วันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2566

[Side Story] เรื่องเล่าของนายโจ้ยอดชาย : พี่เป้ #4

 

 
 

“ว้ายยย!” พี่เป้รีบคายท่อนเนื้อของผมออกจากปากทันที กรีดร้องเสียงดังด้วยความตกใจ เมื่อน่องขาอวบๆ ของเธอ ถูกมือหยาบๆ ของไอ้แมนจับมันแบะอ้าออก พร้อมกับจรดท่อนควยซึ่งสวมถุงยางเอาไว้เรียบร้อยแล้ว กดจ่อไปที่ปากร่องอันเปียกเยิ้มของเธอ แน่นอนว่าไอ้เจ้าท่อนเนื้อแข็งอวบด้านล่างที่กำลังจดๆ จ้องๆ จ่อหีของเธออยู่นั้น มันย่อมไม่ใช่ท่อนควยของผมที่กำลังกระตุกชี้หน้าของเธออยู่แน่ๆ
“โจ้! ปล่อยพี่!” พี่เป้ร้องเสียงสั่นด้วยความตกใจ ออกแรงดิ้นขัดขืนเต็มที่เพื่อหาทางหนี ผมเห็นดังนั้นจึงค่อยๆ สไลด์ตัวลงไปนั่งทับหน้าขาเธอไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้ พร้อมกับใช้สองมือขยำขยี้เต้านม ก้มลงใช้ปากดูดเลียไปด้วย เพื่อช่วยปลุกอารมณ์เธออีกทาง พี่เป้ที่กำลังตัวอ่อนเงี่ยนง่านเพราะฤทธิ์ของยาปลุก จึงไม่สามารถที่จะดิ้นรนหันหนีไปไหนได้อีก กลีบแคมด้านล่างของเธอดูจะเผยออ้าออกนิดๆ เนื่องจากพึ่งโดนท่อนควยของผมทะลวงเข้าไปสุดลำเมื่อครู่นี้เอง ปากทางของมันชุ่มโชกไปด้วยคราบน้ำเงี่ยนที่ไหลซึมออกมาไม่ขาดสาย คล้ายกับว่ากำลังเชิญชวนให้ไอ้แมนกดสอดท่อนควยเข้าไปสำรวจด้านในด้วยความเต็มใจ

“ฮือออ.....ออออ.... โจ้ไม่เอาาาา...... ไม่เอานะะ.... ” เสียงเธอร้องห้ามอย่างอ่อนแรงหมดทางสู้ พี่เป้ตอนนี้คงกำลังตื่นตระหนก... ตื่นตัว... และตื่นเต้นสุดๆ ที่กำลังจะถูกท่อนควยแปลกหน้า ยัดเยียดความเป็นผัวให้เธอเป็นรายที่สาม
“โจ้ ปล่อ.....ย...ยยยย โอ๊ยยยยยย....” พี่เป้พยายามจะร้องห้ามได้ไม่ทันจบประโยค ท่อนควยของไอ้แมนก็มุดทิ่มเข้าไปแช่อยู่ในหีเธอเกือบครึ่งลำแล้ว ด้วยความที่ขนาดอาวุธของไอ้แมนเพื่อนซี้ผมนั้น มันทั้งใหญ่ทั้งยาว ตามแบบฉบับของหนุ่มใต้เชื้อแขก ร่องหีของพี่เป้ตอนนี้จึงบานอ้าออกมาในแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน และคิดว่าพี่บอยเองก็คงจะไม่เคยได้เห็นเช่นกัน กลีบแคมสองข้างปลิ้นเข้าปลิ้นออกอย่างน่าดูชม รูรักด้านในกำลังพยายามขยายตัวอย่างสุดความสามารถ เพื่อรองรับท่อนเนื้อบานอวบอ้วนซึ่งกินพื้นที่เกินกว่าที่ผนังด้านในจะทานรับไหว ผมเห็นพี่เป้ทำสีหน้าเจ็บปวดทรมานไม่น้อย จึงรีบก้มลงไปประกบดูดปากเธอเพื่อช่วยกระตุ้นอารมณ์ โดยหวังว่าความเปียกชื้นภายใน จะช่วยหล่อลื่นและทุเลาความเจ็บปวดที่กำลังคับตึงแน่นอยู่กลางรูหีเธอ

ไอ้แมนค่อยๆ บดอัดท่อนควยของมันจนเข้าไปเกือบมิดลำ มันค่อยๆ ถอนควยออกช้าๆ เพื่อปรับจังหวะการเย็ดเธอให้ต่อเนื่อง จังหวะที่ไอ้แมนออกแรงเย็ด ผมก็เค้นคลึงดูดเลียเต้านมของพี่เป้ไปด้วย เราช่วยกันปลุกเร้าอารมณ์พี่เป้ด้วยลีลาที่สอดประสานและเข้าขากันเป็นอย่างดี เนื่องจากเคยออกรอบร่วมกันมาหลายครั้งแล้ว พี่เป้เองพอโดนรุมเข้าอย่างนี้ ความเงี่ยนในจิตใจก็เริ่มจะเอาชนะความอายได้ในที่สุด

“ซี้ดดดส์ หีพี่เค้า... โคตรแน่นเลยว่ะ” เสียงไอ้แมนสูดปากอย่างชอบใจ คำพูดของมันดึงความสนใจผมจนต้องหันกลับไปมองตามที่มา สภาพหีของพี่เป้ตอนนี้ กลีบแคมบานยับยู่ยี่ ปลิ้นล้นออกมาด้านข้างอย่างดูไม่จืด ปากทางของเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำเงี่ยนสีขาวอยู่เต็มร่อง บ่งบอกว่าตอนนี้พี่เป้เองก็กำลังเงี่ยนสุดๆ ไม่แพ้เราสองคน
“มันควยมั้ยล่ะมึง?” ผมถามมันอย่างหมั่นไส้
“เออดิ หีตอดควยกูยิบๆ เลยเนี่ย ไม่คิดว่าพี่เค้าจะเงี่ยนได้ขนาดนี้” ไอ้แมนเอ่ยปากชม โดยไม่ได้รับรู้เลยว่าพี่เป้เธอกำลังเงี่ยนจัด เพราะฤทธิ์ของยาปลุกที่ผมผสมให้เธอดื่มก่อนหน้านี้ต่างหาก

“พี่เป้ร้องออกมาสิครับ อย่าไปฝืนให้ทรมานเลย... นะๆ ผมอยากฟังเสียงพี่” ผมกระซิบออดอ้อนเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ เมื่อเห็นว่าพี่เป้กำลังพยายามหลับตา ข่มกลั้นเสียงครางของตัวเองเอาไว้อย่างยากลำบาก
“ฮืออออ.......  อึ๊... อื๊มมมม.. อ๊ะ... อาา..... อา อ๋าาาา!!” แม้ว่าเธอจะพยายามกลั้นเสียงครางเอาไว้อย่างเต็มที่ แต่พอเจอรุมบี้ไปเรื่อยๆ แบบนี้ สุดท้ายก็ต้องยอมปลดปล่อยอารมณ์ความร่านในใจออกมาอยู่ดี จากเสียงครางเบาๆ ในตอนแรกก็ค่อยๆ ทวีความรุนแรงกลายเป็นเสียงหวีดร้องแบบเต็มเสียงอย่างไม่อายใคร จังหวะที่ไอ้แมนกระแทกหีเธอแรงๆ พี่เป้ก็จะแหกปากร้องครางเสียงดังสนั่นเป็นการตอบโต้ จนแทบจะได้ยินไปถึงห้องข้างๆ อยู่แล้ว

“อ่ะ... โอ๊ยย....! ซี้ดดดดส์ อย่ากระแทก.... แบบนั้น.... อ๊ะ อาาาห์...” พี่เป้ร้องครางอย่างทุรนทุราย จังหวะการกระเด้าของไอ้แมนตอนนี้ติดลมไปเรียบร้อยแล้ว มันตะบันเย็ดหีเธอได้อีกแป๊บเดียว พี่เป้ก็ทะยานถึงจุดไปก่อนใครเพื่อน
“อ๋าาาา....... อ๋าาาา..... มะ.... ไม่ไหวแล้วว......” เสียงพี่เป้ร้องขาดห้วง ใบหน้ากระตุกเกร็ง ผมเห็นดังนั้นจึงใช้นิ้วช่วยเขี่ยสะกิดติ่งหีของเธอไปด้วยแบบรัวๆ ปากก็อ้างับหัวนมของเธออย่างหิวกระหาย จนพี่เป้ต้องหลับตาปี๋ สองมือจิกผ้าปูไว้แน่น แหกปากร้องซี้ดซ้าดดดดเสียงกระเส่า ก่อนที่ร่างของเธอจะสั่นกระตุก ร่างกายท่อนบนแอ่นลอยลอยเคว้งคว้างกลางอากาศ พร้อมกับระเบิดน้ำรักออกมาจนเปียกชุ่ม

ภาพใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเกของพี่เป้ในตอนนั้น คืออีกหนึ่งภาพประทับใจที่ผมจะไม่มีวันลืมเลือน...

