วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2561

บุพเพสันนิวาส ภาคพิสดาร ตอนที่ 13



นับตั้งแต่วันที่แม่การะเกดเป็นธุระจัดการให้ขุนเรืองกับแม่จันทร์วาดได้เสียกัน ทั้งคู่ก็เริ่มคบหาดูใจกันมาตลอด และยังแอบใช้เวลาบางส่วนในการไปพลอดรักกันในที่ลับหูลับตาคนอีกด้วย ซึ่งสถานที่นั้นก็มิใช่ที่ใด หากแต่เป็นกระท่อมน้อยปลายสวนที่แม่จันทร์วาดเคยใช้เป็นเวทีโล้สำเภากับพ่อเดช คู่ขาคนเก่าอยู่เป็นประจำนั่นเอง สถานที่เหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือคู่ขาคนใหม่อย่างพ่อเรือง ซึ่งรสสวาทที่ทั้งคู่มอบให้แก่กันนั้นก็ร้อนแรงไม่แพ้ตอนที่มีอะไรกับพ่อเดชเลยทีเดียว
และวันนี้กิจวัตรของทั้งคู่ก็ยังดำเนินไปเช่นปกติ แม่จันทร์วาดแอบหลบสายตาคุณหญิงนิ่มลงมาท้ายเรือนเพื่อไปพบคู่รักตามที่ได้นัดหมายกันไว้ล่วงหน้า เมื่อมาถึงก็พบขุนเรืองนั่งรอในกระท่อมอยู่ก่อนแล้ว แม่จันทร์วาดพอได้เห็นหน้าขุนเรืองปุ๊บก็โผเข้าสวมกอดด้วยความโหยหาทันใด
“ขุนเรือง..ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน ท่านคิดถึงข้าเช่นกันหรือไม่เจ้าคะ”
แม่จันทร์วาดเอ่ยวาจาออดอ้อนออเซาะเสียจนขุนเรืองอ่อนระทวยเมื่อได้ฟังดังนั้น
“ข้าก็คิดถึงออเจ้าเช่นกัน มาเถิดแม่จันทร์วาด ให้ข้าได้หอมแก้มออเจ้าให้ชื่นใจสักครา”
พูดจบขุนเรืองก็ก้มลงไปจุมพิตที่แก้มของแม่หญิงจันทร์วาดอย่างแผ่วเบา รสสัมผัสจากริมฝีปากของเขาช่างอ่อนละมุนพาให้เคลิบเคลิ้มยิ่งนัก แต่ดูเหมือนแม่จันทร์วาดจะไม่พึงพอใจเพียงแค่นั้น นางหันหน้าไปให้ปากสัมผัสกับริมฝีปากของขุนเรือง พลางโอบรอบศีรษะของเขาแล้วโน้มเข้าหาจนริมฝีปากของคนทั้งสองบดเบียดกันไปมาอย่างแนบแน่น แม่จันทร์วาดบดปากจูบกับพ่อเรืองอย่างเร่าร้อนรุนแรงจนแทบไม่ทันได้หายใจ พอสุดกลั้นแล้วทั้งสองคนถึงได้ละปากออกจากกันแต่ยังให้แก้มแนบแก้มซึ่งกันและกันอยู่พลางสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ พอได้เติมอากาศเข้าไปแล้วคนทั้งสองก็กลับมาบดปากจูบกันอีกครั้งอย่างไม่รู้หน่าย
ขุนเรืองนั้นรู้สึกได้ถึงความร้อนแรงของแม่จันทร์วาดที่เพิ่มขึ้นทุกครั้งยามที่ได้โล้สำเภากัน เขาเข้าใจว่าแรกเริ่มเดิมทีแม่จันทร์วาดคงยังเขินอายจึงสงวนท่าทีไว้ไม่ได้แสดงออกอย่างโจ่งแจ้งมากนัก แต่ยิ่งได้มีโอกาสเสพสังวาสกันบ่อยขึ้นเท่าไหร่ แม่จันทร์วาดก็ยิ่งปลดปล่อยอารมณ์ออกมามากขึ้นเท่านั้นดูราวกับเป็นคนละคน จนเขาคิดไปเองว่าแม่จันทร์วาดคงจะตกหลุมเสน่ห์ของเขาจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วแน่นอนถึงได้เปิดเผยความรู้สึกและตัวตนของนางออกมาจนหมดสิ้นเช่นนี้
ขุนเรืองเผลอคิดเรื่อยเปื่อยไปเพียงครู่เดียว พอรู้สึกตัวอีกทีแม่จันทร์วาดก็เปลื้องผ้าท่อนบนออกจนหมดตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ และกำลังแกะกระดุมเสื้อของเขาออกอย่างรีบร้อน ขุนเรืองก้มมองต่ำลงไปจนถึงหน้าอกทรงกระเปาะคู่ขนาดจุ๋มจิ๋มน่ารักของแม่จันทร์วาด ถึงแม้มันจะไม่ได้มีรูปทรงสวยงามแลใหญ่โตกับเท่าของแม่การะเกด แต่เนินอกน้อยๆของนางก็ชวนมองอย่างมิรู้เบื่อเช่นกัน
“ขุนเรืองเจ้าขา ใจคอจะไม่ช่วยข้าเลยหรือเจ้าคะ ปล่อยให้ข้าทำอยู่ผู้เดียวจนดูราวกับหญิงไร้ยางอายก็มิปาน”
แม่จันทร์วาดบ่นกระเง้ากระงอดอย่างน้อยใจ ที่ขุนเรืองเอาแต่นิ่งเฉยปล่อยให้นางเป็นฝ่ายถอดผ้าถอดผ่อนให้จนผิดวิสัยหญิงผู้ดีเป็นที่สุด
“หามิได้แม่หญิง กิริยาของออเจ้านั้นน่าเอ็นดูยิ่งนัก จนข้าเผลอมองเพลินไปหน่อย เอาเถิด เดี๋ยวข้าจะชดเชยให้ออเจ้าก็แล้วกัน”
พูดได้แค่นั้นขุนเรืองก็ผลักแม่จันทร์วาดให้นอนลง ส่วนเขาก็ก้มตัวลงไปเลียหัวนมทั้งสองข้าง บ้างก็ดูดเข้ามาในปากจนแก้มตอบ บ้างก็ใช้ปลายลิ้นดุนหัวนมจนมันเด้งไปมาในอุ้งปากของเขา แม่จันทร์วาดถึงกับเสียวสะท้านจนบิดกายไปมา หน้าอกก็แอ่นขึ้นลงตามจังหวะดูดเลียของขุนเรือง
ส่วนมือไม้ของขุนเรืองก็อยู่ไม่สุข มือนึงเอื้อมไปบีบบี้เม็ดหัวนมที่ว่างอยู่อีกข้าง อีกมือนึงก็เลื่อนลงไปปลดปมผ้าถุงแล้วรูดออกจนพ้นปลายขาของแม่จันทร์วาด จนร่างของนางเปลือยเปล่าทั้งตัวไร้อาภรณ์ใดๆติดกาย ขุนเรืองจึงเลื่อนตัวลงต่ำไปเชยชมเนินสวาทกลางหว่างขาของนาง ซึ่งแม้จะบุบสลายไปบ้างจากการผ่านควยมาแล้วถึงสองลำ แต่ก็ไม่ได้ทำให้มันน่าพิศวาสน้อยลงแต่อย่างใด เส้นไหมที่ปกคลุมเนินโคกนั้นเรียบลื่นเป็นเส้นตรงมิได้รกรุงรังเลยแม้แต่น้อย แสดงถึงความดูแลเอาใจใส่อย่างดีจากผู้เป็นเจ้าของ กลีบแคมทั้งสองข้างยังคงขาวผ่องนวลเนียน มิได้ดำคล้ำเพราะถูกเสียดสีมานับครั้งไม่ถ้วน ปากร่องรูสังวาสอ้าแง้มออกเป็นช่องเล็กๆเท่าปลายนิ้วก้อย มองเห็นเนื้อในสีชมพูดูเนียนตา น้ำใสๆเอ่อมาท่วมท้นร่องรูนั้นจนเขาอดใจไม่ได้ต้องก้มลงไปลิ้มชิมรสของมัน จังหวะที่ลิ้นของเขาปาดลงไปกลางร่องแล้วตวัดขึ้นไปสะกิดติ่งแตดที่ซ่อนตัวอยู่ด้านบนสุดของแคมเนื้อ ก็ทำเอาแม่หญิงจันทร์วาดถึงกับสะดุ้งแอ่นเอวลอยตามลิ้นของเขาขึ้นมาสูงลิ่ว
