วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ขุนช้างขุนแผน ตอนที่ 6 การเปลี่ยนแปลง




ตอนที่ 6   (การเปลี่ยนแปลง)

มาจะกล่าวถึงขุนช้าง หลังจากที่กลับมาจากงานบุญในวันนั้นแล้ว ก็เฝ้าครุ่นคิดถึงแต่ท่าทีของพิมพิลาไลยที่มีต่อสามเณร
พลายแก้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่วางใจ กลัวพิมพิลาไลยจะไปมีใจให้ไอ้เณรเสียงหวานนั่น อะฮ้า วิธีที่ดีเยี่ยมที่สุดก็คือ ไปขอมาเป็น
เมียซะเลย เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว ก็รีบเข้าไปหานางเทพทองผู้เป็นมารดาทันที ซึ่งนางเทพทองนั้นจริงๆ แล้วก็มีรูปร่างหน้าตา
ที่ไม่เป็นรองนางศรีประจันผู้เป็นมารดาของพิมพิลาไลย เท่าใดนัก ด้วยในอดีตแล้วนางเคยได้เข้าไปประกวดหญิงงามพร้อม
กับนางศรีประจัน แต่ด้วยนางดันตั้งท้องกับขุนศรีวิชัยผู้เป็นบิดาของขุนช้างก่อนแต่งงาน จึงทำให้นางพลาดโอกาสที่จะได้

ตำแหน่งไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ทำให้นางเฝ้าเสียใจอยู่จนทุกวันนี้ และโทษตัวของขุนช้างในใจที่ทำให้นางต้อง
เสียโอกาส เลยพาลเกลียดขุนช้างไปโดยปริยาย

“แม่จ๋า แม่ ช้างมีเรื่องจะขอเข้าไปคุยด้วยได้ป่าว” ขุนช้างเคาะประตูห้องนอนของแม่ พลางกล่าวขออนุญาต
“เออ เดี๋ยวก่อน” เสียงตอบอู้อี้จากในห้องก่อนจะมีเสียงใส่เสื้อผ้าสวบสาบ แล้วประตูก็เปิดออก เผยให้เห็นนางเทพทอง
ซึ่งมีหน้าตาบึ้งตึงบอกบุญไม่รับ

“แม่ ให้ช้างเข้าไปคุยในห้องแม่นะ นะจ๊ะ ความลับ ความลับ นะ” ขุนช้างออดอ้อนแม่ด้วยสำเนียงราวกับเป็นเด็กเล็กๆ
“เอ้า รีบๆ เข้ามา ข้ากำลังยุ่งเว้ย รีบๆ คุยนะ” นางเทพทองพูดเสียงกระด้างด้วยขุนช้างมาขัดอารมณ์ของนางทำให้นาง
ต้องค้างเติ่งกลางคัน

ขุนช้างเห็นแม่อนุญาตก็รีบเดินเข้าไปในห้องของนางเทพทองทันที
นางเทพทองก็ปิดประตูขัดกลอนแล้วหันเดินกลับมานั่งยังเตียง

ขุนช้างก็มองตามร่างของนางเทพทอง พลางนึกชมเชยรูปร่างหน้าตาของมารดาของเขาในใจ
นางเทพทองถึงจะมีอายุย่างเข้า 38 ปีแล้ว แต่รูปร่างของนางนอกจากจะอวบท้วมเพิ่มขึ้นนิดหน่อยแล้ว
ทุกส่วนยังดูเยี่ยม ความอวบท้วมนิดๆ ของนางกลับยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับเรือนร่างของนาง ยิ่งกว่าตอนวัยรุ่นเสียอีก

“เอ้า เอ็งมีอะไรว่ามา เสร็จแล้วก็รีบๆ ออกไป แม่ยังมีธุระต้องทำ ทำค้างไว้อยู่” นางเทพทองกล่าวอย่างไม่ดูดำดูดีลูกชายตนเอง

เล่นเอาขุนช้างที่มาด้วยความลิงโลด หัวใจพองโตคับอก ต้องฝ่อแฟบลงไป

“เอ่อ คืองี้แม่ ช้างอ่ะ ตั้งแต่น้องแก่นแก้วเสียไป ช้างก็ว้าเหว่เหลือเกิน ช้างอยากจะได้ใครสักคนมาอยู่เป็นเพื่อนกับช้าง
และมามีหลานให้แม่ แต่ช้างก็ยังหาไม่พบ แต่ตอนนี้นะแม่ ช้างหาเธอคนนั้นพบแล้วล่ะจ๊ะ” ขุนช้างกระมิดกระเมี้ยนตอบแม่
พูดพลางบิดตัวบิดตูดไปมาน่าเตะพิลึก
“อ้อ ใครวะ หือ เป็นลูกเต้าเหล่าใครล่ะหา ไหนลองบอกข้ามาถี่” นางเทพทองชักให้ความสนใจ ลุกขึ้นมานั่งฟังขุนช้างลูกชาย
พลางนึกอยากเตะท่าทางกระมิดกระเมี้ยนของมันจริงๆ
“สาวคนนี้ แม่รู้จักดีเลยหละ น้องพิมพิลาไลยไงแม่ ลูกของน้าศรีประจันกับน้าพันศรโยธาไง ตอนเด็กๆ เขายังเคยมาเล่นผัวเมีย
กับช้างเลย แม่จำได้ป่าว” ขุนช้างเท้าความให้แม่ฟังถึงความหลังอย่างสุขใจ
“หา หนูพิมพิลาไลย” นางเทพทองสะดุ้งเฮือกเหมือนโดนเข็มแทงรูหี พลางลุกขึ้นยืน ชี้หน้าขุนช้าง
“ไอ้หัวล้านกบาลใส มึงนี่ไม่เจียมตัวเลย มึงก็เห็นอยู่ว่าหนูพิมน่ะเขางาม งามมากๆ แล้วดูตัวมึงซิ หา มึงมีอะไรดีหา
จะมาขอให้กูไปสู่ขอเขาน่ะ มึงเสียสติแล้วเรอะ จะพาให้กูเสียหน้าไปด้วยซิ ช่างไม่เจียมตัวซะเล้ย” นางเทพทองชี้หน้าด่าลูกชาย
พลางนั่งลงทอดถอนใจในความอัปลักษณ์ของลูกชาย

