วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ขุนช้างขุนแผน ตอนที่ 7 ชีวิตรักที่หักเหของพลายแก้ว

 


ตอนที่ 7  (ชีวิตรักที่หักเหของพลายแก้ว)

กล่าว ถึงขุนช้างหัวล้านกบาลใส หลังจากที่พลาดโอกาสสู่ขอพิมพิลาไลย แถมถูกพิมพิลาไลยเสือกไสไล่ส่งจนขนขบวนกลับมา
แทบไม่ทันแล้ว แต่ละวันก็เฝ้าทอดถอนใจ นั่งตาลอย เห็นแต่ภาพพิมพิลาไลย มาลอยอยู่ตรงหน้าตลอดเวลา จนไม่เป็นอันทำ
อะไร จะลุกจะนั่งก็เห็นแต่ภาพของพิมพิลาไลย จนในที่สุดก็คิดแผนได้ ขุนช้างแสนจะดีใจ ลุกขึ้นเต้นรำร้องเพลงจนกระทั่ง
บ่าวไพร่ต้องมามุงดู เพราะคิดว่าขุนช้างเป็นบ้าไปแล้วด้วยความรัก ขุนช้างหลังจากเต้นรำฮาวาย จนกระทั่งเหนื่อยแล้วก็เห็น
บ่าวไพร่มามุงดูตน พร้อมวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นาๆ ก็โกรธ ไล่ตะเพิดพวกบ่าวไพร่จนกระเจิดกระเจิงผ้าผ่อนหลุดลุ่ยเปิดตูด
ขาวไปตามๆ กัน

พอไล่พวกบ่าวจนเหนื่อยก็นั่งลง แล้วตะโกนเรียกบ่าวคนหนึ่งมา แล้วค่อยๆ กระซิบให้งานบ่าวคนนั้น ไปทำงานมา โดยคาดโทษ
ว่าถ้าไม่สำเร็จจะต้องโดนโบยด้วยหวาย เมื่อสั่งความเรียบร้อยแล้ว ขุนช้างก็นั่งลงทำท่ากระหยิ่มยิ้มย่องในใจ พลางนึกถึงพิมพิลาไลยต่อไป

เวลา ผ่านไป 2 วัน ขณะที่ขุนช้างกำลังนอนให้บ่าวทุบขา หลังไหล่ให้นั้น บ่าวคนนั้นก็วิ่งกระหืดกระหอบมารายงานข่าว
พอได้รับช่าวนี้ ขุนช้างก็รีบตะโกนบอกบ่าวไพร่ให้จัดขบวนอีกครั้ง แล้วรีบยกขบวนออกจากบ้าน พลางมุ่งหน้าไปยังบ้าน
ของนางศรีประจันในทันที

ข้างฝ่ายนางศรีประจันนั้น หลังจากที่ได้รับการนำเสนอจากขุนช้างถึงแก้วแหวนเงินทองมากมายมหาศาลนั้น ถึงแม้จะได้รับฟัง
คำบอกเล่าจากบ่าวว่า ขุนช้างนั้นมีเมียน้อยมากมาย แต่ก็ยังคิดว่า คนที่ร่ำรวยจะมีเมียน้อยหลายคนก็ไม่แปลก ในใจของนางนั้น
อยากที่จะได้ทรัพย์สมบัติมาก จนถึงกับยอมได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้ขุนช้างมาเป็นเขย พอบ่าววิ่งเข้ามารายงานว่า ขุนช้างยกขบวน
ขันหมากมาอีกครั้ง นางศรีประจันแสนจะดีใจ แต่ต้องรักษาฟอร์มไว้ แกล้งทำเป็นเดินมารับขุนช้างที่หน้าเรือน พร้อมกับทำหน้า
เฉยๆ ไม่ยินดียินร้ายกับการยกขบวนขันหมากของขุนช้าง

ขุนช้างเมื่อมาถึงยังบ้าน ของนางศรีประจันก็รู้สึกแปลกใจกับท่าทีของนางศรีประจัน ซึ่งผิดไปจากตอนที่มาครั้งที่แล้ว
หน้ามือเป็นหลังตีน แต่ด้วยความรักมันกระพือในอก ขุนช้างจึงทำหน้าระรื่น แล้วทักทายไป

“สวัสดีครับ คุณน้า วันนี้ผมจะมาสู่ขอน้องพิมพิลาไลยน่ะครับ หวังว่าคุณน้าคงไม่รังเกียจ ส่วนข้อเสนอนั้นยังเหมือนเดิมทุกประการ”

นางศรีประจันก็รู้สึกแปลกใจเช่นกันว่า ขุนช้างไม่น่าจะระรื่นขนาดนี้ ถ้ามีเมียน้อยมาตามจริงก็คงจะไม่กล้าขนาดนี้ มันต้องมีเงื่อนงำ
นางคิด แล้วก็ทำหน้าแปลกใจแล้วก็ทักทายตอบว่า

“อือ พ่อช้าง จะมาสู่ขอเหรอ ตอนนี้น้องพิมไม่อยู่หรอก ไว้มาวันหลังละกัน”
“อ๋อ ผมรู้แล้วครับ เพราะผมให้บ่าวมันมาเฝ้าอยู่บ้านคุณน้าตลอด อุ๊บ! ไม่ใช่ครับ บ่าวผมมันเดินผ่านบ้านคุณน้าแล้วมันบังเอิญ
เห็นน้องพิมเดินไปตลาดแล้วมาเล่า ให้ผมฟัง ผมเลยรีบมาคุยกับคุณน้าเป็นการส่วนตัวน่ะครับ” ขุนช้างรู้สึกอยากจะตบปาก
ของตนเองด้วยพลั้งปากเกือบจะเสียแผน ดีที่นางศรีประจันนั้น ใจออกไปอยู่กับหีบสมบัติของขุนช้างที่วางอยู่ด้านหลังขบวน
จึงมิได้ฟังคำพูดของขุนช้างมากนัก ก็ตอบไปว่า