ขุนเรืองนึกขอบคุณแม่การะเกดอยู่ในใจ หากไม่เป็นเพราะนาง คงไม่มีผู้ใดสอนวิธีการจูบปาก และวิธีการใช้ลิ้นกับของสงวนของผู้หญิงเป็นแน่ แม้ตอนที่เขายังเป็นวัยรุ่น เขากับพ่อเดชเคยพากันเที่ยวเตร่เข้าโรงชำเราบุรุษมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็มิเคยร่วมรักกับหญิงใดด้วยท่าทางพิสดารเช่นนี้มาก่อน หากไม่เป็นเพราะในวันนั้นที่นางได้เอาร่องหีมาทาบทับบนใบหน้าเขาและให้เขาได้เลียชิมน้ำรักสดๆจากร่องรูหอยของนาง เขาคงไม่มีทางรู้ว่าการได้ดูดเลียน้ำจากช่องสังวาสนั้นสร้างความสุขให้แก่ทั้งเขาและผู้ที่โดนเลียยิ่งนัก มีเพียงเรื่องเดียวที่เขานึกเสียดายคือวันนั้นเขาไม่ยอมฉวยโอกาสโล้สำเภากับแม่การะเกดในตอนที่นางกำลังเงี่ยนอย่างถึงที่สุด เพราะมัวแต่ตื่นเต้นที่ได้เย็ดแม่หญิงจันทร์วาดนั่นเอง
ในระหว่างที่ใจครุ่นคิดถึงแต่รสชาติจากร่องเสียวของแม่การะเกด ขุนเรืองก็ไม่ลืมที่จะละเลงลิ้นชิมรสชาติของแม่จันทร์วาดไปพร้อมกัน แม้จะไม่ได้มาจากคนๆเดียวกัน แต่น้ำรักของแม่หญิงจันทร์วาดก็มีรสชาติคล้ายคลึงกับของแม่การะเกดยิ่งนัก มันทั้งหอมหวานทั้งชวนให้กระสันซ่านไปทั้งร่างกาย ไม่ว่าจะดูดเลียเท่าไหร่ก็ไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่ายเลยแม้แต่น้อย เขาเฝ้ามองเรือนร่างของแม่หญิงจันทร์วาดที่ส่ายเอวร่อนสะโพกไปมาอย่างรุนแรงด้วยความเสียวสยิว แว่วเสียงร้องครวญครางฟังไม่ได้ศัพท์จากปากนางอย่างภูมิใจที่ได้สร้างความสุขให้นางจนเหลือจะกล่าว จนกระทั่งแม่หญิงจันทร์วาดทนต่อไปไม่ไหว เสร็จสมไปก่อนด้วยรสลิ้นของขุนเรืองเป็นคราแรก โพรงหีของนางมีอาการเกร็งและตอดลิ้นที่สอดเข้าไปด้านในจนรู้สึกได้ น้ำรักถูกขับออกมาอย่างมากมายจนเปียกเปื้อนทั่วปากและจมูกของขุนเรือง
แม่หญิงจันทร์วาดพักหายใจอยู่ไม่กี่เพลาก็พลิกกลับมาเป็นฝ่ายรุกใส่ขุนเรืองบ้าง นางแก้ผ้านุ่งของเขาออกพลางคว้าท่อนควยปลายโค้งดูคล้ายรูปทรงของกล้วยหอมมากระทอกเล่นอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะอ้าอมดุ้นควยของเขาเข้าปากไปอย่างยากลำบาก ด้วยความที่ควยของขุนเรืองไม่ได้เป็นแท่งตรงยาวเหมือนอย่างของพ่อเดช ทำให้เวลามันเข้าไปอยู่ในปากของนางแล้วจึงไม่อาจควบคุมทิศทางของมันได้ง่ายนัก บางครั้งมันก็เสียบเข้าไปยันกระพุ้งแก้มของนางจนแก้มตุงป่องออกมาเป็นรูปปลายหัวควย บางครั้งมันก็เสียบเข้าไปยันคอหอยจนนางแทบจะสำลัก แต่กระนั้นนางก็ยังไม่ละความพยายามในการใช้ปากและลิ้นกับท่อนควยของขุนเรืองอย่างสุดฝีมือ บางจังหวะนางก็ถอนปากออกมาใช้แต่เพียงลิ้นเลียตั้งแต่พวงไข่สองข้างไล่ไปตามความยาวของท่อนลำจนสุดปลายถอก ก่อนจะครอบปากอมส่วนหัวเข้าไปแล้วใช้ลิ้นแหย่แยงไปที่รูฉี่ตรงส่วนหัวนั้น ทำเอาขุนเรืองถึงกับเสียวซ่านจนแอ่นเอวเกร็งสะโพกเกือบจะกลั้นน้ำกามเอาไว้ไม่อยู่
“ขุนเรืองเจ้าขา มาเล่นโล้สำเภากันเถอะเจ้าค่ะ ข้าเงี่ยนจนน้ำหีแฉะไปหมดแล้ว”
แม่หญิงจันทร์วาดถอนปากออกมานั่งเอนหลังพิงหมอนสามเหลี่ยมเอาไว้ พลางถ่างขาชันเข่าแยกออกจากกันจนกลีบแคมอ้าออกเห็นเนื้อในชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นนางยังใช้มือทั้งสองข้างแหวกร่องหีของตัวเองให้อ้าออกยิ่งกว่าเดิมเหมือนจะอวดของดีภายในจนเขากลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก กิริยาเช่นนี้หากใครมาบอกว่านางเป็นถึงลูกสาวขุนนางชั้นอัครมหาเสนาบดี เขาคงไม่มีทางเชื่อเป็นแน่ เพราะว่าแม่จันทร์วาดในตอนนี้ช่างร้อนร่านเสียจนหญิงงามเมืองทั้งอยุธยาก็ทาบไม่ติด
แต่ขุนเรืองก็ไม่เสียเวลาคิดนานนัก เขาพุ่งเข้าไปทาบทับร่างของนางโดยเบียดแทรกท่อนลำเข้าไปจดจ่ออยู่ที่ปากอ่าวสวาท แม่จันทร์วาดก็อำนวยความสะดวกเต็มที่โดยอ้าขากางออกแล้วโอบรัดรอบเอวของขุนเรืองเอาไว้ พลางแอ่นสะโพกของตนหงายขึ้นให้ร่องรูหอยของนางยกตัวขึ้นมาอยู่ในระดับที่ง่ายต่อการสอดใส่ ขุนเรืองแทบไม่ต้องใช้มือประคองท่อนควยของตัวเองเลยก็สามารถสอดใส่เข้าไปในโพรงสังวาสของแม่หญิงจันทร์วาดโดยไม่ยากเย็นนัก ด้วยความที่โล้สำเภาด้วยกันมาหลายครั้งจนร่องเสียวของนางปรับขนาดให้เข้ากับท่อนควยของเขาได้อย่างเหมาะสม แต่กระนั้นความแน่นกระชับภายในก็มิได้ลดน้อยถอยลงจนถึงกับหลวมโพรกแต่อย่างใด
เขาเสียบท่อนควยอวบโค้งเข้าไปจนสุด ส่วนปลายลำที่เชิดงอขึ้นก็ครูดผนังโพรงหีของแม่หญิงจันทร์วาดตั้งแต่ปากรูไปจนสุดทาง สร้างความเสียวกระสันให้แก่นางยิ่งนัก ยิ่งเมื่อเขาเดินเครื่องชักเข้าชักออกกระแทกกระทั้นใส่รูหอยของนาง ก็ยิ่งทำให้นางเสียวซ่านมากขึ้นจนแทบควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้
“ขุนเรือง..เย็ดข้าแรงๆเลย ข้าเสียวหีเหลือเกิน...ซี้ด...ควยของท่านถูกใจข้ายิ่งนัก...อา...”
