วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ขุนช้างขุนแผน ตอนที่ 10 หลุมพราง




ตอนที่ 10  (หลุมพราง)

ขุนแผนนั้นหลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นผ่านไป ก็รู้สึกท้อแท้ใจ หมดความรู้สึกกระตือรือร้นต่อชีวิต ได้แต่ใช้ชีวิตไปวันๆ อย่างไร้ความหมาย
จริงอยู่ ขุนแผนรู้สึกผิดหวังและถูกหลอกลวง แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกสงสารในตัวของนางวันทองเช่นเดียวกัน ด้วยว่าเขาเองก็จำต้องออกไปรบ
เป็นระยะเวลายาวนานหลายเดือน ทิ้งให้นางต้องร้างสามี ทั้งๆ ที่เพิ่งจะแต่งงานกันหมาดๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
ถึงแม้ว่าข้างกายของเขาจะมีลาวทองคอยดูแลเอาใจใส่อยู่ก็ตาม แต่รักสองรักสามหรือจะสู้รักแรกที่ยากจะลืมเลือนได้

บ่ายวันนั้น ได้มีพระบรมราชโองการมาจากสมเด็จพระพันวษา ด้วยพระองค์มีความประสงค์จะให้ขุนแผนเข้ามาเรียนวิชาการปกครองเพิ่มกับ
ท่านจมื่นศรีฯ จึงได้เร่งให้พลทหารควบม้าเอาพระบรมราชโองการมาส่งให้กับขุนแผน และให้ขุนแผนเร่งรีบจัดเตรียมและเดินทางมาเข้าอบรม
โดยทันที ขุนแผนเมื่อได้รับพระบรมราชโองการก็ให้รู้สึกท้อแท้ใจนัก ด้วยทราบดีว่าสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของตนนั้นคืออะไร และตนเมื่อขาด
สิ่งนั้นไปแล้ว ตนจะมีชีวิตไปเพื่อใคร เมื่อได้รับก็รับคำเนือยๆ แล้ว ก็จัดการเตรียมตัว ร่ำลาลาวทอง แล้วออกเดินทางไปโดยทันที

เมื่อมาถึงยังพระราชวัง ขุนแผนก็เข้าเฝ้าสมเด็จพระพันวษาโดยทันที
““เออ ว่าไง ไอ้ขุนแผน เอ็งน่ะพอได้ย้ายไปอยู่กาญจนบุรี ก็เงียบไปเลยนะ ไม่มีมาเข้าฝ้งเข้าเฝ้าเลย ข้าเองบางทีเหงา
จะบ่นกับนังพวกนี้มันก็ไม่เข้าใจข้าเลย พอดีตอนนี้สบโอกาส ก็รีบส่งหนังสือไปเอาเอ็งมาคุยด้วย เป็นไงวะ ทำไมทำหน้าตุ่ยๆ ชอบกล
มีเรื่องอะไรรึเปล่า”?”

ขุนแผนเมื่อได้ฟังรับสั่งของสมเด็จพระพันวษา ก็ตกใจด้วยไม่ทราบว่าพระองค์รับส่งเล่นๆ หรือรับสั่งจริงๆ ตัวสั่นรีบก้มลงกราบบังคมทูลโดยทันที
““ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า เมื่อไปอยู่ยังหัวเมืองกาญจนบุรี ก็ฝึกแต่ทหารพระเจ้าข้า จึงไม่ค่อยได้เข้าเฝ้า แต่ข้าพระพุทธเจ้าก็คิดถึงพระองค์ตลอด
เวลาแหละพระเจ้าข้า””
สมเด็จพระพันวษาได้ฟังก็รู้สึกปลื้มพระทัย แย้มสรวล แล้วรับสั่งต่อ
“ แล้วตอนนี้เอ็งอยู่กับใครล่ะ? หือ ใช่เพื่อนเล่นที่เคยเล่นอยู่ด้วยกันหรือเปล่า ? เห็นเอ็งเคยคุยให้ข้าฟังนี่หว่า ว่าสวยยังงั้นสวยยังงี้
ข้าล่ะอยากเห็นตัวจริงๆ””
ขุนแผนได้ฟังรับสั่ง ก็ยิ่งให้รู้สึกหดหู่ใจ จนลืมตอบพระรับสั่ง สร้างความสงสัยให้แก่สมเด็จพระพันวษาเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่ได้รับสั่งอันใดอีก
ด้วยรู้สึกหงุดหงิดในใจที่ขุนแผนมันทำท่าเมินองค์ แล้วลุกขึ้นเสด็จดำเนินออกจากห้องโดยทันที ทิ้งให้ขุนแผนนั่งเป็นเบื้อใบ้อยู่คนเดียว

