วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2565

 น้องแหม่มของผม ตอนที่ 3 (จบ)  

 
 

ผมดึงผ้าเช็ดตัวน้องแหม่ม กะจะบริการ “เช็ดตัว” ให้ แต่น้องแหม่มชิงดึงเอาผ้าไป
“ต่างคนต่างเช็ดค่ะ” เธอบอกเสียงแผ่ว ๆ
ผมกลืนน้ำลาย จ้องมองความขาวของน้องแหม่มขณะซับน้ำและเช็ดผม ส่วนตัวเองก็รีบเช็ดตัวจนแห้ง เน้น ๆ ที่ดุ้นเอ็นที่แข็งเป็นลำ
แล้ว…
น้องแหม่มก็ดันผมออกไปนอกห้องน้ำด้วยสีหน้าอาย ๆ กระซิบว่า “พี่พงษ์รอข้างนอกก่อนนะคะ”
ผมเดินไปนั่งรอที่เตียงด้วยใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ จินตนาการว่าตอนนี้น้องแหม่มกำลังทำอะไรอยู่ในห้องน้ำ
ก็คงไม่พ้นเรื่องประทินผิวละมั้ง ผมเดา
รอไม่นานนัก น้องแหม่มก็เดินพันผ้าเช็ดตัวออกมา ผมรีบลุกเดินเข้าหาเธอแล้วรวบร่างงามไว้ในอ้อมกอด ตัวน้องแหม่มสั่นน้อย ๆ อาจจะด้วยความตื่นกลัวเพราะเธอคงพอจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
ผมเชยคางเธอขึ้น ประกบจูบตั้งแต่หน้าผาก เปลือกตา ปลายจมูก ข้างแก้มอย่างแผ่วเบา ผมได้กลิ่นโลชั่นและแป้งหอมอ่อน ๆ
น้องแหม่มก็พริ้มตาลง หายใจแผ่ว ดูเธอจะเกร็งน้อยลง ผมจูบแลกลิ้นกับเธออีกสักพัก ก็ประคองเธอไปที่ข้างเตียง
ผมปลดผ้าเช็ดตัวของทั้งเธอและผมออก น้องแหม่มรีบขึ้นเตียง ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดตัว น่ารักน่าฟัดจริง ๆ เล้ย
ใจผมเต้นถี่เร็ว ในที่สุดโอกาสเผด็จศึกน้องแหม่มก็มาถึง ผมถลาขึ้นเตียงคร่อมร่างใต้ผ้าห่ม ก้มหน้าลงเตรียมจะปลุกเร้าอารมณ์สวาทของเธอให้เดือดพล่าน
โครม!
ขาเตียงเจ้ากรรมดันหักในเวลาสำคัญจนเตียงเอียงกะเท่เร่ น้องแหม่มร้องว้ายดังลั่น ผมและน้องแหม่มไถลลงจากเตียง ดีว่าผมยังมีสติ รวบร่างเธอไว้แนบอกแล้วพลิกเอาหลังตัวเองลงพื้น
เจ็บและจุกใช้ได้เลย เพราะนอกจากน้ำหนักตัวเองแล้วยังแถมตัวน้องแหม่มอีกคน แต่ก็ใจชื้นที่น้องแหม่มไม่เป็นอะไร มีแค่อาการตกใจ
ผมปลอบเธออยู่นาน ตอนนี้ความโรแมนติกที่บรรจงสร้างมาพลันอันตรธานหายไปจนหมด
สีหน้าน้องแหม่มไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เธอบอกเตียงหักเป็นลางร้ายของชีวิตคู่
ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ ขาเตียงมันน่าจะผุมากกว่า แต่ดูท่าน้องแหม่มเธอจะปักใจเชื่อแบบนั้น ผมก็เลยไม่กล้าค้าน
“พี่พงษ์คะ พรุ่งนี้เราไปผูกดวงกันเถอะค่ะ แหม่มไม่สบายใจเลย” น้องแหม่มบอกผมด้วยสีหน้ากังวล