ขุนเรืองกระเด้าเย็ดไปพลางก้มลงไปจูบปากนางเป็นระยะๆ ยิ่งนานวันเข้าแม่หญิงจันทร์วาดยิ่งลืมสิ้นซึ่งจริตของกุลสตรี เมื่ออยู่ต่อหน้าท่อนควยของเขานางยิ่งเปิดเผยความร่านในตัวออกมามากขึ้นๆจนไม่เหลือภาพแม่หญิงผู้เรียบร้อยอีกต่อไป หากแต่เขาก็มิได้รังเกียจนางในข้อนั้น กลับทำให้เขารู้สึกพึงพอใจในตัวนางมากขึ้นไปอีกที่เปิดเผยความรู้สึกกันแบบตรงไปตรงมาเยี่ยงนี้ เขาจึงตอบสนองนางด้วยการบดสะโพกส่ายเป็นวงกลมให้ท่อนควยในโพรงหีกวาดครูดไปทั่วทุกซอกทุกมุมในร่องหลืบของนาง สร้างความพึงพอใจให้แก่แม่หญิงจันทร์วาดเป็นอย่างมาก
ทั้งสองคนกระดกสะโพกกระเด้าใส่กันอยู่ซักพักแม่หญิงจันทร์วาดก็เป็นฝ่ายขยับเปลี่ยนท่าก่อน นางโน้มคอขุนเรืองแล้วดึงตัวเองขึ้นมานั่งคร่อมอยู่บนตักของเขา จากท่านี้ทั้งสองจึงประจันหน้ากันตรงๆโดยใบหน้าของขุนเรืองอยู่ในระดับหน้าอกของแม่หญิงจันทร์วาดพอดี เขาจึงทั้งดูดทั้งเลียสองเต้าน้อยๆของนางไปพร้อมๆกันในขณะที่แม่หญิงจันทร์วาดเป็นฝ่ายโขยกเอวขย่มสะโพกใส่ท่อนควยของเขาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ในท่านี้นางสามารถควบคุมน้ำหนักและทิศทางได้ตามใจชอบ จะทแยงซ้ายขวา จะส่ายเอวร่อนแค่ไหนก็แล้วแต่อารมณ์ของนางจะพาไป ท่านี้คุณพี่เดชเคยสอนนางไว้เมื่อนานมาแล้ว ซึ่งนางก็ติดใจและจำมาใช้กับขุนเรืองอยู่หลายครั้ง และทุกครั้งก็ทำให้นางเสียวซ่านถึงใจเป็นที่สุด
“โอว...ขุนเรือง ขุนเรืองเจ้าขา...ซี้ด...เสียวอะไรอย่างนี้...อูย...ท่านรักข้าหรือไม่ขุนเรือง”
แม่หญิงจันทร์วาดร้องครวญครางด้วยเสียงที่ดังขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่กลัวใครจะมาได้ยิน
“รักสิแม่หญิง...ซี้ด...ข้ารักออเจ้าเป็นหนักหนา ถึงได้มาร่วมโล้สำเภากับเจ้าเช่นนี้อยู่บ่อยๆไงเล่า...ซี้ด”
“หากท่านรักข้า ก็จงเรียกข้าว่าเมียเถิด..ขุนเรือง...ซี้ด ผัวขา...ผัวชอบมั้ยคะ ที่ได้เย็ดเมียเยี่ยงนี้”
“ชอบสิจ๊ะเมียจ๋า...อูย...เมียขย่มผัวแรงดีเหลือเกิน มิกลัวควยของข้าจะหักคาอยู่ในหีของออเจ้าดอกหรือ”
“ซี้ด...ถ้าจะหัก ก็ปล่อยให้มันหักคาอยู่ในหีของข้านี่แหละ ผัวจะได้ไปเย็ดคนอื่นมิได้ไงเจ้าคะ...อูย...ซี้ด...เสียวเหลือเกิน”
บทสนทนาของทั้งคู่ยิ่งถึงพริกถึงขิงมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดแม่หญิงจันทร์วาดก็ทนไม่ไม่ไหว ขย่มสะโพกกดลงมาจนสุดแรงแล้วค้างไว้ในท่านั้น พลันความเสียวสุดยอดก็ทำให้นางถึงกับลืมตัว ทั้งจิกเล็บลงไปบนหลังของขุนเรืองแล้วข่วนจนเป็นรอยแผล อีกทั้งปากก็ขบฟันลงไปบนหัวไหล่ของขุนเรืองจนเขาร้องโอ๊ย
“โอ๊ย...แม่หญิง..ข้าเจ็บ อย่ากัดข้า...โอ๊ย”
แม่หญิงจันทร์วาดเหมือนจะได้สติ นางรีบปล่อยหัวไหล่ของขุนเรืองที่เผลองับเข้าไปเต็มแรงจนเป็นรอยกัดจมเขี้ยว พลางร้องถามเขาด้วยความตกใจ
“ขุนเรือง ข้าขอโทษ ท่านเจ็บหรือไม่ ข้า..ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าลืมตัว”
ใบหน้าของแม่หญิงจันทร์วาดมีความตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัดที่เผลอทำให้ขุนเรืองถึงกับเลือดตกยางออก ขุนเรืองเห็นแล้วก็ทำใจโกรธนางไม่ลง
“ไม่เป็นไรหรอกแม่หญิง ไกลหัวใจนัก แต่ข้าคงต้องขอลงโทษแม่หญิงให้สาสมเสียบ้างกระมัง”
พูดจบขุนเรืองก็อุ้มแม่หญิงจันทร์วาดขึ้นมาทั้งที่ควยยังคาอยู่ในรูหีเช่นนั้น จากนั้นก็อุ้มพานางเดินวนไปรอบกระท่อม ด้วยร่างบอบบางของแม่หญิงจึงมิได้ทำให้เขารู้สึกหนักเท่าใดนัก กลับกันทุกย่างก้าวที่เขาเดินยิ่งส่งแรงกระแทกท่อนควยใส่รูหีของนางจนความเสียวที่เพิ่งคลายตัวลงไปเมื่อครู่ถูกปลุกกลับขึ้นมาอีกครั้ง
“ขุนเรือง..ข้าเสียวเหลือเกิน เมื่อครู่ข้าขอโทษ...ซี้ด...ข้าเป็นอะไรไม่รู้ พอข้าเสียวมากๆเมื่อไหร่ ข้ามักจะลืมตัวทุกครั้ง จนเผลอแสดงกิริยาไม่งามออกไป...ซี้ด...ขุนเรืองอย่าถือโทษโกรธข้าเลยนะเจ้าคะ...อูย...”
จากนั้นขุนเรืองก็จับนางหันหลังพิงฝากระท่อมไว้ แต่มิได้ปล่อยขานางลง แล้วกระเด้าเย็ดใส่นางทั้งๆอย่างนั้น ท่านี้จึงเหมือนแม่หญิงจันทร์วาดถูกอัดติดกับกำแพงจนขยับไปไหนไม่ได้ แม้ปลายเท้าก็ไม่อาจสัมผัสถึงพื้น นางถูกขุนเรืองกระเด้าอย่างหนักหน่วงจนกระท่อมสะเทือนไปทั้งหลังน่ากลัวจะพังลงมา ซึ่งเพียงไม่นานขุนเรืองก็สุดที่จะกลั้นเอาไว้อีกต่อไป เขาจึงฉีดน้ำกามจำนวนมากเข้าใส่โพรงหีของแม่หญิงจันทร์วาดอย่างต่อเนื่อง น้ำกามขุ่นข้นล้นทะลักเนืองนองไหลย้อนลงมาหยดบนพื้นกระท่อมเป็นหย่อมๆ แม่หญิงจันทร์วาดเองก็เสร็จสมตามขุนเรืองไปเป็นคำรบที่สาม นางลืมตัวจิกผมของขุนเรืองอย่างแรงจนมีเส้นผมบางเส้นหลุดติดมือนางออกมาด้วย
...
หลังจากเสร็จสมกันแล้วทั้งสองฝ่าย ทั้งขุนเรืองและแม่หญิงจันทร์วาดต่างก็นั่งประคองกอดกันอยู่โดยยังมิได้เริ่มใส่เสื้อผ้ากลับคืนดังเก่า แม่หญิงจันทร์วาดเพียงนำผ้าสไบมาห่มปกปิดสองเต้าคู่น้อยของนางไว้หลวมๆ พลางซบศีรษะลงบนไหล่บึกบึนของขุนเรือง
“ขุนเรืองเจ้าขา นี่มันก็นานมากแล้วตั้งแต่ที่ท่านได้ข้าเป็นเมียของท่าน แล้วเมื่อใดท่านถึงจะให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอข้าให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียทีเจ้าคะ”
แม่หญิงจันทร์วาดเอ่ยถามทำลายความเงียบขึ้นมา
“ข้าขอเวลาอีกสักพักเถิดหนาแม่หญิง ตอนนี้ข้ายังติดขัดปัญหาอยู่บางประการ”
สิ้นคำของขุนเรือง แม่หญิงจันทร์วาดก็รู้สึกเหมือนถูกตบจนชาไปทั้งใบหน้า นางผละออกจากอ้อมอกของเขาแล้วหันกลับมาพูดด้วยเสียงอันดัง
“ขุนเรือง!! ไยท่านจึงกล่าวเช่นนี้ ท่านไม่รู้หรือว่าบัดนี้ท่านได้ทุกอย่างของข้าไปครอบครองจนหมดแล้ว ร่างกายของข้าก็ตกเป็นของท่าน แม้แต่หัวใจของข้า ท่านก็ช่วงชิงมันไป หากท่านไม่คิดจริงใจที่จะออกเรือนกับข้า แลไปมีใจให้กับผู้อื่น ข้าก็คงต้องกลายเป็นคนโง่อีกครั้ง เหมือนคราวที่คุณพี่เดชทอดทิ้งข้าไปหาแม่การะเกดนั่นไงเล่า”
แม่หญิงจันทร์วาดตีโพยตีพายแล้วก็ปล่อยโฮร้องไห้ออกมาจนน้ำตาไหลเป็นสาย นางหลงรักขุนเรืองไปหมดแล้วทั้งใจจริงๆจึงยอมมอบทุกอย่างที่มีให้แก่เขา แม้ของสงวนส่วนใดก็ยอมให้เขาเชยชมจนหมดสิ้น แต่ขุนเรืองกลับลังเลมิยอมมาสู่ขอนางเช่นนี้ ทำให้นางเจ็บช้ำน้ำใจยิ่งนัก
“หาเป็นเช่นนั้นไม่แม่หญิง ข้าคิดจะออกเรือนกับเจ้าเป็นที่แน่นอนอยู่แล้ว หากแต่ติดปัญหาก็ตรงที่...”