“เอางี้นะ พ่อช้างก็วางของหมั้นหมายฝากน้าไว้ก่อนนะ แล้วน้าจะถามน้องพิมให้นะ แล้วจะส่งบ่าวไปให้คำตอบ จะได้ไม่ต้อง
ขนไปขนมาเสียเวลาไง”

ขุนช้างก็เริ่มเข้าใจแล้วว่า จริงๆ แล้วนางศรีประจันก็มีใจให้กับตนไม่น้อย รู้สึกดีใจ รีบตอบรับ แล้วตะโกนบอกบ่าวไพร่ให้ยก
หีบสมบัติไปบนเรือนของศรีประจัน แล้วรีบลากลับด้วยความอิ่มเอมใจทันที ข้างฝ่ายนางศรีประจันก็กระหยิ่มยิ้มย่องว่าจะได้รับ
สมบัติจำนวนมากมายจากขุนช้าง ก็บงการให้บ่าวไพร่ยกหีบสมบัติขึ้นไปไว้ในห้องนาง แล้วกอดจูบลูบคลำอย่างมิรู้เบื่อ

พิมพิลาไลย กลับมาจากตลาดเมื่อเดินขึ้นบนเรือน ก็พบกับสายทองที่มีสีหน้าเป็นห่วงกังวล สายทองจูงมือพิมพิลาไลยเข้าห้อง
ของนาง แล้วบอกเล่าเรื่องที่ขุนช้างแอบมาสู่ขอพิมพิลาไลยกับนางศรีประจัน ซึ่งนางศรีประจันก็มีทีท่าว่าจะตกลงด้วย ส่งผลให้
พิมพิลาไลยตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อหายตกใจพิมพิลาไลยก็รีบเร่งให้สายทองไปบอกกล่าวเรื่องนี้กับสามเณรพลายแก้วที่วัดแคทันที
สายทองเมื่อเห็นพิมพิลาไลยตกใจขนาดนั้นก็ให้เกิดความสงสารจับใจ รีบออกจากเรือนตรงไปยังวัดแคเพื่อแจ้งข่าวให้สามเณร
พลายแก้วทราบทันที

ตกดึกคืนนั้น ปรากฏร่างของชายผู้หนึ่งตรงมายังหน้าเรือนของนางศรีประจัน ชายผู้นั้นยกมือขึ้นพนมแล้วตั้งจิตบริกรรมคาถา
พลางจิกหัวแม่เท้าลงกับพสุธา กลอนประตูทุกห้องในบ้านของนางศรีประจันก็มีอันหลุดออกจากล็อกทันที แล้วชายผู้นั้นก็เดิน
ขึ้นไปบนเรือนของนางศรีประจันทันที

แน่นอนครับ ไม่ต้องเดากันให้ยาก เขาคือ พลายแก้วนั่นเอง พลายแก้วเมื่อได้ทราบข่าวจากสายทองนั้นก็ตกใจเป็นอย่างมาก
แล้วก็บอกกับสายทองว่า คืนนี้เขาจะมาหาพิมพิลาไลยขอให้สายทองบอกกับน้องพิม ว่าไม่ต้องเป็นห่วงเขามีวิธีในการแก้ไขอยู่
พอตกดึกเขาก็เปลื้องจีวรออก ใส่เสื้อผ้าของฆราวาส แล้วรีบออกจากวัดแคมายังบ้านของนางศรีประจันทันที

พลายแก้วเดินตรงไปยังห้องของพิมพิลาไลย เมื่อเปิดม่านมุ้งออกก็พบเห็นพิมพิลาไลยที่นอนอยู่กับที่นอน ใบหน้ายังเปื้อนไปด้วย
คราบน้ำตา เมื่อเห็นดังนั้นให้เกิดความสงสารจับใจพลายแก้วยิ่งนัก นั่งลงกับตั่งเตียงแล้วบริกรรมคาถาแก้ แล้วเป่าลงไป
ยังร่างของพิมพิลาไลย บัดดลนั้น พิมพิลาไลยก็รู้สึกตัวตื่นขึ้น เมื่อเห็นพลายแก้วที่นั่งยิ้มให้อยู่ ก็โผขึ้นมากอดร่างพลายแก้ว
ไว้แนบแน่น พลางร้องไห้โฮ พลายแก้วรู้สึกซาบซึ้งกับความรักที่พิมพิลาไลยมีให้กับเขา เขาจึงกอดร่างของนางไว้แน่นเช่นกัน
รอจนพิมพิลาไลยร้องได้สักพักหนึ่งแล้ว จึงได้พูดเสียงอ่อนโยน

“พิมจ๊ะ พี่ได้ฟังคำบอกของพี่สายทองแล้ว เรื่องที่ไอ้ขุนช้างมันจะมาสู่ของน้องพิมไปเป็นเมีย อย่างนี้มันจะหยามน้ำหน้าของพี่
พลายแก้วมากไปแล้ว น้องพิมไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ พี่พลายแก้วเรียนวิชาสำเร็จแล้วพี่จะกลับไปหาแม่ที่เมืองกาญจนบุรี เพื่อบอกแม่
ให้ยกขันหมากมาสู่ขอน้องพิมกับคุณน้าศรีประจัน แต่พี่พลายแก้วมีปัญหาว่าพี่ไปและกลับคงจะต้องใช้เวลาสักประมาณ 3 วัน
พี่ห่วงว่าคุณแม่ของน้องจะต้องมาคาดคั้นให้น้องแต่งงานให้กับไอ้ขุนช้างนั่นแน่ๆ พี่พลายแก้วอยากจะให้น้องพิมทำอย่างนี้นะ”