ข้างฝ่ายขุนช้างนั้น เมื่อได้นางวันทองเป็นเมียสมใจแล้ว ก็รู้สึกว่าโลกมันช่างงดงาม มองอะไรมันสวยไปหมด ไม่ว่าหมา ไม่ว่าควาย
ทุกๆ วันเฝ้าคุยถามไถ่แต่นางวันทองแบบชนิดยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม พอตกดึก ก็ชวนกันเล่นจ้ำจี้อย่างมีความสุขเป็นอย่างนี้มาเรื่อย
วันนี้ก็เช่นกัน
“ ไม่เอาน่าพี่ช้าง วันนี้น้องไม่ค่อยมีอารมณ์เลย””
วันทองกระซิบตอบขุนช้าง เมื่อขุนช้างเริ่มทำมือไม้เป็นปลาหมึก จับนู่นล้วงนี่ไปเรื่อยตั้งแต่เข้าห้องนอนมาแล้ว
ขุนช้างนั้นได้ฟังคำของนางวันทอง ก็หยุดพฤติกรรมลามกไว้ทันที พลางทำท่าน้อยอกน้อยใจ ทำหน้าเศร้าเต่าตะกูด
ดูแล้วน่าเอาตีนยันให้ตกเรือน พลางลดตัวลงจากเตียงลงมากราบตีนนางวันทอง พลางพูดว่า
““น้องวันทองขะรับ น้องวันทองเข้าใจพี่ช้างบ้างนะครับ เนื่องจากพี่ช้างรักน้องวันทองม๊ากมาก พี่ช้างก็อยากที่จะได้ใกล้ชิดกับน้อง
ทุกๆ วัน ทุกๆ เวลา ถ้าเป็นไปได้ก็ทุกๆ สถานที่ด้วย นะน้องนะ น้องเข้าใจนะ วันนี้โอเค๊ เค๊ เค๊นะ แล้วพรุ่งนี้พี่ช้างจะพาน้องวันทอง
ไปเที่ยวให้สนุกเลย จะไปไหนก็ได้ อยากได้อะไรพี่ช้างจะหามาให้ แต่วันนี้หยวนนะ นะจ๊ะ””

วันทองได้ฟังคำขุนช้าง ก็รู้สึกอ่อนใจ เพราะตั้งแต่ได้เสียกันมา ยังไม่มีวันไหนเลย ที่พี่แกจะไม่ขอมายุ่งด้วย ไม่รู้เอาเรี่ยวเอาแรงมาจากไหน
เมื่อวันวาน กว่าจะเสร็จก็ตั้งเกือบตีสี่ นางปวดเมื่อยระบมไปหมดทั้งตัว แล้วคืนนี้นางอยากจะนอนพักสบายๆ ซักวัน ก็ยังมามีลูกอ้อนอีก
เอาเหอะ ก็ต้องทำใจแล้ว เมื่อได้เสียเป็นเมียผัวก็ต้องยอมรอมชอมกันบ้าง จึงพยักหน้าอย่างอ่อนใจ สร้างความยินดีให้แก่ขุนช้าง
รีบก้มลงกราบตีนเมียเป็นการใหญ่ พลางรีบโดดขึ้นเตียงมาทันที

