วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

ผัวน้อยผัวหลวง

 

 


จี๊ปแลนด์โรเวอร์สีเขียวใบไม้คันหนึ่งได้พาประเวทฝาแฝดผู้น้องพร้อมด้วยลุงมั่นผู้นำทางแล่นมาระหว่างธรรมชาติอันงดงาม ในบริเวณป่าตอนหนึ่งของเชียงใหม่
จี๊ปคันนี้บรรทุกกระเป๋าเสื้อผ้าสัมภาระต่าง ๆ มากมายรวมทั้งวิสกี้ เครื่องกระป๋องและปืนพร้อมด้วยลูกกระสุน...
“จวนถึงหรือยังครับลุง?”
เสียงประเวทร้องถามลุงมั่นผู้นำทางอย่างร้อนรน
“จวนแล้วนาย อีกหนึ่งกิโลคงถึง” แกตอบโดยมิยอมมองหน้า
ประเวทหัวเราะเบา ๆ เพราะขำในคำของแก
“ผมถามทีไร ลุงเป็นบอกจวนถึงทุกที...เอ่อ! แต่ว่าเขามีผู้หญิงมาด้วยแน่รึ”
“แน่ครับ-แหม! คุณเอ้ย...ผู้หญิงอะไร...? สวยเป็นบ้ายังกะหยาดฟ้ามาดินเชียว”
แกตอบพร้อมกับอัดควันบุหรี่เข้าปอดอย่างแรง
“ดูเหมือนจะชื่อ สา-สา นี่แหละครับ ผมได้ยินคุณคนนั้นท่านเรียกอย่างนี้”
ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาต้องประสพกับปัญหาโลกแตก...ระหว่างหญิงคนรัก...กับพี่ชายร่วมสายโลหิต
ความจริงเขารักพี่ประวิทย์มาก และพี่วิทย์ก็รักเขาไม่น้อยเลย...
แต่เหตุใด? พี่จึงมาแย่งรักไปจากเขา อันนี้จึงทำให้ประเวทต้องบึ่งมาเชียงใหม่ เพื่อทำความตกลงกับพี่ชายบางประการ
ในที่สุดเขาก็ได้มาถึงจุดหมายปลายทาง ที่บริเวณหมู่บ้านห้าหกหลังนั้น
ประวิทย์ผู้ซึ่งมีหน้าตาและรูปร่างเหมือนประเวทราวกับพิมพ์เดียวกำลังสร้างกรงสำหรับดักสัตว์ป่าอยู่ใต้ถุนเรือนของเขา เสียงเครื่องยนต์ทำให้เขาต้องหันไปมองดู
เมื่อรู้ว่าเป็นใครก็รีบวิ่งออกมาจากใต้ถุนเรือน โบกมือให้แล้วตะโกนเรียกด้วยเสียงอันดัง
“น้องเวท...น้องเวท”
ประเวทลงจากรถและวิ่งปราดเข้าไปหา
“สวัสดีพี่วิทย์...ไม่ได้พบกันเสียหลายปี คิดถึงเหลือเกิน”
“คิดถึงพี่หรือคิดถึงใครเอ่ย” เขาพูดเย้าพลางดึงมือน้องชายมานั่งบนแคร่ทางหลังบ้าน...
เมื่อทั้งคู่นั่งลงเรียบร้อยแล้ว ประวิทย์ก็เปิดฉากสนทนาถึงเรื่องที่เขาจำเป็นต้องทำเช่นนี้ เพื่อผดุงฐานะของน้องตามแผนการของนางปลั่ง
“พี่เชื่อนางปลั่งสนิท - จึงคิดชิงวิสามาให้พ้นจากน้อง แต่เมื่อรู้ความลับลมคมในของนางปลั่ง มันก็สายเสียแล้ว...น้องเวทอภัยให้พี่เถอะ!” เขาพูดเสียงเรียบและเนิบนาบ
คำพูดของน้องชายทำให้ประวิทย์ยิ้มที่มุมปากและกระซิบกระซาบตกลงความในใจให้ประเวทฟังจนทั้งสองหัวเราะก๊าก... ก็พอดีวิสาเดินตรงเข้ามา
“สาจ๋า...พี่ขอแนะนำให้สารู้จักน้องของพี่”
วิสาร่างอวบอัดหน้าอกภูเขาตกตลึงพรึงเพริด และเมื่อรับไหว้น้องชายฝาแฝดแล้ว ก็ทักทายกันตามมรรยาท แต่ใจหล่อนนั้นไม่หายตื่นเต้น
