วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

เสน่ห์ชาย

 
 

แม้รำภา จะคลอดลูกใหม่ ๆ เพียงเดือนเดียว แต่ก็อดใจไว้ไม่ได้ เมื่อชลิตชู้รักโลมเล้าจูบกอดอย่างหนักหน่วง แน่ละ...การเป็นชู้กันเช่นนี้ หล่อนมีโอกาสจะกระทำได้ก็เมื่อลับหลังผัว และผัวลงบันไดเรือนไปแล้วนั่นเอง
ชลิตนัยน์ตาลุกวาว เมื่อเขาเลื่อนตลบผ้านุ่งของรำภาขึ้นมองเห็นเนินโยนีอันโคกขาว ก็เผยโฉมออกมาเย้ายั่วสายตา ขนหมอยที่นางพยาบาลโกนทิ้งเพิ่งจะเริ่มขึ้นหรอมแหรม แคมแดงเผยออ้านิด ๆ เหมือนเป็นการท้าทายอยู่ในตัว เขาสุดที่จะทนดูต่อไปได้ เพราะท่อนลึงค์อันยาวใหญ่ของเขาขณะนี้ มันพองตัวแข็งโด่จนแทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ชลิตรีบโยงโย่คร่อมในท่ากบดานทันที มือซ้ายท้าวที่นอนยันตัวไว้ มือขวาจับลึงค์ถอกถูไถขึ้นลงตามร่องแคม และปลายติ่งเนื้องอกอย่างชำนิชำนาญ พอน้ำเมือกโยนีเกลือกกลั้วหน้าประทานดีแล้ว จึงจับจ่อเข้าตรงปากรูและรีบดันกระเด้าค่อยๆ รูโยนีของรำภาก็ค่อย ๆ อ้าออกรับ อมหัวบักเข้าไปได้แค่เงี่ยงหยัก แต่แล้ว ..หล่อนก็ต้องร้องครวญครางออกมาเบาๆ
“คุณชลิต.... อูย...ตายแล้ว รำภาเจ็บค่ะ อูย. .อี้ย์. ..เบาๆ หน่อยค่ะ... คุณชลิต....”
เสียงร้องของยอดชู้คู่สวาท ทำให้ชลิตหยุดยั้งการดันลึงค์ไว้แค่นั้นชั่วครู่ แล้วค่อยๆ ส่ายเอวให้ปลายลึงค์แซะแคมโยนีอ้าออกทางซ้ายบ้างขวาบ้างสลับกัน รำภารู้สึกค่อยยังชั่วขึ้นบ้าง เพียงแค่แสบรูนิด ๆ พร้อมกับความเงี่ยนของหล่อนก็กระพือโหมอย่างรุนแรง
พักใหญ่ ชลิตก็ค่อย ๆ ดันต่อ คราวนี้น้ำเงี่ยนของรำภาเปียกหัวถอกชุ่มโชก รูโยนีก็ค่อย ๆ ขยายตัวออกมาขึ้น ลำลึงค์อันแข็งเกร็่งจึงค่อย ๆ เคลื่อนไหวเข้าไปทีละน้อย รำภารู้สึกแสบ ๆ เท่านั้น เพราะเมื่อลำลึงค์แทงลึกเข้าไป ความเสียวซ่านและคันยุบยิบก็มีมากขึ้น หนักเข้าก็ถึงกับเอามือโอบกอดคอเขาให้ดันลึกเข้าไปอีก จะได้หมดลำยาวเสียโดยเร็ว
ในที่สุด ลำลึงค์ของเขาก็ถูกรูโยนีกลืนหายเข้าไปจนสุดด้าม หนอกอันรกรุงรังไปด้วยขนธรรมชาติของเขาแนบสนิทกับเนินโคกโยนีอันโหนกนูน ทั้งรำภาและชลิตต่างถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาพร้อม ๆ กัน
เมื่อลำลึงค์จมมิดหายเข้าไปในรูโยนีจนหมดสิ้นแล้ว ชลิตก็แนบร่างทับทาบอยู่บนอกของรำภาแล้วต่างฝ่ายต่างก็ผลัดกันจูบแก้ม ลำลึงค์ซึ่งจมคาอยู่ในรูโยนี ก็ทำอาการดิ้นกระดุบ ๆ อยู่ไม่ขาดระยะ ทำให้รำภาเสียวกระสันจนทนไม่ไหว หล่อนค่อย ๆ ขมิบรูโยนี ตอดลึงค์ชู้รักดุบ ๆ เช่นเดียวกันพร้อม ๆ กับค่อย ๆ ยักย้ายส่ายสะโพกให้ปลายลึงค์ควานไปรอบ ๆ ปากมดลูก ปากก็สูดซี้ดซ้าดด้วยความเอร็ดอร่อย
การว่างเว้นไม่ได้ร่วมประเวณีกันมาสามเดือน ทำให้การสังวาสในครั้งนี้มีรสชาติพอ ๆ กับที่เพิ่งเคยเอากันเป็นหนแรกทีเดียว ฝ่ายชู้รักเห็นยอดหญิงรำภาแสดงลวดลายเช่นนั้น ก็ไม่รอให้เสียเวลาเช่นเดียวกัน เขาเริ่มยกเอวขึ้นถอนลำลึงค์ออกจากรูโยนีแล้วกระเด้าสวนเข้าไปช้า ๆ ก่อน แต่บางครั้งเขาก็ลืมตัวกระเด้าเอาหนัก ๆ เหมือนกัน ทำเอาหญิงสาวสะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บ แต่แล้วพอได้สติเขาก็กระเด้าเบา ๆ อย่างนุ่มนวล ความคับ...ความอร่อยก็เกิดขึ้นแทนที่แทบจะไม่รู้สึกเจ็บปวดก็ว่าได้ ดังนั้นการเด้งก้นส่ายโยนีร่อนรับลึงค์ของรำภาจึงค่อย ๆ เพิ่มความแรงและเร็วขึ้นทุกขณะ ข้างชู้รักก็เกิดคึกจัดห้ามใจไม่อยู่ดันกระแทกอย่างเต็มที่ ถึงตอนนี้ต่างฝ่ายก็หูอื้อนัยน์ตาลายไปด้วยกัน ความเสียวซ่าน...ความอร่อยแสบ ๆ คัน ๆ ในรูโยนี ที่ลึงค์แทงผลุบเข้าผลุบออก รำภากัดฟันกรอด ๆ
“รำภาจ๋า หายเจ็บหรือยัง...ยอดรัก....” ชลิตพึมพำขึ้นด้วยเสียงสั่นพร่า “ผมทนไม่ไหวแล้ว ขอกระเด้าแรง ๆ หน่อยได้ไหม”
“อูย ซี้ด....ไหว...ไหวค่ะ...คุณชลิต แต่คุณอย่าชักให้ยาว ๆ นักนะคะ กดหนัก ๆ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...อูย...ซี้ด...”
ได้รับฟังคำพูดจากยอดหญิงเช่นนี้ ชลิตจึงค่อย ๆ ดึงท่อนลึงค์อันแข็งโด่ออกมาแล้วกระแทกเข้าไปแต่เพียงเบา ๆ กดหนอกให้แนบสนิทแล้วกระเด้าหนัก ๆ ทั้งสองกอดรัดกันแน่น รู้สึกหัวใจชุ่มฉ่ำไม่มีอะไรเปรียบปาน พร้อมกันนั้นก็ครุ่นคิดอยู่ในใจว่า ถ้ารอให้ถึงสามเดือนจึงค่อยเอากันตามคำพูดของเพื่อนรักที่เชียงรายละก็ เท่ากับยืดวันขึ้นสวรรค์ออกไปอีก ทำให้เสียเวลาเปล่า ๆ และเมื่อความเสียวซ่านสุดหัวใจ หญิงสาวถึงกับสูดปากคราง
“อูย...ซี้ด...คุณชลิตขา เอาแรง ๆ ชักยาว ๆ ก็ได้ค่ะ...เสียวจังเลย อูย ซี้ด กดหนัก ๆ ก็ได้ค่ะ...”
หล่อนละล่ำละลักออกมาอย่างลืมความเจ็บแสบ พร้อมกับน้ำเงี่ยนแตกทะลักออกมาโชกลำลึงค์ ฝ่ายชลิตก็เช่นกัน...ขณะที่ชู้สวาทน้ำออก รูโยนีก็บีบขมิบดูดตอดลึงค์สุดแรง
ชลิตสุดแสนที่จะทนทานต่อไปได้ น้ำอสุจิกำลังจะพุ่ง เลยชักลึงค์ออกยาว ๆ กระแทกถี่ยิบ
“โอย...ชลิตขา...ตายแล้ว...อูย ซี้ด....อร่อยจัง กอดรำภาแน่น ๆ หน่อยซิคะ จะแย่อยู่แล้ว...ซี้ด...”
ชลิตเร่งกระเด้าพั่บ ๆ จนหัวสั่นหัวคลอน น้ำเงี่ยนพุ่งฉูดออกมาเป็นลิ่ม ๆ ไหลทะลักเข้าไปในมดลูก แล้วย้อนกลับออกมากระจายเปรอะเลอะเทอะไปทั้งสองหว่างขา ขนธรรมชาติกระจุกใหญ่ของเขาเปียกโชกแฉะพันกัน จากนั้น...สองชู้คู่สมก็กอดประกอบกันแน่นแบบสนิท อิ่มเอิบไปด้วยกันทั้งคู่
ครู่ใหญ่ ๆ ชลิตจึงโยงโย่ตัวขึ้น ชักลึงค์ออกจากรูโยนีเสียงดังจ๊วบ น้ำรักที่ยังคั่งค้างอยู่ไหลทะลักตามออกมาอย่างนองเนือง
ลึงค์หลุดจากโยนีแล้ว เขาก็เอื้อมมือไปหยิบผ้านุ่งของรำภามาเช็ดโยนีให้หญิงสาวและหอกยักษ์ที่เปียกน้ำมะล่อกมะแล่กของตัวเองจนแห้งสนิท แล้วก็ล้มตัวลงนอนกอดก่ายกันอีก
ความเงี่ยนหายไปแล้ว รำภารู้สึกแสบรูโยนีและปากมดลูกน้อย ๆ แต่เมื่อนึกถึงความอร่อยขณะกำลังสังวาสกันแล้ว หล่อนก็นิ่งเงียบ...ไม่ปริปากให้ชู้รักรู้เพราะจะเป็นเรื่องกังวลใจ ทั้งสองนอนคุยและออดอ้อนรำพันอะไรกับอะไรกันฟังไม่ได้ศัพท์
จากการที่ได้แอบเห็นภาพอย่างโจ่งแจ้งอีกครั้งเช่นนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าดิฉันจะมีความรู้สึกอย่างไร....
ดิฉันยอมรับสารภาพอย่างหมดอายว่าขณะนี้ที่หว่างขาของดิฉัน เหนียวเหนอะหนะไปด้วยน้ำสวาทที่ไหลออกมา
ถูกแล้วค่ะ...ดิฉันไม่ปฏิเสธความจริงหรอกว่า จากการที่ได้เห็นเช่นนี้ดิฉันจะเกิดความกำหนัดงุ่นง่านใจสักเพียงใด ถ้าดิฉันไม่เคยผ่านโลกีย์วิสัยมาก่อน เช่นเมื่อครั้งดิฉันยังเป็นสาวพรหมจรรย์อยู่ก็คงจะไม่มีความรู้สึกรุนแรงอะไรนัก
แต่นี่...พี่เลิศแกมาสอนให้ดิฉันได้รู้รสรู้ชาติรู้พิษสงของมันว่า...ฉกาจฉกรรจ์เพียงใด ในขณะร่วมสังวาสกัน อุปมา ถ้าจะเปรียบดิฉันเหมือนเด็ก ๆ ที่ไม่เคยอมไอศกรีมมาก่อน เมื่อมาได้ดูดได้อมเข้าก็ย่อมจะติดอกติดใจ อยากจะดูดอยากจะอมใหม่เป็นธรรมดา
ทุกคืนวันกว่าดิฉันจะนอนหลับได้ ก็เต็มไปด้วยความกระสับกระส่ายกระวนกระวายใจเป็นสุดประมาณ ดิฉันไม่อาจทราบได้ว่าคุณชลิตกลับไปเมื่อไหร่ แต่ก็เชื่อว่าเขาคงจะกลับดึกทีเดียว และก็ไม่มีปัญหาหรอกว่าก่อนที่เขาจะกลับไป เขาจะไม่สังวาสพี่รำภาอีกหนหรือสองหนเป็นอย่างน้อย

วันเวลา...ที่พี่เลิศจะกลับไปประจำที่แนวรบ ณ. สมรภูมิเกาหลีใกล้เข้ามา...ใกล้เข้ามา
และในที่สุดวันอันสำคัญก็เวียนผ่านมาถึงในชีวิตของดิฉันอีกครั้งหนึ่ง
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่พี่เลิศมีโอกาสจะได้อยู่กรุงเทพฯ ได้พบหน้าเจอะเจอกัน เพราะว่าในวันรุ่งขึ้น...ตอนเช้ามืด พี่เลิศจะต้องออกเดินทางแต่เช้ามืดเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ให้ประเทศชาติ ณ.สมรภูมิเกาหลี....
ในตอนเช้าวันนี้เอง...ขณะที่พี่รำภาเข้าห้องน้ำ พี่เลิศก็เลี่ยงมาพบดิฉัน และบอกดิฉันด้วยใบหน้าเศร้า ๆ ว่า
“รำพึง...พรุ่งนี้แล้วที่พี่จะต้องจากรำพึงไป พี่คงจะคิดถึงรำพึงตลอดเวลาที่พี่อยู่เกาหลี”
คำพูดของพี่เลิศทำให้ดิฉันอดสะท้อนใจเสียไม่ได้ พลอยใจคอไม่ดีไปด้วย ดิฉันสนองตอบคำพูดของเขาไปด้วยความรู้สึกจริงใจว่า
“ไม่เฉพาะพี่เลิศคนเดียวเท่านั้น แต่รำพึงก็คงจะคิดถึงพี่เลิศไม่น้อยเหมือนกัน”
ดิฉันมองเห็นแกถอนใจเฮือก แกยืนนิ่งเหมือนกับครุ่นคิดอะไรอยู่ครู่ใหญ่ ๆ ก็กระซิบบอกดิฉันเบา ๆ
“รำพึง...ไหน ๆ พรุ่งนี้พี่ก็จะต้องจากเธอไปแล้ว และก็ยังไม่รู้แน่ว่าจะมีโอกาสได้กลับมาพบกับรำพึงอีกหรือเปล่า”
“อย่าพูดอย่างนั้นซิคะ...พี่เลิศ” ดิฉันรีบร้องขัดขึ้นด้วยเสียงสั่น ๆ “ยังไงเสียพี่เลิศก็คงจะต้องกลับมาพบกับรำพึงอีก”
พี่เลิศยิ้ม แต่ดิฉันรู้สึกว่ามันเป็นการฝืนยิ้ม...ฝืนยิ้มทั้ง ๆ ที่ใบหน้าของแกหม่นหมอง แกบอกดิฉันด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า
“โชคชะตาของมนุษย์...ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันที่แน่นอนหรอกรำพึง วันนี้เรามีชีวิตอยู่ แต่พรุ่งนี้...”
