วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

สามีที่รัก ตอนที่ 2 ยอม



          ในช่วงงานศพพ่อสามี  ฉันกับเขาก็ทำประหนึ่งว่าเราเป็นภรรยาสามีอยู่กันอย่างมีความสุขตามประสา  โดยที่สามีไม่รู้หรอกว่า เวลาออกงานต่อหน้าญาติพี่น้อง  แล้วเขาจับไม้จับมือเพื่อเป็นการแสดงให้ญาติๆ เห็นนั้น ดิฉันมีความสุขปลาบปลื้มที่สุด  โดยที่ญาติพี่น้องของเราสองฝ่ายไม่เคยรู้ความลับอะไรเลย  เราสองคนทำได้เนียนตาจนไม่มีใครสงสัย  จนงานเสร็จสิ้น  สามีก็ให้ดิฉันกลับบ้านก่อน พร้อมกับพ่อแม่ และพี่ชายของดิฉันเป็นคนมาส่งที่บ้านที่ กทม.   โดยเขาบอกดิฉันว่าจะตามกลับมาบ้านและจะเคลียร์เรื่องของเราสองคน   พอดิฉันมาอยู่บ้านคนเดียว  ยิ่งทำให้รู้ว่า  การที่ไม่มีเขาอยู่ด้วย มันเหงาจริงๆ  ฉันเฝ้ารอเขากลับมาบ้านด้วยใจจดจ่อกระวนกระวาย  จนเมื่อเขากลับมาบ้าน  และชวนพูดเรื่องที่เขาบอกไว้แต่ก่อนกลับจากปากช่อง
        “ผมไม่อยากปิดบังผู้ใหญ่อีกแล้วนะ อ้อย  และผมก็ไม่อยากให้อ้อยทนอยู่กับผม โดยที่อ้อยไม่ได้ชอบผม  ผมไม่อยากรั้งอ้อยไว้แล้ว  เพราะผมเองก็ไม่ได้สบายใจเลย  ผมอยากให้อ้อยตัดสินใจว่าเราจะอยู่ด้วยกันหรือจะเลิกราจากกัน  ตอนนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของอ้อย  ผมยินดียอมรับ  ถ้าเราจะต้องเลิกกันก็ควรทำเสียแต่ตอนนี้  ดีกว่าจะปล่อยมันไว้ให้เราเป็นทุกข์ทั้งคู่  ผมจะรับผิดชอบและพูดคุยกับพ่อของอ้อยเอง”
        “ใครบอกละคะ  ว่าอ้อยทนทุกข์   ที่ผ่านมา  อ้อยแค่คิดว่าเรายังไม่ได้รู้จักกันเพียงพอ  อ้อยไม่ได้รังเกียจคุณนะคะ”   ดิฉันบอกออกไปตามความรู้สึกของตัวเอง  สามีทำหน้างงๆ ราวไม่แน่ใจ  ก่อนจะค่อยเผยอยิ้ม
        “อ้อยพูดจริงๆ นะ”
        “จริงสิคะ  อ้อยเสียอีกรู้สึกไม่สบายใจที่ไม่เคยทำหน้าที่เป็นเมียที่ดีกับคุณเลย  ทั้งๆ ที่คุณก็ดีกับอ้อยมาตลอด”
        “ผมผิดเอง  ที่ทำให้อ้อยไม่มั่นใจเชื่อใจในตัวผมตั้งแต่ทีแรก”
        “ก็คุณไม่เคยบอก หรือแสดงอะไรออกมาสักอย่างว่า เอ่อ...ว่า คุณรักอ้อยนี่คะ”
        “แล้วถ้าผมจะบอก  และแสดงให้เห็นว่าผมรักอ้อยในวันนี้ จะสายไปมั้ย”
        นัยน์ตาหรี่คมขรึมของเขาวันนี้เปลี่ยนไป  ดูมีแววยิ้มมีความหมาย  จ้องมองดิฉันเป็นประกายเลย  จนอดหวาดหวั่นไม่ได้  เขาค่อยๆ ขยับกายเข้าหา  สองมือประคองใบหน้าของดิฉันแล้วก็โน้มหน้าเข้าประกบจูบ  ดิฉันยังตะลึงค้างอยู่ ไม่ทันได้ตั้งตัว  มารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อริมฝีปากของเขาประกบปากดิฉันแล้ว  ร่างกายหนาแข็งแรงค่อยๆ เบียดเข้าหาร่างของดิฉัน  ใจฉันวาบหวิวไปหมดแล้วตอนนี้ ไร้แรงที่จะต่อต้าน  หรือเพราะว่าลึกๆ ในใจฉันก็พร้อมจะยอมเขาไปหมดแล้ว  ปลายลิ้นของเขาค่อยๆ แทรกเข้าในโพรงปากแล้วก็ละเลียดตวัดไปมา  โอวว....รสจูบของเขาทำไมมันช่างซาบซ่านเสียเหลือเกิน  ลมหายใจของดิฉันเริ่มติดขัด  หายใจเข้าออกกระท่อนกระแท่น และเริ่มหอบแรงเมื่อเขาไม่เพียงแค่จูบ แต่มือไม้เริ่มป่ายปะลูบไล้ไปตามร่างกายดิฉัน พร้อมกับกระชับกอดเข้าแนบกายเขา
        “อ้อยครับ  วันนี้ผมจะแสดงให้เห็นว่าผมรักอ้อยมากแค่ไหน”   ว่าแล้วเขาก็อุ้มดิฉันขึ้นเดินไปในห้องนอน แล้วค่อยบรรจงวางดิฉันลง  จ้องตาประสานเป็นประกาย แล้วก็โน้มตัวเข้ามาโอบรัดและจูบดิฉันอีก มือไม้ป่ายปะไปทั่ว  จนดิฉันเองก็ตัวสั่นระริก เคลิบเคลิ้มไปกับบทสัมผัสของเขา
