โอยยยย......” ผมครางสุดเสียงเมื่อท่อนเนื้อจมหายเข้าไปในร่องรักของแม่จนหมด ความอุ่นชื้นภายในโพรงรักทำให้ผมเสียวปลาบไปทั้งดุ้น
“ทำสิ...ทำสิเอก...เอก..” แม่ครวญครางเสียงดังลั่นห้องโดยไม่กลัวว่าใครจะได้ยิน เอวขยับไปมาเหมือนจะเตือนให้ผมต่อเรื่องให้จบซะที
ผมกดท่อนเนื้อนิ่งอยู่ในร่องรักของแม่อยู่ชั่วครู่เพื่อซึมซับความเสียวที่ได้รับอย่างไม่คาดฝัน โพรงรักของแม่ขมิบตอดดุ้นเนื้อของผมอย่างรุนแรงจนรู้สึกได้ ผมจ้องใบหน้าที่เคยเย็นชากับผมมาตลอดซึ่งตอนนี้ไม่เหลือเค้าเดิมแม้แต่น้อย ก่อนที่จะโยกตัวดึงท่อนเอ็นเข้าออกในร่องรักของแม่ช้าๆ
“อูยย..อย่างงั้น...อย่างงั้นแหล่ะ..เอก..” เสียงครางกระเส่าของแม่ดังเข้ากับจังหวะที่ผมโยกเอวเข้าใส่ ลิ้นเรียวเล็กเกลี่ยริมฝีปากบางที่แห้งผากจนผมต้องประกบปากเข้ากับริมฝีปากที่เคยดุด่าผมมาสารพัด แม่รีบตวัดม้วนลิ้นเข้าพันกับผมอย่างแทบไม่หายใจ ในห้องมีเพียงเสียงหอบหายใจและเสียงครวญครางของทั้งผมและแม่ดังระงม
ดุ้นเนื้อที่ซอยเข้าออกในร่องรักค่อยๆเร่งความเร็วและความหนักหน่วงขึ้น ตามอารมณ์ของผมที่ค่อยๆแตกกระเจิงมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งเสียงร้องครางและเรือนร่างของแม่ที่บิดไปมา ยิ่งทำให้ผมหมดเสียวซ่านมากยิ่งขึ้นไปอีก จนต้องบดกระแทกท่อนเนื้อเข้าใส่ร่องรักของแม่อย่างไม่กลัวว่าเนินเนื้อของแม่จะบอบช้ำ แต่มันกลับกลายเป็นยิ่งทำให้แม่ส่งเสียงครวญครางดังขึ้นไปอีก...
“เอก...เอก...ระ...เร็ว...แม่..แม่..” เสียงแม่ครางกระหืดกระหอบ ร่องรักของแม่เริ่มบีบรัดท่อนเนื้อของผมแน่นขึ้นเรื่อยๆ แม้จะไม่รู้ว่าแม่เป็นอะไร แต่ธรรมชาติก็บอกให้รู้ว่าผมไม่สามารถอดทนได้อีกแล้ว..
“แม่...แม่...ผมจะ..ผมจะเสร็จ...” ผมบดกระแทกท่อนเนื้อเข้าใส่ร่องรักของแม่อย่างถี่ยิบ ร่างของแม่แอ่นขึ้นรับการบดกระแทกจนเอวแทบไม่แตะพื้น
“เอก...” แม่ร้องครางเรียกชื่อผมดังลั่น ก่อนจะกอดเอวของผมไว้แน่น ร่างของแม่เหยียดเกร็ง ร่องรักบีบจนท่อนเนื้อของผมแทบขยับไม่ได้...
ถึงจะไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร แต่ผมก็เสียววูบไปทั้งร่าง กระแทกท่อนเนื้ออีกครั้งก่อนบดเอวแนบแน่นกับร่างของแม่จนดุ้นเนื้อจมหายเข้าไปในร่องรักจนมิด
“โอยย....” ผมครางเสียงลั่น ก่อนจะเกร็งท่อนเนื้อปลดปล่อยน้ำรักเข้าใส่ร่องรักของแม่อย่างทะลักทลาย ร่างของแม่สะท้านเฮือกขึ้นมาอีกครั้ง แอ่นช่วงเอวขึ้นรับน้ำรักของผมที่ฉีดพุ่งเข้าไปเหมือนไม่มีวันหมด...
.......................................................................

