วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2559

คำสารภาพของแฟนผม ตอนที่16




น้องนิดไปฝึกงานในโรงแรมระดับห้าดาวที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อยู่ประมาณสามเดือนกว่าๆ ในระหว่างที่ฝึกงานน้องนิดจะอยุ่ที่คอนโดของตัวเอง แค่เพียงวันหยุดเท่านั้นที่จะมาค้างกับผม ในหว่างที่ฝึกงานอยู่นั้น ผมเคยไปแอบดูว่าน้องเค้าฝึกงานโดยไม่ให้เธอรู้ อยู่สองครั้ง ก็เห็นว่าเธอตั้งใจฝึกดี เข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ไม่มีปัญหา ตอนที่น้องมานอนค้างกับผม นั้น ผมเคยลองถามว่ามีปัญหาอะไรบ้างมั๊ย ทั้งเรื่องงานหรือเรื่องเพื่อนใหม่ มีใครมาจีบบ้างหรือเปล่า เข้ากับเจ้านายดีมั๊ย อะไรแบบนี้ น้องนิดก้ตอบไม่มีปัญหาเลย มีเพียงไม่ค่อยชอบสายตาของหัวหน้าแผนกที่น้องนิดฝึกอยู่ ที่ชอบมองน้องนิดด้วยสายตาหื่นๆ แล้วก้คอยแอบแต๊ะอั๋งทำนองหมาหยอกไก่ ผมก็เลยบอกให้น้องนิดอดทนเอาหน่อย ที่ไหนๆมันก็มีคนแบบนี้ทั้งนั้นแหละ น้องนิดเลยย้อนถามให้ว่า
"แล้วพี่...เคยทำหน้าหื่นใส่ลูกน้องสาวๆมั่งมั๊ยคะ.... "เธอถามแล้วจ้องตาผมรอคำตอบ ผมตอบว่า
"ไม่เคยจ๊ะ.. เพราะลูกน้องพี่มีแต่ผุ้ชายฮาๆๆ แต่ถ้าสมมุติว่า มีลูกน้องสาวๆสักคนละก็...."ผมแกล้งพูดค้างไว้ยั่วเธอเล่น อยากรู้ว่าน้องนิดจะหึงมั๊ย แต่ว่า
"ถ้ามีทำเลยนะคะ....นิดอยากดูพี่เก่งหื่นใส่สาวคนอื่นมั่ง......" คำตอบของน้องทำเอาผมประหลาดใจ
"เอ้า.....ไม่หึงเลยรึ...ทำแบบนี้อาตี๋เล็กน้อยใจน๊า..." ผมแสร้งทำเสียงน้อยอกน้อยใจ ทิ้งมือที่กำลังกอดเธอลงข้างตัว น้องนิดก็หันมากอดผมแทน แล้วเอื้อมมือล้วงลงไปจับกุมท่อนลำของผม
"อย่าน้อยใจนะตี๋เล็กของเจ้...เจ้ให้พ่อตี๋เล็กหื่นได้ แต่ห้ามตี๋เล็กคนดีไปหื่นกับสาวอื่นนะจ๊ะ..ตี๋เล็กต้องหื่นกับเจ้หมวยคนเดียว รู้มั๊ย..." ระหว่างที่พูด น้องนิดก็จับตี๋เล็กของเธอลูบๆคลึงๆ จนท่อนลำผมเริมตื่นตัว เธอร้องอุ๊ยๆ แล้วรูดเล่นห้าหกครั้ง จนมันแข็งเต็มอุ้งมือของเธอ...ผมก็หันมากอดน้องนิดมือไม้เริ่มไม่อยู่สุขบีบคลึงอกอวบของเธอเล่นจนเม็ดหัวนมตั้งแข็ง ขณะกำลังเลื้อยมือลงต่ำ น้องนิดก็ตะครุบยึดมือผมแน่น แล้วกระซิบเบาๆที่หูว่า ช่วงนี้เธอมีเมน กรรมเวรเลย มายั่วจนผมตื่นเพริด แล้วดันมาบอกว่ามีเมน ความจริงผมก็ไม่ได้ซีเรียสถึงกับจะหงุดหงิดถ้าไม่ได้ทำรักกับเธอ แต่ก็แสร้งทำหน้าเซ็งๆ บ่นอุ๊บอิ๊บๆว่าแล้วมายั่วผมทำไม แล้วน้องนิดก็กระซิบให้ผมได้ยินว่า

"อย่าน้อยใจนะคะที่รัก เคยบอกนิดเองไม่ใช่หรือว่า ช่องทางความสุขไม่ได้มีแค่ตรงนั้น...คืนนี้นิดจะทำให้พี่ด้วยปากดีมั๊ยคะ..หรือพี่อยากได้ตรงนั้น..เอ่อ ตรงก้นด้วยยย" แล้วคืนนั้นน้องนิดก็ทำตามคำพูด เธอใช้ปากทำรักให้ผมในช่วงแรก ก่อนจะตบท้ายโดยให้ผมตกทองเธอ

น้องนิดฝึกงานจนเป็นวันสุดท้ายในช่วงบ่ายวันนั้นก็โทรมาบอกผมว่าคืนนี้คงกลับดึกไม่ต้องห่วง เพราะพี่ๆที่แผนกจะพาไปเลี้ยงอำลาทานข้าวเย็นกัน แล้วอาจจะพากันไปฟังเพลงต่อ น่าจะประมาณ4ทุ่มกว่าๆคงกลับกัน ซึ่งในคืนนั้นเป็นคืนที่น้องนิดจะมานอนค้างที่คอนโดของผมเป็นประจำอยู่แล้ว ผมเลยหยิบงานออกแบบเรือนหอของผมมาตรวจทานดูไปเรื่อยๆ เพลินๆจนเวลาผ่านไปสี่ทุ่มกว่าๆ น้องนิดก็ยังไม่มา ผมเลยโทรไปหา เธอรับสายแต่มีเสียงร้องเพลง เสียงพูดคุยของคนดื่มเหล้าเอะอ่ะดังแทรกเข้ามาจนฟังแทบไม่รุ้เรื่อง พอจับใจความว่าพี่ๆพามาร้องคาราโอเกะ เสียงของน้องนิดไม่เหมือนเดิมนัก เหมือนกับเธอด่มเหล้าด้วย
"น้องดื่มเหล้าละป่าวครับ....เสียงเหมือนคนเมาเลย"
"ดื่มไวน์นิดหน่อยค่ะพี่....ไม่มาวหรอกค่ะ.." ตอนนั้นน้องนิดก็อายุเกือบ22แล้ว เรื่องการดื่มเหล้าเข้าสังคมนั้น ไม่ใช่เรื่องเสียหายแต่อย่างใด เพียงแค่ตั้งแต่ผมรู้จักเธอมา ไม่เคยเห็นเธอดื่มเหล้าแม้สักครั้งเดียว จึงอดเตื่อนไปไม่ได้ ผมห่วงเพราะน้องนิดต้องขับรถกลับหาผม เธอก็รับปากว่าเดี๋ยวกลับแล้ว ๆ ผมจึงวางสาย แต่ใจก็เริ่มกังวล เวลาผ่านไปอีกช้าๆ เกือบชั่วโมง น้องนิดก็ยังไม่มาสักที ผมเดินงุ่นง่านวนไป ๆ มา ๆ รอบๆห้อง แล้วตัดสินใจโทรไปหาน้องนิดอีกครั้งเสียงโทรศัพท์ดังหลายครั้งกว่าน้องจะรับสาย ผมถามว่าถึงไหนแล้ว เพราะไม่มีเสียงอึกทึกแทรกเข้ามาแบบเมื่อตอนหัวค่ำ น้องนิดอึกอักๆ กว่าจะตอบว่า อยุ่ที่คอนโดของเธอแล้ว
"นิดปวดหัวค่ะ แล้วก็มึนนิดหน่อย เลยมานอนที่คอนโดนิดเพราะใกล้กว่า ถ้าขับไปหาพี่มันไกล..." ผมก็ถามด้วยความเป็นห่วงไปอีกสองสามประโยคแล้ววางสาย ค่อยรู้สึกหายห่วงเพราะเธอกลับที่พักเธอแล้ว