“ยินดีมากครับ! ที่ผมได้รู้จักพี่สา” ประเวทพูดยิ้ม ๆ ตามแผนการของประวิทย์
“ความจริงเราควรรู้จักกันนานแล้ว”
“ค่ะ” ยิ้มให้เขาก่อนพูด
“ควรจะเป็นเช่นนั้น อ้า...พี่ยอมรับว่าขณะนี้พี่ตื่นเต้นเหลือเกิน ทำไม-วิทย์กับเวทจึงเหมือนกันอย่างนี้”
ฝาแฝดทั้งคู่หัวเราะชอบใจและหลิ่วตาให้กันอย่างมีเลศนัย
“อย่าว่าแต่สาจะแปลกใจเลย” ประวิทย์ผู้พี่พูด “แม้แต่คนบ้านเราที่นี่ ดูซิ! ยังจ้องมองดูพี่กับน้องชายตาเป็นมันเลย”
ทั้งสามช่วยกันขนสัมภาระขึ้นไปไว้บนเรือนรับรอง และจัดทำความสะอาดบังกะโลหลังเล็กเพื่อให้ประเวทพัก
คืนนี้พระจันทร์เด่นเต็มดวง ประเวทนอนไม่หลับจึงถือวิสาสะเดินขึ้นบันไดไปทางหลังเรือนบังกะโลอย่างเงียบ เดินจรดปลายเท้าให้เบาเมื่อได้ยินเสียงประวิทย์กับวิสาหยอกเย้าอยู่ในห้องนอน
เขาจึงค่อยย่องแอบมองพี่ชายกับวิสาตามรอยไม้แผ่นหนึ่งซึ่งแตกเป็นแนวยาว
ภาพที่เห็นทำให้เย็นวาบไปทั้งตัว อารมณ์อันเร่าร้อนได้เกิดขึ้นจนจิตใจคึกคักอย่างห้ามไม่อยู่
เขาแลเห็นพี่ชายนุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียวกำลังกอดจูบเล้าโลมวิสาอยู่บนเตียงนอน วิสานั่งอยู่บนตักประวิทย์ ร่างของหล่อนท่อนล่างเปลือย ท่อนบนนั้นมียกทรงปิดปทุมทิพย์ซึ่งเกือบหลุดทะเล้นออกมานอกเสื้อตัวนั้น
“เวทขา...อิ่มหรือยังคะ” หล่อนเรียกชื่อนี้ อนิจจา! หล่อนช่างไม่รู้เอาเสียเลย
“ยังหรอกสาจ๋า พี่ไม่อิ่มง่าย ๆ คืนนี้ขอเย็ดห้าที”
“อุ๊ย ไม่ค่ะ” พลางตบปากเขาเบา ๆ “จะมากไปละเวทขา ครั้งเดียวก็เหี่ยว ยังจะมีหน้ามาบอกถึงห้า”
เขาหัวเราะพลางสลัดผ้าขาวม้าให้หล่อนเห็นควย
“นี่หรือเหี่ยว” ตบหัวประทานอวดหล่อนและถอกแดงเถือกต่อหน้า
“ต๊าย-ควยลุกอีกแล้ว โธ่เวทขา เย็ดเมื่อกี้หยก ๆ ยังแสบไม่หายเลย”
“งั้นหรือ”
“ค่ะ” เธอขานพร้อมกับเอื้อมมือไปเกาะกุมลำควยเขาเล่นมั่ง และจับคลำรูดลงมาจนถึงพวงอัณฑะขยี้ขยำบีบบี้
“สา”
“เรียกสาทำไม?”
“ยิ่งบีบพี่ยิ่งเสียว สาจ๋า พี่เป็นกระษัย โบราณว่าถ้าได้ปากผู้หญิงกัดยิ่งดี มันแพ้กัน”
“โกหก สาไม่เชื่อ”
“โธ่...สา ซิ”
“ซิ อาไร”
“กัดให้พี่”
“โอยตายแล้ว จะให้สากัดกระโปก อี้ไม่เอา” หล่อนหลับตาสั่นหน้าเหมือนขยะแขยง
แต่เขาได้ตวัดกายหล่อนให้นอนหงานบนเตียงแล้ว เขาก็หมุนตัวกลับหัวลงทางปลายเท้าหล่อน และอ้าขาออกให้ลูกกระโปกใกล้ปากหล่อนทันที
กัดก็กัด วิสาคิดอยู่ในใจ เพื่อเขาจะได้เห็นอกเมียว่าทำให้ผัวได้ทุก ๆ อย่าง
ดังนั้นมือจึงจับลูกกระโปกมาจูบเสียก่อนโดยมิรอช้า และแล้วก็ยัดเข้าปากใช้ฟันขบเม้ม ๆ แต่เพียงค่อย ๆ
“โอย สาจ๋า ดีจัง เห็นใจน้องเหลือแล้ว” เขาพูด พอหยุดปากก็สอดลิ้นของตัวเข้าในรูแคมหล่อนบ้าง
