วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

 บนเส้นทางชีวิต ตอนที่3--let's party--

 

บ่ายแก่ๆ รถยนต์คันหนึ่งก็เข้ามาจอด ผมนึกว่าเป็นรถของเจ๊แต่ไม่ใช่ เป็นรถของน้องผู้ชายอีกคน ผมนั่งอยู่ที่โซฟาคนเดียว เขาเดินเข้ามาและแนะนำตัวเอง คมเข้ม หล่อเหลา แต่งตัวคล้ายครูสอนฟิตเนส ดูดีกว่าแฟนของน้องผู้หญิงอีก ผมคิดว่าปาร์ตี้นี้ พวกเอน-เนอร์นี่งานคัดเลยแหละ (ยกเว้นผม) แฟนของน้องผู้หญิงเดินเข้ามาทัก ดูเขาสนิทสนมกันแล้วยื่นกุญแจให้เขาบอกว่าห้อง4นะ ห้องสองพี่เขาอยู่ ผมหายข้องใจเลยว่าห้อง4มีอะไรอยู่ข้างใน เขารับกุญแจหันมายิ้มกับผม ค้อมหัวนิดหนึ่งเชิงขอตัวแล้วหยิบเป้เดินออกไป น้องผู้หญิงเอาแก้วค็อกเทลผสมเครื่องดื่มมาให้ผมลองชิมดู บอกว่าเธอผสมเอง  แล้วพวกเขาก็เดินออกไปทิ้งผมให้นั่งคนเดียวเหมือนเดิม ผมยกเครื่องดื่มขึ้นมาจิบ หือ!! รสชาติหวานอมเปรี้ยวน่าจะเหมาะกับผู้หญิงมากกว่าและดูแล้วน่าจะมันแรงมาก

ผมลุกไปเปิดห้องที่ผมพูดถึงตอนต้นดู มันไม่ใช่ยาว 7เมตร แต่น่าจะเป็น 4 เมตร มันมีผนังปูนกั้นแบ่งอยู่ข้างใน เตียงคู่ 2เตียงสะอาด ห้องกว้าง จัดแบบโรงแรมทั่วไป ผนังที่แบ่งห้องด้านในติดกระจกสลับกับปูนเป็นช่วงๆแบบในโรงแรมม่านรูด ผมเดินออกมาหาทางเข้าอีกห้องมันอยู่ด้านข้าง เขาย้ายประตูมาไว้ด้านข้างใกล้ห้องน้ำเพราะถ้าไว้ด้านหน้ามันติดบันไดที่จะขึ้นไปใช้พื้นที่เต็นส์นอนด้านบน ห้องนี้เล็กกว่าพื้นที่น่าจะ 3เมตรเตียงคู่เตียงเดียว  มีโซฟา ผนังที่กั้นระหว่างห้องมีรูปม้าวิ่งแขวนไว้ ใต้รูปมีกุญแจดอกเล็กๆล๊อคไว้ไม่ให้ปลดรูปออกได้ คงกลัวหายมั้ง สรุปคือมี2ห้องแต่ดูเผินๆเหมือนมีห้องเดียว รู้สึกง่วงจึงกลับไปนอนที่ห้องพักห้อง2