แล้วพลายแก้วก็กระซิบบอกแผนการกับพิมพิลาไลย หลังจากนั้นก็พร่ำพรอดบอกรักกันจนกระทั่งพิมพิลาไลยหลับใหลไปด้วย
ความอ่อนเพลีย พลายแก้วก็ลุกขึ้นยืนแล้วเป่ามนต์สะกดให้กับคนรักของเขาเพื่อให้เธอได้หลับ สนิทๆ จากนั้นเขาก็เดินออก
จากห้องของพิมพิลาไลย แล้วเลี้ยวมาเข้ายังห้องของสายทองทันที

ห้องของสายทองนั้นดูไม่หรูหรา เท่ากับห้องของพิมพิลาไลย แต่ก็เรียบร้อย สะอาดสะอ้านบอกถึงนิสัยของผู้อยู่ได้เป็นอย่างดี
พลายแก้วเห็นการตกแต่งห้องก็รู้สึกพอใจในความมีระเบียบวินัยของสายทองยิ่งนัก พลายแก้วแหวกม่านมุ้งออก แล้วนั่งลงที่
ข้างตั่งเตียงพลางจ้องมองสายทองไม่วางตา ใจนั้นเล่าก็ครุ่นคิดถึงวันวานก่อนที่จะถูกไล่ออกจากวันป่าเลไลย์อย่างเคลิบเคลิ้ม
พลางสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงหมาเห่า พลายแก้วก็กลับสู่โลกแห่งความจริง แล้วพนมมือขึ้นบริกรรมคาถาแก้ แล้วเป่าไปยังร่างของ
สายทอง สายทองก็รู้สึกตัวตื่นขึ้น เมื่อมองเห็นพลายแก้วก็ตกใจ พลางร้องขึ้นเบาๆ ว่า

“น้องเณรคะ น้องเณรเข้าที่ห้องของพี่สายทองทำไมคะ ระวังน้องพิมรู้เข้าจะเข้าใจผิดนะคะ พี่สายทองจะแย่นะ น้องเณรไม่
สงสารพี่สายทองหรือคะ” สายทองร้องออดอ้อนพลางทำท่าหดหู่น่าสงสาร ยังความสงสารให้เกิดกับพลายแก้วอย่างมากมาย
ด้วยทราบดีว่า สายทองนั้นหลงรักตนเช่นกัน แต่ติดที่พิมพิลาไลยก็เป็นน้อง เธอจึงยอมเสียสละความรักของตนเองเพื่อให้น้อง
สาวสมหวัง

“พี่สายทองจ๊ะ น้องเณรเข้ามาวันนี้ ก็มาบอกกับน้องพิมแล้วว่าน้องเณรจะไบบอกให้แม่ของน้องเณรมาสู่ขอน้องพิมกับ คุณน้า
แต่น้องเณรก็อยากจะบอกเรื่องนี้กับพี่สายทองโดยตรง เพราะพี่สายทองมีบุญคุณกับน้องเณรและน้องพิมมากน่ะจ๊ะ”
พลายแก้วกล่าวพลางกระเถิบเข้าไปตะกองกอดร่างของสายทองเอาไว้ในอ้อมกอดทันที

ข้างฝ่ายสายทองนั้น เมื่อได้ฟังคำออดอ้อนของชายที่ตนเองเฝ้าหลงรัก ก็รู้สึกปลาบปลื้มใจที่ความเหน็ดเหนื่อยของนางยังมีคน
เห็นอยู่บ้าง เมื่อถูกพลายแก้วกอดเอาไว้ในอ้อมกอดก็ตัวอ่อนระทวย ล้มลงในอ้อมแขนของพลายแก้วทันที
พลายแก้วเห็นดังนี้แล้ว ก็ซุกหน้าลงไปยังซอกคอของสายทอง สูดดมกลิ่นเรือนผมอ่อนๆ ผสมกับกลิ่นสาปสาวหอมชื่นใจยิ่งนัก
สองมือนั้นเล่าก็ย้ายมาตะโบมที่ยังสองเต้าอวบเต่งของสายทอง นิ้วมือค่อยๆ ลูบไล้หาปลายติ่งยอด จนกระทั่งเจอก็เกลี่ยเร้า
ปลายยอดที่นอกร่มผ้าไปมาจนมันชูชี้ชันเป็นเม็ด ชัดเจน

สายทองหอบหายใจอย่างแรงแล้วก็ยกมือขึ้นรั้งผ้าแถบรัดอกลงมากองไว้ยังสะเอว ปล่อยนมอวบเต่งเต็มสาวให้สะพรั่งรอมือ
ของคนรักจะคลึงเคล้าตามต้องการ

พลายแก้วทราบความต้องการของสายทองดี เขาจึงหมุนร่างของสายทองมานั่งประจันหน้ากับเขา แล้วก็ก้มลงดูดดื่มความหอม
หวานจากปลายถันสีน้ำตาลของสายทองจนมันเขม็งเป็นไต พลางจูบไซร้ซอกคอ เม้มติ่งหู แล้วก็ค่อยๆ จับร่างของสายทองให้ยืน
ขึ้น แล้วปลดผ้านุ่งของสายทองออก เผยให้เห็นสะโพกผายสล้างปราศจากไฝฝ้าราคี ผิวสีน้ำผึ้งเนียนตาน่าจับต้อง ไล่ระมาถึง
โคกเนินมันรกเรื้อไปด้วยเส้นหมอยดำขลับงามตา หนาจนแทบมองไม่เห็น ร่องหลืบตามธรรมชาติเลย

พลายแก้วยกมือค่อยกรีดไล่ไปตามร่องหลืบ แล้วก้มลงเพื่อจะซุกหน้าลงไปยังร่องหลืบของสายทอง พลันสายทองก็จับศรีษะ
ของพลายแก้วเอาไว้

“น้องเณรขา อย่าเลยค่ะ มันไม่ดีนะคะ”