ก่อนที่พี่เป้จะค่อยๆ ทิ้งตัวลงนอนลงบนเตียงอย่างหมดแรง หอบหายใจหนักๆ ดังเฮือกๆ ด้วยความเหนื่อยล้าที่พุ่งทะยานถึงจุดสุดยอด น้ำแตกคาท่อนควยของผัวคนที่สามไปเรียบร้อยแล้วนั่นเอง ไอ้แมนยิ้มอย่างสะใจที่สามารถส่งพี่เป้ขึ้นสวรรค์ไปได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่ มันร้องบอกให้ผมช่วยประคองตัว ดึงเป้ขึ้นมาไว้ในท่าคุกเข่าคลานสี่ขา มองเห็นพลูหีของเธอแอ่นโค้งลงมาเป็นพวง แล้วมันก็เข้าประกบเธอจากด้านหลัง ใช้สองมือจับยึดสะโพกกลมกลึงของเธอไว้แน่น จ่อท่อนควยเข้ามุดกลับเข้าไปจนสุด แล้วเริ่มกระเด้าเย็ดเธอในท่าด็อกกี้ช้าๆ ก่อนจะเร่งจังหวะการเย็ดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของเธอแอ่นกระเด็นกระดอนไปมา ท่อนเนื้ออวบอ้วนของมันมุดเข้ามุดออกอย่างต่อเนื่องราวกับกระบอกลูกสูบ เล่นเอาพี่เป้ถึงกับร้องครางอึ่กอั่กเพราะความจุกเสียด

“พี่เป้ช่วยผมหน่อยนะ” ผมขยับตัวเข้าไปคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธอ แอ่นลำควยถูไถกับพวงแก้มนุ่มๆ ของพี่เป้ แบบเดียวกับที่พระเอกหนังโป๊มันชอบทำกันเวลาจะรุมสวิงนางเอก พี่เป้พยายามเม้มปากเบี่ยงหน้าหลบ ผมจึงใช้มือซ้ายจับเชิดใบหน้าของเธอขึ้นมา พยายามกดควยให้มุดลอดเข้าไปในปากของเธอให้ได้
“อย่าดื้อซี่คนดี อ้าปากหน่อยนะคะ” ผมออดอ้อนเธอเสียงหวาน พี่เป้ยังคงเม้มปากไว้แน่นอย่างดื้อดึง ผมเลยบุ้ยใบ้ส่งสัญญาณบอกให้ไอ้แมนเร่งกระแทกหีเธอแรงขึ้นไปอีก จนสุดท้ายพี่เป้ก็ทนฝืนไว้ไม่ไหว เผลอเปิดปากร้องครางเสียงดังออกมา ผมอาศัยจังหวะนี้ รีบกดท่อนควยมุดหายเข้าไปในปากเธอพรวดเดียว จนเธอเกือบสำลัก

“อื๊อออออออ....... อื้อออออ....... ออออ” เสียงครางของพี่เป้ลอดผ่านลำคอออกมาเบาๆ ร่างของเธอกระเด็นกระดอนไปมาตามแรงกระเด้าของไอ้แมน เนื้อตัวขาวโพลนของเธอมีรอยแดงเป็นจ้ำๆ ทั้งจากการบีบเคล้นและเม้มดูด เสียงเนื้อกระทบกันผสมผสานกับเสียงน้ำเงี่ยนที่กระฉอกไปตามง่ามขา ภาพที่เห็นยิ่งกระตุ้นอารมณ์เงี่ยนของผมให้สูงขึ้นไปอีก มันไม่ต่างอะไรจากฉากในหนังโป๊ที่ผมเคยดูบ่อยๆ เวลาที่นางเอกสาวสวยโดนรุมประกบทีเดียวสองทาง คนนึงออกแรงกระเด้าจากด้านหลัง ส่วนอีกคนก็แอ่นควยเย็ดปากสาวสวยไปด้วยพร้อมๆ กัน เพียงแต่ว่าครั้งนี้มันคือเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นจริงๆ เบื้องหน้า ซึ่งนางเอกของหนังเรื่องนี้ก็คือพี่เป้ รุ่นพี่สาวสุดที่รักของผมนั่นเอง

“อูยย... อย่างนั้นแหละครับพี่ ดูดแรงๆ เลย อืมม” ผมสูดปากด้วยความเสียวสะท้าน ยิ่งไอ้แมนกระแทกแรงเท่าไหร่ พี่เป้ก็ยิ่งเม้มรูดท่อนควยของผมแรงตามไปด้วย ยิ่งเสียวซ่านเธอก็ยิ่งร้อนร่านถึงใจ ไอ้แมนกระเด้าควยไปส่วนมือก็คอยฟาดลงไปที่ก้นของพี่เป้ เสียงดังป้าบ!... ป้าบ! เนื้อสาวกลมกลึงสั่นกระเพื่อมดึ๋งดั๋งอย่างน่าดูชม พี่เป้แอ่นหน้าสะบัดไปมาอย่างเมามันในอารมณ์ โดยที่ปากยังคาบควยผมคาไว้แบบนั้น
“อุ..... อื้ออ... อื้มมมมม..” พี่เป้ร้องคร่ำครวญเบาๆ อยู่ในลำคอ ฟังแทบไม่เป็นภาษา รู้แต่เพียงว่าเธอกำลังเสียวได้ที่ เมื่อโดนพวกเราปลุกเร้ารสสัมผัสทั่วร่างของเธอให้เงี่ยนง่านถึงขีดสุด

สติสตังของพี่เป้ตอนนี้หลุดลอยออกจากร่างไปหมดแล้ว ได้แต่โก่งโค้งปล่อยตัวปล่อยใจให้พวกผมรุมเย็ดเธอตามใจชอบ ซักพักไอ้แมนก็เหมือนจะทนกับรสหีสดใหม่ที่พึ่งเคยลิ้มลองไม่ไหว ใบหน้าของมันบุบบี้ด้วยรสเสียวดูน่าเกลียดน่ากลัว กระเด้าก้นยิกๆ บดอัดท่อนเนื้อจนกลีบแคมบานปลิ้นยับเยิน ซักพักมันก็แหกปากร้องอาาาห์ออกมาดังๆ ถอนลำควยออกมาจากหีพี่เป้ดังผั้วะ! รีบดึงรูดถุงยางจนหลุดออก ใช้มือชักว่าวอยู่ 2-3 ทีก็น้ำแตก กระฉูดน้ำขาวขุ่นราดลงไปบนสะโพกกลมกลึงของพี่เป้จนเปียกเยิ้มไหลย้อยนองทั่วก้น

ผมเห็นแบบนั้นก็ขยับลงไปนั่งเอนพิงหมอนที่หัวเตียง ดึงตัวพี่เป้มานั่งคร่อมคุกเข่าหันหลังออกไปทางปลายเตียง จ่อควยตัวเองกดเข้าไปจนเกือบสุดลำ พี่เป้สะดุ้งโหยงจนท้องแอ่น พร้อมๆ กับที่ผมเริ่มเด้งเอวเย็ดเธอจากด้านล่าง สองมือก็คลึงเคล้าเต้านมของเธอไปด้วย ไอ้แมนเองก็ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปเปล่าๆ ขยับมายืนหยุดตรงหน้าพี่เป้ จับท่อนควยที่เริ่มจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย จ่อเข้าไปที่ริมฝีปากของเธอ