หลังจากทำแบบเรือนหอเรียบร้อยผมเริ่มลงมือก่อสร้าง ช่วงนั้นผมจำเป็นต้องใช้เงินค่อนข้างมากแต่ก็ดีว่ามีงานเข้ามาหาชิ้นหนึ่ง แต่ผมต้องไปทำที่เชียงใหม่แล้วอยู่ที่นั่นประมาณเดือนหนึ่ง ค่าตอบแทนก็มากพอประมาณ ผมบอกกับน้องนิด ซึ่งเธอไม่อยากให้ผมไปนัก เธอไม่เข้าใจว่าผมจำเป็นเรื่องเงินมากขนาดไหน แล้วถ้าจำเป็นจริงๆ เอาเงินเธอไปก่อนก็ได้ แต่ผมไม่ทำแบบนั้นแน่ แล้วก็ยังไม่สามารถบอกเหตุผลด้วยว่า ผมต้องการเงินทำไม น้องนิดจึงดูเหมือนจะงอนๆผมอยู่บ้างที่ผมทำเหมือนมัความลับกับเธอ วันที่น้องนิดไปส่งผมที่สนามบินดอนเมืองเธอจึงทำหน้ามึนๆ เซ็งๆ ผมเห็นแล้วรู้สึกสงสารเธอมาก แต่จำเป็นต้องปลอบใจตัวเองว่าอดทนเอาไว้ ๆ ไม่เช่นนั้นคงบอกเหตุผลความจำเป็นเรื่องเงินกับเธอเป็นแน่

ระหว่างที่ผมทำงานอยู่ที่เชียงใหม่ เราก็ติดกันทางโทรศัพท์บ้าง ทางเอ็มบ้าง เราเปิดกล้งคุยกันผ่านเวบแคม แล้วก็อดไม่ได้หรอกครับที่จะทำรักกันผ่านสื่อออนไลน์ ช่วงที่ผมอยู่เชียงใหม่น้องนิดคงเหงามาก ผมก็เลยบอกให้เธอลองหาอะไรทำแก้เหงาดู ผ่านไปสองสามวันน้องนิดก็โทรมาหาผมแล้วบอกว่า เธอลองไปเทสหน้ากล้องกับกระเทยแมวมา
กำลังรอว่าจะได้ผลเป็นอย่างไร ผมพิจารณาดูแล้วว่าน้องนิดก็โตแล้ว ไม่ใช่เด็กๆ คงไม่ถูกใครหลอกง่ายๆแน่ แต่ก็อดเตือนเธอด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ สั่งห้ามทำอะไรเสี่ยงๆ ถ้าดูแล้วจะเกิดอันตรายไม่ให้ทำ ซึ่งน้องนิดก้รับปาก
ตลอดเวลาช่วงนั้นผมโทรหาน้องนิดทุกคืน เช็คเวลาการกลับบ้านของเธอ ก็ไม่เห็นสิ่งใดผิดปรกติไปจากเดิม ก็เลยเบาใจไปบ้าง ก้มหน้าทำงานจนครบกำหนดหนึ่งเดือนกับอีกห้าหกวันจึงเสร็จ

ผมทุ่มเงินทั้งหมดที่หามาได้ลงไปกับเรือนหอของผม จนผ่านไปถึงเดือนกุมภาพันธ์2553เรือนหอผมก็เสร้จสมบูรณ์ รออีกไม่กี่วันน้องนิดก็จะจบการศึกษา วันสุดท้ายที่สอบเสร็จ ผมกะว่าจะไปรับเธอที่มหาวิทยาลัยแล้วพาเธอไปฉลองการสอบเสร็จ จากนั้นจะฉวยจังหวะนั้นขอเธอแต่งงาน นี่คือแผนการของผม
.....................
16/06/57....22.56น.

แต่แผนของผมผิดพลาดไปเล็กน้อย กะว่าจะรับน้องนิดที่มหาวิทยาลัยตอนเธอสอบเสร้จ แล้วพาไปเลี้ยงฉลองที่ห้องอาหารบนยอดตึกที่สูงที่สุดของประเทศย่านประตูน้ำ แต่เผอิญว่าวันนั้นนายสมดันเกิดอุบัติเหตุในระหว่างทำงานขึ้น ตกนั่งร้านจากชั้นสองของตัวบ้านลงมาหัวน็อคพื้นสลบคาที่ ผมเลยต้องพานายสมไปหาหมอ ระหว่างรอผลสแกนสมองอยู่นั้น น้องนิดก็โทรมาถามว่าผมอยู่ที่ไหน พอผมบอกไปว่าอยู่โรงพยาบาล พานายสมมารักษา แล้วบอกให้น้องนิดไปรอผมที่คอนโดของผม จนเย็นเมื่อผลแสกนออกมาว่านายสมไม่เป็นอะไรมาก ผมค่อยเบาใจให้นายสมพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล แล้วผมก็ขับรถกลับคอนโด กำลังเอ่ยปากว่าจะชวนน้องนิดไปเลี้ยงฉลอง น้องนิดชิงพูดตัดหน้าก่อนว่า
"พี่คะๆ...นิดมีเรื่องตื่นเต้นจะบอกค่ะ"พอผมถามว่าเรื่องอะไรทำไมถึงดูตื่นเต้นนัก เธอก็เลยเล่าให้ฟังว่า สองวันก่อนเผอิญเธอรุ้สึกคิดถึงบ้านสวนของเธอที่ขายไปแล้ว เธอก็เลยขับรถไปดู อยากรู้ว่าคนซื้อจะรักษาสัญญาเรื่องต้นไม้ของเธอมั๊ย  พอเธอไปถึง เธอพบว่าเพื่อนของผมสร้างเรือนหอได้สวยมาก มีสระว่ายน้ำด้วย แล้วก้รักษาสัญญาได้อย่างที่รับปาก ต้นทุเรียนทุกต้นไม่ได้ถูกโค่นทิ้งเลย มิหนำซ้ำยังจัดเป็นสวนสวยงามสุดๆ เธออยากพาผมไปดู ตอนนั้นผมอึกอักๆกลัวว่ามันจะเสียแผน แต่น้องนิดก็ทำกระเง้ากระงอดรบเร้าให้ผมไปดูกับเธอ..

"นิดว่า..เพื่อนพี่คนนั้น คงรักแฟนเค้ามากๆเลยนะคะ...ถึงสร้างเรือนหอซะสวยเชียว...น่าอิจฉา...ไม่รุ้นิดจะมีวาสนามั๊ย..." ท้ายเสียงหันมาจ้องหน้าผมทำตาอ้อนๆ ผมเลยไม่อยากขัดใจเธอ อยากไปก็ไปกัน ผมไปถึงที่นั่นประมณ6โมงเย็นกว่าๆ หยุดรถตรงหน้าประตุทางเข้า จากนั้นผมก็หยิบรีโมทคอนโทรลกดประตุรั้วบานใหญ่ที่ทำจากสแตนเลส ประตุค่อยๆเปิดออกช้า ๆ น้องนิดหันมามองหน้าผม เหมือนอยากจะถามว่าพี่มีรีโมทเปิดประตูรั้วได้ยังไง แต่ผมรีบยื่นนิ้วชี้ไปแตะริมฝีปากเหมือนบอกให้เธอเงียบๆก่อนอย่าเพิ่งพูด เพิ่งถามอะไรทั้งสิ้น

ผมขับรถผ่านสระน้ำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเข้าไปจอดรถที่ประตูทางเข้าบ้าน แล้วล้วงกระเป๋าหยิบกุญแจออกมาไขเข้าบ้าน น้องนิดมองไปรอบๆภายในบ้านอย่างตื่นเต้น พื้นโถงรับแขกเป็นหินแกรนิตสีชมพูลายๆ เหมือนสีดอกซากูระ สวยจัง สวยมากเหลือเกิน น้องเดินไปจับตรงนั้น ลูบตรงนี้ แล้วพูดซ้ำๆแต่คำว่าสวยๆๆ
"เจ้าสาวของเพื่อนพี่ช่างโชคดี มีวาสนามากเลยนะคะ....สงสัยจะต้องสวยมากแน่ๆเลย"
"ใช่จ๊ะ....สวยมาก"
"พี่รุ้จักหรอคะ..." น้องนิดหันมาถามพร้อมขมวดคิ้วเหมือนแปลกใจ ว่าทำไมเธอถึงไม่เคยรู้จักเลย ทั้งๆที่ เธอใช้ชีวิตติดอยู่กับผมมากว่าปีแล้ว
"พี่รุ้จักดีเลยละที่รัก...อยากเห็นเขามั๊ยล่ะ..."
"อยากเห็นสิคะว่าสวยแค่ไหน สวยกว่านิดมากมั๊ย...ไหนคะรุปผู้หญิงเจ้าสาวผู้โชคดีคนนั้น" น้องนิดพูดจบผมก็ฉวยข้อมือเธอเดินขึ้นไปชั้นบน ผ่านโถงชั้นบนเดินไปทางด้านปีกซ้ายของตัวบ้าน ซึ่งสมัยก่อนจุดนี้เป็นห้องนอนของน้องนิดนั่นแหละ ผมใช้กุญแจอีกดอกไขประตุ แต่ยังไม่เปิดเข้าไป ผมบอกให้น้องนิดเป็นคนเปิดแล้วจะเห็นเจ้าสาวของบ้านหลังนี้