“อือ แม่ ผมน่ะเข้าใจครับ แต่แม่ก็ต้องเข้าใจด้วยนะครับ ว่าความรักน่ะ เวลาที่มันเกิดมันไม่เคยที่จะเลือกว่าจะเกิดกับใคร
หรือเกิดเมื่อไหร่ แต่เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว มันก็ทำให้เราต้องทนทุกข์อยู่กับมัน ติดปลักอยู่กับมัน จริงอยู่แม่ ช้างน่ะรูปชั่วตัวดำ
หัวล้านอัปลักษณ์ แต่แม่เคยคิดบ้างหรือไม่ว่า จริงๆ แล้วช้างอยากจะเกิดมาเป็นอย่างนี้เหรอ ช้างชอบที่เป็นอย่างนี้เหรอ แม่จ๋า
แม่ลืมตาดูช้างบ้างซิ แม่ต้องไม่ลืมว่าช้างคือลูกชายคนเดียวของแม่นะ ถ้าแม่เองยังไม่ช่วยช้าง แล้วช้างจะทำยังไง ถ้าแม่ตัวเอง
ยังดูถูกลูก ไม่รักลูกแล้ว ช้างยังจะอยู่ได้หรือแม่” ขุนช้างกล่าวอย่างน้อยอกน้อยใจ พลางยกผ้าห่มขึ้นซับน้ำตา

นางเทพทองเมื่อได้ฟังคำลูกก็รู้สึกสงสารลูกเต็มประดา จริงของมัน มันผิดด้วยหรือที่มันเกิดมาอัปลักษณ์ ผิดด้วยหรือที่
มันเลือกเกิดไม่ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสารลูก จึงลุกจากเตียงอ้าแขนกอดลูกช้างไว้ในอ้อมอก น้ำตาของขุนช้างเปียกผ้าสไบของนาง
จนเปียกชุ่มไปหมด ความเย็นจากน้ำตาของขุนช้างทำให้หัวนมของนางเทพทองลุกตั้งเป็นตุ่มไต

ข้างฝ่ายขุนช้าง เมื่อเห็นมารดาใจอ่อนก็แสนจะดีใจ โอบกอดนางเทพทองไว้แน่น พลางเกลือกกลิ้งหน้ากับหน้าอกของ
นางเทพทองจนน้ำตาเปียกผ้าสไบของนางไปหมด ผ้าสไบเมื่อเปียกมันก็แนบไปตามเนื้อ ขุนช้างจึงสังเกตเห็นว่านางเทพทอง
มารดาของเขานั้น หัวนมแข็งตั้งเป็นตุ่มอยู่ด้านหลังผ้าสไบ ปกติมารดาของเขาก่อนจะห่มสไบต้องคาดผ้ารัดอกก่อนนี่
แต่วันนี้ทำไมนางจึงยังไม่คาด แต่เขาก็สลัดความคิดนั้นออกไป แล้วพยายามเกลือกหน้าลงไปแถวหัวนมของนางเทพทอง
บางครั้งก็เอาปากไปเม้มดึงที่ยอดหัวนมนั้น ทำให้นางเทพทองเริ่มเกิดความรู้สึกแปลกๆ กับตัวของนาง

“ช้างลูกแม่ แม่เข้าใจลูกแล้วจ้ะ แม่จะลองไปสู่ขอหนูพิมให้หนูก็ได้นะลูก แต่ตอนนี้หนูช่วยอะไรแม่อย่างได้หรือเปล่าคะ”
นางเทพทองส่งเสียงหวานคุยกับลูกชาย จนขุนช้างรู้สึกว่าแม่ของตนต้องมีอะไรแน่ๆ เลย
“ได้สิครับแม่ แม่อยากจะให้ช้างช่วยอะไรก็บอกมาได้เลย” ขุนช้างตอบพลางมองเห็นหน้าของนางเทพทอง
ซึ่งบัดนี้มีสีแดงจางๆ เกิดขึ้นที่พวงแก้มเต่งตั่งของนาง
นางเทพทองขบริมฝีปากเหมือนดังกับต้องการข่มกลั้นอะไรบางอย่าง แต่แล้วความรู้สึกอีกอย่างก็มีฤทธิ์เหนือกว่า
นางจึงบอกเสียงหวานกับลูกชายต่อว่า
“คือยังงี้ค่ะ แม่น่ะช่วงนี้ รู้สึกไม่ค่อยจะสบายค่ะ นมมันคัดๆ ตึงๆ บางทีทำให้แม่เจ็บเลยค่ะ ลูกช้างจะช่วยแม่ดูดนม
จะได้ไหมคะ”

ขุนช้างอึ้งไปเหมือนดังกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน จวบจนนางเทพทองเอามือกดหัวของตนแนบไปกับเต้านมเต่งตึงของนาง
เขาจึงได้สติ ยกมือสั่นเทาขึ้นมาแหวกผ้าสไบของนางเทพทองออก จนทรวงอกขาวเต่งตึงของนางเผยออกมาให้เห็น
เต้าอวบเต่งงอนช้อยขาวสะอาดปราศจาก ไฝฝ้าราคี ที่หย่อนคล้อยลงไปเล็กน้อย แต่กลับไม่ทำให้เสียเสน่ห์ แต่กลับยิ่ง
เพิ่มพูนความงามอย่างเปรียบไม่ได้ ปลายยอดสีน้ำตาลอ่อน ชี้ชูชัน สั่นระริก ขุนช้างรีบอ้าปากอมเอาสีน้ำตาลบนยอดเต้า
แล้วดูดเบาๆ พลางเม้มปาก แล้วใช้ลิ้นบดบี้กับเพดานปาก และไรฟันอย่างชำนิชำนาญ พลางขบกัดเบาๆ ที่ปลายยอด
เพื่อสร้างความเสียวซ่าน แล้วก็ย้ายไปอมดูดอีกเต้าหนึ่งอย่างไม่ยอมให้มันน้อยหน้า

“อาวววว์ ช้างจ๋า ดีมากเลย ซี๊ดดดด์ ลูก ดูดแรงๆ นะจ๊ะ แม่เสียวมากเลย อ๊า อย่าขบหัวนมคุณแม่แรงนักนะคะ
คุณแม่เสียวจังเลยค่ะ” นางเทพทองออดอ้อนอย่างลืมอาย เมื่อเจอกับลีลาการโลมเร้า ปลุกอารมณ์ของขุนช้าง
สุดยอดฝีมือจากวังหลวง