“พี่เป้ ดูดให้ผมหน่อยนะครับ” ไอ้แมนเป็นฝ่ายเอ่ยปากร้องขอเธอบ้าง พี่เป้จ้องมองมันเหมือนกำลังชั่งใจ สีหน้าดูกระอักกระอ่วนพอสมควร แม้ว่าเธอจะเคยใช้ปากให้ผู้ชายมาแล้วถึง 3 คน คือพี่บอย น้องต้น และตัวผม แต่พวกเราทั้ง 3 คนนั้นก็ถือเป็นผู้ชายที่พี่เป้ค่อนข้างมีใจชอบพอด้วย หรือไม่ก็เป็นคู่ชีวิตที่คบหากันมานานอย่างพี่บอยไปเลย พอถึงคราวที่เธอจะต้องมาอ้าปากโม้กควยให้ชายหนุ่มที่แทบไม่รู้จักมักคุ้นด้วย ก็เลยดูจะอึดอัดอยู่ไม่น้อย... ที่จริงแล้วผมควรจะพูดปกป้องเธอด้วยการเอ่ยปากไล่ไอ้แมนออกไปเสียก่อน แต่ด้วยความเงี่ยนที่กำลังครอบงำจิตใจอยู่กลับบังคับให้ผมทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามซะนี่
“ช่วยมันหน่อยเถอะครับพี่ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว” ผมกระดกควยเด้าหีเธอเบาๆ สองมือล้วงสอดไปเกาะกุมเต้านมอวบๆ ของเธอไว้ ใช้ปลายนิ้วเขี่ยคลึงยอดปถุมทันที่กำลังชี้ชูชัน ก้มลงไปใช้ปากประกบจูบซุกไซร้แผ่นหลังขาวเนียนของเธอเพื่อช่วยให้เธอตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

คำพูดออดอ้อนของผมทำให้เธอยอมใจอ่อนอีกครั้ง ในที่สุดพี่เป้ก็ยอมกลั้นใจ ค่อยๆ อ้าปากครอบหัวควยมันเยิ้มของไอ้แมนเข้าไป แต่เธอก็อมเข้าไปได้เพียงแค่ประมาณครึ่งลำเท่านั้น เนื่องจากขนาดของท่อนเนื้อที่ใหญ่แน่นคับปาก ทำให้เธอค่อนข้างลำบากอยู่ไม่น้อยในตอนที่พยายามจะอมรูดมันขึ้นลงเป็นจังหวะ สุดท้ายเธอก็เปลี่ยนมาใช้มือชักรูดให้มันแทน พร้อมกับใช้ลิ้นลากเลียรอบๆ บริเวณปลายหัวด้านนอก ไล่ลงมาจนเปียกเยิ้มไปทั่วท่อนลำ

ผมโดนหีพี่เป้ขย่มอมควยได้พักนึงก็เริ่มทนเสียวไม่ไหว เด้งเอวสวนกระแทกหีเธอเสียงดังปั่บ... ปั่บบบ... ปั่บบ อยู่อีก 2-3 นาทีก็น้ำแตก แอ่นเกร็งตัวกระฉูดน้ำรักใส่ถุงยางบางเฉียบแพ้แตกคาร่องหีของเธอ เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่เป้ก็ถึงจุดเช่นเดียวกัน เนื้อตัวของเธอสั่นกระตุกอย่างรุนแรง พี่เป้ถึงกับต้องคายท่อนเนื้อของไอ้แมนออกมา เพื่อที่จะแหกปากหวีดร้องให้สะใจอย่างสุดเสียง ร่องหีขมิบตอดตุบๆ ทะยานขึ้นสวรรค์ตามผมไปติดๆ มันเป็นการถึงจุดสุดยอดที่รุนแรงที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาจากเธอ

พอทุกคนเสร็จสมอารมณ์หมายกันเรียบร้อยแล้ว เราสามคนก็ทิ้งตัวลงนอนเบียดกันบนเตียงอย่างเหนื่อยหอบและอ่อนแรง   พี่เป้นอนหมอบคว่ำหน้า แข้งขาแหกกางอ้าซ่า เพราะแสบระบมหีจนหุบขาไม่ได้ ร่องหีแดงแจ๋ของเธอบานอ้าอย่างหมดสภาพ กลีบแคมปลิ้นจนมองเห็นหลืบรูที่กลวงโบ๋ มีคราบน้ำรักสีขาวเกาะเยิ้มออกมาจากปากทาง เต้านมหอบกระเพื่อมขึ้นลงจากการหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน โดยมีผมกับไอ้แมนนอนประกบกอดเธออยู่คนละข้าง

ผมกับพี่เป้ถึงจุดกันในจังหวะเดียวกับที่ยาปลุกเริ่มหมดฤทธิ์ลงพอดี พออารมณ์ต่างๆ ที่คุกรุ่นกันมาตลอดค่อยๆ ทุเลาลง พี่เป้จึงเริ่มที่จะกลับมาตั้งสติได้อีกครั้ง เธอรีบยันตัวลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล คว้าหยิบเอาเสื้อผ้าของตัวเองแนบอก จ้ำอ้าวหนีหายเข้าไปในห้องน้ำ กดล็อคกลอนประตูแล้วก็ไม่ยอมออกมาอีกเลย ผมนั่งพักอยู่อีกครู่เดียวแล้วก็ลุกเดินตามไปง้อเธอ พอความเงี่ยนลดลง ความกังวลก็เริ่มที่จะกลับเข้ามาครอบงำจิตใจของผมแทน นี่พี่เป้จะโกรธผมมากน้อยแค่ไหนกันนะเนี่ย เสียงห้องน้ำที่เงียบสนิทสร้างความกังวลใจให้ผมอยู่ไม่น้อย ลองบิดๆ ประตูห้องน้ำดูก็ไม่พ้นติดล็อคกลอนประตู

“พี่เป้ครับ ออกมาคุยกันหน่อยได้มั้ย?” ผมเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง แต่ดูจะไม่ได้ผลอะไรเท่าไหร่ พี่เป้ยังคงนั่งเงียบอยู่ข้างในและไม่ยอมส่งเสียงตอบกลับมา ผมเคาะเรียกอยู่อีก 2-3 ที ทุกอย่างยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไอ้แมนนั่งมองแบบงงๆ ผมเห็นว่าถ้ายังปล่อยให้มันอยู่ในห้องด้วยกันอย่างนี้ก็คงจะง้อเธอยากเข้าไปอีก เลยส่งสัญญาณมือไล่มันออกจากห้องไปก่อน ไอ้แมนทำหน้าเซ็งนิดๆ ที่ถูกไล่ แต่ก็ยอมแต่งตัวและเดินออกจากห้องไป
“พี่เป้ครับ ขอผมเข้าไปหน่อยได้มั้ย ตอนนี้เหลือแค่เราสองคนในห้องแล้ว” ผมพยายามอธิบายสถานการณ์ให้เธอสบายใจขึ้น ได้ผลแฮะ สุดท้ายแล้วเธอก็ยอมเปิดประตูออกมาคุยกันจริงๆ โดยสวมชุดทำงานออกมาเต็มยศ สีหน้าของเธอดูไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่ ผมรู้เลยว่าบรรยากาศแบบนี้ สงสัยจะได้โดนด่าแน่ๆ เลยรีบคว้าตัวเธอเข้ามากอดไว้ก่อนทันที

“ปล่อย!” พี่เป้สะบัดหน้าหนี พยายามใช้มือดันผมออก แต่ผมยังคงรั้งกอดเธอไว้แน่นไม่ยอมปล่อยง่ายๆ
“ปล่อยพี่เดี๋ยวนี้ บอกให้ปล่อยไง... ไม่ต้องมายุ่ง! ออกไป!” เธอพยายามดิ้นรนอย่างหนัก ทั้งจิกทั้งข่วนอาละวาดอย่างมีอารมณ์ น้ำหูน้ำตาของเธอไหลนองออกมาอย่างสุดกลั้น คำด่าไล่ของพี่เป้ตอนนี้สั่นสะท้านจนจับใจความไม่ค่อยได้ ผมเจ็บแปร๊บไปถึงขั้วหัวใจเมื่อเห็นคนที่ตัวเองรัก อืม... จะใช้คำนี้ดีรึเปล่านะ นั่นแหละ... เมื่อเห็นคนที่ตัวเองรัก... แสดงท่าทีรังเกียจไล่เราเหมือนหมูเหมือนหมา มันเจ็บยิ่งกว่าที่โดนเธอทั้งตบทั้งข่วนอยู่ตอนนี้ซะอีก

ผมยืนกอดเธออยู่อย่างนั้นเกือบๆ 10 นาที โดยที่เราสองคนไม่ได้พูดอะไรกันเลยซักคำ ได้แต่ใช้มือลูบหัวเธอเบาๆ เป็นการปลอบโยน ในขณะที่พี่เป้ก็เอาแต่ร้องไห้โฮออกมาอยู่อย่างนั้นจนเริ่มจะเหนื่อยอ่อน และยอมให้ผมดึงรั้งตัวเธอลงมานั่งพักเหนื่อยเคียงข้างกันบนเตียง ท่าทางของเธอเริ่มจะสงบลงพอสมควร