ขุนเรืองไม่ทันพูดจบ แม่หญิงจันทร์วาดก็สวนขึ้นมาทันควันด้วยอารมณ์ที่ร้อนราวกับไฟ
“ตรงที่ใดกันเจ้าคะ ตรงที่ข้ามิใช่หญิงบริสุทธิ์ใช่หรือไม่ ท่านจึงได้รังเกียจข้า หากเป็นเช่นนั้นท่านก็ควรจะโทษคุณพี่เดชเพื่อนสนิทของท่าน ที่ใจคอโลเลยิ่งนัก มาพรากเอาความบริสุทธิ์ของข้าไปยังมิพอ ยังทอดทิ้งข้าไปหาแม่หญิงการะเกดคู่หมายของเขา หาใช่มาโทษข้าที่เป็นหญิงสำส่อน มิยอมรักนวลสงวนตัวไม่”
แม่หญิงจันทร์วาดพูดไปก็น้ำตาคลอเบ้าไป นางทั้งโกรธและเสียใจในเวลาเดียวกัน
“มิใช่เช่นนั้นแม่หญิง หากแต่คุณหญิงนิ่ม แม่ของออเจ้า มิพึงใจในตัวข้า นางมิอยากให้ข้าไปเป็นลูกเขยของนาง เจ้าก็เห็นอยู่”
“คุณแม่ของข้า ทำเหมือนคุณแม่ของทุกผู้ ท่านเพียงต้องการแน่ใจ และท่านจะแน่ใจได้เพียงใด...เป็นหน้าที่ของท่าน”
แม่หญิงจันทร์วาดกล่าวไว้เพียงแค่นั้นก็แต่งเนื้อแต่งตัวแล้วกลับเรือนไปทันที ทิ้งให้ขุนเรืองนั่งขมวดคิ้วครุ่นคิดหาวิธีแก้ปัญหาต่อไปเพียงลำพัง
...
ณ ท่าน้ำหน้าเรือนออกญาโหราธิบดี ขุนเรืองนำความมาปรึกษาแม่หญิงการะเกดดังเช่นทุกครั้ง นางเปรียบเสมือนที่ปรึกษาส่วนตัวด้านความรักของเขาไปเสียแล้ว แม่การะเกดรับฟังปัญหาของขุนเรืองจบ ก็ตักขนมเข้าปากเคี้ยวจนหมดก่อนจะบอกวิธีแก้ไขให้เขาได้ฟัง
“ขุนเรืองก็ต้องแสดงให้คุณหญิงนิ่มเห็นว่าขุนเรืองมีดีเพียงใดถึงคู่ควรจะได้เป็นลูกเขยของนาง เชื่อข้าเถอะ ท่านต้องทำได้อยู่แล้ว ขนาดแม่หญิงจันทร์วาด ท่านยังเอาชนะใจนางได้เลย ดังนั้นท่านก็ต้องเอาชนะใจคุณหญิงนิ่มแม่ของนางได้เช่นกัน ข้ารับรอง”
“เจ้าช่วยบอกวิธีเอาชนะใจคุณหญิงนิ่มให้กับข้าได้หรือไม่ แม่การะเกด”
“หืม...เรื่องอะไร ท่านต้องไปคิดเอาเองสิเจ้าคะ ท่านอยากจะเป็นลูกเขยของนาง ไม่ใช่ข้าซักหน่อย ข้าแนะนำท่านได้เพียงเท่านี้แหละเจ้าค่ะ ที่เหลือต้องเป็นหน้าที่ของขุนเรืองแล้วล่ะ”
ขุนเรืองฟังที่แม่การะเกดพูดจบแล้วก็ไม่อาจเซ้าซี้ต่อไป จึงขอตัวลากลับ พลางครุ่นคิดถึงวิธีที่จะเอาชนะใจคุณหญิงนิ่มจนหัวแทบแตกแต่ก็ยังคิดไม่ออกเสียที จนแม่การะเกดที่มองตามถึงกับส่ายหน้าในความซื่อบื้อของขุนเรือง นี่ถ้าหากหนก่อนนางไม่ช่วยจนถึงขนาดยอมเปลืองตัวร่วมวงโล้สำเภาด้วย ท่าทางขุนเรืองคงไม่มีปัญญาได้เจาะไข่แดงแม่หญิงจันทร์วาดด้วยตัวเองหรอกกระมัง
...
“แม่จันทร์วาด รู้หรือไม่ว่าตอนนี้ขุนเรืองเขากินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะกังวลเรื่องที่เขาไม่สามารถทำให้คุณหญิงนิ่มยอมรับในตัวเขาได้ จนแทบจะตรอมใจตายอยู่แล้ว”
แม่การะเกดลงทุนมาหาแม่จันทร์วาดถึงเรือน เพราะอดยื่นมือเข้าช่วยไม่ได้จริงๆ
“เหตุใดออเจ้าต้องยื่นจมูกเข้ามาในเรื่องที่ไม่ใช่ของออเจ้า”
แม่การะเกดรู้สึกเหมือนโดนหาว่าเสือกเบาๆ วาจาของแม่หญิงจันทร์วาดนั้นช่างเชือดเฉือนนัก หลอกด่านางได้อย่างแนบเนียน แต่นางก็หาได้ใส่ใจไม่ เพราะต้องการช่วยเหลือขุนเรืองมากกว่า
“แม่จันทร์วาด ข้าขอถามตรงๆนะ ออเจ้ากับขุนเรือง โล้สำเภากันไปกี่ครั้งแล้ว”
“เหตุใดออเจ้าจึงถามในเรื่องที่ไม่สมควรเช่นนี้ ไม่มีแม่หญิงคนใดในอยุธยาเขาถามกันแบบออเจ้าหรอกหนา”
แม่จันทร์วาดตอบทั้งที่ใบหน้าเริ่มแดงซ่านขึ้นมาด้วยความเขินอายยิ่งนัก
“เอาเถอะน่า ในฐานะที่เราต่างก็เคยสนิทแนบแน่นกันแบบเนื้อถึงเนื้อมาแล้ว เจ้าก็ตอบข้ามาตรงๆเถอะ..นะๆ กี่ครั้งแล้ว”
แม่การะเกดยังเซ้าซี้ต่อไป เพราะนางกับแม่หญิงจันทร์วาดเปรียบเสมือนเพื่อนสนิทกันไปแล้ว สนิทถึงขนาดร่วมเตียงกับผู้ชายคนเดียวกันก็ยังเคยทำ นางเข้าใจดีว่าที่แม่จันทร์วาดพูดแบบนั้นก็เพราะต้องการวางท่าให้ดูเป็นหญิงเรียบร้อยต่างหาก
“ก็..บ่อยครั้งอยู่ แต่ใครเขาจะไปนั่งจำเรื่องนี้กันเล่าแม่การะเกด”
“แล้วบ่อยมากมั้ย”
“มาก”
ในที่สุดแม่หญิงจันทร์วาดก็ยอมรับออกมาตรงๆจนได้เพราะทนการเซ้าซี้จากแม่การะเกดไม่ไหวแล้ว
“แล้วออเจ้าไม่เสียดายหรือ หากออเจ้าไม่ได้แต่งงานกับขุนเรือง ทั้งที่โดนเขาโล้สำเภาไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่แล้ว”
“แล้วจะให้ข้าทำกระไรเล่า เรื่องนี้แม่ข้าเป็นคนตัดสินใจ หากแม่ข้าไม่ยินดี ข้ากับขุนเรืองก็คง...”
แม่จันทร์วาดพูดไม่ทันจบก็พาลจะร้องไห้ออกมา น้ำตาใสๆเอ่อขึ้นมาคลอเบ้าแล้ว หากแต่แม่การะเกดฉวยจังหวะกระซิบบอกแผนการที่ข้างหูนางเสียก่อน จนแม่จันทร์วาดถึงกับนิ่งอึ้งไปแล้วหันกลับไปถามแม่การะเกด
“จะดีหรือแม่การะเกด ข้าไม่กล้าทำหรอกนะ ข้ากลัวบาป”
“ระหว่างบาปกับอดมีผัว ออเจ้าก็เลือกเอาก็แล้วกัน ข้าช่วยได้แค่นี้แหละนะ ข้าไปละนะ”
พูดจบแม่การะเกดก็ลากลับไปทันที ปล่อยให้แม่หญิงจันทร์วาดสับสนในใจอยู่อย่างนั้น
...
