บนเส้นทางชีวิต ตอนที่4--after party--
ตื่นอีกทีเมื่อน้องผู้หญิงมาปลุก
ปาร์ตี้เลิกแล้วเขาปิดไฟเหลือไม่กี่ดวง
น้องเขาบอกให้ผมไปนอนห้องแอร์ชั้นล่าง
ผมยังคาใจว่าเธอบอกกับเจ๊ว่าจองผมหรือ
เธอบอกว่าไม่ได้บอกและคุยกับแฟนเธอเข้าใจแล้ว แฟนเขารู้นิสัยเจ๊ดี
ผมบอกว่านอนบนนี้ก็ได้ไม่เป็นไร เธอบอกว่าลงมาเหอะ
ผมเดินตามลงมาไม่คิดอะไรล่วงหน้าแล้วอะไรๆมันก็เปลี่ยนได้ทุกที
ผมขอตัวเข้าห้องน้ำออกมาเธอยังยืนรอ
ผมอดใจไม่ไหวจึงกอดเธอบอกเดี๋ยวให้กอดในห้อง
เปิดประตูห้องเข้าไปห้องปิดไฟมืด
ผมเห็นน้องกุ๊กไก่นั่งนุ่งผ้าขนหนูนั่งอยู่บนโซฟา
เธอพาน้องกุ๊กไก่มานอนที่ห้องนี้ เธอเช็ดตัวน้องเขาสร่างเมาแล้ว
กำลังนั่งดูกิจกรรมที่กำลังเกิดขึ้นในอีกห้องหนึ่งผ่านกระจก
ผมเข้าไปดูใกล้ๆเห็นแสงจากอีกห้องสาดผ่านกระจกมาที่หน้าเธอ
จำห้องเล็กที่ต่อจากห้องใหญ่ที่ผมบอกว่ามีเตียงคู่ 1เตียง
มีโซฟาอยู่ปลายเตียงตั้งหันหน้าเข้ารูปที่ติดอยู่บนผนังได้มั้ยครับ
ผมบอกว่าปลายเตียงมีรูปม้าวิ่งแขวนไว้
ใต้รูปมีกุญแจดอกเล็กๆล๊อคไว้ไม่ให้ปลดรูปออกได้ เธอไขกุญแจปลดรูปออก
หลังกรอบรูปนั้นตรงกับกระจกที่อยู่ในห้องใหญ่ตามที่ผมเคยบอกว่า
ผนังที่แบ่งห้องด้านในติดกระจกสลับกับปูนเป็นช่วงๆแบบในโรงแรมม่านรูด
กระจกนั้นเป็นแบบแบบ One Way Mirror Film
ถ้าห้องเล็กมืดกว่าห้องใหญ่เมื่อปลดรูปที่ล๊อคกุญแจออกจะมันสามารถมองทะลุไปในห้องใหญ่ได้
เหมือนรถที่ติดฟิล์มทึบมองจาด้านนอกเข้าไปไม่เห็นนั่นแหละครับ
น้องผู้หญิงดันตัวผมไปนั่งบนโซฟาให้นั่งชิดกับตัวน้องกุ๊กไก่แล้วเธอนั่งขนาบผมไว้
ผมนั่งกลางระหว่างสองสาว ผมมองผ่านกระจกไปยังอีกห้อง
เห็นกิจกรรมที่กำลังเกิดขึ้นในห้องใหญ่
หลังจากเลิกปาร์ตี้ข้างนอกเขาคงจะมาต่อกันที่ห้องนี้
ภาพที่ผมเห็นคือเจ๊กำลังเลสให้น้องพิม ส่วนน้องแว่นกำลังคลานท่าหมา
มีน้องไพรปะกบหลัง น้องผู้ชายประกบหน้า
เจ๊แกเลสได้เองบุคลิกจึงไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไป
น้องกุ๊กไก่นั่งจ้องไม่วางตา
สำหรับคนที่ไม่เคยเห็นหนังสดได้ดูสดว่าตื่นเต้นแล้ว
ถ้าคนที่กำลังแสดงสดเป็นเพื่อนเรามันยิ่งตื่นเต้นขึ้นอีก
ผมขอบรรยายเหตุการณ์ในห้องใหญ่แค่นี้ครับ
น้องผู้หญิงเริ่มรุกผม
ผมก็ประกบปากแลกลิ้นมันนานแล้วไม่ได้เจอกัน ผมไม่หันไปทางน้องกุ๊กไก่เลย
ต่อให้แก้ผ้าออกหมด สวยแค่ไหนแต่เจ๊แกชี้บอกว่ายกเว้นไว้แล้ว
มันเหมือนอยู่ในน้องอยู่ในระดับ0คือเข้าร่วมอยู่ในเหตุการณ์ได้แต่แตะต้องตัวไม่ได้คนที่เป็นเอน-เนอร์จริงๆไม่มีคนไหนกล้าเสี่ยงหรอกครับ
ยิ่งรุ่นใหญ่อย่างผมยิ่งต้องระวังแต่วันนี้ยอมรับว่าผมแพ้เกมส์ของเจ๊
เราอายุห่างกันไม่มาก
กระดูกเบอร์เดียวกันผมโดนเจ๊โยนระเบิดใส่2ตู้มก็ตายครับ
ถูกไล่ทางอ้อมออกนอกวงแล้วเจ๊ก็ยึดวงไป