ผมก็เลยตกปากรับคำเธอ จากนั้นก็ชวนเธอไปนอนที่ห้องผม แต่เธอปฏิเสธ บอกว่า ช่วยกันลากฟูกลงมาบนพื้นให้เธอก็พอ
เอาก็เอา คืนนี้ดึกแล้ว จัดการพอให้นอนได้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยติดต่อเจ้าของบ้านพักให้มาซ่อมเตียง
ผมกับน้องแหม่มจัดที่นอนจนเรียบร้อยแล้วก็แยกย้ายห้องใครห้องมัน

เช้าตรู่ ผมรีบออกไปซื้ออาหารเช้าง่าย ๆ แล้วถามแม่ค้าว่าแถวนี้มีหมอดูเก่ง ๆ บ้างไหม แม่ค้าเชียร์ให้ไปหาสำนักอาจารย์เปลี่ยน
“ดูอย่างป้านะ ตอนนั้นผัวป้ามันทำตัวแปลก ๆ บ้านช่องไม่ค่อยกลับ ป้าทุกข์ใจมากเลยไปขอให้อาจารย์ช่วย” แม่ค้าขายข้าวแกงคุยฟุ้ง ดูก็รู้ว่าอยากเล่า “อาจารย์ผูกดวงแป๊บเดียว บอกเลยว่า ชะตาป้ากับผัวทำบุญร่วมกันมาเพียงเท่านี้”
ผมทำตาโต “แล้วไงป้า”
ป้าขายข้าวแกงยิ้ม “ป้าก็ร้อนใจ อ้อนวอนให้อาจารย์ช่วย ท่านแนะนำให้ป้าต่อบุญ ป้าเลยลากผัวป้าไปทำบุญใหญ่ 7 วัด”
ฟังถึงตรงนี้ ผมก็ชักสนใจ เลยถามต่อว่า “แล้วได้ผลไหมป้า”
ป้าหัวเราะฮ่า ๆ “จะเรียกว่าได้ผลก็คงได้กระมัง พอออกเดินทางไปทำบุญด้วยกันหลายจังหวัด ป้ากับผัวก็เลยได้คุยกัน ปรับความเข้าใจกัน ให้อภัยกัน สุดท้ายก็อยู่กันมาได้ถึงทุกวันนี้”
พูดจบ แกก็พยักเพยิดไปทางลุงที่กำลังเก็บกวาดโต๊ะ
ผมทำตาโตด้วยความทึ่ง “โห แล้วผมถามได้มั้ยว่า ที่ลุงเค้าไม่ค่อยกลับบ้านนี่ แกไปมีเมียน้อยหรือเปล่า”
ป้าพยักหน้า “อื้อ ป้าถึงได้รู้ว่า ตอนนั้นป้าเองก็ผิด มัวแต่มุ่งทำงานหาเงิน ไม่ได้สนใจดูแลผัวจนแกน้อยใจต้องออกไปหาอีหนูนอกบ้าน”
แล้วป้าก็เอียงหน้าเข้ามาใกล้ แล้วทำสีหน้ามีเลศนัย พูดกระซิบ “ป้าเลยจัดหนักให้ลุงเค้าทุกคืนที่เดินทางไปทำบุญกัน จนแกอิ่มใจ เลิกขาดจากนังเมียน้อย”
ผมมองป้าที่หัวเราะร่วนแล้วพยักหน้าหงึก ๆ ไปด้วย ท่าทางป้าแกคงมีของดีอยู่กับตัวจริง ๆ แหละ

ผมกับน้องแหม่มนั่งตัวเกร็งอยู่หน้าอาจารย์เปลี่ยนที่กำลังขีดเขียนดวงของเราสองคนบนกระดานชนวน
อาจารย์เปลี่ยนอยู่ในชุดนุ่งขาวห่มขาว รูปร่างผอมเกร็ง ผิวเข้ม ไว้หนวดเคราสั้น ๆ ดูน่าเคารพนับถือ
“เป็นไงบ้างครับอาจารย์” ผมถามเสียงอ่อนน้อมเมื่อเห็นแกหยุดมือแล้วจ้องกระดานชนวน
“ดวงเอ็งสองคนสมพงษ์กันดี” อาจารย์เปลี่ยนพูดเสียงเนิบ ๆ แต่ยังไม่ทันที่ผมกับน้องแหม่มจะดีใจ แกก็พูดต่อ “แต่ทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขันกันในชาติก่อนน้อยเกินไป ถ้าอยู่กินกัน จะไม่ยืด ไม่ใครก็ใครจะต้องมีอันเป็นไป”
น้องแหม่มยกมือกระพุ่มไหว้แล้วถามอาจารย์เปลี่ยนด้วยสีหน้าตกใจ “มีวิธีแก้ไขไหมคะอาจารย์”
