วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

 บนเส้นทางชีวิต ตอนที่2 --เดินทาง--

 ตอนที่2 --เดินทาง--

ผมลงรถไฟที่สถานีแห่งหนึ่งช่วงรุ่งสาง เตรียมกล้องถ่ายรูปไปด้วย ไหนๆก็มาแล้วตั้งใจจะเขียนรีวิวโฮมสเตย์ให้เธอด้วย เอาประเภทที่อ่านจบแล้วปิ๊งไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มอีก ไว้ให้เธอใช้สำหรับคุยกับแขกที่ตัดสินใจเข้าพัก คล้ายๆคู่มือการใช้ของเครื่องใช้ไฟฟ้าแหละครับ เธอกับแฟนบอกว่าจะมารับผมที่สถานีรถไฟแต่ผมบอกว่าขาลุยอย่างผมถ้าตามใครไม่ถึงบ้านก็ฝีมือตกแล้ว ตรงนี้ผมขออธิบายเพิ่มเติมว่าเมื่อลูกค้าห้องพัก(ส่วนใหญ่เป็นสามี-ภรรยา)ตัดสินใจมาพักผ่อนเขาก็เดินทางมา บางคนขับรถข้ามจังหวัดมา เธอกับแฟนจะออกไปรับ ง่ายๆคือเจอะเจอนั่งคุยกันก่อนว่าแขกต้องการที่พักแบบไหนอย่างไร เพื่อให้เป็นการพักผ่อนรีแลคจริงๆคุยเข้าใจตรงกันแล้วจึงมาพักเธอบอกมันลำบากไป ผมจึงให้เธอบอกชื่อโรงเรียนที่ใกล้โฮมสเตย์เธอที่สุดแถวนั้น ผมเอากูเกิ้ลลากเส้นแล้วเดินไปถามมอไซรับจ้างข้างๆสถานีรถไฟ เอาแผนที่ในสมาร์ทโฟนให้เขาดูถามราคาว่าเขาจะเรียกเท่าไหร่ ผมโอเคกับราคาแรกไม่ต่อรอง ทำมาหากินสมัยนี้มันลำบากอยู่ ผมก็คนจนนี่แหละคนขับมอไซก็ไม่ได้รวยจะไปกดคนจนกันเองทำไม ไปถึงจุดหมายผมจ่ายตามราคาที่ตกลงกันแล้วให้ทิปอีกนิดหนึ่ง เขายิ้มแฉ่งขอบคุณแล้วรีบขับรถออกไป ผมโทรบอกเธอว่าผมรออยู่หน้าโรงเรียน

ไม่นานเธอกับแฟนก็ขับรถมาถึง เธอสวมเสื้อผ้าชุดชาวสวนแต่ดูสะอาด เธอเดินเข้ามากอดผมแน่นไม่เกรงใจแฟนเธอเลย จนเธอคลายกอดแฟนเธอจึงยกมือไหว้ผม "สวัสดีครับพี่" ผมตบไหล่เขาบอกเขาว่าสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนเขาไม่ได้เลยคือยังหล่อเหลาเหมือนเดิม เขาตอบว่าพี่ก็ยังดูอบอุ่นเหมือนเดิม เออยกหางกันเองนี่แหละไอ้น้อง เธอคุยกับผมเป็นภาษกลางแต่คุยกับแฟนเป็นภาษาถิ่น มันยิ่งรู้สึกถึงความเป็นเนทีฟ ความบ้านๆไม่เสแสร้งเป็นสิ่งที่แขกที่มาพักชอบ ขับรถออกจากโรงเรียนมานิดเดียวก็เลี้ยวจากถนนที่วิ่งระหว่างหมู่บ้าน เลี้ยวลงถนนลูกรังเข้าป่า ขับมาจนถึงปลายทางไม่เห็นมีบ้านคนอื่นเลย เธอจอดรถหน้าโกดังสินค้าแห่งหนึ่ง มองข้างๆมีคูน้ำใหญ่ขนานไปกับโกดัง มีคูน้ำเล็กเชื่อมวิ่งขนานกับแปลงผักหลายแปลง "ไหนโฮมสเตย์เอ็งหว่า" โกดังทรงA ขนาดยาวเกือบ 20เมตร ประตูบานเลื่อนขนาดยาว5เมตรน่าจะได้ถูกปิดไว้ เธอขับรถไปตามริมคูน้ำเลียบชายคาโกดังจนถึงด้านหลังโกดัง มีบ้านทรงเพิงหมาแหงนคล้ายบ้านพักคนงานแต่ตกแต่งดีกว่า บ้านพักคนงานทรงเพิงหมาแหงนเรียงกัน4ห้อง สะอาด เป็นระเบียบ หากมองจากด้านหน้าโกดังจะไม่เห็น แฟนเธอบอกว่าถึงแล้วครับ ผมอยู่ห้องแรกเดี๋ยวพี่เอากระเป๋าไปเก็บพักที่ห้อง2ติดกับห้องผมนะครับ ผมจะไปเอาของเตรียมกินเลี้ยงคืนนี้ พี่นอนพักก่อนสักพักเดี๋ยวผมกลับมา แล้วทั้งคู่ก็เลี้ยวรถกลับขับกันออกไป ผมโคตรงง หยิบกระเป๋าเดินไปที่ห้อง2 เปิดประตูเข้าไป มีแต่ที่นอนบนพื้นไม่มีเตียง มีที่แขวนเสื้อ เปิดดูห้องน้ำก็ธรรมดา ไม่มีทีวี "นี่หรือโฮมสเตย์" จะถูกหลอกมั้ยเนี่ย บอกตัวเองว่าอย่าเพิ่งสรุปอะไรๆง่ายๆนัก