(อย่าคิดว่าตัวเองแน่เพราะไม่ว่าวงการไหนจะต้องมีคนที่เก่งกว่า)
ผมกับน้องผู้หญิงยังคงเล้าโลมกันข้างๆน้องกุ๊กไก่
เธอถอดกางเกงผมออกเหลือกางเกงบ็อคเซอร์
ผมนั่งบนโซฟาเธอคุกเข่าพอดึงบ็อคเซอร์ออกผมก็ไม่เหลืออะไร เธอก็ทำออรัล
น้องกุ๊กไก่ขยับตัวออกหันมามอง พอมันได้ที่เธอก็ขึ้นคร่อมหน้าขา
หันหน้าเข้าหากันแล้วโยก
เธอโยกๆหยุดๆอยู่นานบนโซฟามันไม่ถนัดผมอุ้มแตงไปที่เตียง
ผมเริ่มซุกไซ้ฟอนเฟ้นใหม่เธอบอกใจเย็นๆ
ลุกขึ้นไปดึงมือน้องกุ๊กไก่มานอนบนเตียง
ดึงผ้าขนหนูออกน้องกุ๊กไก่ก็ล่อนจ้อน
เธอเอาหน้าฟอนเฟ้นปทุมถันน้องกุ๊กไก่แล้วจับมือผมไปกุมปทุมถันน้องกุ๊กไก่
ผมชักมือกลับถอยตัวออกห่าง เธอเอาผ้าขนหนูปิดปทุมถันน้องกุ๊กไก่ไว้
ผมคิดจะออกจากห้องเพราะมันถลำลึกแล้วเหมือนน้องผู้หญิงอ่านอาการผมออกจึงบอกว่าเธอคุยกับน้องกุ๊กไก่แล้วช่วงที่น้องเมาแล้วเธอประคองมานอน
น้องเขาโอเคถ้าผู้ชายจากห้องใหญ่มาห้องนี้และเธอต้องอยู่กับเขาด้วยแต่น้องกุ๊กไก่ไม่ยอมไปที่ห้องใหญ่
แม้สาวๆเขาคุยกันมาในรถตอนเดินทางมาแล้วแต่อะไรก็เปลี่ยนอย่างที่ผมบอกว่าอย่าคาดเดาอะไรล่วงหน้า
เราอย่าลืมอย่างหนึ่งนะครับว่าน้องผู้หญิงเขาเข้าใจในส่วนของ husband
sharing เขามีกลุ่มและคุยกันจนมีสาวโสดบางคนขับรถมาพักกับที่โฮมสเตย์ได้
แล้วในสถานการณ์ที่เป็นใจแบบนี้ เธอคงคุยให้น้องกุ๊กไก่ลอง Free play
นั่นแหละ
husband sharing มันไม่ใช่ "เธอเอาผัวฉันไปเลย"
แต่มันอยู่บนพื้นฐานว่า "เรามาสนุกด้วยกันมั้ย"
ส่วนมากภรรยาจะเข้าร่วมกับสามีด้วยเป็นทรีซั่มหรือโฟร์ซั่ม1-3
เป็นเซ็กส์ที่ผู้เข้าร่วมใหม่ถึงแม้รู้ว่าผู้ชายมีภรรยาแล้วแต่ก็ยินดีเข้าร่วมเพราะภรรยาเขาแบ่งปันให้ไม่ใช่แอบแซ่บ
มันไม่ได้เกี่ยวกับหาผัวไม่ได้หงี่แล้วไปขอใช้ผัวชาวบ้าน
ผู้หญิงที่เข้าร่วมด้วยเขาไม่ได้เป็นคนที่จะลดคุณค่าตัวเองขนาดนั้น
เขามีตัวตนและเขายังต้องมีบทบทาทอื่นๆในสังคมเซ็กส์รูปแบบนี้บ้านเราน่าจะมีน้อยมาก
สาเหตุเพราะผู้ชายมักจะไม่เข้าใจบทบาทตัวเองว่าเมื่อจบแล้วก็ต้องจบเลย
แม้หญิงฝ่ายที่เข้าร่วมจะทอดสะพานสานต่อหรืออาจมาจากตัวผู้หญิงที่ก้าวข้ามความหึงหวงไม่พ้น
รวมถึงเรื่องนี้มันปกปิดหรือทางกฎหมายอาจตีความว่ามีความผิดในข้อหาเป็นธุระจัดหา
คนส่วนน้อยที่จะพบช่องทางการสื่อสารกันและกันได้
เธอไปปลุกผมจากที่นอนด้วยสาเหตุนี้
ไม่ใช่การจองไว้ตั้งแต่หัวค่ำดังคำเจ๊ เมื่อทุกอย่างเข้าใจตรงกัน
มันจึงไม่ยากที่ทุกอย่าง "มันจะดำเนินต่อไป"
ไม่ต้องบรรยายก็นึกออกว่าเกิดอะไรในห้องนี้
เวลาผ่านไปจนมันจบลงตรงที่ทุกคนถึงจุดหมายสมประสงค์ ส่วนอีกห้องยังไม่เลิก
เขาสองคนจากเอน-เนอร์
กลายเป็นหมาบลูด็อกที่กัดแล้วเขี้ยวล๊อคถ้าไม่ฟัดเหยื่อจนขาดใจตายก็อ้าปากถอนเขี้ยวไม่ได้
ผมเห็นยังฟัดเหยื่อจนหัวเหวี่ยงหัวคลอนเหยื่อบางตัวก็โดนเขี้ยวสลบนิ่งไปแล้ว