อาจารย์เปลี่ยนเงยหน้ามองเราสองคน “ก็ใช่ว่าจะไม่มี ชาติก่อนทำบุญร่วมกันน้อย ก็มาทำชดเชยในชาตินี้แทน เอ็งสองคนต้องร่วมตักบาตรทำบุญอย่าได้ขาด ให้เน้นของที่เป็นคู่ เช่น ข้าวต้มมัด ปาท่องโก๋ แล้วอธิษฐานจิตขอให้ได้เป็นคู่สู่สมกันในชาตินี้และชาติต่อ ๆ ไป”
ท่าทางน้องแหม่มโล่งอก แต่ผมยังติดใจอยู่เรื่องนึง “อาจารย์ครับ แล้วจะต้องทำบุญกันไปนานไหมครับกว่าจะแก้ไขเรื่องนี้ได้”
อาจารย์เปลี่ยนวางกระดานชนวนลงกับพื้น แล้วหลับตา นับนิ้วคำนวณ
“ถ้าทำบุญกันทุกวัน สามเดือนก็น่าจะเพียงพอสำหรับชาตินี้แล้ว”
ได้ยินอย่างนี้ผมก็โล่งอก หลังจากเรียนถามข้อสงสัยเล็ก ๆ น้อย ๆ ผมกับน้องแหม่มก็กราบลาอาจารย์ออกมา

วันหยุดที่เหลืออยู่ ผมกับน้องแหม่มก็ตักบาตรตอนเช้า แล้วก็ออกเที่ยวในบริเวณใกล้เคียง แน่นอนว่า เราสองคนยังมีกอดจูบลูบคลำกันตลอดเมื่อมีโอกาส แต่ก็ระวังไม่ให้อารมณ์เตลิดจนหยุดไม่อยู่
แม้ว่าการไปเที่ยวครั้งนี้ ผมกับน้องแหม่มจะไม่ได้ไปสุดทางเสียวด้วยกัน แต่ก็ถือว่าได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นเยอะ ไม่ต้องเคอะเขินหรือใส่หน้ากากใส่กันอีก มีอะไรก็พูดกันตรง ๆ ทำให้ผมได้เรียนรู้และทึ่งในตัวน้องแหม่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
เธอมีวุฒิภาวะมากทีเดียว จนดูเหมือนจะใกล้เคียงกับผมแม้ว่าอายุเธอจะน้อยกว่าผมก็ตาม แม้ว่าผู้ชายบางคนอาจจะไม่ชอบที่ผู้หญิงมีความคิดอ่านของตัวเอง แต่ผมชอบนะ ก็จะได้เป็นแบบเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้านยังไงล่ะครับ
หลังจากไปเที่ยวกันมา วันหยุดถัดไป ผมก็พาน้องแหม่มไปเปิดตัวที่บ้านผม ซึ่งน้องแหม่มก็เข้าหาพ่อแม่ผมได้ดี พ่อแม่ผมเอ็นดูเธอมาก เรียกว่าลูกทุกคำ แถมยังบอกให้ผมพาเธอมาบ้านบ่อย ๆ ด้วย ทำเอาผมยิ้มแก้มแทบปริ
เมื่อผมพาน้องแหม่มไปบ้านผมแล้ว ผมก็ต้องไปกราบพ่อแม่น้องแหม่มในฐานะแฟนเธออย่างเป็นทางการเช่นกัน ซึ่งก็ผ่านไปโดยไม่มีปัญหา ผมมารู้เอาทีหลังว่า พ่อแม่เธอรู้อยู่ก่อนแล้วว่า น้องแหม่มแอบชอบผมตั้งแต่ตอนเรียน
ส่วนเรื่องสำคัญอย่างการทำบุญตักบาตร ผมและน้องแหม่มก็ไม่พลาดแม้แต่วันเดียว จนสนิทกับป้า ๆ ลุง ๆ ที่มาใส่บาตรเหมือนกันทุกเช้า ตักบาตรเสร็จ เราสองคนก็ไปทานอาหารเช้าด้วยกัน ก่อนที่ผมจะไปส่งเธอที่ห้าง และกลับมาทำงานที่อู่
ส่วนเรื่องเซ็กส์นะเหรอ…