วิสาสาวทรงสล้างสะดุ้ง เมื่อลิ้นเขาระรัวอยู่ตรงปลายแตด
“อูย...เวทขา โอย” หล่อนครางเมื่อคลายจากการกัดเม็ดกระษัย
เท่านั้นเองเขาก็รู้ซึ้งในหางเสียงว่าหล่อนครางเพื่อประสงค์สิ่งใด จึงลุกขึ้นนั่ง ดึงหล่อนให้ขวางกายตรงแง่เตียง และโดยไม่มีการเจรจา เขาก็โดดไปยืนที่พื้นห้อง ขยับตัวให้เข้ามาในหว่างขา ซึ่งเขาแยกแหกออกด้วยมือไม้สั่นเทา ได้ระดับดีแล้วก็เสยพรวด
“อุ๊ย...โอย...ซี๊ด...เวทขา เข้าหมดแล้ว อูย...ทำไมเย็ดคว้านอย่างนี้” พูดออกมาทั้ง ๆ ที่นอนตาปรือดูเขากระเด้าส่ายโยกย้ายตะโพกไปมาทั้งซ้ายขวา
“สาจ๋า” เรียกหล่อนเบา ๆ
“ขา” ขานรับพลางหลบตาเขา
“พี่อยากเย็ดสาทั้งคืน”
“โอ้...โฮ...! ไหวหรือ”
“ไหวซี”
หล่อนพยักหน้ายิ้ม และคิดในหัวใจ เมื่อไหวก็เอาซี เรื่องนี้หล่อนชอบ
ประเวทซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็นประวิทย์โดยอัตโนมัตินั้น เขายังแอบดูการสังวาสของพี่ชายกับวิสาอย่างมิเคลื่อนไหว
เขาเห็นหญิงสาวนอนแอ่นและเด้งบั้นเด้ารับลำควยฉับ...ฉับ ปากก็ซี๊ด...ซ้าด...เพราะสุดรัญจวน
ครั้งหนึ่งแลเห็นพี่ชายชักลำควยออกเกือบหลุดและกระทุ้งพรวดเข้ามิด แล้วประกบร่างทาบลงกับแผ่นอกวิสา
“น้ำออกแล้วหรือคะ” วิสาถามเสียงใส
“ครับ”
“ยี้ย์...ขี้แพ้..หน้าไม่อาย..เชอะ!” หล่อนแกล้งกระเซ้าพลันสลัดตัวชายหนุ่มร่วงจากอก พร้อมกับลุกขึ้นเดินลงส้นออกไปทางประตูหนึ่งซึ่งทะลุถึงห้องน้ำ
เพียงลับร่างหล่อนเท่านั้น ประวิทย์ซึ่งนอนอยู่บนเตียงก็ลุกถลันพรวดพราดออกจากห้อง และเมื่อขาก้าวพ้นธรณีประตูก็หยุดชะงัก เพราะเงาของบุคคลหนึ่งยืนจังก้า เมื่อเพ่งสายตาดูรู้ว่าเป็นใครแล้วก็ยิ้มพร้อมกับพูด
“รอนานไหม...เวท” ร้องถามเสียงกระซิบ
“พักใหญ่พี่...พี่”
“งั้นรึ เร็ว ๆ เข้าเถอะ รีบถอดเสื้อกางเกงมาให้พี่ แล้วนุ่งผ้าขาวม้านี้เข้าไป” เขามิรอช้าปฏิบัติตามทันที
เสียงน้ำยังดังซู่ซ่าอยู่ในห้องน้ำ ประเวทเดินเข้าไปยังประตูห้องน้ำซึ่งเปิดแง้มอยู่ เขาเปิดออกและพาตัวเข้าไป
เมื่อทั้งสองเผชิญหน้ากัน หล่อนก็ร้องเสียงใส
“อุ๊ย...เวทนี่เข้ามาทำไมคะ--ออกไป” หล่อนกล่าวเต็มไปด้วยจริตจะก้าน
แต่ชายหนุ่มเหมือนไม่สนใจคำหล่อน เขาเดินตรงเข้าไปจนประชิด พลางรั้งร่างอวบอัดนั้นไว้แนบอก ประทับจูบลงละเลงบนพวงแก้ม
เสียงหล่อนครางอู้อี้ และหัวเราะคิก
“เวทนี่เก่งมาก...ควยลุกเร็วจัง” พูดแล้วมองหัวถอกแดงเถือกอย่างพอใจ โดยมิได้สงสัยแต่น้อยว่าฝาแฝดคู่นี้สับตัวกัน
อีกครั้งหนึ่งปากของเขาประกบกับปากหญิงสาว หล่อนชำนาญเชิงจึงใช้ลิ้นแลบมาตวัดพันกับลิ้นชายหนุ่ม เป็นครู่ใหญ่จึงถอนออกเพราะสุดกระหาย