แม่นอนหายใจระรวย เหงื่อซึมทั่วใบหน้าอยู่บนเตียง ร่างงามที่ถูกผมบดขยี้จนแดงช้ำไปหมดยังคงนอนหงายอยู่อย่างนั้น ร่องรักของแม่มีหยาดน้ำรักของผมเอ่อเยิ้มออกมา ไหลล้นลงสู่ซอกขาหายลงไปบนผ้าปูเตียงโดยที่ผมพลิกตัวลงมานอนด้านข้าง ผมไม่กล้าหันไปมองหน้าแม่ ความคิดของผมสับสนไปหมด ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น ผมนึกไม่ออกว่าทำไมแม่ถึงได้มีอารมณ์พลุ่งพล่านอย่างรุนแรงขึ้นมาเหมือนเมื่อกี้นี้ แล้วหลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อ...
กำลังนอนคิดด้วยความกังวล ผมก็ต้องสะดุ้งเพราะรู้สึกว่าแม่จะพลิกตัวหันมาทางผม
“แม่ครับ...เอ่อ..ผม...ผม..” ผมไม่รู้จะพูดยังไงก็ต้องตกใจเพราะแม่เอื้อมมือมากอดผมอีกครั้ง ฝ่ามือลูบไล้หลังผมเบาๆก่อนจะวกกลับมาด้านหน้าจนอุ้งมือสัมผัสกับท่อนเนื้อที่พึ่งจะคลายตัวลง ปลายนิ้วทั้งห้าที่สัมผัสดุ้นเนื้อ ค่อยๆบีบคลึงอย่างแผ่วเบาจนผมขนลุกซู่ ทั้งๆที่พึ่งปลดปล่อยน้ำรักออกไป แต่สัมผัสที่ได้รับ ทำให้ท่อนเนื้อของผมขยับตัว
“แม่...แม่...เป็นอีกแล้ว...” เสียงแหบพร่าของแม่ดังขึ้นอีกครั้ง อุ้งมือที่บีบเคล้นดุ้นเนื้อของผมอยู่รูดเข้าออกช้าๆอย่างเป็นจังหวะจนมันแข็งตัวขึ้นมาอีกครั้งผมใจหายวาบ
“แต่...” ผมพยายามจะท้วง แม่เอามือปิดปากก่อนจะเปลี่ยนเป็นประกบริมฝีปากบางเฉียบเข้ากับริมฝีปากของผม แววตาที่จ้องมองผมนั้นเปล่งประกายหยาดเยิ้มจนผมต้องหลบตา
คืนนี้ สงสัยว่าผมคงต้องนอนค้างที่ห้องของแม่เสียแล้วล่ะ...
.................................................................

เช้าวันรุ่งขึ้น ผมลืมตาขึ้นมา รู้สึกอ่อนเพลียอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สายตาหยุดชะงักมองเพดาน เพราะนี่ไม่ใช่ห้องของผม ผมหันขวับไปมองด้านข้างก็ต้องตกใจเพราะมองเห็นร่างของแม่ที่นอนเปลือยเปล่าหลับสนิทอยู่ข้างตัวผม ส่วนตัวผมนั้นก็ไม่มีเสื้อผ้าอยู่บนร่างแม้แต่ชิ้นเดียว
ความตกใจทำให้ผมทะลึ่งตัวลุกขึ้นนั่งทันที แล้วก็ต้องรีบเอาผ้าห่มขึ้นมาบังท่อนล่างของตัวเองเพราะมันไม่มีอะไรปกปิดอยู่เลย ส่วนแม่ก็นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง ผมมองดูบนเตียงก็ต้องตกใจเพราะผ้าปูที่นอนบนเตียงแม่ยับยู่ยี่จนแทบจะหลุดออกจากที่นอน และที่ยิ่งกว่านั้นก็คือมีคราบอะไรบางอย่างเลอะบนเตียงเป็นดวง
“เมื่อคืนเอกทำอะไรแม่...” เสียงแผ่วเบาของแม่ดังลอดออกมาจากริมฝีปากที่นอนคว่ำอยู่ แม่ยังคงนอนคว่ำอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมหันหน้ามาคุยกับผมตรงๆ
“ผม...ผม...” ผมพูดไม่ออก
“เอกรังแกแม่...” เสียงนั้นยังคงแผ่วเบาอยู่ แต่กระแสเสียงไม่ได้เย็นชาเหมือนที่ผมเคยได้ยินอยู่ทุกวัน
“ผม...ผมเปล่า..” ผมยังคงตะกุกตะกักตอบ ก็ไม่ได้รังแกอะไรแม่เลย แม่ต่างหากที่บังคับให้ผมทำโน่นทำนี่อย่างเมื่อคืน
“แม่ไม่รู้เหมือนกันว่าแม่เป็นอะไร...” เสียงอู้อี้จากการที่นอนคว่ำหน้าพูดยังพูดต่อ “...แม่อยากจะโกรธตัวเอง อยากจะโกรธเอก ที่ทำเรื่องบัดสีอย่างเมื่อคืน...” เสียงของแม่แผ่วเบาลง ผมนั่งนิ่งใจสั่นระทึก แม่จะทำยังไงต่อ
“...แต่ไม่รู้สิ...” เสียงอ่อนนุ่มของแม่ดังขึ้นอีกครั้ง “...มันเหมือนกับได้ระบายอะไรบางอย่างออกมา แม่ไม่เคยรู้สึกสบายอย่างนี้มาก่อนเลย...” แม่พูดเหมือนคนละเมอ ผมได้แต่อ้าปากค้าง
“แม่...แม่ไม่โกรธผมเหรอครับ” ผมกลั้นใจถาม แม่หันมาจ้องหน้าผมนิ่ง กัดริมฝีปากของตัวเองแน่น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มบางๆ แก้มระเรื่อเป็นสีชมพู
“โกรธ...โกรธสิ...” ผมใจหายวาบ เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย “...จะโกรธมาก ถ้าเอกไม่ทำอย่างเมื่อคืนอีก” พูดจบแม่ก็ขยับตัวพลิกมาดึงร่างผมลงในนอนกอดอีกครั้ง...
หลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อ ผมก็ยังไม่รู้อนาคตเลยครับ...
บางที...บางทีนะ มันอาจจะเปลี่ยนอนาคตของผมก็ได้ ใครจะไปรู้...


6 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ20 พฤษภาคม 2560 เวลา 13:25

    ท้องกับพ่อ
    เธอถูกพ่อผู้ให้กำเนิด ขืนใจตั้งแต่อายุ 9 ขวบ จนถึงอายุ 15 ปี ก็ตั้งท้องกับพ่อของตัวเอง...ระหว่างนั้น เธอได้แต่งงานกับชายคนหนึ่ง เมื่อไปอยู่กับเขาได้เพียงเดือนเดียว เธอก็ให้กำเนิดเด็กผู้ชายคนหนึ่ง สามีของเธอรับไม่ได้กับเรื่องเช่นนี้ จึงต้องแยกทางกันไป...พ่อของเธอได้มาเอาตัวเด็กไปเลี้ยงดู และสอนให้เกลียดชังเธอ และพูดจาหยาบคาย....เธอได้แต่งงานใหม่อีกครั้ง สามีคนปัจจุบัน รักเธอ และไม่รังเกียจอดีตของเธอ...ต่อมา เธอได้มาพบกับหมู่คณะ ชีวิตใหม่ของเธอกำลังจะเริ่มต้นในทางที่ดี... หนู จะขอเล่าเรื่องที่อัดอั้นตันใจหนูมาตลอดชีวิต มันเป็นเรื่องเศร้าที่สลดหดหู่ และหนักมากสำหรับหนูจนสุดจะบรรยาย เรื่องนี้ทำให้หนูต้องเข้าโรงพยาบาล เพราะสภาพจิตที่ทนรับความทุกข์เอาไว้ไม่ไหว หนูหวังว่าเรื่องเหล่านี้จะเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนอื่นๆได้กลัวผลแห่งบาป ซึ่งจะนำความทุกข์ใจมาให้อย่างแสนสาหัส เรื่องมีดังต่อไปนี้ค่ะ@@@@@
    ตอนที่หนูยังเล็กๆ หนูยังอยู่กับพ่อแม่ จนหนูอายุ 9 ปี หนูโดนพ่อผู้บังเกิดเกล้าข่มขืนเป็นครั้งแรก เขาบังคับหนู โดยวางมีดไว้ใกล้ๆ เพื่อขู่ไม่ให้หนูโวยวาย หลังจากนั้น เขาก็หาโอกาสล่วงเกินหนู ตามแต่จะมีโอกาส เขาบังคับไม่ให้บอกใคร ไม่อย่างนั้นจะฆ่า ชีวิตของหนูเหมือนตกนรกบนดิน บางครั้งหนูคุยอยู่กับเพื่อนๆด้วยกัน เขาก็แอบซุ่มอยู่ใกล้ๆพร้อมกับส่งสายตาขู่ เพื่อไม่ให้หนูบอกใคร หนูอยู่ในภาวะจำยอม ที่บอกใครไม่ได้เพราะกลัวและสับสน เหตุการณ์เป็นไปอย่างนี้ จนหนูอายุ 15 ปี ปรากฏว่า หนูตั้งท้อง นอกจากหนูและเขาแล้ว คนอื่นๆไม่มีใครทราบ เพราะท้องโตไม่มาก ตั้งแต่นั้นหนูไม่สามารถเรียกเขาว่า เป็นพ่อได้อีกเลย ช่วงนั้นหนูต้องออกจากโรงเรียนวันหนึ่ง มีชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่ใกล้ๆบ้าน มาบอกว่า รักและขอแต่งงานกับหนู หนูเองก็ปกปิดไม่ให้รู้ว่า หนูท้องหลายเดือนแล้ว ในที่สุด หนุ่มคนนี้มาขอหนูที่บ้าน และพาหนูไปอยู่ที่อื่น แต่อยู่ไม่ถึงเดือน หนูก็คลอดลูก ทำให้สามีหนุ่มคนนี้ แม้เขาจะรักหนูมาก แต่เขาเองก็ทั้งอับอายและสับสนหลายอย่างว่า ภรรยาที่เอามาอยู่ด้วย เดือนเดียวก็คลอดลูกแล้ว