ขุนช้างนั้นเข้าใจอารมณ์ของนางเทพทองดีว่าต้องการอะไร ดังนั้นเขาจึงค่อยเอนกายลงทาบทับร่างนางเทพทองแล้วค่อยๆ
สอดมือล้วงเข้าไปใต้ผ้านุ่งของนาง พลางไล้มือเบาๆ ที่บนแคมหี บางครั้งก็กดเน้นๆ ที่เม็ดแตด ซึ่งขณะนี้มันพุ่งชูชันออกมา
สู่มือจนสัมผัสได้ นิ้วทั้งห้านิ้วของขุนช้าง ถือได้ว่าเป็นสุดยอดแล้ว เพราะผ่านการฝึกฝนมานานหลายปี ได้เริ่มชอนไชเข้าสู่
ร่องหีของนางเทพทอง

พลางควานไปทั่วรูหี แถมบางครั้งยังมีการดึงนิ้วมาจี้ยังจุดจีสปอตของนางเทพทอง ทำให้นางเทพทองนั้นสุดจะกลั้นความรู้สึก
ร้องครวญครางออกมาดังๆ อย่างไม่กลัวใครจะได้ยิน พลางสอดมือเข้ามายังในกางเกงของขุนช้างเพื่อควานหาควยของขุนช้าง

เมื่อนางจับถูกควยของขุนช้าง ก็ทำให้นางประหลาดใจ นี่มันควยคนหรือเปล่านี่ ที่เห็นตอนมันยังเล็กนี่มันยังไม่เป็นยังงี้เลย
รูปลักษณ์ของควยขุนช้างนั้น บัดนี้ได้เปลี่ยนจากควยพิสดารที่มีลักษณะเหมือนดั่งเกลียวสว่านนั้น ตอนนี้มันกลับเพิ่มเม็ดตะปุ่ม
ตะป่ำขึ้นเต็มรอบไปหมด แถมส่วนหัวนั้นก็ใหญ่จนแทบจะเท่ากับกำมือนางทีเดียว ส่วนลำตัวนั้นเล่าก็มีขนาดใหญ่กว่าข้อมือ
ของนางเสียอีก ความยาวนั้นก็คงไม่ต่ำกว่า 9 นิ้วเป็นแน่ นางเทพทองเห็นดังนี้แล้วก็รู้สึกคร้ามกลัวขึ้นมาทันที
ด้วยผัวของเธอที่ตายไปนั้น มีขนาดความยาวของควยแค่ไม่เกิน 4 นิ้วเท่านั้น ยามเขาเอาเธอก็ชิงเสร็จก่อน ทำให้นางเทพทอง
ต้องมาช่วยตนเองทุกครั้งไป

ขุนช้างเมื่อเห็นนางเทพทองตกตะลึงไปกับสุดยอดควยแห่งนครหลวงนั้น ก็เกรงว่านางจะไม่กล้าให้เขาเข้าเยี่ยมชมถ้ำทอง
จึงรีบถดตัวลงไป ถึงด้านหน้ารูหีของนางเทพทอง พลางยื่นลิ้นที่มีความสากคายน้องๆ ลิ้นควาย เข้าไปเลียที่กลีบแคมของ
นางเทพทองอย่างแรงจนแคมมันยู่ไปยู่มา พลางยกสองมือกดข้างๆ แตดของนาง เพื่อให้หัวแตดมันโผล่ออกมาเยอะๆ
แล้วก้มลงดูดแรงสลับกับเบา

พลางใช้นิ้วควานเข้าไปในร่องหลืบหีของนางเทพทองอย่างชำนิชำนาญ นางเทพทองเมื่อเจอกับลีลาชั้นเซียนของขุนช้าง
ก็ดิ้นพราดๆ ตวัดขารัดหัวล้านของขุนช้างให้แนบแน่นกับหนอกหีของนาง ให้ลิ้นไชลึก ๆ คว้านให้ถ้วนทั่ว สองมือก็กระชากผ้า
สไบออก พลางใช้นิ้วคีบหัวนมสีน้ำตาลอ่อนที่แข็งเขม็งชูชันดึงขึ้น และบี้ลงอย่างเมามัน

ขุนช้างนั้น พอเห็นท่าทีของมารดาอย่างนั้นก็รู้ว่า เสียวจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว ก็ลุกขึ้นคุกเข่า จับสองขาของนางเทพทอง
ช้อนอยู่ในสองแขน เล็งหัวควยจ่อปากทางสวรรค์ที่ตอนนี้เลอะเทอะเป็นมันเยิ้มไปด้วยน้ำลาย และน้ำเงี่ยนที่นางเทพทอง
ขับออกมา พลางกดตูดดันสุดยอดควยแห่งวังหลวงเข้าไปช้า ๆ

นางเทพทองที่กำลังเสียวก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกว่ารูหี ถูกอะไรบางอย่างพยายามแทรกเข้าไปข้างใน รู้สึกตึงๆ เจ็บๆ
ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีก็กลับมา ยกมือพยายามผลักอกขุนช้างออก ตูดก็พยายามบิดส่ายไปมาเพื่อมิให้ควยของขุนช้าง
ได้เข้าไปในรูหีมากกว่านี้ พลางพูดละล่ำละลัก

“ไอ้ช้าง นี่แม่มึงนะ มึงอย่านะ กูกลัวโดนฟ้าผ่า โอ้ย ไอ้ลูกระยำ กูเจ็บนะ มึงเอาออกเดี๋ยวนี้นะ”

แต่ขุนช้างมาถึงตรงนี้แล้ว มีหรือจะหยุด รีบส่ายหัวควยแซะร่องของนางเทพทองเป็นพัลวัน เมื่อมีโอกาสที่นางเทพทองเมื่อยเอว
ก็รีบดันพรวดเข้าไปทันที ปึดดดดด สุดยอดแห่งความคับแคบ แต่ในที่สุด สุดยอดควยของขุนช้างก็สามารถเข้าไปในร่องหีของ
มารดาได้เกือบ ครึ่ง นางเทพทองนั้นสะดุ้งสุดตัว ร้องไม่ออก ด้วยรู้สึกจุก ขุนช้างก็ชักสุดยอดควยออกมาช้าๆ แคมหีสีแดงก่ำก็
ปลิ้นออกมาตามลำควยของขุนช้าง นางเทพทองก็สูดปากด้วยความลืมตัว ยกตูดตามควยขึ้นมา แล้วขุนช้างก็กระแทกกลับไป
อย่างแรง พั่บบบบ.