"อุ๊ยยยยย...พี่...." พอน้องนิดเปิดประตูเข้าไปเธอก็ตกตะลึงร้องอู๊ย  เพราะในห้องนั้นด้านฝาผนังมีรูปของเธอบานใหญ่เท่าตัวจริง เป็นรุปของน้องนิดที่ผมถ่ายไว้ตอนที่เราไปเที่ยวทะเลในวันหยุด ผมแอบเอารุปใบนี้ไปขยายใหญ่แล้วใส่กรอบหลุยส์อย่างสวยงาม
"อะไรคะพี่...นิดงงไปหมดแล้ว นั่นมันรุปนิดนี่...คะ"
"ใช่จ๊ะ...หน้าตาทะเล้นๆแบบนี้ คงไม่มีฝาแฝดแน่ๆ".ผมแกล้งเย้าเธอไป พร้อมล้วงมือเข้ากระเป๋ากุมกล่องกำมะหยี่ไว้แน่น รู้สึกตื่นเต้นจนมือชื้น
"นิดงงไปหมดแล้ว...ทำไมรูป...." น้องนิดยังไม่ทันพูดจบ ผมก็คุกเข่าลง ในมือมีกล่องกำมะหยี่ ผมเปิดมันออกแล้วหยิบแหวนเพชรเม็ดเล็กๆ ออกมา
"แต่งงานกับพี่ได้มั๊ยครับ... นี่คือเรือนหอของเรา..." แม้จะผิดแผนการขอแต่งงานที่ผมวางเอาไว้ว่าจะไปสถานที่
โรแมนติค มีแสงมีเสียงดนตรีบรรเลงเพลงเพราะ ๆ มีแขกในห้องอาหารเป็นสักขีพยานหลายๆคน กลับกลายเป้นมาขอน้องนิดแต่งงานในเรือนหอที่สร้างรอไว้ ไร้เสียงเพลง ไร้สักขีพยาน แต่ผลรับที่ได้กลับเกินขาด น้องนิดค่อยๆทรุดร่างคุกเข่าตรงหน้าผม น้ำตาเธอเริ่มไหล แล้วก็ไหลพรากลงมาอย่างมากมาย แต่ริมฝีปากเธอนั้นกลับยิ้มละไม ยิ้มด้วยความตื้นตันดีใจ เธอโผกอดผมแน่น พยักหน้า แล้วพูดเสียงดังว่า แต่งค่ะ....แล้วก้มหน้าลงมาจูบปากผมก่อน เรานั่งคุกเข่ากอดจูบกันอย่างนั้น เนิ่นนานจนต้องทิ้งตัวลงเกลือกกลิ้งกอดรัดกันกับพื้นห้องแล้วก็ยังกอดจุบกันต่อไปเหมือนกับว่ามันจะเป้นจูบสุดท้ายของชีวิต แล้วผมก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้น้องนิดฟังตั้งแต่การมาขอซื้อที่ การใช้เวลาออกแบบบ้าน การต้องไปทำงานที่เชียงใหม่ ผมยังเล่าไม่ทันจบน้องนิดก็ใช้ริมฝีปากเธอปิดปากผมไว้ มือไม้ลูบไล้แผ่นอกกว้างแล้วลามลงไปที่กลางลำตัวของผม น้องก้มหน้ามากระซิบถามผมว่า
"โบราณจะถือมั๊ยคะพี่...ถ้าเราจะฉลองเรือนหอกันก่อน..." พอพูดจบเธอก็อมยิ้มอายๆ ผมรู้ความหมายมันเป็นอย่างดี ใครจะถือก็ช่างมันเถอะ ผมไม่ถือหรอก ในเมื่อสาวสวยคนที่ผมกอดอยู่ในขณะนี้  เธอล้วงมือเข้าไปในกางเกงผมแล้วกำๆบีบๆ จนท่อนลำผมแข็งเต็มอุ้งมือของเธอ...ผมค่อยช้อนร่างน้องนิดขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วใช้บริการเรือนหอก่อนที่จะถึงวันวิวาห์ (ตอนนี้คงไม่ต้องลงรายละเอียดนะครับว่าผมใช้เตียงนอนไปกี่ครั้ง ห้องน้ำไปกี่หน จินตนาการกันเอาเองว่าน้องนิดร้องครางเสียวๆ ซี๊ดดดๆๆไปกี่ครั้ง ผมกับเธอสำเร้จกันไปกี่หน) เอาเป็นว่าคืนนั้นเราสองคนก็นอนค้างกันที่นั่น จวบจนสายๆของวันใหม่ น้องนิดชวนผมไปวัดเพื่อขอให้หลวงตาที่เธอเคารพรู้จักดูฤกษ์แต่งงานให้กับเรา
...................
17/06/57...10.21o.
หลวงตาถามวันเดือนปีเกิดของเราทั้งสองคน แล้วก็ขีดเขียนอักขระตัวเลขลงบนกระดาษ สักพักก็บอกกับเราสองคนว่า
"มีฤกษ์เด่นเหมาะสมกับกับแต่งงานต้นปีหน้า แต่ถ้าเห้นว่าช้าไปก็จะมีฤกษ์รองลงมาต้นเดือนหน้าอีกก็พอได้ แต่เตรียมตัวกันทันมั๊ยล่ะโยมเก่ง"หลวงตาให้ฤกษ์แต่งงานของผมเหมือนกับใบหวยเลยครับ มีฤกษ์เด่นฤกษ์รอง ผมหันไปมองหน้าน้องนิดหวังจะขอความเห็น น้องนิดรีบชิงตอบเบาๆมาก่อนว่า
"เดือนหน้าก็ดีนะคะพี่...ไม่ต้องจัดอะไรให้ยุ่งยาก แค่ทำตามประเพณีก็เพียงพอแล้วสำหรับนิด"พอเราได้ฤกษ์เรียบร้อยแล้ว ผมก็นิมนต์หลวงตาให้มาทำพิธีทางศาสนา พร้อมกับถือโอกาสนั้นทำบุญขึ้นบ้านใหม่ไปเสียเลยในคราวเดียวกัน....

เรากลับมายังเรือหอของเราช่วยกันนั่งนึกว่าจะเชิญใครมาบ้างในวันแต่ง กะกันไว้ว่าช่วงเช้าเราจะมีพิธีทางศาสนา แล้วช่วงเย็นก็มีงานเลี้ยง ให้เสร็จเรียบร้อยภายในวันเดียว น้องนิดก็ออกความเห็นว่า ไม่ต้องไปจองโรงแรมเพื่อจัดเลี้ยงหรอก ใช้สนามหญ้าบ้านเรานี่แหละจัดงานแทน เอาอาหารมาจากภัตาคารหรือโรงแรมก็ได้ ทำแบบบุฟเฟต์ เรียบง่ายรวดเร็วดี จากนั้นก็นั่งนึกถึงรายชื่อแขกที่เราจะเชิญมา ส่วนตัวผมนั้นไม่ค่อยมีญาติ มีบ้างเล็กน้อยทางด้านคุณพ่อคุณแม่ แต่ก็ห่างกันมากแทบจะไม่ค่อยได้ติดต่อกันเลย ผมจึงตัดสินใจไม่เชิญใครสักคน มีเพื่อนสนิทรวมถึงเพื่อนทางด้านธุรกิจบ้างไม่เกิน20คน ส่วนน้องนิดมีญาติที่อยู่อเมริกา แต่ไม่แน่ใจว่าจะมาร่วมงานมั๊ยเพราะครั้งสุดท้ายที่จากกันในวันงานศพพ่อแม่เธอ ค่อนข้างจะมีปัญหากันถึงขนาดประกาศตัดเป็นตัดตาย แต่ผมก็บอกให้น้องนิดเชิญไปก่อน ส่วนเรื่องจะมาหรือไม่มาอย่าไปกังวล น้องนิดมีเพื่อนกับอาจารย์ที่สนิทๆในมหาวิทยาลัยอีกส่วนหนึ่ง ไม่น่าจะเกิน30คน รวมๆดูแล้วแขกที่จะมางานแต่งของเราสองคนไม่น่าจะถึง60คนด้วยซ้ำ ดูแล้วมันค่อนข้างจะโหรงเหรง