        “อา....ซี้ดดดด”   ดิฉันได้แต่ครางกระเส่าอย่างอดกลั้นไม่ได้
        “อ้อย  วันนี้เป็นของผมนะ  ผมไม่อยากจะอดทนอีกต่อไปแล้ว”
        “อ้อย...   มะ...ไม่   ไม่รู้”  
        ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ในหัวดิฉันมันคิดอะไรไม่ออก  พูดยังตะกุกตะกัก   สามีค่อยลดมือต่ำลงไปที่ชายกระโปรงและค่อยๆ ลูบขึ้นมาตามเรียวขาจนถึงต้นขาพร้อมรั้งชายกระโปรงขึ้นมา   ใจดิฉันสั่นระรัวไปหมด  สติสัมปะชัญญะไม่ได้อยู่กับเนื้อตัวเลย  รู้สึกตัวอีกที  กางเกงชั้นในก็ถูกเขารูดถอดพ้นตัวไปแล้ว  ครั้นจะอ้าปากพูดอะไรออกไป  สามีก็ประกบปากจูบอีก  ดิฉันตั้งรับแทบไม่ทันกับบทรักที่เขามอบให้  ทั้งจูบ ลูบคลำไปทั่งเรือนร่างทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ปลดอาภรณ์สักชิ้น นอกจากชั้นในตัวเดียว
        “อ้อย  รู้ตัวมั้ยว่าอ้อยสวยจนผมอดใจไม่ไหวแล้ว  ผมรอเวลานี้มานาน  วันที่อ้อยพร้อม”
        “คุณ...  อ้อย  เอ่อ...”  ดิฉันติดอ่างไปแล้วไม่รู้จะหาคำพูดอะไรได้อีก  ได้แต่หลับตาพริ้มปล่อยเขาจูบซอกซอนไปตามซอกคอ เหนือเนินอกที่ถูกปลดกระดุมไป 1 เม็ด แล้วเขาก็เลื่อนเข้ามาจูบปากอีก  อาว์....ดิฉันควบคุมตัวเองไม่ได้เลย  เนื้อตัวดิฉันมันแอ่นส่ายรับสัมผัสเขาไปอย่างไม่รู้ตัว   และแล้วที่หว่างขาดิฉันก็รู้สึกถึงสิ่งหนึ่งที่มันประกบใกล้เข้ามา  แต่มองไม่เห็นเพราะสามีโถมทับไว้  รู้สึกได้ว่า เขาเอามือข้างหนึ่งจับมันจรดจ่อที่ปากถ้ำของดิฉัน
         “เป็นเมียผมนะ อ้อย”
         “อ่ะ  เอ่อ..”  
         โอ้ยยย...ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย  ทำไมพูดอะไรไม่ออกเลย  ใจสั่นหวิวไปหมดเลยคะ  โลกเหมือนมันจะหมุนคว้างไปหมด  ความรู้สึกเหมือนตัวล่องลอยหาที่หยุดไม่ได้  ทั้งๆ ที่ตัวเองนอนอยู่บนเตียง  ดิฉันต้องโอบแขนรัดสามีไว้กลัวว่าตัวเองจะลอยไปไหนๆ   และแล้วเขาก็ค่อยๆ สอดแทรกส่วนของร่างกายเขาเข้าสู่ปากถ้ำ
          “อ่ะ  อ่า  คุณ...กร   อ้อย   อ๊ายยยย....”   ดิฉันต้องสะดุ้งเฮือกสุดตัวเมื่อมันแทรกผ่านร่างดิฉันเข้ามาได้ช่วงหนึ่ง
        “อ้อย  เป็นไงบ้าง”
        “เจ็บคะ   อย่าใส่เข้ามาเลยนะคะ  มันเจ็บ  ซี้ดดดดดด   โอ้ยยยย”
        “ทนอีกหน่อยนะอ้อย  เดี๋ยวมันก็ดีจะดีเอง”  
        ว่าแล้วเขาก็กดมันพรืดเข้ามาอีก  ดิฉันต้องใช้มือยันกายเขาออก  เพราะมันเจ็บมาก  ทั้งที่มีความเสียวกระสันอยู่บ้าง  แต่ตอนนี้เหมือนสวรรค์ที่ฉันเพลิดเพลินอยู่กับมันเมื่อสักครู่ได้อันตรธานหายไปหมดแล้ว  ความเจ็บแปลบเข้ามาแทนที่  สามีค่อยเสือกใสร่างกายเข้าอยู่เนิบๆ  แต่ดิฉันเจ็บจนน้ำตาเล็ดไปแล้ว
        “คุณกร   พอแล้ว  อย่าทำอ้อยเลย  อ้อยเจ็บ  ไม่ไหวแล้ว  อ้อยเจ็บบบบบบบบบ........”  ดิฉันพูดวิงวอนเขาด้วยเสียงสั่นเครือเพราะความเจ็บปวด ถึงกับสะอื้นร้องไห้ออกมา
        “ทนอีกนิดนะอ้อย”
        “ไม่เอาแล้วคะ  อ้อยทนไม่ไหวแล้ว  พอเถอะคะ อ้อยขอร้อง  ม่ายยยย....”  ดิฉันถึงกับกรีดร้องอย่างเจ็บปวด  ไม่เคยคิดว่ามันจะเจ็บขนาดนี้  สามียังคงเสือกใสแก่นกายของเขาใส่เข้าๆ ออกๆ อยู่ 4-5 ที  ดิฉันก็ดิ้นถดร่างหนีเขา  จนทำให้เขาชะงัก
        “อ้อย  เจ็บมากมั้ย”