พลายแก้วไม่สนใจ ซุกหน้ากับร่องหีของสายทอง พลางใช้ลิ้นค่อยๆ ลากจากขอบล่างขึ้นขอบบน จนกระทั่งร่องหีนั้นเริ่มขับน้ำ
เงี่ยนใสๆ ออกมาแล้ว พลายแก้วก็นอนลงถอดกางเกงออก เผยให้เห็นควยอาคมที่กำลังชี้โด่เด่แข็งปั๋ง สายทองเพิ่งเคยเห็นควย
ของผู้ชายเป็นครั้งแรก ก็รู้สึกกลัวเล็กๆ แต่ด้วยความรักที่มีต่อพลายแก้ว สายทองก็ค่อยๆ นั่งลงแล้วจับควยของพลายแก้วจ่อกับ
ปากร่องหีที่สั่นระริกของนาง สายทองค่อยๆ กดตูดลงช้าๆ ให้หัวควยอาคมของพลายแก้วค่อยๆ แหวกผ่านหลืบหีของนางอย่างช้าๆ

“อา ว์ ซี๊ดดดด์ น้องเณรขา พี่สายทองเสียวจังเลย น้องเณรช่วยพี่สายทองด้วยนะคะ อา ว์...”

สายทองร้องครวญครางพลางยกตูดขึ้นลง แต่ไม่กล้ากดลงไปด้วยความกลัวว่าควยอาคม จะทำให้นางเจ็บ
พลายแก้วเห็นอย่างนั้นแล้วก็เลยจับสะเอวของสายทอง แล้วรอจังหวะกดลงสวนกับสะโพกของพลายแก้วที่สวนขึ้นอย่างทันที
เสียงดัง พั่บ

“โอ้ย น้องเณรขา น้องเณรทำไมทำอย่างนี้กับพี่สายทองคะ พี่สายทองเจ็บนะคะ” สายทองออดอ้อนกับพลายแก้ว
แต่ด้วยฤทธิ์แห่งควยอาคม ทำให้ความเสียวให้แก่สายทองอย่างมากมาย หลั่งน้ำหีมาชโลมที่ควยอาคมจนเป็นมันเลื่อมไปหมด
สายทองโหย่งตัวขึ้นพลางสูดปากด้วยความเสียวซ่านที่ได้รับ พลางกระแทกตัวลงอย่างแรง พั่บ

“น้องเณรขา พี่สายทองเสร็จแล้วค่ะ โอ้ยย...”

สายทองร้องพลางล้มฟุบตัวไปบนตัวของพลายแก้ว ด้วยอิทธิ์ฤทธิ์แห่งควยอาคม ทำให้สายทองเสียวจนทนไม่ไหวจนถึงสุดยอด
ไปตั้งแต่การกระแทกเพียงครั้งเดียว

หลังจากนั้นพลายแก้วก็พลิกตัวของสายทองขึ้น แล้วจับตัวของสายทองให้ยืนขึ้น พลางให้สายทองยกมือขึ้นเกาะกับผนังห้องไว้
แล้วยกเก้าอี้ตัวเตี้ยเล็กมาให้สายทองยกเท้าเหยียบไว้ ท่านี้ทำให้ร่องกลีบชุ่มฉ่ำของสายทองปลิ้นออกมาด้านหลังเป็นพูมันเยิ้ม
เห็นได้ชัด

พลายแก้วก็มาประกบด้านหลังพลางยกควยอาคมขึ้นจ่อยังร่องหีของสายทอง แล้วค่อยๆ กดควยอาคมลงไป ร่องหีของสายทอง
นั้นเห็นได้ชัดว่าทำงานได้ดีเยี่ยม ยามควยของพลายแก้วกดลงนั้น กลีบแคมก็ถูกรูดจนหายเข้าไปกับลำควย แต่ยามที่ชักออกนั้น
กลีบหีก็ปลิ้นตามลำควยออกมา แถมภายในยังดูดตอดอย่างเยี่ยมยอด เมื่อโดนอย่างนี้พลายแก้วก็กระแทกอย่างแรงไม่คิดชีวิต
สองมือก็ไขว่คว้าสองเต้าอวบเต่งที่กระเพื่อมไปมาของสายทอง

ส่วนสายทองนั้นเมื่อพลายแก้วสอดลำควยกระแทกเข้ามาก็เสียวร่องหีอย่างที่สุด เมื่อโดนพลายแก้วกระแทกอย่างแรงก็ให้ถึง
กาลเสร็จสมไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

พลายแก้วนั้นโดนร่องหีของสายทองทั้งดูดทั้งตอด ก็ทนไม่ไหวกระแทกควยเข้าออกอย่างแรงแล้วฉีดน้ำควยร้อนผ่าวเข้าไป
ราดรดร่องหี ของสายทองจนชุ่มโชกจนไหลย้อนออกมาเปียกที่พื้นเต็มไปหมด แล้วพลายแก้วก็ถอนลำควยออกเสียงดัง ป๊อก
รูหีของสายทองอ้าโบ๋ เห็นน้ำเสียวไหลออกมาช้าๆ

สายทอง ตัวสั่นแล้วทรุดนั่งลงอย่างหมดแรง ด้วยก่อนที่พลายแก้วจะเสร็จนั้น นางเสร็จไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งด้วยอิทธิฤทธิ์
แห่งควยอาคมของพลายแก้ว สายทองมองเห็นควยที่ค่อยๆ อ่อนตัวของพลายแก้วแล้วจูบอย่างรักใคร่ พลางใช้ปากดูดอม
เพื่อทำความสะอาด

ทำให้พลายแก้วที่ไม่เคยเจอลีลาของสายทองมาก่อน ถึงกับควยแข็งโด่ขึ้นมาอีกครั้ง สายทองนั้นเมื่อเห็นควยของพลายแก้ว
แข็งได้ทันใจ ก็ยิ้มอย่างพอใจ พลางดูดดุนถี่ๆ พร้อมกับขยอกกลืนควยเข้าไปจนลึกถึงคอ ทำให้พลายแก้วเสียวมากๆ

