วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559
ขุนช้างขุนแผน ตอนที่ 15 (ทะเลทุกข์ไร้ฟากฝั่ง)
ตอนที่ 15 (ทะเลทุกข์ไร้ฟากฝั่ง)
จากเหตุการณ์ในวันนั้น สร้างความกริ้วให้แก่สมเด็จพระพันวษาเป็นอย่างยิ่ง รับสั่งอย่างเด็ดขาด ให้ติดตามเอาตัวของขุนแผนมาให้ได้ กระแสรับสั่งได้ส่งไปตามหัวเมืองต่าง ๆ ให้ดำเนินการควานหาตัวของขุนแผนและนางวันทอง การนี้กลับเป็นการสร้างความลำบากให้แก่ขุนแผนและนางวันทองยิ่งนัก
ณ ชายป่าแห่งหนึ่ง แถบเมืองพิจิตร ขุนแผนและนางวันทองหลบหนีการตามล่าจากทางการ ทั้งต่อสู้และทั้งหลบหลีก จากเมืองหนึ่ง ไปยังอีกเมืองหนึ่ง จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งตลอดเวลา ลำบากอย่างเหลือแสน
““น้องวันทอง เหนื่อยไหมจ๊ะ?”” ขุนแผนถามวันทองด้วยความเห็นห่วงเป็นใย
““ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะพี่แผน น้องอยู่กับพี่น้องมีความสุขอยู่แล้ว”” วันทองตอบขุนแผน พลางจ้องตาขุนแผน สายตาของวันทองบ่งบอกถึงความรักที่มีให้แก่ขุนแผนอย่างลึกซึ้ง
ขุนแผนได้ฟังคำตอบจากเมียรักก็ให้รู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก เมื่อมองเห็นภาพเมียรักที่แต่งตัวมอมแมม ด้วยไม่ใคร่จะมีเวลาพักที่แห่งใดนานนัก กอปรกับครรภ์ที่นางวันทองมี ก็เริ่มจะนูนออกมาน้อยๆ ภาพนี้สร้างความปวดร้าวในหัวใจของขุนแผนยิ่งนัก ด้วยสงสารเมียรักกับลูกน้อยที่จะเกิดตามมา จะต้องลำบาก และอนาคตก็คงจะต้องเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ขุนแผนสำนึกในใจว่าถ้ามีทางเลือกที่ดีกว่านี้โดยแลกกับชีวิตของเขา เขาก็คงจะเลือกทางนั้นโดยไม่ลังเล เมื่อคิดถึงตอนนี้ขุนแผนก็ฉุกใจคิดได้
เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว ขุนแผนก็นิ่งอึ้งไปอยู่พักหนึ่งจนนางวันทองสงสัย เขย่าตัวเรียก ขุนแผนจึงได้รู้สึกตัว ฝืนยิ้มให้แก่นางวันทอง แล้วลุกขึ้น พลางฉุดให้นางวันทองลุกขึ้น แล้วอุ้มไปวางบนหลังม้าสีหมอก พลางจูงให้เดิน
ณ เรือนพักของพระพิจิตร เจ้าเมืองพิจิตร ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาดึกสงัดแล้ว ทุกผู้คนในบ้านกำลังหลับใหลในห้วงนิทรารมย์อย่างสุขสม ก็ปรากฏร่างของชายผู้หนึ่ง เดินมาถึงยังหน้าประตูบ้าน แล้ว พนมมือร่ายเวทย์ ปลดล้อคประตูบ้านของพระพิจิตรออก จากนั้นจึงเดินเข้าไปในห้องนอนของพระพิจิตร แล้วจึงค่อยปลุกพระพิจิตรขึ้นมา จากนั้นก็นั่งพับเพียบรออยู่บนพื้น ฝ่ายพระพิจิตรเมื่อตื่นขึ้นมาก็รู้สึกแปลกใจที่บุรุษหนุ่มที่ปลุกเขาขึ้นมานั่งพนมมือรออยู่บนพื้น แล้วบุรุษหนุ่มนั้นก็พูดขึ้นมาว่า