หลังจากนั้นสองวัน แม่หญิงจันทร์วาดก็แสร้งทำเป็นป่วยนอนซมไม่ยอมลุกออกจากเตียง พลางรำพึงรำพันแต่คำว่าอยากตายๆ จนคุณหญิงนิ่มอ่อนใจ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี นางรู้มาตลอดว่าลูกสาวนางมีใจให้กับขุนเรือง แต่นางไม่ชอบใจตรงที่เขาเป็นเพียงลูกขุนนางชั้นผู้น้อย มิได้มีหน้ามีตาเหมือนอย่างขุนศรีวิสารวาจา ที่เป็นถึงลูกของพระยาโหราธิบดี ราชครูของขุนหลวง อีกทั้งหากเขากลับมาจากไปเป็นทูตที่ฝรั่งเศสครานี้ คงได้อวยยศสูงขึ้นไปอีกเป็นแน่ แต่เมื่อมาเห็นลูกสาวต้องตรอมใจขนาดนี้ นางจึงจำใจต้องยอมเรียกขุนเรืองมาเจรจาด้วยในที่สุด
บ่ายวันต่อมาขุนเรืองก็มาเยี่ยมคุณหญิงนิ่มถึงเรือนพร้อมด้วยของกำนัลมากมาย แต่คุณหญิงนิ่มก็ยังปั้นหน้าไม่ยินดียินร้ายกับทรัพย์สินที่เขานำมาเอาใจ และพูดประดุจว่ามิอยากได้ของเหล่านั้น
“เอาข้าวของมาทำไมมากมายก่ายกอง ไม่มีที่จะเก็บ”
“ในเรือนไม่มีของเลย ไม่มีที่เก็บจริงหรือขอรับ”
ขุนเรืองพลั้งปากพูดตามที่เห็นออกไปโดยลืมคิดว่ามันยิ่งไปกระทบจิตใจคุณหญิงนิ่มมากขึ้นไปอีก เพราะครอบครัวนางโดนริบทรัพย์กลับเข้าหลวงไปจนหมด คุณหญิงนิ่มชะงักไปนิดหนึ่งเพราะไม่คิดว่าจะโดนตอกกลับเช่นนี้ แต่ยังคงรักษากิริยาไว้ให้ปกติที่สุดก่อนจะกล่าวกับขุนเรืองต่อไป
“ตามข้ามาเถิดขุนเรือง ข้ามีธุระสำคัญจะต้องคุยด้วยกับออเจ้า”
แล้วคุณหญิงนิ่มก็เดินนำขุนเรืองเข้าไปยังห้องๆหนึ่ง ซึ่งดูคล้ายกับว่าจะเป็นห้องนอนของผู้ใดมาก่อน แต่ข้าวของภายในห้องถูกขนออกไปจนเกือบหมด เหลือไว้เพียงเตียงกับเก้าอี้อย่างละตัวเท่านั้น จึงทำให้ห้องนั้นดูโล่งผิดหูผิดตา คุณหญิงนิ่มนั่งลงบนเตียงก่อนจะพูดกับขุนเรืองโดยที่ยังหันหลังให้เขา สายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
“ข้าขอพูดตามตรงนะ ข้ามิประสงค์จะได้เจ้ามาเป็นเขยของข้า ด้วยว่าออเจ้านั้นยศถาบรรดาศักดิ์ต่ำต้อยมิเทียมหน้าเทียมตาผู้อื่น อีกทั้งหน้าตาก็ดูเซ่อซ่าหาสติปัญญามิได้ รูปร่างก็เก้งก้างหาความสมชายชาตรีไม่เจอ ดูทีรึ..จะมีปัญญาทำหลานมาให้ข้าอุ้มหรือเปล่าก็ยังมิรู้ ข้าสงสัยนักว่าลูกสาวของข้าหลงเสน่ห์อะไรในตัวเจ้าจนหัวปักหัวปำเยี่ยงนี้”
โดนเหยียดหยามกันขนาดนี้ เป็นใครก็คงทนไม่ได้ ขุนเรืองเองก็ถึงกับเหลืออด ถูกตราหน้าว่าไม่หล่อแถมจนยังพอว่า นี่ถึงขนาดสบประมาทว่าไม่มีน้ำยาเรื่องบนเตียง เขาคงต้องแสดงให้ว่าที่แม่ยายเห็นเสียหน่อยแล้วว่า ไอ้สิ่งที่ทำให้ลูกสาวของนางหลงจนโงหัวไม่ขึ้นคืออะไร พลันนึกไปถึงสิ่งที่แม่การะเกดบอกกับเขาในวันนั้นก็ทำให้เขาเข้าใจความหมายในคำพูดของนางขึ้นมาทันที
‘ท่านต้องแสดงให้คุณหญิงนิ่มเห็นว่ามีดีเพียงใดถึงคู่ควรกับลูกสาวนาง’
ใช่แล้ว..ของดีที่เขามีอยู่ใต้สะดือลงไปเพียงไม่กี่นิ้ว เจ้านี่เคยทำให้แม่หญิงจันทร์วาดกลายเป็นลูกแมวเชื่องๆในกำมือเขามาแล้ว และมันจะต้องทำให้คุณหญิงนิ่มเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเขาได้เช่นกัน คิดได้ดังนั้นเขาก็ตัดสินใจทำบางอย่างทันที

“อย่าหาว่าข้ายังงั้นยังงี้เลยนะ เอาเป็นว่าหัวเด็ดตีนขาดยังไงข้าก็คงจะไม่ยกลูกสาวให้....ว้าย....คุณพระ!!”
คุณหญิงนิ่มหันกลับมาทางขุนเรืองก็ต้องตกใจจนร้องอุทานออกมา เพราะขุนเรืองนั้นเดินเข้ามาประชิดตัวนางโดยที่ปลดปมผ้านุ่งถอดออกไปตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ ท่อนล่างของเขาจึงล่อนจ้อน ลำควยแข็งโด่เป็นแท่งยาวกระดกหงึกๆอยู่ห่างจากใบหน้านางไม่ถึงศอก สะโพกของเขานั้นอยู่ในระดับเดียวกับหัวไหล่ของนางที่กำลังนั่งอยู่ แต่ด้วยความงอนโค้งของลำควยทำให้มันเชิดขึ้นมาจนแทบจะแตะถึงคางของนาง อีกทั้งความใหญ่ยาวของมันทำให้นางถึงกับใจสั่น นึกเปรียบเทียบกับสามีผู้ล่วงลับของนาง แม้สามีนางจะมีตำแหน่งเป็นถึงอัครมหาเสนาบดีผู้ยิ่งใหญ่ แต่อวัยวะเบื้องล่างกลับสู้ไม่ได้เลยกับออกขุนตำแหน่งเล็กๆอย่างขุนเรือง ผู้มีอาวุธประจำกายใหญ่โตเกินหน้าเกินยศไปหลายขุม ยิ่งเขายื่นมันเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงกลิ่นเฉพาะตัวของท่อนควย ก็ยิ่งปลุกอารมณ์กำหนัดที่เลือนหายไปนานมากแล้วให้ตื่นกลับมาใหม่อีกครั้ง
“คุณหญิงสงสัยในตัวกระผมว่าจะสามารถทำให้ลูกสาวของคุณหญิงมีความสุขได้หรือไม่ อีกทั้งจะสามารถมีหลานมาให้ท่านอุ้มได้หรือเปล่า ใช่มั้ยขอรับ กระผมจะพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นกับตา ว่าสิ่งที่กระผมมีสามารถสร้างความสุขให้ลูกสาวของท่านได้อย่างไร”
พอพูดจบขุนเรืองก็รวบร่างของคุณหญิงนิ่มมาไว้ในอ้อมกอดทันที พลางซุกไซร้ไปตามใบหน้า ซอกคอ และใบหูของนาง แม้คุณหญิงนิ่มจะออกแรงขัดขืนเพียงใด ก็ไม่อาจสะบัดหลุดจากวงแขนอันแข็งแรงของขุนเรืองไปได้ กลับยิ่งโดนเขาทั้งหอมทั้งไซร้จนความสยิวเริ่มเข้าจู่โจมร่างกายและจิตใจนางทีละน้อย เรี่ยวแรงที่มีก็กลับค่อยๆหายไปจนไม่อาจดิ้นรนต่อไปได้อีก ต้องจำยอมให้เขาเล้าโลมพรมจูบไปทุกส่วนบนใบหน้า