สามีจึงไม่สามารถจะรับหนูไปอยู่ด้วยกันได้อีกต่อไป เราจึงแยกทางกันตอนนั้น หนูอายุ 16 ปี หนูต้องแบกทุกข์ที่หนักหนาสาหัส และลูกที่เกิดมาคนนี้ หน้าตาเหมือนกับพ่อของเขา (และเป็นคุณตาของเขาอีกด้วย) เหมือนอย่างกับแกะพิมพ์เดียวกันมา หนูรู้สึกเจ็บช้ำมาก เพราะเห็นหน้าลูกคนนี้แล้ว ทำให้นึกถึงบุคคลที่หนูเกลียดมากที่สุด สภาวะนั้นหนูเหมือนถูกฆ่าทั้งเป็น ในที่สุดหนูต้องหนีออกมาทั้งๆที่รักลูกมาก แล้วในที่สุดตัวพ่อ (และคุณตา) ของเด็ก ก็มาเอาเด็กไปเลี้ยงเอง ตอนเด็กอายุประมาณ 1-2 เดือน พ่อของหนูพยายามสอนให้ลูกคนนี้ เกลียดหนู และสอนสิ่งที่เลวร้าย และพูดจาหยาบคายจนหนูอายุ 20 ปี หนูได้พบกับ สามีคนปัจจุบัน ซึ่งเขารู้ประวัติของหนูทุกอย่าง แต่ก็ไม่รังเกียจหนู ไม่ว่าหนูจะเป็นอย่างไรเขาก็รักหนูมาก แต่งงานและพาไปอยู่ที่อื่น หนูตัดสินใจกลับไปเอาเด็กมาอยู่ด้วย ตอนนั้นเด็กอายุประมาณ 5ขวบ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ20 พฤษภาคม 2560 เวลา 15:08

    แล้ว เด็กเจอหน้าหนู ก็พูดด้วยคำหยาบคายว่า “มึงไม่ใช่แม่กู เอากูมาที่นี่ทำไม” หรือตอนที่เจอสามีคนปัจจุบันของหนู กำลังจะเข้าไปอุ้มด้วยความรัก เด็กกลับชกหน้าสามีคนปัจจุบัน แล้วพูดว่า “มึงไม่ใช่พ่อของกู” สามีและหนูร้องไห้ด้วยความเจ็บช้ำ บางครั้งเด็กเองก็เคยถามว่า ใครคือพ่อของเขา แต่หนูไม่ตอบ หนูเครียดจัด จริงๆแล้วหนูคิดฆ่าตัวตายมาตลอด ตั้งแต่มีลูกคนนี้ เสียใจที่ลูกของตัวเองแท้ๆ แต่เขากลับได้รับการสอนมาให้เกลียดแม่ตัวเอง สามีของหนูจึงพาหนูเข้าโรงพยาบาลประสาท จิตแพทย์บอกหนูว่า “นี่ไม่ใช่ความผิดของเด็ก เด็กเกิดมาไม่รู้เรื่อง และให้หนูทำใจให้ดี” หนูไม่รู้ว่า การทำใจให้ดี คือทำอย่างไร หนูอยู่ โรงพยาบาลประสาท 7 วัน หนูก็ยังเครียดเหมือนเดิมที่จริง ชีวิตรันทดของหนูยังมีมากมายไปกว่านี้ ยากมากที่จะบรรยาย บอกให้ใครได้รับรู้หรือแม้แต่จะเขียนมาเป็นตัวอักษร แต่โชคดีที่สามีคนปัจจุบัน เขารัก และจริงใจกับหนูอย่างแท้จริง ปัจจุบันหนูมีลูกกับสามีคนปัจจุบัน ทำให้ชีวิตในด้านอื่นๆของหนูดีขึ้นเรื่อยๆ ยกเว้นเรื่องของลูกคนแรก (ที่เกิดกับพ่อ) ที่เกรี้ยวกราด และทำความผิดเป็นประจำจนวันที่หนูได้มารู้จักกับหมู่คณะ เดี๋ยวนี้พอเครียดปุ๊บ หนูจะ “สัมมา อะระหัง” ทันที ตอนนี้หนูใจเย็นลงไปมาก และทำให้ลูกของหนูก็มีพฤติกรรมที่ดีขึ้น เมื่อหนูได้พาลูกมาที่วัด ลูกก็ชอบนั่งสมาธิมาก และนั่งเห็นดวงใสๆ ลูกกลายเป็นเด็กที่พูดจาไพเราะ และที่สำคัญ เขาบอกว่า เขาอยากบวชให้หนู หนูรักลูกหนูมาก ถึงลูกหนูจะเกิดมาจากพ่อแท้ๆของหนูที่ขืนใจ นี่คือแสงสว่างแรกในชีวิตของหนูเลยค่ะ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ20 พฤษภาคม 2560 เวลา 15:09