"ไม่เป็นไรหรอกน้อง..วันนั้นพี่จะสั่งหยุดงาน เกนฑ์คนงานของพี่อีกร่วมร้อยมาในงานด้วย จะได้ครึกครื้นดี" ผมบอกไปแบบนั้นทำให้น้องนิดสีหน้าแช่มชื่นขึ้น สรุปเราก็ทำตามแบบที่เราวางแผนปรึกษากัน เริ่มตั้งแต่ไปปรึกษาบริษัทที่เขารับจัดงานแต่งงาน ให้มาถ่ายรูป ทำการ์ดเชิญแขก ตัดชุดแต่งงาน พร้อมจัดเตรียมของชำร่วยแจกแขกที่มาร่วมงานส่วนเรื่องการหาโรงแรมที่สั่งอาหารนั้น ตอนแรกผมบอกน้องนิดไปว่าให้ลองติดต่อโรงแรมที่น้องนิดไปฝึกงานดีมั๊ย น้องนิดรีบปฏิเสธทันทีพร้อมบอกว่าที่อื่นดีกว่า โดยไม่บอกเหตุผล ผมก็ไม่ติดใจซักถามอะไร เราโทรศัพท์ไปสองสามที่ก็ได้ที่หนึ่งซึ่งสดวกมาจัดบริการนอกสถานที่ให้เราตามที่เราต้องการ พอทุกอย่างถูกจัดเตรียมเรียบร้อยแล้วการ์ดแต่งงานพิมพ์เสร็จ ผมกับน้องนิดก็ช่วยกันนำส่งไปยังรายชื่อแขกที่บันทึกไว้

ช่วงนำการ์ดไปเชิญอาจารย์ของน้องนิดนั้นผ่านไปเรียบร้อย พร้อมได้รับคำอวยพรกลับมา ส่วนใหญ่จะอมยิ้มเมื่อเห็นว่าที่เจ้าบ่าวมีอายุสูงกว่าอาจารย์บางท่านเสียด้วยซ้ำ สำหรับกลุ่มเพื่อนน้องนิดนั้น น้องนิดโทรนัดเพื่อนสนิททั้งหมดตามรายชื่อมารวมตัวกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง บอกเพียงว่ามีข่าวดีจะบอก จากนั้นเราก็พากันไปพบที่นัดหมาย ผมให้น้องนิดเข้าไปก่อน ส่วนตัวเองเดินตามหลังทำทีเหมือนไม่ได้มาด้วยกัน พอน้องนิดเจอกลุ่มเพื่อน ก็ประกาศว่าข่าวดีที่จะบอกคือเธอจะแต่งงาน เพื่อนสนิทของน้องนิดต่างร้องกรี๊ดกร๊าดแสดงความยินดี ดีใจ แล้วถามหาตัวเจ้าบ่าวว่ามาด้วยมั๊ย พอน้องนิดเรียกผมว่าพี่คะๆ ผมก็เดินเข้าไปเบื้องหน้ากลุ่มเพื่อนๆของเธอ เพื่อนๆเธอถึงกับตะลึง พร้อมแอบซักถามแอบนินทาแบบให้ผมได้ยินชัดๆกันเลยว่า น้องนิดรู้จักกันกับผมยังไง น้องนิดก็เล่าให้ฟังคร่าวๆ ไม่ได้บอกรายละเอียดมากนัก พร้อมกับโชร์รูปถ่ายเรือนหอให้พวกเพื่อนๆดู ซึ่งต่างก็ออกปากชมว่าสวยเหลือเกิน มีบางคนขออนุญาติมาเล่นน้ำที่สระเสียด้วยซ้ำ ซึ่งผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว จึงออกปากอนุญาติด้วยความเต็มใจ มีบางคนทะลึ่งทะเล้นตามประสาวัยรุ่น ถึงกับถามว่าผมยังมีเพื่อนโสดที่หล่อๆ รวยๆ แบบผมเหลืออีกมั๊ย แล้วก็หัวเราะแซวกันไปแซวกันมาอย่างสนิทสนมเราจากกลุ่มเพื่อนๆของน้องนิดมาด้วยความสดชื่น น้องนิดหน้าตาดูมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง คืนนั้นน้องนิดโทรไปหาญาติของเธอที่อเมริกาเพื่อบอกข่าวการแต่งงาน โดยมีผมยืนให้กำลังใจอยู่เคียงข้าง น้องนิดพูดอยุ่สองสามคำก็วางสาย หันหน้ามากอกผมพร้อมร้องไห้ ผมคาดการไว้อยู่แล้วว่าคงปฎิเสธที่จะมาร่วมงาน จึงได้แต่กอดปลอบใจเธอ กระซิบบอกเธอไปว่า"คนที่สำคัญที่สุดในงานไม่ใช่แขก แต่เป็นสาวสวยที่ยืดกอดพี่ร้องไห้อยุ่ตรงนี้ต่างหาก" พูดจบก็จูบหน้าผากเธอเบาๆ ด้วยความรัก น้องนิดก็ยิ้มตอบพร้อมรัดวงแขนกอดผมแน่นขึ้น น้ำตาแห้งไปเลย

คราวนี้มาถึงกลุ่มเพื่อนผมบ้าง แบ่งออกเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนที่ยังคบหากันอยู่ ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีครอบครัวแต่งงานมีลูกกันคนละสองสามคนหมดแล้ว ผมรู้ล่วงหน้าเลยว่ากลุ่มเพื่อนผมนี้แต่ละคนมันปากดีๆกันทั้งนั้น น้องนิดคงโดนแซวหนักแน่ ผมก็ใช้วิธีเดียวกับกลุ่มเพื่อนน้องนิด คือโทรศัพท์ไปหาแต่ละคน นัดมิตติ้งกันในตอนเย็นที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ด้วยเหตุผลว่าผมมีข่าวจะบอก ซึ่งแต่ละคนมันก็แปลกใจเดาไปต่างๆนาๆ ส่วนมากก็เดาถูกว่าข่าวดีของผมนี่จะสละโสดแล้วหรือ ผมก้ตัดบทไปทุกคนว่ามาแล้วจะรุ้เอง ช่วงเช้าในวันนั้นผมพาน้องนิดไปหาเพื่อนที่มีธุรกิจติดต่อกันก่อน มอบการ์ดแต่งงานพร้อมเชิญให้มาร่วมงานของผม ซึ่งแต่ละคนต่างก็แสดงความยินดีด้วย มีสองสามคนที่ดูเหมือนจะจ้องมองน้องนิดนานเกินไปสักหน่อยด้วยสาวตาวาวๆ แต่ก็ไม่ได้แสดงกิริยาอันใดออกมาให้น่าเกลียด พอถึงช่วงเย็นผมเดินจูงมือน้องนิดเข้ายังห้องอาหารที่จองห้องส่วนตัวไว้ ผมไปช้ากว่าเวลานัดเล็กน้อย เพื่อนๆผมมากันครบก่อนหน้าแล้ว ต่างกำลังดื่มกินพูดคุยกันอย่างออกรสชาด ทันที่ที่ไปถึงยังไม่ทันได้นั่ง

"เห้ยไอ้เก่ง....มันจูงลูกมาด้วยว่ะ มันแอบไปมีลูกตั้งแต่ตอนไหนวะ..." เสียงแรกก็แซวผมกับน้องนิดทันที่ที่เห็น
"กูว่าไม่ใช่ลูกมันหรอกว่ะ...หน้าตาเห้ๆแบบมันมีลูกสาวสวยยังกะนางฟ้าได้ไง" นี่ก็อีกเสียง
"แม่งหลอกเด็กชัวร์...."แล้วก้มีอีกหลายเสียงแซว ทำเอาน้องนิดที่ยืนอิงด้านหลังผมยึดมือผมแน่น
"เอ้าๆๆๆๆ...หยุดเก็บหมากันได้แล้ว พวกมึงนี่ ทำเอาเจ้าสาวกูกลัวหมด..." ผมด่ากลับทำให้พวกมันหัวเราะกันเฮใหญ่ ต่างก็บอกแล้วว่า
"เห็นมั๊ยล่ะกูกะถูก ข่าวดีมันเป้นแบบนี้นี่เอง"ต่างแย่งกันพูดว่าตนเองเป็นคนคาดการณ์ถูกว่าข่าวดีที่ผมนัดพวกมันมาพบ คือการประกาศแต่งงาน " เพื่อนคนหนึ่งถามว่าเจ้าสาวผมชื่ออะไร พอผมบอกชื่อน้องนิดไปมันก็แซวกลับทันที
"นู๋นิดกันไว้ดีๆล่ะ..สมัยหนุ่มไอ้เห้เก่งนี่..ผู้หญิงติดตรึม..."
"ใช่ ๆ ก็ยัยจุ๋มไงจำได้มั๊ย โดนหักอกจนต้องหนีไปมีผัวที่เมืองนอก" ยัยดาสาวแสบหนึ่งในเพื่อนหญิงของผมผสมโรงแซวมั่ง ส่วนเพื่อนอีกคนก็คือยัยจุ๋มคนที่ถูกเอ่ยชื่อ ผมจำได้ว่ายัยจุ๋มแอบชอบผมมานาน แต่ผมคิดกับเธอเพียงเพื่อน ในวันที่บอกเธอไปตามตรงนั้น เธอร้องไห้ แล้วอีกอาทิตย์นึงก็บินไปอังกฤษ แล้วมีแฟนแต่งงานที่นั่น นานๆจึงกลับมาเที่ยวเมืองไทยสักครั้ง