        “อ้อยเจ็บเหลือเกินคะ   พอเถอะนะคะ”   ดิฉันเอ่ยครวญคราง พร้อมขอร้องวิงวอนเขา
พอสามีได้มองเห็นน้ำตาดิฉัน  เขาก็สีหน้าตกใจ  หยุดการกระทำของเขา  เขาถอดมันออก ดิฉันต้องกัดฟันกรอดเมื่อความเจ็บจี้ดดด   เข้าถึงทรวง น้ำตาร่วงเผาะ มันเหมือนกับว่าตรงหว่างขาดิฉันถูกไฟจี้ มันแสบร้อนไปหมด  สิ่งที่ดิฉันคิดว่ามันจะเป็นความสุข เสียวกระสันหายไปไหนหมด  มองเห็นหน้าสามีที่สลด  ก็รู้สึกสงสารเขา
        “อ้อย  ผมขอโทษที่รุนแรงกับอ้อยแบบนี้”    
        เขาสวมกอดดิฉัน และขอโทษขอโพย ดิฉันยังแน่นิ่งพูดไม่ออก เขาเห็นว่าดิฉันไม่พูดไม่จาจึงลุกผละดิฉันไปเข้าห้องน้ำสัก 3-5 นาทีได้เขาก็กลับออกมา  ดิฉันยังนอนตัวอ่อนปวกเปียกหมดเรี่ยวแรง  คราบน้ำตายังอาบแก้ม
        “นี่อ้อย  ยังเวอร์จิ้นอยู่เหรอนี่  ผมขอโทษอีกครั้ง ที่ไม่ระมัดระวัง”  ว่าแล้วเขาก็หาทิชชูมาช่วยซับเลือดที่หว่างขาดิฉัน ที่มันเป็นหยดเป็นดวงแดงฉาน   แต่ดิฉันอาย จึงปัดมือเขาออกและรีบเอากระโปรงปิด
        “ขออ้อยอยู่คนเดียวได้มั้ยคะ   อ้อยอยากอยู่คนเดียว”  
        เขามองหน้าดิฉันด้วยสีหน้ากังวล ก่อนจะค่อยๆ  เดินออกไป  ดิฉันนอนครุ่นคิดอยู่ว่าเหตุใดสวรรค์ที่คิดว่ามันน่าจะมีความสุข  น่าเพลิดเพลิน ต้องพังลงอย่างฉับพลัน  ทั้งๆ ที่ตอนเขาจูบ กอด ลูบไล้สัมผัสมันทำเอาใจกายหวิว  และรู้สึกเคลิบเคลิ้มมีความสุข  แต่ตอนนี้ร่างกายดิฉันมันเจ็บแปลบร้อนฉ่าไปหมด   จนวันรุ่งขึ้นดิฉันถึงกับจับไข้เลยทีเดียว   สามีต้องคอยดูแลอย่างเอาใจใส่อยู่ไม่ห่าง จนไม่ได้ทำงานอยู่สองวัน  เมื่ออาการดีขึ้นแล้วก็ไปทำงานที่โรงงานตามปกติ   ดิฉันอยู่บ้านคนเดียว ก็ได้แต่ครุ่นคิดว่า  ตัวเองทำให้สามีผิดหวังเหรอเนี่ย  เขาเฝ้ารอสิ่งนี้มานาน  แต่ดิฉันกลับทำให้เขาผิดหวังโดยที่ตัวเองก็ไม่ได้ตั้งใจ  ตอนนี้ยอมรับหมดใจแล้วว่าดิฉันรักเขาจริง  ไม่อยากให้เขาผิดหวัง  น่าเห็นใจเขาที่แต่งงานกันมาเกือบสองปี เขาต้องเก็บกลั้นความรู้สึก ความต้องการต่อดิฉันไว้  เขาก็คงทรมานเหมือนกัน  แต่ทำไมดิฉันต้องมาทำสวรรค์ของเขาพังทลาย   หลายวันที่สามีไม่กล้าแตะเนื้อต้องตัวดิฉันอีกเลย  ตอนนี้ดิฉันกลับโหยหามัน  อยากได้รับการกอดสัมผัสจากเขา  ไม่รู้สิ  ยามที่เขาโอบกอดมันทำให้รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก   ดิฉันทำงานบ้านไปอย่างใจเลื่อนลอยคิดถึงสามี    วันหนึ่ง  ดิฉันเข้าไปทำความสะอาดห้องทำงานของเขา ไม่รู้เหตุใดที่ทำให้ดิฉันนึกถึงหนังที่เขาเคยดู  จึงไปค้นหาแผ่นหนังจนเจอ และลองเปิดเครื่องดู  ทุกบทบาทมันทำให้ดิฉันกายร้อนผ่าวไปหมด  ทุกท่วงท่าลีลามันกระตุ้นเราใจอย่างมาก   มาคิดย้อนหลังดูก็แปลกใจตัวเอง  จากเป็นคนที่เรียบร้อย ดิฉันกลับกลายเป็นคนที่มีความต้องการเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้อย่างไร
        เมื่อสามีกลับมาถึงบ้าน ดิฉันก็ทำหน้าที่แม่บ้านอย่างดี  ระยะนี้ดิฉันเห็นความเปลี่ยนแปลงของสามีที่เขาหน้าขรึมไปกว่าเดิมตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา  ยิ่งเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว เลยกลายเป็นว่าแทบจะไม่ได้ยินคำใดหลุดจากปากเขา  ดิฉันก็รู้สึกอึดอัดใจ  นี่เขาคงผิดหวังในตัวดิฉันอย่างมากที่ไม่สามารถสนองความต้องการเขาได้
        “คุณกร  เป็นอะไรหรือเปล่า  ไม่ค่อยพูดจาเลย”