ผมนอนเสียเต็มอิ่มจึงกับมาในโกดัง กับข้าวกับปลาถูกจัดวางไว้บนโต๊ะเรียบร้อย จนเกือบ 2ทุ่มพวกเขาจึงมาถึง เขามากัน4คน เอารถเข้ามาในพื้นที่ว่างด้านขวาที่เว้นว่างไว้ในโกดังแล้วปิดประตูเหล็ก อย่าว่าแต่รถเก๋งเลยรถตู้ทั้งคันยังจอดได้ผมเข้าใจแล้วว่าเขาเว้นที่ว่างไว้ทำไม เอาไว้จอดรถให้คนข้างนอกไม่เห็นนั่นเอง ลงจากรถก็ถึงโซฟารับแขกเลยมันไม่ใช่จอดหน้าบันใดบ้านแต่เข้ามาจอดในบ้านเลย คนนอกไม่มีทางรู้ว่าใครอยู่ในรถ ทั้งตอนมาตอนกลับ น้องผู้ชายเขาออกแบบโฮมสเตย์ให้เซฟตัวตนและปลอดภัยได้ดีมาก แนะนำตัวกันตามธรรมเนียม เจ๊ก็รุ่นใหญ่ซอยผมยาว อวบอัดระยะสุดท้ายแต่ยังดูดี มือกฎหมายและแผนงานน่าจะรุ่นเดียวกัน น้องพิม (นามสมมุติ)มือกฎหมายร่างสมส่วนแต่หน้าอกหน้าใจเอาเรื่องอยู่ น้องแว่น(นามสมมุติ) สาวแผนงานท้องถิ่นหุ่นก็สมส่วน ส่วนน้องกุ๊กไก่(นามสมมุติ) ครูโรงเรียนที่อยู่ในความรับผิดชอบของท้องถิ่น ตัวขาวแตะตา ผมยาวท่าทางดูเรียบร้อยน่าจะอายุน้อยสุด สนทนากันสักพักเราเชิญเขาไปกินข้าว เขาก็เตรียมกับแกล้มมาด้วย อาหารเลยเต็มโต๊ะ เจ๊พี่ใหญ่ได้ที่นั่งหัวโต๊ะ เราผู้ชายสามคนนั่งฝั่งหนึ่ง สามสาวก็นั่งอีกฝั่ง น้องผู้หญิงเจ้าบ้านเป็นคนเสริฟ เครื่องดิ่มcocktailถูกแจกจ่ายจนครบ นั่งจิบคุยกันไปก่อนเมื้ออาหาร



"ชอบบรรยากาศแห่งการได้ร่ำเมรัย ร่วมวงกับเพื่อนรู้ใจจะหาสุขใดเปรียบปาน" เสียงเพลงเคล้ากับการพูดคุย เอน-เนอร์แต่ละคนก็ชวนคุย ตักข้าวตักกับบริการให้ เล็งๆหนึ่งในสามสาวข้างหน้าไว้ในใจ พออิ่มหนำสำราญกันก็เหลือแต่เมรัย พูดคุยกันสนุกขึ้น น้องผู้หญิงเจ้าบ้านก็ยังเวียนชง เอาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคุยกัน น้องกุ๊กไก่ไม่ค่อยทันคนอื่นถูกอำมากที่สุด โดนอำมากๆเข้าก็น้อยใจนั่งกอดอกอมลมทำปากซาลาเปาแบบครูสั่งเด็กอนุบาลตอนเด็กชวนเพือนคุย น้อยใจคุยบอกไม่พูดแล้ว พูดไปก็โดนทุกทีเพื่อนก็โอ๋กันไป (เวลาผ่านไป) เธอเริ่มเมาแล้ว คนอื่นก็เริ่มพูดเสียงดังขึ้น หลังจากนั้นน้องผู้หญิงเจ้าบ้านเอาแผ่นกระดาษสีวงกลมต่างสีกันแผ่นเล็กๆไปให้เจ๊พี่ใหญ่ เจ๊รับแล้วบอกว่า "จะติดแผ่นสีกันทำไม เจ๊คุยกันมาในรถแล้วทุกคนมาที่นี่ก็อยากมีผัวกันทั้งนั้น" ยกเว้นอีนี่ (ชี้ไปทางน้องกุ๊กไก่) พรุ่งนี้ค่อยพาไปเที่ยว สองสาวสะดุ้ง ผมเองเจอชนตรงแบบนี้ยังสะดุ้ง น้องพิมบอกว่าเจ๊ไม่รักษาฟอร์มให้พวกหนูเลย เจ๊ต้องรักษาฟอร์มให้หนูหน่อยสิ เจ๊บอกว่า "กูไม่รักษาหรอก กูแก่แล้ว หิวด้วย" แล้วกวักมือเรียกน้องไพร (น้องผู้ชายที่มาตอนบ่าย) หนุ่มหล่อสุดไปยืนข้างๆ เจ๊เอามือจับกล้าม "เห็นมั้ยเนี่ยงานดีขนาดนี้ ทั้งใหญ่ทั้งแข็ง" ทิ้งจังหวะนิดหนึ่งแล้วบอกว่ากูหมายถึงกล้ามนะพวกแกคิดอะไรอยู่ น้องพิมบอกว่าไม่ได้คิดอะไร เจ๊ก็คิดของเจ๊คนเดียว เจ๊บอกว่ากูรู้แกคิด