ขุนเรืองเมื่อได้โอบกอดคุณหญิงนิ่มอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ ก็พบว่าเนื้อตัวของคุณหญิงนั้นนิ่มสมชื่อจริงๆ แม้นางจะอยู่ในวัยกลางคนแถมยังเป็นแม่ของหญิงที่เขาหมายปอง แต่ผิวพรรณของนางกลับยังมีน้ำมีนวลแลดูอ่อนกว่าวัย อีกทั้งยังเต่งตึงไม่แพ้สาวในวัยกำดัดแม้แต่น้อย เขาฉวยโอกาสบีบจับสองเต้าของนางโดยไม่ขออนุญาต คุณหญิงมีอาการสะดุ้งเล็กน้อยที่ถูกว่าที่ลูกเขยลวนลาม แต่นางกำลังถูกอารมณ์กำหนัดเข้าครอบงำสติจนมิได้ออกปากห้ามปรามขุนเรืองแต่อย่างใด เพียงแค่บิดกายไปมาเล็กน้อยอย่างขวยเขินดูราวกับเด็กสาวผู้ไม่ประสีประสาในเชิงกาม
ขุนเรืองยังรุกต่อไปโดยไม่ยอมให้คุณหญิงนิ่มตั้งตัวติด เขาเชยคางนางให้หันมาประกบปากจูบแล้วส่งลิ้นเข้าไปแลกลิ้นกับนาง คุณหญิงนิ่มทั้งตกตะลึงทั้งเสียวซ่านที่โดนจูบ เพราะตลอดชีวิตนางตั้งแต่ออกเรือนมาเป็นเมียของเจ้าพระยาโกษาฯ นางก็ไม่เคยโดนจูบริมฝีปากมาก่อน บัดนี้กลับโดนเด็กหนุ่มรุ่นลูกสอนเชิงจนนางอ่อนระทวยไปทั้งตัว ความซ่านเสียวที่ปากบนแล่นลงไปถึงปากล่าง ส่งผลให้ร่องรูหีของนางมีน้ำเมือกใสๆหลั่งออกมาจนชุ่มชื้นไปหมด
คุณหญิงนิ่มเพลิดเพลินกับรสจูบอยู่เนิ่นนานจนไม่รู้ตัวเลยว่าเสื้อผ้าของตนเองถูกถอดออกไปตอนไหน มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ขุนเรืองเลื่อนใบหน้าลงไปซุกไซร้กับสองเต้าที่เปลือยเปล่าไปแล้ว หน้าอกของนางนั้นไม่ได้มีขนาดใหญ่โตมากนัก แต่กะทัดรัดกำลังดีสมส่วนกับรูปร่างของนาง และด้วยความที่มันไม่ได้ใหญ่โตเกินพอดีนี่แหละจึงทำให้มันไม่ได้หย่อนคล้อยไปตามวัยของนาง กลับยังเต่งตึงตั้งเต้าชวนให้ขุนเรืองฟอนเฟ้นมันอย่างหลงใหล เขาดูดเลียสองเต้าของคุณหญิงนิ่มไปพลางก็นึกไปพลางว่าคุณหญิงนั้นขี้งกแม้กระทั่งขนาดของหน้าอก นางแบ่งไปให้ลูกสาวน้อยเหลือทน แม่หญิงจันทร์วาดถึงได้มีเนินนมเล็กจุ๋มจิ๋มถึงเพียงนั้น
“ซี้ด...ขุนเรือง ออเจ้าไม่ควรทำเช่นนี้กับข้านะ ข้าเป็นแม่ของแม่จันทร์วาด ไยเจ้าจึงล่วงเกินข้าเช่นนี้...อืม”
คุณหญิงนิ่มพูดออกมาในเชิงตำหนิ แต่มือทั้งสองข้างกลับกดศีรษะของขุนเรืองอัดเข้ากับเนินนมของตัวเองแถมยังแอ่นอกส่ายไปมาอย่างลืมตัว
“กระผมจะทำอย่างที่บอก คือจะให้คุณหญิงได้รับรู้ว่ากระผมทำอย่างไร แม่หญิงจันทร์วาดถึงได้มีความสุขและหลงรักกระผมยังไงล่ะขอรับ”
ขุนเรืองพูดจบก็ยังคงก้มหน้าก้มตาซุกไซร้เล้าโลมหน้าอกของคุณหญิงนิ่มต่อไปอย่างไม่ลดละ
“ข้ากระจ่างแจ้งแก่ใจแล้วว่าออเจ้าทำเช่นไรลูกข้าถึงได้มีความสุข ดังนั้นโปรดหยุดแค่นี้เถิดพ่อเรือง อย่าได้เลยเถิดไปกว่านี้เลย ใครรู้เข้ามันคงจะไม่งาม”
“ใครจะรู้ล่ะขอรับคุณหญิง หากคุณหญิงไม่พูด กระผมไม่พูด มีเพียงเราสองคนเท่านั้นที่รู้ แม้แต่แม่หญิงจันทร์วาดกระผมก็จะเก็บเรื่องนี้ไม่ให้ไปถึงหูของนาง หากคุณหญิงยินดีรับความสุขที่กระผมมอบให้ในวันนี้”
“ข้ารู้แล้ว...ซี้ด...ข้ามีความสุขแล้ว พอแค่นี้เถิดขุนเรือง...อา”
คุณหญิงนิ่มอ้อนวอนให้เขาหยุด แต่มือทั้งสองกลับยังกอดรัดเขาแน่นขึ้นไม่ยอมปล่อยเสียอย่างนั้น ขุนเรืองจึงรู้ว่าคุณหญิงนิ่มเองก็มีนิสัยคล้ายๆกับแม่จันทร์วาด คือปากอย่างใจอย่าง ปากพูดว่าไม่ แต่ใจคือยังไม่พอนั่นเอง เขาจึงได้ใจรุกเร้าต่อไปไม่หยุด
“จะหยุดได้เช่นไรขอรับ กระผมเพิ่งจะเริ่มเท่านั้นเอง ยังไม่ได้แสดงให้คุณหญิงเห็นอีกตั้งหลายอย่าง”
จากนั้นผ้านุ่งของนางก็ถูกขุนเรืองดึงออกจากสะโพก โดยที่คุณหญิงนิ่มเองก็ช่วยยกสะโพกขึ้นมาให้เขาถอดออกได้ง่ายๆเสียอย่างนั้น เสร็จแล้วขุนเรืองก็หันกลับมาเพ่งมองเนินกลีบใจกลางง่ามขาของคุณหญิง แล้วก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าเนินโคกของนางนั้นช่างใหญ่โตโหนกนูนเป็นโคกสูงยิ่งนัก แม้ฝ่ามือของเขาวางลงไปมิดก็ยังปิดไม่มิด กลีบแคมอวบอิ่มเบียดตัวกันชิดจนเห็นร่องกลีบเป็นเส้นตรงหายเข้าไปในซอกขา สนามหญ้าบนเนินโหนกนั้นแม้จะรกครึ้มแต่ก็ถูกแต่งเล็มเป็นอย่างดีจนดูไม่น่าเกลียด เห็นน้ำใสๆเอ่อออกมาที่ปากช่องเสียวแล้วขุนเรืองก็อดใจไม่ได้ต้องก้มลงไปเลียชิมรสชาติของมันดูซักครั้ง
“ว้าย...พ่อเรือง ออเจ้าทำกระไรเช่นนั้น...ซี้ด...อย่า...มันน่าเกลียดนะ แถมมันยังสกปรกอีกด้วย...ซี้ด...อูว....เสียวจัง”
ขุนเรืองมิได้ฟังที่คุณหญิงร้องห้ามปราม เพราะมันไม่ได้สกปรกแต่อย่างใด กลับมีรสชาติที่กระตุ้นความเสียวได้เป็นอย่างดี เขาบรรจงดูดเลียและแหย่แยงลิ้นเข้าออกในร่องรูนั้นจนคุณหญิงนิ่มแอ่นสะโพกลอยสูงก้นไม่ติดเตียง น้ำรักในช่องเสียวไหลทะลักออกมาไม่ยอมหยุด ขุนเรืองก็ยิ่งดูดกลืนมันลงคอไปอย่างไม่รังเกียจ เสียงดังแผล็บๆจ๊วบๆดังไปทั่วทั้งห้องแข่งกับเสียงครางกระเส่าของคุณหญิง
“โอว...ซี้ด...พ่อเรือง..ข้า..ข้าทนไม่ไหวแล้ว หยุดเถิดพ่อเรือง หยุดก่อน...โอว...อ๊า...ซี้ด...”
