วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

หนาวนี้





สวัสดีค่ะ ขอแนะนำตัวก่อนเลย ชื่อมายค่ะ เกิดและโตในกรุงเทพฯ เป็นสาวเมืองกรุงแท้ๆ แต่จับพลัดจับผลูให้ต้องย้ายมาใช้ชีวิตอยู่บนยอดดอยที่สูงที่สุดในเมืองไทย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นดอยอะไรใช่ไหมคะ เอาเป็นว่ามายขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ มายย้ายมาอยู่ที่นี่จะ 3 ปีแล้วค่ะ

สาเหตุที่มายต้องย้ายมาอยู่ยอดดอยที่อากาศหนาวเจี๊ยบตลอดทั้งปีแบบนี้ก็ไม่ใช่อะไร แต่เป็นเพราะย้ายตามพี่ชาติ สามีของมายมาอยู่ที่นี่ค่ะ พี่ชาติทำงานเป็นข้าราชการที่ต้องดูแลเรื่องการอนุรักษ์ป่าไม้ เขาถูกสั่งย้ายมาอยู่บนดอยแห่งนี้ และด้วยความที่จะต้องห่างไกลกัน ทำให้เขาขอมายแต่งงานทันทีที่เรียนจบ เพราะเขารู้ว่าขืนปล่อยมายไว้กรุงเทพฯ อาจถูกแมวคาบไปเสียก่อน 55

มายคิดอยู่นานพอสมควรถึงจะตอบตกลง จริงอยู่ว่ามายรักพี่ชาติ แต่การต้องจากบ้านเกิดไปอยู่ต่างจังหวัดไกลๆ แถมบนยอดดอยแบบนี้ก็ทำให้มายสับสนเอาการ แถมหลายคนยังเตือนมายว่า อย่าเพิ่งรีบแต่งงานเกินไปตั้งแต่อายุ 22 แต่ทำไงได้ละคะ ก็คนมันรักไปแล้ว

พี่ชาติแก่กว่ามายกว่า 20 ปีได้ แกอายุ 40 กว่าๆ แล้วค่ะ มายรู้จักกับพี่ชาติก็ตอนที่เขามาบรรยายพิเศษที่มหาลัยตอนมายเรียนอยู่ปีหนึ่ง มายเริ่มคุยกับพี่ชาติก็เพื่อจะขอข้อมูลเพิ่มเติม เอาไปเอามากลายเป็นว่ามายประทับใจพี่ชาติก็ตรงที่แกเป็นคนอบอุ่น เราคลิกกันตอนไหนไม่รู้ แต่อยู่ดีๆ มายก็ตกหลุมรักคนแก่เฉยเลย

ที่สำคัญพี่ชาติต่างจากเด็กหนุ่มมหาลัยทั่วไปที่มาจีบมาย เพราะเกือบทั้งหมดออกแนวลามกและหวังแต่เรื่องแบบนั้น แต่พี่ชาติให้เกียรติมายอย่างมาก

“มาย... ชั้นเสียดายความน่ารักของแกว่ะ..” นังก้อย เพื่อนสนิทของมายตั้งแต่เรียนมัธยมเคยบอกแบบนี้ “ดูสิ.. ทั้งขาวทั้งสวย หุ่นก็ดี หนุ่มๆ ตอมเพียบ ... แต่ไปเอาคนแก่ซะงั้น..”

มายได้แต่หัวเราะแห่ะๆ ไม่เป็นเราก็ไม่เข้าใจหรอกใช่ไหมคะ

นังก้อยบอกว่า มายมีหนุ่มมาติดเพียบเพราะตรงสเปกหนุ่มไทยส่วนใหญ่ ด้วยความที่หน้าเด็ก ผิวขาวเนียนละเอียดและตาโตแบบสาวญี่ปุ่น สูงกำลังดี เอวบาง สะโพกกลมกลึง แถมหน้าอกของมายออกจะล้ำเกินหน้าใครตั้งแต่เด็กๆแล้วสงสัยคุณแม่ให้มาเยอะไปหน่อย บางทีมายก็อายที่หนุ่มๆ มองหน้าอกมายก่อนที่จะมองหน้ามายด้วยซ้ำไป

มายก็มีคุยเล่นๆ กับหนุ่มที่เข้ามาจีบไปเรื่อยเปื่อยแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไรมาก เพราะพี่ชาติดูแลมายดีเหลือเกิน เชื่อมั้ยคะว่าพี่ชาติไม่เคยล่วงเกินมายเลยจนถึงวันแต่งงาน!