“พี่โกรธผมใช่มั้ย?” ผมเอ่ยถามออกไปโง่ๆ เพื่อหวังจะทำลายความเงียบซึ่งกำลังบีบคั้นเราสองคนอยู่ในขณะนี้ แอบรู้สึกว่าช่วงหลังๆ จะได้พูดประโยคทำนองนี้บ่อยเหลือเกิน นี่ผมไปทำให้ใครเค้าต้องเจ็บช้ำใจมากี่คนแล้ววะเนี่ย...?
“ใช่พี่โกรธ... โกรธมากด้วย แต่รู้มั้ยว่าไอ้ที่โกรธน่ะ มันยังไม่เท่ากับที่พี่รู้สึกผิดหวังในตัวโจ้ซะอีก... ผิดหวังที่อุตส่าห์เชื่อใจว่าโจ้จะเป็นคนดีกว่านี้...” เธอตอบผมด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง น้ำเสียงสั่นน้ำตาคลอ สายตาของเธอที่จ้องมองผมอยู่ หลงเหลือแต่ความผิดหวังที่สะท้อนอยู่ภายในนั้น

“ทำไมโจ้ถึงกล้าทำกับพี่แบบนี้?” คำถามของเธอยิงทะลุตรงเป้าซะจนผมไปต่อไม่ถูก
“คือ... ” ผมพูดได้แค่นี้แล้วก็อ้ำอึ้งไป พี่เป้ที่เห็นแบบนั้นเลยยิ่งขุ่นเคืองเข้าไปอีก
“คืออะไร!? มันมีเหตุผลอะไรที่ทำให้โจ้กล้าตัดสินใจทำเรื่องแย่ๆ แบบนี้กับพี่ โจ้เห็นพี่เป็นตัวอะไร? เป็นของเล่นเหรอ? นึกอยากทำอะไรก็ทำ ไม่คิดจะถามถึงความรู้สึกของพี่เลยเหรอ?” เธอเริ่มขึ้นเสียง
“ผมแค่... อยากให้พี่ตื่นเต้นกว่าเดิม... อยากให้เราได้ลองอะไรใหม่ๆ ด้วยกัน...” ผมตอบไปด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด ซึ่งก็รู้สึกผิดจริงๆ นะครับ แต่ดูเหมือนว่าพี่เป้จะไม่ยอมรับรู้ถึงความจริงในข้อนี้ และคงคิดว่าผมแค่ตอบแก้ตัวไปแบบน้ำขุ่นๆ เท่านั้นเอง

“เห็นแก่ตัวที่สุด...” เธอสบถออกมาอย่างมีอารมณ์ ผมพึ่งเคยเห็นสีหน้าของพี่เป้ที่กำลังโกรธจริงๆ จังๆ ก็วันนี้เป็นครั้งแรก มันไม่ใช่อาการโกรธเกรี้ยวโมโหแบบปกติทั่วไป เป็นความโกรธที่ดูค่อนข้างสงบนิ่ง แต่แฝงเอาไว้ด้วยความผิดหวังและชิงชังในสายตา และโชคร้ายสุดๆ ที่ไอ้เจ้าคู่กรณีของเธอนั้น มันดันเป็นผมนี่เอง
“ผมขอโทษครับ...” ผมรีบสารภาพบาปออกไปแบบซื่อๆ เพราะรู้ดีว่าในสถานการณ์แบบนี้ จะพูดจะอ้างอะไรไปก็คงป่วยการเปล่าๆ ยังไงเธอก็คงไม่ยอมฟังข้อแก้ตัวอะไร ทั้งนั้น ก็เลยรีบขอโทษเธอไปเลยตรงๆ

“คิดว่าแค่ขอโทษแล้วทุกอย่างมันจะจบเรื่องเหรอโจ้? สิ่งที่เกิดขึ้นมันจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเหรอ?” พี่เป้ถามประชดแทงใจดำผมเต็มๆ
“ผมรู้ครับว่าพี่คงไม่หายโกรธผมง่ายๆ และสิ่งที่ผมทำลงไปก็ไม่สามารถคืนย้อนกลับไปได้อีก... แต่ผมแค่อยากจะพูดขอโทษพี่จริงๆ ที่ทำให้พี่ไม่สบายใจ และทำให้พี่ต้องรู้สึกผิดหวังในตัวผมแบบนี้” ผมยืนยันที่จะกล่าวคำขอโทษเธอต่อไป เรานั่งคุยกันอยู่แบบนี้นานหลายสิบนาที โดยที่พี่เป้เอาแต่พูดกระแทกแดกดันผมไม่ยอมหยุด ส่วนผมเองก็ได้แต่ก้มหน้ารับสภาพ พร้อมกับเอ่ยปากขอโทษเธอเป็นระยะๆ จนอารมณ์ของเธอเริ่มจะเย็นลงบ้างเล็กน้อย

“พอเหอะ พี่ไม่อยากคุยแล้ว” พี่เป้พูดตัดบทพร้อมกับลุกขึ้นเตรียมจะกลับบ้าน
“ให้ผมไปส่งนะครับ” ผมรีบลุกขึ้นตามเธอ คว้าคีย์การ์ดบนโต๊ะติดมือไปด้วย พี่เป้ดูจะไม่พอใจนิดหน่อย แต่เนื่องจากคีย์การ์ดสำหรับเปิดประตูคอนโดมันอยู่ในมือผมแล้ว เธอจึงต้องยอมปล่อยให้ผมเดินลงไปส่งเธอข้างล่างแต่โดยดี ตลอดทางที่เดินลงลิฟท์ไป พี่เป้ไม่ยอมพูดอะไรกับผมอีกซักคำ แม้ว่าผมจะพยายามชวนเธอคุยแค่ไหน เธอก็เอาแต่นิ่งเงียบกลับมาเป็นคำตอบ ไอ้เจ้าความเงียบนี่แหละคือสิ่งที่พี่เป้กำลังใช้มันลงโทษผมอยู่ในตอนนี้... สุดท้ายแล้วผมก็เลยได้แต่ยืนดูเธอขับรถกลับออกไปจนลับสายตา

พอกลับขึ้นมาถึงห้องก็เจอพี่บอยที่กำลังนั่งรออยู่บนโซฟาเพื่อคุยด้วย พี่บอยดูจะกังวลไม่น้อยเมื่อได้เห็นท่าทีของพี่เป้ในตอนท้ายที่ค่อนข้างจะฉุนเฉียว ซึ่งผมเองก็ไม่อยากให้พี่แกต้องเครียดไปมากกว่านี้ เลยรีบออกปากพูดให้แกสบายใจว่าเดี๋ยวจะหาทางง้อพี่เป้ให้หายโกรธเอง พี่บอยได้ฟังก็ยังทำหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่สุดท้ายแกก็ยอมเชื่อ เมื่อเห็นผมยืนกรานอยู่อย่างนั้น และยอมขับรถกลับบ้านตามเมียตัวเองไปอีกคน เฮ้อ... คราวนี้ก็ถึงเวลาปวดกบาลของผมแล้วล่ะครับ แล้วจะง้อพี่เป้ยังไงดีวะเนี่ย....

ผมพยายามส่งไลน์และโทรหาเธออย่างเปล่าประโยชน์อยู่เกือบ 2 อาทิตย์ โดยที่ไม่มีเสียงตอบรับจากพี่เป้กลับมาแม้แต่ประโยคเดียว ซึ่งถ้าปล่อยทิ้งไว้แบบนี้ มีหวังเราสองคนคงได้ตัดขาดกันไปจริงๆ จังๆ แน่ๆ สุดท้ายผมจึงต้องตัดสินใจใช้วิธีที่กระอักกระอ่วนใจที่สุดสำหรับเราทั้งคู่ ด้วยการแวะเข้าไปเยี่ยมพี่บอยที่บ้าน เพื่อหาโอกาสพูดคุยกับเธอแบบสองต่อสอง

“พี่เป้ครับ ผมขอคุยอะไรหน่อยสิ” ผมเอ่ยปากพร้อมกับใช้มือดึงแขนพี่เป้ไว้ ในระหว่างที่พี่บอยกำลังพาลูกไปอาบน้ำข้างบน เพื่อเปิดทางให้ผมได้มีโอกาสเคลียร์ปัญหาคาใจกับเธอ
“ปล่อยนะโจ้ เดี๋ยวพี่บอยมาเห็น” เธอกระซิบห้ามด้วยน้ำเสียงดุๆ
“ไม่อ่ะ ผมไม่ปล่อยหรอก ถ้าพี่ยังทำเงียบใส่ผมอยู่แบบนี้” ผมออกแรงฝืนดึงเธอไว้แบบนั้น พร้อมกับพยายามหาทางตะล่อมให้เธอยอมคุยกับผมให้ได้
“เออๆ รู้แล้วๆ เดี๋ยวค่อยคุยนะ ปล่อยมือก่อน” เธอออกอาการลุกลี้ลุกลน เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำจากด้านบน ซึ่งแปลว่าพวกพี่บอยกำลังจะเดินลงมาในอีกไม่ช้านี้
“โอเค พี่สัญญากับผมแล้วนะ” ผมพูดอมยิ้มพร้อมกับยอมปล่อยมือเธอจนได้ พี่เป้ทำสีหน้าเคืองๆ นิดๆ ก่อนจะเดินไปหาพี่บอยกับลูกที่บันได ผมสบตากับพี่บอยอย่างรู้กัน รอเวลาจนพี่เป้พาลูกขึ้นนอน แล้วจึงแอบมานั่งคุยกับแกเงียบๆ แค่สองคน