นางวันทองล้มตัวลงนอน พลางค่อยๆ แก้ผ้าแถบรัดอกออกมาช้าๆ ทรวงอกอวบสะพรั่งหลุดออกมาจากผ้าแถบนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ติ่งไตปลายยอดก็มีสีคล้ำขึ้นกว่าเดิม เม็ดปลายยอดนั้นก็ใหญ่ขึ้น ขุนช้างเมื่อเห็นนางวันทองปลดผ้าแถบออก ก็รีบก้มลงดูดดื่มติ่งไตปลายยอดน้ำตาล
ที่ยังไม่แข็งเป็นเม็ดเท่าใด อมเข้าไปไว้ในปากพลางดูดดุนอย่างเมามัน จนมันเริ่มแข็งสู้ปากพร้อมเริ่มมีการถอนใจแรงๆพลางแอ่นอกขึ้นมาให้ขุนช้าง
ได้ดูดดุนอย่างถนัดของนางวันทอง ขุนช้างก็ยิ่งได้ใจ เอามือไปเลิกผ้านุ่งของนางวันทองขึ้น พลางลูบละมาเรื่อยจนมาถึงยังจุดหมายปลายทาง
ซึ่งมันเหมือนกับจะยิ่งโหนกนูนมากขึ้นกว่าเดิมมาก หญ้าขนก็ดกดำเป็นพืดไปหมดมองไม่เห็นช่องทางเลย

มือของขุนช้างก็ลูบไล้ไปมาตามพงหญ้าขนอันรกชัฏ พลางใช้นิ้วมือชอนไชเข้าสู่ธารสวรรค์ ซึ่งเจ้าของนั้นก็รู้หน้าที่รีบแยกขาออกจากกัน
เพื่อให้นิ้วได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ นิ้วมืออวบใหญ่ของขุนช้างนั้นลูบตั้งแต่ร่องรูด้านล่างมาจรดยังติ่งสวรรค์ด้านบน ยังความรู้สึกซ่านเสียว
ให้แก่เจ้าของมันยิ่งนัก เริ่มส่ายสะโพกเป็นวงรับการเกลี่ยนิ้วของขุนช้างอย่างตรงจังหวะ ขุนช้างได้ใจค่อยๆ สอดนิ้วมือเข้าไปในร่องธารสวรรค์
ปากก็ดูดดุนติ่งไตปลายยอดเต้าอย่างต่อเนื่อง ยังความเสียวซ่านแก่นางวันทองยิ่งนัก ยกสองแขนขึ้นกอดรัดร่างขุนช้าง พลางส่ายร่างเสียดสีอย่างเสียวซ่าน

ขุนช้างเมื่อเห็นเมียรักมีอาการอย่างนั้นแล้ว ก็รีบชักสุดยอดท่อนสวรรค์ของเขาออกมา จ่อเข้ายังช่องทางเข้าซึ่งบัดนี้กลีบปากทางเข้า
เริ่มมีสีคล้ำบ้างแล้วแถมยังบานออกนิดๆ ด้วยความสมบุกสมบันที่ใช้กันอย่างไม่บันยะบันยัง ปากช่องทางก็อ้าเผยอออก
ด้วยเจอแต่ท่อนที่ใหญ่อยู่ไม่เว้นแต่ละวัน ส่วนหัวของท่อนสวรรค์ที่ใหญ่ไม่แพ้หัวแมว ค่อยเบียดเข้าไปยังร่องธาร
ซึ่งบัดนี้ฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำหล่อลื่นที่นางวันทองขับออกมามากจนเยิ้มเต็มไปหมด พงหญ้าขนนั้นเปียกลู่ไปด้วยน้ำหล่อลื่น
เมื่อปลายท่อนสวรรค์จ่อเบียดเข้ามา นางวันทองก็อ้าขาออกจนปากช่องทางเปิดกว้างออก ขุนช้างจึงสามารถยัดเข้าไปได้
อย่างไม่ยากเย็นเหมือนกับตอนได้กันใหม่ๆ นัก