ทุกปาร์ตี้จะมีตัวเปิด อาจเป็นตัวที่เตี้ยมกันมาแล้ว แต่งานนี้เจ๊แกเปิดสุดทาง ถ้าเป็นรถก็ออกตัวแรงดริฟจนล้อไหม้คนนั่งหงายหลัง จนเอน-เนอร์ตั้งตัวไม่ทันต้องเป็นคนตาม เจ๊ให้น้องไพรเอาเก้าอี้ไปนั่งข้างๆ บอกให้น้องกุ๊กไก่ย้ายมานั่งข้างผม แล้วให้น้องผู้ชายเจ้าของบ้านนั่งแทนจึงถูกขนาบด้วยน้องแว่นและน้องพิม น้องกุ๊กไก่ย้ายฝั่งมานั่งข้างผม เจ๊จับแขนน้องไพรแล้วบอกว่ากูจองคนนี้ พวกแกสองคนเอาคนนี้ไป(ชี้ไปที่น้องผู้ชาย) แบ่งๆกันกินของดีมีน้อยกินด้วยกันเหมือนกินส้มตำตักคนละคำสนุกจะตาย ส่วนคนนี้(ชี้มาที่ผม)น้อง.....จองกับกูไว้ก่อนแล้ว ผมสะดุ้งแฟนน้องผู้ชายบอกจองผม ผมมองน้องผู้ชายเขาหน้าสลด เธอจะพูดจริงไม่จริงไม่รู้แต่การบอกอย่างนี้มันเหมือนโยนระเบิดลงมาบนตักผม ผมรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่ากลัวชะมัด คุมเกมส์บงการเสียจนเอน-เนอร์อยางบวกเรายังต้องตาม มิน่าล่ะน้องผู้ชายจึงไม่อยากรับงานนี้แต่ติดที่เคยมีบุญคุณกันและน้องผู้หญิงกลัวจนต้องขอร้องให้ผมมาร่วมงานด้วย




ปาร์ตี้ยังเดินต่อไป เจ๊รุกหนักมากขึ้น ล้วงจับ น้องไพรก็พยายามให้กระดกถี่ จนถึงช่วงหนึ่งเจ๊บอกไม่อยากกินจากแก้วแล้วอยากกินจากปาก ให้น้องไพรอมป้อนปาก พอปากชนปากเจ๊จับท้ายทอยสอดลิ้นทันที แล้วบอกให้แฟนน้องผู้หญิงเอาเหล้าป้อนปากสองสาวด้วย แฟนน้องผู้หญิงก็ต้องป้อน ผมเห็นเขาเหลือบมองกัน มันไม่จบแค่นั้นเจ๊ให้ผมเอาเหล้าป้อนปากน้องผู้หญิงด้วย ผมเหลือบมองแฟนเขาเห็นแฟนเขาเม้มปาก แต่ผมต้องป้อน เจ๊ให้น้องผู้ชายป้อนให้น้องแว่นอีกคน คราวนี้เจ๊ให้ปะกบไว้นานๆ สอดลิ้นเข้าปากด้วยน้องแว่นแทบสำลัก แล้วให้ผมป้อนน้องผู้หญิงอีกครั้งประกบนานๆสอดสิ้นด้วย ระเบิดที่เจ๊โยนไว้มันปะทุสิครับ น้องผู้ชายรุกสองสาวหนักขึ้น น้องผู้หญิงก็ประชดรุกผมหนักขึ้น จนคุมเกมส์กันไม่อยู่ ผมก็ไม่รู้จะเตือนน้องผุ้ชายอย่างไรไม่ให้หลงกลเจ๊ ส่วนน้องกุ๊กไก่ไม่มีคู่มองคนนั้นทีคนนี้ที กระดกเอาๆ เมาทำท่าจะอ้วก น้องผู้หญิงจึงประคองไปห้องน้ำ เจ๊จึงเปลี่ยนให้น้องไพรไปนั่งกับสองสาว แล้วเรียกให้น้องผู้ชายไปนั่งด้วย