สุดยอดควยมุดเข้าไปจนมิด หัวมุดเข้าไปชนกับมดลูกของนางเทพทองดังกึก นางเทพทองก็ร้องอึก จุกแน่นไปหมด
ขุนช้างนั้นเชี่ยวชาญในเรื่องเชิงรักอย่างยิ่ง รู้ดีว่าถ้าขืนกระเด้าตอนนี้ ต่อไปนางเทพทองไม่ให้เขามาใช้บริการแน่
ก็ก้มตัวลงไปเลียไซร้ที่หัวนม จนหัวนมเริ่มแข็งตั้งเด่ สักพักก็รู้สึกว่านางเทพทองเริ่มมีอาการส่ายตูดไปมาน้อยๆ
เพื่อให้สุดยอดควยเสียดสีตุ่มไตในร่องหีได้อย่างทั่วถึง

ขุนช้างก็รู้ว่าเวลามาถึงแล้ว ก็เริ่มชักเข้าออกน้อยๆ เบาๆ จนน้ำเสียวของนางเทพทองไหลหลั่งออกมามากจนมีเสียงดัง
เจ๊าะๆ แจ๊ะๆ แล้ว ก็ถึงเวลา ขุนช้างชักสุดยอดควยออกมายาวๆ นางเทพทองก็สูดปากยกตูดตามด้วยความเสียว
ขุนช้างก็กระแทกควยลงไปในรูหีอย่างแรง ฟึ่บ น้ำกระจาย หยดออกมาเปื้อนที่นอนเป็นหย่อมใหญ่

นางเทพทองนั้นเมื่อเจอลีลาของสุดยอดนักรักแห่งวังหลวงก็ตาปรือ นอนถ่างขารับกามอาญาอย่างเต็มใจ บางครั้งยังแอ่นนม
ให้ดูดอย่างรู้ใจ ขุนช้างได้ใจก็กระแทกอย่างแรง และถี่ยิบ พลางบดคว้านในร่องหี ให้ควยเข้าไปกวาดในร่องหีอย่างทั่วถึง
บางครั้งก็แทงซ้าย บางครั้งก็แทงขวา บางครั้งก็เร็ว บางครั้งก็ช้า ทำเอานางเทพทองที่ไม่เคยเจอกับลีลาอย่างนี้ ถึงจุดสุดยอด
จนนับไม่ได้ว่ากี่ครั้ง ได้แต่นอนถ่างขาให้ขุนช้างเอาถ่ายเดียว

กิจกามดำเนินไปกว่า ชั่วโมง ในที่สุดขุนช้างก็ร้องโอ้ก กระแทกควยเข้าออกรูหีของนางเทพทองถี่ยิบ แล้วระเบิดน้ำกาม
พุ่งเข้าไปราดรดมดลูกของนางเทพทอง ทำให้นางเทพทองต้องถึงแก่การถึงจุดไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

ครั้นเมื่อ เสร็จกามกิจแล้ว ขุนช้างก็แต่งตัวจนเสร็จ ลุกขึ้นมาจะชวนนางเทพทองเพื่อไปสู่ขอพิมพิลาไลยให้กับตนเอง ก็ตกใจ
เนื่องจากนางเทพทองนั้น ช้อค เนื่องจากเจอสุดยอดควยทะลวงเป็นเวลานานเกินไป สลบเหมือด นอนถ่างขาอ้าซ่ารูหีกลวงโบ๋
แคมหีบวมเป่ง แตดของนางนั้นก็อักเสบโตเกือบเท่านิ้วมือทีเดียว ทำให้ขุนช้างตกใจมาก จับนางเทพทองแต่งตัวแล้วให้บ่าวรีบ
ไปตามหมอมาดู ครั้นเมื่อหมอมาดูแล้ว ตรวจแล้วก็มองหน้าขุนช้างยิ้มๆ แล้วบอกว่า

“สบายใจได้ครับ คุณแม่ของคุณคงเหน็ดเหนื่อยมากไปนิด สงสัยจะออกกำลังกายมากจนช้อค ไม่ต้องห่วงให้นอนพักอีกซัก
วันสองวันก็ลุกขึ้นเดินได้แล้ว นี่เอาสมุนไพรไว้ประคบ เช้า เที่ยง เย็น ก็จะสามารถลดอาการบวมและการอักเสบได้”

ขุนช้างได้ฟังหมอพูดก็รู้สึกสบาย ใจ เวลาผ่านไปอีก 2 วัน นางเทพทองก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะทุเลาเท่าที่ควร แถมบางครั้งยังมี
อาการไข้ขึ้นสูงอีกด้วย ขุนช้างเฝ้ารออย่างกระวนกระวาย ทนไม่ไหว ให้บ่าวไปตามหมอมาอีก เมื่อหมอตรวจแล้วก็รู้สึกตกใจ
พลางบอกกับขุนช้างว่า

“ไม่ใคร่จะดีแล้วครับ สงสัยช่องคลอดจะอักเสบ เอายังงี้ คุณเอาสมุนไพรนะครับ ทากับไม้อันนี้ แล้วค่อยๆ แยงเข้าไปใน
ช่องคลอดเพื่อทายาให้กับแม่ของคุณ สักอาทิตย์ก็คงจะหาย”

ขุนช้างฟังหมอพูดพลางรับเอาท่อนไม้มา ท่อนไม้มีขนาดประมาณนิ้วก้อย เรียบรื่นตั้งแต่หัวจรดปลาย
ขุนช้างก็คิดว่าถ้าใช้ไม้ตัวนี้แล้ว จะทาให้แม่ได้ทั่วถึงได้อย่างไร คิดไปคิดมาก็คิดได้ หุหุ
เวลาผ่านไปอีกอาทิตย์หนึ่ง นางเทพทองก็ยังมีอาการที่ไม่ใคร่จะดีขึ้น ขุนช้างก็รีบให้บ่าวไปตามหมอมาด่วน
เมื่อหมอมาถึง ขุนช้างก็ตวาดด่าหมอด้วยความโมโหที่รักษาแม่ของเขาไม่หายเสียที หมอคนนั้นก็รีบลนลานตรวจร่างนาง
เทพทองแล้วขมวดคิ้วพลางถาม