“โธ่...พี่เลิศ...ทำไมชอบพูดอย่างนี้นะคะ”
ดิฉันร้องขัดแกอีกด้วยเสียงสั่นเครือ รู้สึกสงสารแกจับใจ
“รำพึงจ๋า...” เสียงของแกออดอ้อนขึ้นมาอีก “ไหน ๆ พรุ่งนี้พี่ก็จะจากรำพึงไปแล้ว...วันนี้พี่จึงอยากจะพบ และพูดคุยกับรำพึงตามลำพังสักสองสามชั่วโมง รำพึงจะรังเกียจพี่ไหม”
“ไม่รังเกียจหรอกค่ะ แต่ว่า...” ดิฉันรีบบอกให้เขาลงไป “ถ้าเราคุยกันนาน ๆ พี่รำภาเขาอาจจะสงสัยได้ว่าเรามีอะไรกันนะคะ”
พี่เลิศแกโคลงศีรษะช้า ๆ ฝืนยิ้มออกมานิดหนึ่งก่อนที่แกจะกระซิบบอกดิฉันว่า
“พี่ไม่ได้หมายความว่า...เราคุยกันที่บ้านนี้หรอกนะรำพึง แต่เราจะไปหาที่เงียบ ๆ คุยกันตามลำพัง”
ดิฉันใจเต้นระรัวขึ้นมาทันที เมื่อได้รับฟังคำพูดของพี่เลิศอย่างนี้ ถามออกไปด้วยเสียงสั่น ๆ เพราะบังคับใจไว้ไม่อยู่
“จะพารำพึงไปที่ไหนคะ?”
“พี่ได้จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ว่าแต่ว่าจะรังเกียจพี่หรือเปล่าเท่านั้น”
“ที่ไหนคะ?” ดิฉันถามอีก
“ที่บ้านเพื่อนของพี่เอง ขออนุญาตเขาไว้เรียบร้อยแล้ว พี่คิดว่าอย่างไรเสีย รำพึงคงจะไม่ปฏิเสธในการที่เราจะมีโอกาสได้พบและคุยกันเป็นครั้งสุดท้ายในวันนี้ใช่ไหม?”
ใบหน้าของดิฉันซ่านด้วยสายเลือดขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำพูดจากเขาเช่นนี้
แน่ละ...ความหมายมันก็บอกอยู่โทนโท่ว่า การที่เขานัดดิฉันไปคุยกันตามลำพังในวันนี้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะเดินทางไปเกาหลีน่ะ เขามีนอกจากว่า...เขาต้องการจะร่วมสวาทกับดิฉันเป็นการสั่งลานั่นเอง เมื่อนึกเช่นนี้...เลือดสาวในตัวดิฉันก็สร้านไปหมด หัวใจของดิฉันเต้นแรงมากขึ้นเมื่อได้ประสานสายตากับเขา ดวงตาอันแวววาวของเขาบอกความหมายชัดแจ้งว่าเขามีความประสงค์อะไร เสียงร่ำวอนของเขากังวานแว่วขึ้นอีก
“นะจ๊ะ รำพึง รำพึงคงจะไม่ปฏิเสธคำขอร้องของพี่ครั้งนี้”
ดิฉันยืนนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ ใจจริงนั้นไม่อาจโกหกตัวเองได้หรอกค่ะว่า จะไม่ปลาบปลื้มยินดีต่อคำขอร้องวิงวอนของเขาเช่นนี้ แต่ความเป็นหญิงก็ต้องสงวนศักดิ์ศรีไว้เป็นธรรมดา ดิฉันจึงแสร้งเบี่ยงบ่ายบอกเขาว่า
“จะไปพบกับพี่ได้อย่างไรล่ะคะ พี่รำภาเขาจะไม่สงสัยหรือ?”
“รำภาจะไปรู้ได้ยังไงกัน” เขารีบแนะนำขึ้นทันที “รำพึงก็บอกเขาซิว่าจะไปเยี่ยมเยียนเพื่อนที่มาจากเชียงรายเมื่อเร็ว ๆ นี้ เผอิญไปพบกันที่ร้านขายของ แล้วเขาชวนให้ไปเที่ยวบ้านเขา เราให้คำรับรองกับเขาว่าจะไป เราก็ต้องไปตามคำพูด”
พี่เลิศแนะนำการโกหกพี่รำภาให้ดิฉันฟังอย่างคล่องแคล่ว ซึ่งดิฉันก็เห็นว่าเป็นเหตุผลที่แนบเนียนดีไม่หยอก แต่ดิฉันก็แสร้งทำเป็นสงวนท่าทีไว้ ไม่เออออห่อหมกด้วยง่าย ๆ ปล่อยให้เขาอ้อนวอนด้วยเสียงกระเส่าเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว ดิฉันจึงได้ถามเขาว่า
“พี่เลิศจะให้รำพึงไปพบตอนกี่โมงคะ”
“ไปตอนสี่โมงเช้านี่แหละเหมาะ พี่จะแว่บออกจากกรมมาพบรำพึง และจะกลับไปทำงานตอนบ่าย”
“พี่จะคอยพบรำพึงที่ไหนคะ?” ดิฉันถามต่อไปทั้ง ๆ ที่ใบหน้าแดงเรื่ออยู่ตลอดเวลา
“พี่จะคอยพบรำพึงที่หน้าตลาดบ้านใหม่ ตกลงนะจ๊ะคนดีของพี่” เขาบอกด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
ดิฉันแสร้งทำเป็นลังเลใจ แต่ในที่สุดก็จำต้องรับคำเขา
เขาแสดงความดีอกดีใจมาก เมื่อได้ตกปากคำดิฉันเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้ว เขาก็จากไปทำงานที่กรมทหาร
พอเขาจากไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมงเศษ ๆ ดิฉันก็รีบแต่งตัว ดิฉันแต่งตัวเรียบ ๆ เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยแก่พี่รำภา เมื่อแต่งตัวเสร็จ ก็ไปขออนุญาตพี่รำภาตามคำแนะนำของเขา พี่รำภาเชื่อสนิทว่าดิฉันจะไปพบเพื่อนก็อนุญาต
และยังมีแก่ใจบอกว่า “ดีแล้วละรำพึง นาน ๆ จะได้พบเพื่อนพบฝูงเสียที อยู่คุยกับเขานาน ๆ ก็ได้ ไม่ต้องรีบร้อนกลับหรอก”
ดิฉันลิงโลดใจนัก เมื่อได้รับคำอนุญาตจากพี่สาวเช่นนี้ รีบออกจากบ้านทันที
เมื่อถึงตลาดบ้านใหม่เป็นเวลาสี่โมงเช้าพอดี พี่เลิศยืนยิ้มแฉ่งคอยต้อนรับดิฉันอยู่หน้าตลาดตามคำนัดหมายตรงตามกำหนดเวลา เขาตรงมาพูดจากับดิฉันสองสามคำก็กวักมือเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่ถนนตก
ระหว่างที่นั่งมาในรถ เราไม่ได้พูดคุยอะไรกัน จากตลาดบ้านใหม่ไปถนนตก รถวิ่งเพียงสิบนาทีก็ถึง พี่เลิศบอกให้รถเลี้ยวเข้าไปในซอยเปลี่ยว ๆ ซอยหนึ่ง เข้าไปสักครึ่งซอยเขาก็ให้จอดรถและจ่ายค่าโดยสาร
เมื่อคนขับถอยรถออกไปจากซอยแล้ว เขาก็พาดิฉันตรงไปที่บ้านหลังเล็ก ๆ หลังหนึ่งซึ่งปลูกโดดเดี่ยวอยู่ริมซอย
คล้ายพี่เลิศและเจ้าของบ้านหลังนี้จะนัดแนะกันไว้เป็นอย่างดีแล้ว เพราะปรากฏว่าภายในบ้านไม่มีคนอยู่เลย หน้าบ้านใส่กุญแจ ส่วนลูกกุญแจเขาก็มอบหมายไว้ให้พี่เลิศอย่างเรียบร้อย
เขาไขกุญแจพาดิฉันเข้าไปในบ้านอันเงียบเชียบหลังนี้ พอเข้าไปในบ้านก็รู้ได้ทันที่ว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านชายโสดที่อยู่กันตามลำพัง มีเครื่องประดับบ้านแต่พองาม สิ่งที่ติดไว้เกลื่อนบ้านก็คือรูปทหารในเครื่องแบบ มียศตั้งแต่นายพัน นายร้อย จนกระทั่งถึงนายสิบ ติดไว้ตามฝาผนังห้องเต็มไปหมด รูปพี่เลิศก็มีติดอยู่ด้วย
ดิฉันก็พอจะเข้าใจได้ว่า เจ้าของบ้านหลังนี้ก็คือเพื่อนทหารที่ประจำอยู่กรมเดียวกับพี่เลิศนั่นเอง และอย่างน้อยจะต้องเป็นเพื่อนรักที่สนิทสนมกับพี่เลิศมากทีเดียว จึงได้มอบหมายกุญแจบ้านให้พี่เลิศได้ใช้อย่างเสรี ดิฉันคิดอยู่ในใจว่า พวกทหารนี่เขาช่างช่วยกันจริงสำหรับเรื่องอย่างนี้
ดิฉันว้าวุ่นหัวใจเต้นระรัวอยู่ในอก เลือดในกายฉีดแรงไปทั่วเรือนร่าง เมื่อพี่เลิศพาดิฉันเข้ามาในห้องอันมิดชิดห้องหนึ่ง
ห้องดังกล่าวนี้ ก็คือห้องนอนนั่นเอง มองเห็นเตียงนอนใหม่ปูด้วยฟูกหนา เด่นตระหง่านอยู่กลางห้องที่กว้างขวางพอประมาณ ภายในห้องมีตู้กระจกเครื่องแป้ง ตู้ใส่หนังสือ และโต๊ะเล็ก ๆ ตัวหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ข้าง ๆ เตียง ฝาห้องมีรูปศิลปะ (รูปผู้หญิงเปลือยกาย) ติดไว้พราวจนดูงามตา
พี่เลิศหันมาถามดิฉันด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ นัยน์ตาของเขาเป็นประกายวาววาม ขณะกวาดสายตามองดูรูปผู้หญิงเปลือยกายรอบ ๆ ห้อง
“เป็นยังไงรำพึง...ห้องนี้เงียบและน่าอยู่ดีไม๊”
ฉันไม่ตอบ แต่เบือนหน้าซึ่งแดงปลั่งไปเสียงทางหนึ่งด้วยความอาย หัวใจเต้นแรงจนแทบจะได้ยินออกมาภายนอก เพราะรู้ดีว่าในอีกไม่กี่นาทีจะมีอะไรเกิดขึ้นกับดิฉันบ้าง ซึ่งก็ไม่ได้ผิดไปจากการคาดคะเนเลย เพราะขณะที่ดิฉันยืนหันหลังให้ พี่เลิศก็ตรงเข้ามาสวมกอดและจูบดิฉันเอาดื้อ ๆ ดิฉันแกล้งผลักไสเขาเป็นพิธี และถามว่า
“พี่เลิศบอกว่ามีเรื่องอะไรจะพูดกับหนู พูดซิคะ หนูอยากฟัง”
“อ๋อ แน่นอน รำพึง วันนี้พี่ต้องขอพูดขอคุยกับรำพึงให้ชุ่มโชกที่สุด เพราะต่อไปก็จะไม่ได้พูดได้คุยกันอีกแล้ว แม่ยอดรักของพี่”
เขาพูดจบก็ตวัดร่างดิฉันให้หันไปเผชิญหน้าเขา พร้อมกับประกบปากแนบสนิทกับปากดิฉัน
หัวใจของดิฉันแทบจะขาดลอยไปเสียให้ได้เพราะการจูบอันเร่าร้อนรุนแรงของเขา และมันมิใช่จะเพียงนี้เท่านั้น แต่ดิฉันรู้สึกว่าที่หน้าขาของดิฉันตรงบริเวณเนินโคก มีอะไรแข็งโด่กำลังเถลือกไถลทิ่มตำอยู่ไปมา ไม่ต้องบอกดิฉันก็รู้ดีเพราะเคยรู้รสชาติของเจ้าดุ้นเนื้ออันนี้มาแล้วอย่างซาบซึ้งตรึงใจ
ความรู้สึกของเขาในขณะนี้ ไม่ผิดอะไรกับเสือหิวที่อดโซมาเป็นเวลาช้านาน เมื่อมาพบเหยื่ออันโอชะ ก็ไม่ยอมโอ้โลมให้เป็นการเสียเวลาแต่อย่างใด พอเขาเห็นว่าดิฉันอ่อนระทวยกับการจูบอย่างร้อนแรงแล้ว เขาก็ช้อนร่างดิฉันอุ้มตรงไปที่เตียงนอนทันที
ดิฉันรู้ดีว่าเขาจะแสดงบทโรมานซ์กับดิฉันในแบบไหน ก็รีบร้องบอกเขาโดยเร็ว
“อุ๊ย อย่าค่ะ พี่เลิศ....ปล่อยก่อน เดี๋ยวเสื้อแสงยับยู่ยี่หมด จะกลับไปยังไงกัน”
คำเตือนของดิฉันทำให้เขาได้สติ แทนที่เขาจะทุ่มร่างดิฉันลงบนเตียง แล้วตะกรุมตะกรามทำด้วยอารมณ์อย่างที่เขาได้เคยกระทำมาแล้ว เขากลับปล่อยร่างดิฉันออก ดิฉันค่อย ๆ ทรุดกายลงนั่งบนเตียงอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
เขากระซิบบอกดิฉันเบาๆ ด้วยคำพูดที่ทำให้ดิฉันหน้าแดงซ่านขึ้น
“ถ้ายังงั้น รำพึงก็ถอดออกเสียให้หมดซินะจ๊ะ. ..รำพึง ขอให้เราได้มีความสุขด้วยกันเป็นครั้งสุดท้ายเถิด”
ดิฉันก้มหน้านิ่งด้วยความอายแสนอาย ส่วนความกำหนัดนั้นก็ท่วมท้นในใจ
ดูเหมือนพี่เลิศจะเข้าใจความรู้สึกของดิฉันดี เขารีบเดินไปปิดประตูหน้าบ้านใส่กลอนแล้วจึงได้กลับเข้ามาในห้อง เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว เขาก็จัดแจงใส่กลอนประตูเสียอีกชั้นหนึ่ง
เสร็จเรียบร้อยก็เดินตรงเข้ามาหาดิฉัน และกระซิบบอกดิฉันว่า
“ถอดเสียซิ รำพึง ขณะนี้เราอยู่ในบ้านด้วยกันตามลำพังสองต่อสองเท่านั้น ไม่ต้องอายใครแล้ว”
ความกำหนัดอันท่วมท้นทำให้ดิฉันสุดจะอดทนต่อไปได้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังเบี่ยงบ่ายบอกเขาว่า
“พี่เลิศถอดก่อนซิ”
“ตกลง”
เขารีบรับคำโดยเร็ว
และโดยปราศจากความอับอายแม้แต่น้อย เขารีบจัดแจงลอกคราบตัวเองออกอย่างรวดเร็ว ในพริบตาเดียวเท่านั้น ร่างของพี่เลิศก็เปลือยเปล่าล่อนจ้อนหมด
ใบหน้าของดิฉันร้อนผ่าว เมื่อเหลือบสายตาไปที่หว่างขาพี่เลิศ มองเห็นท่อนลึงค์ของเขาลุกแข็งโด่อย่างเต็มที่ หน้าประทานสีแดงคล้ำ ซึ่งเยิ้มด้วยน้ำเงี่ยนกำลังผงกหัวอยู่หงึกหงัก บอกถึงความกระหายใคร่จะลงรูหีสุดประมาณ
เขามองเห็นดิฉันยังนั่งเฉยอยู่ ก็ร้องเตือนด้วยเสียงสั่น ๆ เพราะความกำหนัดอันร้อนรุ่ม
“อ้าว....พี่ถอดเรียบร้อยแล้ว ทำไมรำพึงยังไม่ถอดอีกล่ะ”
ดิฉันอิดเอื้อนอยู่เป็นครู่ใหญ่ จึงบอกกับเขาอย่างอายๆ ว่า
“พี่เลิศหันหน้าไปทางอื่นซิ หนูอาย”
เขาหัวเราะปฏิบัติตามโดยเร็ว
เมื่อเขาหันหน้าไปทางหนึ่งตามคำสั่งแล้ว ดิฉันค่อย ๆ ปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากร่าง ทีละชิ้น...และทีละชิ้น ด้วยความอาย และด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำอยู่ตลอดเวลา ทั้ง ๆที่โดยความรู้สึกอันแท้จริงแล้ว ดิฉันมีความปรารถนาใคร่จะโรมรันพันตูกับเขา เป็นสุดล้นพ้นประมาณแล้วก็ตาม...
