วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559

คำสารภาพของแฟนผม ตอนที่5



ถ้าจะบอกว่านัดครั้งแรกของผมกับน้องนิด จบด้วยการไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากที่บอกในตอนที่แล้ว จะมีใครเชื่อบ้างมั๊ยครับ แต่ความจริงอย่างไรมันก้คือความจริงอยู่นั่นเอง ผมจำได้แม่นยำมากว่าตอนที่ผมเอามือไปวางบนตักน้องเค้านั้น ตัวน้องนิดสั่นมากมือเย็นเฉียบของน้องนิดที่ยื่นมาจับมือผมบีบเบาๆนั้น ผมรู้ว่าน้องเค้าแค่จับมือผมยึดไว้เหมือนเป็นที่พึ่งพาเท่านั้น หาได้ยึดแน่นแข็งขืนถ้าผมจะลองเลื้อยมือไปสัมผัสร่างกายส่วนอื่นของน้องนิด แต่ผมก็ไม่ทำเช่นนั้น ตลอดเวลาที่หนังยังฉายอยู่ ผมเพียงแค่ยื่นแขนซ้ายไปโอบไหล่น้องเค้า ดึงร่างสูงระหงนั้นให้เอนเข้ามาหาตัวผมจนหน้าของเราแทบจะแนบติดกัน ตาน้องเพ่งมองภาพยนต์ในจอ ส่วนตาผมเพ่งมองวงหน้าแสนสวยอย่างหลงไหล

นานๆครั้งที่น้องจะเบือนหน้ามาสบตาผมพร้อมส่งยิ้มให้ ผมก็จะถือโอกาสนั้นจูบเบาๆ แถวๆหน้าผากบ้าง แก้มนวลบ้าง เป็นการจูบแบบถนุถนอม อบอุ่นไม่ได้จูบเพื่อหวังปลุกความกำหนัดให้เกิดขึ้นในหัวใจที่เต้นโครมครามของน้องนิดเลยจวบจนกระทั่งหนังฉายจบ ผมไม่รู้เลยสักนิดว่ามันเรื่องอะไร พอไฟสว่างขึ้นผมรอให้คนอื่นๆออกไปก่อนยังไม่ลุกขึ้น สาเหตุน่ะหรอ เพราะส่วนอื่นในร่างกายของผมมันลุกโชนแข็งปั๋งไปตั้งแต่หนังเริ่มฉายเสียแล้ว ผมเกรงสายตาผู้คนที่เดินสวนกัน คงมองไม่เหมาะที่ตาแก่ควงสาวสวยออกมาจากชมภาพยนต์ด้วงเป้ากางเกงตุงโป่งขึ้นเป็นลำ จริงมั๊ยครับ

วันนั้นผมขับรถไปส่งน้องนิดที่ท่าน้ำจังหวัดนนท์บุรี น้องนิดบอกว่าข้ามเรือไปแปบเดียวก็ถึงบ้านเธอแล้ว อีกทั้งไม่อยากให้ผมขับรถอ้อมไปส่งถึงใกล้ๆบ้านเกรงคนรู้จักจะเห็น แล้วไปบอกพ่อแม่ ซึ่งผมก็เข้าใจอยู่แล้วละครับ ไม่อยากทำให้นัดครั้งแรกของเรา กลายเป็นการนัดครั้งสุดท้าย

พอส่งน้องเค้าแล้วผมก็รีบขับรถกลับคอนโดย่านเพลินจิต ชีวิตหนุ่มโสดของผมช่วงนั้นชอบอาศัยอยู่ในคอนโดเสียมากกว่าไปอยู่ที่บ้านย่านรามอินทรา พอผมถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะหาความสุขกับน้องเค้าเหมือนเช่นเคยทำ เริ่มจากการออนเอ็ม พอน้องเค้าออนมาเราก้คุยกันแบบสยิวๆ อุ่นเครื่องที่ร้อนรุ่มจากการดูหนังให้ยิ่งเร่าร้อนกันขึ้นทั้งสองฝ่าย จนท้ายสุดก็sex phone กันอีกตามเคย แต่ครั้งนั้นผมจำได้ว่า ผมค่อนข้างจะวิตถารไปสักหน่อย

น้องนิดเคยบอกกับผมตั้งแต่เราคุยกันในปีแรกว่า ครอบครัวญาติพี่น้องทางฝ่ายพ่อของเธอนั้นมีที่ดินเป็นผืนยาวติดค่อนอยู่ประมาณเกือบ20ไร่ พอปู่ย่าถึงแก่กรรมก็โอนมรดกแบ่งให้ลูกๆทั้ง5คนเท่าๆกัน พ่อของเธอเป็นลูกคนกลางที่ดินบ้านเธอนั้นด้านหน้าอยู่ติดถนนบางกรวย-ไทรน้อย เป็นถนนสายเล็กๆ สามารถขับรถลัดเลาะไปออกถนนจรัลสนิทวงศ์ตรงใกล้ๆการไฟฟ้าฝ่ายผลิตได้ ส่วนด้านหลังที่ดินเป็นคลอง ญาติพี่น้องฝ่ายพ่อต่างก็ปลูกสร้างบ้านของแต่ละคนในที่ดินของตนเอง บ้านเธอจะอยู่ริมซ้ายสุดของที่ดิน แล้วถัดๆไปด้านขวาก็เป็นบ้านป้าบ้านลุงเรื่อยๆไปตามลำดับ นั่นคือรายละเอียดที่ผมพอจะทราบได้