น้องแหม่มรู้ว่า จะให้ผมอดไปจนถึง 3 เดือน คงมันจุกอกตายเสียก่อน เธอเลยเสนอว่าจะช่วยบรรเทาความอัดอั้นของผมได้แต่มีข้อแม้ว่าเธอจะสวมกางเกงในไว้ตลอด
ได้ขนาดนี้ผมก็แฮปปี้แล้วครับ ด้วยเหตุนี้ ทุกคืนน้องแหม่มก็จะแวะมาที่ห้องผม เราสองคนทำประหนึ่งสามีภรรยาร่วมเตียงกัน เพียงแต่ไม่ถึงขั้นสอดใส่
ทุกค่ำคืน ผมและน้องแหม่มได้ลองทุกท่าลีลาร่วมรัก ได้เรียนรู้ความชอบ-ไม่ชอบของกันและกัน ในตอนจบ น้องแหม่มจะกลืนน้ำรักของผมโดยไม่รังเกียจทุกครั้ง ยิ่งทำให้ผมทั้งรักทั้งหลงเธอยิ่งขึ้น
หลังเสร็จกิจ ผมกับน้องแหม่มจะนอนกอดกัน พูดคุยกันทุกเรื่อง ตั้งแต่ท่าโปรด อาหารการกิน เรื่องราวที่ทำงาน ความคาดหวังในอนาคต ฯลฯ
เราต่างคนต่าง “เติบโต” ในทางความคิดไปด้วยกัน ผมเชื่อว่าเราสองคนจะต้องไปด้วยกันได้ดีแน่นอน

และแล้ว เวลาก็ผ่านไป 3 เดือนนับจากวันที่ผมกับน้องแหม่มไปผูกดวงที่สำนักอาจารย์เปลี่ยน
แล้วก็สมกับที่เป็นน้องแหม่ม เธอขอผัดเวลาต่อไปอีก 1 สัปดาห์เพื่อเหลือเผื่อขาด ซึ่งผมก็ได้แต่หัวเราะ เพราะคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว
เราสองคนได้เตรียมการ “วันสำคํญ” ของเรามาเป็นอย่างดี เช่น เรื่องการคุมกำเนิด ซึ่งตอนแรกผมเสนอว่าจะใส่ถุงยาง แต่น้องแหม่มเธอค้าน เพราะมันอาจพลาดได้และในวันแรกของเราสองคน ควรจะได้ฟิลธรรมชาติที่สุด เธอจึงเริ่มกินยาคุมตั้งแต่เดือนก่อน
ส่วนสถานที่ แน่นอนว่ายังเป็นบ้านพักริมเลที่เดิม เพราะเป็นที่ที่เราสองคนได้เริ่มต้นความสัมพันธ์เนื้อแนบเนื้อ เราจึงเห็นพ้องต้องกันว่า จะดำเนินต่อไปให้สมบูรณ์แบบ ไม่อยากให้ค้างคาใจ ผมจองคิวไว้ล่วงหน้า และขอให้เปลี่ยนเป็นเตียงใหญ่แทน

เมื่อเดินทางไปถึงบ้านพักในตอนสาย ๆ ผมกับน้องแหม่มจัดสัมภาระที่ติดตัวมาเรียบร้อยแล้วก็พักให้หายเหนื่อยก่อนจะออกไปร้านอาหารทะเลเจ้าเดิม
บรรยากาศชายทะเลมีลมพัดเข้ามาต่อเนื่องช่วยคลายความร้อนในตอนเที่ยงได้ดี ผมกับน้องแหม่มอิ่มอร่อยกับอาหารเลิศรสและชูรสด้วยคำหวานกุ๊กกิ๊กตามสไลต์คนรักกัน ก่อนจะกลับมานอนพักเอาแรงตอนบ่าย
พอตอนเย็น ผมกับน้องแหม่มก็ชวนกันออกไปเล่นน้ำทะเล คราวนี้ไม่มีอะไรติดขัดเหมือนเที่ยวที่แล้ว น้องแหม่มในชุดทูพีซช่างมีเสน่ห์เย้ายวน ผิวขาวจั๊วะในวัยสาวสะพรั่งกับรูปร่างงดงามทำเอาคนเหลียวมองเธอจนผมทั้งภูมิใจทั้งหวง ยังดีที่น้องแหม่มเธอกอดแขนผมแนบชิด แสดงตัวว่ามีเจ้าของแล้ว ทำให้ใจผมฟูฟ่อง
เราสองคนเล่นวักน้ำใส่กัน หัวร่อต่อกระซิกอย่างสนุกสนาน บางครั้งผมก็โผเข้าตะครุบร่างน้องแหม่มมากอด แล้วไซ้ซอกคอ เธอร้องว้ายแล้วดิ้นหนี ความสดใสของเธอช่างดีต่อใจเหลือหลายครับ