    จะทำให้แม่ให้แม่เสียใจหรอก แต่พอมันมีอารมณ์ลูกก็ห้ามตัวเองไม่ใด้ทุกครั้ง ลูกพูดไปร้องไห้ไป ฉันกลับเสียใจสงสารลูกเข้าไปอีก ทำให้ฉันคิดถึงสามีตอนแต่งงานกันใหม่ๆ สามีฉันก็วัย18ปีเท่ากับฉันในสมัยนั้น เอาใด้ทุกเวลา ฉันเองก็ตอบสนองไม่มีบ่น ลูกชายก็คงคล้ายๆกับอารมณ์ทางเพศของสามีแม้แต่ตอนฉันท้องยังไม่เว้นแต่ทำเบาๆเท่านั้น ฉันเองก็รู้สึกผิดที่นอนไม่ระวังตัวทำ ทำของลับหลุดให้ลูกเห็นบ่อยๆมันก็หน้าให้ลูกทำในสิ่งที่ผิดๆใด้ ฉันยอมพูดกับลูกทุกครั้งถ้าลูกขอก่อนจะทำแบบนั้นกับฉัน ถ้าลูกเลิกทำใด้ แม่จะให้อภัยวันนั้น แม่ไม่ใด้ยอมสิ่งที่ลูกทำนะ แม่พูดเสียงสั่นๆจะร้องไห้ ให้ลูกคิดก่อนจะทำกับแม่ทุกครั้ง บางครั้งลูกก็ลุกจากเตียงฉันไปนอน บางทีก็ไม่เป็นผลลุกตื่นกลับมาหาฉันอีกครั้งว่า อดทนไม่ใด้จริงๆแม่ สรุปฉันต้องนอนอ่าขารูปตัวเอ็ม(M)บางทีลูกชายก็ยกขาฉันแบบตัววี(V)บางครั้งก็ยกพับขาฉันแบบตัวดิบเบิ้นยู(W)ให้ลูกกระทำสิ่งไม่ดีกับตัวฉันทุกๆครั้ง จนลูกชายเรียนจบมอหก ใด้เข้าไปทำงานส่งตัวเองเรียนมหาลัย ลูกถึงห่างฉันใด้ แต่แม่อย่างฉันกลับคิดถึงที่ลูกชายสุด กลัวลูกจะหนี้สิ่งที่ลุกทำผิดใว้ตลอดกาล ไม่กล้าสู้หน้าแม่ กลัวลูกจะไม่กลับมาหาแม่อีกเลย ฉันเฝ้ารอลูกชายทุกวันด้วยใจเป็นห่วงดวงใจแม่ไม่เคยเกลียดลูกไม่เคยโกรธโทษลูกเลยสักครั้ง แม่รับมันใว้ตลอดแม่คือคนผิดไม่ใช่ลูกคนผิด และแล้ววันแม่ปีนั้นที่ลูกไปทำงานส่งตัวเองเรียน กลับมาบ้าน มีชุดพานดอกไม้ธูปเทียนมากราบแม่และร้องไห้ขอโทษแม่ กราบเท้าแม่อย่างงามเลย ต่อไปลูกจะเป็นเด็กดี ลูกที่ดีของแม่ จะไม่ทำอะไรผิดๆอีก ฉันรีบยกตัวลูกชายขึ้นมากอดเอาใว้ รับขวัญลูกชาย เราแม่ลูกร้องไห้ด้วยกัน แม่ภูมิใจในตัวลูกแม่ที่สุด แม่รอวันนี้มานาน วันที่ลูกโตเป็นผู้ใหญ่ แม่ใด้ลูกกลับมาเป็นลูกของแม่อีกครั้ง หลังจากวันนั้นมาลูกชายรักห่วงแม่มากขึ้น โทรมาพูดคุยเป็นเพื่อนมากขึ้น รู้จักเก็บเงินทอง ไม่ยุ่งเกี่ยวยาเสพติดทุกอย่าง ไม่เคยทำกับแม่แบบนั้นอีกเลยไม่เคยเลยสักครั้ง จนทุกวันนี้ ปี2560 ลูกชายวัย39ปีฉันก็55กลางๆ ดูแลฉันเป็นอย่างดี 21ปีเต็มที่เกิดเรื่องผิดศิลธรรมในอดีตของแม่ลูก แต่เราแม่ลูกก็ผ่านมาใด้ ที่ไม่มีใครรับรู้ความลับที่หน้าอาย แม้แต่คนในครอบครัวเดียวกัน