““กราบเรียนใต้เท้าขอรับ กระผมคือขุนแผนที่กำลังถูกทางการตามล่าอยู่น่ะขอรับ วันนี้กระผมมาที่นี่เพื่อมาขอมอบตัวกับใต้เท้า ด้วยกระผมได้ยินชาวบ้านร้านตลาดเล่าลือกันว่า ใต้เท้าเป็นผู้มีความยุติธรรม และโอบอ้อมอารีมาก กระผมสงสารเมียที่ต้องระหกระเหินเดินทางหลบหนี และตอนนี้เธอก็ตั้งครรภ์ได้นานเดือนแล้ว กระผมเห็นว่าทางการต้องการเพียงตัวของกระผมเท่านั้น จึงได้มามอบตัวขอรับ”
”
พระพิจิตรได้ฟังคำของขุนแผน ก็นิ่งอึ้งไป ด้วยคิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มผู้นี้จะมีความคิดที่ยิ่งใหญ่ ถึงขนาดยอมเสียสละตนเองเพี่อคนที่ตัวรักได้ จึงได้พยักหน้ารับ และกล่าวว่า
““เอายังงี้ ถ้าเธอจะยอมมอบตัว ฉันก็จะช่วยสู้คดีให้ เพราะคนที่รักลูกรักเมีย คงจะไม่ใช่คนที่เลวร้าย ดังที่ฉันได้รับข่าวลือมา สำหรับลูกเมียเธอ ก็ให้มาฝากไว้ที่บ้านของฉันก่อน ฉันจะช่วยดูแลให้นะ””
ขุนแผนได้ฟังคำของพระพิจิตร ก็ให้รู้สึกตี้นตันใจ ดุจดั่งได้พบคนที่รู้ใจ พบกับคนที่เข้าใจ ความรู้สึกกดดันทั้งหลายตลอดช่วงเวลาที่โดนตามล่าเป็นเวลานาน ก็ทะลักทะลายออกมา เขาถึงกับหลั่งน้ำตาลูกผู้ชายออกมา น้ำตาของลูกผู้ชายที่ยืนหยัดท้าฟ้าดิน ลูกผู้ชายผู้แข็งแกร่ง ใครว่าลูกผู้ชายหลั่งน้ำตาไม่เป็น เขาจะหลั่งน้ำตาก็ต่อเมื่อมันมีสิ่งที่คู่ควรเท่านั้น
พระพิจิตรเห็นดั่งนั้นก็แกล้งทำเป็นไม่เห็น ด้วยเกรงว่าขุนแผนจะอาย แต่เขาก็นับว่าทำความเข้าใจต่อบุรุษหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้มากขึ้นอีก เวลาผ่านไปอีกชั่วครู่ พระพิจิตรก็บอกกับขุนแผนให้นำตัวภรรยาของเขา มาอยู่ในการดูแลและบอกให้บ่าวไพร่ลุกขึ้นมาจัดที่หลับที่นอนให้แก่ขุนแผนและนางวันทอง
นับจากวันนั้น ขุนแผนก็ถูกส่งตัวเข้าไปสู้คดีในพระนครศรีอยุธยา ซึ่งจมื่นศรีซึ่งเคยเป็นผู้อบรมทั้งขุนช้างและขุนแผน ก็เป็นผู้ศึกษาคดีนี้และเป็นผู้ที่จะนำเรื่องทูลถวายแก่สมเด็จพระพันวษา