        “เปล่าหรอกครับ ไม่มีอะไรมาก  แค่เครียดๆ เรื่องงานน่ะ  แล้วอ้อยล่ะ  หายไข้แล้วใช่มั้ย”
        “หายแล้วคะ  ไม่เป็นอะไรแล้ว  กรคะ  อ้อยขอถามหน่อยเถอะ  คุณโกรธอ้อยหรือเปล่า”
        “เปล่านี่ครับ  คุณไม่ได้ทำอะไรให้ผมโกรธเสียหน่อย  ผมต่างหากที่ต้องขอโทษอ้อย เรื่อง..เอ่อ ....วันนั้น ที่ผมทำตามใจตัวเอง  เห็นแก่ตัว และทำรุนแรงกับอ้อยเกินไป”       เขาตอบเรียบๆ  หายใจฟืดฟาด  ไม่กล้าสบตาดิฉันเลย  เหมือนเขามีอะไรบางอย่างปิดบังอยู่
        “แล้วทำไมคุณพยายามหลบหน้าอ้อย  เหมือนไม่อยากพูดด้วย  ทั้งๆ ที่เมื่อก่อน คุณก็พูดคุยกับอ้อยดีๆ มาตลอด”
        “ไม่เป็นไรน่า  ช่างเถอะ  ช่วงนี้ผมเครียดๆ”
        “บอกอ้อยมาเถอะคะ  ว่าคุณโกรธอ้อย”  ความเป็นผู้หญิงของดิฉันก็เริ่มสำแดงฤทธิ์  พูดออกมาเหมือนน้อยใจเขา  จนเขาเงยหน้ามาสบตาดิฉัน
        “เปล่า  ผมไม่ได้โกรธอ้อยเลยสักนิด  จริงๆ นะ   คือ....เอ่อ....ผมขอโทษนะอ้อย   คือ   ผมไม่อยากอยู่ใกล้อ้อย  เพราะถ้าผมอยู่ใกล้ทีไร  ผมกลัวผมจะทำร้ายอ้อยอีก  ผมได้เห็นหน้าอ้อยอยู่ทุกวันนี้ผมก็พยายามอดกลั้นมาตลอด   ผมอยู่ใกล้อ้อยทีไร  ผมอดคิดเรื่องแบบนั้นไม่ได้  บ้าจริงเลย”    เขาโพล่งสารภาพออกมาอย่างกระอักกระอ่วน  และก็สบถออกมา
        “แล้วทำไมคุณกรต้องอดกลั้นละคะ”   ดิฉันขยับเข้าหาเขา
        “???”
        “เมื่อคุณกรต้องการ  ก็ไม่ต้องอดกลั้นอีกต่อไปแล้วคะ”
        “อ้อย...!!!!”
        “อ้อยไม่อยากเห็นคุณกรเป็นแบบนี้อีกแล้ว  ขอเพียงคุณกรมีความสุขบ้าง  อ้อยจะยอมทำตามคุณกรทุกอย่างคะ”  
        ดิฉันโผเข้าซบอกเขา  แทรกกายเข้าสู่อ้อมกอดที่มันช่างอบอุ่นใจนั้น ที่ดิฉันร่ำร้องหา   แล้วสามีก็ประคองหน้าดิฉันขึ้น
        “อ้อยไม่กลัวแล้วเหรอ”
        “ค่ะ  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก  อ้อยก็จะยอมทำตามที่คุณกรต้องการ  อ้อยจะไม่ขัดคุณกรอีกแล้ว”
        “ผมดีใจจริงๆ  ที่อ้อยพูดแบบนี้”
        พูดจบเขาก็รวบกระชับร่างดิฉันกอดอย่างเต็มรัก  ตัวดิฉันเองก็เบียดกายแนบกับเขา  เขาระดมจูบไปทั่วทั้งซอกคอ  ติ่งหู คาง ริมฝีปาก และแก้มของดิฉัน  แต่ที่ซาบซ่านที่สุดคือรสจูบที่ริมฝีปาก  เมื่อประกบปากจูบดิฉัน  ลิ้นเขาก็ค่อยๆ แทรกดุนตวัดล้อกับปลายลิ้นของดิฉันจนต้องคล้อยตาม  ตวัดลิ้นตอบรับกับเขา  เสียงหายใจของเราสองคนเริ่มแรงฟืดฟาด  แต่ก็ไม่มีใครยอมผละจากกัน   เราสองแลกจูบกันอย่างเผ็ดร้อนราวกับตายอดตายอยากมานาน  จากนั้นก็ค่อยๆ แผ่วเบาลงและประทับจูบอย่างอ้อยอิ่งเคลิบเคลิ้ม  ก่อนที่สามีจะละริมฝีปากเปลี่ยนมาระดมจูบไปตามคาง ซอกคอ ละเลียดต่ำลงมาเรื่อยๆ อย่างใจเย็น แล้วก็ไล่กลับขึ้นมายังริมฝีปากดิฉันอีก  ดิฉันก็แอ่นบิดกายรับริมฝีปากของเขาอย่างสุดวาบหวิว
       “อ้อย   รู้ตัวมั้ยว่า หอมหวานจนผมอยากจะกินอ้อยให้หมดตัวเลย”   คำป้อยอของเขายิ่งเร้าความรู้สึกเข้าไปอีก   ได้แต่หลับตาพริ้ม  แอ่นกายรับความสยิวนั้น
        “คุณกร...อูยยย  อาว์”
        ดิฉันทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าแอ่นกายบิดรับการกอดรัดฟัดจูบของเขา  ตอนนี้เขาค่อยๆ  สอดมือเขาที่ชายเสื้อยืดของดิฉัน  และก็ดันรูดมันขึ้นจะพ้นหน้าอก  แล้วเขาก็หยุดชะงักมองหน้าดิฉันเหมือนต้องการคำตอบ