    ถ้าใคร แม่คนไหนลูกคนไหนเจอเรื่องร้ายๆแบบฉันก็ขอให้ช่วงเวลาผ่านไปค่อยๆพูดค่อยๆคุยกันอาจจะใช้เวลานานสักนิดช่วงที่ลูกบ้าอารมณ์ทางเพศตามวัย เดียวก็ใด้แก้วตาดวงใจของแม่กลับคืนสู้ครอบครัวคืนอกแม่อีกครั้ง แม่มีลูกที่ดีของแม่อีกครั้งและใด้ลูกที่แข็งแกร่งกว่าเดิมอะไรเข้ามาในชีวิตทำให้ทุกข์ใจหนักใจแค่ไหน ลูกก็ผ่านไปใด้ด้วยจิตใจเข้มแข็ง แข็งแกร่ง ด้วยความตั้งใจ นี้แหละที่ใด้มากับสิ่งที่ผิดร้ายแรงในอดีต แม่อภัยให้ลูกใด้เสมอ ถึงลูกจะทำผิดต่อแม่แค่ไหนก็ตามแม่คือแม่จะไม่เป็นอย่างอื่น นอกจากผู้ให้ชีวิตลูกชายใด้เกิดมา แม่คือผู้ให้ชีวิตลูก ยอมรับผิดเพื่อลูกใด้เสมอถ้าลูกทำผิดต่อแม่จะมากแค่ไหน แม่ย่อมเป็นแม่ที่ดีของลูก คำว่าแม่ คือ มารดา หรือ บุพการี เป็นคำที่เรียกผู้ให้กำเนิด แม่ เป็นบุคคลสำคัญของครอบครัว แม่ เป็นผู้มีพระคุณต่อลูกเพราะ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ20 พฤษภาคม 2560 เวลา 15:10

    เป็นผู้ให้กำเนิด เมื่อถึงเวลาเป็นแม่คนแล้วจะมีความรู้สึกอย่างไร.. ความรู้สึกแม่ที่มีต่อลูก.. ความรู้สึกของคนเป็นแม่นั้นแทบไม่แตกต่างกันเลย นั่นคือ รักและห่วงลูก ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไรทำผิดต่อแม่แค่ไหน ผิดจนศิลธรรมประเพณีขาดสบัดมากแค่ไหน ความรักของแม่ก็ยิ่งใหญ่ ไม่เคยหดหายไปไหน ความเจ็บปวดทุกข์ทรมานยามประคับประครองครรภ์ ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกของคนเป็นแม่เปลี่ยนแปลงไปได้เลย จำใว้นะลูกผู้ชายทุกๆคน หรือ แม่ทุกๆท่าน ที่เจอเรื่องร้ายๆแบบฉัน เป็นกำลังใจให้แม่ลูกท่านนะค่ะ

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ13 ตุลาคม 2560 เวลา 15:36

    เรื่องเล่า จากแม่ ของน้ำพุ
    ฉันเองก็มีปมในอดีตกับลูกชาย ฉันจำเป็นต้องทำแบบนั้น เรื่องมีอยู่ว่า ลูกชายคนเล็กของฉันติดยาเสพติด ติดผงนรก ฉีดเข้าเส้นเลือด เอาพงนรกใส่ช้อนเอารนไฟจนเป็นน้ำใช้สริงดึงเข้าตัวยา ใช้เส้นยางมัดแขน เอายาฉีดเข้าเส้น ลูกชายติดยาเสพติดตัวนี้ ลูกชายมาสารภาพอยากจะเลิกเห็นรุ่นพี่อยากยาลงแดงช็อกตาย ลูกชายยังไม่ติดไม่มาก แต่มีอาการลุกลี้ลุกรนต้องการยา ฉันส่งสารลูกชายมาก และกลัวสามีจะรู้เรื่องของลูกชาย คงไม่เป็นอันทำงานอยู่ที่เมืองนอกต่างประเทศ ฉันไม่โทรบอกสามี ฉันขอข้อมูลผ่านเวป การเลิกยาเสพติด ฉันสนใจข้อแนะนำข้อนึ่งหาสิ่งเบี่ยงเบนกิจกรรมอย่างอื่นให้ผู้ติดต้องการยาลดลง เช่น ออกกำลังกาย ทุกเช้าเย็น วิ่งเดิน