ณ ท้องพระโรง ในวันพิพากษาคดี เหล่าบรรดาขุนนางทุกคน และทั้งโจทย์และจำเลย ต่างก็ถูกนำตัวเข้ารับฟังคำตัดสินของพระมหากษัตรีย์ ซึ่งบัดนี้ได้เวลา สมเด็จพระพันวษา ก็เสด็จออก ณ ห้องท้องพระโรง ซึ่งวันนี้ได้ทรงฉลองพระองค์อย่างเต็มยศ งดงามดุจดั่งเทพเทวานั่นเลยทีเดียว ทรงเสด็จขึ้นประทับยังแท่นพระที่นั่ง จากนั้นจมื่นศรีได้คลานออกมากราบบังคับ แล้วเริ่มทูล
““ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าขอน้อมถวายเรื่องราวทั้งหมด ตามที่ได้สืบเสาะมาด้วยความเป็นจริงพระเจ้าข้า””
““เออ ไอ้จมื่นศรี เอ็งว่ามา เรื่องมันเป็นยังไงมายังไง ข้าจะได้ตัดสินให้ ถ้าใครมันผิด ข้าไม่เอามันไว้แน่”” สมเด็จพระพันวษาตรัสด้วยพระสุรเสียงเหี้ยมเกรียม ทำให้ขุนช้างที่นั่งรอฟังคำพิพากษาถึงแก่ตัวสั่น จนขุนนางที่นั่งด้านข้างต้องหันมามองว่าสั่นทำไม
จมื่นศรี กราบอีกครั้งแล้วเริ่มรายงาน
““พระเจ้าข้า เรื่องทั้งหมดเริ่มมาจากขุนแผนซึ่งจำเดิมได้แต่งงานกับนางพิมพิลาไลยหรือนางได้เปลี่ยนชื่อเป็นวันทอง แต่ได้รับพระบรมราชโองการให้ไปรบกับเมืองเชียงทองซึ่งเป็นกบฏ แต่ขุนช้างซึ่งได้หลงรักนางวันทองได้ทำอุบายจนได้นางวันทองเป็นภริยา ขุนแผนซึ่งจำเดิมเป็นสามีได้รับความอยุติธรรม จึงได้มาช่วงชิงตัวภริยาของตนคืน ขุนช้างจึงได้มากราบทูลต่อพระองค์พระเจ้าข้า””
สมเด็จพระพันวษาได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมด ก็เข้าใจได้โดยทันทีว่า พระองค์ตกเป็นเครื่องมือล้างแค้นของไอ้ขุนช้างเสียแล้ว เมื่อทรงได้รู้เช่นนั้นก็กริ้วเสียจนหน้าแดงก่ำ ลุกขึ้นยืนกระทืบพระบาท ชี้หน้าขุนช้างพลางรับสั่งด้วยพระสุรเสียงดังปานเสียงฟ้าผ่า
““ไอ้ขุนช้าง มึงกล้าจริงๆ นะ มึงเก่งจริงๆ เอากูมาเป็นเครื่องมือล้างแค้นไอ้ขุนแผน มึงเห็นกูโง่นักใช่ไหม ทหารจับเอาไอ้ขุนช้างไปตัดหัวเดี๋ยวนี้””
ขุนช้างได้ฟังรับสั่งของสมเด็จพระพันวษา ก็พูดไม่ออก ตัวสั่นระริกหน้าขาวซีด เมื่อเห็นทหารมาเพื่อจะลากตัวเอาไปตัดหัว ก็ร้องครางออกมาด้วยความกลัว พื้นบริเวณนั้นเปียกเป็นหย่อมใหญ่ เหล่าขุนนางพากันถอยหนีด้วยความเกลียดชังความประพฤติของขุนช้าง
ขุนแผนนั้นมิได้จองเวรกับขุนช้างที่เคยเป็นเพื่อนรักมาก่อน เมื่อเห็นเพื่อนจะโดนโทษตัดหัว ก็รู้สึกสงสารยิ่งนัก จึงรีบกราบทูลต่อสมเด็จพระพันวษา ขอชีวิตให้แก่ขุนช้าง สมเด็จพระพันวษาเห็นขุนแผนไม่โกรธต่อความเลวของขุนช้าง แล้วยังมาขอพระราชทานอภัยโทษ ก็ยิ่งรักและสงสารขุนแผนเป็นกำลัง จึงได้ประทานอภัยโทษตัดหัวให้แก่ขุนช้าง แต่การกระทำผิดยังไงก็ต้องลงโทษ จึงให้ปรับไหมเป็นเงิน 100 ชั่งแทน ขุนช้างแสนจะดีใจ กราบขอบพระทัยประหลกๆ