“คุณทายาให้แม่คุณตามที่ผมสั่งหรือเปล่า”
“ทาซิ บางครั้งทามากกว่าที่หมอสั่งอีก” ขุนช้างตอบหน้าเครียดๆ พลางนึกในใจว่าหมอจะมาไม้ไหนอีก
“แล้วคุณใช้แท่งไม้ที่ผมให้ไปทาหรือเปล่า” หมอยังพยายามสอบถามสาเหตุให้พบ
“เปล่า” ขุนช้างตอบ
“อ้าว ทำไมล่ะ ก็ผมสั่งให้คุณใช้แท่งไม้อันนั้น ทาไง แล้วคุณใช้อะไร ถ้าไม่ใช้ไม้”
หมอถามด้วยความรู้สึกที่ชักจะหงุดหงิดด้วยทำให้หมอเสียความเชื่อมั่น

“แหม ก็ผมเห็นว่า ไม้ที่หมอให้มันเล็ก ก็กลัวจะทาไม่ทั่วถึง ผมก็เลยใช้ควยผมทายาหมอแล้วแยงเข้าไปคว้านในรูหีแม่ของผม

บางทีผมทาตั้งหลายที ทำไมไม่หายซักที หือ หมอ” ขุนช้างตอบพลางทำหน้าใสซื่อ
“บ๊ะ ก็มันเป็นอย่างนี้แล้วแม่มึงจะหายได้ไงวะ เอ้ย ขอประทานโทษครับ เฮ้อ เอายังงี้ คุณให้คุณแม่คุณมาอยู่ที่เรือนคนไข้
ของหมอก่อนนะ หายแล้วค่อยกลับมา ตามนี้ละกัน ไม่งั้นก็ตามใจ” หมอพูดอย่างมีอารมณ์
“ก็ตามแต่หมอเถอะครับ” ขุนช้างกล่าว พลางคิดจะทำไงเรื่องไปสู่ของพิมพิลาไลยดี

และ แล้วนางเทพทองก็ถูกย้ายไปอยู่เรือนพักคนไข้ของหมอ ท่ามกลางความโล่งอกของบรรดาบ่าวไพร่ทั้งหลายที่เป็นห่วง
มายืนรอส่งกันหน้า สลอน ข้างฝ่ายขุนช้างนั้นเล่า ก็กระวนกระวายด้วยกลัวจะเสียพิมพิลาไลยไป จะทำไงดี เดินวนเวียนไปมา
สุดท้ายตัดสินใจแต่งตัวอย่างสุดหล่อ ด้วยเครื่องประดับสุดหรูหราราคาแพง พลางเกณฑ์บ่าวไหร่มาจัดขบวนพลางยกขบวนไป
ยังบ้านของพิมพิลาไลยทันที

ด้านฝ่ายนางศรีประจันนั้น วันนี้ไม่รู้เป็นไงรู้สึกอารมณ์ไม่ดีตั้งแต่เช้า เหมือนกับวันนี้จะมีเรื่อง ไม่มีใครเข้าหน้านางติด
แม้แต่ลูกสาวของนางเอง นางก็ไล่ให้ไปอยู่แต่ในห้อง นั่งกินหมากพลางดูบ่าวไพร่ทำอาหารเตรียมตัวจะไปเลี้ยงพระ
พลันหูก็ได้ยินเสียงโห่ร้องดังมาแต่ไกล ก็เรียกบ่าวคนหนึ่งไปดูซิว่าเขามีงานอะไรกัน บ่าวลงไปสักครู่ก็ขึ้นมารายงานว่า
ขุนช้างยกขบวนขันหมากมาเพื่อจะสู่ของพิมพิลาไลย นางศรีประจันได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกแปลกใจ แต่ก็ลงจากเรือนไปต้อนรับ
ขบวนขันหมากของขุนช้างทันที

“ว่าไงพ่อช้าง วันนี้มีงานอะไรหรือยกขบวนมาจนถึงหน้าบ้านของน้า”
“ครือ อย่างนี้ครับคุณน้า กระผมมีเรื่องสำคัญจะเรียนกับคุณน้านะครับ ขออนุญาตให้กระผมไปเรียนบนเรือนจะได้ไหมครับ”
ขุนช้างถามเสียงอ่อนหวาน พลางกระพุ่มมือไหว้จนตูดโด่งน่าเตะพิลึก
“อ้อ เชิญเลยจ๊ะพ่อช้างเชิญเลย” นางศรีประจันเชื้อเชิญพลางเดินขึ้นเรือนไป สั่งบ่าวไพร่ให้เอาน้ำมาเลี้ยงแขก

ข้างฝ่ายขุนช้างนั้น เมื่อนั่งเอี้ยมเฟี้ยมในเรือนของนางศรีประจันแล้ว ก็หันหน้าล่อกแล่ก ส่ายหัวมองหา พิมพิลาไลย
ข้างฝ่ายนางศรีประจันนั้นมองเห็นท่าทีของขุนช้างก็เข้าใจได้โดยทันทีว่า ขุนช้างต้องการอะไร จริงๆ แล้วนางมิได้รังเกียจ
ขุนช้างที่มีหน้าตาอัปลักษณ์ ด้วยขุนช้างนั้นร่ำรวยมหาศาล นางชอบความร่ำรวย พวกหล่อแต่ไม่ล่ำนั้น นางไม่ชอบ
เมื่อเห็นท่าทีของขุนช้างนางก็เปิดฉากถามตรงๆ ไม่อ้อมค้อม

“พ่อช้างจะมาสู่ของลูกพิมใช่ไหมจ๊ะ”
ขุนช้างสะดุ้งเฮือก ปากคอสั่น ลนลานตอบ
“คุณน้า รู้ได้งายคับเนี่ย ครือ ผมตั้งใจจะมาสู่ขอน้อง พ พ พพิม  จ จ จริ จริง  คะ คะ คะรับ”

นางศรีประจันเห็นดังนั้น ก็ยิ้มอยู่ในหน้า ในใจก็วางแผนจะจัดการกับเจ้าหมูที่วิ่งมารอบนเขียงนี้อย่างเต็มที่

“ยังงี้นะ พ่อช้าง น้าก็มีลูกสาวเพียงคนเดียว สามีของน้าก็เสียไปแล้ว น้าอยู่ตัวคนเดียว ก็ได้น้องพิมนี่แหละดูแล
ถ้าน้าขาดน้องพิมไปคงจะแย่นะ ตอนนี้น้าก็แก่ลงทุกวัน น้าก็อยากจะให้มีลูกสาวคอยดูแล”