“เวทขา...อย่าขี้แยอีกนะคะ เมื่อกี้...สายังเคืองไม่หายเลย”
“พี่ขอรับรองจ๊ะ..สา...” หญิงสาวหน้าแดงระเรื่อมองดูชายหนุ่มอย่างพอใจในคำรับรอง
เมื่อรู้อารมณ์หล่อนถึงขั้นไหนแล้ว เวทก็ดุนร่างเปลือยของวิสาพิงขอบโอ่ง
“อุ๊ยอะไรนี่...ไม่อ๊าว...ไม่เอา..สาไม่ชอบพิงโอ่ง...มันเย็นตูด” ร้องออกมาพร้อมกับดีดดิ้นกายน้อย ๆ แต่ทว่ามิได้ผลักไสประการใด
ขณะนี้ตูดหล่อนกระทบขอบโอ่งแล้ว พร้อมกันร่างของเวทก็แทรกเข้าในหว่างสองขาหล่อน ทิ่มผิดทิ่มถูกจนวิสาสุดจะทนต่อไปได้ จึงเอื้อมมือมาจับลำยาวนั้นจ่อเข้าที่ปากแคม เวทดันเบา ๆ หัวถอกจึงผลุบเข้าไปบานในรูสวรรค์ร่วมครึ่ง
เมื่อโน้มตัวเข้าไปอีก ส่วนล่างของคนทั้งสองจึงแอ่นเข้าหากันสนิท ก้มตัวลงจูบที่ฐานนมและใช้ปากดูดเม็ดทับทิมข้างละพัก ก็จับขาวิสาทั้งสองข้างขึ้นไว้ที่เอว
วิสาสะดุ้งเล็กน้อย
“วุ๊ย...เวท เดี๋ยวล้มตกโอ่ง”
“กลัวล้มก็กอดคอให้แน่นซี...ไม่งั้นตกโอ่งไม่รู้เน้อ” พูดแล้วยิ้ม
หญิงสาวว่าง่ายดายอะไรเช่นนี้ เมื่อสาวกอดคอเขาไว้แน่น จึงใช้มือทั้งสองข้างช้อนตะโพกหนาไปด้วยก้อนเนื้อ
ครั้งแล้วเขาก็เดินเย็ดโดยใช้จังหวะการเดินเป็นแรงกระเด้า
“โอย...สาตายแล้ว...เวทนี่..เย็ดพิลึก” หล่อนร้องและนึก คงไม่มีใครอีกแล้วที่เย็ดพิเรนทร์อย่างเขาเอาหล่อนขณะนี้
“พอที...พอที...เวทขา...สาเมื่อยแขนค่ะ”
เขาจึงวางหล่อนลงยืนที่พื้น และชักลำควยออกจากรูหีทันที
“อุ๊ย เอาออกทำไม โธ่....”
เขาไม่ตอบ กลับผลักร่างงามนั้นข่มขืนให้โก้งโค้ง
“จะบ้าหรือไง” ว่าเขาออกไป แต่แล้วก็สยิวกายจนรูตูดรูแตดเต้นขมิบ
เมื่อเขาแทงท่อนเนื้อเฉี่ยวก้นครูดไถลจนเข้าไปในกลีบหี...หล่อนก็ครวญคราง
“โอย เย็ดเหมือนสุนัข...อูย...เวทขา..สาไม่เคยพบเคยเห็น...โอย...ซี๊ด...เวท-เวทชอบมากรึคะ?” ครวญครางกระท่อนกระแท่น แต่ยังไม่วายทะเล้นหน้าถาม
“ชอบซี สาจ๋า...พี่บอกตรง ๆ โก้งโค้งดีจริง ๆ”
“จริงซี...เวทขา มันบัดสีจะตาย” กล่าวพร้อมกับกระดกก้นงอน ซึ่งขณะนี้มันบานราวกระด้ง และกระเด้งส่ายยั่วตัณหาให้กำเริบร่าน
“อูยเวทขา...เวท-ข-ขา โอย...แรง ๆ”
เขาก็ตามใจที่หล่อนขอร้อง กระทุ้งเข้าไปเต็มที่
“ว๊าย...เวทขา โอย...ซี๊ด...น้ำรักสาแตกแล้ว โอย อร่อยเป็นบ้าเป็นบออะไรเช่นนี้”
ฤทธิ์ตัณหาเป็นเช่นนี้เองหรือโอ้...! พลังของมันแผ่คลุมไปทั่วโลก ทุก ๆ ชีวิตมนุษย์และสัตว์ต่างก็หนีมิพ้นคำว่า ‘เย็ด’ ไปได้สักราย
“สา”
“ขา”
“น้องขมิบมันรึ”
“อุ๊ย! เปล่า มันขมิบเองกระมังคะ” ตอบอย่างอาย ๆ