“ยังไงวะมึง? เป้เค้ายอมคุยกับมึงยัง?” พี่บอยถามด้วยท่าทางเป็นห่วง
“ก็... พยายามอยู่อ่ะพี่ เค้าก็ยังนิ่งๆ ใส่ผม แต่เมื่อกี้ก็เหมือนจะได้คุยกันแป๊บนึงนะ คิดว่าอีกไม่นานก็คงจะค่อยๆ ดีขึ้น” ผมตอบไปอย่างมีความหวัง
“ถ้ามึงมั่นใจอย่างนั้นก็ดี แต่กูขอให้ระวังๆ เรื่องความรู้สึกของเค้ามากกว่านี้หน่อยก็แล้วกัน ส่วนเรื่องไอ้แมน... กูว่าแค่ครั้งเดียวก็พอ ไม่ต้องให้มันมายุ่มย่ามอะไรอีก ยังไงก็ฝากบอกมันด้วย เพราะดูแล้วเป้เค้าคงจะไม่ชอบสวิงเท่าไหร่ว่ะ สงสารเค้าเปล่าๆ” พี่บอยเอ่ยปากเตือน

“ครับพี่ แล้วนี่พี่เป้เค้าได้เล่าอะไรให้พี่ฟังมั่งมั้ยเรื่องนี้?” ผมถามแกกลับไปบ้าง ในใจไม่ค่อยเห็นด้วยกับสิ่งที่พี่บอยพูดเท่าไหร่นัก เพราะเท่าที่เห็นในตอนนั้น พี่เป้ดูจะสนุกสุดเหวี่ยงไปกับพวกผมทั้งสองคนซะมากกว่าที่จะรังเกียจ
“เค้าจะเล่าอะไรได้วะ ในเมื่อมันเป็นเรื่องของมึงกับเค้าลับหลังกู แต่กูก็แอบสังเกตนะว่าหลังจากวันนั้นเค้าก็ดูจะเนือยๆ นิ่งๆ ไปบ้าง อาจจะเป็นเพราะว่าไม่รู้จะไประบายเรื่องนี้กับใครด้วยมั้ง” พี่บอยเล่าด้วยสีหน้าจริงจัง
“อืม... ถ้างั้นก็คงไม่มีอ่ะพี่ งั้นผมกลับก่อนนะ ไว้เดี๋ยวถ้ามีอะไรเพิ่มเติมแล้วผมจะบอกพี่อีกที” ผมเอ่ยลาพี่บอยเพื่อขอตัวกลับบ้าน

“พี่เป้ครับ สะดวกคุยกันมั้ย” ผมลองส่งไลน์ไปหาพี่เป้อีกครั้งทันทีที่กลับมาถึงห้อง ในใจก็คอยลุ้นไปด้วยว่าคราวนี้เธอจะยอมตอบกลับมารึเปล่า ผ่านไปเกือบๆ 10 นาที พี่เป้ก็ยอมตอบกลับมาจนได้
“อยู่ในห้องกับพี่บอยไม่สะดวก ไว้คุยทีหลังนะ” คำตอบของเธอ แม้มันจะเป็นการปฏิเสธแต่ก็ยังพอจะทำให้ผมมีความหวังขึ้นมาบ้าง เพราะอย่างน้อยมันก็ไม่ใช่การนิ่งเงียบเหมือนกับที่ผ่านๆ มา... พอวันรุ่งขึ้น ผมก็เลยลองส่งข้อความไปหาเธออีกตอนพักกลางวัน คราวนี้พี่เป้ยอมคุยกับผมแบบเป็นเรื่องเป็นราวแล้วครับ

“พี่เป้หายโกรธผมรึยังครับ” ผมกล่าวทักทายเปิดหัวโดยชวนเข้าเรื่องทันที ไม่นานพี่เป้ก็ตอบกลับมา
“ยัง” เธอตอบมาแค่คำเดียวแล้วก็เงียบไปอีก
“ผมขอโทษจริงๆ นะ พี่ยกโทษให้ผมได้มั้ย ผมจะไม่ทำอีกแล้ว” ผมรีบอ้อนขอโอกาสจากเธออีกครั้ง
“ง่ายไปมั้ง” เธอพิมพ์กลับมา ยาวขึ้นมาอีกสองคำ วุ้ย!
“ผมต้องทำอะไร พี่ถึงจะหายโกรธ” ผมพยายามเล่นไปตามเกมของเธอ
“ก็ไม่ต้องทำอะไรนี่” คำตอบของเธอยังยียวนเหมือนเดิม

“โธ่ ไม่เอาดิครับ พี่ไม่รักผมแล้วเหรอ” ผมลองยกคำว่ารักมาอ้างดูบ้าง เผื่อว่ามันจะได้ผล
“พี่ก็ไม่เคยรักโจ้อยู่แล้วนี่” อืม ใจหินจริงนะแม่คุณ
“ง่ะ อย่างน้อยพี่ก็น่าจะคิดถึงผมบ้างนะ ทีผมยังคิดถึงพี่ทุกวันเลย” ผมพยายามกระแซะเข้าไปใหม่
“ไม่อ่ะ” เธอปฏิเสธสั้นๆ เล่นเอาความหวังของผมดิ่งวูบลงเหวไปเลย แต่ยังไม่ทันที่ผมจะพิมพ์อะไรต่อ เธอก็กดส่งสติกเกอร์ตัวการ์ตูนทำหน้าเยาะเย้ยมาซะก่อน... เอาล่ะวะ! แบบนี้พอมีหวัง อย่างน้อยเธอก็ยังพอจะมีอารมณ์ส่งสติกเกอร์กลับมา เหมือนเวลาที่เราคุยเล่นคุยจีบกันก่อนหน้านี้ ถ้าเธอยังโกรธผมจริงจังก็คงไม่มีทางส่งอะไรพวกนี้มาแน่

พอคิดได้แบบนี้ผมจึงกดส่งสติกเกอร์ทำหน้าออดอ้อนร้อง Please กลับไปหาเธอ พี่เป้เงียบไปแป๊บเดียว ก่อนจะกดส่งสติกเกอร์ทำหน้าเชิดใส่กลับมาอีก และหลังจากนั้นสงครามสติกเกอร์ของเราสองคนจึงยาวต่อเนื่องไปอีกเกือบ 5 นาที ผมส่งสติกเกอร์ทำหน้าทะเล้น ทั้งอ้อน ทั้งจีบ ไปหาเธอชุดใหญ่ ส่วนเธอก็คอยส่งสติกเกอร์ทำหน้าบึ้ง หน้าโมโหควันออกหู แล้วก็ตัวการ์ตูนทำท่าถีบกลับมาเป็นระยะๆ ก่อนที่เธอจะพูดตัดบท ขอตัวกลับไปทำงานต่อซะก่อน แต่แค่นี้ก็เพียงพอที่จะเรียกรอยยิ้มของผมให้กลับคืนมาได้ตลอดทั้งบ่ายล่ะครับ จนพี่หน่อยที่พยายามบรีฟงานผมอยู่ ต้องเอาสมุดเคาะหัวเรียกสติซะ 2-3 ที

หลังจากที่พี่เป้ยอมกลับมาคุยกับผมอีกครั้ง บรรยากาศที่เคยอึดอัดและมาคุระหว่างเราสองคนก็ค่อยๆ คลี่คลายลงไปอย่างเห็นได้ชัด พี่เป้เริ่มที่จะเป็นฝ่ายทักไลน์ผมมาก่อนเพื่อชวนคุย แม้จะยังแอบไว้ฟอร์มนิดๆ และชอบพูดจาจิกกัดประชดประชันซะยิ่งกว่าตอนที่เราเคยเป็นคู่กัดกันซะอีก แต่การได้แหย่ ได้เถียงกับเธอแบบนี้อีกครั้งมันก็สนุกดีเหมือนกัน และแล้วหลังจากง้อๆ งอนๆ กันอยู่เกือบ 3 อาทิตย์ ผมก็หาทางนัดเจอพี่เป้อีกครั้งจนได้