กินให้อิ่มทุกมือ เวลามีอาการต้องการยาเสพติด ให้รีบเข้านอนขังผู้ติดตัวเอาใว้ ฉันทำตามข้อแนะนำเป็นอย่างดี ทุกครั้งลูกชาย กระวนกระวายมีอาการต้องการยา ลูกชายจะถอดเสื้อและกางเกงตัวเองออกเหลือแต่กางเกงใน ลูกชายบอกว่าร้อนทั้งทั้ว นอนดิ้นรนลุกลี้ลุกรน ฉันร้องให้น้ำตาไหลทุกครั้งไม่รู้จะช้วยยังไง ใด้แต่บอกให้ลุกอดทน หอมหน้าผากลูกชายใช้ผ้าเย็นเช็ดหน้าให้ลูกชาย ลูกชายทนอาการต้องการยาใด้สองวัน ทุกครั้งจะสลบนอนนิ่งหลับจนตื่น ฉันนอนข้างๆเฝ้าลูกชายกลัวลูกชายจะไม่หายใจ ฉันจะเอาหูแนบหน้าอกลูกชายฟังเสียงหัวใจทุกๆสองสามชั้วโมง ตอนทุ่มกว่าๆวันที่สามการอดเลิกยาแบบหักดิบของลูกชาย ฉันนั่งข้างๆลูกชายให้กำลังใจลูกชาย ฉันพูดให้กำลังลูกชายเสมอ อดทนนะลูกสู้เพื่อแม่ สู้เพื่อชีวิตใหม่ ฉันก็เอาผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตัวให้ลูกชาย มีสิ่งสกิดใจฉัน เบี่ยงเบนทางอารมณ์ต้องการยาเสพติด ให้เป็นอารมณ์กิจกรรมอย่างอื่นเช่นออกกำกายวิ่งเดิน เล่นกี่ฬา ฉันสะดุดความคิดเบี่ยงเบนข้อนี้ทันที ฉันคิดว่า ต้องเบี่ยงเบนทางอาการติดยา ให้มาเป็น อาการความใคร่ทางเพศน่าจะใด้ผล ฉันคิดแล้วก็ลองบอกลูกชายว่า แม่จะเบี่ยงเบนให้อาการอยากยาแบบนี้ๆฉันก็ลูบมือลงเป้ากางเกงในของลูกชาย ให้ลูกชายดูเพื่อจะใด้ผล ลูกชายบอกเสียงสั่นๆอาการต้องการยาเสพติด ทำซิแม่เพื่อจะใด้ผล ฉันลูกลูบมือขึ้นลงเป้ากางเกงในลูกชายให้โดนแท่งขอลลับลูกชาย มันใด้ผลของลับลูกชายแข่งตัวขึ้น อาการต้องการยาเสพติดลดลง ลูกชายมีอาการต่อต้านทางใจอย่างรุ่นแรง คงสับสนในใจ ต้องการยาหรือความใคร่ ลูกเหมือนสะกดใจตัวเองไม่ให้คิดถึงยาเสพติด ฉันรุกแท่งลับลูกชายมากขึ้นด้วยการ(ขอใช้คำหยาบ)งัดแท่งลับขึ้นมาชักว่าวสาวขึ้นลงให้ลูกชาย จนอาการลูกชายสงบลงเพราะน้ำลูกแตกออกใส่มือฉันเต็มหมด ฉันเช็ดให้ลูกชายจนสะอาด มองดูลูกชายหลับแล้ว ตัวลูกชายซีดๆผอมลงเยอะมาก ฉันเหนื่อยมากนอนหลับสนิดตื่นมาตอนเช้า รีบไปทำอาหารให้ลูกชายท่าน เจ็ดโมงลุกชายตื่น ออกมาบอกหิว ฉันก็หาให้กินทันที ลุกชายกินใด้นิดเดียว เขาก็ลงไปเดิน วิ่งเบาๆ เพื่อให้ร่างกายสู้กับความต้องการเลิกยาเสพติด ตกเย็นลูกชายอาการเริ่มต้องการยาเข้าให้ฉันรีบพาไปที่ห้องนอนลูกตัวสั่นแรงมาก ฉันรีบตัดบทอาการด้วยการชักสาวแท่งลับลูกชายดับอารมณ์

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ13 ตุลาคม 2560 เวลา 15:37