เวทยังคงคาควยแช่ไว้ในรูเสน่หา ด้วยวิสาขอร้องให้แช่มันไว้ เนื้อตัวหล่อนเกร็งกระตุกพลอยพาให้พลังเนื้ออ่อนในรูกลับเต้นขมิบดังเช่นเวทร้องถามตะกี้ เขาหมดเรี่ยวแรงเพราะวิสาดูดเอาน้ำกามแทบว่าจะหมดน้ำเลือดในร่างกาย ทั้งสองบ่มสวาทกันอย่างมีชีวิตชีวา หล่อนยอมสารภาพกับเขาอย่างหมดยางอายว่า “ชอบท่าโก้งโค้งมาก”
สามวันต่อมาก็ถึงโปรแกรมสองพี่น้องฝาแฝดพร้อมด้วยวิสากับนายพรานผู้นำทาง และลูกหลานอีกสามคนได้พากันล่องป่าลึกในวันรุ่งขึ้น ตามที่ได้กำหนดกันไว้
ความสำราญในป่าลึกทำให้วิสาสดชื่นถึงขนาดหล่อนได้ร่วมรสรักกับฝาแฝดซึ่งผลัดเปลี่ยนกันบำเรอสวาทอย่างเต็มอิ่ม
“สาจ๊ะ ไปซุ่มยิงไก่ป่ากับพี่ตามลำพังเถอะ” เอ่ยชวนหล่อนขณะที่กำลังอยู่ในเต็นท์ ตัดเล็บนิ้วให้เขา
“จะดีหรือคะ ไปตามลำพัง ปะเหมาะเคราะห์ร้ายไปเจอเจ้าลายพาดกลอนเข้าจะลำบาก”
“ปืนอยู่ในมือพี่ สายังกลัวอีกรึ” เขาพูดและหัวเราะในลำคอ
หล่อนไม่ตอบกับค้อนคมที่ใบหน้าเพราะรู้ทัน ยังจำเหตุการณ์เมื่อตอนบ่ายนี้ได้ดี ฮึ คนอะไร ชวนไปเก็บหน่อไม้ พอลับตาคนขอเย็ดเอาดื้อ ๆ แต่หล่อนก็โอนอ่อนผ่อนตามเขา มาเดี่ยวนี้เขาชวนไปยิงไก่ป่าอีกแล้ว เอาซี...เธอชอบ
“ไปก็ไป แต่อย่าให้ไกลนักนะคะ” เสียงหล่อนบอกเขา หวานหูพิกล
ในซุ้มไม้นั้น หญิงสาวนั่งพิงอกเขา “ผาสุกเหลือกเกิน เวทขา อยากจะอยู่เป็นคนป่ากับพี่จนตาย”
“จริง...จริงหรือ”
“ค่ะ” สิ้นคำของหล่อน จมูกเขาก็กลิ้งตามใบหน้าใบหู เรื่อยลงมาถึงซอกคอตีนผม
วิสาหลับตาพริ้ม สุขใจอย่างประหลาดท่ามกลางขุนเขาลำเนาไม้และชายเคียงข้าง
“เวทขา สานึกแปลกใจเหลือเกิน ทำไมเวทจึงเก่งกาจและกวนสาบ่อย ๆ เมื่อวานนี้ก็หลายหน”
ชายหนุ่มอึ้ง อึกอักในลำคอ
“โธ่ เมียพี่สวยไม่สร้าง เสน่ห์พริ้งพราวทั้งตัว จะให้อดใจได้หรือ และอีกประการหนึ่งบรรยากาศสิ่งแวดล้อมรอบข้างมันเป็นแรงกระตุ้นเตือนใจให้ฮึกเหิม
“อุ๊ย พูดแต่ปากซี มือจับเข้าไปทำไม เวทขา...รู้ไม๊คะ สาขาดประจำเดือนมาหลายวันแล้ว”
“งั้นรึ” เสียงเขาค่อนข้างดัง
หล่อนพยักหน้า
“ค่ะ น่ากลัวสา...ตั้งท้อง”
“แต่คนท้องอ่อน ๆ เขาว่ากำหนัดแรงจริงไหม สา” ถามพร้อมกับตวัดร่างหล่อนแนบแน่น
หล่อนทำหน้าย่น ปล่อยหัวเราะออกมา มันช่างยวนโลกีย์เสียจริงหนอ
“ใครบอกพี่ หือ” เคลียแก้มใกล้ใบหูเขา พร้อมกระซิบถามเสียงออเซาะว่า
“คนท้องชอบเย็ด ฮึ ใครบอก”
“ดวงตาน้องนะซีบอกพี่”
“วุ๊ย” หยิกปลายเล็บลงที่โคนขาชาย เลยทำให้เขาสะดุ้ง มือที่ล้วงคลำโคกสวรรค์นั้นหดกลับ พลอยพาให้เส้นหมอยที่ลูบเล่นติดตามมือออกมาโดยเขามิได้จงใจ
“อูย เวทนี่สัปดนเหลือเกิน ดูซิ ดึงขนสาทำไม”
เขาตีหน้าชอบกล ก็พอดีกวางป่าตัวหนึ่งเดินเข้ามา ดังนั้นเสียงปืนจึงดังขึ้นหนึ่งนัด ยังผลให้กวางเคราะห์ร้ายตัวนั้นดิ้นพราด
เลยเป็นอันว่าเขามิได้เอาหล่อนในซุ้มไม้ เพราะเสียงปืนทำให้พวกลูกหาบตะโกนกู่ก้อง