ช่วงแรกที่มาอยู่บนดอยห่างไกลแบบนี้ เราสองคนตัวติดกันตามประสาข้าวใหม่ปลามัน ทุกอย่างดูสวยงามไปหมด อากาศหนาวๆ เย็นๆ เกือบตลอดทั้งปีทำให้มายและพี่ชาติแฮปปี้อย่างมาก เป็นคู่รักที่คนละแวกนี้รู้จักกันดีว่าหวานจ๋อยที่สุดบนดอยเลยก็ว่าได้

เวลาเกือบ 3 ปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ความตื่นตาตื่นใจในธรรมชาติรอบตัวก็เริ่มลดลงไปบ้าง พี่ชาติทำงานอย่างขยันขันแข็งตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย แต่ด้วยความที่อายุ 40 กว่าแล้วเขาจึงไม่แข็งแรงเหมือนหนุ่มๆ

หลายคนคงอยากรู้เรื่องชีวิตเซ็กส์ของเราสองคนใช่มั้ยคะ พี่ชาติเป็น “คนแรกและคนเดียว” ของมาย จริงๆแล้วเราก็เหมือนกับคู่รักทั่วไป ไม่ได้มีอะไรหวือหวามากมาย แถมเมื่อเวลาผ่านไป ด้วยหน้าที่การงานของพี่ชาติที่ต้องออกเดินทางค้างแรมกลางป่าอยู่บ่อยครั้ง ทำให้เรื่องนั้นห่างหายไปบ้าง ซึ่งมายก็ไม่ได้คิดอะไรมากค่ะ

บางครั้งมายต้องอยู่บ้านพักราชการคนเดียว 3-4 วันเพราะพี่ชาติต้องลงไปประชุมต่างจังหวัด หรือเดินทางเข้าป่า มายก็ต้องหางานฟรีแลนซ์ทำบ้าง อย่างงานแปลเอกสารส่งทางอีเมล์ซึ่งก็เป็นนังก้อยที่ทำงานอยู่กรุงเทพฯ ช่วยส่งงานให้มายจึงมีอะไรทำแก้เบื่อแถมยังไม่ตังใช้อีกด้วย การลงจากดอยไปเข้าเมืองก็สามารถทำได้ แต่ด้วยระยะทางที่ไกลเอาเรื่อง มายก็คิดว่าอยู่บนดอยน่าจะดีกว่า

บ้านพักแห่งนี้ถึงแม้จะอยู่บนดอยแต่ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ขนาดของบ้านไม่ได้ใหญ่โตนัก มีโถงตรงกลางเป็นห้องนั่งเล่น มีห้องนอนใหญ่แยกเป็นสัดส่วนและห้องนอนเล็กอีกหนึ่งห้อง ห้องน้ำหนึ่งห้องมีน้ำอุ่นพร้อม ถึงแม้จะไม่ได้ใหม่เอี่ยมหรือหรูหราอะไร แต่ก็อยู่ได้ค่ะ มายไม่ใช่คนติดหรูอะไรอยู่แล้ว

นอกจากพี่ชาติแล้ว ยังมีเพื่อนร่วมงานอีกคนคือพี่โชค และลูกน้องอีกสองคนคือลุงพัน และน้องเอก พี่โชคเป็นข้าราชการที่มีอายุใกล้เคียงกับพี่ชาติ  แกอาศัยในบ้านพักอีกหลังหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กัน พี่โชคเป็นพ่อหม้าย เมียทิ้ง แกบอกว่าเมียทนความเหงาและน่าเบื่อที่ต้องอยู่กลางป่าไม่ไหว แต่พี่ชาติบอกว่าเพราะพี่โชคแกเป็นคนโผงผางเกินไป

“มาอยู่กลางป่ากลางเขาแบบนี้ใครเขาจะเอา..มายเอ้ยย...” พี่โชคบ่นกระปอดกระแปด “จะหาผู้หญิงแบบมายได้ที่ไหนอีก..ไอ้ชาติเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดแล้ว.. มีเมียสวยเหมือนนางไม้ซะขนาดนี้แถมตามมาอยู่ถึงนี่ได้..” พอพี่โชคพูดจบ มายก็หัวเราะด้วยความขบขัน แกเป็นคนพูดจาเสียงดังตรงไปตรงมาแบบนี้อยู่แล้ว ยิ่งเวลาเมาแล้วชอบพูดสองแง่สองง่ามจนมายฟังแล้วต้องหน้าแดงฉ่าทุกครั้ง

ลุงพันเป็นชาวบ้านอายุ 60 กว่าๆ ซึ่งพี่ชาติจ้างไว้เป็นคนนำทางและช่วยดูแลงานทั่วไป เมียของลุงพันเสียไปนานแล้ว ส่วนน้องเอกเป็นหลานลุงพัน อายุยังไม่ถึง 20 เรียนไม่จบก็มาช่วยลุงปลูกไร่ปลูกสวนไปตามเรื่อง ทั้งลุงพันและน้องเอกอยู่บ้านที่เป็นเพิงเล็กๆ เชิงเขา ทั้งสองคนเชี่ยวชาญในเส้นทางป่าแห่งนี้อย่างมาก พนักงานราชการคนอื่นๆ อยู่ในเมือง เดือนละหนสองหนถึงจะขึ้นมาบนดอยพบปะกับพี่ชาติและพี่โชคเพื่อคุยงาน

....................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น