ขุนแผนเมื่อรอดจากโทษทั้งมวล จึงได้ไปรับนางวันทองมาจากบ้านของพระพิจิตร และระหว่างทางกลับก็ได้เดินทางไปหาแก้วกิริยาที่ปัจจุบันตั้งร้านขายผ้าอยู่แถวๆ เมืองสุพรรณบุรีนั่นเอง แก้วกิริยาแสนจะดีใจ เมื่อเห็นขุนแผนเดินทางมารับ ร้องไห้โฮออกมากลางร้าน สร้างความแปลกใจแก่ผู้ที่มาซื้อของยิ่งนัก แต่สร้างความตื้นตันใจให้แก่ขุนแผนและนางวันทองเป็นยิ่งนัก กับความรักหนักแน่นที่แก้วกิริยามีให้แก่ขุนแผน
หลังจากนั้น ทั้ง 3 คนผัวเมียจึงเดินทางขึ้นมาพระนครศรีอยุธยาโดยมาพักอยู่กับจมื่นศรี
คืนนั้นขณะที่ขุนแผนกำลังหลับพักผ่อน ก็รู้สึกว่ากางเกงของตนถูกดึงลง ควยอาคมถูกมือใครบางคนลูบไล้เบาๆ สักพักหนึ่งก็รู้สึกว่าถูกบางอย่างที่อบอุ่นดูดกลืนเข้าไป ขุนแผนจึงผงกศรีษะขึ้นมามอง เห็นแก้วกิริยากำลังดูดอมควยอาคมเข้าออกในปากจนเปียกน้ำลายเป็นมันแผล็บ สองมือนั้นก็ถอกควยอาคมไปมา สร้างความเสียวซ่านแก่ขุนแผนจนสูดปากออกมาเบาๆ ด้วยความเสียวซ่าน แก้วกิริยาดูดควยอาคมจนแก้มตอบ สองมือก็ทำงานไม่ว่างมือหนึ่งถอกควยอาคมไปมา อีกมือหนึ่งก็คลึงที่พวงไข่ของขุนแผนไปมา
ขุนแผนทนแทบจะไม่ไหวกับลีลาดูดของแก้วกิริยา จึงประคองศีรษะของแก้วกิริยาขึ้นมา พลางยกมือปลดผ้าแถบของแก้วกิริยาออก เต้านมของแก้วกิริยาก็เด้งกระเพื่อมออกมาสะเทือนน้อยๆ ตามแรงหอบหายใจของเจ้าของ นมของแก้วกิริยาที่เคยเป็นกระเปาะ บัดนี้มันได้อวบเต่งเป็นเต้างอนช้อยสวยงาม ชูยอดสีน้ำตาลอ่อนที่กำลังแข็งเต่งเป็นไต น่าดูดยิ่งนัก ขุนแผนกำลังจะก้มลงดูดที่ปลายยอด กลับมีมือยื่นเข้ามาบีบเคล้นแทน นางวันทองนั่นเอง ยื่นมือออกมาคลึงเคล้าเต้านมของแก้วกิริยาจากด้านหลัง สร้างความประหลาดใจให้แก่ขุนแผน นางวันทองตื่นมากลางดึกแล้วเห็นแก้วกิริยากำลังดูดอมควยอาคมให้แก่ขุนแผน ก็รู้สึกว่าตนเองนั้นไม่สามารถให้ความสุขแก่สามีได้ จึงได้ไปช่วยแก้วกิริยาเพื่อให้แก้วกิริยามีความสุขไปด้วย นางจึงเข้ามาร่วมด้วย