ก็ตอนแรกเหยื่อยังอยู่ข้างบน กดเอน-เนอร์ให้เป็น Under dog อยู่เลย คำว่า
Under dog หมายถึงหมาตัวล่าง เรานึกถึงตอนหมากัดกัน หมาตัวที่นอนหงาย
ม้วนหางจุกตูดแล้วมีหมาตัวบนแยกเขี้ยวคร่อมอยู่
ตัวที่คร่อมอยู่บนมักเป็นตัวชนะ
ตัวล่างมักเป็นตัวแพ้แต่งานนี้ทำไมตัวบนจึงแพ้
ถูกฟัดเสียสลบเหมือดซะอย่างนั้น ผมย่องออกจากห้อง
ปีนบันไดขาสั่นๆขึ้นไปนอนในเต็นส์หลังเดิม
นึกในใจว่าเจ๊แน่ใจหรือว่าเป็นคนคุมเกมส์
หากเป็นคนคุมเกมส์จริงๆแล้วทำไมจึงปล่อยให้แมวหง่าวอย่างผมเข้าไปขโมยปลาย่างได้
--นอนครับพรุ่งนี้เขาจะออกไปเที่ยวข้างนอกกัน---
ในเวลาที่กำลังเขียนข้อความนี้
ผมไม่ตัดสินว่าน้องกุ๊กไก่ทำผิดหรือไม่ มันอยู่ที่มุมมองครับ
บางคนอาจมองว่าพวกเรามันเลว มีวิธีแยบยล ผู้หญิงที่หลงเชื่อก็ตามไม่ทัน
แต่เอาจริงๆแล้วเขาไม่ใช่ผู้เยาว์เขามีวุฒิภาวะและไม่ได้ถูกกระทำตอนไร้สติสัมปชัญญะ
แม้ตอนน้องเปลีอยกายอีกคนจับมือของอีกคนไปจับปทุมถันเพราะคุยกันเข้าใจแล้วแต่อีกคนยังไม่รู้
ยังหดมือกลับเพราะคิดว่ากำลังล่วงละเมิดร่างกายเขาผมคิดว่าน้องกุ๊กไก่เธอมีสิทธิ์ในชีวิตและร่างกายของตัวเอง
มีสิทธิ์เลือกว่าจะทำตามความต้องการตัวเองหรือเชื่อใครก็ไม่รู้ที่สอนต่อๆกันมาว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้
"ทั้งๆที่คนสอนบางครั้งทำในสิ่งที่ตัวเองสอนคนอื่นยังไม่ได้"
"น้องกุ๊กไก่"
ในที่นี้ผมหมายถึงน้องที่ผมเจอและน้องคนอื่นที่เคยไปพักที่นั่นและผมไม่ได้เจอ
พวกเขาต่างเป็นคนธรรมดา มีตัวตน มีหน้าที่ตำแหน่งการงาน
เสียภาษีแต่พวกเขาเลือกที่จะทำตามความต้องการของตัวเองการตัดสินถูกผิดมันจึงไม่ใช่เรื่องของคนอื่น
"ตัวเขาเองจะตัดสินว่ามันถูกหรือผิด"
ใครไม่มีสิทธิ์ตัดสินใครในเรื่องส่วนตัวที่ไม่ได้กระทบคนอื่นให้เดือดร้อน
บางคนอาจเถียงว่ามันสร้างความเสื่อมเสียต่อศีลธรรมบ้านเมือง
บ้านเมืองเรามีศีลธรรมอันดี ผมขอถามว่าใครเป็นคนกำหนด
ศีลธรรมและวัฒนธรรมคือสิ่งที่สังคมกำหนดซึ่งหมายถึงคนทั้งสังคมไม่ใช่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
แล้วคนที่ถูกคิดว่าทำผิดศีลธรรมในสายตานักศีลธรรมมีจำนวนมากเท่าไหร่
มันน้อยนิดเมื่อเทียบกับทั้งคนหมด
มันเหมือนผืนใหญ่สีขาวที่เปื้อนหมึกสีน้ำเงิน
พวกนักศีลธรรมจะคิดว่าผ้าผืนนั้นมันสีขาวหรือสีน้ำเงิน?
แล้วถ้าศีลธรรมถูกทำลายลงมันถูกทำลายลงทั้งหมดหรือมันแค่จุดเล็กๆจุดเดียว
ถ้าตอบว่าผ้าสีขาวที่ถูกหมึกสีน้ำเงินกระเด็นใส่เป็นผ้าสีน้ำเงิน
ยังั้นก่อนที่จะอ้างศีลธรรมช่วยกำจัดอคติและตัวตนอันเขื่องความดีในใจคุณออกเสียก่อนเถอะครับ
ถ้าจะข่มคนที่ตัวเองคิดว่าไร้ศีลธรรม
การคดโกงก็ผิดศีลธรรมแล้วทำไมยังยกมือไหว้
เพราะตัวเองได้ประโยชน์และสมประโยชน์กันใช่หรือไม่?