“เมื่อไหร่พี่จะยอมเจอหน้าผมซักทีอ่ะครับ ผมคิดถึงพี่สุดๆ เลยนะรู้มั้ย” ผมพิมพ์หยอดไปหาเธอ
“แค่คิดถึงเอง คงไม่ตายหรอกมั้ง ^^” พี่เป้ตอบกลับมาแบบกวนๆ โอยยย... ปากดีแบบนี้ ถ้าอยู่ใกล้ๆ ผมคงดึงเธอมาจูบปากให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปแล้ว
“ใจร้ายอ่ะ พี่ไม่สงสารผมมั่งเหรอ คนเคยเจอหน้ากันตลอด อยู่ๆ ต้องมาห่างกันแบบนี้ มันอึดอัดนะครับ” ผมลองเปลี่ยนไปสวมบทพระเอกอาภัพรัก เพื่อเรียกคะแนนสงสารจากเธอดูบ้าง
“เว่อร์ๆ” เธอตอบกลับมาสั้นๆ เหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรซักนิด
“ถ้าพี่ไม่ยอมมาหา งั้นผมไปหาพี่เองก็ได้ เดี๋ยวเย็นนี้ผมไปรับที่ทำงานนะครับ” ผมพูดเองเออเองไปเนียนๆ
“ไม่ต้องเลย จะมาทำไม” พี่เป้ยังคงใจแข็งไม่ยอมเลิก รีบร้องห้ามทันที

“โอเค งั้นเจอกันหน้าออฟฟิศพี่ตอนหกโมงนะครับ” ผมรวบรัดตัดบท
“ไอ้บ้า ไม่เอาเดี๋ยวคนเห็น จะเจอก็ไปเจอที่อื่นดิ้” เธอรีบพิมพ์ห้ามมา พร้อมกับยอมเปิดช่องให้ผมจนได้
“งั้นเจอกันที่ไหนดีครับ” ผมรีบตะล่อมอย่างต่อเนื่อง พี่เป้เงียบไปครู่นึงก่อนจะพิมพ์ตอบกลับมา
“เมเจอร์ก็ได้ คนละครึ่งทาง แค่นี้นะ ชั้นจะทำงานต่อแล้ว” พี่เป้พิมพ์ตัดบทแล้วหายเงียบไปดื้อๆ สงสัยคงจะเขินๆ ที่เผลอหลุดปากและยอมมาเจอผมเย็นนี้

สรุปง่ายๆ ว่าผมก็เลยต้องมาตั้งต้นจีบพี่เป้กันใหม่อีกรอบนึงนั่นเอง... มันแทบไม่ต่างอะไรกับการเล่นเกมจีบสาวที่เคยเคลียร์เนื้อเรื่องจบไปแล้วรอบนึง และต้องมานั่งเล่นใหม่อีกครั้งตั้งแต่ต้น โดยเพิ่มระดับความยากให้โหดหินกว่าเดิมเป็นสองเท่านั่นแหละ เฮ้อ.... อยู่ดีไม่ว่าดีน้อตู

ผมไปถึงเมเจอร์ตอนเกือบๆ 6 โมงครึ่ง เดินเล่นรออยู่พักนึง พี่เป้ก็ส่งไลน์มาบอกว่าถึงแล้ว เราสองคนจึงนัดไปเจอกันที่ร้านชาบูชิด้านหลังเพื่อทานมื้อเย็น พี่เป้ยังคงน่ารักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ใบหน้าหมวยๆ ขาวๆ ภายใต้กรอบแว่นตาหนาเตอะ ริมฝีปากเรียวบางน่าจูบ กับมวยผมสีน้ำตาลเข้มที่มัดเป็นเกล้า เธอสวมเสื้อเชิ้ตยีนส์ยาวคลุมเข่าตัวหลวมโพรกสีฟ้าอ่อน ด้านล่างเป็นกางเกงเลคกิ้งสีดำเข้ารูป ทำให้เธอดูตัวเล็กน่ากอดมากกว่าปกติ พอเจอหน้ากันผมก็ยิ้มให้พี่เป้ไปก่อนหนึ่งที ส่วนเธอก็รีบทำหน้าเชิดใส่กลับคืนมาจนผมอดขำไม่ได้ แหม รีแอ็คชั่นซะอย่างกับละครเลยนะแม่คุณ ระหว่างนั่งทานผมก็คอยชวนเธอคุยเล่นไปเรื่อยๆ พยายามทำให้เธอหลุดหัวเราะออกมาให้ได้ ซึ่งก็แป้กบ้าง ขำบ้าง แต่ก็ยังพอจะมองเห็นรอยยิ้มหวานๆ ที่ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของพี่เป้อยู่หลายหน

“ไม่เจอกันตั้งหลายอาทิตย์ พี่สบายดีนะครับ?” ผมชวนเธอคุยขณะที่เรากำลังนั่งทานมื้อเย็นด้วยกัน
“ก็ดี ไม่มีมารคอยผจญให้ต้องปวดหัวเท่าไหร่ ชีวิตดี๊ดี ไม่เหมือนแต่ก่อน” เธอตอบแล้วแลบลิ้นใส่
“แหม... นับวันนี่จะยิ่งปากคอเราะร้ายขึ้นทุกทีๆ นะครับ นี่ใจคอจะกัดให้ผมคอแหว่งเลยรึไง?” ผมแซวเธอคืนบ้าง
“ก็นั่นน่ะสิ กัดแล้วกัดอีกไม่ยอมขาดซักที หนังหนาหน้าด้านแบบนี้ สงสัยต้องใช้ปังตอมาสับให้เป็ดกินแล้วมั้ง” เธอว่าพลางคีบหมูสไลส์เข้าปากอย่างสบายใจ

“เอ่อ... ที่จะสับนั่นคอหรือ... อะไรครับ?” ผมชงมุกรอให้เธอตบ
“โจ้อยากให้สับอันไหนล่ะ? อันที่ไม่ใช่คอก็ได้มั้ง ยังไงก็คงไม่ได้ใช้อยู่แล้ว” พี่เป้ยิงมุกกลับมาอย่างรู้กัน
“เอ้ย... ใช้สิครับ ถ้าสับไปแล้วผมจะเอาที่ไหนไปสะบะระเฮ่กับพี่อีกล่ะครับ” ผมพูดยิ้มๆ
“ใครจะไปสะบะระเฮ่กับแกฮึ! ละเมอป่าว?” พี่เป้พูดพลางทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“เอ๊าะเหรอ....? ตามใจ แต่ถ้าเกิดเหงาขึ้นมา อย่าเผลอมาร้องออดอ้อนเรียกผมละกัน” ผมแกล้งพูดยั่ว
“ทำไม? แล้วถ้าไม่เรียกอ่ะ มีไรมะ?” เธอรีบตอบกลับมาอย่างท้าทาย
“ก็ถ้าพี่ไม่ยอมเรียก ผมก็จะได้รีบกลับมาง้อพี่แทนน่ะสิครับ อิอิ” คำตอบของผมทำเอาเธอหลุดขำออกมาจนได้
“ทุเรศ... ไอ้เราก็นึกว่าจะแน่!”