แก้วกิริยาก็ประหลาดใจเช่นกัน ด้วยขุนแผนผัวรักมือยังอยู่ครบ งั้นนี่มือใคร เมื่อหันหน้ามามองก็เห็นเป็นนางวันทองก็แปลกใจ แต่แล้วก็เข้าใจเมื่อนางวันทองเอนตัวเข้ามากระซิบเบาๆ ที่ข้างหู แก้วกิริยาจึงปลดผ้านุ่งออก เผยให้เห็นสะโพกผายงาม เนินนูนที่งดงาม หญ้าที่ขึ้นสวยงามเป็นระเบียบ และปากทางเข้าที่ปิดสนิทดุจดั่งไม่เคยมีใครเคยผ่านมันเข้ามาเลย ขุนแผนเมื่อเห็นแก้วกิริยาถอดผ้านุ่ง ตนเองก็รีบถอดกางเกงออก จากนั้นก็ดึงร่างของแก้วกิริยามานั่งหันหน้ามาทางเดียวกันตน ส่วนนางวันทองนั้นก็จับเอาควยอาคมของขุนแผนจ่อกับช่องทางสวรรค์ของแก้วกิริยา อีกมือหนึ่งก็บดบี้กับเม็ดแตดเม็ดเล็กๆที่ซ่อนอยู่ด้านบนของร่องหีของแก้วกิริยา เร่งให้น้ำเสียวไหลหลั่งออกมาจนชโลมหัวควยอาคมเป็นมัน
ขุนแผนนั้นเมื่อเห็นเมียรักช่วยกัน ก็ปลาบปลื้มใจยิ่งนัก กระเด้าควยอาคมค่อยให้หัวควยอาคมค่อยเกลือกกับร่องหีของแก้วกิริยาจนหัวควยเปียกโชกไปด้วยน้ำเงี่ยนที่แก้วกิริยาขับออกมา นางวันทองก็ย้ายขึ้นมาดูดยอดเต้างอนช้อยของแก้วกิริยาอีกมือก็คลึงเคล้าเต้านมอีกข้าง พลางใช้นิ้วมือบีบบี้หัวนมของแก้วกิริยาจนแก้วกิริยาขนลุกจนเห็นได้ชัด
ขุนแผนเห็นแก้วกิริยามีอาการส่ายตูดส่ายหี วนส่วนกับควยอาคม แถมบางครั้งยังพยายามดันหีเพื่อกดให้ควยอาคมเข้าไปในร่องหีลึกๆ ก็รู้ว่าแก้วกิริยาพร้อมแล้ว เมื่อแก้วกิริยากดหีลงมาอีก ขุนแผนก็กระเด้าควยอาคมสวนขึ้นไปในทันทีจนควยอาคมฝังผ่านแคมหีของแก้วกิริยาเข้าไปฝังอยู่ในร่องหีอันคับแน่น แถมมีอาการตอดตุบๆ ของแก้วกิริยากว่าครึ่ง แก้วกิริยาถึงกับร้องอี๋ด้วยความเสียวแปลบที่เข้ามาในร่องหี แต่ด้วยอิทธิฤทธิ์แห่งควยอาคม ทำให้แก้วกิริยามีแต่ความเสียวซ่านหาได้เจ็บปวดจากการโดนแหวกหีแบบเต็มๆ อย่างนี้
ขุนแผนนั้นชักควยอาคมออกจนเกือบถึงเงี่ยงหยัก แล้วกระเด้าผับเข้าไปจนควยอาคมเข้าไปจนสุด หัวควยอาคมกระทบกับมดลูกข้างในดังกึก แก้วกิริยานั้นตัวอ่อนระทวยไปนานแล้ว ด้วยโดนโจมตีทั้งบนและล่าง กระตุกเกร็งสุดตัวเมื่อหัวควยอาคมมุดเข้าไปลึกจนชนกับมดลูก ถึงจุดสุดยอดตัวสั่นระริก ขุนแผนเห็นแก้วกิริยาถึงจุดอย่างง่ายดายก็อมยิ้ม พลางดึงร่างของแก้วกิริยายืนขึ้น แล้วให้ไปยืนเกาะกับขอบหน้าต่าง พลางยืนขึ้นจ่อหัวควยอาคมที่เปียกมะล่องมะแล่ก เข้ากับร่องหีที่เบียดออกมาด้านหลังเป็นพูของแก้วกิริยา จ่อเข้ากับช่องทางสวรรค์ที่เปียกเยิ้มจนหยดไหลลงมาตามขาเป็นทาง เมื่อจ่อตรงแล้วก็กดพรวดเข้าไปทีเดียวหมด แก้วกิริยาถึงกับสะดุ้งเฮือกสูดปากดังลั่น