เวลาผ่านไปเพียงครู่เดียว ดิฉันก็ปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากร่างจนหมดทุกชิ้น และขณะนี้ดิฉันกำลังอยู่ในชุดนุ่งลมห่มฟ้าเช่นเดียวกับพี่เลิศ ดิฉันเอาเสื้อผ้าทุกชิ้นที่ถอดออกแขวนไว้ที่ราวแขวนซึ่งอยู่ข้างเตียง แล้วก็กลับมาทรุดกายลงนั่งที่เตียง ด้วยหัวใจเต้นโครมๆ จนอกแทบจะพังเสียให้ได้
“พี่หันกลับไปได้หรือยัง....รำพึง”
เสียงพี่เลิศร้องตะโกนถาม ด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าเพราะความกระเหี้ยนกระหือรือ ใคร่ที่จะทำการสังวาสกับดิฉัน
ดิฉันไม่ยอมตอบ แสร้งทำเป็นนิ่งเสีย แต่มือทั้งสองของดิฉันนั้น ก็กุมปิดอยู่ที่เนินโคกหว่างขาด้วยความอาย
อาการนิ่งของดิฉัน ก็เท่ากับเป็นคำตอบให้พี่เลิศรู้ดี เขารีบหมุนตัวกลับหันหน้ามาทางดิฉันทันที เจ้าท่อนลึงค์ของเขาดูเหมือนจะพองตัวลุกโด่แข็งกว่าเก่าอีกสักเท่าตัวเห็นจะได้
ดิฉันใจสั่นระทึกเมื่อมองเห็นเช่นนั้น และยิ่งสะทกสะท้านไปทั่วเรือนกาย เมื่อมองเห็นพี่เลิศกำลังย่างสามขุมเข้ามาหาดิฉัน ดวงตาของเขาเป็นประกายแวววาวด้วยความกำหนัดอย่างเหลือแสน เมื่อมองเห็นดิฉันอยู่ในชุดนุ่งลมห่มฟ้าอย่างท้าทายเช่นนั้น
ครั้นแล้ว วินาทีอันสำคัญก็มาถึง อย่างไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงเสียได้
เขาผวาขึ้นมาบนเตียง โผนเข้าใส่ดิฉันอย่างเสือหิว มือทั้งสองของเขาเริ่มเปิดฉากซุกซนเป็นการใหญ่ เขาตระโบมโลมลูบจูบกอดไปทั่วร่าง มือลูบไล้ไปมาบนทรวงอกอันตูมเต่ง แล้วค่อย ๆ บีบบี้คลึงเคล้าเต้าทั้งสองของดิฉันอย่างหื่นกระหาย
ดิฉันรู้สึกว่าขณะนี้ เขากำลังจะจัดแจงในการปรนสวาทให้ดิฉันเสียจริงๆ ดิฉันจึงค่อยๆ เอนกายลงนอนบนเตียงอย่างสมยอม ปรือตาหยาดเยิ้มขึ้นมองดูเขาด้วยความเสน่หา....
“พี่เลิศขา....หนูใจหวิวๆ ยังไงไม่รู้ค่ะ”
ดิฉันร้องบอกเขาด้วยเสียงคล้ายคนละเมอ
เขามองสบตาดิฉันแล้วยิ้มน้อย ๆ ไม่พูดว่ากระไร มือก็ลูบไล้ต่ำลงมาจนถึงท้องน้อย แล้วก็โคกโยนีอันขาวสะอาด เนื้อเต่งตึงเครียด ประกบฝ่ามือลงไป แล้วแหย่นิ้วชี้ลงกลางร่องแคมอันบวมเบ่ง เพราะเพิ่งจะโดนลึงค์ไม่กี่ครั้งนัก นิ้วมือของเขากระทบกับปลายจงอยติ่งเนื้อปุ่มกระสันต์ของดิฉันเข้าเต็มรัก
ดิฉันสะดุ้งขึ้นทั้งตัว ด้วยความเสียวซ่านกระสันต์สวาทจนบอกไม่ถูก
“โอย...ซี้ด ..พี่เลิศขา... หนูจะแย่อยู่แล้ว มันเสียว ... ซี้ด....”
สำหรับความรู้สึกของพี่เลิศที่มีต่อดิฉันนั้นเล่า ความเป็นสาวของดิฉัน ทำให้โคกสวาทอวบใหญ่นูน ยิ่งกว่าพี่รำภาที่เขาเอาอย่างเคยชิน ประกอบกับตรงสะโพกผายเปลือยเปล่าแน่นตึงเปรี๊ยะทำให้เขาคิดว่าตัวเขาโชคดีที่สุดในโลกทีเดียว...
นิ้วมือของเขาถูไปมาอยู่ที่ปุ่มเงี่ยน แล้วก็ชอนไชเข้าไปในรูโยนีชักเข้าชักออก
“โอย ซี้ด โธ่.....พี่จะทรมานหนูเล่นหรือคะ ?” ดิฉันครวญครางเสียงสั่นเครือ
“ทำไมหรือรำพึง....หนูเป็นยังไง”
เขาแกล้งถาม
“อูย...ซี้ด ไม่รู้ค่ะ”
ดิฉันตอบ
เขาหัวเราะหึ ๆ ในลำคอ จัดแจงถ่างขาดิฉันออกจากกันให้อ้ากว้าง แคมโยนีทั้งสองของดิฉันก็แบะออกจนเห็นรูสวาทแดงแจ๋ ดิฉันต้องยกฝ่ามือปิดหน้าด้วยอายจัด
แล้วเขาก็ชันเข่าขึ้นในท่ายอง ๆ จับปลายลึงค์อันยาวใหญ่หน้าง้ำหัวแดงร่าจ่อลงตรงรูสวรรค์ซึ่งมีน้ำเงี่ยนของดิฉันหยาดเยิ้มอยู่ก่อนแล้ว ดิฉันสะดุ้งน้อย ๆ
“อูย...พี่เลิศ...เสียว ซี้ด..”
เท่าที่ดิฉันร้องครวญครางออกไปเช่นนี้ พี่เลิศเขาก็รู้ดีว่า ขณะนี้ดิฉันไม่มีอาการเจ็บแสบแล้ว แต่เขาก็เยือกเย็นพอดู ไม่หักโหมรุนแรงแต่ประการใด ค่อย ๆ ดันลึงค์เข้าไปทีละน้อย มือก็คลึงเต้านมไม่ว่างเว้น ถอนตัวกลับออกมาแล้วก็กระแทกลงไปช้าๆ ก่อน แล้วเปลี่ยนจังหวะถี่เข้าทุกขณะ
สายตาก็มองดูลึงค์ผลุบเข้าผลุบออกในรูโยนีอย่างละลานใจ ดิฉันขมวดคิ้วนิ่วหน้าเผลอตัวกอดพี่เลิศแน่น โน้มให้นอนทาบทับทรวงอกสล้างรองดิฉัน ก้นส่ายไปมาให้โคกโยนีรับการทะลวงแทงจากลึงค์ของเขาเป็นจังหวะ ดิฉันสูดปากเบาๆ ตัวบิดเป็นเกลียว เพราะน้ำเงี่ยนกำลังจะออกอยู่แล้ว
แต่....เขากลับหยุดกระเด้า เหมือนจะแกล้งทรมานใจดิฉันให้สาหัส
“พี่เลิศขา....อย่าหยุดกระเด้าซีคะ กระเด้าเร็วๆ เข้าค่ะ รำพึงจะออกแล้ว อูย. .ซี้ด”
ดิฉันเร่งเร้าให้เขากระแทก พลางเผยอหน้าขึ้นจูบแก้มเขาอย่างเต็มรัก
เขาไม่ว่ากระไร โหย่งตัวขึ้นเปลี่ยนท่าใหม่ จับขาของดิฉันทั้งสองข้างขึ้นพาดบ่าแบบยกสองล้อ ดิฉันสุดจะเสียว พยายามปิดป้องดิ้นรนไม่ใคร่ยอม
“พี่เลิศขา ....ทำไมพี่เลิศทำหนูยังงี้ล่ะคะ ไม่เอาค่ะ หนูเจ็บ”
“โธ่....รำพึงจ๋า....ท่านี้แหละวิเศษสุด ขอให้พี่ได้มีโอกาสสนุกกับหนูให้ถึงแก่นหน่อยเถิด รับรองว่าหนูจะต้องติดใจ นะจ๊ะ... พรุ่งนี้พี่ก็จะต้องจากหนูไปแล้ว”
เขาเอ่ยคำปลอบโยนดิฉัน พลางกดหัวถอกจ่อลงตรงปากรูโยนีของดิฉัน แล้วก็ค่อย ๆ กระเด้าเข้ากระแทกฉึกๆ ๆ ไม่กี่ครั้งนัั้นมันก็ค่อยๆ กระดืบหายเข้าไปจนมิดสนิท
ตอนที่มันมิดลึงค์นี่ ดิฉันถึงกับโลดแล่นขึ้นทั้งตัว ปากก็ครวญครางสูดซี้ดซ้าดอยู่ไม่ขาดระยะ พี่เลิศก็เหมือนกับคนตายอดตายอยาก พอลึงค์ของเขาเข้ามาจมหัวอยู่ในรูโยนีของดิฉัน ...
เราก็กระแทกโครม ๆ อย่างเต็มที่ ปลายลึงค์อันถอกบานยันมดลูกดิฉันกึกๆ รู้สึกแสบรูและเสียวอย่างบอกไม่ถูก ดิฉันจึงต้องขมิบโยนีตอดปลายควยของเราเพื่อการทุเลาเสียวแสบ
เขาเองก็คงจะเสียวหัวเงี่ยงวูบวาบ จนทนแทบจะไม่ไหวเช่นเดียวกัน เพราะสังเกตได้จากการที่เขาขมวดคิ้วนิ่วหน้า และเสียงสูดปากครางดังลั่นอยู่ไม่ขาดระยะเช่นเดียวกัน
ส่วนดิฉันนั้นขอบอกตรงๆ ว่าขณะนี้รู้สึกว่าแสนจะเอร็ดอร่อย
“รำพึงจ๋า...ดีไหมล่ะจ๊ะ ท่านี้”
พี่เลิศกระซิบถามดิฉันเบาๆ ทั้งๆ ที่ยังกระเด้าพั่บ ๆ อยู่ไม่ขาดระยะ
ขณะนี้...ความอายที่ดิฉันมีแต่ทีแรกได้หายไปหมดแล้ว มีแต่ความกำหนัดอย่างเดียว จึงได้กระซิบตอบเขาอย่างหมดหัวใจ
“อุ๊ย...ซี้ด...ดีค่ะพี่เลิศ....อูย... ซี้ด... อร่อยจังค่ะ...ซี้ด... พี่เลิศเอากับพี่รำภา....พี่เลิศเอาท่านี้หรือเปล่าคะ ?”
“อ๋อ...ทำทุกท่าแหละ...รำพึงจ๋า...หนูไม่ต้องกลัวว่าพี่จะลำเอียง...พี่จะสอนให้ทุกท่าเลยเอาไม๊?”
ดิฉันพยักหน้าและปรือนัยน์ตาถามเขา
“พรุ่งนี้พี่ก็จะต้องจากหนูไปแล้ว พี่จะมีเวลาที่ไหนมาสอนคะ?”
เขายิ้มนิดหนึ่งก่อนจะกล่าว
“ก็วันนี้แหละหนู เป็นวันส่งท้ายของเรา พี่จะพยายามสอนหนูให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ นะจ๊ะคนดี...”
