จะไม่มีเรื่องถ้าเขาไม่เดินกลับมา
วันทั้งวันผ่านไปด้วยกิจกรรมของบริษัท
เขามองมาฉันมองไปแล้วผ่านเลย
ครั้งแล้วครั้งเล่ามีเพียงยิ้มให้กัน
ตราบจนเย็นงานเลี้ยงจบลง
น้องๆชวนดิฉันไปนั่งในบาร์เล็ก
ใต้บรรยากาศแอลกอฮอล์
เขาไปกับกลุ่มของเรา จนดึก
ดิฉันเริ่มมึนเมา
เลขากลับไปแล้วพร้อมสามี
แต่ไม่นานนัก.....
เขาเดินกลับมาตัวเปล่า
"แนนให้ผมมาดูแลพี่
เพราะว่าพี่มาคนเดียว"
ดิฉันพยักหน้ารับมึนๆเริ่มรู้สึกเพื่อนหายไปหมดแล้ว
"พี่กำลังจะกลับ"
"พี่กินกับผมอีกแก้วนะ
เดี๋ยวผมไปส่งพี่
นั่งเป็นเพื่อนผมก่อน"
เขาถือวิสาสะเริ่มต้น
กับเหล้าอีกแก้ว
ดิฉันพยายามทรงตัวให้นิ่ง
โดยมิรู้ตัวเขาเอื้อมมือมาพยุงไปกลางฟลอร์
"เต้นรำกันนะ"
เขากระซิบ
พลางเอื้อมมือมาสัมผัสที่เอว
อีกข้างกระชับมือดิฉันไว้บนแผ่นอกของเขา
แล้วทุกสิ่งก็เริ่มนะจุดนั้น
กลางฟลอร์
หลายคู่หมุนวนในเพลงช้า
ใต้แสงไฟสีนวล
จากห่างไว้ตัวก็เริ่มเคลื่อนใกล้เกือบเบียด
ทำไมดิฉันไม่ได้ยินเสียงเพลง
ทำไมเส้นขนบนแขนลุกชันเมื่อเขาแนบใกล้
ไม่ เขามิได้ล่วงเกินแม้แต่น้อย
กิริยาของเขาเป็นไปอย่างผู้ดีมีมารยาทและให้เกียรติผู้หญิงตามตำราเต้นรำ
หากแต่สายตาที่มองปักลงมามันเปิดเผยจนแทบจะเปลื้องผ้าผ่อนของดิฉันให้หลุด
เสียเดียวนั้น มีความนุ่มนวลหื่นกระหาย
เคารพและหยาบคายอยู่ในดวงตาของเขา
ฉันพยายามจ้องตอบแต่ก็ต้องหวาดอายและร้อนผ่าวจากใบหน้าถึงปลายนิ้ว
ฉันเผลอไปแล้วให้อกเราเบียดกัน
แก้มที่มีเคราสากคลอเคลียอยู่กับไรผม
ดิฉันต้องหลับตากลั้นใจให้เพลงจบไปเสียที
เราแนบใกล้กันมากเกินไปจน.......
ได้ยินเพียงเสียงหายใจของเขาแนบกับหู
เหมือนกับฝันไป ฝันอันหอมหวาม.....
เขากุมมือดิฉันไปส่งถึงหน้าห้อง
ในความเงียบของกลางคืนเขาคงได้ยินเสียงเต้นของหัวใจดิฉัน
มันระทึกแทบจะหลุดออกมาจากอก
เราเดินกันเงียบๆโดยมิรู้ตัว
จนกระทั่งถึงหน้าห้อง
เราจากกันเพียงนั้น
เขากระซิบเบาๆ"ผมจะจำคืนนี้ไว้จนชั่วชีวิตของผม"
เราปิดประตูจากกัน
ดิฉันบอกเขาภายหลังว่า
"คืนนั้นพี่มองเธอยืนอยู่หน้าห้องผ่านตาแมว
จนกระทั่งเธอเดินไป"
แต่ดิฉันไม่กล้าบอกเขา
เรื่องที่ดิฉันนั่งเป่าปากดับความรู้สึกหยาบช้าอยู่เนิ่นนาน
พยายามหายใจลึกๆ
เอาน้ำราดตัวอันเปล่าเปลือยในห้องพัก
ทึ้งผมตนเอง
จนร้องไห้ออกมาก็มิอาจดับไฟที่เขาจุดไว้
ไฟอุ่นแต่หวามวาบและเผาใจให้เย็นเยือกสุดประมาณ....
ทรมาณกับการตัดสินใจไม่ขยี้ตัวเองอย่างรุนแรง
กว่าจะผ่านพ้น แต่.........
.....................
บ่ายวันนั้นเป็นวันศุกร์สุดท้ายของเดือนมิถุนายน
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขณะกำลังจัดการกับงานบนโต๊ะ
หลังเสียงตอบรับ
คำหลายคำก็พรั่งพรู
"พี่ครับ
ผมนะ แฟนแนน พรุ่งนี้ผมต้องไปบรีฟงานที่พัทยา
ผมอยากให้พี่ไปกับผม
ผมมีคอนโดอยู่ที่นั่น
ผมจะจอดรถรอพี่ที่หน้าออฟฟิศจนถึงบ่ายสอง
ผมรอพี่ได้แค่นั้น"
ไม่รอให้ดิฉันได้เอ่ยคำใด
เขาวางสายไปเงียบๆ
เสียงโทรศัพท์เงียบไปนานแล้ว
แต่อีกเสียงหนึ่งกำลังปะทุ
เกิดขึ้นในใจ
เป็นเสียงแห่งสงครามที่ปะทะกันในใจดวงหนึ่ง
ซึ่งเงียบเหงาจำเจมานานนับ..........ทำ/ไม่ทำ
ไป/ไม่ไป
ชั่ว/ดี
สามี/แล้วตัวฉันเองละ
ทุกข์/สุข
คนดี/ผู้หญิงเลว
เขา/แนน
พรุ่งนี้/อนาคต
สุขสุดสุด/ทุกข์ทรมานอบอุ่น/เหน็บหนาว
ฉันนอนคิดคนเดียวทั้งคืนจนร้องไห้ออกมา
มันทรมาณดิฉันเหลือเกิน
..........
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น