นางวันทองนั้นก็ไม่ได้อยู่เฉย เข้ามาเอาปากเลียร่องกลีบหีของแก้วกิริยาที่ถูกควยอาคมบดบี้จนยู่ไปมา พลางใช้มือลูบไล้พวงไข่ของขุนแผนไปมา แก้วกิริยาถูกโจมตีหลายทางก็เข่าอ่อนทำท่าจะทรุดลงนั่ง แต่ขุนแผนจับเอวคอดกิ่วไว้แน่น พลางดึงกระแทกอย่างแรงเสียงดัง พั่บๆ แต่ละครั้งที่ดึงเอวแก้วกิริยาเข้ามา ขุนแผนก็กระแทกส่วนไปทุกครั้ง จนพวงไข่กระแทกปากร่องหีทุกครั้ง ขุนแผนนั้นอดอยากปากแห้งมานาน เมื่อกระแทกท่านี้จนหนำใจแล้วยังไม่เสร็จ จึงให้แก้วกิริยานอนหงาย ตนเองก็นั่งลงคุกเข่า พลางใช้แขนช้อนขาของแก้วกิริยาขึ้นมา
วันทองรู้งานก็จับควยอาคมของขุนแผนจ่อกับร่องหีที่เผยออ้าออกน้อยๆ ของแก้วกิริยา ขุนแผนก็กดกระแทกควยอาคมเข้าไปเต็มที่ตามอารมณ์เงี่ยนที่เก็บกดมานาน และเมื่อได้ร่วมรักกับแก้วกิริยาจะต้องเกิดอาการซาดิสต์ขึ้นมาทันใดอย่างไร้สาเหตุ กดกระแทกอย่างไม่ออมแรง ท่านี้ทำให้หัวควยของขุนแผนมุดเข้าไปจนชนกับมดลูกของแก้วกิริยาเต็มที่ทุกครั้ง
ขุนแผนนั้นทั้งซอยสั้น ซอยยาว แถมยังมีคว้านไปมาจนแก้วกิริยานั้นเกร็งกระตุก เกร็งแล้วก็กระตุก ไป 3-4 ครั้ง ขุนแผนจึงได้ถึงจุด กระแทกป้าบ ป้าบ อีก 5-6 ทีก็ล้มนอนกอดร่างแก้วกิริยา หัวควยก็พ่นน้ำควยขาวข้นไปราดรดมดลูกของแก้วกิริยา ไม่ขาดสาย ทำให้แก้วกิริยาต้องถึงจุดสุดยอดตามไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เมื่อเสร็จกิจ ทั้ง 3 คนผัวเมียก็กอดกันนอนหลับอย่างมีความสุข
วันหนึ่งขุนแผนนั้นเกิดจำได้ว่า ลาวทองคนที่เคยติดตามจากแคว้นจอมทอง เมื่อครั้งไปตีเมืองเชียงทองยังถูกคุมขังเป็นม่ายหลวงในวัง จึงได้ปรึกษากับวันทองและแก้วกิริยา ซึ่งทั้งสองนางก็เห็นด้วยว่าควรให้ขุนแผนกราบทูลขอสมเด็จพระพันวษาเพื่ออภัยโทษให้แก่ลาวทอง จักได้มาอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ขุนแผนเมื่อเห็นภรรยาทั้งสองเห็นด้วยจึงได้เข้าวังไปเพื่อกราบทูลขออภัยโทษจากสมเด็จพระพันวษา แต่ด้วยคราเคราะห์ที่ครอบครัวจะต้องแตกแยกจากกัน สมเด็จพระพันวษามิเพียงไม่อภัยโทษ แต่กลับทรงกริ้วที่ขุนแผนได้คืบจะเอาศอก สั่งขังขุนแผนในคุกหลวงอย่างไม่มีกำหนดไปซะอีก สร้างความตกใจแก่สองสาวอย่างยิ่ง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น