เมื่อส่วนหัวผ่านไปแล้ว ส่วนตัวที่เป็นลายเกลียวนั้นก็เริ่มทำหน้าที่ รั้งดึงปากช่องทางรูดตามลำเข้าไปด้วย นางวันทองอ้าปากครางออกมาเบาๆ ด้วยความเจ็บปนเสียวที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่ท่อนสวรรค์ของขุนช้างบุกเข้ามาในร่องธารของนาง แต่เมื่อขุนช้างชักท่อนสวรรค์ออก ส่วนเกลียวก็ทำหน้าที่รั้งดึงเอาปากทางสวรรค์รูดติดลำปลิ้นออกมาด้วย นางวันทองก็จะยกสะโพกตามด้วยความเสียวจนลืมตัว แล้วขุนช้างก็จะอัดกระแทกเข้าไปอย่างรุนแรง ผู้ติดตามท่อนสวรรค์นั้นก็จะฟาดไปยังช่องทวารของนางวันทองดังป้าบ กลับยิ่งทำให้นางวันทองเสียวซ่านยิ่งขึ้น หลั่งน้ำหล่อลื่นออกมามากมายจนล้นออกนอกร่องธาร เปียกที่นอนจนเป็นวงใหญ่

ขุนช้างอัดกระแทกอย่างไม่รั้งรอ สองมือก็บีบขยำไปที่สองเต้า ที่เด้งกระเพื่อมตามจังหวะอัดกระแทกของเขา นางวันทองนั้นไม่รู้สึกเจ็บอีก แต่รู้สึกเสียวจนทนไม่ไหว ได้แต่แอ่นสะโพกรับตามจังหวะที่ขุนช้างกระแทกมา ความรู้สึกนั้นเคลิบเคลิ้มสุดจะบรรยาย เปรียบประดุจลอยล่องเป็นเมฆา ไหลไปตามเวหาหน แล้วก็ตกลงมาอย่างทันที สร้างความเสียวซ่านสุดใจ สองตาหรี่ปรือ ปากอ้าออกน้อยๆ ครางในลำคอ ปลายยอดติ่งเต้าแข็งเป็นไต ปลายเท้าหงิกเกร็ง สองแขนรัดร่างของขุนช้างไว้แน่น รับกามทัณฑ์อย่างเต็มใจ จวบจนผ่านไป 2 ชั่วโมง ขุนช้างก็ร้องโอ้กออกมา ฉีดน้ำรักออกมาท่วมเคหาสวรรค์จนล้มเอ่อออกมา ล้มตัวลงกอดร่างวันทองเมียรัก สำหรับวันทองน่ะเหรอถึงจุดเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ เนี่ยมันเป็นของมันอย่างเนี้ยทุกวัน

เช้าวันนี้ ขุนช้างก็ได้รับพระบรมราชโองการจากสมเด็จพระพันวษาเช่นเดียวกัน เขาจึงเร่งเดินทางไปเข้าเฝ้าในทันที แต่เมื่อถึงยังพระราชฐาน ก็มีมหาดเล็กออกมาบอกว่าสมเด็จพระพันวษามีรับสั่งให้ขุนช้างไปหาจมื่นศรีฯ โดยทันที ไม่ต้องมาเข้าเฝ้า ขุนช้างรู้สึกน้อยใจ ยิ่งรู้ข่าวมาว่าขุนแผนมาแต่ได้เข้าเฝ้า ก็ยิ่งอิจฉา ร้อนใจดั่งไฟสุมทรวงไปหมด

เมื่อขุนช้างมาถึงยังเรือนของจมื่นศรีฯ ก็เห็นขุนแผนที่กำลังนั่งอ่านตำราพิชัยยุทธอยู่ก่อนแล้ว ขุนแผนเมื่อเห็นมีคนมาเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับหน้าอันเครียดเขม็งของขุนช้างแล้วเขาก็ก้มหน้าลงด้วยคิดถึงนางวันทอง ขุนช้างเมื่อเห็นขุนแผนก้มหน้าลงอ่านหนังสือ มิกล้าจ้องตากับตน ก็แสยะยิ้ม ด้วยความคิดดีๆ ของมันได้โผล่ออกมาอีกแล้ว ก็เดินมาถึงข้างตัวของขุนแผนพลางนั่งลงข้างๆ ตัวของขุนแผน พลางยกมือขึ้นตบบ่าของขุนแผน พลางยิ้มให้ แล้วพูดอ่อนโยนว่า
““ไงเฮ้ย พลายแก้ว นายสบายดีหรือเปล่า? ตอนนี้เราได้มาเรียนหนังสือด้วยกันเหมือนกับตอนเด็กๆ แล้วนะ เออ เราคิดถึงตอนเราเล่นเป็นผัวเมียกันตอนเด็กๆ นะ เราได้แต่งกับน้องวันทอง สำหรับนายก็เป็นโจรไง ไม่นึกว่ามันจะเป็นความจริงไปได้นะเออ แต่เอาเหอะ เรื่องวันนั้นน่ะ นายยกโทษให้เรานะ ได้มะ เพราะเราเองก็เข้าใจว่าเรื่องความรักมันไม่เข้าใครออกใครนะ สำหรับนาย และสำหรับเรายังเป็นเพื่อนกันได้มะ””