“ค่ะ...พี่เลิศ...พี่เลิศขา....หนูรักพี่เลิศเหลือเกิน พี่อยาไปรักใครอีกนะคะ...ต้องรักหนูคนเดียว”
ดิฉันฉอเลาะ เพราะรู้สึกติดอกติดใจในทีเด็ดของพี่เขยที่ชวนดิฉันมากินข้าวต้มกลางวันเป็นการส่งท้ายในการจากไปสู่ยุทธภูมิของเขา ณ.แดนเกาหลี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ห้องนอนที่เรากำลังใช้เป็นโรงแรมชั่วคราวนี้แหละ เปรียบเสมือนกับสมรภูมิสังวาสละ
ขณะเดียวกับที่ดิฉันฉอเลาะ และสูดปากซี้ดซ้าดนั้น พี่เลิศแกก็ซอยก้นกระเด้าหนักหน่วงยิ่งขึ้น จนดิฉันไม่สามารถจะทนความเสียวซ่านกระสันต์สวาทต่อไปได้ ก็ต้องร้องครวญครางออกมาอีกอย่างหมดอาย
“อูย...พี่เลิศ...หนูทนไม่ไหวแล้ว...ซี้ด...น้ำ...น้ำมันจะออก...แล้ว...อูย...ซี้ด...เสียวเหลือเกินค่ะ...พี่ขา...ซี้ด...”
“อูย...พี่ก็...เสียว...จัง...อูย...”
เสียงของพี่เขยนักสังวาสของดิฉันก็ครวญครางออกมาด้วยเสียงสั่นกระเส่า เพราะความเสียวเช่นเดียวกัน
ดิฉันทนทานต่อไปไม่ไหว เพราะรู้สึกว่าลึงค์ของเขากำลังกระดุบ ๆ อยู่ในรูโยนีของดิฉัน ก็เอื้อมมือไปกอดรัดเอวเขา แล้วกระชากลงมาพร้อมกับแอ่นโคกหีขึ้นเด้งรับผับ ๆ น้ำเงี่ยนซึมเยิ้มไหลปรี่ออกชะโลมลำควยของเขา ปากมดลูกและรูโยนีก็ดูดปลายลึงค์จุ้บ ๆ จนเขาเสียวหัวถอกทนไม่ไหว และวินาทีนั้นเอง...น้ำอสุจิของเขาก็พุ่งทะลักพรวด ๆ เป็นลิ่ม ๆ ออกจากปลายควยของเขาเข้าสู่ปากมดลูกดิฉัน ซึ่งขมุบขมิบคอยรับอยู่ก่อนแล้ว น้ำหีกับน้ำควยก็ผสมคลุกเคล้ากันจนชุ่มโชกกระโปกเปียก นองเนืองเลอะเทอะไปทั่วบริเวณเนินโคกโหนกหมอย
เมื่อน้ำฉีดออกหมดแล้ว ท่อนลึงค์ของเขาก็ค่อย ๆ หดตัวอ่อนลงและสั้นลงทีละนิด ๆ อยู่ในรูโยนี เขายังคงนอนทับดิฉันนิ่งทั้ง ๆ ที่ควยหดยังแช่คารูโยนีเช่นนั้น โดยไม่ปรารถนาจะชักออก
“แหม...พี่ขา...หนูเหนื่อยจังเลย เดี๋ยวพี่จะทำหนูอีกหรือเปล่าคะ?”
ดิฉันกระซิบถามเขา ทั้ง ๆ ที่ลึงค์ของเขายังอยู่ในรูหีดิฉัน
“อ๋อ แน่นอน...ยอดรักของพี่...อย่าลืมว่าวันนี้เป็นวันส่งท้ายของเรา พี่ต้องขอสนุกกับหนูให้ถึงแก่นหน่อย”
“พี่ขา...หนูหวั่นใจจังค่ะพี่” ดิฉันออดอ้อนขึ้นมาอีก
“หวั่นใจอะไรหรือ คนดีของพี่” เขาถามและจูบปากดิฉัน
“หนูกลัวท้องค่ะ...เดี๋ยวพี่จากไปแล้วหนูเกิดท้องขึ้นมาจะทำยังไงล่ะคะ?”
เขาสั่งศีรษะและให้เหตุผลอย่างขอไปทีว่า
“ไม่ท้องหรอกน่าหนู เราไม่ใช่จะเอากันพร่ำเพรื่อ นาน ๆ เอาที ไม่ท้องแน่”
เขาพูดพลางบี้หัวนมของดิฉันไปมา
“เห็นคนเขาพูดกันว่า นาน ๆ เอาที ก็อาจท้องได้ไม่ใช่หรือคะ”
ดิฉันไม่วายยกอ้างอิงให้เขาฟัง
“ก็อาจเป็นได้ แต่มันมีน้อยรายมาก”
เขาบอกพลางมือก็ขยำคลำลูบ และก้มหน้าลงดูดหัวนมดิฉัน
ดิฉันสะดุ้งเฮือกไปทั้งร่าง เพราะว่ามันมิใช่แค่สะดุ้งที่ถูกเขาดูดนมอย่างเดียว หากแต่สะดุ้งเพราะมันมีสิ่งผิดแปลกขึ้นที่ตรงหว่างขาแคมโยนีของดิฉัน มันรู้สึกคับ ๆ ตึง ๆ พิกล และนั่นเอง...ดิฉันถึงกับอุทานร้องบอกเขาว่า
“อุ๊ย...พี่เลิศ...เอ้อ...ของพี่เลิศลุกอีกแล้ว... อุ๊ย...”
เขาไม่ตอบว่ากระไร แต่หัวใจของดิฉันเริ่มเต้นระทึกขึ้นมาอีก เมื่อรู้สึกว่าลำลึงค์ของเขาที่คาอยู่ในรูโยนีดิฉันเริ่มแข้งตัวขึ้นมาทีละน้อย มันเต้นกระดุบ ๆ จนทำให้ดิฉันเกิดความกำหนัดขึ้นมาอีก
เมื่อลึงค์ของพี่เลิศแข็งโด่อย่างเต็มที่ เขาก็เริ่มเปิดฉากการสังวาสดิฉันทันที
เขาค่อย ๆ พลิกตัวลงจากอกดิฉันอย่างนุ่มนวลโดยไม่ยอมให้ลึงค์หลุดจากรูโยนีอันอบอุ่น ๆ พร้อม ๆ กันก็รั้งร่างดิฉันขึ้นมาทาบทับบนอกของเขาบ้าง เขาบอกดิฉันว่า
“หนูจ๋า...ทีนี้หนูอยู่ข้างบน ทำให้พี่บ้างนะ เอาซิ...หนูค่อย ๆ ยกตูดขึ้น แล้วกดลงเป็นจังหวะ เหมือนที่พี่กระเด้านั่นแหละ”
แทนที่ดิฉันจะนึกละอายเพราะต้องมาอยู่บนร่างเขา ทว่า...ดิฉันกลับชอบใจ และรู้สึกว่าเจ้าท่อนลึงค์ของเขานั้นยาวขึ้นอีกมาก ปลายลึงค์ดันปากมดลูกเสียวซ่านทนแทบไม่ไหว เขาค่อย ๆ เกร็งสะเอวยกตูดขึ้น ปล่อยลึงค์เลื่อนโผล่จากรูโยนีช้า ๆ พอจวนจะหลุด ก็ค่อย ๆ กดลงไปจนมิดอย่างเก่า
หัวเงี่ยงของเขาครูดเม็ดละมุดอย่างแรงทุกครั้งดังกึก ๆ เป็นผลทำให้ดิฉันรู้สึกเสียวซ่านดาลสวาทอย่างเต็มที่...
ดังนั้น...จังหวะการยกตูดขึ้นและกระแทกลง จึงค่อยๆ ถี่และหนักหน่วงขึ้นทุกที ฝ่ายพี่เขยดิฉันซึ่งขณะนี้กำลังทำหน้าที่แทนดิฉันก็ช่วยแอ่นลึงค์ขึ้นรับ ให้ลึงค์แทงสวนขึ้นไปเป็นจังหวะ จูบแก้มดิฉันบ้าง...บี้นมบ้าง บางครั้งก็รั้งสะโพกดิฉันให้หนอกโยนีแนบแน่นกับหนอกลึงค์ของเขา
“รำพึงจ๋า...”
เขากระซิบเรียก
“ขา...”
ดิฉันขานรับ
“มันส์ไหมจ๊ะ...ท่านี้?”
“อูย...มันส์....มันส์ค่ะ....เสียวอะไรออย่างนี้ก็ไม่รู้...อูย...ซี้ด...พี่เลิศขา...หนูรักพี่เลิศเหลือเกิน อูย...ซี้ด....”
ดิฉันสูดปากคราง พร้อมกับเร่งกระแทกตูดหนัก ๆ เอวส่ายไปมาให้หัวถอกควานไปทั่วรูโยนีของดิฉัน
ยิ่งส่ายมาก...ก็ยิ่งเสียวมากขึ้นทุกที ลำลึงค์ก็ทำการกระดุบพร้อม ๆ รูโยนีขมิบ ปากมดลูกดูดปลายลึงค์จุ้บ ๆ ยังกับเด็กดูดนม ดิฉันเร่งกดโยนีลง เขาก็ส่งลึงค์กระทุ้งขึ้นรับการกระแทกจากโยนี
“โอย...พี่เลิศขา....กอดรำพึงแน่น ๆ หน่อย อูย....ซี้ด...ใจหนูจะขาดอยู่แล้ว...อูย...อูย...พี่เลิศขา...เร็ว ๆ ค่ะ น้ำหนู...จะออก...อีกแล้วค่ะ พี่เลิศขา...”
ดิฉันสูดปากครางเสียงสั่นสะท้าน รูโยนีขมุบขมิบน้ำรักหยาดเยิ้มออกมาจนเขาทนไม่ไหว สุดที่จะกลั้นต่อไปได้ จึงต้องปล่อยน้ำกามฉูด ๆ ออกมาจากลำควยพุ่งเข้าผสมกับน้ำกามของดิฉันจนไหลทะลักล้นออกมานอกรู เปรอะเปื้อนหน้าขาและบริเวณเนินหนอกของเขาจนแลดูเปียกโชกไปหมด
เกมที่สองก็เป็นอันผ่านไปอย่างชุ่มชื่นระรื่นบานเบิก เมื่อนาฬิกาที่ข้อมือของพี่เลิศบอกเวลาห้าโมงครึ่ง
ดิฉันและพี่เลิศยังคงนอนแก้ผ้ากอดกันกลมดิกด้วยความพิศวาสในรสกามาที่เราทั้งสองได้ปรุงแต่งให้กันและกัน พี่เลิศจูบดิฉัน ดิฉันจูบตอบอย่างแสนรัก บอกตรงๆ ว่า ขณะนี้ดิฉันรักพี่เลิศดุจชีวิตจิตใจของดิฉันทีเดียว เพราะอย่างน้อยที่สุดพี่เลิศก็คือสามีของดิฉันโดยตรง แม้จะยังลับ ๆ
เมื่อคิดว่า วันพรุ่งนี้พี่เลิศก็จะต้องจากไปสู่แดนสมรภูมิเลือดเกาหลี เพราะหน้าที่ราชการแล้ว ดิฉันก็อดที่จะสะท้อนใจไม่ได้ ดิฉันคงจะอาลัยอาวรณ์คิดถึงเขา และต่อไป ใครเล่าที่เขาจะมายัดเยียดความสุขอันสุดแสนบรมสุขอันนี้ให้กับดิฉันอย่างถึงอกถึงใจเช่นเดียวกับพี่เลิศ บอกตรง ๆ ว่า ขณะนี้ดิฉันชักติดอกติดใจในพิษสงองคชาติของพี่เลิศอย่างสุดที่จะพรรณนาได้
...ถ้าพี่เลิศจากไป...ดิฉันคงจะต้องว้าเหว่เงียบเหงา และหิวกระหายในรสสวาทอยู่ตามลำพังแน่ ๆ เพราะการไปของเขาคราวนี้ เขาก็ยังไม่มีกำหนดที่แน่นอนเลยว่า...จะได้มีโอกาสกลับมาเมื่อใด...
เมื่อความอาลัยรักมีมากเพียงใด ดิฉันก็กอดจูบพี่เลิศเสียเต็มฟอด พี่เลิศก็จูบตอบดิฉันเป็นพัลวัน เสียงฟอด ๆ ดังสลับกันอยู่ไม่ขาดระยะ ขาทั้งสองของเราก็เกี่ยวตวัดรัดพันกันเหมือนงู...
จูบกันไป...กอดกันมา...อีกเพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้น ดิฉันก็รู้สึกว่าเจ้าท่อนเนื้อองคชาติของพี่เลิศซึ่งหดตัวฝังแช่คาอยู่ในรูหีดิฉันนั้น บัดนี้มันเริ่มพองตัวกระดุบ ๆ ขึ้นมาอีกแล้ว ดิฉันร้องอุทานออกมาเบา ๆ ว่า
“อุ๊ย...พี่เลิศ...ดูซี...ไอ้นั่นของพี่เลิศแข็งอีกแล้ว....”
พี่เลิศเผยอย้มอย่างชื่นบาน เขาไม่ตอบดิฉันว่ากระไร แต่รีบพลิกตัวดิฉันลงข้างล่าง แล้วจับขาดิฉันทั้งสองข้างถ่างออกในท่านอนหงายทันที พลางกระเถิบร่างเข้ามาในหว่างขาดิฉัน จับลำลึงค์อันลุกโชนเปียกเยิ้มไปด้วยน้ำมะล่อกมะแล่กแหย่เข้าไปในปากช่องสวาท ดิฉันสะดุ้งน้อย ๆ เมื่อโดนเย็ดอีกเป็นหนที่สาม
รู้สึกเสียวปลาบเข้าไปถึงขั้วหัวใจ แขนของเขากระหวัดรัดร่างดิฉันเหนี่ยวขึ้นมาจูบ...ดิฉันชักรู้ทันจึงรีบกอดเอวเขาแน่นเช่นกัน เขายิ้มอย่างชื่นบานอีกครั้ง พลางโยกตัวกระแทกเข้ากระแทกออก ทำให้ดิฉันถึงกับต้องครางด้วยความเป็นสุขใจระคนเสียวซ่านอย่างบอกไม่ถูก มือที่กอดเอวแน่นแล้วนั้นรู้สึกว่าจะยังไม่ถึงใจดี ดิฉันต้องเอาขาทั้งสองข้างช่วยรัดไว้อีกแรงหนึ่ง
พร้อมกันนั้น เขาก็ช้อนร่างดิฉันขึ้นมาในท่านั่ง มือกระชับเอวดิฉันเข้าไปแนบชิด ทำให้หัวถอกของเขาแทงพรวดเข้ารูโยนีมิดสนิท จากนั้นเขาก็กอดเอวดิฉันไว้แน่นด้วยแขนและขาอันทรงพลังของเขา จมูกจูบแก้มจูบปาก บางครั้งเขาก็ก้มลงไปไซ้จมูกจูบเต้านมอันตูมเต่ง ดิฉันขนลุกเกรียวไปทั้งตัว เมื่อเขาอ้าปากอมหัวนมของดิฉันไว้ แล้วก็ใช้ลิ้นดุน ดูดเอา ๆ ส่วนเอวก็เร่งกระแทกกระทั้นถี่ยิบ เพื่อให้ถึงสุดขีดแห่งความเงี่ยน
เสียงหายใจฟืดฟาดของดิฉันและพี่เลิศดังสลับกันไป เหงื่อไคลไหลอาบร่างเพราะเป็นเวลาใกล้จะเที่ยงอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำให้รสชาติแห่งการเย่อกันอย่างเผ็ดร้อนลดถอยลงไปเลย
ตรงข้าม มันยิ่งเพิ่มความโอชารสมากขึ้น เมื่อทั้งดิฉันและพี่เลิศกำลังจะพากันจูงมือขึ้นสู่สวรรค์ชั้นยอดทั้งเป็นอีกวาระเร่งในระยะเวลาอันใกล้นี้
แรงกระเด้าและกระแทกอันหนักหน่วงของเขา ทำให้เตียงลั่นสั่นสะเทือน
“อุ๊ย...อุ๊ย...ซี้ด...เบา ๆ หน่อยค่ะพี่เลิศ เดี๋ยวเตียงของเขาจะหักไป...พี่ขา...”