พอทานมื้อเย็นเสร็จ เราก็ใช้เวลาที่เหลือเดินเล่นช็อปปิ้งด้วยกัน ก่อนที่พี่เป้จะขอตัวกลับ โดยที่ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้น ซึ่งผมก็พอจะเข้าใจได้ว่า เธอเองก็คงยังตั้งแง่ และยังไม่ยอมเปิดโอกาสให้ผมได้สนิทแนบชิดกับเธออีกในเร็วๆ นี้แน่นอน แต่อย่างน้อยแค่เธอยอมมาเจอหน้าผมแบบนี้ ก็พอจะเป็นนิมิตรหมายที่ดีว่าความสัมพันธ์ของเราสองคน กำลังค่อยๆ กลับเข้าสู่เส้นทางที่คุ้นเคยอีกในไม่ช้า.... ซึ่งก็เป็นอย่างที่ผมคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด เพราะกว่าที่เธอจะยอมเปิดใจ ยอมกลับมามีอะไรกับผมอีกครั้งก็ปาเข้าไปอีกตั้งเดือนครึ่งนู่นล่ะครับ พูดง่ายๆ ว่าต้องตะล่อม ทั้งตื้อทั้งง้อกันอยู่นานสองนานเลยทีเดียว

ทุกอย่างยังคงเริ่มต้นด้วยการชวนเธอมาทานมื้อเย็นเหมือนกับทุกที แตกต่างออกไปตรงที่ครั้งนี้ ผมลองเอ่ยปากชวนเธอมาทานข้าวด้วยกันที่ห้องแบบสองต่อสอง ซึ่งแน่นอนว่าไอ้คำชวนแบบนี้ก็ย่อมแฝงเอาไว้ด้วยจุดประสงค์บางอย่างที่พี่เป้คงพอจะเข้าใจดี... ซึ่งตั้งแต่ที่เกิดเหตุผิดใจกันครั้งล่าสุดนั้น พี่เป้ก็ไม่เคยยอมใจอ่อนกลับมาเหยียบห้องผมอีกเลย จนกระทั่งมีครั้งนี้นี่แหละครับที่เธอโอเคและยอมมาเจอผมที่ห้องในที่สุด ซึ่งนั่นก็หมายความว่า... เธอยอมเปิดใจให้ผมได้กลับมาใกล้ชิดกับเธออีกครั้งนั่นเองงงงงง.... ทันทีที่ได้ยินเธอตอบตกลง ในใจของผมมันก็ลิงโลดจนเนื้อเต้น จนอยากจะขอลางานกลับไปนั่งรอเธอที่ห้องซะตั้งแต่ตอนนั้นเลย

“กินอะไรมารึยังครับพี่?” ผมเอ่ยถามขณะลงมารับเธอที่หน้าคอนโด
“เดี๋ยวชกเลย... ก็ตัวเองเป็นคนชวนพี่มากินข้าวที่นี่เองไม่ใช่รึไง” พี่เป้โวยวายกลับมาหน้าหงิก
“หูย ขึ้นง่ายจริงๆ ล้อเล่นน่า ผมซื้อไก่เคเอฟซีมารอไว้ข้างบนแล้วเนี่ย วู้ว เอะอะจะใช้กำลังตลอด” ผมทำท่าล้อเลียน
“เออ จะใช้กำลังกับแกคนเดียวนี่แหละอีโจ้ ขึ้นไปเร็วๆ เลย หิวแล้วเนี่ย!” เธอเริ่มออกอาการงอแงเพราะความหิว ผมพาเธอขึ้นลิฟท์มาบนห้อง จัดแจงเตรียมอาหารทั้งหมดใส่จาน ทั้งไก่ทอดชุดใหญ่ ขนมปังกระเทียม เฟรนช์ฟรายส์ และทาร์ตไข่ พร้อมกับเทเป๊บซี่ใส่แก้วยื่นส่งให้เธอ พอเราทานกันจนอิ่มท้องแล้วผมก็เริ่มต้นเข้าประเด็นกับเธอทันที

“ไม่ได้มาสวีทกันสองคนแบบนี้นานแล้วเนาะ” ผมพูดแล้วทำสายตาเจ้าเล่ห์ยั่วเธอ
“ทุเรศ.. แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้วย่ะว่าหมายถึงอะไร” พี่เป้ตอกกลับมานิ่มๆ พลางใช้ทิชชู่เช็ดปาก
“อ้าว รู้ใจแบบนี้แล้วก็ดีเลยครับ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาอ้อมไปอ้อมมา” ผมว่าแล้วขยับตัวเข้าไปนั่งชิดกับเธอ พี่เป้รีบกระเถิบตัวหนีไปสุดขอบโซฟา
“อย่ามามั่วนิ่ม แค่แวะมากินข้าวเย็นเฉยๆ ย่ะ เดี๋ยวจะกลับแล้วเนี่ย” พี่เป้ยังทำทีเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หันหน้าหลบสายตาไปทางอื่นแบบเขินๆ ผมเห็นแบบนี้เลยรีบขยับเข้าไปนั่งชิดเธอพลางใช้มือโอบกอดเธอเอาไว้แน่นไม่ยอมให้เธอขยับหนีไปไหนได้อีก

“ปล่อยนะ คนลามก!” เธอทำท่าดีดดิ้นไปมาอยู่ในอ้อมกอดของผมพอเป็นพิธี เอาล่ะสิครับ กิริยาท่าทางที่คุ้นเคยเริ่มจะปรากฏออกมาให้เห็นกันอีกครั้ง ดูท่าว่าคืนนี้เราสองคนคงจะไม่ได้จบลงแค่ทานมื้อเย็นกันแน่ๆ
“ผมคิดถึงพี่จังเลย ขอผมหอมให้ชื่นใจหน่อยนะครับ” ผมพูดจบก็ก้มลงไปหอมพวงแก้มขาวๆ ของเธอฟอดใหญ่ พี่เป้รีบเอามือดันหน้าผมออกจนหน้าหงาย
“ไอ้บ้า! มาลวนลามกันหน้าด้านๆ ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” ยิ่งเธอออกแรงดิ้นมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งทั้งกอดทั้งหอมเธอกลับไปแรงขึ้นเท่านั้น จนสุดท้ายเธอก็เริ่มทำใจรับสภาพ และยอมนั่งนิ่งๆ ปล่อยให้ผมกอดเธออยู่อย่างนั้นตามใจชอบ

“อยากทำอะไรก็ทำไปเลย ไม่เคยคิดจะถามอะไรกันอยู่แล้วนี่” พี่เป้พูดประชดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ จนผมอดนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อคราวก่อนไม่ได้
“พี่เป้.... พี่เป้ยังโกรธผมอยู่อีกเหรอ ผมขอโทษจริงๆ นะ ผมสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว พี่เป้ยกโทษให้ผมได้มั้ย?” ผมรีบเอ่ยปากขอโทษเธอชุดใหญ่ยิ่งกว่าไก่เคเอฟซีที่สั่งมากินกัน น้ำเสียงที่จริงใจกับถ้อยคำที่จริงจังดูจะทำให้เธอพึงพอใจขึ้นมาบ้าง
“พูดตรงๆ นะ พี่กลัวว่าโจ้จะทำให้พี่เจ็บอีกรอบว่ะ” น้ำเสียงของพี่เป้แฝงเอาไว้ซึ่งความกลัวและกังวลใจอย่างที่เธอว่าจริงๆ ผมฟังแล้วก็ได้แต่ใช้มือลูบหัวเธอเบาๆ เป็นการปลอบใจ

“ผมก็ไม่รู้นะว่าจะบอกยังไงให้พี่มั่นใจได้ แต่ที่พอจะยืนยันได้ก็คือ ต่อจากนี้ไป ผมจะให้ความสำคัญกับความรู้สึกของพี่เป็นลำดับแรก ถ้าพี่อึดอัดหรือไม่อยากทำอะไร ผมก็จะไม่ไปฝืนใจพี่เด็ดขาด ถ้าพี่ไม่อยากมาเจอผม ไม่อยากคุยกับผม ผมก็จะยอมถอยออกมาให้พี่สบายใจ ถึงมันจะทำให้ผมต้องเสียใจก็เหอะ” ผมสวมบทบาทดราม่าน้ำตาคลอซะจนเกือบหลงคิดว่าตัวเองกลายเป็นณเดชขึ้นมา พี่เป้ได้ฟังแล้วก็นิ่งไป ก้มหน้างุดๆ ไม่ยอมสบตา
“ใครบอกล่ะว่าไม่อยากมาเจอ...” เธอตอบเขินๆ พลางใช้นิ้วจิ้มหน้าอกผมจึ้กๆ
“ที่ผ่านมาก็อึดอัดจะตายอยู่แล้ว รู้มั้ย...?” พี่เป้ยังคงระบายความอัดอั้นตันใจออกมาอย่างต่อเนื่อง
“ก็ผมเห็นพี่หายเงียบไป พอได้คุยกันก็เอาแต่ด่าผมสารพัด ผมก็นึกว่าพี่เกลียดผมแล้วซะอีก” ผมพูดความในใจออกไปบ้าง