--ตัวเองกำลังทำผิดศีลธรรมไหม?-
บางครั้งกฎเกณฑ์ที่กำหนดขึ้นก็เพื่อให้ตัวเองได้เปรียบและมันจะถูกยกเลิกทันทีที่ตัวเองเสียเปรียบจาการใช้กฎเกณฑ์นั้น
ผมพาผู้อ่านกลับมาที่โกดังนิรนามเล็กๆเหมือนจุดหมึกที่เปื้อนผ้าสีขาวอีกครั้ง
เช้าวันต่อมาพวกเขาตื่นแต่เช้า
จะไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยว2-3แห่งในจังหวัด
ผมตื่นมาตอนพวกเขาแต่งตัวกันเสร็จแล้วเตรียมจะออกผมรู้ว่าพวกเขานอนกันไม่กี่ชั่วโมงหรอก
แต่มันเป็นกลไกร่างกายถ้าไปในที่ใหม่ๆ มันตื่นได้มันจะบูสพลังออกมา
หรืออาจเพราะร่างกายได้รับสารเอนดอร์ฟินและสารออกซิโทซิน
(Oxytocin)เต็มเปี่ยมไปเมื่อคืนแม้หลับไม่กี่ชั่วโมงก็สดชื่นได้
ผมตื่นสายเพื่อให้ทุกคนรู้ว่าผมนอนในเต็นส์นะ
(ผมนอนเต็นส์นะเจ๊ อิอิ)
ผมไม่ได้ไปกับพวกเขาหรอกตั้งใจว่าวันนี้จะถ่ายรูปทำรีวิว
น้องผู้หญิงบอกผมว่ากาแฟกับขนมวางอยู่บนโต๊ะนะ
เสียงเจ๊เรียกน้องกุ๊กไก่ถามว่าจะไปไหม ถ้าไปให้รีบๆ
เธอเกาะติดน้องผู้หญิงแจ แล้วเขาทั้งหมดก็ออกเดินทาง
เหลือผมอยู่โยงเฝ้าบ้านคนเดียว
ผมเดินไปที่โต๊ะข้าวทุกอย่างถูกเก็บเรียบร้อย มีกาแฟวางไว้แก้วหนึ่ง
ซดโฮกเดียวหมดไม่ละเลียดละ เดินเอาแก้วไปเก็บในครัว
ได้ยินเสียงน้ำฟี้ๆด้วยความสงสัยจึงก้มไปดูเจอเครื่องล้างจานซ่อนอยู่ใต้ซิงค์ถ้าไม่สังเกตุก็มองไม่เห็น
เขาเก็บจานที่ใช้เมือคืนใส่เครื่องล้างอัตโนมัติ
ชอบจริงๆคนรู้จักใช้ชีวิตนี่ งานบางอย่างมันใช้ให้เครื่องจักรทำแทนได้
แต่แก้วกาแฟผมนี่ผมล้างน้ำในอ่างล้างจานแล้วเอาไปคว่ำไว้
ผมใช้เครื่องล้างจานไม่เป็น บ้านผมไม่มี
ออกประตูหลังไปหยิบกล้องถ่ายรูปที่ห้อง2
ออกมาเดินถ่าย ถ่ายได้ไม่กี่จุดหรอกเพราะถ่ายได้เฉพาะด้านใน โซนรับแขก
โซนจัดเลี้ยง ห้องพัก พื้นที่จอดรถ ประมาณนี้แหละ
ริวดูภาพจากกล้องมันไม่เหมือนอยู่ในโกดังเพราะเป็นถ่ายเฉพาะจุดถ่ายมุมกว้างไม่ได้
ความรู้สึกมันเหมือนอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง
ผมเดินไปเปิดคอมกะจะเขียนรีวิวมันติดรหัสผ่านจึงโทรไปถามน้องผู้ชาย
ผมย้ำว่ามีข้อมูลสำคัญความลับอะไรมั้ย น้องบอกไม่มีและให้รหัสมา
ถ่ายรัวๆจึงต้องเลือกรูปตรงนี้สอนตัวเองหลายครั้งแต่ไม่เคยจำ
ถ่ายเองเลือกเองจะถ่ายเผื่อทำไมมันเสียเวลาเลือก
มันไม่ใช่งานสตรีทหรืออีเว้นท์ ผมเปิดม่านหลังคอมเห็นแปลงผัก
ใกลๆมีคนสองคนกำลังตัดและขนไปใส่รถ แสดงว่ามีทางเข้าทางอื่นอีก
มีอีกคนกำลังบังคับเรือพ่นน้ำ
สูบน้ำจากคลองย่อยแล้วพ่นเป็นฝอยขึ้นฟ้าให้มันตกลงมาบนแปลงผักแบบฝนตก
เขาคงจ้างคนงาน
เขียนรีวิวไปได้ครึ่งหนึ่งขอพักสักนิด
ชั่งใจว่าจะเปิดดูไฟล์ในเครื่องเขามั้ย? -ตัดสินใจเปิด- ข้อมูลบัญชี
แบบฟอร์มต่างๆ ดูผ่านๆไป
มาสะดุดที่ไฟล์ภาพที่มองจากชื่อแต่ละรูปน่าจะเซฟจากสื่อโซเซียล มีรูปบุคคล
รูปที่แคปหน้าจอตอนสนทนากัน เปิดไล่ๆดูไปจนหมดรูปเยอะอยู่เหมือนกัน
ผมมองว่ารูปมันเชื่อมโยงกับบทสนทนาได้
ถึงแม้คอมจะใส่รหัสตอนเปิดแต่เอาจริงมันไม่ปลอดภัยหรอก
จึงหยิบกระดาษมาเขียนโน๊ตบอกว่า
"ให้ลบรูปทั้งหมดทิ้งไปหรือถ้าจำเป็นต้องเก็บพี่จะซื้อ SSD พร้อมสายพ่วง
USB ส่งมาให้แล้วย้ายไฟล์พวกนี้ไปไว้ที่ SSDถอดแยกเก็บให้ดี
จะใช้งานรูปเมื่อไหร่ก็เอามาเสียบ" อายุ SSD ประมาณ2-3ปี ทำแบคอัพไว้
ถ้ามันพังอย่าเอาไปซ่อม ให้ตัดใจทิ้งรูปทั้งหมด โดยการเอา SSD
ไปกดน้ำฝังโคลน เมื่ออ่านจากบทสนทนาผมเข้าใจว่าน้องผู้ชายเก็บ Log
เพื่อป้องกันการถูกกล่าวหาว่าล่อลวงเพื่อความปลอดภัย
แต่มองอีกมุมหนึ่งมันอาจส่งผลเสียต่อคนในรูปได้
ถึงแม้ว่ารูปจะเซฟจากโซเชี่ยลที่เป็นรูปธรรมดาเจ้าของรูปโพสต์เองก็เถอะ
ผมคลิกกลับไปดูรูปบางรูปและอ่านบทสนทนาแล้วเอามาเชื่อมโยงกัน
"ผมขายกิจการทิ้งแล้วขอมาเป็นคนสวนที่นี่ได้หรือเปล่าครับ?"