สายทองเมื่อเห็นว่าพลายแก้วนั้นได้ที่แล้ว ก็ก้มลงคลานสี่เท้า พลางชม้ายตาเชิญชวนให้พลายแก้ว เข้าทางข้างหลัง
พลายแก้วนั้นเมื่อเห็นสายทองทำท่าทางอย่างนี้ ก็เข้าใจได้ทันที รีบคุกเข่าแล้วจ่อควยอาคมเข้ามายังร่องหีของสายทองทันที

“น้องเณรขา เบาๆ ก่อนนะคะ ซี๊ดดดส์ พี่สายทองเสียวจังเลย ควยของน้องเณรแหวกหีของพี่สายทองเข้าไปลึกจังเลย อาวววว์
แรงๆ ค่ะน้องเณร แรงๆ อึ้ยยย์ โฮ้ โฮ้ พี่สายทองจะเสร็จแล้ว โฮ้ โฮ้ แรงๆ อีก ไม่ต้องกลัวหีของพี่สายทองจะพังนะคะ แรงอีก
แรงอีก” สายทองร้องครางออกมาดังๆ พลางส่ายตูดขึ้นรับการกระแทกของพลายแก้วอย่างไม่กลัวหีพัง

จนกระทั่ง เสียงหมาหอนดังวิเวกมาแต่ไกล พลายแก้วก็ลุกขึ้นจากการกกกอดสายทอง พลางร่ายมนต์สะกดให้สายทองหลับใหล
ไปในห้วงนิทรารมย์อันสุขสันต์

พลายแก้วออกเดินทางจากเรือนของนางศรีประจัน มุ่งหน้าไปยังป่าช้าของวัดแค ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือว่าผีดุ เมื่อเดินเข้ามาถึง
ยังเขตของป่าช้า จู่ๆ ก็ปรากฏลมพัดแรง มีเสียงร้องของคนดังมาไกล เหมือนกับเสียงคนได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
แล้วลมที่พัดกรรโชกอยู่ก็หยุดสนิท ทุกเสียงก็เงียบสนิท พลายแก้วก็นั่งลงพลางบริกรรมคาถา แล้วหยิบเอาควายธนูออกมา
พลางปลุกเสกจนกระทั่งความธนูนั้นร้องเสียงดังวี๊ด แล้ววิ่งหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว

ฉับพลันนั้นเองเหมือนกับป่าช้า นั้นจะแตกทะลักออก มีเสียงต่อสู้ดังครืนครั่น พลางลมพัดกรรโชกแรง มีเสียงร้องคำรามของ
ควายธนูดังมา ตามด้วยเสียงของผู้ชายร้องห้าวๆ ดังแว่วมาจากส่วนลึกของป่าช้าแห่งนั้น ตุ้บ ควายธนูของพลายแก้วนั้นถูก
หักคอจนเป็นสองเสี่ยงตกอยู่ตรงหน้าของพลายแก้ว เมื่อพลายแก้วเห็นดังนั้นแล้ว ก็ลุกขึ้นยืนพลางบริกรรมคาถา แล้วใช้นิ้วเท้า
จิกธรณี ตาเบิกโพลง พลางตวาดว่า “ปิด”

ฉับพลันนั้น ต้นไม้ทุกต้นที่กำลังสั่นไหวตามลมกรรโชกแรงก็หยุดนิ่งสนิททันที พลายแก้วก็เดินเข้าไปในส่วนลึกของป่าช้าอย่าง
ไม่พรั่นทันที

เมื่อมาถึง ยังใจกลางป่าช้า ข้างหน้าของพลายแก้วนั้นเป็นจอมปลวกใหญ่ พลายแก้วก็ล้วงเอาด้ายสายสิญจน์ออกมาพลางยก
ขึ้นคล้องไปกับจอมปลวกแห่งนั้น ฉับพลันก็มีเสียงหัวเราะบ้าคลั่งดังมาจากทุกทิศทาง สายสิญจน์ที่พลายแก้วคล้องเอาไว้ที่
จอมปลวกขาดสะบั้นออกเหมือนดั่งถูกคน กระชากออกทิ้ง พลายแก้วก็ยกมือขึ้นบริกรรมพระคาถาแล้วใช้นิ้วเท้าจิกธรณี พลาง
จ้องตาเขม็งไปยังจอมปลวก แล้วร้องตะโกนว่า “เปิด”

ทันใดนั้นจอมปลวกก็สั่นไหวแล้วแตกร้าวออก มีร่างใหญ่ยักษ์ดำทะมึน สูงยิ่งกว่ายอดตาด เผยออกมา

“แกเป็นใคร ต้องการอะไร กล้ามารบกวนข้า ต้องการตายรึ” เสียงดังหวีดหวิวเหมือนดังมาจากนรกร้องถามขึ้น
“ข้าต้องการจะได้เอ็งมาเป็นสมุน เอ็งเป็นนายป่าช้ามีฤทธิ์ดี ข้าชอบ เอ็งว่าไง” พลายแก้วร้องถามนายป่าช้าอย่างไม่พรั่น
“ฮ่ะ ฮ่า ข้าก็เพิ่งเคยเจอมนุษย์ที่ปากกล้าอย่างเอ็ง เอาเถอะถ้าเอ็งชนะข้าได้ ข้าก็จะยอมเป็นสมุนของเอ็งก็ได้”
อสุรกายตอบพลางโน้มตัวลงมา กลิ่นเหม็นเน่าตลบอบอวนในอากาศ

