ฉันเป็นผู้หญิงเซ็กส์จัดถึงจัดมากคนหนึ่ง
ย้อนหลังไปเมื่อตอนที่ฉันอายุสาม
สิบต้นๆ
(ซึ่งตอนนี้ไม่มีประโยชน์ที่จะรู้ว่าฉันอายุเท่าไรเพราะจุดประสงค์คนอ่าน
เรื่องอย่างนี้คือต้องการเสียวอย่างเดียวน่าจะพอแล้ว)
ฉันย้ายมาอยู่ใกล้ครอบครัวซึ่งเป็นเป็นคนใต้เดิมฉันเป็นคนโคราช
(แต่พูดอิสานไม่เป็นนะ)
ต้องย้ายที่ทำงานหลายแห่งเหมือนกันเพราะฉันรับราชการกระทรวงสาธารณสุข
สุดท้ายซึ่งเป็นที่มาของเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ฉันได้มาทำงานที่โรงพยาบาล
อำเภอแห่งหนึ่งไม่ไกลจากตัวเมืองมากนักเรียกว่าไปเช้าเย็นกลับได้สบายๆ
ตอน
ที่ฉันอายุสามสิบเอ็ดนั้นฉันมีลูกตั้งสามคนแล้วโดยคนล่าสุด(ตอนนั้น)อายุ
ได้ขวบกว่าๆ
เรียกว่าฉันแต่งงานค่อนข้างเร็วคือพอจบพาณิชย์ปีสามปุ๊บฉันสอบได้งานปั๊บก็
แต่งงานเลย ดังนั้น ตอนนี้ลูกๆ
ก็โตๆ กันหมดแล้ว
คงรู้แล้วสิว่าฉันไม่ได้เป็นพยาบาลหรือสายงานอย่างพวกหมอๆ
เค้าหรอกก็จบพาณิชย์แต่สอบบรรจุติดกระทรวงนี้ก็เลยได้ลงพวกธุรการหรือการ
เงินทำนองนี้แหละ
สามีฉันเค้าทำงานคนละที่กับฉันคืออยู่คนละจังหวัดนานๆ
จะกลับบ้านทีขานั้นมีเพื่อนฝูงเยอะกลับมาแต่ละทีขนเอาเพื่อนซึ่งเมามายมา
ทั้งนั้น ก็เป็นภาระของฉันที่ต้องดูแลคนเหล่านี้
ซึ่งเกิดเหตุการณ์แบบนี้(คือเมากันมา)
บ่อยมาก หนักๆ
เข้าฉันก็ขี้เกียจจะดูแลพวกเค้าเหมือนกันเตรียมของกินของใช้ไว้ให้แล้วก็
จัดการกันเอง ก็เพื่อนมากนักไง
ด้วยเหตุที่สามีมักมองข้ามเรื่องแบบนี้ไป
มั้ง
โดยอาจคิดว่ามีลูกตั้งสามคนแล้วคงไม่มัวพะวงอยู่กับเรื่องเหล่านี้แน่นอน
(ไม่มีเวลาพอที่แม้จะคิด
เพราะเจ้าทโมนสามตัวนั้นคงแย่งเวลาไปหมดแล้ว)
แต่เค้าคิดผิดคงลืมไปว่าฉันเป็นคนเซ็กส์จัดประกอบกับอายุไม่มาก
(น่าจะเป็นวัยกำดัด)
จึงทำให้ฉันค่อนอ้างว้างและว้าเหว่
เพราะฉันไม่ใช่คนที่นี่
ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องของคนใต้ซักเท่าไหร่
ดังนั้นไฟโลกีย์ของฉันจึงลุกโพลงอยู่ในกายและในใจตลอด
จนก่อนที่จะมาเกิดเหตุที่จะเล่าต่อไปนี้ฉันก็เป็นคู่นอนของผู้ชายไม่น้อย
กว่าสามคน แต่ฉันจะยุ่งเป็นคนๆ
ไป ไม่มั่วทีเดียวสามคน
ในช่วงอายุระหว่าง 25-30
ปี
ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าสามีเค้าจะระแคะระคายบ้างหรือไม่แต่ทุกครั้ง
ที่สามีมีเซ็กส์กับฉัน(ซึ่งประมาณเดือนละไม่เกินสองครั้ง)
สามีก็ไม่เห็นแสดงอาการอะไรที่ส่อพิรุธเลย
ฉันมีเชื้อของคนญวนผิวขาวซึ่ง
หากอยู่ในหมู่คนใต้แม้จะเป็นผู้หญิงด้วยกันก็
จะรู้ว่าฉันไม่ใช่คนที่นี่
นอกจากผิวขาวแล้วฉันจัดเป็นผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่งสัดส่วนได้รูปน้ำหนักไม่
เกิน50 กก.