อย่างที่บอกว่าคราวนี้ผมsex phone กับน้องนิดค่อนข้างวิตถารสักหน่อย คือระหว่างที่เรากำลังคุยกันผมบอกให้น้องนิดไปยืนตรงหน้าต่างแล้วแง้มม่านออกหน่อยๆ แล้วถามน้องนิดว่าเห็นอะไรบ้างมั๊ย น้องนิดตอบมาว่าด้านข้างนั้นเป็นบ้านเช่า
"แล้วน้องเห็นใครในบ้านเช่ามั๊ย"
"เห็นค่ะ..ผู้ชายคนหนึ่ง...ยืนอยู่ในห้องชั้นสอง หน้าต่างบ้านเค้าเยื้องๆกับหน้าต่างห้องนิดพอดี"
"เห็นมั๊ยจ๊ะว่า...คนนั้นทำอะไรอยู่...แล้วน้องรู้จักผุ้ชายคนนั้นมั๊ย"
"นิดว่าน่าจะกำลังดูทีวีนะคะ....เคยเห็นหน้าค่ะ แต่ไม่เคยคุยกัน"
"งั้นดีละ พี่อยากให้น้องเปิดม่านหน้าต่างให้กว้างสักครึ่งหนึ่ง พอทำได้มั๊ยที่รัก"
"พี่เก่งจะให้ทำอะไรคะ...."
"พี่อยากให้น้องจินตนาการว่าโดนพี่เย็ดที่หน้าต่างแล้วมีผู้ชายคนนั้นแอบดู..."

แล้วผมกับน้องนิดก็เล่นกันเราปลดปล่อยอารมณ์กันอย่างเต็มที่ ผมให้น้องนิดเปลื้องเสื้อผ้าออกให้หมดจนเปลือย ให้หันหน้าไปทางหน้าต่างนั้นแล้วโก่งโค้ง ผมจะสอดใส่เธอทางด้านหลัง น้องนิดก็ทำตาม(ผมเชื่อว่าเธอทำตามทุกคำพูดที่ผมบอกจริงๆนะครับ) เราทำรักกันจนใกล้จะเสร้จ น้องนิดก็พูดขึ้นว่า
"ว๊ายพี่เก่งคะ....ผู้ชายคนนั้นมายืนมองนิดตรงหน้าต่างอ่ะ...."จากนั้นโทรศัพท์ก็ถูกตัดสาย ทำให้ผมค้างคา แม้จะพยายามโทรไปหาอีกหลายครั้ง ดูเหมือนน้องนิดจะปิดสาย ผมรอจนกระทั่งดึกจึงเห็นน้องนิดออนเอ็มมา ผมก็ถามไปว่าเกิดอะไรขึ้น
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ...แค่นิดตกใจเลยทำโทรศัพท์หล่น พอดีพ่อแม่กลับจากสวนเลยไม่ได้คุยต่อ" เธอแชทมาแบบนี้ แต่ในความรู้สึกของผม ว่ามันไม่ใช่แค่นี้ แต่ด้วยรุ้นิสัยกันดีว่า ถ้าเธอบอกแค่นี้แบบนี้ ผมก็ไม่ควรเซ้าซี้ลุกไล่ถามต่อ เพราะเธอจะงอนผม แล้วพาลให้การคุยกันไม่สนุก ผมจึงเปลี่ยนเรื่องสนทนา ส่วนเรื่องอารมณ์ที่ค้างคานั้น ต่างก็มอดไหม้จนจุดไม่ติดเสียแล้ว คืนนั้นจึงเพียงได้แต่คุยกันธรรมดาๆจนเข้านอน

หลังจากวันนั้นผมกับน้องนิดก็นัดเจอกันอาทิตย์ละครั้งบ้างสองอาทิตย์เจอกันสักครั้งบาง แต่ทุกครั้งผมยังคงไม่รีบเร่งที่จะรวบรัดเอาเธอเป็นของผม ผมปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างใจเย็นไม่เร่งรีบ พัฒนาการเพิ่มไปบ้างก็เพียงแค่จูบปากกันบ่อยขึ้น (โดยไม่ได้สอดลิ้นเข้าไป) ผมลูบไล้ขาเธอบ่อยขึ้นโดยหยุดยั้งมือเอาไว้เพียงแค่โคนขา ผมยังไม่เคยกล่ำกลายฝ่ามือลูบสูงขึ้นไปสักครั้ง ถามว่าถ้าจะทำจริง ทำได้มั๊ย ทำได้ครับ เพียงแค่ผมยังไม่อยากเร่งรีบนัก เธอยังเด็กเรียนมหาวิทยาลัยแค่ปีสอง ผมยังไม่อยากทำลายอนาคตของเธอ เพราะผมพอทราบนัยๆในเรื่องครอบครัวของเธอว่าค่อนข้างหัวโบราณ การที่จะให้ครอบครัวเธอยอมรับผมเป็นเขยทั้งที่มีอายุแก่เท่ากับพ่อของเธอนั้น คงเป็นเรื่องยาก
คงด้วยหตุนี้กระมังทำให้ผมไม่ปรารถนาที่จะชิงสุกก่อนห่าม ถ้ายังไม่มั่นใจว่าผมจะพิชิตชัยเอาชนะครอบครัวเธอได้ ผมสัญญากับตัวเองจะไม่ล่วงเกินพรากความสาวไปจากตัวเธอ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น