ผมเก็บเสื้อผ้าใส่ตู้เสร็จ ด้วยอาการงงๆ ไม่นอนพักแต่เดินไปที่ห้อง3 เมื่อเปิดประตูเข้าไปมันสว่างจ้า มันไม่ใช่ห้องนอนแต่เป็นห้องซักผ้ามีเครื่องซักผ้าขนาดใหญ่เครื่องอบผ้า บางส่วนหลังคามุงด้วยกระเบื้องใสแดดส่องเต็มห้อง พื้นปูด้วยกระเบื้องปูภายนอก มุมหนึ่งถูกจัดเป็นที่อาบน้ำเอ้าดอร์ มีแดดมีต้นไม้สวยครับ ถ้าถ่ายรูปมุมนี้สวยเลยแหละ ลองเดินไปเปิดน้ำดูมันใช้งานได้ครับ หลังจากนั้นผมเดินออกมาจะเปิดดูห้อง4แต่มันล๊อคจึงเดินออกมาด้านหน้าห้องพักเป็นสนามหญ้ายาวไปจดคูน้ำ มีซุ้มดอกเห็ด ริมคูมีบันไดลงไปในคูน้ำคล้ายๆบ้านริมคลองที่มีท่าน้ำครับ บันใดบางส่วนจมอยู่ในน้ำ เหมาะกับนั่งกินเบียร์ที่ซุ้มดอกเห็ดแล้วลงมาเอาตีนแช่น้ำก็ได้แต่ระวังเมาตกน้ำ ผักบางแปลงที่อยู่อีกฝั่งคูน้ำกำลังงาม มองไกลออกไปอีกนิดบางแปลงกำลังเตรียมปลูก อย่างแรกเลยที่ผมทำคือ ไปหยิบกล้องถ่ายรูปมาถ่ายห้องน้ำ เอ้าดอร์ แสงเช้ากำลังได้ รูปออกมาสวยเลยครับ เสร็จแล้วก็กลับมานอนคิดทบทวน ประสบการณ์ชีวิตมันสอนให้ผมอย่าด่วนสรุปอะไรเร็วเกินไป แล้วก็หลับไปเพราะเพลีย

ตื่นขึ้นมาอีกทีเมื่อได้ยินเสียงคนเดิน เปิดประตูห้องออกมาเห็นแฟนน้องเขาเอง เขาถามว่าพี่จะอาบน้ำมั้ย อาบเสร็จเดี๋ยวพี่ตามผมไปด้านหน้านะครับ ผมเข้าใจว่าเขาหมายถึงหน้าโกดัง อาจตั้งเต๊นส์สนามบนลานจอดรถข้างหน้าจัดงาน พื้นที่มันไม่ใช่ห้องมิดชิดแต่ก็ดีครับงานจะได้เบา อาบน้ำเลย งานเอน-เนอร์มันสอนผมอย่างหนึ่งคือเราต้องสะอาดสะอ้าน ดูดีตามบุคลิก เฟรนลี่ ยิ้มง่าย แต่งตัวเสร็จผมเดินเลาะไปตามริมโกดังไปด้านหน้าโกดัง ไม่มีเต๊นส์อย่างที่คิดมีแต่รถจอดอยู่บนที่ว่างใหญ่ๆแบบหน้าโกดังทั่วไปคันหนึ่ง ประตูเลื่อนโกดังเปิดแล้ว ผมเดินเข้าไป แม่เจ้า.. โฮมสเตย์เธอมันซ่อนอยู่ในโกดังทั้งหลัง ผมยืนหน้าประตูโกดัง มองเข้าไปด้านใน พื้นปูด้วยกระเบื้องมันวับด้านซ้ายมีโซฟาเข้ามุมรูปตัวแอลรับแขกหันออกด้านหน้าประตู เมื่อเข้าประตูมาจะเจอตรงนี้เป็นที่แรก พื้นที่ทึบที่ประตูเหล็กเลื่อนปิดตอนเปิดประตูด้านนอก พื้นที่ด้านในมันเป็นที่วางทีวีและเครื่องเสียง มันเหมือนมุมรับแขกในบ้านเดี่ยวทั่วไปดีๆนี่เอง ถ้านึกภาพโกดังไม่ออกให้นึกถึงหอประชุมอำเภอ ยาวสี่เหลี่ยมผืนผ้า โครงหลังคาเหล็กสูงๆ ด้านข้างปิดทึบหมดมีแต่ประตูเลื่อนทึบเหล็กขนาดใหญ่ยาว 4เมตรด้านหน้า เมื่อมองเลยโซฟาด้านซ้ายลึกเข้าไปด้านในโกดังอีกนิดผมเห็นห้องใหญ่อยู่ห้องหนึ่งนึกภาพเราเอาตู้คอนเทนเนอร์วางต่อหลังโซฟา แต่ที่เห็นมันเป็นห้องสี่เหลี่ยมปูนลอฟท์แข็งแรงคล้ายห้องสำนักงานในโกดัง มีบันไดเหล็กขึ้นด้านบน ด้านบนไม่ได้เป็นฝ้าแต่เป็นพื้นปูนใช้พื้นที่ได้แบบตู้คอนเทนเนอร์ มีเต็นส์วางอยู่2หลัง มันอยู่ใกล้หลังคาจึงมีกระเบื้องช่องลมให้ลมผ่านเต็นส์  ห้องนั้นน่าจะยาวเกือบ 7เมตร