สูง 165
ซม.
หน้าอก 35
เอว 25
สะโพก 38
ตรงสะโพกนี่แหละใครมองคงต้องเหลียวหลังเพราะมันใหญ่ที่คนโบราณเรียกว่าสุด
เสียงสังข์จริงๆ
ถ้าเป็นคนรุ่นฉันหากนึกไม่ออกขอให้นึกถึงดาราสมัยก่อนคนนึงที่ชื่อดวงชีวัน
โกมลเสน นั่นแหละสะโพกฉันหละ
ตอนสาวๆ มันก็ค่อนข้างใหญ่แล้วนะเกือบ
36 แต่คงมาขยายเอาสุดๆ
ตอนมีลูกนี่แหละ
แม้จะมีลูกคุณผู้อ่านที่เป็นวัยโจ๋อาจจะเบ้หน้าบอกว่ายังจะมาเล่าอะไรอีกกะ
จู๋หดหมด ยังก่อน
ถึงจะมีลูกแต่ก็มีทีเด็ดนะจะบอกให้
ไม่งั้นจะมีผัวอีกหลายๆ
คนได้อย่างไรจริงมั๊ย
ตอนที่คลอดลูกคนแรกฉันกลัว
มากที่จะคลอดเองด้วยมีการเล่าต่อๆ
กันมา จึงบอกคุณหมอให้เอาออกทางหน้าท้อง
ซึ่งแน่นอนคนต่อๆ
มาต้องทำอย่างเดียวกันคือเอาออกทางหน้าท้องทั้งหมด
จึงทำให้มีแผลซ้อนๆ
กันอยู่บริเวณขอบกางเกงในสั้นๆ
ยาวประมาณห้านิ้วขนาดก้านคอตตอนบัด
แต่ก็แลกกับความคงเดิมของรูที่เด็กควรจะออกตามธรรมชาติของเค้าไว้ให้ใกล้
เคียงกับของเดิมมากที่สุด
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเด็กจะไม่คลอดทางช่องคลอดแต่ด้วยเหตุที่ฉันใช้งานรูของ
ฉันมากเกินไป (ที่มิใช่สามี)
จึงไม่ค่อยมีความมั่นใจกับการนอนในระยะหลังๆ
จึงตัดสินใจลงทุนไปยกเครื่องใหม่
(เฉพาะช่วงล่าง)
ก็ล่อเสียหลายหมื่นเหมือนกันแต่ก็ได้ความมั่นใจกลับมาสุดๆ
คุ้มเกินคุ้ม รู้งี้ไปทำเสียตั้งนานแล้ว
ฉันเคยเขียนไปหาหมอนพพรเมื่อประมาณสิบปีที่
แล้วซึ่งท่านตอบปัญหาทางเพศใน
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
โดยที่คอลัมน์ของท่านจะดังมากแทบจะแย่งกันอ่านในสมัยนั้น
ฉันถามถึงเรื่องอารมณ์ทางเพศที่รุนแรงและค่อนข้างมากของฉัน
โดยฉันเล่ารายละเอียดในการนอนกับผู้ชาย
(ที่ไม่ใช่สามี)
ให้ท่านประกอบการตอบคำถามด้วย
ปรากฏว่าแทนที่จะได้รับคำตอบท่านกลับสั่งสอนเสียยกใหญ่
บอกให้หันเข้าหาธรรมมะเสียบ้างจะได้เพลาๆ
ลงท่านบอกว่าเรื่องทางเพศทุกคนที่ร่างกายปกติมันมีความรู้สึกกันได้ส่วนจะ
มากหรือน้อยก็แล้วแต่บุคคล
แต่ที่ควรกระทำอย่างยิ่งคือการรู้จักเก็บความรู้สึกเอาไว้บ้างโดยเฉาะสตรี
ไทยที่ต้องยึดถือขนบธรรมเนียมและศีลธรรมอันดี
เท่านี้ท่านว่าคงจะช่วยได้และในตอนท้ายท่านบอกว่าแม้ว่าจะติดใจรสรักจากชาย
