วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2559

สัมผัส สวาท 1



ดิฉันอายุ 32 ปีค่ะ ทำงานด้านการเงินในหน่วยงานพัฒนาชนบทของจังหวัดเล็กๆ ทางภาคเหนือ แต่งงานแล้ว มีลูกสาวอายุ 4 ขวบ 1 คน กำลังน่ารักเชียว
สามีดิฉันเป็นครู เขาสอนหนังสืออยู่ต่างอำเภอ ซึ่งไม่ไกลจากตัวจังหวัดนัก ฐานะการเงินก็พอกินพอใช้ไม่ลำบากนัก โชคดีที่มีบ้านของแม่ให้อยู่ฟรี แถมรับเลี้ยงหลานให้ด้วย ชีวิตก็ดำเนินมาเรื่อยๆค่ะ
มาระยะหลังนี่เริ่มมีปัญหาจากสามีค่ะ เขาเล่นพนันบอลแล้วเสียตลอด ต้องมาเอาเงินจากดิฉัน แถมยังติดหนี้เจ้ามือจนโดนขู่ ดิฉันต้องกู้เงินญาติเอาไปจ่ายให้ เขาก็ไม่เข็ดยังเล่นต่อโดยหมุนเงินจากโรงเรียนไปเล่นจนเกิดปัญหา เลยโดนบัตรสนเท่ห์ร้องเรียน
เขาโดนตั้งกรรมการสอบต้องหาเงินใช้คืน ภาระต้องตกอยู่กับดิฉันที่ต้องหากู้เงินมาคืน ตัวเขาก็เอาแต่กินเหล้าดับทุกข์ ดิฉันต้องหวานอมขมกลืน เจียดเงินเดือนให้เขาส่วนหนึ่งควบคู่กับผ่อนเงินที่กู้มา
ที่ทำงานดิฉันก็รู้กันหมด แต่ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร แล้วก็เหมือนชะตาเล่นตลก ดิฉันได้รับความช่วยเหลือจากผู้ที่ดิฉันคาดไม่ถึง เขาคนนั้นเป็นเพื่อนกับหัวหน้าของดิฉัน
เขาอายุราว 40 เศษๆ เป็นวิศวกรที่ขึ้นมาคุมงานจากกรุงเทพฯ บริษัทของเขาประมูลงานในหน่วยงานของดิฉันได้และส่งเขามาเป็น Project Manager และต้องมาติดต่องานกับหน่วยงานของดิฉันบ่อยๆ ยิ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับหัวหน้าด้วย ก็เลยเข้านอกออกในได้สบาย หัวหน้าเรียกเขาว่าไอ้ชัย ส่วนดิฉันเรียกเขาว่าคุณชัยค่ะ
คุณชัยกินเหล้ากับหัวหน้าบ่อยๆ หลังเลิกงาน บางทีดิฉันกับพี่ ๆ ในแผนกก็ไปร่วมโต๊ะด้วย เขาเป็นคนน่ารัก นิสัยดี มีครอบครัวอยู่กรุงเทพฯ แต่เวลามาทำงานที่นี่ก็เหมือนคนโสด
หัวหน้าคงพูดถึงเรื่องราวของดิฉันให้เขาฟังบ้าง พักหลังเขาก็มักจะให้เงินดิฉันบ้างเล็กๆ น้อยๆ เวลาเข้ามารับเงินตามงวดงาน บอกว่าเป็นสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวก ทั้งที่จริงแล้วดิฉันก็ทำตามหน้าที่แถมยังเป็นเพื่อนของหัวหน้าอีก ตอนหลังดิฉันก็เลยชวนเขาไปทานข้าวบ้างเป็นการตอบแทน ก็ยิ่งได้คุยสนิทกันมากขึ้นจนกล้าเล่าปัญหาส่วนตัวของดิฉันให้เขาฟัง เขาก็ช่วยเหลือดิฉันมากขึ้น จนดิฉันลดหนี้ได้บางส่วนและสบายใจขึ้น
แล้วเหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นในวันหนึ่งตอนสิ้นเดือนซึ่งทั้งค่างวดงานถูกเบิกจ่ายและเงินเดือนออก คุณชัยและหัวหน้าพาดิฉันและพี่ ๆ ในแผนกไปเลี้ยง
วันนั้นพวกเราสนุกมาก คุณชัยยกลังไวน์จากกรุงเทพฯ มาเปิด ดิฉันดื่มไปพอควร ไวน์อร่อยมากไม่ถึงกับเมาแต่ก็มึนๆ พวกเราทานจนเกือบสี่ทุ่ม หัวหน้าก็ขอตัวกลับก่อนเพราะต้องเข้ากรุงเทพฯแต่เช้า พี่ๆก็ทยอยกันกลับ เหลือดิฉันกับคุณชัยที่อาสาพาดิฉันไปส่ง
ระหว่างทางเขาถามดิฉันว่าอยากฟังเพลงต่อไหม ความมึนผนวกกับอารมณ์สนุกก็เลยตอบตกลง ดิฉันโทรศัพท์บอกที่บ้านว่าติดงานเลี้ยงกลับดึก เขาเลยพาดิฉันไปนั่งฟังเพลงที่คอฟฟี่ช็อปชั้นล่างของโรงแรมที่เขาพัก
เรานั่งติดกันบนโซฟาในมุมหนึ่งของร้าน เพลงสบาย ๆ คุณชัยสั่งไวน์อีกยี่ห้อหนึ่งมาให้ดิฉันลอง อร่อยอีกเหมือนกัน ก็เลยคุยและถูกเนื้อต้องตัวกันอย่างเป็นกันเอง
ความจริงต้องสารภาพว่าดิฉันแอบชอบเขาอยู่ลึกๆ ทั้งยังรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณที่เขาให้หยิบยืมเงินมาใช้หนี้ และถูกอัธยาศัย ดิฉันก็เลยจงใจนั่งเบียดติดกับเขาและปล่อยให้เขาจับมือถือแขน โอบเอว ปล่อยอารมณ์เต็มที่
ดนตรีเปลี่ยนมาเป็นเพลงจังหวะสโลว์ ไฟหรี่จนสลัว เขาชวนดิฉันออกไปเต้นในจังหวะช้าๆ โอบดิฉันเคลื่อนไปอย่างแผ่วเบาตามจังหวะของดนตรี ร่างของดิฉันแนบสนิทกับเขา รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ปล่อยให้เขาโอบร่างดิฉันกระชับแน่น ลมหายใจอุ่นๆ รดต้นคอดิฉัน หน้าอกและหน้าท้องดิฉันเบียดกับเขา รู้สึกได้ถึงลำความแข็งที่เสียดสีอย่างแผ่วเบาแถวหน้าขา ดิฉันขนลุกซู่เมื่อเขาเลื่อนมือมาโอบสะโพกแล้วกดให้เนินสวาทของดิฉันแนบเข้าหาลำความแข็งหว่างหน้าขาของเขา
ดิฉันไม่ได้ขัดขืน ความรู้สึกตอนนั้นเพลิดเพลิน ไปกับการกระทำของเขา ทำให้เขาได้ใจหอมแก้มดิฉันอย่างแผ่วเบา แล้วลูบมือมาที่แก้มก้นกดแนบหาตัวเขาแน่น โดยที่ไม่รู้ตัวดิฉันก็ส่ายเอวช้าๆ บดเนินสวาทของดิฉันเข้าเสียดสีกับท่อนลำแกร่งอย่างต่อเนื่อง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น