แล้วคุณหญิงนิ่มก็สุดจะกลั้นต่อไปไหว นางน้ำแตกถึงฝั่งฝันไปก่อนหนึ่งรอบ น้ำเงี่ยนทะลักราวกับเขื่อนแตก สะโพกเกร็งกระตุกเป็นจังหวะ ปลายเท้าหงิกงอจิกเกร็งแน่น
ขุนเรืองเมื่อเห็นคุณหญิงเสร็จสมไปแล้ว จึงรีบคลานขึ้นไปทาบตัวบนร่างของนาง แก่นกายสอดลงไปตรงหน้าขา กำลังจะแหวกกลีบพร้อมเสียบร่องเสียวอยู่แล้ว ทันใดนั้นคุณหญิงนิ่มก็คว้าหมับเข้าที่ท่อนควยของเขาแล้วกำไว้หลวมๆไม่ยอมให้เขาเสียบรูของนาง พลางเอ่ยขึ้นมา
“พ่อเรือง ข้าขอเตือนพ่อเรืองเป็นครั้งสุดท้าย ว่าจงอย่าได้ล้ำเส้นเลยเถิดกันไปมากกว่านี้ หากออเจ้าไม่เชื่อฟังข้า ออเจ้าจักต้องเสียใจในภายหลังเป็นแน่พ่อเรือง”
นางกล่าวด้วยวาจาที่ดูจริงจังคล้ายกิริยาในยามปกติของนาง แต่พ่อเรืองมั่นใจว่าด้วยนิสัยปากอย่างใจอย่างของคุณหญิงนิ่ม หากได้ลิ้มรสควยของเขาเข้าไปสักครั้ง จักต้องกลายร่างจากแม่เสือกลายเป็นลูกแมวน้อยเชื่องๆอย่างแน่นอน และจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของเขาไม่ว่าจะสั่งให้ทำอันใด ถึงจะสั่งให้นางยกลูกสาวให้แต่งงานกับเขา นางก็คงมิอาจขัดใจของเขาได้ คิดได้ดังนั้นแล้วเขาก็ดึงมือของคุณหญิงนิ่มที่กำท่อนควยของเขาออก แล้วจ่อหัวกับปากปากรูหีของนาง จากนั้นก็ออกแรงกดพรวดลงไปทันที
“โอ๊ย...ซี้ด...เจ็บ ข้าเจ็บ...อูย...เบาๆหน่อยพ่อเรือง...อา...ซี้ด”
เพียงแค่คอหยักจมลงไปในรูหี ขุนเรืองก็สัมผัสได้ถึงความแน่นกระชับจากช่องสังวาสของนาง มันบีบรัดปลายควยของเขาจนต้องขบกรามกรอด ความตีบแคบนี้มันคืออะไรกัน ดูราวกับว่าคุณหญิงนิ่มนั้นประดุจสาวบริสุทธิ์มิเคยผ่านการเสพสังวาสยังไงยังงั้น ทั้งที่ลูกสาวนางก็โตจนมีผัวได้แล้วอยู่ทั้งคน
“อูย...คุณหญิง เหตุใดช่องรักของคุณหญิงถึงได้แน่นเช่นนี้ จนข้าขยับไปไหนไม่ได้เลย คุณหญิงช่วยผ่อนคลายลงหน่อยได้หรือไม่ ไม่เช่นนั้นข้าคงทนไม่ไหว”
คุณหญิงนิ่มที่นอนกัดฟันแน่นอยู่ก็กลับมีน้ำตาไหลออกมา นางลืมตาขึ้นมองขุนเรืองพลางเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“พ่อเรืองอยากรู้จริงหรือ ว่าทำไมของรักของข้าถึงได้แน่นกระชับเพียงนั้น”
ขุนเรืองพยักหน้าช้าๆด้วยความอยากรู้ แต่ทันใดนั้นเขาก็กลับถูกนางผลักอกจนหงายหลังลงไป ท่อนควยจึงหลุดออกจากรูหีของนาง จากนั้นโดยไม่คาดคิด คุณหญิงนิ่มก็กระโดดขึ้นคร่อมตัวเขา มือนึงจับท่อนควยไปจ่อที่ปากร่องเสียวของตัวเอง อีกมือก็กดหน้าอกของเขาไว้ไม่ให้ลุกขึ้นมา
“ข้าหาใช่กุลสตรีผู้เพียบพร้อมดังที่ทุกคนเห็นไม่ แต่เพราะฐานะหน้าตาในสังคมบังคับให้ข้าต้องประพฤติตัวเช่นนั้น จะมีก็แต่คุณพี่เหล็กสามีของข้าเพียงผู้เดียวที่รับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของข้าในยามที่เข้าหอกัน หากแต่มันคงเหลือกำลังที่เขาจะยอมรับในตัวข้าได้ ข้าจึงมีบุตรสาวแค่แม่หญิงจันทร์วาดเพียงผู้เดียว หลังจากนั้นก็ไม่เคยมีใครมาปลดเปลื้องอารมณ์ใคร่ของข้าอีก จนวันนี้ที่เจ้าบังอาจมาล่วงเกินข้า ทั้งที่ข้าย้ำเตือนเจ้าหลายครั้งหลายหนแต่เจ้าก็ไม่ฟัง เช่นนั้นเจ้าก็จงสำนึกเสียใจในสิ่งที่ทำเถิด ข้าจักไม่ให้ออเจ้าได้หยุดพักจนกว่าข้าจะสาแก่ใจ”
คุณหญิงนิ่มร่ายยาวเหยียดก่อนจะกดสะโพกกลืนท่อนควยของขุนเรืองเข้าไปในรูหีจนมิดลำ ใบหน้านางเหยเกด้วยความเจ็บปนเสียว รูหีที่ร้างควยมาสิบกว่าปียิ่งกว่าอายุของแม่จันทร์วาด ในที่สุดก็ได้สิ่งที่โหยหามาเติมเต็มความต้องการเสียที แถมยังใหญ่ยาวเป็นที่ถูกอกถูกใจนางยิ่งนัก
ขุนเรืองไม่คิดว่าคุณหญิงนิ่มจะมีด้านมืดในใจแบบนี้ด้วย จากที่เขาเป็นฝ่ายรุกเข้าใส่นาง บัดนี้เขากลับถูกนางรุกกลับเสียเอง นางเสียบท่อนควยจนมิดยันโคนได้ไม่ทันไร ก็ยกสะโพกขึ้นแล้วขย่มลงมาอย่างแรงจนเขาจุกเสียดไปทั้งหน้าท้อง จากนั้นนางก็ยกสะโพกแล้วกระแทกลงมาสุดแรงซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น ใบหน้าของคุณหญิงนิ่มมีความสาแก่ใจอย่างถึงที่สุด นางกระเด้าเย็ดใส่เขาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ร้องครวญครางดังลั่นอย่างไม่เกรงใจใคร สองมือก็ขยำหน้าอกตัวเองอย่างแรงจนมันบิดเบี้ยวเสียทรง ถ้าเขาหูไม่ฝาดเขาถึงกับได้ยินเสียงนางหัวเราะไปขย่มสะโพกไปพร้อมกันอีกต่างหาก
ไม่กี่อึดใจต่อมาคุณหญิงนิ่มก็กดสะโพกลงมาแล้วนิ่งค้างไว้ ช่องรักนางตอดตุบๆบ่งบอกว่านางถึงจุดสุดยอดไปอีกครั้ง แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจกว่าคือสองมือที่จิกลงมาบนแผงอกของเขาแล้วข่วนอย่างแรง อีกทั้งหัวนมของเขายังถูกนางบีบแน่นแถมบิดหมุนราวกับจะปลิดหัวนมเขาให้ขาด เขาร้องโอ๊ยๆดังลั่นอย่างเจ็บปวด แต่คุณหญิงก็ไม่สนใจ ทั้งดึงทั้งทึ้งจนเขาแทบทนไม่ได้ นางยังก้มหน้าลงมาแลบลิ้นเลียใบหน้าเขาตั้งแต่คางยันคิ้ว ราวกับสุนัขเลียใบหน้าเจ้านายยังไงยังงั้น
“เจ็บใช่ไหมพ่อเรือง อดทนหน่อยนะ เพราะข้ากำลังมีความสุขอย่างที่เจ้าอยากจะให้ข้ามีไงล่ะ ฮะๆๆ ข้าเชื่อแล้วว่าเจ้ามีดีเพียงใด ข้ามิแปลกใจเลยว่าเหตุใดแม่จันทร์วาดถึงติดใจเจ้าเป็นหนักหนา เพราะขนาดข้าเองยังอดใจไม่ไหวเลย ฮะๆๆ”
พูดจบคุณหญิงนิ่มก็ขย่มสะโพกกระหน่ำเย็ดเขาต่อไปเรื่อยๆโดยไม่หยุดพัก แม้เขาจะหาจังหวะพลิกกลับเพื่อเปลี่ยนไปอยู่ด้านบนบ้าง แต่ก็ถูกคุณหญิงนิ่มกดไหล่กลับลงมานอนท่าเดิมทุกครั้ง เขาจึงได้แต่กลั้นใจกระเด้งสะโพกสวนกลับไปเท่าที่ทำได้ หวังเพียงให้คุณหญิงนิ่มเสร็จสมให้มากที่สุดจนนางพอใจและหยุดไปเอง
...
สามชั่วโมงผ่านไป คุณหญิงนิ่มยังคงคร่อมอยู่บนร่างของขุนเรืองในท่าเดิม เม็ดเหงื่อผุดออกมาทั่วร่างจนดูราวกับคนเพิ่งตกน้ำมา แต่สีหน้านางกลับมีความสุขราวกับอยู่บนสวรรค์ นางขย่มเย็ดขุนเรืองจนเสร็จสมไปนับครั้งไม่ถ้วนแต่นางก็ยังไม่ยอมหยุดพัก ส่วนขุนเรืองตอนนี้แววตาเลื่อนลอยสีหน้าซีดเผือดหายใจรวยริน เขาเย็ดกับคุณหญิงนิ่มจนน้ำกามกระฉูดใส่ร่องเสียวของนางไปห้าครั้งแล้ว จนตอนนี้ในพวงไข่ของเขาแห้งผากแทบไม่เหลือน้ำใดๆให้หลั่งอีก ร่องรูหีของคุณหญิงนิ่มเองก็ดูดซับเอาน้ำเงี่ยนของขุนเรืองเข้าไปเต็มๆทุกครั้ง ส่วนที่เกินมาก็ไหลย้อนกลับออกมากองบนโหนกควยของเขาจนเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปทั้งหน้าขา จนในที่สุดคุณหญิงนิ่มก็เสร็จสมไปเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ พร้อมๆกับพ่อเรืองที่ท่อนควยเกร็งกระตุกเป็นรอบที่หก แต่กลับไม่มีสิ่งใดถูกฉีดพ่นออกมาจากปลายควยของเขาอีกแล้ว เขาพยายามจะลุกขึ้นและพลิกร่างของคุณหญิงนิ่มที่นอนทาบทับลงมาบนตัวเขาออกไป แต่สุดท้ายเขาก็หมดแรงและวูบหลับไปทั้งที่ควยยังปักคาอยู่ในรูหีคุณหญิงในท่านั้นเอง
...