เย็นนั้น เนื้อกวางได้เป็นอาหารแกล้มเหล้าอันดีเลิศแก่ชาวคณะ ทั้งประวิทย์และประเวท ตลอดจนพวกลูกหาบต่างเมาแอ๋ตาม ๆ กัน วิสาก็มึนไปกับเขาด้วยเหมือนกัน เพราะโดนคะยั้นคะยอจากฝาแฝดทั้งคู่
เสียงซึงของชาวป่าดีดมาแต่ไกล พวกลูกหาบเมื่อเมาถึงขนาดก็ร้องรำทำเพลงไปตามประสีประสา
“ห้วยเจิ่งน้ำสองดำแหวกว่ายเก็บลั่นทม ร้อยมาลัยแทนฝากใจอ้ายเอย”
เสียงซึงดังทำนองนี้ทำให้วิสาอยากเล่นน้ำในลำห้วย จึงเอ่ยชวนขึ้น
“เวทขา สาอยากเล่นน้ำจัง” ฝาแฝดพี่น้องมองสบตากันเหมือนหนึ่งจะตกลงใจ
ดังนั้นฝาแฝดผู้น้องจึงลุกขึ้นยืนและยิ้มให้หล่อน
“ไปซี พี่ก็อยากอาบน้ำเหมือนกัน”
“รึคะ ใจเราตรงกัน” หล่อนกล่าวอ้อแอ้เหมือนลิ้นคับปาก ย่อมแสดงว่าเธอเมาไม่น้อย
น้ำในลำห้วยนั้นใสแจ๋วเย็นยะเยือก แต่ฤทธิ์เหล้าทำให้ทั้งสองมิรู้สึกสะท้านหนาวเย็น ยังคงดำแหวกว่ายอย่างสมใจ
“อุ๊ยเวทนี่บ้า...อี๊ย์” เสียงหญิงสาวว่าเขา แต่หัวเราะระริก
“จับตูดจับก้นสาทำไม”
“อ้า...อ้า” อยู่แค่นี้ก็พลันกระชากร่างวิสาเข้ามาในวงแขน จูบกระหน่ำทั่วใบหน้า หญิงสาวดีดดิ้นจนน้ำกระเพื่อม
“โอย...ตายแล้ว จะเย็ดสาละซี ไม่เอาเอ๊า มันในน้ำ อี๊ย์ ดูซิ เอาควยมาทิ่มตูดสา ว๊าย โธ่ ถอดโสร่งทำไม”
เมื่อปลุกปล้ำจนโสร่งหลุดจากกายหล่อนแล้ว เขาก็แก้ผ้าตัวเองล่อนจ้อนเช่นกัน ประคองหล่อนมาที่เนินหิน ซึ่งตำกว่าระดับน้ำในห้วยเล็กน้อย
เขาวางร่างหล่อนราบไปกับเนินกลางน้ำ จับควยแข็งโด่เพ่นพ่านไปตามท้องน้อยหว่างก้นย้อย และทิ่มลำลึงค์ดะไป ไม่ว่ารูไหนต่อรูไหน
วิสาหัวเราะก๊าก เปล่งเสียงออกมา
“นี่เวทจะเอาทางตูดหรือยังไง”
“เปล่าครับ แทงผิด”
“แกล้งสานะซี แอ่นจนอย่างนี้แล้วยังทะแทงพลาดอีกหรือ”
ได้ยินเสียงหล่อนร้องว่า เขาจึงทิ่มท่อนเอ็นลงไปกลางรอยผ่าทันที
กดลำเข้าไปโดยแรง จนปากแคมอมควยสนิทแทบเป็นเนื้อเดียว
“อูย” หล่อนอูยออกมาหลับตาพริ้มอย่างเป็นสุข เขาถอนควยแล้วดันเข้าไป มันผลุบเข้าผลุบออกเป็นจ้าละหวั่น
น้ำในห้วยมันได้ระดับกับตูดหล่อนพอดี ก็เพิ่มปั่นป่วนตามกำลังโยกแห่งร่างกาย
น้ำกระฉอกจะไหลเข้าในรูโยนี ชายหนุ่มก็ไม่ยอม กระแทกลึงค์เข้าไป มันจึงไหลออกมาทุกคราวที่เขากระแทก
เสียงบุ๋ม ๆ บล็อก ๆ ตลอดเวลา ฟองน้ำลอยขึ้นมาแล้วก็แตกเป็นฝอยน่าดูนัก
ในที่สุด เกมสังวาสก็ถึงจุดสุดยอด “โอย...ทำไมถึงเสียวอย่างนี้ เวทขา มันเหลือเกิน อูย...กระเด้าหนัก ๆ อีกหน่อย”
เวทก็เมามันถึงขนาด เพราะเขากระแทกกระทั้นอย่างไม่ปรานีปราศรัย มันช่างถึงอกถึงใจอะไรเช่นนี้
“เวทขา...สาทนไม่ไหวแล้ว โอย...เวท...เวท น้ำเย็ดสาออกแล้ว อูย...”