พอเล่นกันจนเหนื่อย เราสองคนก็พากันกลับบ้านพัก แยกย้ายกันไปอาบน้ำ
มื้อเย็น เราทานกับแกล้มที่ซื้อมาจากร้านตอนเที่ยงพร้อมด้วยเบียร์ บนโต๊ะอาหารจุดเทียนเพิ่มบรรยากาศ ใบหน้าน้องแหม่มที่ขึ้นสีแดงระเรื่อสะท้อนกับแสงเทียนช่างงามจนผมแทบลืมหายใจ จ้องเอา ๆ จนน้องแหม่มเขินอาย
“พี่พงษ์นี่ล่ะ แหม่มอายนะคะ”
“ก็แฟนพี่สวยออกอย่างนี้ พี่จะห้ามใจไม่ไหวแล้ว” ผมกลืนน้ำลาย อารมณ์เริ่มคุกรุ่น
“วันนี้ไม่ต้องห้ามใจแล้วค่ะ แหม่มพร้อมเป็นของพี่แล้ว” น้องแหม่มพูดเสียงแผ่วเบา ดวงตาเธอหยาดเยิ้ม
น้องแหม่มส่งสัญญาณแบบนี้ ผมก็จูงเธอเข้าห้องซิครับ จากนั้นเราสองคนก็ช่วยกันปลดเปลื้องเสื้อผ้าของกันและกันจนเปลือยเปล่า ร่างงามเปล่งปลั่งด้วยวัยสาวของน้องแหม่มขาววิ้ง ๆ ท่ามกลางแสงไฟบนเพดานห้องนอน
ผมประคองเธอให้เอนราบลงบนเตียงและกอดจูบเคล้นคลึงปลุกเร้าอารมณ์ของเธอทุกจุด ทั้งริมฝีปาก ซอกคอ ติ่งหู สองเต้า สะดือ ซอกขา และกลีบสาวที่ผมไม่ได้เห็นมาหลายเดือน
“อูยยย พี่พงษ์ขา แหม่มเสียวมากเลย ซี๊ดดดดด” น้องแหม่มพร่ำเพ้อ บิดตัวบนเตียง
เมื่อเห็นน้องแหม่มฉ่ำเยิ้ม ส่วนผมเองก็แข็งจนปวดไปหมดแล้ว จึงกระเถิบตัวขึ้นไปคร่อมน้องแหม่ม เธออ้าขากว้างอย่างคุ้นเคย ผมก้มลงแลกจูบกับเธออย่างร้อนแรง น้องแหม่มจับดุ้นแกร่งผมจ่อกับรูสวาท
ผมค่อย ๆ ดันลงไป แม้ว่าจะคับแน่นไปหมด แต่ด้วยความฉ่ำเยิ้มที่มากพอประกอบกับน้องแหม่มอ้าขาออกจนกว้าง ทำให้แก่นกายผมฝ่าลงไปได้จนหน้าขาเราแนบชิดไร้ช่องว่าง
“เจ็บไหม” ผมกระซิบถามเธอ
น้องแหม่มส่ายหน้าน้อย ๆ แขนเธอโอบรอบแผ่นหลังผม
ผมแช่เอาไว้อย่างนั้นก่อน แล้วจูบไปทั่วใบหน้าน้องแหม่มก่อนจะมาแลกลิ้นกันอย่างเร่าร้อน
ผมค่อย ๆ ถอนขึ้น น้องแหม่มร้องครางเบา ๆ ในลำคอ พอผมดันกลับเข้าไป เธอก็ร้องซี๊ด ผมเห็นเธอไม่เจ็บแน่ ๆ จึงเริ่มกระเด้าช้า ๆ ก่อน
น้องแหม่มครางไม่ขาดปาก เธอร่อนตะโพกรับการกระเด้าของผมได้ดีมาก เสียงหน้าขาเราสองคนตีกันเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ
ร่องเสียวน้องแหม่มช่างใหม่สดซิง ฟิดรัดให้ความเสียวสะใจผมเหลือเกิน ผมต้องสูดหายใจระงับความตื่นเต้นเป็นระยะ ๆ
“เสียวจังค่ะพี่พงษ์ อ๋อยยย แน่นท้องน้อยไปหมด แหม่มไม่เคยเสียวขนาดนี้มาก่อนเลย ซี๊ดดดด” น้องแหม่มครางเสียงสั่นสะท้านขณะเด้งก้นรับการกระแทกกระทั้นของผม