พลายแก้วได้ฟังดังนั้นก็พยักหน้าเป็นเชิง ตกลง ฉับพลันนั้นภาพที่เบื้องหน้าก็เปลี่ยนไป จู่ๆ ก็มีภาพของนรกขึ้นที่เบื้องหน้า
มีเพลิงเผาไหม้อยู่ตลอดเวลาน่าขนลุก สุดท้ายมีลูกหินขนาดใหญ่ติดไฟแดงฉาน กำลังตกลงมาใส่พลายแก้ว พลายแก้วก็
บริกรรมคาถา จิกนิ้วหัวแม่เท้าจิกธรณี เบิกตากว้างพลางตะโกน “ปิด”

ฉับพลันภาพลวงตาทั้งหลายก็หายวับไปเหลือแต่อสุรกายนายป่าช้ายืนนิ่งตาลุกโพลงอยู่ด้านหน้า พลายแก้วก็กล่าวว่า

“ทีนี้ถึงตาของข้าบางละนะ”

แล้ว พลายแก้วก็หลับตาอยู่ครู่ใหญ่ เมื่อลืมตาขึ้นก็มองเห็นประกายตาของพลายแก้วนั้นกลายเป็นสีน้ำเงินอย่างน่า ประหลาด

ฉับพลันนั้นเอง ก็เกิดเพลิงสีน้ำเงินลุกขึ้นท่วมกายของเจ้าอสุรกายนายป่าช้า สร้างความเจ็บปวดรวดร้าวแก่เจ้าอสุรกายอย่างมาก
ร้องครวญคราง พลางล้มลงดิ้นเถือกไถอย่างน่าสงสาร ปากก็ร้อง

“นายท่าน เมตตาข้าด้วย โปรดดับเพลิงให้ข้าด้วยเถิด ทรมานเหลือเกินแล้ว โอ้ย”

พลายแก้วได้ฟังคำร้องขอของอสุรกายก็ดับเพลิงไฟธาตุที่เกิดจากฤทธาแห่งเตโชกสิณ พลางบริกรรมคาถาแล้วเป่าไปยังตัว
อสุรกาย ฉับพลันเพลิงไฟที่ลุกไหม้อยู่ตามตัวของอสุรกายนั้นก็ดับ รอยไหม้ที่เกิดขึ้นก็หายไปด้วย อสุรกายนั้นคลานเข้ามาหา
ยังพลายแก้ว แล้วก้มลงกราบยอมตัวเป็นข้ารับใช้ พลายแก้วก็ล้วงมือเข้าไปในย่าม หยิบเอาผ้าแดงออกมาผูกที่หัวของอสุรกาย
แล้วตั้งชื่อว่า “โหงพราย”

เมื่อผูกผ้าแดงแล้วเสร็จพลายแก้วก็ขึ้นนั่งขี่คอของโหงพราย แล้วบงการให้บินไปยังเมืองกาญจนบุรีทันที โหงพรายรับคำสั่งแล้ว
บินสู่อากาศมุ่งหน้าไปยังเมืองกาญจนบุรีอย่างรวดเร็ว ปานลมพัด

ที่เมืองกาญจนบุรี เวลาใกล้จะรุ่งเช้าแล้ว พลายแก้วขี่คอโหงพรายลงมายังแถบเขาชนไก่อันเป็นที่อยู่ของนางทองประศรี
ผู้เป็นมารดา เมื่อลงจากคอของโหงพรายแล้ว พลายแก้วก็บอกให้โหงพรายนั้นเข้ามาอยู่ในตัวตุ๊กตาลงอาคมเล็กที่อยู่ในย่าม
เพื่อพกติดตัวไปด้วย โหงพรายรับทราบคำสั่งแล้วย่อกายจนเห็นเป็นจุดเรืองแสงเล็กเข้าไปอยู่ที่ภายในตุ๊กตาอาคมนั้นทันที

ณ เรือนของนางทองประศรี เช้านี้ หลังจากที่นางทองประศรีทำบุญใส่บาตรพระแล้ว ก็นั่งสวดมนต์ที่ห้องพระเหมือนตามปกติ
แต่ในใจนั้นก็รู้สึกว่า วันนี้คงจะมีอะไรดี เพราะจิตใจนั้นรู้สึกยินดีตั้งแต่เช้าโดยไม่ทราบสาเหตุ จวบจนมีหนุ่มน้อยคนหนึ่งเดินขึ้น
มายังเรือนของนาง นางก็จ้องดูด้วยความประหลาดใจ แล้วความยินดีก็เกิดแก่นางเป็นล้นพ้น เมื่อจำได้ว่าหนุ่มน้อยรูปงามนั้นคือ
พ่อพลายแก้ว บุตรชายที่นางรักยิ่งกว่าแก้วตาดวงใจนั่นเอง

พลายแก้วนั้นเมื่อเห็นมารดาก็รีบก้มคลานลงมากราบแทบเท้าของมารดา ยังความปลาบปลื้มให้แก่นางทองประศรีจนน้ำตา
หลั่งไหลออกมาไม่หยุด จนลูกชายเงยหน้าขึ้นมา นางจึงจ้องหน้าของลูกชายนั้น ประพิมประพายคล้ายดั่งกับบิดาของเขา
ขุนไกรพลพ่าย แทบไม่ผิดเพี้ยน นางดีใจ รั้งเอาตัวของพลายแก้วเข้ามากอดไว้แน่น พลางสะอื้นไห้อย่างหยุดไม่อยู่

ข้างพลายแก้วนั้นน้ำตานองหน้าอยู่แล้ว เมื่อได้ยินสียงร้องไห้ของแม่ ก็พากันร้องไห้ไปด้วยกัน เมื่อเวลาผ่านไปได้พักใหญ่
พลายแก้วก็เงยหน้าขึ้นมา แล้วบอกกับแม่ว่า