ผมกับน้องนิดนั่งลงก็ประกาศบอกพวกเพื่อนๆอย่างเป็นทางการ พร้อมยื่นการ์ดเชิญที่มีรายชื่อของแต่ละคนให้ไป ยัยดาสกิดเพื่อนผมไอ้เอ๋ให้ลุกขึ้นเปลี่ยนมานั่งข้างผมแล้วดึงมือน้องนิดให้ไปนั่งข้างเธอ ซุบซิบๆกันตามประสาเพื่อนหญิงเบาๆ ผมไม่ทันได้ยินอะไร แต่ก็กล่าวตลกไปให้ยัยดาได้ยินว่า
"นินทาไปเหอะยัยดา น้องเค้าไม่เชื่อแกหรอก....กรุเป่าคาถามหามนต์เรียบร้อยแล้วก่อนมาเจอพวกมึง"
"อ้าวไอ้เห้เก่ง..เป่าคาถาเข้าท้องน้องแล้วโว๊ยยยย" ไอ้เอ๋ที่นั่งข้างตีความหมายกำกวม ทำเอาน้องนิดอายหน้าแดง ผมต้องยกเท้าเตะขามันแรงๆใต้โต๊ะ ไอ้นนท์เอียงหน้าแอบกระซิบถาม แต่คงดื่มไปหลายแก้วแล้ว เสียงกระซิบของมันจึงดังพอให้ทุกคนในกลุ่มได้ยินชัด
"มึงทำไงวะ ถึงได้น้องนิด สาวสวยอายุรุ่นลูกแบบนี้มาเป้นเจ้าสาว ขอเคล็ดลับกรูหน่อยสิ..." ผมไม่ทันตอบก็มีเสียงเพื่อนแซวกลับมาอีก
"กรู่ว่าต้องถามน้องนิดมากกว่าว่ะ ว่าทำไง มีทีเด็ดยังไง ถึงเอาไอ้เห้เก่งอยู่ แม่งอยู่มาจนแก่ เพิ่งอยากมีเมียจริงๆ...ฮาๆๆๆๆ" แล้วทุกคนก็หัวเราะกันฮาใหญ่ ทำเอาน้องนิดอายเขิลหน้าแดง ก้มหน้างุดๆ แต่ทุกคนไม่ยอมเร่งเร้าให้น้องนิดเฉลยเคร็ดลับพิชิตใจผม
"ไม่ต้องอายอีนู๋...บอกไปเลย ให้เพื่อนๆปากหมาของพี่มันเงิบเลย..."ยัยดาแซวเหยงๆ เชียร์ดังๆ น้องนิดเริ่มหายเกร็งกับความเป็นกันเองของเพื่อนๆผมที่มีอายุพอๆกับพ่อแม่ของเธอ
"นิดไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ แค่พูดสามประโยคเอง...." ผมว่าน้องนิดต้องทะลึ่งทะเล้นโต้กลับเป็นแน่ แล้วก็เป็นไปตามคาด เมื่อเพื่อนๆเร่งให้เธอพูด
"ไม่ว่าพี่เก่งจะพูดหรือทำอะไร...เอ่อ...นิดจะพูดว่า...ได้ค่ะ...ดีค่ะ...แล้วก็..อีกได้มั๊ย.." ประโยคสุดท้ายน้องนิดทำเสียงเซ็กซี่ แต่แค่สามประโยคของน้องนิดก็ทำเอาเพื่อนๆของผมฮากันตรึมหัวเราะชอบใจ ต่างยกนิ้วโป้งให้น้องนิดว่าเด็ดขาดไปเลย...จะจำเอาคำพูดไปบอกเมียกันบ้าง
"ดีมากอีนู๋..พี่ดาจะได้ไปบอกกับไอ้แก่ที่บ้านบ้าง มันจะได้ไม่แอบไปมีกิ๊ก....."
"โธ่ยัยดาเอ๊ย ต่อให้แกพูด10คำ ไอ้เชษฐ์ผัวแกมันก็แอบมีอยู่ดีแหละ...ช่างไม่ดุสังขาลเล้ยว่าทั้งแก่ทั้งเหี่ยวขนาดไหน" ไอ้เอ๋ได้ทีแซวยับ สองคนนี้มันเป็นคุ่กัดกันตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือมาแล้ว
"เชี่ยเอ๋...ว่างๆไปหามหอฟันให้ผ่าเอาหมาออกมาจากปากสักที แม่งปากเหม็นเป็นสิบๆปีไม่ยอมเลิก..."

กลุ่มเพื่อนๆผมนานๆจะได้มาเจอกันครบกลุ่มแบบนี้สักครั้ง เพราะต่างก้มีครอบครัวมีภาระของแต่ละคน จนยากจะหาเวลาว่างพร้อมกันทั้งหมดได้ขนาดนี้ ทำให้ผมรู้สึกดีใจ ภูมิใจมากที่การนัดของผมครั้งนี้เป็นโอกาสให้พวกเพื่อนๆมารวมตัวกันได้ คืนนั้นพวกเราเลยดื่มกิน พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่หัวข้อประเด็นก็ไม่พ้นเรื่องการแซวผมกับน้องนิด
จนถึงเวลาที่ต้องปิดร้านอาหารพวกเราจึงแยกย้ายกันกลับ พร้อมรับปากว่าวันงานไม่พลาดแน่นอน

ผมพาน้องนิดกลับมาบ้านที่เป็นเรือนหอของเราตอนใกล้เที่ยงคืน ขณะที่กำลังนอนโดยมีร่างบอบบางแต่เต็มอิ่มไปด้วยสัดส่วนของน้องนิดนอนพิงอก ผมรำลึกถึงครั้งแรกที่ได้เจอน้องนิดตอนเธออยู่มอหก ตอนนั้นผมอายุ49ปี ผ่านมาจนถึงวันนี้5ปีเต็ม อายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ร่างกายไม่ฟิตเฟริมเฉกเช่นหนุ่มๆในวัยเดียวกับน้องนิด ผมรู้สึกอ่อนเพลียเต็มกำลัง แม้มีสาวสวยนอนแนบข้าง ทำได้ก็เพียงโอบกอดให้ความรักความอบอุ่นมั่นใจกับเธอ ส่วนน้องนิดนั้น วันนี้เธอสดใสมีความสุข ยิ่งได้เจอกับกลุ่มเพื่อนๆของผม ได้รับคำบอกกล่าวว่าผมเป็นคนอย่างไร ก็ยิ่งทำให้เธอเชื่อมั่นว่าได้มอบชีวิตให้กับชายไม่ผิดคนแล้ว ดูเหมือนคืนนั้นน้องนิดยังไม่ยอมง่วง ไม่อ่อนเพลียแม้ว่าเราจะตะลอนๆไปตามที่ต่างๆกันมาทั้งวัน