แล้วเธอก็ร้องว้ายตัวเกร็ง ดุ้นเอ็นผมโดนตอดรัดแรงและถี่จนผมต้องกัดลิ้นระงับความเสียว
พอน้องแหม่มเริ่มหายใจผ่อนคลาย ผมก็พลิกนอนหงายให้เธอขึ้นขี่ ท่านี้เป็นท่าโปรดของเธอ
น้องแหม่มยิ้มหยาดเยิ้ม ตาเป็นประกาย ร่อนร่างขาวโพลนบนหน้าขาผมอย่างร้อนแรง ผมช่วยกอบกุมเคล้นคลึงสองเต้าอวบเต่งเบื้องหน้าอย่างมันมือ
“โอยยย ได้ทำท่านี้จริง ๆ แล้วเสียวมากค่ะพี่พงษ์ ของพี่เข้าไปลึกสุด ๆ เดี๋ยวแหม่มเอาแรง ๆ นะคะ” น้องแหม่มสูดปากกระเส่า ก่อนจะยันตัวขึ้นสูงแล้วทิ้งตัวกระแทกกลืนดุ้นเอ็นผมจนเตียงสะเทือน ผมเสียวจนต้องร้องอูย ๆ ทุกครั้งที่เธอขย่ม
เสียงปั่บ ๆ กับเสียงเจ๊าะแจ๊ะของน้ำเสียวที่เอ่อล้นออกจากร่องสวาทดังไปทั่วห้อง ผมกัดลิ้นตัวเองแทบขาดตอนที่น้องแหม่มหวีดร้องตัวเกร็งบดเนินสวาทกับหนอกหน้าขาผม เธอถึงสวรรค์ไปอีกครั้ง
ผมเองก็กลั้นต่อไปแทบไม่ไหวแล้ว ครั้งหน้าคงไม่แคล้วกระฉูด เลยรีบเปลี่ยนท่าให้น้องแหม่มนอนตะแคงหันหลังให้
มุมนี้มุมโปรดของผมเลย ได้เห็นแผ่นหลังขาวเนียน เอวคอดและตะโพกโค้งกลมสวยและบั้นท้ายงอนงามของเธอเต็มตา
ผมสอดดุ้นยาวจากด้านหลัง น้องแหม่มร้องอุทานออกมาเมื่อผมเสยดันเข้าไปจนสุด ผมเอื้อมมือไปตะโบมสองเต้าอวบด้านหน้าขณะที่ซอยกระเด้าถี่ยิบเสียงดังปั่บ ๆ แก้มก้นน้องแหม่มสั่นระริก
เธอก็เด้งก้นรับกับจังหวะกระเด้าผม ความเสียวอร่อยยิ่งเพิ่มพูน ผมยื่นหน้าไปอมเลียติ่งหูเธอไปด้วยขณะกระเด้า น้องแหม่มยิ่งครางดังขึ้นไปอีก
ผมพยายามประวิงเวลาแห่งความสุขไว้ให้นานที่สุด ซอยกระเด้าน้องแหม่มจนเธอเสร็จสมไปอีกครั้ง ทั้งผมและน้องแหม่มเหงื่อโชกไปทั้งตัว หอบหายใจแรงกันทั้งคู่
และแล้ว ผมก็รู้ว่าดึงนานกว่านี้ไม่ไหวแล้ว ผมถอนยวงออก น้องแหม่มก็รีบพลิกนอนหงายแยกขาออก ผมขึ้นคร่อม เสียบเข้าไปจนมิดดุ้นแล้วซอยต่ออีกไม่กี่ครั้ง น้ำกามผมก็กระฉูดเข้าไปในร่างน้องแหม่มอย่างทะลักทลาย
ผมกับน้องแหม่มกอดกันแน่น แลกจูบจนกระทั่งน้ำกามหยดสุดท้าย เรายิ้มให้กันและบอกรักกันอีกครั้งก่อนจะนอนกอดกัน พากันงีบเอาแรง
คืนนั้น ผมกับน้องแหม่มทำรักกันนับครั้งไม่ถ้วน ประมาณว่าใครตื่นก่อนก็เป็นฝ่ายรุก จนกระทั่งสาย เราสองคนยังเพลียไม่หาย นอนกกกอดกันอยู่บนเตียง
หลังจากวันนั้น ผมกับน้องแหม่มก็ย้ายมาอยู่ด้วยกัน จนกระทั่งปีต่อมา ผมก็ขอเธอแต่งงาน
เธอเป็นทั้งคู่นอนที่เร่าร้อน เป็นภรรยาที่แสนดี และเป็นคู่คิดที่รู้ใจ นี่แหละครับ น้องแหม่มของผม    


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น