เอ็งเดินมาถูกทางแล้วไอ้ทิด
เกือบเที่ยงเสียงกริ่งหน้าโกดังดัง
ผมออกไปดูฟู้ดเดลิเวอรี่มาส่งข้าว ไรเดอร์บอกว่าคนสั่งโอนเงินจ่ายแล้ว
น้องผู้หญิงไม่ลืมที่จะดูเรื่องกินอยู่ของผม กินเสร็จก็มานั่งทำรีวิวต่อ
จนเกือบมืดพวกเขาจึงกลับมา
ผมสังเกตุว่าน้องพิมเดินเกาะแขนน้องไพรแสดงความเป็นเจ้าของ
น้องกุ๊กไก่เดินตามหลังน้องผู้หญิง พวกเขาซื้อกับข้าวสำเร็จรูปกลับมาด้วย
ผมช่วยขนไปวางบนโต๊ะ น้องผู้หญิงบอกทุกคนว่าไปพักอาบน้ำอาบท่ากันก่อน
2ทุ่มค่อยมากินข้าวด้วยกันมันจึงเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนหามุมเล่นโซเซี่ยลกัน
นั่งพิมพ์นั่งไถเสียงเตือนดึ๋งดั๋งดังมาเป็นระยะ
น้องผู้ชายเดินไปที่คอมหยิบโน๊ตอ่านแล้วหันมาพยักหน้ายกมือทำท่าโอเคกับผม
น้องพิมนุ่งผ้าถุงกระโจมอก
บอกว่าจะไปเล่นน้ำแบบบ้านๆที่บันไดที่ยื่นลงไปในคูน้ำหน้าห้องสองที่ผมพัก
ผมเห็นน้องไพรนุ่งกางเกงบ็อกเซอร์โชว์ซิกแพคหุ่นงามเอาผ้าขนหนูพาดบ่าเดินตามไปเงียบๆไม่บอกใคร
ผมบอกน้องผู้ชายว่าผมจะเอากล้องถ่ายรูปไปเก็บและจะพักอาบน้ำเลย
ใกล้ๆ2ทุ่มเดี๋ยวผมกลับมา
คูน้ำใหญ่เป็นคูหลักที่ใช้เก็บน้ำก่อนส่งไปตามคูแขนงเป็นน้ำเลี้ยงแปลงผัก
นึกถึงสวนเกษตรที่มีสระเก็บน้ำครับ
สระจะเป็นสีเหลี่ยมกว้างๆแต่ที่นี่เขาขุดทรงยาวแต่จุน้ำได้เท่ากัน
ยาวกว่าสระว่ายน้ำตามคอนโดทั่วไปมากช่วงกลางคูน้ำมีบันไดลงไปในคูเหมือนบันไดสระว่ายน้ำแต่กว้างกว่า
ผมมองผ่านหน้าต่างบานเกร็ดห้อง2ที่ผมพักเห็นหนุ่มไพร
สาวพิมเขานั่งบนบันไดเคียงกัน
สาวนุ่งกระโจมอกหนุ่มใส่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว
หนุ่มไพรลงไปในคูว่ายน้ำไปไกลจากบันได ตะโกนบอกพิมให้ว่ายตามมา
พิมน่าจะว่ายน้ำไม่เป็นเพราะเห็นหนุ่มไพรว่ายกลับมาแล้วประคองพิมหัดว่ายน้ำ
แสงน้อยแล้วแต่พอเห็นได้ว่าหนุ่มไพรดึงมือพิมลงน้ำ
พิมเกาะหมับเพราะกลัวจมน้ำ หนุ่มไพรประคองกลางตัวพิมสอนพิมให้หัดว่ายน้ำ
ผมคิดว่าสาวพิมปรับตัวเร็ว
ชีวิตมือกฎหมายวันๆเจอแต่เรื่องราวความขัดแย้ง คนนั้นโกงคนนี้
คนโน้นตีกบาลคนนั้น ลักษณะงานมันไม่ได้มีความรื่นรมย์ในตัวงาน
เพื่อนร่วมงานและคนที่เจอะเจอก็เคร่งเครียดเหมือนกัน
มันไม่ได้เป็นหนุ่มหล่อเอาใจเก่งเหมือนตอนนี้
ก็มีเสียงวี้ดว้ายแบบผู้หญิงเมื่อโดนแกล้งจะให้จมน้ำ
เธอเปลี่ยนไปจากพูดน้อย หน้าขรึมๆเหมือนตอนมาถึงที่นี่ใหม่ๆ
พวกเขาเขายังเล่นน้ำกันอย่างสนุก
ผมเปลี่ยนเสื้อเตรียมอาบน้ำแต่ยังมีเวลาจึงหยิบมือถือมาไถหน้าจอดูฟีดข่าวสารจากสื่อโซเชี่ยลคนเดียวเงียบๆ
ผมคิดว่าเซ็กส์มันใช้เชื่อมความสัมพันธ์ได้
เซ็กส์ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเพศสัมพันธ์แต่หมายถึงความใกล้ชิดกัน
การให้อีกฝ่ายตระกองกอดสัมผัสเนื้อตัว ไพรกับพิมรู้จักกันแล้วล่ะ
เขาอาจสานต่อหลังจากกลับจากที่นี่ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเหมือนที่ผมกับน้องผู้หญิงที่อยู่ในฐานะพี่กับน้อง
ถึงแม้เธอจะมีสามีคู่ชีวิตแต่เราก็เซ็กส์กันได้ถ้าพอใจแต่ต้องดูสิ่งอื่นประกอบให้เหมาะสม