เช่นกันกับชายหนุ่ม เขาฉีดน้ำอุ่น ๆ เข้าไปในปากมดลูกหญิงสาวแทบหมดไส้หมดพุง
เมื่อน้ำกามไหลออกมาพร้อม ๆ กัน มันก็ปนเคล้ากับสายน้ำเป็นสายยาว ๆ เหมือนวุ้นขาวลอยอยู่เหนือธารา
ทั้งสองนอนประกอบแช่อยู่ในน้ำ โดยมีเนินหินรองรับอยู่เป็นเวลานานจึงกลับ
อากาศในตอนดึกยิ่งทวีความเย็นเยือกรอบ ๆ บริเวณกระโจมของคณะล่องไพร พวกลูกหาบต่างเปลี่ยนเวรอยู่ยามสุมเพลิงมิได้ขาดระยะ ดวงจันทร์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ทั่วทั้งราวป่ามีแต่ความวิเวกวังเวง นาน ๆ ครั้งจึงได้ยินเสียงหมาไนหอนโหยมากับสายลมหนาว
วิสาขี้ร้อน หล่อนนอนเปลือยกายล่อนจ้อนหันหน้าเข้าหากันอยู่ในอ้อมกอดของฝาแฝดผู้พี่ หล่อนหลับสนิท เสียงกรนฟี้ ๆ เบา ๆ ดังอยู่ตลอดเวลา
ประเวทผู้น้องนอนหลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่อีกมุมหนึ่ง ความหนาวเหน็บทำให้ไม่สามารถที่จะข่มตาหลับลงได้ จึงพยุงกายลุกขึ้นเดินมาหยิบตราขาว เทมันลงไปในแก้วจนเต็ม ยกดื่มกระดกจนเกลี้ยง เขานั่งสะลึมสะลือ อัดบุหรี่เข้าปอดอย่างแรงอยู่บนลังใบใหญ่ชั่วครู่ ฤทธิ์เหล้าทำให้เม็ดเลือดวิ่งพล่าน แต่มันก็ไม่ทำให้คลายหนาวได้เลย แต่เมื่อเขาเหลือบสายตาไปเห็นวิสานอนกอดกันกลมดิกดังจะเย้ยลมหนาว โดยซ่อนร่างไว้ในผ้าห่มผืนใหญ่เช่นนั้น มันน่าอิจฉาพี่วิทย์เสียจริง
“เมาเหล้าก็พอจะทนหรอกหนา แต่เมาเสน่หานี่ซิ มันสุดจะทน”
เขาคิดอย่างนี้ จึงค่อย ๆ ย่องเข้าไปเปิดโปง แทรกตัวราบเคียงข้างทันที แม้จะเป็นด้านหลังของหญิงสาวก็ยังได้กลิ่นไอตัวพาให้อบอุ่นอย่างวิเศษสุด
วิสาเป็นคนนอนดิ้น เมื่อพลิกซ้ายก็ผวากอดก่ายฝาแฝดผู้น้อง
พลิกซ้ายย้ายขวานิทราอยู่ในภวังค์อันแสนหวานจวบจนกระทั่งใกล้รุ่ง จึงเคลิ้มฝันไปว่า
หล่อนเดินคนเดียวเที่ยวเก็บดอกไม้ในป่ามาแซมผม และแล้วในฝันหล่อนรู้สึกปวดปัสสาวะ จึงเข้าไปในซุ้มไม้ใบหนา หันหน้าหันหลังเมื่อแน่ใจว่าปลอดสายตามนุษย์ที่จะเห็นตูดเธอขณะเยี่ยว จึงถลกกระโปรงนั่งฉี่ออกมาดังซ่า เสียงเหมือนท่อแป๊บน้ำแตก
แต่อนิจจา ในฝันหล่อนฝันเช่นไร ในชีวิตจริงก็เป็นเช่นนั้น
จึงค่อย ๆ เปิดเปลือกตาทั้งสองข้างขึ้น
แล้วหล่อนก็สะดุ้งสุดตัว เปล่งเสียงหลงออกมา
“อุ๊ย อะไรกันนี่” หล่อนฉงนใจที่เห็นฝาแฝดทั้งคู่นอนเคียงข้างทั้งซ้ายขวา
เมื่อรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว จึงรัวกำปั้นลงบนแผ่นอกคนทั้งสองเป็นพัลวัน เพราะมิรู้ว่าแฝดคนไหนเป็นผัวกันแน่
“ตื่น...ตื่น” ปลุกเขาเสียงลั่น ทั้งสองรู้สึกตัวก็ลืมตาโพลง และเมื่อสบตากันแล้วก็ตีหน้าชอบกล
“เวท แก...แก...” เสียงแฝดผู้พี่ตะกุกตะกัก
“ครับ ผมเองพี่วิทย์ ผมทนหนาวไม่ได้ จึงต้องขอบารมีไออุ่นจากวิสา”
“เอ๊ะ ... ใครวิทย์...ใครเวท” หล่อนขมวดหัวคิ้วเข้าหากันอย่างงุนงง และใช้ความสังเกตอย่างถี่ถ้วน
“อ๋อ นี่เวทใช่แล้ว เพราะสาจำเล็บที่ตัดให้เมื่อวานนี้ได้” พูดพร้อมกับหันมาตีหน้ายักษ์กับแฝดผู้น้องที่เล็บยาว