ขุนช้างฟังแล้ว ก็หลงกลทันที อย่างง่ายดาย เข้าใจว่า นางศรีประจันจะไม่ยกลูกสาวให้ตน ก็รีบลุกขึ้นตะโกนเรียกบ่าว
ให้ยกหีบของข้างล่างขึ้นมาทันที

สักพักใหญ่บ่าวก็ยกหีบเหล็กใบใหญ่ขึ้นเรือนมา ทุกก้าวที่เหยียบลงบนกระดาน ลั่นเอี๊ยดอ๊าด แสดงดึงความหนักของหีบ
ขุนช้างก็บงการให้บ่าวยกหีบใหญ่มาวางบนพื้นเรือนแล้วให้บ่าวไพร่ออกไป พลางเดินมาที่หีบใหญ่ ล้วงพวงกุญแจพวงใหญ่มา
แล้วเลือกอยู่นาน กว่าจะเจอดอกที่ต้องการ แล้วก็ไขหีบออก

เมื่อเปิดหีบออก นางศรีประจันก็ลุกขึ้นยืนด้วยความลืมตัว ตาถลนแทบจะหลุดออกมานอกเบ้า น้ำลายไหลย้อยมาจากมุมปาก
ด้วยแก้วแหวนเงินทองที่อยู่ในหีบนั้น มันช่างมากมายมหาศาล สวยงามทุกชิ้น น่าลูบคลำทุกส่วน ขุนช้างเมื่อเห็นท่าทีของ
นางศรีประจันเป็นดั่งนั้น แล้วก็ยิ้มอยู่ในใจ พลางเอ่ยทักไปว่า

“เอ่อ คุณน้าครับ คุณน้าครับ คุณน้าโว้ย”

นางศรีประจันก็สะดุ้งรู้สึกตัวได้สติ ก็รีบนั่งลงหยิบผ้ามาเช็ดน้ำลายที่มุมปาก พลางหัวเราะแหะๆ

“คุณน้าครับ คือ ผมคิดว่าถ้าคุณน้ายอมยกน้องพิมพิลาไลยให้ผม ผมจะตอบแทนคุณน้าด้วยหีบใบนี้ ถือเป็นค่าน้ำนม
ไม่ทราบว่าคุณน้าคิดว่าอย่างไรครับ” ขุนช้างเริ่มเข้าเรื่องทันที

นางศรีประจันลิงโลดใจ จนแทบจะกระโดดไปจับพิมพิลาไลย มาโยนให้ขุนช้างทันที แต่ด้วยความเก๋าของนาง จึงแสร้งทำ
เป็นไม่ใยดี พลางกล่าว

“พ่อช้าง เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าจ๊ะ น้าไม่เคยได้คิดจะขายลูกพิมกินนะ”

ขุนช้างได้ฟังดังนั้น ก็ติดบ่วงทันที คิดว่านางศรีประจันจะไม่ยกให้จริงๆ ก็รีบลุกขึ้นวิ่งลงจากเรือนไปทันที

สักพักใหญ่ บ่าวไพร่ก็ยกหีบที่ใหญ่กว่านั้น ขึ้นมาอีก 2 หีบ ทีนี้ยกกันจนหลังแอ่นเลยทีเดียว ขุนช้างก็เดินตามขึ้นมา
แล้วไล่ให้บ่าวลงเรือนไป พลางล้วงพวงกุญแจพวงเก่าออกมา เลือกอยู่ครึ่งค่อนวัน ค่อยเลือกมาได้ 2 ดอก พลางไขเปิดหีบ
ให้นางศรีประจันดูทันที

หีบใบแรกนั้น มีแต่ทองคำแท่งอยู่เต็มหีบ ส่วนหีบใบสองนั้น ก็มีเงินอยู่เต็มหีบเช่นกัน

นางศรีประจันนั้น เมื่อเห็นดังนั้นก็ ล้มลงเป็นลมด้วยความดีใจ ขุนช้างนั้นเมื่อเห็นนางศรีประจันเป็นลมไปก็ตกใจ
ตะโกนเรียกบ่าวไพร่เสียงลั่นๆ ให้มาช่วยแก้ไขถี่ บ่าวไพร่มาช่วยแก้ไขละลายยาหอม จ่อยาดม ปรนนิบัติพัดวีอยู่ครู่หนึ่ง
นางศรีประจันก็ได้สติรู้สึกตัว นางก็ลุกขึ้นยืนแล้วพูดเสียงสั่นๆ ว่า

“พ่อช้างเอ้ย เดี๋ยวขอน้าเดินไปห้องน้ำหน่อยนะ เมื่อกี้ตกใจจนฉี่เล็ดเลย”

กล่าวถึงพิมพิลาไลยนั้น ได้ยินเสียงขุนช้างยกขบวนมาแต่แรกแล้ว นางก็ชักชวนสายทอง มาแอบดูอยู่ตรงร่องประตู
เพื่อดูว่าขุนช้างมาทำอะไรที่บ้านของนาง เมื่อนางได้ยินขุนช้างจะมาสู่ของนางกับนางศรีประจันนั้น ก็โกรธจนตัวสั่น
รอจนนางศรีประจันไปเข้าห้องน้ำ นางก็รีบออกมาด่าขุนช้างทันที

“ไอ้สารเลว มึงกล้าดียังไง มาสู่ขอกู หา ไอ้หัวล้านกบาลใส ไม่เจียมตัว ชาตินี้กูเป็นตายยังไงก็ไม่ยอมเป็นเมียมึงแน่ มึงรีบลงไป
จากเรือนกูเดี๋ยวนี้”

พิมพิลาไลยด่าพลางชี้หน้าขุนช้าง ขุนช้างหน้าซีดเผือดไร้สีเลือดทันที รีบก้มหน้ามุดลงจากเรือน พลางร้องบอกบ่าวไพร่
ให้ยกหีบทั้ง 3 ใบกลับบ้านด้วย