ให้เกียรติกัน เหมือนน้องผู้ชายกับแฟนผมที่เมื่อก่อนตอนอยู่กรุงเทพ
แฟนผมให้น้องผู้ชายไปเป็นเพื่อนขับรถให้เมื่อต้องติดต่องานต่างจังหวัดต่อกันหลายวัน
ไปอยู่ด้วยกันอย่างนั้นถ้าจะมีเซ็กส์กันก็ไม่แปลก
พอกลับมาถึงบ้านผมก็ยังเป็นสามีที่รู้สึกยังรักภรรยาเหมือนเดิม
พิมเป็นมือกฎหมายหากวันใดวันหนึ่งไพรเกิดปัญหาที่ต้องใช้ความรู้ทางกฎหมายขึ้น
ผมคิดว่าพิมคงไม่ลังเลที่จะช่วย
ไม่ว่าเขาทั้งคู่จะสานต่อกันในรูปแบบไหนก็ตาม
ผมได้ยินเสียงเขาทั้งคู่เปิดประตูห้องที่3
ไม่รู้ว่าเขารู้ว่าผมยังอยู่ที่ห้อง2ติดกันหรือเปล่า
ห้อง3คือห้องซักล้างและที่อาบน้ำเอ้าดอร์อย่างที่ผมบอกไว้ตอนแรกๆ
ห้องมิดชิดแต่เอากระเบื้องบางสวนออกแล้วติดกระเบื้องโปร่งแสงแสงแดดส่องลงพื้นห้อง
มีต้นไม้และห้องน้ำแบบเอ้าดอร์อยู่มุมหนึ่ง
ผมทิ้งเวลาไว้ครู่หนึ่งแล้วเข้าไปในห้องน้ำอยากแอบดูเขานั่นแหละ
พูดตรงๆไม่เหนียม ในห้องน้ำมีอิฐช่องลมแต่มีบังใบมองไม่เห็น
เหมือนห้องน้ำทั่วไปครับที่มีช่องระบายอากาศแต่ข้างนอกมองข้างในไม่เห็น
ส่วนข้างในก็มองออกมาข้างนอกไม่เห็น อิฐเขาทำบังใบกันฝนและกันสายตาไว้
จากภาพประดับห้องม้าวิ่งและOne
Way Mirror Film เมื่อคืน
ทำให้ผมคิดว่ามันน่าจะมองจากห้องน้ำห้อง2ไปที่ห้องน้ำแบบเอ้าดอร์ที่ห้อง3ได้
จึงมองหาสิ่งผิดปกติในห้องน้ำนี้
ใช้ปลายนิ้วเคาะกระเบื้องบุผนังทุกแผ่นหากมันเปิดได้เสียงมันจะหลวมโพรกเพราะไม่มีปูนอัดอยู่ข้างใน
มันแน่นทุกแผ่นไม่มีแผ่นไหนเปิดได้ มาสะดุดตาที่ท่อPVC
ที่ใช้แขวนผ้าเช็ดตัว
มันไม่ได้เจาะแล้วขันนีอตยึดติดผนังแต่มันบิ้วอินเจาะฝังลงในผนังทุละปูนไปอีกด้านทั้งท่อนดูแล้วแข็งแรงไม่หลุดร่วง
มีข้อต่อปิดปิดปลายท่อไว้ ท่อยื่นออกมาจากผนังเป็นที่แขวนผ้าเช็ดตัว
ผมลองดึงฝาปิดปลายท่อออก
มันแน่นดึงไม่ออกเหมือนเขาทากาวเชื่อมท่อปิดไว้จึงลองหมุนมันหมุนได้เหมือนตอนเราเปิดฝาขวดน้ำ
ผมแนบตาส่องดูมันโป๊ะเชะ มุมมันตรงกับห้องน้ำเอ้าดอร์พอดี
ภาพที่เห็นคือทั้งคู่ตัวเปลีอยเปล่า
น้องไพรยืนกอดน้องพิมจากด้านหลัง ด้านบนทั้งคู่มีฝักบัวแบบ rain shower
สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ปล่อยน้ำลงมาเหมือนฝนตก
ไพรสอดมือจากด้านหลังประสานมือไว้ใต้ปทุมถันปล่อยให้ปทุมถันงามงอนเป็นอิสระ
พิมใช้มือสองข้างกุมมือไพรไว้ยืนนิ่งๆให้สายน้ำราดรดจากด้านบน
เหมือนทั้งคู่กำลังแบ่งบันความสดชื่นให้กัน
ผมเป็นคนชอบถ่ายภาพมองช๊อตนี้เป็น Sexart อย่างสวย
สรีระที่กำยำของผู้ชายตระกองกอดผู้หญิงผมยาวลู่น้ำ
รูปร่างค่อนข้างเฟอร์เฟ็ค มีจุดเด่นอยู่ที่หน้าอกใหญ่
มันสื่อถึงความสุขที่ทั้งคู่แบ่งปันให้กันและกัน
ผมมองเลยไปที่ห้อง4ในจุดเดียวกับห้อง2ที่ผมอยู่
เห็นมีท่อ PVC โผล่ออกมาเหมือนกัน
ส่วนที่โผล่ออกจากผนังเขาใช้แขวนกระถางต้นเฟิร์นสไบนางประดับห้องน้ำแบบเอ้าดอร์กกใหญ่
ผมเอาฝาปิดปลายท่อ PVC ไว้เหมือนดิม ไม่ได้มองเขาทั้งสองต่อ
เราสังเกตุว่าบ้านหลังนี้มันมองจากตรงจุดนั้นหาจุดนี้ได้