ดิฉันร้องเตือนเขาให้รู้สึกตัว
แทนที่เขาจะตอบรับ เขากลับร้อง
“อูย...อูย...ซี้ด...พี่...เบา...เบา...ไม่ไหวแล้ว...รำพึงจ๋า...ซี้ด...พี่กำลังมันส์...กอดพี่แน่นๆ หน่อยยอดรัก...”
ขาดคำเขาก็สะดุ้งเฮือกตัวเกร็ง น้ำเงี่ยนฉีดทะลักจากปลายลึงค์ พุ่งกระฉูดราดรดรูโยนีและปากมดลูกของดิฉันอย่างสุดแรง น้ำเงี่ยนของดิฉันก็พุ่งกระฉูดเอ่ออาบออกมาอย่างท่วมท้น ในเวลาไล่ ๆ กัน
“โอย...อูย...ซี้ด...รำพึงเหนื่อยเหลือเกิน...พี่ขา...”
ดิฉันครางอ่อย ๆ แต่ดวงหน้าอันสวยซึ้งของดิฉันนั้นอิ่มเอิบซาบซ่าน บอกความสุขในเกมสวาทอย่างเหลือที่จะพรรณนา
เขาเองก็เพลียเช่นเดียวกัน จูบแก้มแดงระเรื่อของดิฉันอีกครั้งหนึ่งอย่างแสนรัก ก่อนที่จะถอนลึงค์ออกจากรู
หลังจากเอาผ้าขนหนูเช็ดน้ำเมือกแห่งความสุขทั้งโยนีดิฉันและลึงค์ของเขาจนแห้งสะอาดดีแล้ว เขาก็บอกดิฉันว่า
“น้องรำพึงนอนรอคอยพี่สักครู่นะ พี่จะออกไปหาซื้ออะไรมากินกัน เพราะนี่ก็จวนใกล้จะเที่ยงแล้ว”
“พี่เลิศจะไปซื้อที่ไหนคะ?”
ดิฉันถาม พลางมองดูเขาด้วยความรักและเสน่หาในตัวพ่อยอดชาย
“แถวนี้แหละ...ถมเถไป” เขาบอกดิฉันและรีบสวมกางเกงโดยเร็ว
“พี่อย่าไปช้านะคะ รำพึงอยู่คนเดียว รำพึงกลัวค่ะ” ดิฉันบอกเขา
“ไม่ช้าหรอก...รำพึง เดี๋ยวเดียวเท่านั้น ไม่ต้องกลัวอะไรหรอก บ้านหลังนี้ก็เท่ากับบ้านของพี่เอง ขณะนี้จนถึงตอนเย็นจะไม่มีใครกล้าล่วงล้ำมาเป็นอันขาด”
ประโยคหลังพี่เลิศเน้นเสียงหนัก
“พี่ตกลงกับเพื่อนของพี่ไว้ใช่ไหมล่ะ?”
ดิฉันถามเขาด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ
เขาพยักหน้าแล้วหัวเราะเบา ๆ พลางรีบผลุนผลันออกไปจากห้องโดยเร็ว
ลับร่างของเขาแล้ว ดิฉันก็รีบทรงกายลุกขึ้น ใครจะนอนแก้ผ้าอยู่คนเดียวได้ล่ะคะ ถึงไม่มีใครเห็นก็อายผีสางเทวดา ดิฉันก้าวลงจากเตียง หยิบเป๊ตติโค๊ต และเสื้อชั้นในมาสวมใส่ แล้วก็ขึ้นมานอนรอคอยเขาอยู่บนเตียง...
สามเกมผ่านไปแล้ว ดิฉันรู้สึกเพลียไม่น้อยเหมือนกัน แต่ก็รู้สึกสดใสซาบซ่าเซเว่นอัพไปทั่วเรือนกาย
พี่เลิศหายเงียบไปประมาณครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ เขาจึงกลับมาพร้อมด้วยถุงกระดาษสีน้ำตาลถุงใหญ่
พอเขาเห็นดิฉันเข้าก็ยิ้มแฉ่งทีเดียว เหมือนดิฉันเป็นอาหารทิพย์ที่กำลังรอคอยเขาอยู่
เขาจัดแจงหยิบสิ่งของที่ซื้อมาออกจากถุงกระดาษและบอกดิฉันว่า
“รำพึง...มาลองหอยทอดใส่ไข่เจ้านี้เขาดูหน่อยซิ ฝีมือเขาเลิศจริง ๆ ก๋วยเตี๋ยวก็มีข้าวหมูแดงก็มี พี่ซื้อมาหลายอย่าง เรามากินกันให้อิ่มหนำสำราญ แล้วนอนพักเอาแรงสักงีบ บ่าย ๆ ค่อยกลับ”
ดิฉันยิ้มอย่างชื่นชมต่อการเอาใจของเขา รีบลุกขึ้นตามคำเชื้อเชิญของเขาทันที เพราะตอนนี้ดิฉันก็รู้สึกหิวโหยไม่น้อยเหมือนกัน ทำไมจะไม่หิวล่ะคะ ก็เขาเล่นงานดิฉันถึงสามเกมรวดเดียวติด ๆ กัน
จากนี้...ดิฉันและพี่เลิศก็ร่วมรับประทานหอยทอด ก๋วยเตี๋ยวและข้าวหมูแดงกันอย่างเอร็ดอร่อย กินกันไปสัพยอกหยอกเย้ากันไปอะไรจะสุขเท่า...นี่แหละ...ความรักและความสุขของผู้หญิงผู้ชายที่อยู่ด้วยกันตามลำพังสองต่อสองก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะ
เรากินอาหารกันจนอิ่มหนำสำราญ แล้วยังมีแถมท้ายด้วยนมสด และไข่ไก่อีกคนละสามฟอง พี่เลิศบอกดิฉันว่าจะได้หายเพลีย ซึ่งดิฉันก็รู้สึกว่าจะเป็นความจริง เพราะเวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่เท่านั้น ดิฉันก็กระปรี้กระเปร่าขึ้น...
จากนี้...เราก็เอากายลงนอนเคียงข้างกันบนเตียงเพื่อหลับเอาแรงสักตื่น ก่อนที่จะพากันกลับ
พี่เลิศประคองกอดดิฉันไว้ในอ้อมแขน ดิฉันก็กอดเขา และในชั่วครู่ต่อมาเราก็พากันหลับสนิท
เรานอนหลับกันไปประมาณชั่วโมงเศษ ๆ พี่เลิศเขาก็พลิกกายตื่นก่อน เขาตื่นขึ้นพร้อม ๆ กับลึงค์ของเขาที่ลุกโด่เป็นลำยาว รอเจ้าของอยู่ก่อนแล้ว แต่ดิฉันยังคงหลับสนิทอยู่ เขาจูบแก้มดิฉันติด ๆ กันสองสามฟอด ดิฉันก็ต้องเผยอเปลือกตาลืมขึ้น...
สิ่งแรกที่ดิงฉันมองเห็นก่อนอื่นก็คือลึงค์ของเขา มันชูคอโงกเงกหัวแดงร่า
พอเขาเห็นดิฉันตื่น ก็จัดการลอกคราบเอาเป๊ตติโค๊ดและยกทรงของดิฉันออกจากร่างทันที
ในที่สุด...ดิฉันและเขาต่างก็เปลือยล่อนจ้อนกันอีกวาระหนึ่ง ระยะเวลาที่เว้นห่างไปชั่วโมงเศษ ๆ ทำให้เขาและดิฉันคึกคักกระปรี้กระเปร่าเหมือนเดิม
เขาเริ่มระดมจูบแก้มจูบปาก และบีบเคล้นเต้านมดิฉันอย่างเมามัน ปากก็ร้องถามดิฉันว่า
“รำพึงจ๋า...น้องหายเพลียหรือยัง?”
“ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ...พี่จะทำรำพึงอีกหรือคะ?” ดิฉันแกล้งถามเขาทั้ง ๆ ที่ก็รู้ดีว่าอย่างไรเสียคงไม่พ้นถูกเขาเอาอีกแน่ ๆ
“จ๊ะ...รำพึง...พี่ชักอยากขึ้นมาอีกแล้วซี รำพึงลองจับของพี่ดูซิ แข็งไหม?”
ดิฉันไม่ตอบ แต่เอื้อมมือไปกำลึงค์อันแข็งโด่ของพี่เลิศบีบเบา ๆ ซึ่งพอถูกมือนุ่ม ๆ บีบเล่น มันก็ทำอาการกระดกสู้มืออย่างคึกคะนอง ฝ่ายพี่เลิศก็เอื้อมมือข้างหนึ่งไปกุมไว้ที่โคกสวาทของดิฉัน ใช้ฝ่ามือคลึงไปมาหนัก ๆ
“ซี้ด...พี่ขา...อูย...เสียวจัง...เอ้อ...พี่ทำเถอะค่ะ...อูย...ทนไม่ไหว” ดิฉันสูดซี้ดปากพร้อมกับกำลึงค์แน่นเข้าอีก
“หนูจ๋า...” เขาเรียก
“ขา...” ดิฉันขานรับ
“นี่ใครจ๊ะ?” เขาเอามือชี้ที่อกของตัวเอง
“พี่เลิศ” ดิฉันตอบ
“เป็นอะไรกับหนู?”
“ผัวหนู”
“แล้วนี่อะไร?” เขาชี้ที่โคกและคลึงไปมา
“ของที่พี่ชอบไงล่ะ”
“แล้วไอ้ที่หนูกำไว้ล่ะ?”
“อี้ย์...ไม่บอก...หนูอาย”
“เราผัวเมียจะต้องไปอายอะไรกัน ไม่มีใครเขาได้ยินหรอก...บอกพี่ซิหนูจ๋า”
“ลึงค์ค่ะ” ดิฉันอ้อมแอ้มตอบ
“ไม่เอา ยังไม่ตรงเผง หนูต้องพูดคำที่เขานิยมเรียกกันซิ อย่าใช้ศัพท์”
“อี้ย์...ไม่...หยาบคาย...หนูอาย”
“เถอะน่ะ...ไม่ต้องอาย”
ดิฉันจึงกระซิบบอกเขาแผ่วเบา
“ควยค่ะ”
“ควยใคร?”