นางศรีประจันนั้น ขณะกำลังปล่อยทุกข์อยู่ในห้องน้ำ ในใจก็คิดอย่างกระหยิ่มถึงสมบัติมากมายที่ขุนช้างจะนำมาประเคนให้
อย่างอิ่มเอม เมื่อเดินออกจากห้องน้ำมาถึงห้องโถงนั้น ก็ไม่เห็นตัวขุนช้างแล้ว แถมหีบสมบัติก็หายไปด้วย ด้วยความตกใจ
ก็ตะโกนเรียกบ่าวไพร่มาถามไถ่ บ่าวไพร่นั้นได้รับการซักซ้อมมาจากพิมพิลาไลยแล้ว ก็โกหกว่า มีหญิงท้องคนหนึ่งตามขุนช้าง
มาอาละวาดบนเรือน ทำให้ขุนช้างต้องรีบลงจากเรือนไปอย่างร้อนรน

นางศรีประจันได้ฟังดังนั้นก็นึกตำหนิขุนช้างอยู่ในใจว่าเจ้าชู้ เที่ยวไปมีหญิงอื่นมั่วไปหมด แล้วก็มิได้ติดใจเอาความอะไรอีก
พลางบอกไล่บ่าวไพร่ให้กลับไปทำงานดังเดิม

พิมพิลาไลย หลังจากเห็นขุนช้างพาบ่าวไพร่กลับไปแล้ว ก็เรียกบ่าวไพร่มากำชับ จากนั้นก็เดินกลับเข้าไปยังห้องพลางบอกกับ

สายทองว่าให้รีบไปบอกกับสามเณร พลายแก้วทันทีถึงเรื่องที่เกิดขึ้น สายทองเมื่อได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ พลางรีบรับคำแล้วออก
เดินทางไปยังวัดป่าเลไลย์ทันที เมื่อมาถึงวัดแล้วก็แอบย่องเข้าไปหายังกุฏิของพลายแก้ว พลางเคาะประตูกุฏิเบาๆ สายตาก็
สอดส่ายด้วยกลัวจะมีคนเห็น

สามเณรพลายแก้ว ขณะนั้นกำลังนั่งคิดถึงพิมพิลาไลย ก็สะดุ้งจากภวังค์ พลางคิดในใจบ่นคนที่มารบกวน พลางเดินมา
เปิดประตู แล้วก็ตกใจเมื่อเห็นสายทองยืนอยู่หน้ากุฏิ ก็รีบให้สายทองเข้ามาในกุฏิแล้วปิดประตูแนบแน่น

“พี่สายทอง มาหาน้องเณรมีอะไรหรือจ๊ะ” สามเณรพลายแก้วถามเสียงอ่อนหวาน ทำให้หัวใจของสายทองนั้นเต้นไม่เป็นส่ำ
“คือ ยังงี้ค่ะ น้องเณร น้องพิมน่ะ เขาให้พี่สายทองมาหาน้องเณรวันนี้ เพื่อจะมาบอกว่า วันนี้ขุนช้างเขายกขันหมากมาขอน้องพิม

แต่ดีที่น้องพิมไล่ไปทัน ก่อนที่คุณป้าศรีประจันจะตอบตกลง น้องพิมไม่สบายใจจึงให้พี่สายทองรีบมาบอกข่าวกับน้องเณรค่ะ”
สายทองพูดให้สามเณรพลายแก้วฟัง พร้อมกับจ้องตาของสามเณรพลายแก้ว แล้วรู้สึกสะเทิ้นอาย ตัวบิดไปมา
พลายแก้วได้ฟังดังนั้น ก็ตกใจ นิ่งคิดอยู่นานก่อนจะตัดสินใจ เมื่อคิดได้ว่าจะทำอย่างไรแล้ว ก็ค่อยๆ สบายใจขึ้น
จนมีอารมณ์มามองดูสายทอง สายทองนั้นไม่ใคร่จะสะสวยมากนัก เพียงแต่ได้เสน่ห์ตรงเรือนร่างที่อวบอัด เต่งตึงไปทั้งร่าง
เวลาเดินนั้น ดุจดั่งนางช้างบิดตูดไปมา น่าขยำขยี้ไปทั้งตัว ผิวนั้นเล่าก็ละเอียดเนียนไปหมดทั้งตัว สามเณรพลายแก้วเห็นแล้ว
ก็รู้สึกอยากขึ้นมา ก็รีบร่ายมนต์มหาละลวย แล้วเป่าไปยังตัวของสายทองทันที

สายทองนั้นเมื่อโดนสามเณรพลายแก้วเป่า คาถามหาละลวยใส่นั้น ก็รู้สึกจิตใจไม่ปกติ ระทดระทวย หมดเรี่ยวแรง รู้สึกว่า
สามเณรพลายแก้วตรงหน้านี้ ช่างแมนเหลือเกิน สายทองไม่เคยที่จะมองผู้ชายตั้งแต่ตอนที่นางถูกผู้ชายหลอกลวงหักอก
เอาหัวใจของนางไป แต่ตอนนี้นางกำลังรู้สึกอยากจะมีอะไรกับสามเณรพลายแก้วตรงหน้าเหลือเกิน หัวนมในร่มผ้าของนาง
เริ่มเขม็งตัวตึงเป็นเม็ดแข็งชูชัน ร่องหีนั้นก็ขมิบมุ๊บๆ ปากรูหีเริ่มมีน้ำเงี่ยนไหลหลั่งออกมา

ข้างฝ่าย สามเณรพลายแก้วนั้น เห็นสายทองหน้าแดง พลางบิดตัวไปมา ชม้ายตามองอย่างยั่วยวน สองขาก็สีกันไปมา เหมือน
กำลังคันอะไรอยู่ ก็รู้ได้ทันทีว่า สายทองนั้นต้องมนต์ของตนแล้ว จึงขยับเข้ามานั่งจนชิดกับสายทอง พลางยื่นมือมาโอบที่ไหล่
ของสายทองทันที

ด้วยจริตมารยาของหญิง สายทองก็ทำเป็นเบี่ยงตัวหลบการโอบของสามเณรพลายแก้ว พลางกระซิบเสียงเบาๆ ว่า

“อย่านะคะ น้องเณร พี่สายทองกลัวน้องเณรจะอาบัตินะคะ อย่าเลยนะคะ ขอพี่เป็นพี่สาวของน้องเณรอย่างนี้ดีกว่าค่ะ”

สามเณร พลายแก้วได้ฟังดังนั้น ก็รีบตั้งสมาธิบริกรรมคาถามหาละลวยอีกครั้ง แล้วเป่าไปที่เรือนผมของสายทองทันที