มันน่าจะเป็นพวกบ้านพวกโรคจิตแอบมอง
แต่จริงแล้วมันทำขึ้นเพื่อรักษาความปลอดภัยที่เจ้าบ้านต้องดูแลผู้มาเข้าพัก
ในโรงแรมรีสอร์ทต่างๆก็อาจมีเพียงแต่เขาไม่บอกและผู้ที่รู้จุดต่างๆที่มองได้มีความรับผิดชอบพอ
ไม่ไปแอบมองมั่วซั่ว บางคนคิดว่ามันเป็นข้อแก้ตัวมันไม่สมเหตุสมผล
แต่ถ้าเกิดกรณีทำร้ายร่างกายกันจนเสียชีวิตในรีสอร์ทหรือโรงแรมนั้นมันจะสร้างปัญหาให้เจ้าของรีสอร์ทเยอะมาก
เมื่อถึงเวลาสองทุ่ม อาหารเย็นถูกจัดเป็นแบบบุฟเฟต์ดินเนอร์
อาหารช้อนจานวางบนโต๊ะ ใครจะกินอะไรก็ตักเอา
น้องผู้หญิงเป็นแม่งานวันนี้พิเศษตรงที่มีน้องกุ๊กไก่เป็นผู้ช่วย
ค่ำนี้ไม่มีค็อกเทล
มีแต่ไวน์มะม่วงหาวมะนาวโห่ที่น้องผู้หญิงทำเองรสชาติอมเปรี้ยวอมหวานแบบไวน์เบอรี่ของฝรั่ง
ผมแซวน้องผู้หญิงว่า "ว้าวันนี้ไม่มีเหล้าอยากเห็นคนเมาแล้วอ้วกอีก"
เธอเอานิ้วชี้หน้าผมเชิงบอกว่าหยุดพูดเลยนะ
น้องพิมกับน้องไพรถือไวน์ไปคนละแก้วเดินไปนั่งที่โซฟาโซนรับแขกหน้าทีวี
นั่งชิดสนิทกันไถจอสมาร์ทโฟนคู่กัน ดูน้องพิมไม่ห่างออกจากน้องไพรเลย
เจ๊กับน้องแว่นนั่งคุยกับน้องผู้ชาย
ดูเหมือนเจ๊จะเล่าอะไรเกี่ยวกับน้องผู้ชายให้น้องแว่นฟัง
หนุ่มคนนี้มีประสบการณ์ค่อนข้างโชกโชนอยู่
มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับตัวเขาได้เยอะ
บรรยากาศมันไม่ใช่ปาร์ตี้สุดเหวี่ยงเหมือนเมื่อคืน
ผมมานั่งหน้าคอมเขียนรีวิวต่อ
ทำไปสักพักน้องกุ๊กไก่เข้ามาดูแล้วถามว่าทำอะไร
ผมตอบว่าทำรีวิวแล้วให้เธอลองอ่านดู
เธอบอกว่าน่าจะแก้คำบางคำเพราะใช้แล้วมันสื่อได้ดีกว่าคำที่ผมใช้
เธอบอกว่าผมเรียงประโยคกลับหน้ากลับหลังเอากรรมมาเป็นประธาน (จ้าแม่คุณครู
มันต้องดีกว่าอยู่แล้ว) ก็เลยให้เธอไล่ดูตั้งแต่ต้น
น้องกุ๊กไก่บอกว่าผมถ่ายรูปสวย ถ่ายรูปให้เธอบ้าง
ผมบอกว่าผมเป็นช่างภาพนะไม่เคยถ่ายให้ใครฟรีๆ มันต้องมีรางวัล
ผมเว้นจังหวะนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า "แบบเมื่อคืน" เธอยกสองมือผลักไหล่ผม
เราช่วยกันทำจนดึกมันน่าจะสมบูรณ์แล้ว
น้องผู้หญิงเสร็จจากเก็บโต๊ะก็เข้ามาดู
ผมคุยกรอบคร่าวๆว่าผมมีวิธีคิดอย่างไร
มีมุมมองอย่างไรเมื่อเธอคุยกับแขกก็ต้องพูดชักนำให้เขาคิดและมองในมุมมองนั้น
จนหลังเที่ยงคืน
น้องไพรกับน้องพิมหายไปตอนไหนไม่รู้
ที่นั่งที่โซฟาถูกแทนที่ด้วยน้องผู้ชาย น้องแว่นและเจ๊ที่นั่งคุยกัน
ผมบอกทุกคนว่าขอตัวไปนอนก่อนแล้วเดินออกประตูหลังไปนอนที่ห้อง2
ห้องที่ผมเก็บเสื้อผ้าไว้ในวันแรกวันนี้ผมไม่นอนเต๊นส์นะ
ก่อนเข้าห้องผมเดินเลยไปที่ห้อง4ห้องของน้องไพร ห้องล๊อคไฟปิดมืด
ไม่มีรองเท้าหน้าห้อง
ผมคิดว่าน้องไพรคงนอนที่ห้องเล็กที่ผมแอบลงไปนอนเมื่อคืน
ตั้งหลังไม่นานก็หลับ
หลับไม่ลึก
ตื่นขึ้นมาเพราะมีเสียงเคาะประตูเบาๆ
เปิดออกมาเจอน้องผู้หญิงเธอบอกว่าเขาเข้านอนกันหมดแล้ว น้องผู้ชาย
น้องแว่นและเจ๊นอนห้องใหญ่
น้องพิมกับน้องไพรนอนห้องเล็กอย่างที่ผมคิดจริงๆเธอพาน้องกุ๊กไก่มานอนห้อง1