“ควยของหนู”
“แหม ชื่นใจจริง ยอดรักของพี่ ยังงี้ซิ ถึงจะเรียกว่าเรารักกันจริง”
กล่าวจบ เขาก็ตระโบมจูบลูบเคล้นเต้านมดิฉันหนักมือยิ่งขึ้น นิ้วมือก็บี้แตดทะลวงแคมผ่านเข้าไปในรูชักเข้าชักออก
“ซี้ด...ซี้ด...อูย...พี่ขา...เอาหรือยังล่ะคะ หนูทนไม่ไหวแล้วอยากเต็มที...! เอาไอ้เจี๊ยวพี่ทำซีคะ...พี่ขา...” ดิฉันกำหนัดเต็มที่ จนต้องเอ่ยปากชวนให้เขาลงมือสังวาส
พี่เลิศได้ยินเช่นนั้น ก็จัดแจงลุกขึ้น จับขาทั้งสองของดิฉันให้งอพับเข้าทั้งสองข้าง ขึ้นคร่อมจับลึงค์จ่อปากรู กดกระเด้าผับ ๆ อย่างหนักหน่วง ท่านี้ทำให้ลึงค์ของเขาตะบันเข้าไปได้มิดไม่มีเหลือสักหุนเดียว เพราะโยนีมันแอ่นอ้าลอยรับเด่นอยู่อย่างนั้น
“อูย....พี่อย่ากระเด้าแรงนัก หนูเจ็บมดลูก”
ดิฉันร้องครางเมื่อเขากระแทกมดลูกหนัก ๆ
ได้ยินคำพูดของดิฉันเช่นนั้น เขาก็ร้องบอกว่า “อ้าว...งั้นเปลี่ยนท่าใหม่นะ จะได้ไม่เจ็บ”
ดิฉันรู้ดีว่าเขาพูดด้วยความเสียดาย เพราะท่านี้ลึงค์เข้าลึกดีจริง และเสียวมากเป็นพิเศษ เมื่อชักลึงค์ออกมา เขาก็บอกให้ดิฉันคุกเข่าโก้งโค้งอยู่กลางที่นอน โคกโยนีห้อยย้อยออกมาทางด้านหลัง เขาเองก็คุกเข่าลงประชิดสะโพกอันขาวผ่องของดิฉัน มือจับหัวถอกทิ่มเข้าที่ปากรูและเขี่ยไปมาพร้อมกับกดกระเด้าดุบ ๆ พอจวนจะเข้ามิดหมดลำก็ชักออกมา แทงเสยไปทางเม็ดละมุดของดิฉัน เล่นเอาดิฉันถึงกับตัวสั่นเพราะความเสียวกระสันอย่างรุนแรง
เมื่อกระเด้าให้ปลายลึงค์ถูไถจงอยติ่งเดือยไก่ของดิฉันเล่นพอสมควรแล้ว เขาก็กลับกดหัวลึงค์ลงให้ตรงรูโยนี แล้วดันเข้าไปใหม่จนมิดลำ กลุ่มหมอยเขาถูไถง่ามตูดและปากโยนี เพิ่มความคันยุบยิบ ให้ดิฉันขึ้นอีกเป็นทวีคูณ ในขณะที่เขากระเด้า ดิฉันทนไม่ไหวต้องแอ่นก้นดันโยนีรับลึงค์ของเขาทุกครั้ง แต่เขากระเด้าแรงเหลือเกิน เล่นเอาดิฉันโย้หน้าโย้หลัง แทบจะซวนเซล้มฟุบลงไป เขาเลยละมือจากการบีบเต้านมโอบกอดเอวดิฉันรั้งไว้อย่างสุดกำลัง ส่วนเอวก็ทำหน้าที่กระเด้าพั่บ ๆ ด้วยความทะยานดาลใจ
ดิฉันชอบท่านี้เหมือนกัน เพราะปลายลึงค์กระแทกปากมดลูกไม่เต็มที่นัก แม้ว่าเขาจะกระเด้าแรงและดิฉันแอ่นโยนีรับแรงเท่าไรก็ตาม มันก็ไม่กระทบถึงปากมดลูก แต่รสมันก็เลิศไม่น้อย ดิฉันทนไม่ไหว จำต้องสูดปากครางออกมาอีก
“อูย...ซี้ด...พี่เลิศขา...แรงอีกนิดซิคะ...ซี้ด แรงอีกหน่อย ซี้ด...อูย...พี่ขา...” ดิฉันเร่งให้พี่เขยซึ่งขณะนี้เปลี่ยนมาทำหน้าที่ผัวกระแทกหนัก ๆ เพราะน้ำเงี่ยนของดิฉันใกล้จะทะลักอีกแล้ว
ดังนั้น...เขาจึงโหย่งขา ยกหัวเข่าทั้งสองข้างขึ้นเหยียดขาตรง นิ้วเท้าจิกที่นอนไว้มั่นเหมาะ แล้วเริ่มโยนบั้นเอวกระเด้าดิฉันอย่างเต็มสตีม จนร่างของดิฉันโย้ไปข้างหน้า เอียงมาข้างหลังหัวสั่นหัวคลอน รูโยนีขมุบขมิบดูดหัวถอกเป็นจังหวะจนเขาทนไม่ไหว น้ำอสุจิพุ่งออกมาฉุด ๆ เข้าสู่รูโยนีอันรุ่มร้อนของดิฉัน และดิฉันก็หลั่งน้ำรักออกมาพลั่ก ๆ จนล้นแคมโยนีเลอะเป็นเทือกไปทั้งสองข้าง
ดิฉันถึงกับหมดแรงทรุดตัวลงนอนราบ มือกางตีนกางไปทีเดียว และเขาก็นอนขี่คร่อมอยู่บนแผ่นหลังของดิฉันเช่นนั้น ลำลึงค์หลุดออกจากรูโยนีมาจุกอยู่ที่ตูด มีน้ำเมือกแห่งความรักเกาะเป็นคราบขาว หายใจรวยรินอย่างแสนสุขไม่มีอะไรปาน
สักครู่ใหญ่ ๆ เขาจึงค่อย ๆ พลิกกายลงจากร่างดิฉัน แล้วจับให้ดิฉันนอนตะแคงหันหน้าเข้าหา ลงมือกอดจูบลูบคลำบีบบี้ปทุมถันซึ่งตึงเต่งแข็งเป็นไตอยู่ไปมา ต่างคนต่างก็เพิ่งจะแรกรู้รสลึงค์รสโยนีของกันและกัน
แม้จะเพลียแสนเพลีย เพราะน้ำแตกกระเซ้นออกมาในตอนกลางวันนี้ถึงสี่ครั้งก็ตาม ความอยากสังวาสก็ยังไม่เสื่อมคลายไปจากความรู้สึก เสียงระฆังจากโรงเรียน ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ เรือนหอชั่วคราวของพี่เลิศและดิฉันบอกให้รู้ว่าขณะนี้เป็นเวลาบ่ายสามโมงเศษ ซึ่งเป็นเวลาที่เด็กนักเรียนเลิกเรียนแล้ว หากมัวชักช้า เวลาก็จะผ่านต่อไปจนค่ำอาจเป็นที่สงสัยแก่พี่รำภาได้
ความอ่อนเพลียของดิฉันและพี่เลิศได้หายไปอีกแล้ว เหลือแต่ความเงี่ยนง่านทะยานใจอย่างเดียว เพราะต่างฝ่ายต่างลูบ ๆ คลำ ๆ กอด ๆ จูบ ๆ กันอยู่ไม่ขาดระยะ พี่เลิศจึงชวนดิฉันลุกขึ้นเดินประคองกันเข้าไปในห้องน้ำ ทั้ง ๆ ที่ร่างกายเปลือยเปล่าล่อนจ้อน ปิดประตูห้องน้ำลงกลอนสนิทดีแล้ว เขาก็เปิดไฟให้สว่าง พี่เลิศแกไม่ชอบสังวาสในความมืด เพราะมันมองอะไรไม่เห็น เขาถือคติว่า การเย่อโยนีผู้หญิงซึ่งเท่ากับอาหารหัวใจของผู้ชายเรานั้น ความสว่างคือผงชูรสชั้นเยี่ยมยอดไม่มีอะไรเทียบเท่า
เขาอุ้มดิฉันขึ้นนั่งบนปากโอ่งน้ำซึ่งสูงได้ระดับเอวของเขาพอดี แล้วให้ดิฉันยกขาทั้งสองขึ้นชันเข่า ถ่างขาออกเล็กน้อย แม้กระนั้น แคมโยนีของดิฉันก็ยังปิดสนิทอย่างน่ารักอยู่เช่นเดิม เมื่อมองเห็นโคกโยนีอันโหนกนูนเข้าอย่างเต็มที่เต็มทางเช่นนั้น ลำลึงค์อันถอกสั้นแข็งโด่ของเขาก็กระดกพึ่บขึ้นมาทันที เจ้าของลึงค์ขยับเข้ามาใกล้ดิฉัน จับปลายลึงค์จ่อตรงปากรูโยนี แอ่นเอวดันเข้าไปช้า ๆ ดิฉันก้มลงมองอย่างตื่นใจ เป็นครั้งแรกที่ดิฉันมีโอกาสได้พิจารณาดูลึงค์ของพี่เขา หรือผัวคนแรกในชีวิต รู้สึกว่าความใหญ่และความยาวของมันทำให้ดิฉันแทบไม่เชื่อว่ามันจะแทงเข้าไปในรูเล็ก ๆ ของดิฉันได้ แต่มันก็ได้ทะลวงเข้าไปจนสุดด้ามแล้วหลายหน ยังความเอร็ดอร่อยกระสันซ่านทรวงในจนดิฉันแทบจะขาดใจตาย
โอ้ ลึงค์เอ๋ยลึงค์...รูปร่างของเจ้านั้นช่างแสนจะน่ากลัว แต่เมื่อหญิงใดยอมให้เจ้าเย่อเข้าไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ร้อยทั้งร้อยเป็นต้องหลงใหลใฝ่ฝันหา ช่างอัศจรรย์เสียจริง ๆ
ดิฉันดูเพลินไป...คิดเพลินไป...จนกระทั่งลึงค์ทิ่มเข้าไปยันปากมดลูกจึงสะดุ้งรู้สึกตัว ความใหญ่ของลำลึงค์ทำให้สองแคมโยนีอ้ารัดไว้ตึงเปรี๊ยะ ความเสียวกระสันต์เริ่มขยายแผ่ซ่านไปทั่วเรือนกาย คล้ายกับว่า...มีลึงค์นับร้อยนับพันมันทิ่มแทงเข้าไปพร้อม ๆ กันทั่วทั้งร่าง ติ่งเม็ดละมุดแดงระเรื่อซึ่งโผล่ออกมาให้เห็นเพราะแคมโยนีอ้าออกนั้น สั่นไหวระริก
เขาสอดสองแขนลอดใต้เข่าของดิฉัน กอดเอวดิฉันไว้มั่น พลางเริ่มขยับชักลึงค์กระเด้าเข้า ๆ ออก ๆ ช้า ๆ แล้วก็เริ่มถี่ยิบกดหนอกต่อหนอกหนัก ๆ มันแสนที่จะเพลิดเพลินในรูโยนี เมื่อลำลึงค์ครูดเข้าครูดออก ดิฉันต้องยกแขนขึ้นโอบกอดเขาไว้แนบแน่น เพื่อให้เขากระแทกได้ถนัดพลางสูดปากซี้ดซ้าด ตาหลับพริ้ม...เคลิบเคลิ้มเหมือนดังได้ขึ้นสวรรค์ทั้งเป็น น้ำเงี่ยนเริ่มไหลหยาดเยิ้มออกสู่ช่องสวาท จนเกิดเสียงดังเฉาะแฉะ
ไม่ช้าไม่นานนัก ร่างของดิฉันก็ต้องบิดตัวเป็นเกลียวด้วยความกระสันต์สวาทจับขั้วหัวใจ ฝ่ายข้างพี่เขาทีเด็ดของฉัน รู้อาการของดิฉันดีว่า จวนน้ำจะแตกอีกแล้ว จึงค่อย ๆ ผ่อนกระเด้าให้ช้าลง แล้วโอบร่างประคองให้ดิฉันลงมายืนพิงข้างโอ่งในลักษณะต่างคนต่างยืนด้วยกัน
เมื่อตะโพกอวบอัดของดิฉันพิงแนบกับข้างโอ่งมั่นแล้ว การกระเด้าอันเผ็ดร้อนรุนแรงก็เริ่มขึ้นใหม่อีกวาระหนึ่ง
พักเดียวเท่านั้น ดิฉันก็ต้องร้องครางออกมาด้วยความเสียวกระสันต์อันสุดทนอีกครั้งหนึ่งและครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะหนักกว่าเก่า เพราะสะโพกอันผายผึ่งของดิฉันมีหลักยันอย่างดี คือโอ่งน้ำใบใหญ่ ทำให้โยนีแอ่นกระแดะรับลึงค์ใหญ่ที่ทะลวงแทงเข้าไปได้เต็มที่เต็มทาง เขาเองก็เหมือนกัน ในท่ายืนเอากันแบบนี้ รูโยนีของดิฉันซึ่งฟิตตอยุ่แล้วโดยธรรมชาติแห่งความสาวอายุเพียงสิบแปด มันกลับยิ่งทวีความคับยิ่งขึ้น จนบีบลำลึงค์ไว้แน่นแทบชักออกมากระเด้าไม่ไหวเอาทีเดียว
ฉากการสังวาสอันเผ็ดร้อน ก่อนจะใกล้ถึงเวลาเลิกงานของทางราชการดำเนินต่อไปอย่างรุนแรงเผ็ดร้อนยิ่งขึ้นทุกขณะ
“อูย...ซี้ด...ผัวขา...หนัก ๆ เข้าอีกหน่อยค่ะ หนูใจจะขาดอยู่แล้ว อูย...ซี้ด...” ดิฉันครวญครางอย่างผาสุกสุดขีด สองแขนกอดและรั้งเอวเขาเข้าหาดิฉันแนบแน่น เหมือนจะไม่ยอมให้กระเด้า ข้างพี่เลิศก็เร่งเครื่องส่งลึงค์ใหญ่ ทำให้มันผลุบเข้าผลุบออกอย่างน่าเสียวไส้ พร้อมกับสูดปากดังซี้ดซ้าดอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งน้ำเงี่ยนของดิฉันและพี่เลิศหลั่งออกมาพร้อมกันอย่างเนืองนอง
ดิฉันและพี่เลิศ ประกบจูบกอดกันในท่านั้นอยู่เป็นเวลานาน เข่าอ่อนแทบจะยืนไม่อยู่เอาทีเดียว เพราะซัดกันอุตลุดถึงห้าเกมซ้อน พอพี่เลิศชักลึงค์อันหดเหี่ยวจากรูโยนี น้ำเงี่ยนก็ไหลพรูหยดลงที่พื้นแเหมะๆ ความรุ่มร้อนเล่นเอาทั้งพี่เลิศและดิฉันเหงื่อโทรมทั่วตัว จึงต่างพากันอาบน้ำชำระร่างกายให้สดชื่น ดิฉันรู้สึกว่าแคมโยนีบวมตุ่ย แดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นธรรมดาของสาวๆ เมื่อเริ่มถูกลึงค์ใหม่ ๆ โดยเฉพาะลึงค์ที่กระเด้าเก่งอย่างพี่เลิศคนนี้ อย่างไรก็ตาม รสชาติความอร่อยคันรูโยนียิบ ๆ เวลาเอากันนั้นทำให้ดิฉันลืมความเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพดียไปได้ดังปลิดทิ้ง
ในขณะที่ขัดสีฉวีวรรณให้กันและกัน โดยพี่เลิศล้วงควักล้างโยนีที่เปรอะเปื้อนน้ำเมือกให้ดิฉันอย่างไม่มีความรังเกียจแม้แต่น้อย ส่วนดิฉันก็ใช้สบู่ถูลึงค์ของพี่เลิศรูดเข้ารูดออก โดยปราศจากความรังเกียจเช่นเดียวกัน
มันก็น่าแปลกเหลือเกินนะคะ แม้ดิฉันและพี่เลิศจะผ่านความสนุกสนาน เย่อกัน จนน้ำแตกมาแล้วถึงห้าหนก็จริง แต่รสชาติอันเลอเลิศจากการเย่อกันมันมิได้ลดน้อยถอยลงไปเลย มันยังติดตรึงหัวใจแสบซึ้งโยนีอยู่มิรู้หาย
เมื่อต่างฝ่าย ต่างมาแตะต้องของลับซึ่งกัน ประกอบกับได้น้ำเย็นเยือกชโลมร่างกาย ความกระปรี้กระเปร่าในวัยหนุ่มสาวของเรา ก็กลับคืนมาสู่อีกวาระหนึ่ง
และในครู่ใหญ่ ๆ จากการล้วงไชโยนีบี้เม็ดละมุดไปมาด้วยมืออันซุกซนของพี่เลิศ ดิฉันก็เกิดความรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมา แปลกเหลือเกินค่ะ แปลกจริงๆ มันเหมือนกระแสร์ไฟฟ้าบวก-ลบที่โคจรมาพบกัน เพราะในขณะเดียวกับที่ดิฉันมีความรู้สึกขึ้นมา เจ้าท่อนลึงค์อันเหี่ยวหดของเขา ซึ่งดิฉันใช้สบู่รูดเข้ารูดออก ก็เริ่มพองตัวกระดุบขึ้นทีละน้อย จนกระทั่งแข็งเป็นลำยาวจนดิฉันแทบจะกำไม่รอบ ใบหน้าของดิฉันร้อนวาบและแดงเรื่อขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง รีบปล่อยมือออก พลางร้องอุทานออกมาเบาๆ
“อุ๊ย...! พี่เลิศ”
พี่เลิศหัวเราะหึ ๆ อยู่ในลำคอ มองดูดิฉันด้วยดวงตาหยาดเยิ้มแวววิงวอนขอร้อง ดิฉันรู้ดีว่าเขากำลังมีความประสงค์ จะขอความช่วยเหลือจากดิฉัน ขอให้ดิฉันช่วยใช้โยนีรีดน้ำเงี่ยนของเขาออกมาอีกเป็นหนที่หก ดิฉันแสร้งไว้ท่าสงวนศักดิ์ศรี เบือนหน้าไปเสียทางหนึ่ง
แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงของพี่เลิศก็กระซิบแผ่ว ๆ อยู่ข้างหูดิฉัน นึกแล้วไม่มีผิดว่าจะต้องเป็นอย่างนี้ ดิฉันคิดอยู่ในใจ เขากระซิบว่ายังไงหรือคะ ฟังดูซิคะ...ทุเรศจังเลย
“น้องรำพึง ขอให้พี่...ย...อีกครั้งเป็นการส่งท้ายเถอะนะ เกมนี้พี่ขอฟาดให้มันส์สักหน่อย”
ดิฉันทำเป็นนิ่งไม่ยอมตอบ แต่ใจจริงนั้นเม็ดละมุดกำลังเต้นกระดุบ ๆ ด้วยความยินดีปรีดาต่อคำขอร้องของเขาอยู่แล้ว
“ท่านี้จะเป็นท่าที่สนุกสนานและเลิศที่สุด”
พี่เลิศพูดขึ้นมาอีก พลางชี้มือไปทางมุมหนึ่งของห้องน้ำ “โน่น...น้อง...เห็นไหม ชิงช้าแห่งความสุขของเรา”
ดิฉันปลาบเข้าหัวใจ เมื่อมองเห็นชิงช้าไม้กระดานแผ่นเดียวผูกด้วยเชือกมะนิลาอันแน่นหนาเหมือนผู้ใหญ่ในบ้านนี้จะผูกไว้ให้เด็ก ๆ นั่งโล้เล่นก่อนที่จะอาบน้ำ
ยังมิทันที่ดิฉันจะปริปากตอบพี่เลิศว่ากระไร เขาก็คว้าข้อมือดิฉันเดินตรงไปที่ชิงช้าทันที
โดยไม่พูดพล่ามทำเพลงให้เป็นการเสียเวลา เขาหย่อนก้นนั่งแหมะลงไปก่อนทีเดียว ขาทั้งสองของเขาเหยียดตรงไปข้างหน้า ปลายเท้ายันไว้ที่พื้น ปล่อยท่อนเอ็นอันแข็งแกร่งหัวถอกรั้นตั้งโด่ขึ้นมา....