ทีนี้สายทองสะดุ้งน้อยๆ ตัวอ่อนระทวย ยอมให้สามเณรพลายแก้วกกกอดอยู่ในอ้อมแขนทันที สามเณรพลายแก้วรู้ว่าสายทอง
นั้นต้องมนต์ตราของตนจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว ก็โอบกอดให้สายทองนั้นขึ้นมานั่งอยู่บนตักของตน สองมือก็ไม่อยู่เฉย ขยำขยี้
ไปยังสองเต้าอวบที่เด้งสะเทือนอยู่ในผ้าสไบของสายทองทันที

รสสัมผัสนั้นช่างเยี่ยมยอด สองเต้าของสายทองนั้นอวบหยุ่นสู้มือดีมาก บีบขยำเบาๆ ได้สักพัก ก็ควานมือเข้าไปในผ้ารัดอก
พลางหาหัวนมของนางมาบีบบี้อย่างเมามัน

สายทองเมื่อเจอเข้ากับลีลาของ สามเณรพลายแก้วนั้น ก็ไม่ปิดบังความรู้สึกแล้ว รีบยกมือขึ้นรูดผ้าแถบรัดอกลงมา เผยให้เห็น
สองเต้าอวบใหญ่เต่งตั้ง ที่สะท้อนขึ้นลงตามแรงหอบหายใจของเจ้าของ หัวนมสีน้ำตาลเขม็งชี้ชันพุ่ง บ่งบอกถึงอารมณ์ของ
เจ้าของเป็นอย่างดี พลางหันตัวไปประจันหน้ากับสามเณรพลายแก้ว แล้วแอ่นอกป้อนหัวนมให้สามเณรพลายแก้วได้ดูดกิน

ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงคนทุบประตูกุฏิดังโครมๆ พลางได้ยินเสียงตะโกน

“สามเณร พลายแก้ว สามเณรพลายแก้ว ไอ้แก้ว มึงรีบๆ ออกมาเปิดประตูให้กูเข้าไปเดี๋ยวนี้นะ”

เสียงตะโกนดังมาจากปากของหลวงปู่คง ซึ่งได้รับแจ้งจากเด็กวัดว่ามีสีกา เข้ามาในกุฏิของสามเณรพลายแก้ว ตั้งนานสองนาน
ไม่ออกมา หลวงปู่คงได้ฟังดังนั้น ก็เต้นผาง รีบออกเดินมายังที่กุฏิของสามเณรพลายแก้วทันที พอมาถึงประตูก็เงี่ยหูฟังเสียง
จากประตูกุฏิ เมื่อได้ยินเสียงพร่ำพรอดของสายทองกับสามเณรพลายแก้ว ก็โมโหสุดจะทน ทุบประตูกุฏิแล้วตะโกนให้เปิดทันที

สายทองเมื่อได้ยินดังนั้นก็ตกใจรีบ ดึงผ้ารัดอกขึ้นมา จัดสไบให้เรียบร้อย แล้วละล่ำละลักบอกสามเณรพลายแก้วว่า
จะทำอย่างไรดี สามเณรพลายแก้วก็ตกใจไม่แพ้สายทอง ควยเคยงี้หดไปหมดเลย รีบลุกขึ้นจูงมือสายทองออกมายังหน้าต่าง
แล้วกระโดดลงไปที่พื้น แล้วพยักเพยิดให้สายทองโดดตามลงมา

สายทองไม่มีทางเลือกก็รีบกระโดดลงมาที่ตัวสามเณรพลายแก้ว แล้วชักชวนกันวิ่งหนีออกจากวัดป่าเลไลย์
ท่ามกลางเสียงด่าไล่หลังของหลวงปู่คงที่ตะโกนด่าตั้งแต่กุฏิจนถึงหน้าวัด ด้วยความเหน็ดเหนื่อย
พร้อมกับโรคลมที่หลวงปู่เป็นอยู่ ทำให้หลวงปู่คงถึงแก่มรณภาพไปในตอนนั้นเอง

ข้างฝ่ายสามเณรพลายแก้วกับสายทอง เมื่อวิ่งหนีจากวัดป่าเลไลย์มาได้สักพักหนึ่ง ก็หยุดหายใจ พอหายเหนื่อยแล้ว สามเณร
พลายแก้วก็บอกกับสายทองให้กลับไปบอกกับพิมพิลาไลยว่า ถ้าเขาเรียนวิชาสำเร็จเมื่อไหร่เขาจะรีบไปบอกแม่ให้มาสู่ขอทันที
สายทองได้ฟังดังนั้นก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงรีบเดินดุ่มๆ กลับไปทันที สามเณรพลายแก้วนั่งลงพลางคิดว่าตนเองจะไปอยู่ที่ใดได้

พลางฉุกใจคิดถึง อาจารย์มั่น ผู้ซึ่งมารดาได้เคยเล่าให้ตนฟังถึง ศิษย์ร่วมรุ่นของบิดาที่บวชอยู่ที่วัดแค สามเณรพลายแก้วไม่มี
ทางเลือกก็จำต้องเดินทางไปยังวัดแค ซึ่งอยู่อีกมุมเมืองหนึ่งของสุพรรณบุรี เมื่อมาถึงยังวัดนี้ ก็ถามเด็กวัดว่าท่านอาจารย์มั่น
พักอยู่ที่กุฏิใด เด็กวัดเมื่อเห็นสามเณรพลายแก้วก็รู้สึกเลื่อมใส พลางรีบชักนำมายังกุฏิของอาจารย์มั่นทันที

เมื่อสามเณรพลายแก้วมาถึงยังกุฏิของอาจารย์มั่นแล้ว ก็เข้าไปกราบพลางร้องไห้ บอกกับอาจารย์มั่นว่า ตนเองนั้นคือบุตรของขุน
ไกรพลพ่าย ผู้ซึ่งเป็นเพื่อนศิษย์น้องของอาจารย์มั่นนั่นเอง พลางบอกว่าตนเองนั้นออกบวชเพื่อเรียนวิชาอาคมเพื่อจะได้เป็นชาย
ชาตรีที่ เก่งอย่างบิดา เมื่อได้ฟังคำเล่าลือว่า อาจารย์มั่น มีวิชาอาคมขลัง ก็เลื่อมใสอยากจะมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ อาจารย์มั่น
ได้ฟังคำปดของสามเณรพลายแก้ว



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น