อื่นที่มิใช่สามีของตัวเองซึ่งเป็นเรื่องไม่ควรอย่างยิ่ง
ดังนั้นต้องพยายามตัดใจและมีสามีเดียวจะดีที่สุด
หลังจากที่ได้รับคำตอบครานั้นฉันจำได้ว่าไม่หันกลับไปอ่านคอลัมน์ของท่านอีก
เลย
ฉันมาทำงานที่โรงพยาบาลได้ประมาณสามเดือนก็พอสนิทกับเพื่อนร่วมงาน
บ้างแต่ก็ ไม่มากนักด้วยนิสัยฉันเป็นคนเงียบๆ
ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใครซึ่งปกติจะดูเหมือนคนหยิ่งหากเทียบกับคนใต้ทั่วๆไป
ที่ทั้งหญิงและชายมักจะสรวลเสเฮฮา
และบังเอิญฉันมารู้จักหัวหน้าที่เป็นผู้ชาย
ซึ่งก็เป็นคนขรึมๆ เช่นกัน
หัวหน้าฉันอายุอ่อนกว่าฉันหนึ่งปีขณะที่ฉันมาทำงานปีแรกเค้าอายุสามสิบปีพอ
ดี ยังโสดแต่มีแฟนแล้วนัยว่ามีแฟนหลายคนด้วย
เค้าเป็นคนหน้าตาดีสไตล์คนใต้คือเข้มผิวดำแดงสูง
170 กว่าๆ
ร่างกายแข็งแรงตามวัยของเค้าอีกอย่างเค้าชอบออกกำลังกายจึงทำให้หน้าตาและ
ร่างกายดูดีสมวัย
ด้วยความที่ทั้งเค้าและฉันไม่ค่อยจะพูดจึงไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ในช่วงแรกๆ
แต่ล่วงเข้าเดือนที่หกฉันก็มีความสนิทกับเค้ามากขึ้นเพราะตอนนั้นฉันไปลง
เรียน หลักสูตร กศ.บป.
ที่สถาบันราชภัฎ
ซึ่งคนทำงานจะนิยมเรียนกันมากในวันเสาร์อาทิตย์
ด้วยเหตุที่หัวหน้าฉัน
เค้าค่อนข้างเรียนเก่งจึงขอคำแนะนำในหลายๆ
วิชา แล้วเวลาที่พอว่างก็คือตอนเที่ยง
ปกติตอนเที่ยงคนในห้องซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงก็มักจะชวนกันไปทานข้าวข้าง
นอกบางคนที่บ้านอยู่ใกล้ก็กลับบ้าน
จะมาอีกทีก็บ่ายโมงล่วงแล้ว
ฉันนั้นมักจะหาเวลาว่างลงไปกินช่วงสิบโมงกว่าๆ
เกือบทุกวันเพราะตอนเช้าจะไม่ทาน
ส่วนหัวหน้าเค้าก็จะลงไปทานก่อนเที่ยงราวๆ
สิบเอ็ดโมงครึ่งกับพรรคพวกเค้าพอตอนเที่ยงก็มักจะมาเป็นติวเตอร์ให้ฉัน
ซึ่งฉันเรียกแทนตัวเค้าว่า
“ตัวเอง” ส่วนเค้าเรียกฉันว่า
“เจ๊นิด”
ในตอน
เที่ยงของวันหนึ่งหลังจากที่เค้าช่วยติวให้ฉันมาได้ประมาณหนึ่งเดือน
โดยในวันนั้นเค้าเริ่มติวให้ฉันไปได้ประมาณสิบนาที
เค้าบอกว่าวันนี้ใจสั่นยังไงพิกล
ฉันกลัวว่าเค้าจะเป็นอะไรไปจึงบอกถ้างั้นวันนี้ไม่ต้องติวก่อนก็ได้
แต่เค้าบอกไม่ใช่สั่นจะเป็นลมแต่สั่นเพราะอยู่ใกล้คนสวยต่างหาก
ฉันก็คิดว่าเค้าจะมาไม้ใหนกันแน่จู่ๆ