“แม่จ๋า ลูกคิดถึงแม่เหลือเกิน วันนี้เป็นวันดีที่ลูกได้กลับมาหาแม่แล้วจ๊ะ”
“ลูกแม่ เจ้ากลับมาไม่บอกกล่าว แม่ไม่ได้เตรียมตัวรับขวัญเจ้าเลย แต่ไม่เป็นไรดอกลูก ยังไงเสียแม่ก็ต้องชื่นชมเจ้าให้หาย
คิดถึงก่อน” นางทองประศรีกล่าวยิ้มๆ ทั้งน้ำตา
“คือยังงี้แม่จ๋า ลูกกลับมาตอนนี้ ก็มีเรื่องมาเรียนแม่สองเรื่องด้วยกันจ๊ะ เรื่องแรก ลูกเรียนสำเร็จวิชาคาถาอาคมทั้งหลายแล้ว
สำหรับเรื่องที่สองนั้น คือ เอ่อ ลูกมีสาวที่รักแล้วจ๊ะ ลูกอยากจะขอให้แม่ช่วยไปสู่ขอให้ลูกหน่อยได้ไหมจ๊ะ” พลายแก้วกล่าว
พลางทำท่าเขินอาย

นางทองประศรีเห็นบุตรชายทำท่าเขินอายก็รู้สึกเอ็นดูแกมหมั่นไส้ อยากจะซัดให้ซักเพียะ แต่ก็แกล้งถามเล่นๆว่า

“แล้วหนูมาบอกแม่ทำไมล่ะ ก็สู่ขอไปเลยซิ ชอบกันไม่เห็นบอกแม่ แต่พอจะขอรีบให้แม่ไปขอให้ ยังงี้แม่ไม่ทำให้หรอก”
พลายแก้วตกใจ ด้วยคิดว่าตนทำให้มารดาโกรธ รีบก้มลงกราบแทบเท้า แล้วกล่าวละล่ำละลัก
“ไม่ใช่นะครับ ไม่ใช่ครับ ลูกไม่เคยคิดจะทำอย่างนั้นกับแม่นะครับ ขอแม่อย่าได้เข้าใจลูกผิด ลูกยังรักและเคารพแม่เหมือนเดิม

เพียงแต่ตอนที่รักชอบกันนั้นลูกอยู่ไกลจากแม่มาก จะส่งจดหมายบอกข่าวอะไรก็ยาก อีกทั้งตัวของลูกนั้นก็อยู่ในสมณะเพศ
ไม่อาจที่จะเดินทางไปไหนได้สะดวก กอร์ปกับตอนนี้ ลูกมีคู่แข่ง กำลังจะมาสู่ขอสาวคนที่ลูกจะให้แม่ไปขอ ด้วยลูกร้อนใจมาก
เมื่อลาสิกขาบทแล้ว ก็รีบมาหาแม่เพื่อให้ไม่ช่วยไปสู่ขอน่ะครับ”

นางทองประศรีเห็นลูกชายกลัวจนหน้าแตกตื่นขนาดนั้นก็รู้สึกขำในใจ แต่จะให้รู้ไม่ได้ไม่งั้นเดี๋ยวต่อไปจะไม่เชื่อฟังแม่อีก
แต่ด้วยความรักสงสารลูก เอาเถอะ เล่นแค่นี้พอก็แล้วกัน

“ว่าแต่ลูกรักชอบใครอยู่เหรอจ๊ะ”
“น้อง พิมพิลาไลยน่ะครับ ลูกสาวของคุณน้าพันศรโยธา และคุณน้าศรีประจันไงครับ ที่เคยเล่นกับลูกเมื่อตอนเด็กๆ ส่วนเจ้า
คู่แข่งคนที่จะมาสู่ขอแข่งกับเราก็คือ ขุนช้าง ลูกของคุณน้าขุนศรีวิชัย และคุณน้าเทพทองน่ะครับ” พลายแก้วเรียนมารดาอย่างนอบน้อม
“อืม นึกว่าใคร ที่แท้ก็คนกันเองแท้ๆ เอายังงี้ ลูกพลายแก้วรีบเดินทางกลับไปติดต่อกับน้าศรีประจันก่อน แล้วแม่จะยกขบวนตาม
ไปสู่ขอทีหลัง” นางทองประศรีกล่าวพลางลุกขึ้นตะโกนเรียกบ่าวไพร่ให้เตรียมตัวยกขบวนเดินทางไปยังเมืองสุพรรณบุรีโดยทันที

ข้างฝ่ายพลายแก้วนั้นร้อนใจเป็นยิ่งนัก เมื่อออกจากเรือนของมารดาแล้ว ก็เรียกโหงพรายออกมาทันที แล้วขี่คอโหงพรายกลับมา
ยังเมืองสุพรรณบุรี โดยแวะมาลงยังที่บ้านของขุนช้างก่อนเป็นอันดับแรก เมื่อมาถึงยังบ้านของขุนช้างแล้ว พลายแก้วก็หลบมา
อยู่ยังที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ลับตาคน พลางบริกรรมพระคาถา บัดดลลมพัดหวีดหวิว มีสายฟ้าคะนองดังมาแต่ไกล เรือนของขุนช้าง
ทั้งเรือนกลับหายวับไปจากสายตาทันที พลายแก้วยิ้มอย่างพอใจแล้วออกเดินมุ่งหน้าไปยังเรือนของนางศรีประจันต่อไป

ณ เรือนของนางศรีประจันนั้น ขณะที่นางศรีประจันกำลังนั่งบงการบ่าวไพร่ให้เตรียมตัวขัดบ้านขัดช่อง เพื่อเตรียมงานสำหรับ
วันมงคลของลูกสาวนางนั้น บ่าวก็มารายงานว่า พลายแก้วมาขอพบ ศรีประจันก็ขมวดคิ้ว พลางคิดในใจอยู่นาน พลายแก้ว
ชื่อคุ้นๆ แต่นึกไม่ออกใครน้า อ้อ ใช่แล้วบุตรชายของขุนไกรกับพี่ทองประศรีนั่นไง แล้วก็บอกให้บ่าวไปเชิญมา ตนเองนั้นก็นั่ง
วางท่าอยู่บนตั่งเตียงทำเชิดหน้ารอพลายแก้วมาพบ