       “ผมขอนะ  อ้อย”
       “เอ่อ...  คุณกร  อ้อยว่าเราไปที่ห้องนอนดีกว่าคะ  ตรงนี้มันโล่งๆ  อ้อยอาย”  
        ดิฉันหันมองไปรอบๆ ห้องรับแขก  ซึ่งก็เป็นอย่างนั้น  ถึงดิฉันจะกล้ายอมรับที่จะยอมพลีกายให้สามี  แต่ก็ยังกระดากอายอยู่ดีในสถานที่แบบนี้  ทั้งๆ ที่เป็นบ้านของตัวเอง และก็ไม่มีใครอยู่เลย นอกจากเราสองคน  อันที่จริงๆ พ่อแม่ก็พยายามจะจ้างคนมาเป็นแม่บ้านช่วยทำงาน  แต่เราสองคนยังสะดวกที่จะอยู่กันเองมากกว่า  เพราะจะได้ไม่มีใครรู้ความลับของเราสองคน   สามียิ้มหวานเลยคะ  ค่อยๆ รวบร่างของดิฉันช้อนขึ้น โดยที่ดิฉันโอบรั้งคอเขาไว้ แล้วเขาก็โน้มหน้าเข้าจูบดิฉันพลางค่อยๆ เดินเข้าห้องนอนของเราอย่างใจเย็น  เมื่อถึงเตียงนอน เขาวางร่างดิฉันลงแล้วก็ถอดเสื้อของเขาออกแล้วทิ้งร่างโถมทับตัวดิฉัน  คืบคลานตัวเองขึ้นมาทาบบนตัวดิฉัน  แววตาบ่งบอกถึงความปรารถนาอย่างเต็มเปี่ยม  ดิฉันเองก็ได้แต่สบตาเขาจนเขาทาบขึ้นมาใบหน้าเราห่างกันแค่ไม่กี่เซนติเมตร  แล้วก็โดนเขาจูบอีก  ตอนนี้เหมือนดิฉันได้ล่องลอยอยู่ในสวนสวรรค์อีกครั้ง   นี่นะหรือสิ่งที่ได้รับจากคนที่เรารัก  เพียงแค่เขากอดจูบ ก็มีความสุขอย่างสุดบรรยาย   เขาค่อยๆ ละเลียดจูบไปตามร่างกายดิฉัน จนมาถึงหน้าอกที่มันคัดเต้าเต่งตึง เขาก็คลึงใบหน้าอยู่กับเต้าอวบนั้นอย่างแผ่วเบาทะนุถนอม  แต่ดิฉันสิคะ  ต้องแอ่นกายรับจนหลังแทบไม่ติดที่นอน  ไม่เคยมีใครทำให้ดิฉันเสียวกระสันได้แบบนี้เลย
       “คุณกร  อูยย.....”  ดิฉันครางละเมอกระเส่าสั่น
        คราวนี้สามีดูเหมือนจะใจเย็นกว่าคราวก่อน  ค่อยๆ พรมจูบลูบไปตามร่างดิฉันไปเรื่อย  มือก็ค่อยๆ คลึงหน้าอกกลมที่ยังมีเสื้อยืดและบราห่อหุ้มอยู่  ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นและจัดการถอดเสื้อดิฉันออก  เขามองอย่างตะลึงกับร่างแทบเปลือยของดิฉัน  ทำดิฉันต้องเอามือมาประคองปิดไว้ ไม่กล้าสบตาเขาเลย ตามสัญชาตญาณหญิงที่ยังไม่เคยเผยร่างให้ชายใด  เขายิ้มหวานและขยับเข้าหาพร้อมกับปลดบราออกไปอีกตัว ยิ่งทำดิฉันอายม้วน
        “อ้อยจ๋า  วันนี้อ้อยสวยที่สุดเลย  ขอผมชื่นใจหน่อยนะ”  
        เขาโอบร่างเปลือยท่อนบนของดิฉันเข้ากอดและแลกจูบอีกเหมือนเป็นการปลอบขวัญความตระหนกและเอียงอายของดิฉัน  จนต้องคล้อยตามอีก  ผู้ชายอาจจะไม่รู้หรอกว่า  ผู้หญิงนะ  แค่คนที่เรารักโอบกอด จูบแค่นี้ก็ทำให้มีความสุขที่สุดแล้ว  จนดิฉันแทบไม่อยากละจากการจูบของเขาเลยคะ   แขนข้างหนึ่งเขากอดรัดไว้  อีกข้างของเขาเริ่มเปลี่ยนทิศมาลูบอก และไล่ลงไปถึงหน้าท้องน้อย  ประสาททุกส่วนของดิฉันมันตื่นตัวไปหมดแล้วคะ  แค่เขาไล้นิ้วไปตามร่าง  ทุกส่วนของดิฉันมันเสียวสยิวไปหมด  แม้แต่เขาเลื่อนฝ่ามือตามท้องไล่เรื่อยลงมาถึงท้องน้อย  ดิฉันก็เกร็งไปหมดแล้ว  ใจหนึ่งก็สุดระทึกว่าเขาจะทำการสิ่งใดต่อไป  และแล้ว เขาก็สอดมือเข้าผ่านขอบกระโปรงและกางเกงชั้นในเข้าไปอย่างรวดเร็ว  พร้อมทั้งนิ้วมือก็ป่ายปะหาเป้าหมาย  ดิฉันต้องสะท้านเฮือก แอ่นสะโพกลอยรับอย่างสุดห้ามตัวเองได้ ร่างท่อนบนก็โดนพรมจูบไปทั่ว ท่อนล่างก็เริ่มถูกรุกล้ำ  เพียงแค่มือเขาลูบผ่านเนินกะเปาะของดิฉัน มันก็สร้างความเสียวกระสันได้ถึงขนาดนี้เลย  จนแทบอยากกลั้นหายใจ
        “คุณกร... อาว์  อ้อยใจจะขาด  พอก่อนคะ   อูยยยย..............”  