นานเท่าใดไม่รู้ ขุนเรืองลืมตาขึ้นมาและพบว่า ทั้งข้อมือและข้อเท้าของเขามีผ้ามัดติดยึดไว้กับเสาเตียงทั้งสี่มุม ทำให้เขาขยับไปไหนไม่ได้ ที่ปลายเท้ามีร่างเปลือยของคุณหญิงนิ่มกำลังนั่งสางผมอยู่อย่างสบายใจ คุณหญิงนิ่มพอเห็นเขาตื่นแล้วก็หันมาคุยด้วยอย่างอารมณ์ดี
“ตื่นแล้วเหรอพ่อเรือง ข้าเพิ่งไปอาบน้ำมา แลทำกับข้าวกับปลามาให้ด้วย เดี๋ยวข้าจะป้อนให้เจ้าเอง เสร็จแล้วเรามามีความสุขกันต่อนะ ข้ายังรู้สึกไม่อิ่มเท่าไหร่เลย พ่อเรืองกินเยอะๆนะเดี๋ยวจะไม่มีแรงไว้เย็ดกับข้า”
แล้วคุณหญิงนิ่มก็หยิบจานข้าวมานั่งคร่อมบนหน้าอกของขุนเรือง เปิบข้าวขึ้นมาหนึ่งคำ จากนั้นก็เอาก้อนข้าวปาดใส่ร่องเสียวของตัวเองที่แฉะเยิ้มจนเม็ดข้าวคลุกเคล้าไปกับน้ำจากร่องเสียวของนาง แล้วยัดใส่ปากขุนเรือง
“กินเข้าไปสิ รับรองว่ากับข้าวสำรับนี้รสชาติไม่เหมือนสำรับใดๆที่เจ้าเคยกินแน่นอน ที่เรือนอื่นเจ้าอาจจะเคยกินข้าวคลุกน้ำพริก แต่ที่เรือนนี้ข้าจะให้เจ้าได้กินข้าวคลุกน้ำหีของข้า ดีไหมขุนเรือง ฮะๆๆ”
ขุนเรืองได้แต่กล้ำกลืนฝืนใจกลืนข้าวคลุกน้ำเงี่ยนของนางลงคอไป บัดนี้เขารู้แจ้งแก่ใจแล้วว่า ที่แม่หญิงจันทร์วาดมักจะลืมตัวเปลี่ยนนิสัยเป็นคนละคนทุกครั้งที่นางเสียวมากๆนั้นมีที่มาจากผู้ใด หากแต่คุณหญิงนิ่มแม่ของนางนั้นอาการหนักหนาสาหัสกว่ายิ่งนัก มิน่าเล่าคุณอาขุนเหล็กผู้ล่วงลับจึงมีบุตรกับคุณหญิงนิ่มแค่คนเดียวแล้วก็ไม่ยอมร่วมหลับนอนกับนางอีกเลย ร่องรักของนางจึงแน่นกระชับและไม่มีร่องรอยบุบสลายเลยแม้แต่น้อย เขาได้แต่นึกเสียใจซ้ำไปซ้ำมา ไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ไปได้เยี่ยงไร
...

ห้าเดือนหลังจากนั้น พ่อเดชกลับมาจากฝรั่งเศสแล้ว เพิ่งจะมีเวลาว่างจึงเดินทางไปเรือนของคุณอาขุนเหล็ก เพราะแม่การะเกดบอกว่าแม่หญิงจันทร์วาดป่วย อยากให้เขาไปเยี่ยม เขาจึงพาแม่การะเกดนั่งเรือไปพร้อมกัน เมื่อมาถึงเรือนแล้ว ก็ได้พบกับคนที่ไม่คาดคิดว่าจะเจอ และสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น
คุณหญิงนิ่มเดินออกมาต้อนเขาเขาและแม่การะเกดที่หน้าเรือน ในสภาพท้องโย้เพราะมีครรภ์ ส่วนขุนเรืองเดินตามมาด้านหลังหน้าจ๋อยๆ
“คุณหญิงนิ่ม ข้าไหว้ขอรับ เอิ่ม...คุณหญิงนิ่มดูอ้วนท้วนสมบูรณ์ขึ้นกว่าเมื่อก่อนนะขอรับ”
พ่อเดชเอ่ยทัก เขาไม่กล้าคิดไปว่าคุณหญิงตั้งครรภ์ เพราะคุณอาขุนเหล็กเสียชีวิตไปนานมากแล้ว ใครจะเป็นพ่อเด็กได้กันเล่า
“คุณพี่เจ้าขา คุณหญิงท่านไม่ได้อ้วนเจ้าค่ะ แต่ท่านท้อง”
แม่การะเกดพูดสอดขึ้นมา
“เงียบปากเสียแม่การะเกด มิมีผู้ใดถามความเห็นจากออเจ้า ว่าแต่ขุนเรือง เหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่ได้”
พ่อเดชดุแม่การะเกดเสร็จก็เอ่ยทักขุนเรือง
“ข้า...อาศัยอยู่ที่เรือนนี้”
ขุนเรืองเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก แต่คุณหญิงนิ่มก็กล่าวสำทับขึ้นมา
“พ่อเดช บัดนี้พ่อเรืองเป็นเจ้าของเรือนนี้แล้ว เพราะข้าได้ยอมเป็นเมียของพ่อเรือง อีกทั้งบุตรในครรภ์ของข้า ก็เป็นฝีมือของพ่อเรืองเช่นกัน”
พ่อเดชถึงกับอึ้งอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ส่วนแม่การะเกดทราบเรื่องนี้มาจากแม่จันทร์วาดมาซักพักแล้วถึงได้ชวนพ่อเดชมาถึงที่นี่ แม่การะเกดฉุดเสื้อของคุณพี่เป็นสัญญาณให้เขาขอตัวไปเยี่ยมแม่หญิงจันทร์วาดที่หอนอนของนาง ทั้งคู่จึงปลีกตัวออกมา ส่วนขุนเรืองเดินตามคุณหญิงนิ่มไปทางอื่นต้อยๆเหมือนสุนัขที่ถูกเจ้าของลากจูง
...
แม่หญิงจันทร์วาดพอเห็นแม่การะเกดกับคุณพี่เดชมาหา ก็ร้องไห้โฮออกมา นัยน์ตามีรอยบวมช้ำจากการร้องไห้มาอย่างหนัก นางโผเข้ากอดแม่การะเกดพลางพูดทั้งน้ำตา
“แม่การะเกด ข้าอยากตาย...ฮือๆๆ...ข้าอยากตาย อยากตายจริงๆ ไม่ใช่คำลวงที่เจ้าให้ข้าพูด แต่ข้าอยากตายจริงๆ...ฮือๆๆ”
พ่อเดชส่งสายตาเหมือนจะถามแม่การะเกดว่า ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกัน แม่การะเกดเห็นแววตาคาดคั้นนั้นจึงตอบออกไป
“มิใช่ความผิดของข้านะคะคุณพี่ ข้าน่ะเป็นที่ปรึกษาให้ขุนเรืองมาขอแม่หญิงจันทร์วาดจากคุณหญิงนิ่ม ไม่คิดว่าอีตานั่นจะซื่อบื้อเอาคุณหญิงนิ่มมาเป็นเมียแทนเสียนี่”
พ่อเดชถึงกับส่ายหัวอย่างอ่อนใจ
“ออเจ้านี่ช่างสอดเรื่องของผู้อื่นเขาไปหมดทุกเรื่อง”
แม่การะเกดมองค้อนพ่อเดชไปหนึ่งดอก ก่อนจะหันกลับมาลูบหัวปลอบใจแม่จันทร์วาด ที่กำลังเสียใจเพราะเพิ่งเสียผัวให้กับแม่แท้ๆของตัวเอง
“ไม่ต้องร้องนะแม่จันทร์วาด...โอ๋ๆๆ เดี๋ยวข้าจะหาผัวใหม่ให้ออเจ้าแน่นอน รับรอง เอาให้เริ่ดกว่าขุนเรืองซักสิบเท่าไปเลยคอยดู”
พูดจบแม่การะเกดก็ส่งสายตามองมายังคุณพี่เดชอย่างมีลับลมคมในเป็นที่สุด จนคุณพี่เดชต้องถลึงตาใส่นางที่มีความคิดสัปดนขึ้นมาอีกแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น