“โห... ก็โจ้เล่นทำทุเรศขนาดนั้น จู่ๆ จะให้พี่กลับมาคุยเล่นหัวเราะร่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันก็ใจง่ายไปหน่อยป่ะวะ?” เธอโวยคืนมาด้วยท่าทางน้อยใจนิดๆ
“อือ ผมรู้ ผมถึงคอยตามง้อพี่อยู่นี่ไง แล้วตกลงตอนนี้พี่ยังโกรธผมอยู่รึเปล่า?” ผมรีบเออออตามเธอไป พร้อมถามเปิดช่องให้เธอได้ระบายความรู้สึกออกมาให้หมดเปลือก
“จริงๆ ก็ยังเคืองอยู่นิดๆ นะ แม่งเห็นเราเป็นของเล่น เป็นคุณโสรึไง นึกจะทำอะไรก็ทำ”
“อ้าว ถ้ายังโกรธอยู่แล้วทำไมพี่ยอมมาเจอหน้าผมอ่ะ” ผมถามย้ำอีกทีให้แน่ใจ
“โห่ แก! ก็มันอึดอัดนี่หว่า ระบายกับใครก็ไม่ได้ จะให้ไประบายกับพี่บอยก็มีหวังได้บ้านแตกแน่ๆ หรือจะไปเล่าให้เพื่อนฟังก็คงได้ตกเป็นขี้ปากให้คนอื่นเค้าด่ากันพอดี จะกลับมาคุยกับแกก็ไม่ได้อีก เสียฟอร์มหมด”
“แต่สุดท้ายก็ยอมเสียฟอร์มกลับมาคุยกับผมนี่นา อิอิ” ผมแกล้งกระเซ้าเธอ
“เออ เสียฟอร์มแล้วไง มีไรมะ หรือจะไม่คุยก็ได้นะ จะได้กลับ” เธอพูดฮึดฮัดแกล้งทำเป็นดิ้น บีบให้ผมต้องออกแรงกอดเธอไว้แน่นกว่าเดิม

“โอ๋ๆๆๆ อย่างอนซี่คนดี คุยสิครับคุย” ผมพูดพร้อมกับระดมจูบซุกไซร้ซอกคอของเธออีก
“คุยบ้าอะไรเล่า! เอาแต่ลวนลามอยู่ได้เนี่ย ฮื่ออออ” พี่เป้ร้องโวยวายเบาๆ หลับตาพ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่เพราะความสยิว
“ก็แหม... จุ๊บบ.... พี่เป้ตัวหอม... จุ๊บบ... ขนาดนี้... ผมอดใจไม่ไหวนี่ครับ จ๊วบบบ...บบบ” ผมตอบโดยที่ยังคงก้มหน้าดอมดมเธออยู่อย่างนั้นไม่หยุด
“อืออออ.... หื่นว่ะ ในหัวก็มีแต่เรื่องนี้แหละ... อึ๊ยยย” พี่เป้หลุดครางเสียงหลงเมื่อโดนมือผมบีบหมับเข้าไปที่เต้านม
“ก็เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอครับ พี่เป้ถึงได้มาหาผมเนี่ย อิอิ” ผมพูดยั่วเธอไปเรื่อยๆ
“ไอ้บ้า! ไม่ต้องพูดมากเลย.... เอ๊ะ! อย่าซี่” เธอพยายามร้องห้าม เมื่อโดนผมสอดมือซ้ายเข้าไปลูบไล้ผิวกายภายใต้เสื้อเชิ้ตแขนยาวของเธอ อีกมือที่ว่างก็ดึงรั้งโน้มคอพี่เป้ให้แนบเข้ามาใกล้ ก้มหน้าลงไปประกบปากจูบเธออย่างนุ่มนวล

“อุ... อื้มมมมม” เธอร้องอู้อี้ๆ อยู่ในลำคอเบาๆ ปลายลิ้นสอดกระหวัดรัดรึงกับลิ้นของผม ผมใช้มือซ้ายดันถลกยกทรงของเธอขึ้นไปกองไว้ด้านบน คลึงเคล้าเต้านมอวบหยุ่นแน่นเต็มอุ้งมือ หัวนมเธอเริ่มจะแข็งชูชันขึ้นมาเมื่อโดนผมปลุกเร้าอารมณ์หื่นให้ตื่นขึ้น ผมพยายามใช้มือขวาปลดแกะกระดุมกางเกงยีนส์ของเธอออกด้วยมือเดียว แม้จะดูติดขัดเล็กน้อยแต่สุดท้ายมันก็กระเด็นหลุดออกมาจนได้ ผมเร่งบุกรุกเร้าอย่างต่อเนื่อง จับขอบกางเกงของเธอดึงรูดออกมาผ่านทางหน้าขา เผยให้เห็นภาพกางเกงในผ้าลื่นสีครีมที่ห่อหุ้มปกปิดเนินเนื้อโหนกนูนไว้ได้แทบไม่มิด ผมเห็นแล้วก็อดสงสารเจ้ากางเกงในตัวจิ๋วนี้ไม่ได้ จึงออกแรงกระชากมันออกมาทีเดียวหลุดพ้นข้อเท้า

กลีบแคมสีแดงแจ๋เผยอยิ้มนิดๆ เหมือนเป็นการทักทาย ร่องหลืบของพี่เป้ยังคงดูสวยงามน่าหลงใหลเช่นเคย พงหมอยด้านบนแผ่ปกคลุมเนินเนื้อรำไรไม่ถึงกับรกนัก ผมค่อยๆ ใช้ปลายนิ้วแตะสัมผัสเข้าไปที่เม็ดทับทิมกลมกลึงบวมเป่งของเธอเบาๆ ร่างของพี่เป้แอ่นกระตุกสู้มือผมเหมือนถูกไฟดูด สูดปากซี้ดซ้าดอย่างถึงอกถึงใจ ปากรูของเธอตอนนี้ดูเปียกเยิ้มแบบสุดๆ ทั้งที่ผมพึ่งจะเริ่มต้นเล้าโลมเธอได้ไม่นานเท่าไหร่ ดูท่าทางว่าพี่เป้เองก็คงจะเก็บกดอารมณ์ความต้องการนี้มานานพอดู พอได้มีโอกาสมาอยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้อีกครั้ง เธอจึงค่อนข้างมีอารมณ์ร่วมและตื่นตัวมากเป็นพิเศษ

“หีพี่แฉะสุดๆ เลย” ผมเอ่ยแซว พลางชูนิ้วมือให้เธอดูคราบน้ำรักที่เลอะเต็มนิ้ว พี่เป้รีบหันหน้าหนีด้วยความอาย
“จะพูดทำไมเล่า อือออ... จะทำอะไรก็ทำซักที” เธอเอ่ยปากสั่งผมด้วยน้ำเสียงเขินๆ อากัปกิริยาเงี่ยนง่านเงอะงะของเธอ บวกกับความห่างเหินที่เราสองคนต้องเผชิญมาร่วมๆ เดือนครึ่ง ทำให้ผมอดใจรอต่อไปไม่ไหว รีบปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเองออก ขยับตัวเข้าไปทาบทับกลางหว่างขาพี่เป้ จรดท่อนเนื้อแข็งโด่เด่เข้าไปถูไถกับปากร่องอันเปียกชื้นของเธอ

“พี่เป้ครับ ผมขอนะ” ผมเอ่ยปากขออนุญาตเธอตรงๆ พี่เป้จ้องสบตากับผมครู่นึง ก่อนจะหลับตาลง กลั้นลมหายใจแล้วพยักหน้าช้าๆ เป็นเชิงอนุญาต พอเห็นสัญญาณแบบนี้ผมจึงค่อยๆ ออกแรงเกร็งสะโพก กดสอดท่อนเนื้อมุดเข้าไปในร่องรูที่คุ้นเคยอีกครั้ง
“อุ๊... ซี้ดดดดดดดส์ เบาๆ ก่อนโจ้ มันแน่น” พี่เป้ร้องเสียงหลง เนื้อตัวจิกเกร็งเมื่อท่อนควยบานอวบของผมชำแรกเข้าไปได้เพียงแค่ช่วงหัว
“อูยยย.... ไม่ได้อึ๊บกันตั้งนาน หีพี่ยังแน่นเหมือนเดิมเลยครับ” ผมค่อยๆ กระทุ้งกดทีละนิดจนดุ้นเนื้ออวบอ้วนมุดหายเข้าไปได้สุดลำ
“โอ๊ย! โอ๊ยๆ”พี่เป้ร้องเสียงหลง น้ำหูน้ำตาไหลคลอเบ้าตลอดเวลาที่ท่อนเนื้อของผมค่อยๆ แทงเข้าไปในร่างกายเธอ กลีบแคมสองข้างเผยออ้าอมท่อนลำของผมจนปลิ้น น้ำเงี่ยนของเราสองคนไหลนองรวมกันเป็นสาย พี่เป้นอนหงายหอบแฮ่กๆ เต้านมกระเพื่อมขึ้นลงไปมา สายตาเหม่อลอยเมื่อโดนท่อนเอ็นอวบใหญ่กดแทรกเข้าไปค้างอยู่กลางตัว

และแล้ว… ช่องว่างที่เคยทำให้เราสองคนต้องเหินห่าง ก็ถูกบีบอัดจนกลับมาแนบสนิทชิดกันอีกครั้ง....





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น