ข้างพลายแก้วนั้น เมื่อบ่าวมาเชิญท่าทางหยิ่งจองหองก็รู้สึกไม่พอใจ เมื่อเดินขึ้นเรือนก็ยิ่งไม่พอใจขึ้นใหญ่ เพราะเห็นนางศรี
ประจันนั่งเชิดหน้าทำท่าจองหอง ด้วยคิดว่าตนเองกับมารดานั้น ปราศจากยศศักดิ์ใดๆ แถมยิ่งไม่มีสมบัติพัสถานใดๆ อีกด้วย
พลายแก้วเดินเข้ามาใกล้แล้วยกมือไหว้

“สวัสดีครับคุณน้าศรีประจัน กระผมพลายแก้ว บุตรของพ่อขุนไกร กับแม่ทองประศรีไงครับ”
“ย่ะ กองไว้ตรงนั้นแหละ มีธุระอะไร รีบๆ คุยซะ เพราะฉันยังมีงานต้องเตรียมอีกมาก” นางศรีประจันกล่าวไม่มองหน้า
พลางทำคิ้วย่นเมื่อเห็นพลายแก้วนั่งลงกับพื้น

ข้างพลายแก้วนั้น เห็นท่าทีอย่างนี้ก็ยิ้มในหน้า พลางบริกรรมคาถาเมตตามหานิยมในใจ พลางยกมือขึ้นหยิบพานหมากพลู
แล้วแอบเป่าคาถาลงในหมากพลูแล้วยกขึ้น ส่งให้แก่นางศรีประจันได้เคี้ยว นางศรีประจันเห็นดังนั้นก็พอใจยกมือขึ้นหยิบ
หมากพลูมาใส่ปากเคี้ยวทันที พอหมากเข้าปาก ท่าทีของนางศรีประจันก็เปลี่ยนไป เริ่มลดท่าทีหยิ่งจองหอง ยิ้มให้กับพลายแก้ว
พลางกวักมือให้เข้ามาใกล้ๆ แล้วยกมือขึ้นลูบหัวลูบหลังด้วยรู้สึกรักขึ้นมาจับใจ

“เออ เป็นไงลูก ตั้งแต่เสียพ่อของเจ้าไป เจ้ากับแม่เจ้าลำบากมากหรือเปล่าลูก แล้วหนูมีอะไรให้คุณน้าช่วยไหม ว่ามาได้เลยนะลูก
คุณน้ายินดีช่วยหนูเต็มที่เลย”

พลายแก้วได้ฟังดังนั้นก็อมยิ้ม ด้วยพระคาถาเมตตามหานิยมนั้นช่างขลังเสียจริง พลางทำหน้าเศร้ากล่าวว่า
“คือ ยังงี้ครับคุณน้า ผมกับพิมพิลาไลยนั้นรักชอบพอกัน เพียงแต่ขุนช้างเขาก็แอบชอบน้องพิมข้างเดียว พยายามมาสู่ขอน้อง
พิมกับคุณน้า ยังงี้ก็ทำร้ายน้ำใจของผมกับน้องพิมมากแล้ว ถ้าคุณน้ายกน้องพิมให้กับขุนช้างอีก เห็นทีผมต้องอกแตกตายแน่
เลยครับ”

นางศรีประจันนั้นด้วยต้องมนตรามหาเมตตา ก็รู้สึกสงสารและเกลียดหน้าเจ้าขุนช้างขึ้นมาโดยพลัน พลางกล่าวว่า
“อือ จริงๆ คุณน้าก็ไม่ชอบไอ้หัวล้านกบาลใสนั่นหรอก แต่คุณน้าเกรงใจน้องเทพทองน่ะ เขาเป็นเพื่อนกับคุณน้ามานาน
น้าก็เลยยังไม่รับปากหรอก แต่ขุนช้างก็ตื้อไม่เลิก น้าก็เลยให้เขารอไปก่อน รอให้น้าถามน้องพิมว่าไง แล้วค่อยติดต่อไป
แต่ก็แปลกนะ อยู่ๆ น้องพิมไม่สบาย พูดไม่ได้มาหลายวันแล้ว ให้หมอมาดู หมอก็บอกไม่ได้ว่าไม่สบายเป็นอะไร คุณน้าก็เลย
รอดูอยู่ว่าเมื่อไหร่น้องพิมจะหาย”

พลายแก้วนั้นซ่อนยิ้มอยู่ในหน้า พลางทำท่าเป็นห่วงแล้วบอกกับนางศรีประจันว่า
“น้องพิมไม่สบายหรือครับ คุณน้าพอจะอนุญาตให้กระผมได้ไปตรวจรักษาได้หรือเปล่าครับ เพราะกระผมก็เรียนมาบ้าง
เหมือนกันเรื่องตรวจรักษาเนี่ย”
“เอา ลองดูซิ สายทอง สายทองเอ้ย มาพาพ่อพลายแก้วไปดูอาการน้องพิมซิลูก” นางศรีประจันก็ร้องตะโกนเรียกสายทอง
ให้เข้ามา

“พ่อ พลายแก้ว นี่สายทองหลานของน้าเอง รู้จักกันไว้ซะ นี่พลายแก้วเป็นลูกของเพื่อนน้าเอง เขาจะมาดูอาการไม่สบายของ
น้องพิมนะ เอ็งช่วยพาเขาไปหน่อย” นางศรีประจันปล่อยไก่ไม่รู้ว่าสองคนนี่เขารู้จักกัน แถมเย็ดกันเสร็จจนน้ำแห้งไปเรียบร้อยแล้ว
พลายแก้วก็ยกมือไหว้ขอบพระคุณนางศรีประจันแล้วลุกขึ้นเดินตามสายทอง ไปเยี่ยมพิมพิลาไลยที่ห้องทันที


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น