เกิดอารมณ์แบบนี้ขึ้นมาทั้งๆ
ที่ไม่เคยปรากฏ
(รึว่าปรากฏมานานแล้วแต่ฉันไม่รู้)
เค้าไม่พูดเฉยๆ
นะแต่ละจากหนังสือเข้ามากอดฉันเอาดื้อๆ
อย่างนั้นแหละ
เล่นเอาฉันงงเต็กไปเลยเพราะจะโกรธก็โกรธไม่ทันก็พวกเล่นจู่โจมอย่างนั้นใคร
จะตั้งตัวได้
ห้องทำงานของหัวหน้าฉันเป็นห้องส่วนตัวไม่ใหญ่มากนัก
โดยอยู่ภายในห้องใหญ่
รวมอีกทีหนึ่งซึ่งตอนเที่ยงฉันจะล๊อคประตูห้องใหญ่ทั้งหมดและปิดม่านทุกบาน
หน้าต่างเรียกว่าใครจะมาติดต่อธุระห้องนี้ก็ต้องเลยบ่ายโมงไปโน่นแหละห้อง
จึงเปิดอีกครั้ง
ส่วนห้องหัวหน้าก็มีประตูล๊อคได้อีกชั้นหนึ่งเช่นกันโดยเฉพาะห้องนี้ไม่ค่อย
มีใครกล้าเข้าออกเท่าไรหากไม่จำเป็น
ฉันจึงใช้ห้องนี้ให้หัวหน้าติวหนังสือ(และต่อมาติวอย่างอื่นด้วย)
“ตัว
เองทำอะไรน่ะ....เค้าให้ตัวเองติวหนังสือให้เค้านะไม่ได้ให้ทำอย่างงี้”
ฉันทำเป็นงอน
“หนังสือน่ะติวเมื่อไหร่ก็ได้
อีกหลายวันกว่าจะสอบ
แต่วันนี้เค้าอยากลองอย่างอื่นดูบ้าง”
เค้าทำเป็นกล้าที่จะตอบฉันซึ่งต่อมาเค้าบอกว่าเค้ากลัวโดนด่าและร้องโวยวาย
มากที่สุดในตอนที่ตัดสินใจกอดฉัน
“ไม่เอานะตัวเอง....เอามือออก
ก่อน...เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้าจะเป็นเรื่อง
ใหญ่” ฉันพยายามบ่ายเบี่ยงจากการกอดของเค้า
แต่ยิ่งพูดเหมือนยิ่งยุเค้ายิ่งกอดแน่นขึ้นกว่าเดิมอีกและแถมด้วยหอมแก้ม
“ออก
นะ...ไม่เอาจริงๆ
ด้วย....ตัวเองก็รู้ว่าเค้ามีครอบครัวแล้ว..มีลูกแล้วด้วย...ทำอย่างนี้มัน
ไม่ดีรู้มั๊ย....”
ฉันพยายาม(แกล้ง)
อ้อนวอนโดยยกเหตุผลง่ายๆ
แต่แทนที่เค้าจะกลัวหรือสำนึกได้กลับเป็นเอามือสองข้างของเค้าประคองใบหน้า
ฉันพร้อมทั้งจูบที่ปาก
ฉันไม่ทันระวังช่วงที่กำลังขอร้องเค้าอยู่ปากเลยเปิดอยู่ทำให้เค้าเอาลิ้น
เข้ามาในปากฉันได้
“อือ....อออ...อึม..มมมม.......อ้า..ส์ส์ส์.....”ฉัน
ส่งเสียงอู้อี้อยู่ในลำ คอ
เวลาผ่านไปสองสามนาทีเค้าก็ยังจูบปากฉันอย่างเมามัน
เอาล่ะสิเรี่ยวแรงที่คิดจะผลักเค้าในตอนต้นขณะนี้ไม่รู้ว่ามันหายไปใหนหมด
มือที่ห้อยอยู่แนบตัวและกำลังจะผลักอกเค้าเพื่อให้เค้าเลิกการกระทำกลับเป็น
มือฉันสองข้างนี่แหละที่เริ่มโอบกอดแผ่นหลังเค้าแน่นขึ้นๆ
“อุ๊ย....
ซี๊ด..ดดด...สสสส....อ๊าย...สสส....”