ผ่านไปพักหนึ่งเจ๊ถามผมว่าไม่ไปดูน้องเอาหน่อยเหรอ ไปช่วยน้องเขาดูคนเมาหน่อย ฟังแล้วดูดีเหมือนห่วงไยแต่จริงๆกำลังโยนระเบิดลูกที่สองใส่ผม ด้วยการจงใจพยายามแยกผมออกไป แล้วรั้งน้องผู้ชายแฟนเธอไว้ ผมถามน้องผู้ชายว่าไปดูน้องเขาหน่อยดีมั้ย เขาลุกจะเดินไปดูเจ๊รั้งมือไว้ บอกอ้วกหมดเดี๋ยวก็หายพอน้องผู้ชายจะไปดูกลับไม่ห่วงซะงั้น น้องผู้หญิงเดินกลับมาที่โต๊ะเอาผ้ากับน้ำแข็งไปเช็ดหน้าให้ บอกว่าจะพาน้องกุ๊กไก่ไปนอนก่อน น้องเขาเมานั่งไม่ไหวแล้ว ผมว่าเธอคงคิดว่าในสถานการณ์ตอนนี้หลบออกจากวงจะดีที่สุดแล้ว ส่วนผมเองเมื่อไม่มีน้องกุ๊กไก่กับน้องผู้หญิงจะนั่งต่อไปมันก็เหมือนตัวเหลือ จึงบอกเจ๊ว่าผมก็เมาครับขอตัวไปนอนก่อน เจ๊รีบโอเค ผมเดาทางว่าถ้าผมออกจากวงเจ๊ต้องดึงแฟนน้องผู้หญิงไว้แล้วทำให้คิดว่าผมไปกับน้องผู้หญิง ผมไม่ยอมให้เขาคุมเกมส์ต่อไปแล้ว จึงลุกออกจากวงแล้วปีนบันไดขึ้นไปนอนในเต็นส์ข้างบน ใกล้ๆกับวงปาร์ตี้นั่นแหละ ช่วงถึงกลางบันไดผมยังตะโกนกลับไปที่วงว่า "พี่ขอนอนก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน" เป็นการบอกน้องผู้ชายว่าพี่นอนอยู่บนนี้นะ ไม่ได้ไปกับน้องผู้หญิง

"อย่าเล่นในเกมส์ที่เราคุมไม่ได้" ผมปืนบันไดขึ้นมานอนในเต๊นส์ข้างบน ยังไม่หลับหรอก นอนฟังเขาปาร์ตี้กันต่อ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมน้องผู้ชายปล่อยให้เจ๊เป็นตัวคุมเกมส์ อาจจะแพ้ทางกัน เมื่ออยู่กันเฉพาะพวกเขาเกมส์ต่างๆก็เริ่มหวือหวาขึ้นตั้งแต่เกมส์กินถั่ว คือให้ฝ่ายหญิงวางถั่วบน(---)..เอน-เนอร์ แล้วสั่งให้อีกคนกิน โดยอ้าปากกว้างๆเอาฟันหน้าเขี่ยลากออกมาทางด้านปลายห้ามเขี่ยให้เม็ดถั่วหล่นใส่ปากจากด้านข้าง เกมส์สวมแหวนหมั้นคือเอาปลาเส้นม้วนเป็นวงสมมุติให้เป็นแหวนแล้วใช้ปากสวมให้ถึงโคน เขาคงไม่สวมนิ้วมือกันหรอกนะ เล่าบรรยากาศเอ็กคลูซีฟปาร์ตี้ เบาๆแค่นี้เป็นน้ำจิ้มนะครับ พอเวลาผ่านไปจนดึกผมก็หลับ
---อ่านต่อตอนหน้า---

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น