        “นี่แค่เริ่มต้นเองนะ อ้อยจ๋า”   เสียงเขาอ่อนโยนหวาน จนดิฉันเคลิ้มตามไปหมดเลย
เขาชักมือออกแล้วคลายกอดดิฉัน ขยับตัวไปปลดกระโปรงและรูดมันออกพร้อมกางเกงในตัวจ้อยออกทิ้งไป  และเขาก็จัดการเปลื้องตัวเขาเองล่อนจ้อนไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ และขยับเข้ามาหาดิฉัน  เขามองสำรวจร่างดิฉันไปทั่ว  ดิฉันก็ได้แต่บิดกายด้วยความขวยอาย  ไม่กล้ามองร่างเปลือยของเขาด้วยซ้ำ  เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ดิฉันเปลือยกายต่อหน้าเขาแบบไร้สิ่งปกปิด
        “ไม่เอาคะ  อย่ามอง  อ้อยอาย”
        “เอ้า....อายทำไมละ  อ้อยสวยจะตาย  สวยจนผมจะอดใจไม่อยู่แล้วนะ”
        “เอ่อ....เอาผ้าห่มมาห่มก่อนคะ  อ้อยอาย  อ้อยไม่ยังไม่กล้า”
        “หืมม... จะห่มทำไมเล่า   ผมอยากชมความสวยของอ้อย”   ว่าพลางเขาก็ทาบทับร่างมา  ดิฉันรู้สึกถึงสิ่งหนึ่งที่มันดันดุนอยู่ที่หน้าท้อง มันอุ่นๆ เกร็งแข็งกว่าส่วนอื่นของเขา  เขาเข้าจูบอีก และค่อยๆ เอื้อมมืออีกข้างจับจ่อส่วนร่างกายของเขา
        “คุณกร   อ้อยขอเถอะนะคะ  ห่มผ้าก่อน”
        “ไม่เห็นจำเป็นเลยนี่นา  งานนี้ผ้าห่มไม่เกี่ยว”
        “ไม่เอาค่ะ  อ้อยยังไม่กล้าขนาดนั้น  นะคะ  แล้วอ้อยจะตามใจคุณทั้งหมด”   เขาจึงยอมเอาผ้าห่มหนามาคลุมร่างของเราทั้งสองโดยที่เขาทาบทับอยู่บนร่างของดิฉัน
        “วันนี้เป็นเมียผมนะ อ้อย”   เขาพูดราวกับต้องการความยืนยันจากดิฉัน
        “ค่ะ  อ้อยจะพยายาม  อ่ะ  อุ้ยย  เบาๆ คะ”
        “ผมจะค่อยๆ นะ  ถ้าเจ็บอ้อยบอกผม  และผมจะไม่ฝืน”
        “อ่ะๆ.....ซี้ดดดด เบาๆ ก่อนคะ  อูยยยย.......”   ดิฉันตัวเกร็งไปหมด  รับรู้ถึงความเจ็บจี้ด  แต่คราวนี้ดิฉันพอจะตั้งตัวได้บ้างจึงพยายามอดกลั้น และคราวนี้รู้สึกว่าจะเจ็บน้อยกว่าคราวก่อน  และแม้จะเจ็บก็จะพยายามทนเพื่อเขา  อยากเอาใจเขาให้มากที่สุด
        “ไหวมั้ย  อ้อย”
        “ค่ะ  คุณกรเบาๆ ก่อน   ไม่ค่อยเจ็บเหมือนตอนนั้นแล้วคะ   อา....อุ้ยยย  ซี้ดดดดดดดดดดด”  ดิฉันต้องสูดปากเพื่อคลายความเจ็บแปลบ เมื่อสามีค่อยๆ ดันเจ้าท่อนแก่นกายเขาเข้ามา  แล้วเขาก็หยุดค้างไว้เพื่อดูความพร้อมของดิฉัน  แล้วเขาก็ประกบจูบดิฉัน   อาว์...จูบของเขานี่มันช่วยได้เยอะเลยคะ  ความรู้สึกซาบซ่านค่อยๆ เริ่มกลับมาอีกครั้ง  เหมือนเขาจะรู้ใจดิฉันเมื่อเห็นดิฉันจูบตอบรับเขา   และส่วนท่อนล่างของเขาก็ค่อยๆ ทำงานด้วยการเสือกไสเข้าออกเป็นจังหวะ  จนรู้สึกว่ามันเสียวสะท้านไปทั้งกาย  จนต้องแอ่นเกร็งร่างรับการสอดแทรกของเขา
        “อาว์........คุณกร  อ้อยใจรู้สึกหวิวๆ เหมือนใจจะขาด”
        “อ้อยไม่เจ็บแล้วใช่มั้ย”
        “ก็ยังเจ็บอยู่ค่ะ  ค่อยๆ ก่อนนะคะ คุณกร   อ่ะๆๆๆ  อึ้ยยยย....”  ดิฉันเริ่มครางไม่เป็นภาษา
        “ผมก็เสียวไปหมดแล้ว  งั้นผมจะค่อยๆ เร่งนะ”   เขาขอ ดิฉันไม่ได้ตอบอะไรแล้ว ได้แต่ร่อนแอ่นสะโพกไปมา   ตอนนี้เริ่มรู้สึกถึงความสุขสันต์จากกามรสของเขาแล้ว  ดิฉันแทบคลั่งแล้วตอนนี้
        “คุณกรรรรรรรรรรรร.............โอ้ยยย....อ้อย  รู้สึกใจจะขาด”
        “เขาเรียกว่าเสียวจ๊ะ  อ้อยจ๋า  อ้อยเป็นเมียผมซะทีนะ”
        “เหรอคะ  เป็นเมียมันเสียวแบบนี้เหรอคะ  อูยยย...”