ฉันเริ่มออกอาการเดิมของฉันยามเมื่อต้องมือชายขณะที่เค้าเริ่มคลายปากจากปาก
ฉันจึงมีเวลาที่ฉันจะซี๊ดปากได้
“ตัวเองจะทำอะไรเค้าน่ะ...เดี๋ยวมีคน
เห็นนะ....”ฉันเตือนเค้า
“ถ้างั้นก็ให้ความร่วมมือหน่อยสิจะได้เสร็จ
เร็วๆ” เค้ารีบตัดบท
ฉันด้วยความกลัวที่คนจะเข้ามาเห็นจริงๆ
จึงคล้อยตามเค้าทุกอย่างเหมือนแมวเชื่องๆ
ตัวหนึ่ง
ในขณะที่ใจฉันว้าวุ่นว่าจะเอาอย่างไรดีในสถานการณ์แบบนั้นเพราะไม่เคยเจอคน
รุกแบบสายฟ้าแลบเหมือนครั้งนี้มาก่อน
อีกใจหนึ่งก็อยากลองเพราะเงี่ยนเต็มทนแล้วเรียกว่ากล้าๆ
กลัวๆ จึงจะถูก
แต่ใจหนึ่งก็คิดว่าเจ้าหมอนี้กินดีหมีหัวใจเสือมาจากใหนจึงกล้าที่หักหาญ
น้ำใจเราผู้มาใหม่ถึงเพียงนี้เรียกว่าแม้ว่าฉันจะยอมก็ไม่น่าจะรวดเร็วถึง
เพียงนี้และเป็นสถานที่แบบนี้
ต่อมาภายหลังจึงรู้ว่าเค้าทำการบ้านเรื่องของฉันมามากกว่าที่ฉันคิดเสียอีก
เรียกว่ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวฉัน
รู้ว่าฉันมีผัวมาแล้วกี่คน
ใครบ้าง
โดยเฉพาะรู้ว่าฉันเป็นผู้หญิงไฟแรงสูงแต่ซ่อนตัวเท่านั้น
“อย่าแหย่นิ้ว
เข้าไปตรงนั้น...มันเสียวมากรู้มั๊ย....อุ๊ย....ซี๊ด..ดดด..
สสส....ว้าย....ตายแล้ว...จะทำอะไรน่ะ..”
ฉันตกใจมากขึ้นเมื่อเค้าผลักฉันเบาๆ
ให้ก้มไปที่โต๊ะทำงานเค้าแล้วขณะเดียวกันเค้ารั้งกระโปรงซึ่งเป็นกระโปรง
หลวมๆ แบบผ้าอัดกลีบรอบความยาวเลยเข่านิดๆ
ซึ่งสมัยนั้นเป็นที่นิยมของผู้หญิงทำงานและก็เป็นความโชคดีของหัวหน้าที่ดึง
กระโปรงทีเดียวก็ขึ้นไปกองอยู่ที่บั้นเอวแล้วไม่รอช้าเค้ารีบดึง
กกน.ซึ่งฉันชอบใช้ชนิดผ้าสังเคราะห์เนื้อบางๆ
ไม่รัดมากนักจึงง่ายในการถอดเรียกว่าดึงทีเดียวมากองอยู่ที่เท้าแล้ว
ดูเหมือนเค้าทำงานแข่งกับเวลาจริงๆ
เพราะหลังจากที่ดึง กกน.
ฉันมากองที่ปลายเท้าแล้วเค้าก็รูดซิปดึงเอาหัวควยที่แข็งโด่อยู่นานแล้วออก
มาถอกสองสามครั้งเห็นหัวแดงช้ำเลือดหัวบานโร่ขนาดประมาณ
6x6
ซึ่งแม้ว่ามันจะไม่ใหญ่มากนักแต่เป็นหัวควยที่ฉันพูดได้ว่าฉันชอบมากที่สุด
ตั้งแต่เจอหัวควยมาแล้วจะเล่าให้อ่านในตอนต่อไป
เค้ารีบแม้กระทั่งตะขอ
กางเกงก็ไม่แกะออกเข็มขัดก็ยังรัดอยู่อย่างนั้นแค่เอา
หัวควยโผล่ร่องซิบออกมาอย่างเดียวเหมือนผู้ชายกำลังจะไปฉี่แค่นั้นเอง
โดยไม่รอช้าเค้าบอกว่าใกล้จะบ่ายโมงแล้วมัวเล่นมากไม่ได้
ฉันจะโอ้เอ้หรือจะมารยาอะไรก็ไม่ทันแล้วมาถึงขั้นนี้แล้วเอาไงก็เอากัน
ว่าแล้วเค้าก็จ่อหัวควยที่บานเหมือนดอกเห็ดเข้าที่ร่องหีทางด้านหลังในท่า
โก้งโค้งแล้วก็ดันเข้าใช้เวลาไม่นานนักหัวควยก็หลุดพรวดเดียวเข้าไปชนมดลูก
ฉันเสียงดังกึกๆๆ ตามแรงกระแทกของเค้า
“โอย....เสียวควยจังเลยเจ๊
จ๋า....อูย..ยย.....”