    อยากยาให้ลดลง ฉันจับมือลูกชายให้มาถูกหน้าอกเต้านมตัวฉันลูกชายก็ลูบคลำๆบีบๆ ฉันดีใจจริงมันใด้ผล ขณะร่างกายลูกชายต้องการยา ในที่สุดลูกชายก็หมดสภาพน้ำแตกคามือฉันหมดแรงลงนอนนิ่งหลับลง ฉันถึงใด้รู้ว่าความใคร่เวลาน้ำผู้ชายแตกจะหมดแรงสยบอาการแรงบ้าคลั่งผู้คนติดยาใด้ ฉันต่อมาฉันก็ทำแบบนี้ทุกครั้งจนอาการลูกชายลดความคลั่งต้องการยาลดลง ยังมีอาการไม่มากเหมือนเมื่อตอนแรกๆฉันคิดแค่ทำแบบนั้นแค่ชักสาวว่าวให้ลูกชายจับหน้าอกแม่ คงไม่เสียหายอะไร แค่เป็นพิธีบำบัดการเบี่ยงเบนอารมณ์ให้เลิกยาเท่านั้น แต่ฉันคิดผิด ลูกชายเอามือลงมาจับกางเกงเอวยืดฉันล่วงจับของลับฉันและยังใช้นิ้วกลางกระดิกนิ้วตกเบ็ดให้ฉัน ฉันไม่ห้ามฉัแค่คิดว่า แค่ให้เลิกยาใด้ก็พอลูกชายน้ำแตกก็หมดสภาพก่อนจะนอนหลับ ลูกชายพูดให้กำลังใจฉันว่า ทนเอานะแม่ลูกจะเลิกยาให้ใด้ วันต่อมา ลูกชายรุกเกมส์ตัวมากกว่าเดิม จับฉันถอดเสื้อผ้ากางเกงในเหลือแต่ตัวเปล่าๆ ลูกจับฉันนอนลงขึ้นคอมตัวฉัน ลูกจับแท่งลับยัดเข้าไปในรูจิมิฉันใด้สำเร็จ เข้าร่วมเพศกับแม่ตัวเองใด้ในที่สุด เขาทำไม่เหลือมีอาการคนคลั่งยาแล้ว มีอาการคนหืดกระหายทางเพศมากกว่า ตอนลูกกำลังน้ำจะแตก ลูกบอกว่า แม่ลูกหายแล้วแม่เมื่อเช้าลูกกินน้ำอาหารใด้เยอะมาก แคเหลืออาการสั่นอยากนิดๆเดียวเองพอ ใด้แม่มาสร้างความใคร่ลูกก็หายอาการต้องการยาทันที ลูกพูดไปเอวทำงานไป ในที่สุดลูกก็ปล่อยน้ำความใคร่เข้ามายังในรูของตัวฉัน ฉันรีบไปล้างน้ำออก กลับมาลูกก็นอนยิ้มให้ฉัน ลูกดึงแขนฉันนอนลงข้างๆตัวลูก ลูกพูดว่า ถ้าหายขาดลูกก็จะเลิกทำกับแม่แบบนี้นะแม่ ฉันน้ำตาไหล มั่นใจว่าใด้ลูกกลับคืนมา 10วันเต็มลูกร่วมเพศกับฉันบางครั้งให้ฉันขึ้นนั่งยองๆค่อมขย่มแท่งตอให้ลูกชายจนฉันเส็จก่อนลูกชายหลายครั้ง ทำไหมฉันถึงเป็นเช่นนั้น ก็เพราะสามีไปทำงานต่างประเทศหนึ่งปีจะกลับมาแต่สามวัน ฉันปล่อยตัวลองลอยไปกับการเบี่ยงเบนอารมณ์บำบัดยาเสพติดให้ลูกชาย ฉันชอบมันเสียแล้ว เช้าลุกชายออกวิ่งแต่เช้า ตกเย็นก็ไม่มีอาการต้องการยา ลูกชายโทรหาเพื่อนสาวให้มาหา เพื่อนสาวรู้ว่าเลิกยาใด้ดีใจกอดกันกลมเลย เข้าพากันเข้าห้อง ฉันรู้สึกดีใจที่ลูกชายหายปกติ แต่ฉันกลับกลายเป็นคนติดเสพติดเซ็กส์ไปเสียเอง ฉีนต้องไปคลองทมไปหาชื้ออวัยวะเพศผู้ชายแบบไฟ้ฟ้ามาสร้างเซ็กส์ความใครของฉัน ลูกชายกอดฉันว่า ลูกหายดีแล้วแม่ แม่ไม่ต้องทำกับลูกแบบนั้นแล้วนะ ลูกกราบเท้าฉันกอดฉัน ฉันน้ำตาไหลที่ใด้ลูกชายกลับมา แต่ฉันไม่ใด้อารมณ์ลูกชายกลับมาสมสู่กับแม่อีกต่อไป ฉันไม่กล้าเอยขอลูกชาย ความเป็นแม่ต้องมาก่อนเสมอ จากแม่ ของน้ำพุ

    ตอบลบ