        “ช่าย      อ้อยไม่เจ็บแล้วนะ”
        “ไม่แล้วคะ  อุ้ยย...แต่รู้สึกมันคับตึงๆ อยู่คะ  อ๊ายยยย.....” พูดยังไม่จบ สามีก็กพรวดเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่ดิฉันยังไม่ทันตั้งตัว  อีตาบ้านี่  แต่เอ๊ะ...แปลก  คราวนี้กลับไม่เจ็บจี้ดอย่างคราวก่อน  กลับทำให้รู้สึกเสียววูบวาบไปอีกแบบ
        “ขอโทษ  มันยั้งไม่อยู่ อ้อยสวยเหลือเกิน จนผมทนไม่ไหวแล้ว”
        “อย่าเพิ่งเร่งสิคะ  อ้อยไม่หนีคุณไปไหนหรอก   อูยยย...คุณกรรรร...........”  
        รู้สึกว่าตั้งแต่แต่งงานกันมาจะมีครั้งนี้ที่ฉันเรียกชื่อเขาบ่อยที่สุด  ไม่รู้เพราะอะไร  ดิฉันเสียวซ่านจนต้องรั้งกอดเขาแน่น  สองขาดิฉันไม่รู้ว่ามันอ้าเกี่ยวกระหวัดเอวเขาไว้แต่เมื่อไหร่  ตอนนี้ดิฉันแทบอยากจะกรีดร้องออกมาให้สมกับความเสียวซ่าน  แต่กลับต้องกัดฟันและแทบกลั้นหายใจ   แล้วสามีเขาก็เริ่มเร่งจังหวะเร็วขึ้นเมื่อเห็นว่าดิฉันไม่มีอาการเจ็บปวดอะไรอีกแล้ว
        “ผมจะกลั้นไม่อยู่แล้ว  อ้อย  ผมขอนะ   อู้ย....ซี้ดดดดดดดด”   ว่าแล้วเขาก็โหมกระหน่ำเข้ามาอย่างเอาเป็นเอาตาย
        “อึ้ยยยย.................”   ได้แต่กัดฟันครางพร้อมซุกหน้าแนบซบที่ไหล่เขา   เขาเองก็ทาบทับแนบแน่นกับตัวดิฉัน  ส่วนท่อนล่างก็เริ่มโหมกระหน่ำรุนแรงตามลำดับ
        “อ้อยจ๋า   ผมมีความสุขเหลือเกิน   อ้อยจ๋า.....................”
        “คุณกรรรรร....................อ๊ายยยยยยยยยยยยยส์  อึ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย....”
จากนั้นเราทั้งคู่ต่างก็ไร้เสียงทางวาจาตอบโต้  นอกจากทางกาย  สามีก็โหมกระหน่ำเข้ามา  ดิฉันเองก็รู้สึกเจ็บแปลบอยู่บ้างแต่ความเสียวกระสันต์เริ่มมากขึ้นเป็นทวี  ได้แต่กอดกระชับสามีเกร็งตัวบิดร่อนรับการขยับของเขาทั้งๆ ที่แทบจะขยับตัวไม่ได้เพราะถูกทับอยู่  จนในที่สุด  เขาก็ทิ่มแทงเป็นเฮือกสุดท้าย ดิฉันรู้สึกถึงความอุ่นวาบเข้าภายในโพรงสวาทของตัวเอง  ทำให้เสียวสุดชีวิตจนต้องหลับตาปี๋กัดฟันกรีดร้อง   และแล้วทุกอย่างก็หยุดการเคลื่อนไหว  ดิฉันเหมือนจะหยุดหายใจซะให้ได้  ก่อนจะค่อยๆ คลายตัว  สามีก็เริ่มผ่อนลมหายใจแรงและทิ้งตัวลงนอนข้างตัวดิฉัน แต่ยังเอื้อมมือมาก่ายกอดไว้  ใบหน้าใบตาเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ  ดิฉันเองก็ถึงกับหอบฮั่กๆ
         “ขอบคุณมากนะอ้อย  ที่ยอมเพื่อผม   ผมรักอ้อยที่สุดเลย   รู้มั้ยวันนี้ผมมีความสุขมากที่สุด”   พูดจบเขาก็เข้ามาหอมแก้มดิฉันฟอดใหญ่
        “อ้อยก็รักพี่กรคะ  อ้อยถึงยอมให้พี่กรทำแบบนี้”
        “หืมม....พี่กร เหรอ..!!!!!.”       สามีขมวดคิ้วแปลกใจ  ก็คงจะแปลกใจอยู่แล้ว  เพราะดิฉันไม่เคยเรียกให้เขาได้ยินสักครั้งว่า   “พี่กร”  นอกจากว่า “คุณ” หรือ “คุณกร”
        “คะ  พี่กร”  ดิฉันส่งยิ้มให้เขา  ซึ่งตั้งใจว่าจะยิ้มหวานที่สุดในชีวิตเลยล่ะคะ
        “แล้วเมื่อก่อนไม่เคยเรียก”
        “ก็มันไม่เหมือนกันนี่คะ   ตอนนี้อ้อยรักพี่กร  และเป็นเมียแล้วด้วย”
        “น่ารักจริงๆ  แบบนี้สมใจผมที่สุด   ผมน่ะ  คิดฝันอยากได้อ้อยมาเป็นเมียตั้งแต่แรกเจอเลยนะ   เป็นผู้หญิงที่ผมเจอแล้วมันชอบเลย ไม่รู้สิ ผมมันแพ้คนผิวขาว ร่างอ้อนแอ้นแบบอ้อยนี่แหละ  เหมือนเป็นนางในฝันของผม  ยิ่งเมื่อรู้ว่านางในฝันของผม  ไม่ได้มีแค่ในฝันแล้ว  ตอนนี้เป็นตัวจริงอยู่ต่อหน้าผมตรงนี้แล้วผมมีความสุขที่สุดเลย”