เค้าใช้สองมือจับที่บั้นเอวแล้วซอยไม่ยั้ง
เราคิดว่าหมอนี่ตายอดตายอยากมาจากใหนแม้ในห้องทำงานก็ไม่เว้น
แต่ก็ได้เพียงคิด
“อุ๊ย....ยยย......เค้าก็เสียวนะตัวเอง....ว้าย
....ยยย......เค้าแตกแล้ว
นะ....”ฉันเผลอตัวพูดออกมาด้วยความเคยชินกับผัวคนก่อนๆ
เมื่อยามน้ำแตกฉันจะพูดเพื่อเร่งกระตุ้นผู้ชายเพื่อให้เค้าภูมิใจและเร่งให้
ทำเร็วขึ้น
“เค้าก็จะออกแล้ว....อูย....ซี๊ด...ดด...เสียวควยจังเจ๊
จ๋า....” เค้าก็รีบซอยหนักๆ
ไม่เกินสิบนาทีฉันรู้สึกอุ่นวาบในช่องคลอดพร้อมๆ
กับหีฉันตอดตุ๊บๆๆๆ
เป็นจังหวะซึ่งนั่นบ่งบอกให้รู้ว่าฉันถึงสวรรค์วิมานแล้ว
“หีเจ๊ตอดดีจัง
เลย
นี่ยังตอดควยเค้าอยู่เลย..แต่เค้าต้องเอาควยออกก่อนนะ..เดี๋ยวไม่ทัน”
ว่าแล้วเค้าก็ถอยตัวออกจากฉันเสียงควยหลุดจากหีซึ่งกำลังตอดอยู่ตุ๊บๆ
เสียงดังปล๊อค
น้ำหีและน้ำควยที่ออกผสมกันมากมายหยดไหลตามพื้นเป็นทางจนฉันต้องควานหาทิชชู
มาเช็ดเพื่อปิดร่องรอยอย่างรีบด่วนหลังจากดึง
กกน.มาเข้าที่เรียบร้อยพร้อมเอากระโปรงลง
ส่วนเค้าก็เก็บเจ้าโลกไว้ในกางเกงและรูดซิปแค่นั้นก็เรียบร้อย
แต่ยังทำให้ฉันยืนงงๆ
อยู่พักใหญ่ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นในที่ตรงนี้เมื่อครู่ที่ผ่านมา
มันเหมือนฝันไปจริงๆ
เมื่อหายงงแล้วฉันจึงเปิดประตูทั้งห้องหัวหน้าและประตูใหญ่ห้องรวมเพื่อเข้า
ห้องน้ำ
ก็จะปล่อยไว้ให้น้ำมันไหลออกมาประจานทำไมต้องรีบหาทิชชูพับเป็นแผ่นแทนผ้า
อนามัยซับไว้ใน กกน.
เพราะน้ำคนโสดมันหลั่งออกมามากมายจริงๆ
หลังจากทุก
คนกลับเข้ามาทำงานแล้วไม่มีใครรู้ว่าเมื่อครู่ที่ผ่านมาฉันสร้าง
วีรกรรมไว้กับหัวหน้า
ฉันทำเป็นจับปากกามาเขียนเกี่ยวกับงานที่ฉันรับผิดชอบอยู่พักนึงเพื่อไม่ให้
ตื่นเต้นจนเกินไปแต่ก็ไม่หายฉันต้องออกไปเดินเล่นที่ระเบียงทางเดินเข็นคน
ไข้อยู่พักใหญ่ๆ
จึงกลับเข้ามาทำงานอีกครั้งซึ่งครั้งหลังนี่ถ้าใครแอบสังเกตจะเห็นฉันนั่ง
อมยิ้มเล็กๆ
เป็นยิ้มที่ให้แก่ความบ้าบิ่นของตัวเองและหัวหน้าที่กล้าเอากันกลางวันแสกๆ
ในห้องทำงาน
เมื่อมีครั้งแรกคงไม่มีใครเชื่อว่ามันจะจบลงแค่นั้น
แน่นอนมันต้องมีตอนต่อๆ ไป
ซึ่งฉันจะเล่าตามความพอใจของฉันเพราะตอนนี้ฉันเป็นอิสระแล้วแยกตัวเองไปอยู่
กับลูกไม่ต้องกังวลเรื่องสามีให้กวนใจอีกต่อไป
คอยติดตามนะคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น