มองด้านขวาจากนับประตูโกดังเขาเว้นพื้นที่ว่างสัก10เมตร ถัดไปจึงมีโต๊ะกินข้าวไม้สักขนาด 6 คนนั่ง ต่อด้วยชุดคอมพิวเตอร์และโต๊ะทำงานเจาะหน้าต่างบานเกร็ดตรงหน้าคอม ด้านหลังสุดด้านในโกดังเป็นพื้นที่ครัวถูกแยกพื้นที่บังตาด้วยระแนงไม้ ระหว่างโต๊ะคอมกับอ่างล้างจาน มองอีกฝั่งตรงข้ามครัวต่อจากห้องใหญ่เป็นห้องน้ำ2ห้องและประตูหลังเล็กๆ มันคือบ้านที่มีฟังชั่นการใช้งานครบครันที่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้โกดังดูเก่าสีโทนทึมๆหลังเดียว ดีที่ผมเตือนตัวเองแล้วว่าอย่าเพิ่งสรุปอะไรเร็วนัก พื้นที่ทั้งหมดถูกจัดแบบโปร่ง เฟอร์นิเจอร์ธรรมดาไม่หรูหราอะไร  น้องผู้ชายบอกผมว่าเขาขายที่ที่อื่นแล้วมาซื้อที่นี่  เดิมเป็นที่ชาวบ้านเขาให้คนจีนมาเปิดโรงงานกำจัดขยะ(เถื่อน) คนจีนก็สร้างโกดังไว้ พอมีปัญหาคนจีนก็หนีไป เจ้าของเดิมก็ขายถูกๆเพราะเต็มไปด้วยขยะพสาสติกใช้พื้นที่ทำอะไรไม่ได้ แถมโดน อบต.ฟ้องสั่งให้ทำความสะอาดเจ้าของที่เดิมจึงขายทิ้ง ยกภาระกำจัดขยะที่ตกค้างให้คนซื้อ เขาซื้อและขุดหน้าดินเดิมทิ้ง ทำแปลงผักลงหน้าดินใหม่ ส่วนโกดังเป็นทรัพย์ติดที่ดิน เขาดูทีวีเห็นฝรั่งดัดแปลงรถบ้าง โรงเก็บของบ้างเป็นบ้านเขาเลยเอาไอเดียมาทำ เสร็จแล้วออกมาอย่างที่พี่เห็นนี่แหละ  ผมคิดว่ามันดีเลยแหละ น้องผู้หญิงเขาเลือกคู่ชีวิตได้ดี




เรานั่งคุยกันบนโซฟา ผมถามถึงแขกที่มาพัก เขาบอกว่ามักเป็นคู่สามี-ภรรยา ที่สามีอยากให้รางวัลชีวิตแก่ภรรยา ตรงนี้เขาเป็นคนต้อนรับแต่ถ้าแบบอื่นเขาให้น้องผู้หญิงเป็นคนตัดสินใจว่าจะรับหรือไม่ ผมถามต่อว่าแล้วแขกผู้หญิง?มีมั้ย เขาตอบว่าการตัดสินใจตรงนี้ก็เป็นของน้องผู้หญิงซึ่งน้องเขามีกลุ่มประเภท husband sharing ประมาณว่าลงรูปแล้วบอกว่าของฉันแซ่บนะจะลองมั้ยล่ะ เดี๋ยวฉันแบ่งให้แล้วในมุมของผู้หญิงเขาก็ซุบซิบกันบอกต่อๆกันไป ตอนคุยกันในกลุ่ม บางคนก็บอกมาลองแล้ว บางคนก็กล้าการันตีว่าแซ่บจริงทำให้คนอื่นอยากลองดูบ้าง (หัวเราะ) มันเป็นสังคมของผู้หญิงเขาผู้ชายไม่ค่อยเข้าใจ  น้องผู้หญิงชวนใครมาพักเขาก็ยินดีต้อนรับ สรุปแล้วชีวิตเขาดีกว่าทำงานอยู่กรุงเทพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น