“เธอไม่น่าทำอย่างนี้เลยนะ พี่เสียใจมาก”
เมื่อเห็นพิธีแตก ประวิทย์ผู้ชิงสวาทจากประเวทก็สารภาพความจริงที่เป็นมาทั้งหมดให้หล่อนทราบ
วิสายกมือทาบอกเมื่อรู้ความจริง หลุดคำออกมาได้เพียงคำเดียว
“โธ่...” แล้วยกมือปิดหน้าร้องไห้กระซิก ๆ
“อย่าร้องเลยสาจ๋า” ประเวทใช้มือลูบหลังปลอบหล่อน
“ไหน ๆ มันก็ผ่านมาถึงเพียงนี้แล้ว สาจ๋า อย่าได้รังเกียจเลย พี่และพี่วิทย์จะมอบความเป็นผัวให้กับน้องเสมอต้นเสมอปลาย”
“สากลัวค่ะ” สะอื้นคำออกมาพร้อมกับพูดต่อ
“สาเป็นหญิง จะให้มีผัวน้อย-ผัวหลวง สากระดากใจเหลือเกิน”
วิทย์กับเวทไม่ถือ เขานั่งอมยิ้มที่หล่อนคลายวิตก แฝดผู้พี่จึงเอ่ยขึ้นบ้าง
“ผู้ชายยังมีน้อยมีหลวงได้นี่นา สาย่อมเคยรู้เคยเห็นมาแล้ว”
“แต่นี่สาเป็นหญิงนะ” หล่อนขัดขึ้น
“จริงนะซี พี่ถึงเอาทำเมีย”
“อุ๊ย บ้า..” หันมาหยิกเวททันที
เมื่อตกลงได้แล้ว วิทย์และเวทก็ยกขบวนกลับ
เวลาได้ผ่านมาอีกหลายวัน เขาทั้งสองได้ผลัดเปลี่ยนให้ความเป็นผัวหล่อนอย่างพิสดาร บางคืนถึงนอนร่วมเตียงเดียวกันทั้งหมด
วิสาตื่นเต้นเสียเหลือเกินที่ได้ร่วมรสรักอันแปลกพิลึก จนเดี๋ยวนี้แทบว่าคืนหนึ่ง ถ้าเย็ดหล่อนไม่ถึงสี่ห้าเกมเป็นต้องปลุกให้พี่น้องคู่นี้ตื่นขึ้นมาเอา ม่ายงั้นหล่อนนอนไม่หลับ
บ่ายวันนี้ประเวทขับรถเข้าไปซื้อของในเมืองตามลำพัง คงปล่อยให้พี่วิทย์อยู่กับวิสาสองต่อสอง และขณะนี้เขาก็กำลังร่วมประเวณีกันพอเหมาะพอเจาะ
“วิทย์ไม่เบื่อสาบ้างหรือคะ วิทย์ขา...เย็ดกับสาทุกวันคืนอย่างนี้” หล่อนกล่างพลางดีดเด้งตัวไปมาให้เข้าจังหวะกระแทกกระทั้น
“ไม่มีเบื่อหรอก กลัวสานะซี จะเบื่อ”
“ม่ายเบื่อค่ะ สาชอบเย็ดกับพี่” หล่อนลากหางเสียง
“งั้นเรอะ”
“ฮื่อ” พยักหน้ายิ้มรับคำ แววตาเยิ้มบ่งบอกถึงความลึกซึ้งภายในว่าหล่อนเป็นคนขี้เย็ดไม่น้อย
“สาชอบค่อยหรือแรง?”
“ชอบค่อย ๆ ก่อนค่ะ แล้วถึงแรงทีหลัง..อย่างนี้ อูย..วิทย์ขา...เย็ดแรง ๆ ได้แล้ว”
วิทย์ก็กระแทกเต็มแรงเป็นการตามใจหล่อน
“อูย...วิทย์ขา..โอย...”
“โอยอะไรรึ สา”
“มันเสียวขึ้นหัวใจนะซี...โอย..กลั้นไม่ไหวแล้ว...น้ำ...น้ำ...”
“จะออกหรือ” ชิงถามหล่อน
“อูย...ค่ะ”
“งั้นพร้อมกับพี่”
แล้วทั้งคู่ก็กบดานกันแน่นิ่งแนบสนิท มันเป็นสัญลักษณ์ขัดกับคำที่ว่า
เล่นกับไฟ ไฟเลียให้เสียโฉม
เล่นกับชาย ชายโลมให้โฉมเสีย
ประการแรกจริง แต่ขอค้านประการหลัง
เพราะวิสา หล่อนเล่นกับชาย หล่อนกลับเลอโฉม ยิ่งโดนเล้าโลมมากเท่าใด ผิวพรรณยิ่งผ่องใสมากเท่านั้น
ทุกวันคืนหล่อนมีความสุขที่สุดกับผัวทั้งสอง
ครั้งหนึ่งที่ต้องจากหล่อนไปกรุงเทพฯ เพื่อธุรกิจที่มีอยู่นั้น
หล่อนก็ว้าเหว่...คิดถึงผัวน้อย...
และยามที่ผัวน้อยกลับมา...บังเอิญให้ผัวหลวงต้องมีอันจากไป...
หล่อนก็คิดถึงผัวหลวง...ดังนั้นเรื่องของเรื่องจึงอวสานลงแต่เพียงนี้...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น