มือน้องนิดเริ่มซุกซน เริ่มจากใช้นิ้วเล่นขนอกบางๆของผม แล้ววนนิ้วต่ำลงมาๆ จนถึงขนสะดือที่กดหนากว่าตรงส่วนอก
ก่อนจะแกล้งเปิดดึงขอบกางเกงนอนผมขึ้นแล้วเพ่งมองเข้าไป
"หูยยยย..ตี๋น้อยหลับสนิท อิอิ...." เธอทำหน้าทะเล้น ส่วนผมก็ตาปรือๆ มองดุว่าเธอจะซุกซนอะไรต่อไป
"เจ้หมวยจะปลุกดีมั๊ยหนอ...รู้สึกเกรงใจ..." เธอดัดเสียงน้อยใหญ่เหมือนเด็กน้อยกำลังคุยเล่นกับตุ๊กตาตัวโปรด
"ตื่งๆๆๆ มีเรื่องแยล้วววว" ..น้องนิดทำเสียงเลียนแบบตลกขาพิการคนหนึ่งที่เดินโยกเยกๆตอนออกแสดง แล้วเอามือเล็กๆของเธอจับท่อนลำผมเขย่าขยอกบีบๆคลึงๆ จนท่อนลำของผมเริ่มพองตัวขึ้นมาเล็กน้อย

.................
13.21น..อ่านกันต่อครับ

"ตี๋เล็กของเจ้....ตื่นแล้วหรอ ยังงัวเงียขี้ตาอยุ่เลย มาออกกำลังซิทอัพกะเจ้ก่อน" น้องนิดทำเสียงเลียนแบบพิธีกรข่าวสายบันเทิงของช่อง3ช่วงตอนบ่าย โดยเน้นคำเจ้...ได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน ทำให้ผมขำอดหัวเราะออกมาด้วยความเอ้นดูในเรื่องทะเล้น ทะลึ่งของเธอไม่ได้ แล้วน้องนิดก็จัดการจับลำของผมโยกขึ้นโยกลงช้า เหมือนท่าวิทอัพตอนออกกำลังกาย แต่แล้วเธอก็ร้องอ้าว...เมื่อท่อนลำผมค่อยๆแฟบลงอ่อนนุ่มจนกลับไปเหมือนสภาพเดิม
"อาตี๋เล็ก..ทำไมลื้อขี้เกียกยังงี้...." น้องนิดทำเสียงเหมือนคนจีนพูดภาษาไทยไม่ชัด แล้วพยายามยุกยิกๆกับท่อนลำของผมแบบไม่ยอมท้อถอย
"สงสัยต้องเป่าคาถา..." พูดจบน้องนิดก็ขยับตัวเปลี่ยนท่าหันหัวนอนไปทางปลายเท้าผม หน้าเธอแนบอยู่กับท้องน้อยผม อิงร่างสูงยาวบอบบางแนบชิด อกอวบของเธอแนบกับลำแขนผม ส่วนเนินสาวนั้นอยู่ใกล้ๆหน้า น้องนิดถลกดึงกางเกงนอนของผมคาไว้บนหน้าขา แล้วก้มหน้าลงไป มือหนึ่งจับลำผมตั้งขึ้น แล้วเป่าลมออกจากปากพรวดๆ ปากก็ร้องโอมเพี้ยงๆ จงตื่นๆ ท่อนลำผมโดนลมปากเย็นๆพ่นใส่ ดุเหมือนจะได้ผล มันเริ่มพองตื่นขึ้นมาอีกหน่อย แล้วผมก็สะดุ้งวาบเสียวสยิวท่อนลำเมื่อน้องนิดอ้าปากงับเข้าปาก แล้วออกแรงดูดเบาๆ ลิ้นในปากก็กวาดเลียวนตรงปลายลำแดง ๆ จนผมสยิวเสียว ท่อนลำกระดกตื่นขึ้นมาช้า ๆ แต่ก็ยังแข็งแบบน่วมๆ ไม่พร้อมที่จะสอดใส่มีเพศสัมพันธ์

น้องนิดใช้ปากปลุกเร้าผมครู่ใหญ่ แต่ก้ยังเป้นเช่นเดิม ท่อนลำผมแข้งตัวแบบน่วมๆ เธอก็เปลี่ยนวิธีการขยับลุกขึ้นมานั่งคล่อมตัวผมไว้ แต่ไม่ใช่นั่งทับนะครับ เธอนั่งยองๆ น้ำหนักตัวทิ้งที่เท้า ถลกกระโปรงชุดนอนรูดออกทางหัว ร่างเปลือยขาวโพลนท่ามกลางแสงไฟสลัวๆของหลอดไฟบนเพดาน น้องนิดเอื้อมมือจับท่อนลำผมตั้งตรงแล้วค่อยๆหย่อนก้นลงมาให้ปากรูเสียวของเธอตรงกับปลายลำ แล้วทิ้งน้ำหนักลงมาช้า ๆ ปลายลำของผมที่จุ่มตรงกับร่องเสียว พอโดนน้ำตัวที่กดลงมา แทนที่มันจะมุดเข้าร่องรู มันกลับปลิ้นออกด้านข้าง แสดงถึงความแข็งแกร่งยังไม่เพียงพอที่จะมุดแทรกตัวเข้าร่องเสียวที่ฟิตแน่น

น้องนิดไม่ได้ทำหน้าผิดหวังแต่อย่างใด เธอจับลำของผมพลิกหงายพาดไปด้านบน แล้วหย่อนก้นลงมาจนกลีบร่องเสียวทาบไปกับลำของผม แล้วเธอเอื้อมมือมาจับไหล่สองข้างของผมยึดไว้แน่น แล้วขยับกลีบเนินสาวรูดท่อนลำของผมช้าๆ  เธอไม่ได้ทิ้งน้ำหนักก้นลงมาเลย เธอเพียงแค่แตะแนบกลีบเสียวให้คาบท่อนลำของผมจนสนิท แล้วสไลตัวขึ้นๆลงๆ น้ำหล่อลื่นจากร่องเสียงของน้องนิดก็ไหลออกมาชะโลมลำของผมจนลื่นพอให้เธอสไลตัวไม่ติดขัด

"พี่คะ.....ต่อไปอย่าโหมงานหนักแบบที่มาผ่านนะคะ..." น้องนิดพูดเบาๆเสียงหวานๆ แล้วสไลตัวยึกๆยักๆ ผมขานรับแต่ไม่ได้พูดอะไร
"พี่อายุมากแล้ว...ทำงานหนักแบบตอนหนุ่มๆไม่ได้หรอกค่ะ..เชื่อนิดนะ..." เธอพูดเบาๆช้าๆ ท่อนล่างก็ไม่ได้หยุดนิ่ง ยังคงสไลต่อไป
"เรามีกันแค่นี้แบบนี้ ก็พอเพียงสำหรับนิดแล้ว นิดไม่โลภ ไม่อยากได้อะไรอีกแล้วค่ะ..ขอเพียงให้พี่แข็งแรง นิดก้มีความสุขแล้ว..." ผมตอบรับคำเบาๆ แต่ท่อนลำก็ยังเหมือนเดิม แม้จะรุ้สึกเสียวสยิวตรงลำที่ถูกกลีบเสียวรูดๆก็ตามที"เงินทองนิดก็พอมี... พอเราแต่งงานกัน ทุกอย่างของนิดก็เหมือนทุกอย่างของเราสองคนนะคะ"
"แต่นั่นมันของนิดนี่ครับ...พี่เป็นสามี เป็นหัวหน้าครอบครัว พี่ต้องหาเลี้ยงนิดเอง..."ผมตอบเบาๆ
"พี่อย่าคิดแบบนั้นสิคะ....นิดรักพี่นะคะ...นิดไม่อยากเห็นพี่เป็นแบบนี้ นิดสงสารพี่ค่ะ..." เสียงเบานุ่มอ่อนหวานของน้องนิด ความหมายในคำพูดของเธอ ทำให้ผมรุ้สึกเลยว่าเธอรัก และห่วงผมมากเพียงใด แต่มันก้ยังไม่พอทำให้ท่อนลำของผมฟื้นตื่นขึ้นมาทำงานได้แบบเก่า น้องนิดก้ยังไม่ละความพยายาม เธอเสนอให้เราลงไปเอ้าท์ดอร์กันข้างสระน้ำมั๊ย ผมส่ายหัวเพราะเห้นว่ามันดึกเกินไป
"งั้นเอาแบบนี้มั๊ยคะ..พี่จำตอนเราเซ็กส์โฟนกันได้มั๊ยคะ..พี่ชอบพูดว่าให้มีคนมาร่วมแจมน่ะ..."
"อืมจำได้จ๊ะ... เราเล่นกันสมมุติว่ามีคนมาแจมกับพี่เพื่อลุมนิด..." แต่พอน้องนิดจะเริ่มผมก็รู้สึกไม่อยากเล่น เพราะอารมณ์ตอนนี้มันไม่เสียวสนุกไปด้วย
"เอาแบบนี้มั๊ยคะ....นิดเล่าเรื่องตื่นเต้นๆให้พี่ฟัง..."
"ตื่นเต้นยังไงหรอที่รัก...นิดเหนื่อยมั๊ย เมื่อยมั๊ย.." ผมรู้สึกทั้งสงสาร ทั้งเห็นใจน้องนิด ที่เธอพยายามช่วยปลุกเร้าให้ผม เธอสไลตัวนั่งยองๆจนนานเกินน่าจะเมื่อยขาบ้างละ
"นิดไม่เมื่อยหรอกค่ะ...พี่ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้  นิดอยากทำให้พี่มีความสุข..." เธอตอบเบาๆ ก้นยังคงสไล ท่อนลำของผมถูกรูดโดยกลีบสาวยึกๆช้าๆ นุ่มนวลสยิวๆ แต่มันก้ยังไม่พร้อมสำหรับการสอดใส่
"นิดสมมุติเรื่องเสียวๆที่โดนคนอื่นทำ แบบที่เราเคยจิ้นกันไงคะ...เอามั๊ยๆ " ผมส่ายหัว"หรือจะเอาเรื่องจริงๆเลย"
น้องนิดพูดจบก็เอามือปิดปากทำเสียงอุ๊บ เหมือนแกล้งว่าเผลอตัวพูด แต่ดูเหมือนมันจะได้ผลครับ พอผมได้ยินคำว่าเรื่องจริง ท่อนลำผมก็เสียวูบ เสียวจี๊ดจนมันเบ่งพองตัว น้องนิดรู้สึกได้จากสัมผัสที่ส่งผ่านไปตรงกลีบสาว เธอยิ้มดีใจแล้วเริ่มเล่าช้าๆ