เห็นภาพเช่นนี้ทำให้ดิฉันใจเต้นระทึก แต่ก็ทำเป็นสะบัดสะบิ้งบอกเขาว่า
“อะไรก็ไม่รู้ พี่เลิศนี่แหละ สัปดนจังเลย”
เขาไม่ยอมตอบ แต่หัวเราะแหะ ๆ อย่างคนหน้าด้าน พลางดึงมือดิฉันให้ก้าวขึ้นไปนั่งคร่อมทับลงบนตักของเขา ดิฉันแกล้งทำขัดขืนพอเป็นพิธีอยู่ชั่วครู่ แต่แล้วก็ต้องอนุโลมตามเขาด้วยความกำหนัดยินดี
ดิฉันค่อย ๆ ก้าวขึ้นไปนั่งคร่อมทับลงบนตักเขาโดยหันหน้าเข้าหากัน ค่อย ๆ เผยอยกโคกโยนีให้รูสวรรค์ประชิดหัวถอกที่จดจ่อคอยท่าอยู่แล้ว เมื่อดิฉันทิ้งน้ำหนักลงไป ปลายลึงค์ก็บุกเบิกสองแคมถ่างอ้าออก มองเห็นติ่งเม็ดละมุดน้อย ๆ ครูดไคร้ถูไถกับคอกระจังอย่างเต็มตา มันค่อย ๆ เคลื่อนล้ำผ่านปากรูซึ่งชุ่มด้วยน้ำเงี่ยนเข้าไปทีละน้อย สองแคมโยนีบุบบู้ เม็ดละมุดผลุบตามเข้าไปอย่างน่าดู การที่ได้เห็นลึงค์เข้าโยนีอย่างถนัดตากลางวันแสก ๆ เช่นนี้ ทำให้ความกระสันเกิดขึ้นอย่างมากมายกว่าธรรมดาด้วยกันทั้งสองคน ต่างก็เสียวซ่านขนาดหนักจนแทบจะทนไม่ไหว เขาดันถอกอันแข็งโด่ส่งขึ้น ดิฉันก็จงใจนั่งทับให้มันพรวดพราดเข้าไปจนมิดลำทันที
พอลึงค์ชำแรกเข้ารูโยนีมิดสนิท เราสองคนก็โอบกอดรัดกัน แผ่นอกอันตึงเต่งของดิฉันทับกับแผ่นอกของเขาจนแทบจะบี้แบน มันเป็นการสังวาสที่มีรสชาติอันเลอเลิศจนเกือบจะทำให้น้ำแตกออกมาขณะเริ่มทำการสังวาสกันเลยทีเดียว ทั้งดิฉันและพี่เลิศต่างพยายามสะกดอารมณ์เงี่ยนไว้อย่างเต็มที่ เพราะกลัวน้ำจะออกเร็วเกินไป ดิฉันรู้สึกตื้อตันเข้าไปถึงท้องน้อย
สักครู่ใหญ่ ๆ พี่เลิศจึงกระซิบบอกดิฉันว่า
“เอาละ รำพึงจ๋า...กอดพี่ไว้แน่นๆ นะ พี่จะเริ่มโล้ชิงช้า”
ดิฉันค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองดูพี่เลิศอย่างชื่นชม สบตาเขาอย่างอาย ๆ แก้มแดงระเรื่อจนเขาอดใจไม่ไหวต้องจูบเข้าให้ฟอดหนึ่ง
“อุ๊ย...อย่าให้สูงนักนะคะ...พี่ขา...หนูกลัว...ตกลงไปละแย่เชียว”
เขาหัวเราะเบา ๆ คลายวงแขนออกจากร่างของดิฉันแล้วเอามือจับเชือกไว้มั่น ใช้ปลายเท้าถีบพื้นโล้ชิงช้าให้แกว่งโยนตัวไปมา
แรงแกว่งของชิงช้าทำให้ลำลึงค์ซึ่งจมอยู่ในรูโยนีเกิดอาการผลุบเข้าผลุบออกเป็นจังหวะ แม้จะไม่รุนแรงนัก แต่ความที่มันเข้าไปลึกสุดลำ และพี่เขยซึ่งเปลี่ยนมาเป็นผัวซบหน้าลงที่นมเต่งตึง จูบเฟ้นสองเต้าอยู่ฟอด ๆ ดิฉันก็รู้สึกเสียวซ่านจนบอกไม่ถูก เล่นเอาต้องเอามือช่วยเขาโล้ชิงช้าเป็นการใหญ่ พร้อมกับกระซิบกระซาบบอกเขาด้วยเสียงกระเส่าว่า
“อูย...ซี้ด...พี่เลิศขา...หนูจะแย่แล้วค่ะ...อูย...ดีอะไรอย่างนี้พี่จ๋า...”
เท่านี้เขาก็รู้ความหมายว่า ดิฉันเริ่มหลั่งน้ำทิพย์ออกมาแล้ว เขาจึงเร่งระดมจูบนมซ้ายขวาของดิฉันเป็นการใหญ่ พร้อมกันก็โล้ชิงช้าจังหวะถี่เข้า และโยกเอวให้หัวถอกถูไถบริเวณปากมดลูก ดิฉันสุดจะทนนิ่งอยู่ได้ ต้องกอดเขาแนบแน่นเกือบจะเป็นเนื้อเดียวกัน สองขายกขึ้นโอบรัดเอวของเขาไว้ และส่ายโยนีแอ่นรับร่อนไปมาไม่หยุดหย่อน ทั้งสองสูดปากแข่งกันดังซี้ดซ้าดไม่ขาดระยะ หายใจฟืดฟาด กล้ามเนื้อทุกส่วนเกร็งขนลุกเกรียว
“พี่เลิศขา...อูย...เร็วค่ะ...เร็ว...น้ำหนูกำลังจะออกแล้ว...อูย...ซี้ด...”
สิ้นเสียงกระซิบกระซาบด้วยความกระสันสวาท ดิฉันก็สะดุ้งสุดตัว หลั่งน้ำสวาททิพย์รสจากห้วงเหวสวรรค์จนชุ่มโชกลำลึงค์ซึ่งดิ้นกระดุบ ๆ สูบฉีดน้ำรักอันขาวข้นเข้าสู่ปากมดลูกของดิฉันอย่างสุดกำลัง แล้วก็ไหลย้อนออกมาอาบรูโยนีและลำยาวของมันเอง มันเป็นความสุขสุดยอดอย่างไม่สามารถจะบรรยายได้ถูกต้อง นอกจากใครจะได้มาประสบอย่างดิฉันและพี่เลิศเท่านั้น
ดิฉันและพี่เลิศกลับไปถึงบ้านก่อนพี่รำภาจะกลับเพียงเล็กน้อย พี่รำภาหารู้ไม่ว่าในวันนี้ดิฉันและพี่เลิศได้ลักลอบเล่นสวาทกันจนชื่นฉ่ำหัวใจถึงหกเกมรวด

ในวันรุ่งขึ้น...
พี่เลิศก็ออกเดินทางไปสมรภูมิเกาหลี การจากไปของพี่เลิศ ทำให้ดิฉันมีความอาลัยอาวรณ์เป็นสุดประมาณ เพราะมันหมายถึงความสุขในรสสวาทที่ดิฉันได้รับจากพี่เลิศ ต้องโบยบินจากไปด้วย แต่ดิฉันก็ไม่สามารถจะแสดงความรู้สึกนี้ให้ผู้หนึ่งผู้ใดทราบได้ นอกจากจะเก็บเงียบไว้ในใจแต่เพียงคนเดียว
จากสายตาของดิฉัน ที่ได้ใช้ความสังเกตอย่างใกล้ชิด ดิฉันรู้สึกว่าการจากไปของพี่เลิศครั้งนี้ พี่รำภาไม่แสดงกิริยาตื่นเต้นตกใจหรืออาลัยอาวรณ์แต่อย่างใดออกมาเลย ตรงข้าม ดิฉันกลับเห็นว่า พี่รำภาพยายามซ่อนเร้นความปีติยินดีไว้ในหน้าอย่างสุดความสามารถ ถึงกระนั้นก็หาได้รอดพ้นไปจากสายตาและความสังเกตของดิฉันไม่
ถูกละ...ทำไมพี่รำภาจะไม่ชื่นชมปีติยินดีต่อการจากไปอย่างกระทันหันของพี่เลิศครั้งนี้ ความหมายของมันก็คือ...อิสระเสรีภาพในอันที่จะประกอบกิจพฤติการณ์อันน่าบัดสีใด ๆ โดยปราศจากอุปสรรคขัดขวาง ได้กลับคืนมาสู่พี่รำภาอีกครั้งหนึ่ง เช่นเดียวกับการจากไปรบในสมรภูมิเกาหลีครั้งแรกของพี่เลิศ
และนั่นก็คือ...ประตูบ้านได้เปิดรับพ่อรูปหล่อกระดอใหญ่ผู้เป็นชู้รัก คือคุณชลิตโดยไม่ต้องหวั่นเกรงอันตรายใด ๆ ทั้งสิ้น นึกถึงความจริงในเรื่องนี้ ก็ทำให้ดิฉันเพิ่มความสงสารพี่เลิศยิ่งขึ้น แกหาได้เฉลียวใจสักนิดไม่ว่า ตาแดงลูกของพี่รำภา ซึ่งเพิ่งออกมาชมโลกได้เดือนเศษ ๆ นั้น หาใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของแกไม่ แท้ที่จริงก็คือ หยาดอสุจิของพ่อรูปหล่อชลิตนั่นเอง...
ทุกอย่างเป็นไปตามความคาดหมายของดิฉันไม่ผิดเพี้ยน พี่เลิศออกจากบ้านไปเพื่อราชการ เวลาในตอนหกโมงเย็นเศษ ๆ พลบค่ำ คุณชลิตก็โผล่หน้ามาทันที
จะมีอะไรเสียอีกล่ะคะ ถ้าพี่รำภาไม่ส่งข่าวนี้ให้คุณชลิตรู้ เขาจะรู้ได้อย่างไร....