        อุ้ยตาย...คุณสามีมาดเข้มของดิฉัน ปากหวานเป็นลิเกกับเขาได้ด้วยคะ  ไม่เคยเห็นเขาพูดหวานโรแมนติกสักที  แถมสายตาที่หยาดเยิ้มหวานย้อยเสียด้วย  เจอแบบนี้ไม่ว่าหญิงใดไม่รักไม่หลงก็แปลกคนแล้วล่ะคะ  ดิฉันคนหนึ่งล่ะที่เคลิ้มตามเขาไปหมดแล้ว  นอนมองสามีพร้อมยิ้มกริ่มดีใจปลาบปลื้ม
        “แล้วทำไมไม่เคยบอกอ้อยหรือมาพูดกับอ้อยสักครั้งละคะ”
        “ตอนนั้นไม่กล้า  ยิ่งเห็นอ้อยทำเหมือนไม่ค่อยชอบขี้หน้าผมเท่าไหร่  ก็ยิ่งไม่กล้า”
        “ไม่กล้า  แต่กลับเร่งรัดพ่อแม่มาสู่ขอและบังคับแต่งกับอ้อยเนี่ยนะ  หืมม..หมั่นใส้  ทีมาพูดกับหญิงที่ตัวเองรักไม่กล้า  เรื่องแผลงๆ กลับกล้าทำ”   ดิฉันตีที่ไหล่เขาเบาๆ ด้วยความหมั่นใส้
          “ไม่รู้สิ  แค่อยากรวบรัดให้อ้อยมาเป็นของผม  ไม่อยากให้เป็นของใคร”
         “หึ  แล้วคุณพ่อคุณแม่  ทั้งของพี่กรและของอ้อย  ก็บ้าจี้ตามพี่กรซะอย่างงั้น”
        “ห่ะๆ   ก็นั่นนะสิ  รู้มั้ย พ่อตาผมเขาว่าไง    เขาบอกว่า  .....ไอ้นี่มาแปลกดี  ไม่เคยมีใครกล้ามาขอลูกสาวแบบนี้.... สงสัยพ่อเขาถูกใจก็เลยยอมตามที่ขอ”
        “แล้วไม่คิดว่าอ้อยจะรังเกียจเหรอคะ”
        “คิด  และก็ทำใจไว้บ้างแล้วว่าอ้อยไม่ชอบ   แต่ผมมันปักใจชอบไปแล้ว  ทำไง”
        “นี่ถ้าอ้อยไม่ได้รู้ความจริงจากน้องแก้ว และคุณแม่  อ้อยอาจจะเกลียดพี่กรไปจนตายก็ได้”
        “แต่ตอนนี้ไม่แล้วใช่มั้ย     อืมมม.....อ้อยจ๋า   อยากกินอ้อยอีก  ตอนนี้ยังไม่อิ่มเลย”
        เอาแล้วสิคะ  ผู้ชายเนี่ยเป็นอย่างนี้กันทุกคนหรือเปล่าไม่รู้  ยามที่ได้หญิงแล้วไม่รู้จักพอเนี่ย  พูดเรื่องอื่นกันอยู่ดีๆ กลับวกมาขอเรื่องอย่างนั้นอีกได้อย่างหน้าตาเฉย
        “อย่าเพิ่งเลยคะพี่กร  ดูสิเหงื่อชุ่มกันทั้งคู่  ไปอาบน้ำนอนกันดีกว่าคะ  วันนี้อ้อยระบมไปทั้งตัวแล้ว”
        “ผมขอโทษ  ไม่ได้ตั้งใจทำรุนแรงแบบนั้น”
        “ไม่เป็นไรหรอกคะ    อ้อยยอมให้พี่ทำเองต่างหาก  ที่ทำไปเพราะรักนะคะ  อ้อยรักพี่กรคะ”    ขอหวานบ้าง  ว่าแล้วก็จุ้บแก้มเขาอย่างอดใจในสายตาเจ้าชู้ของเขาไม่ได้
        “รักแล้วทำไมไม่ยอมให้ทำอีกล่ะ”   เขาทำหน้าเง้างอน
        “อ้อยไม่หนีไปไหนซะหน่อย  รอให้อ้อยพร้อมกว่านี้  อ้อยจะไม่ขัดใจพี่เลยนะคะ  ปล่อยอ้อยได้แล้ว  ไปอาบน้ำเลยไป”
        “ก็ได้  แต่ว่า.....  ต่อไปนี้  ผมขอมานอนบนเตียง  กอดเมียคนสวยนะครับ”
        “ใครห้ามล่ะ  ถ้าไม่ขึ้นมานอนบนเตียง  ต่อไปก็ไล่ออกจากบ้านไปเลย  คิกๆๆ   อุ้ย...ว้ายยย  พี่กร ไม่เอา  ไปอาบน้ำได้แล้ว  ไป๊”  
 เขาทำท่าจะปล้ำกอดดิฉันอีก  แต่ดิฉันก็ห้ามปรามไว้ทัน เขาจึงหยุดและยอมไปอาบน้ำแต่โดยดี  ได้แต่ถอนใจโล่งอก  ถ้าขืนยอมให้เขากอดปล้ำ  ดิฉันก็ไม่แน่ใจตัวเองว่าจะไม่เคลิบเคลิ้มตามเขาไปอีก
        และนี่คือบทเรียนรักครั้งแรกที่ดิฉันสุดประทับใจ จนมาถึงบัดนี้  แม้เหตุการณ์นี้จะผ่านมาแล้ว   ดิฉันก็จำได้ไม่ลืมเลือนแทบทุกวินาทีของเหตุการณ์ตอนนั้น  เวลาผ่านมาเรื่อยๆ  ความหวานชื่นระหว่างดิฉันกับสามีก็ไม่เคยลดลงเลยกลับมีแต่เพิ่มขึ้นๆ เรื่อยๆ   แล้วคอยติดตามต่อนะคะว่าเป็นอย่างไร..............   


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น