"พี่จำตอนที่เราสองคนโฟนเสียวกันมั๊ยคะ...แล้วพี่ให้นิดเปิดม่านน่ะค่ะ..."พอผมรับว่าจำได้ เพราะเรายังทำกันไม่เสร็จน้องนิดก้วางสายไปก่อน
"ค่ะ...ที่มีคนมายืนดุตรงหน้าต่างน่ะคะ...มันเป็นเรื่องจริงนะคะ...พี่คนนั้นเขาขื่อชาติ เป็นนักศึกษามหาลัยแต่คนละที่กับนิด".น้องนิดเริ่มเล่าช้าๆ ตอนนั้นผมเริ่มต่นเต้นจนท่อนลำเริ่มแข็งตัว พร้อมที่จะสอดใส่แต่น้องยังสไลตัวต่อไปแล้วเล่าเรื่อยๆ
"นิดตกใจจะรีบวิ่งไปปิดม่าน ก็เลยทำโทรศัพท์หล่นพื้นกระจาย พี่ก็เลยโทรหาไม่ได้ทั้งวัน " ผมรับว่าใช่ๆ
"พอนิดวิ่งไปถึงหน้าต่าง กำลังจะรูดม่านปิด..พี่ชาติก็ตะโกนสวนมาว่า เห้นนะว่าทำอะไรอยู่ จะไปฟ้องพ่อนิด ตอนนั้นนิดตกใจกลัวมากเลยค่ะ ว่าถ้าพี่เค้าฟ้องพ่อจริงๆ เรื่องของเราพ่อคงทราบ แล้วคงให้นิดเลิกคบกับพี่ พี่ก้รู้ว่าแม้นิดรักพี่แค่ไหน ถ้าพ่อห้ามนิดก้คงต้องทำตามนั้น...นิดก็กลัวคำขู่ของพี่ชาติจริงๆ พี่ชาติก็พูดต่อมาว่า ถ้าไม่อยากให้พ่อรู้ ให้มาคุยกับเค้าที่บ้าน ตอนนั้นนิดคิดอะไรไม่ออกเลยค่ะ ได้แต่รีบแต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วไปหาพี่เค้าที่บ้าน เผอิญจังหวะนั้นพ่อกะแม่ไปฝั่งจังหวัดก็เลยสดวกที่จะไปหาเค้าพอดี "น้องนิดเล่าต่อไปช้าๆ แล้วเอื้มมือมาจับท่อนลำของผมที่เริ่มแข็งตัวเต็มที่ตั้ง แล้วหย่อนก้นลงมาช้า ๆ พอปลายหัวลำของผมชำแรกเข้ากลีบสาว น้องนิดก็ร้องซี๊ดดดยาวๆ ปากกลีบสาวขมิบยวบๆ น้ำหล่อลื่นทะลักอาบปลายลำผมจนลื่น

"พอนิดไปถึงเค้าลงมารอที่ห้องรับแขกอยู่พอดี เค้าใส่กางเกงบอลแค่ตัวเดียวเองค่ะ เค้าตรงมาจับข้อมือนิดแน่นเลย แล้วพยายามดึงนิดขึ้นไปที่ห้องเค้า นิดก็ดิ้นสบัดแขนจนหลุด ตอนนั้นกลัวมากจนอยากร้องไห้ เค้าบอกนิดว่าไม่ต้องกลัวหรอกเค้าไม่ทำอะไรแค่อยากคุย นิดก้บอกว่าคุยตรงนี้ก็ได้ เค้าเลยนั่งลงที่โซฟา แต่นิดยืนอยู่ ห้องรับแขกมันมืดๆสลัวๆ คงเพราะเค้าไม่ได้เปิดหน้าต่างเลยค่ะ มีแสงสว่างรอดเข้ามาแค่ตรงประตุเท่านั้น" น้องนิดเล่ามาถึงตรงนี้ ปากกลีบเสียวก็ขมิบยวบๆ จนผมสยิวท่อนลำกระกดพร้อมกับเด้งขึ้นรับ

"พี่เค้าก้เริ่มถามนิดว่าทำไมทำตัวแบบนี้ เค้าเห็นนิดทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว พร้อมกับยื่นโทรศัพท์มาเปิดคลิปให้นิดดู นิดดูในคลิปก็เห็นว่าเป้นนิดจริงๆ ไม่รุ้ว่าเค้าแอบถ่ายตอนไหน แต่ว่าเป้นตอนอื่นนะคะที่นิดอยู่คนเดียวแล้วคิดถึงพี่ นิดก็ช่วยตัวเองอ่ะ..." ผมสังเกตุเลยว่าตอนนี้น้องนิดหน้าแดง คงอายที่เผยความลับว่าเธอเคยช่วยตัวเองตอนอยู่ลำพังไม่ได้คุยกับผม

"นิดเลยถามเค้าว่าแล้วจะเอายังไง เค้าก้ย้อนมาถามนิดกลับว่า อยากให้พ่อรู้มั๊ย พอนิดส่ายหัว เค้าก็บอกว่า นิดทำแบบนี้เหมือนยั่วจนเค้าเอ่อ...เงี่ยน..เค้าพูดตรงๆแบบนี้เลยค่ะ จนควยแข็ง นิดต้องรับผิดชอบ มายั่วให้เค้าจนเสร็จ...แล้วเค้าจะไม่บอกพ่อ...นิดก็ถามว่าจะให้ยั่วไง..เค้าก้บอกให้นิดแก้ผ้า คนบ้าอะไรไม่รุ้...ใครจะกล้าหน้าด้านมาแก้ผ้าให้ดู นิดก็ไม่ยอม เค้าก้ขู่ค่ะว่าถ้าไม่ทำเค้าบอกพ่อนิดแน่ เพราะมีหลักฐานอยู่ในมือ...ตอนนั้นนิดสับสนไปหมดใจหนึ่งก็กลัวพ่อรู้ ใจหนึ่งก็กลัวเค้าจะลวนลามนิด เค้าคงเดาใจนิดออก เค้าก็พูดขึ้นว่า ไม่ต้องกลัวเค้าหรอก เค้าไม่เย็ดนิด...เค้าพูดแบบนี้เลยค่ะ...ตั้งแต่คบกับพี่มา พี่ไม่เคยพูดคำนี้กับนิดสักครั้ง มันหยาบมาก แต่กลับทำให้นิดใจสั่นๆ ยังไงไม่รู้ นิดก็ยังไม่เชื่อคำพูดของเค้าหรอกค่ะ จนเค้าสัญญาว่าจะไม่แตะต้องตัวนิด ขอให้นิดแก้ผ้าให้เค้าดู เค้าจะช่วยตัวเองจนเสร็จ แล้วลบคลิปทิ้งด้วย... นิดก็คาดคั้นว่าให้ทำจริงๆนะ...เค้าก็สาบานเลยค่ะ จากนั้นเค้าก็ดึงกางเกงบอลเค้าลงไปกองที่เท้า...นิดรีบยกมือปิดตาไม่กล้ามอง แต่เค้าบอกนิดว่าให้มองควยเค้า...เค้าพูดหยาบอีกแล้ว เค้าพูดตรงๆแบบนี้เลยค่ะ ตอนนั้นนิดใจสั่น แต่ก้ต้องกลั้นใจมองของเค้า เค้าเห้นแบบนั้นก้ยิ้มแล้วเริ่มสั่งให้นิดถอดเสื้อ นิดค่อยๆถอด จากนั้นก็กางเกงขาสั้น นิดหันหลังให้เค้าตอนที่กางเกงหลุดออกจากตัว " เล่ามาถึงตอนนี้ผมก็เสียวสยิว ตื่นเต้น จนน้ำหล่อลื่นพ่นออกมาจากปลายลำปริ๊ดๆ ยกมือสองข้างบีบคลึงอกอวบของเธอเค้นอย่างรุนแรง น้องนิดร้องอุ๊ยยแล้ว
ครางซี๊ดดดยาวๆ ปากรูเสียวก็ขมิบยวบๆถี่ๆ