เขาฉลาดพอที่จะพยายายามสำรวมท่าทีกับความกระหายของเขา ก่อนจะถึงเวลาเช่นเดียวกับที่ได้เคยกระทำมาแล้ว
นั่นคือ แกล้งทำเป็นแขกที่คุ้นเคย เหมือนทุก ๆ ครั้งที่เขามา คือนั่งคุยกับดิฉันและพี่รำภาที่ระเบียงบ้านซึ่งจัดไว้เป็นห้องรับแขก ดิฉันรู้ไต๋ของเขาดี แกล้งทำเป็นคุยด้วยอย่างเสียไม่ได้อยู่ชั่วครู่ ก็หลบเข้ามาในห้องเสีย เพื่อเปิดโอกาสให้เขาได้คุยกันตามลำพัง
เวลาผ่านไประมาณสองทุ่มเศษ ๆ เสียงกระซิบกระซาบสลับกับเสียงเตียงลั่นก็ดังขึ้นภายในห้องพี่รำภา เท่านี้ก็เป็นความหมายที่ไม่ต้องการคำอธิบายใด ๆ ทั้งสิ้น
ดิฉันพยายามข่มสติ ข่มใจที่จะไม่แอบดูเขา แต่แล้วก้ไม่เป็นผลสำเร็จ ไม่รู้ว่ามีอำนาจเร้นลับอะไรที่ทำให้ยั้งใจไม่อยู่
ในที่สุดก็ต้องยกเก้าอี้ขึ้นมาต่อบนเตียงเพื่อแอบดูเขาทางช่องระบายอากาศเช่นที่เคยทำมาแล้ว
ภายในห้องของพี่รำภา สลัวด้วยแสงไฟขนาดสิบห้าแรงเทียน แต่ถึงกระนั้นดิฉันก็สามารถจะมองเห็นภาพได้กระจ่างชัดเช่นเดียวกับครั้งก่อน ๆ
การร่วมสวาทของพี่รำภากับคุณชลิตในคืนวันนี้ คล้ายกับว่า....เป็นการฉลองโชคชัยในการจากไปของพี่เลิศอย่างกะทันหันเช่นนั้นแหละค่ะ
พอเริ่มต้น...เขาก็เปิดฉากการแสดงด้วยท่าอันดุเด็ดเผ็ดมันทีเดียว ดิฉันสะท้านไปทั่วเรือนกาย เลือดฉีดแรงจนร้อนผ่าวไปหมดทั่วทุกขุมขน หัวใจเต้นแรงและเร็ว จนเกือบจะเป็นกลองรัวต่อภาพที่มองเห็นอยู่เฉพาะหน้านี้
ร่างของคุณชลิตและพี่รำภาเปลือยเปล่าล่อนจ้อนด้วยกันทั้งสองคน นอนกอดก่ายเกี่ยวกระหวัดรัดกันอยู่บนที่นอน จนมองดูแทบจะดูไม่ออกว่าแขนและขาของใคร เพราะต่างฝ่ายต่างก็เกี่ยวกระหวัดรัดกัน จนดูเหมือนงูสองตัวพันกัน
ฝ่ายชายจูบแก้มฝ่ายหญิงเสียงดังฟอด ส่วนมือของฝ่ายหญิงก็ป้วนเปี้ยนที่หว่างขาฝ่ายชาย
ดวงตาของดิฉันเบิกกว้างขึ้นเด็กน้อย เมื่อมองเห็นเจ้าท่อนเนื้อที่หว่างขาคุณชลิต ตามธรรมดาคุณชลิตก็มีลึงค์อันยาวใหญ่อยู่แล้ว มันใหญ่และยาวยิ่งกว่าที่เลิศเป็นไหน ๆ และในคืนนี้ไม่รู้ว่าแกใช้ยาอะไรทา มันจึงใหญ่โตอย่างน่าพรั่นใจนัก ดิฉันมองเห็นไม่ถนัดว่าความใหญ่ของมันขนาดไหน แต่ก็พอจะประมาณคร่าว ๆ ได้ว่า มันจะต้องใหญ่จริง ๆ เพราะมือของพี่รำภาที่กำมันยังไม่รอบเลย ส่วนความยาวนั้นเห็นจะขนาดคืบเศษ ๆ ของดิฉันได้ ถ้าจะประมาณให้ถูกต้อง ก็ตกราวๆ เก้านิ้วเห็นจะได้ เมื่อได้คิดคำนวณอยู่ในใจแล้ว ดิฉันก็ใจหายวาบ เพราะถ้าลึงค์ของผู้ชายมีความใหญ่และยาวขนาดนี้ เวลามันเสียบเข้าไปในรูโยนีของผู้หญิงทั้งหมด ผู้หญิงจะมีความรู้สึกอย่างไร คิดแล้วดิฉันก็ใจเต้นระรัวขึ้นมาอีกอย่างไม่เป็นส่ำ
นอกจากความใหญ่และยาวอันน่าสะพรึงกลัวของมันเท่าที่ดิฉันได้เห็นด้วยตาแล้ว หัวของเจ้าชะโดยักษ์เท่าที่มองเห็นด้วยตาขณะนี้ มันถอกบานใหญ่อย่างน่าเกลียดน่ากลัวยิ่งนัก
ขณะที่ดิฉันกำดังเพ่งพินิจ และครุ่นคิดด้วยใจคออันไม่ปกตินั้นเอง ดิฉันก็ได้ยินเสียงคุณชลิตพูดอะไรพึมพำกับพี่รำภา
ในฉับพลันที่สิ้นเสียงคุณชลิต พี่รำภาก็พลิกกายลุกขึ้นนั่งทันที ส่วนคุณชลิตยังนอนหงายเหยียดยาวอยู่บนที่นอนเช่นเดิม
บัดนี้เอง ท่อนเอ็นของคุณชลิตซึ่งดิฉันมองเห็นอย่างเลือนรางในตอนแรก ก็ได้เห็นอย่างโจ่งแจ้งชัดเจนถนัดตา ของพี่เลิศว่าใหญ่ยาวแล้วยังเป็นรองอยู่ลิบลับ มิน่า...พี่รำภาได้ลิ้มรสลึงค์ขนาดนี้แล้วจะไปสนใจใยดีอะไรกับพี่เลิศซึ่งมีลึงค์เล็กและสั้นกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้
เนื่องจากคุณชลิตนอนหลายเหยียดยาว ลึงค์ที่ลุกโด่ของเขาจึงผงาดชี้ฟ้า หัวถอกอันซีดคล้ำบานใหญ่ยิ่งกว่าเก่า เพราะความหื่นกระหายอย่างแรงกล้า มันโยกเยกผงกหัวอยู่หงึกหงัก
เสียงคุณชลิตกระซิบกระซาบ บอกอะไรพี่รำภา แล้วภาพอันตื่นตาตื่นใจก็ปรากฏแก่ดิฉันเมื่อมองเห็นพี่รำภากำลังพาร่างอันอวบอัดขาวผ่องขึ้นไปขี่คร่อมร่างคุณชลิต เช่นเดียวกับที่พี่เลิศได้สอนให้ดิฉันกระทำมาแล้ว
จากความเคลื่อนไหวของพี่รำภาในลักษณะนี้ ดิฉันจึงพอจะทราบได้ว่า การที่คุณชลิตแกบอกพี่รำภาด้วยเสียงพึมพำ ก็คือขอร้องให้พี่รำภาเป็นผู้คร่อมขี่ และหยิบยื่นความสุขให้แก
พี่รำภาอยู่ในลักษณะจด ๆ จ้อง ๆ เหมือนจะขยาดในความใหญ่โตของท่อนลึงค์ เพราะอย่างน้อยพี่รำภาก็คงจะสำนึกได้ว่า แกเพิ่งจะคลอดลูกได้เพียงเดือนเศษ ๆ จึงควรจะต้องใช้ความระมัดระวังอยู่มากในการสังวาส โดยเฉพาะเป็นการสังวาสกับชู้รักที่มีลึงค์ทั้งยาวและใหญ่เช่นนี้
และด้วยเหตุนี้ ร่างของพี่รำภาซึ่งขึ้นไปขี่อยู่บนร่างคุณชลิต จึงค่อย ๆ ขยับเขยื้อนสะโพกให้โคกโยนีตรงกับหัวบัก พอปากแคมครอบหัวกระจัง แกก็หย่นสะโพกทับลงไป เป็นการกระทำอย่างเนิบนาบเหมือนจะหวั่นเกรงอยู่ในที
เพราะความเชื่องช้านี่เอง ทำให้คุณชลิตทนไม่ได้ ดังนั้น พอปลายถอกตรงกับปากรู แกก็เอื้อมมือไปยึดสะโพกของพี่รำภาไว้ พลางแอ่นเอวกระแทกลึงค์สวนขึ้นไป คราวนี้เองที่ดิฉันได้ยินเสียงพี่รำภาร้อง “อุ๊ย...” ออกมาเบา ๆ
แน่ละ การเด้งกายกระแทกลึงค์สวนขึ้นไปเต็มแรง ย่อมไม่มีปัญหาอะไรที่ปลายบานจะไม่มุดเข้าไปในรูได้หมดทั้งหัวกระจัง
ความจริง พี่รำภาเป็นหญิงที่มีโยนีโคกขาวและใหญ่ไม่ใช่น้อย การที่มาเจอลึงค์ขนาดทัดเทียมกันนี้ จึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมกันอย่างยิ่ง
พอหัวถอกผ่านแคมโยนีเข้าไปแล้ว พี่รำภาก็ค่อย ๆ กดสะโพกลงไป และทุกครั้งที่กดสะโพกลงไป คุณชลิตก็จะเด้งกายสวนลึงค์ขึ้นมาทุกครั้ง ดิฉันมองเห็นใบหน้าของพี่รำภาเหยเก และสูดปากดัง ๆ ทุกครั้งที่หย่อนก้นลงไป และอีกฝ่ายกระเด้าสวนขึ้นมา ใกล้ที่ลึงค์จะเข้ารูจนหมดมิดอยู่แล้ว พี่รำภาก็หยุดนิ่งเสียเฉย ๆ
การที่พี่รำภาหยุดนิ่งเพราะความเสียว ทำให้คุณชลิตบังเกิดความเงี่ยนง่านยิ่งขึ้น ก็สุดที่จะยอมให้พี่รำภาอิหลักอิเหลื่อต่อไปได้
โดยรวดเร็วจนแทบจะดูไม่ทัน คุณชลิตพลิกร่างพี่รำภาลงข้างล่าง ให้นอนหงายเหยียดยาวอยู่บนที่นอน ส่วนตัวเขาก็ขึ้นคร่อมขี่ทันที จับขาทั้งสองของพี่รำภาขึ้นพาดบ่า จ่อปลายถอกให้ตรงกับรู พอได้ระดับตรงก็ซอยกระเด้าถี่ยิบเหมือนคนตายอดตายอยาก เป็นการกระเด้าอย่างหักโหมรุนแรง ทำให้ร่างของพี่รำภาสั่นสะท้านหัวคลอนไปมา พร้อมทั้งระงมเสียงร้องครวญครางออกมาอย่างไม่เป็นส่ำ เพียงอึดใจเดียวคุณชลิตก็กระเด้าจนลึงค์มิดหายเข้าไปในรูโคกจนหมดสิ้น และในครู่ใหญ่ ๆ ต่อมานั้นเอง ทั้งคุณชลิตและพี่รำภาก็มีอาการตัวสั่นขึ้นมา เพราะการหักโหมกระเด้าอย่างไม่คิดชีวิตของคุณชลิตนั่นเอง ทำให้ต่างคนต่างก็ทนความเสียวซ่านไว้ไม่ไหว จึงได้หลั่งน้ำรักออกมาตอบโต้กันอย่างนองเนือง ตอนนี้ดิฉันเห็นเขากอดกันกลมดิกทีเดียว ขาต่อขา แขนต่อแขนกระหวัดรัดกันแนบแน่น ทั้งคู่ประกบร่างกันสนิท แสดงถึงการสุขสมหลังการสังเวยรักครั้งแรกได้ผ่านไปแล้ว
ดิฉันค่อย ๆ ก้าวลงจากเก้าอี้ที่ใช้แอบมองด้วยความรู้สึกปั่นป่วนรัญจวนใจ ถ้าเป็นเวลากลางวันก็จะมองเห็นชัดว่า ใบหน้าของดิฉันแดงก่ำด้วยเลือดที่ฉีดแรง มันฉีดซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย เพราะภาพยั่วยุอารมณ์ใคร่ที่ได้แอบดู
ถ้าดิฉันไม่รู้รสชาติขององคชาติเพศตรงข้ามมาก่อน ดิฉันก็คงจะไม่มีความรู้สึกรุนแรงอะไรนัก แต่นี่...เคยได้ลิ้มรสมาแล้ว มันจึงเป็นการทรมานจิตใจอย่างรุนแรง ความจริงก็ควรจะสมน้ำหน้าตัวเองที่ชอบแอบดูเขา
เวลาผ่านพ้นไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมงเศษ ดิฉันก็ได้ยินเสียงพูดพึมพำภายในห้องดังขึ้นอีก เป็นเสียงห้าว ๆ และเสียงแหลมเล็กของคุณชลิตกับพี่รำภาดังสลับกันอย่างแผ่วเบา ขณะนี้เป็นเวลาสามทุ่มเศษ เขาคงจะนึกว่าดิฉันหลับไปแล้ว แต่แท้จริงดิฉันนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง ความคิดพุ่งรวมไปที่พี่เลิศ อยากให้พี่เลิศมาปรากฏตัวภายในห้องขณะนี้เหลือเกิน จะได้ช่วยบำบัดอารมณ์ใคร่ให้ดิฉัน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะพี่เลิศจากไปแล้ว จากไปเพื่อประเทศชาติ ดังนั้นจึงเป็นความคิดลม ๆ แล้ง ๆ ไปตามลำพัง
เสียงกระซิบกระซาบระหว่างคุณชลิตกับพี่รำภาดำเนินต่อมาอีกครู่เดียวก็เงียบหายไป
พอสิ้นเสียงเงียบหายไป เสียงเตียงก็ร้องลั่นเอี๊ยด ๆ สลับกับเสียงสูดปากดังขึ้นมาอีก เท่านี้ก็แสดงให้ทราบได้ว่า คุณชลิตกับพี่รำภากำลังลักลอบเล่นสวาทกันในเกมที่สองภายหลังจากเกมที่ได้ผ่านไปแล้วอย่างถึงพริกถึงขิง
ดิฉันนอนใจเต้นระทึก รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งตัว เมื่อนึกว่า...ขณะที่พี่รำภากับคุณชลิตกำลังสังวาสกันอย่างดุเดือดอีกแล้ว แต่ก็ไม่สามารถจะทราบได้ว่าเขากำลังเล่นกันในท่าไหน ใจหนึ่งอยากจะปีนเก้าอี้ขึ้นไปแอบดูอีก แต่อีกใจหนึ่งก็พยายามหักห้ามไว้ เพราะรู้ดีว่าเป็นการทรมานจิตใจให้กระวนกระวายหนักขึ้น ดังนั้นจึงฝืนใจนอนเฉย ๆ ฟังเสียงเตียงลั่นและเสียงสูดปากของคนทั้งสองต่อไปเป็นเวลานาน ไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงเสียงจึงเงียบหายไป แล้วต่อจากนี้ไม่นาน ดิฉันก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ครางกระหึ่มขึ้นเบา ๆ ที่หน้าประตูบ้าน แสดงว่าคุณชลิตกลับไปแล้วภายหลังที่ได้ฝากสวาทกับพี่รำภาสองเกมซ้อน ๆ ติด ๆ กัน ดิฉันถอนใจเบา ๆ อย่างโลกอก แต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถจะหลับได้ง่าย ๆ เพราะความคิดอันฟุ้งซ่านในทางกามารมณ์ กว่าจะหลับได้ก็เกือบเที่ยงคืน หลับไปทั้ง ๆ ที่จิตใจหาสงบไม่
ความจริงเรื่องราวของดิฉัน หาได้สิ้นสุดยุติลงแต่เพียงนี้ไม่ ดิฉันยังต้องเผชิญชีวิตในทางกามารมณ์อย่างโลดโผนสนุกสนานต่อไปอีก
หากแต่เป็นเพราะหน้ากระดาษจำกัด ดิฉันจึงขอยุติไว้แต่เพียงนี้ก่อน ไว้โอกาสอันสมควร ดิฉันจะได้นำประสบการณ์ของดิฉันมาตีแผ่ให้ท่านผู้อ่านได้ทราบอย่างละเอียดถ่องแท้ต่อไป รับรองว่าจะเล่าแบบกะเทาะเปลือกตัวเองเชียวค่ะ....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น