ขุนแผนเงยหน้าขึ้นมามองขุนช้าง แล้วยิ้มบางๆ ให้ พลางยื่นมือให้จับ
““ทำไมจะไม่ได้ล่ะเพื่อน เรายังเป็นเพื่อนกันได้นี่นา จริงมะ””
ขุนช้างซึ่งรอโอกาสนี้อยู่แล้ว ก็รีบจับมือของขุนแผนไว้แน่น พลางบีบให้น้ำตาคลอตา พลางกอดขุนแผนไว้แน่น ทำให้ขุนแผนเชื่อสนิทใจว่าขุนช้างนั้นละความคิดเป็นอริ และกลับมาเป็นเพื่อนของตนเหมือนดังกับตอนเด็ก ทั้งสองได้ร่ำเรียนกับจมื่นศรีฯ

จนกระทั่งเวลาผ่านไปเดือนกว่า ตกดึกก็มีบ่าวของบ้านนางทองประศรีควบขับม้าเข้ามายังเรือนของจมื่นศรีฯ
““ท่านขุนแผนขอรับ นายแม่ให้มาแจ้งว่า นายหญิงลาวทองไม่สบายหนัก ขอให้ท่านช่วยมาดูด้วยเกรงว่าอาจจะมิได้พบหน้ากันอีก””
ขุนแผนซึ่งขณะนั้นกำลังคุยกับขุนช้างเพียงสองคน ส่วนจมื่นศรีฯ กับภริยาและลูกๆ นั้นออกไปเยี่ยมญาติกันยังกลับมาไม่ถึง เมื่อได้ฟังบ่าวรายงานดังนั้น ก็มือไม้สั่นเป็นพัลวันด้วยเป็นห่วงสุขภาพของลาวทองภริยารัก เป็นด้วยเกรงพระอาญาจากการละทิ้งหน้าที่ จึงทำได้แต่เพียงเดินไปมาทอดถอนใจเท่านั้นเอง

ขุนช้างนั้นรอโอกาสนี้อยู่แล้ว ก็เดินเข้ามาตบบ่าของขุนแผน พลางบอกว่า
““นายไปเยี่ยมเมียนายเหอะ ทางนี้เดี๋ยวเราหาทางแก้ตัวให้ ไม่ต้องห่วงนะ ไปเหอะ””
ขุนแผนได้ฟังดังนั้น ก็ดีใจยิ่งนัก ตบบ่าของขุนช้างแรงๆ จนขุนช้างทำหน้าอู้ แล้วรีบเข้าห้องไปเก็บเสื้อผ้าแล้วชักชวนบ่าวควบม้าออกไปทันที ขุนช้างเมื่อยืนส่งด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แล้วก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นยิ้มแสยะ หมุนดัวเดินกลับเข้าไปในห้องด้านใน แล้วเปลี่ยนชุดออกไปในวัง เพื่อเตรียมการเข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวทันที

ขุนแผนเมื่อควบขับมาตามบ่าวออกมาจนถึงป่าใหญ่ ก็ปรากฏโจรป่าบุกเข้ามาฟันบ่าวของตนตาย แล้วควบขับหนีเข้าป่าไป ขุนแผนนั้นช่วยบ่าวไม่ทัน ตามโจรก็กลัวโดนดักทำร้าย จึงได้แต่ทอดถอนใจแล้วรีบควบขับม้าเร่งเดินทางไปยังจังหวัดกาญจนบุรีทันที