ที่เธอใช้นอนประจำทุกวัน วันนี่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอมาตามผมให้ย้ายห้อง
กลายเป็นว่าคืนนี้น้องผู้หญิงทำให้น้องกุ๊กไก่ที่เป็นครูเปลี่ยนมาเป็นนักเรียน
เธอสอนโน่นนี่ ส่วนผมถูกจับให้เป็นอาจารย์ใหญ่นอนนิ่งๆ
เป็นหุ่นให้น้องผู้หญิงสอนภาคทษฎี
จุดนั้นจุดนี้บนร่างการเหมือนนักศึกษาหมอเรียนผ่าตัด
ด้วยหลักสูตรเร่งรัดพอเรียนทฤษฎีเสร็จก็สอบภาคปฎิบัติกันเลย
เช้ามืดก็แอบกลับห้องตัวเองเหมือนเดิม
ชีวิตผมระลึกอยู่อย่างหนึ่งคือ
"สิ่งที่เราไม่รู้ไม่ใช่ว่ามันไม่มี
สิ่งต่างๆมันเกิดแล้วสลายตามสัจจะโดยที่มันไม่ได้สนใจว่าเราจะรับรู้การมีอยู่ของมันหรือไม่"
บางอย่างมันเกิดและดับสลายไปโดยที่เราไม่รู้เลยว่ามันเคยมี
ผมเลือกเชื่อสิ่งที่ผมรู้ใหม่ว่ามันจริงหรือไม่
โดยการพิจารณาจากปัจจัยสภาพแวดล้อม
ความสมเหตุสมผลของการเกิดของสิ่งนั้นเพราะทุกอย่างเกิดจากเหตุ
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเองลอยๆ
************
เช้าขึ้นมาเราตื่นกันแต่เช้า
วันนี้เราจะไปสวนผลไม้
ผมเอากล้องถ่ายรูปไปด้วยกะจะถ่ายให้น้องกุ๊กไก่ตามที่เธอเมื่อคืน
ขับรถกันออกมาไม่ไกลก็ถึง มีป้าญาติของน้องผู้หญิงรออยู่แล้ว
สวนเนื้อที่ประมาณ5ไร่ปลูกทุกอย่าง
เธอเล่าให้ทุกคนฟังว่าเป็นสวนเก่าสมัยแม่จึงมีต้นผลไม้ใหญ่
ตอนหลังเธอกับแฟนก็มาปลูกเพิ่มเติมเป็นสวนผสมผสาน
เมื่อก่อนเธออาศัยอยู่ที่นี่ กินอยู่ไม่อดแต่ไม่มีเงินเรียน
เพราะเมื่อก่อนมันห่างไกลแทบไม่มีใครเข้ามารับซื้อ
สวนผสมผสาน
มีผลไม้หมุนเวียนกันให้เก็บติดท้ายรถกลับไปทั้งปีไม่ว่าแขกจะมาช่วงฤดูไหน
ผมคิดว่ามันดีมากๆที่มีระดับของความต้องการของแขกที่มาพักเพราะบางคนออกมาต่างจังหวัดเพื่อการพักผ่อนอยู่กับธรรมชาติ
นุ่งผ้าถุงอาบน้ำคลองได้เข้าสวนปืนต้นไม้ทำในวิถีดั้งเดิมตอนเด็กๆของเขา
มันเชื่อมโยงกับอดีตที่ให้ความรู้สึกที่ดี
"ชีวิตมันไม่มีอะไรมากหรอกถ้าเราไม่ไปยึดติดกฎเกณฑ์ที่ยุ่งยาก"
บางครั้งกฎเกณฑ์ที่บอกกันว่าเพื่อความสงบเรียบร้อยของสังคมมันกลับกดทับโอกาสของคนที่ด้อยกว่า
การสลัดทิ้งในระดับที่ไม่เดือดร้อนใครมันจะทำให้เราใช้ชีวิตง่ายขึ้น
พบเจอความสุขพื้นฐานอย่างเซ็กส์ที่ธรรมชาติให้มาได้ง่ายขึ้น
เหมือนที่ผมกำลังถือกล้องยืนมองพวกเขาช่วยกันสอยผลไม้ตอนนี้
เสียงหัวเราะที่มาจากพวกเขามันบ่งบอกถึงความสุขใจ ความพึงพอใจ
เวลา
72ชั่วโมงที่ผ่านมา
มันทำให้ผมได้รู้จักผู้คนเพิ่มขึ้นได้ทำได้เห็นอะไรมากขึ้น
อีกไม่กี่ชั่วโมงเราก็ลาจากกัน ยังไม่รู้เลยว่าเราจะได้พบเจอกันอีกหรือไม่
ที่ไหนอย่างไร มันเป็นเรื่องขออนาคตที่เราปล่อยให้อนาคตมันทำหน้าที่ของมัน
เรากำหนดอนาคตไม่ได้
ถ้าทั้งหมดเป็นการแสดงตอนนี้ม่านเวทีก็คงจะเลื่อนลงปิดฉากช้าๆ
นักแสดงทุกคนเดินออกมาหน้าเวทีแล้วโค้งคำนับแสดงความเคารพและขอบคุณผู้ชมทุกคน
--สวัสดี--
วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565
บนเส้นทางชีวิต ตอนที่4--after party--
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น