"พี่เค้าสั่งให้ถอดให้หมด แล้วให้หันหน้ามา...ตลอดเวลาที่พี่เค้าพูด เค้าก้นั่งรูดเอ้อ...ควยของเค้าไปเรื่อยๆช้าๆ
"แล้วเออ.....ควยเด็กคนนั้นใหญ่มั๊ยที่รัก" ผมลองถาม พอผมพูดคำว่า ควย..ออกไปเต็มๆ ปาก น้องนิดก้ครางซี๊ดยาวๆ แล้วกระซิบบอกผมเบาๆว่า ชอบจังเวลาพี่พูดหยาบๆแบบนี้มั่ง
"ยาวค่ะ..ใหญ่เท่าๆควยพี่ แต่ยาวกว่าเยอะเลย..." โอ๊ยยยคำตอบของน้องนิดทำให้ผมเสียววูบ มันเสียวสยิวจริงๆเลยครับตอนนั้น
"พอนิดแก้ผ้าออกหมดจนเปลือยก้ค่อยๆหันกลับมาหาพี่เค้า นิดยืนบิดขาไม่ให้เค้าเห็นหีชัด ๆ สองมือก้ยกปิดนม เค้าสั่งให้นิดยืนตรงๆ ถ่างขาด้วย แล้วให้นิดมองควยเค้า แล้วก็ชักมือรูดขึ้นๆลง ๆ ปากก็พูดมาแต่คำหยาบๆ ตรงๆ เค้าบอกนิดว่า เห้นมั๊ย ควยเค้าใหญ่นะ เย้ดมันส์หีด้วย อยากโดนเค้าเย็ดมั๊ย...พอนิดส่ายหน้าสั่นหัวบอกว่าไม่อยาก เค้าก้บังคับให้นิดพูดว่าอยาก บอกให้นิดพูดเออออไปกับเค้า จะได้มีอารมณ์...นิดก็อึกอัก คิดว่าพูดก็พูด เพราะพี่เค้าก้รักษาคำพูดที่บอกว่าจะไม่แตะต้องตัวนิด พอนิดบอกว่าอยาก...เค้าก็ถามนิดว่า เงี่ยนมั๊ย พอนิดบอกว่าเงี่ยน เค้าก็ชอบค่ะ รีบๆชักควยยาวใหญ่จนน้ำเงี่ยนเป็นฟองเลย..." พอน้องนิดเล่ามาถึงตอนนี้ก็ขยับสะโพกเร็วขึ้น ครางซี๊ดๆๆเสียงยาว หน้าแดงกร่ำ ดวงตาฉ่ำเยิ้มหวานหวาม เธอคงกำลังเงี่ยนมากขึ้นจริงๆ

"ถึงตอนนั้น นิดต้องยอมรับกับพี่เลยค่ะว่า นิดเริ่มเอ่อ...เงี่ยนจริงๆตามที่พูดไป เพราะพี่คงจำได้ว่าก่อนจะมานี่นิดกับพี่กำลังโฟนรักกัน ตอนนั้นนิดเกือบจะเสร้จแล้ว แต่ค้างไปเสียก่อน.. " น้องนิดหยุดเล่า จ้องตาหวานหวามใส่ผม เหมือนรอให้ผมตอบโต้ แต่ผมก็เงียบ เธอจึงเล่าต่อ
"พี่เค้าบอกว่าถ้าเงี่ยนก็ทำให้หายเงี่ยนแบบที่ทำมะกี้สิ...ตอนแรกนิดยังไม่ยอมทำ แต่พี่เค้าก้บอกว่านิดกำลังผิดสัญญานะ พี่บอกให้ทำอะไรก็ต้องทำ เพราะพี่ยังรักษาสัญญาที่จะไม่แตะต้องตัวนิดอยู่เลย...ถ้าไม่ทำก็กลับบ้านไป แล้วเรื่องของนิดพ่อก็จะรุ้ เค้าขู่นิดอีกครั้ง นิดก็เลยต้องทำค่ะ...นิดค่อยๆเอามือคลึงที่ตรงนั้น เค้าบอกให้นิดพูดด้วยค่ะ เหมือนตอนเราโฟนกันที่นิดทำอะไรอย่างไรก้จะบอกพี่ เค้าบอกให้นิดพูดด้วยว่านิดกำลังคลึงเม็ด เอ่อ..แตดน่ะค่ะ..." น้องนิดอายหน้าแดง เป็นครั้งแรกจริงๆที่น้องนิดพูดตรงๆแบบนี้กับผม แต่ดุเหมืนเธอเริ่มเงี่ยนหนักขึ้นเมื่อพูดตรงๆออกมา สะโพกเริ่มขยับถี่ขึ้น เสียงร้องครางก็ดังสอดแทรกตลอดที่เธอเล่าเรื่อง

"พอนิดพูดตรงๆหยาบๆ พี่เค้าก้ชอบรู้สึกเหมือนควยเค้ากระดกถี่ๆ...ผุ้ชายชอบพูดแบบตรงๆทุกคนหรือคะพี่" น้องนิดย้อนถามผม พอผมบอกว่าชอบมั้ง เธอก็ย้ำถามว่าผมชอบมั๊ยถ้าพูดตรงๆหยาบๆแบบนี้ตอนจะทำรักกัน พอผมพยักหน้า เธอก็ตอบเบาๆอายๆว่าเธอก็ชอบนะเวลาพูดแล้วรู้สึกอารมณ์มันเพิ่มขึ้น
"งั้นต่อไปเราจะพูดกันนะคะ" น้องนิดบอกอายๆ ผมก็พยักหน้ารับ เธอยิ้มดีใจที่ผมเข้าใจ ทำตามความต้องการของเธอ
แล้วเริ่มเล่าเรื่องต่อ

"พี่เค้าพูดต่อว่า....นิดๆ จ้องควยพี่ดีๆนะ น้ำควยจะแตกแล้ว..แล้วพี่เค้าก็ชักควยแรงๆเร็วๆ ตอนนั้นนิดทั้งเสียวหี ทั้งตื่นเต้น จนเผลอเอานิ้วแยงเข้าไปในหีตอนไหนไม่รุ้ตัว รุ้แต่ว่ายิงแยงหีก้ยิ่งเสียว ยิ่งอยากเอาเข้าไปลึกๆ...พอสักครุ่พี่เค้าก้ร้องโอ๊ววว แตกแล้วๆๆ ถี่ๆ เอวยกขึ้นมาจากเบาะโซฟาสูงเชียวค่ะ แล้วค้างไว้ ควยพี่เค้ากระดกงึกๆ แล้วน้ำขาวๆก็ฉีดออกมาเป้นระลอกๆๆ มันแรงมากกระเด้นมาโดนขานิดเลยละ..." เล่าถึงตอนนี้ผมก็เสียวจนน้ำควยแทบแตก
"ซี๊ดดด..เมียจ๋าน้ำควยผัวก็จะแตกเหมือนกัน...." ผมบอกน้องนิดเสียงดังลั่น น้องนิดได้ยินดังนั้นก็เร่งโยกตัวถี่ขึ้นหนักขึ้น พร้อมร้องครางเสียวๆซี๊ดด ดังแข่งกับผม แล้วชั่วแปบเดียวเธอก็ทิ้งกดตัวลงมายวบ ปากรูหียอดควยผมยึกๆถี่ ๆ ผมก็น้ำแตกพ่นน้ำควยใส่มดลูกน้องนิดอย่างเนืองนอง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น