เวลาผ่านไป 3 วัน ณ อำเภอเขาชนไก่ จังหวัดกาญจนบุรี ที่เรือนนางทองประศรี นางทองประศรีกำลังเร่งบ่าวไพร่ให้เตรียมสำรับเพื่อไปเลี้ยงพระเพล เหมือนดังที่นางเคยทำเป็นกิจวัตร ก็เห็นบุรุษควบขับม้าเร่งมาทางเรือนของตน ก็หยุดดู เมื่อเห็นชัดว่าเป็นขุนแผนบุตรชายก็ดีใจ ปนสงสัย แต่ก็ลงจากเรือนไปรับบุตรชายที่เนื้อตัวมอมแมมด้วยฝุ่นขึ้นมานั่งกินน้ำเย็นบนเรือนก่อน
““มีอะไรเหรอลูก? ทำไมถึงกลับมาบ้านตอนนี้ล่ะ? แม่ไม่รู้ว่าหนูจะกลับมาเลยเตรียมของให้กินไม่ทันเลย”” นางทองประศรีกล่าวพลางยกขันน้ำเย็นลอยดอกมะลิให้ลูกชายดื่ม

ขุนแผนเมื่อดื่มน้ำจนหายหิวน้ำแล้ว ก็ลุกขึ้นยืนพลางหันรีหันขวาง
““แม่ครับ ลาวทองไม่สบายเป็นอะไรมาหรือเปล่าครับ? เห็นให้บ่าวไปตามลูกมา””
นางทองประศรีทำหน้างงงวย พลางจ้องหน้าขุนแผนเหมือนกับจะหาอะไร
““บ่าวคนไหนล่ะลูก บ่าวแม่ก็อยู่ครบนา ไม่เห็นมีใครไปไหน? และลาวทองก็สบายดี นั่งร้อยพวงมาลัยอยู่ในห้องแน่ะ””

ขุนแผนจ้องหน้างงงวยของมารดา แล้วก็เดินไปยังห้องของลาวทองทันที ก็แทบจะชนกับลาวทองที่เมื่อได้ยินว่าขุนแผนกลับบ้านมาก็แทบจะวิ่งออกมาจากห้องทันที ขุนแผนก็กอดร่างระหงของลาวทองไว้แน่น พลางจ้องดูว่าลาวทองไม่สบายตรงไหน
““ลาวทองดีใจจังเลยจ๊ะ ที่พี่ขุนกลับมา พี่ขุนทานอะไรมาหรือยังจ๊ะ? เดี๋ยวลาวทองจะหาให้นะ””
ขุนแผนแสนจะพิศวงงงงวยกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นที่สุด แต่ยังดีใจที่ลาวทองเมียรักไม่เป็นไร ดังนั้นคืนนั้นขุนแผนจึงค้างคืนที่บ้านแม่ ก่อนจะกลับมายังพระราชวัง ก็พบกับพระอาญาของสมเด็จพระพันวษา ให้ถอดออกจากตำแหน่ง พลางย้ายเร่งด่วนให้ไปเฝ้ายังบ้านนอกอันห่างไกล ห้ามกลับมาเยี่ยมบ้านเรือนอีก ขุนแผนนั้นงงงวย เมื่อเห็นขุนช้างเดินออกมาจากห้องท้องพระโรงด้วยใบหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง ก็เริ่มจะเข้าใจ

““เสียใจด้วยเพื่อน พระองค์ท่านถาม เราก็จะต้องกราบทูลตอบตามความจริงนะ นายไม่รับผิดชอบเอง เราก็คงจะช่วยไม่ได้นะเพื่อน ฮ่า ฮ่า ฮ่า””

ตอนนี้ขุนแผนเข้าใจแล้วว่า เขาถูกหลอกอย่างเจ็บแสบที่สุด ความแค้นแน่นอุรา แต่เขายังมิอาจทำอะไรตอนนี้ได้เขาจะต้องรอ รอจนถึงเมื่อไร ไม่รู้เหมือนกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น