วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2564

หอมกลิ่นโลกีย์ ตอนที่ 2

 

   

     อาแปะทําเหมือนอย่างที่หนึ่งว่าจริงๆ ใครไม่มีดอกเบี้ยจ่ายเป็นเงิน ก็ต้องไปจ่ายดอกกันเป็นอย่างอื่น อนงค์แม่ของหนึ่งกับนุช หล่อนรู้ดีว่าจะต้องจ่ายกันแบบไหน
     ความจริงแล้ว อนงค์มีงานการที่ดีทําและเงินเดือนก็ดี ไม่จําเป็นจะต้องไปกู้หนี้ยืมสิน แต่ในบางครั้งหล่อนก็ใช้เงินเกินตัวไปบ้างเงินจึงขาดมือ ใช้จนเพลินเงินก็หมด อีกทั้งบางครั้ง ก็ยังแก้เหงาด้วยการเข้าบ่อนไพ่ ที่ตั้งกันในหมู่บ้าน เป็นบ่อนที่แม่บ้านรู้กันเองว่าบ้านไหน
     พอเงินขาดมือ แม่บ้านในบ่อนที่เป็นเพื่อนห้องของอนงค์ ก็แนะนําให้ใช้บริการเงินกู้ของอาแปะ แต่ไม่วายเตือนแบบหยอกๆว่าระวังจะต้องไปจ่ายดอกที่โรงแรม อนงค์ได้ยินกิตติศัพท์ของอาแปะมานานก็หัวเราะอย่างขำๆ พลอยให้หวนนึกไปว่า จะจ่ายกันอีท่าไหน
     หล่อนกับอาแปะ เห็นหน้าเห็นตากันบ่อยๆ เคยหยอกเย้ากระเซ้าแหย่กันอยู่เนืองๆ อาแปะมักมองหล่อนด้วยตาเป็นมันพลางกลืนน้ำลายลูกกระเดือกวิ่งพล่าน ...แม้ว่าหล่อนจะไม่ใช่สาวแส้ที่อยู่ในวัยขบเผาะ แต่สาวใหญ่อย่างหล่อนก็มีเสน่ห์รุนแรง เป็นกระดังงาลนไฟที่กลิ่นฉุนหอมหวนทวนลม
     วัยสามสิบแปดของหล่อนนั้น ราวกับเพิ่งจะสามสิบเอ็ด ความสวยสดงดงามยังสะพรั่ง อาแปะเคยถาม ว่าหล่อนอายุเท่าไหร่ทําไมสวยอย่างนี้ อนงค์ตอบทีเล่นทีจริงว่าสามสิบยังแจ๋ว และบอกให้อาแปะเดาเอา เอง อาแปะก็เดาว่าไม่เกินสามสิบสอง หล่อนก็หัวเราะ ตอบพลางเล่นหูเล่นตาไปด้วย
     “แหม  แปะนี่ทายแม้นแม่น สงสัยเมื่อก่อนเคยนั่งดูหมออยู่โคนต้นมะขามสนามหลวง ใช่หรือเปล่าจ๊ะแปะ”
     อาแปะไม่ตอบว่าเคยเป็นหมอดูหรือไม่ ได้แต่จ้องมองเรือนร่างที่อะร้าอร่ามรูปร่างหน้าตา กิริยาอาการทีเล่นทีจริงของหล่อน ปลุกกําหนัดของอาแปะอย่างรุนแรง ถึงกับคิดไปว่า ถ้าได้นอนกับอนงค์สักครั้ง คงจะมันส์สุดยอดไร้เทียมทาน อาแปะผ่านโลกีย์กามมาโชกโชน มองออกว่าผู้หญิงลักษณะไหนเล่นมันส์ หรือเล่นไม่มันส์ ผู้หญิงอย่างแม่ม่ายคนนี้แหละ เล่นมันส์อย่าบอกใครเชียว
     คิดอย่างนี้แล้วมันทําให้เขากลืนน้ำลายลงคอยากเย็นนัก กระเดือกตั้งหลายทีจึงกลืนได้สําเร็จ
     เห็นอาแปะมีท่าทางอย่างนั้น อนงค์ก็ยิ้มด้วยความภูมิใจในตัวเอง เสน่ห์แรงไม่เบาเหมือนกันนี่เรา ครึ้ม ใจอยู่เงียบๆ ยิ้มออกมาน้อย ๆ

     วันหนึ่งเงินขาดมือก็เลยยืมเงินอาแปะหมื่นเดียวเท่านั้น อาแปะก็ควักให้ง่ายดายเหลือเกิน มือที่ยื่นเงินให้หล่อนนั้นมันสั่นๆ เอาเสียด้วยซ้ำ เพราะตาของอาแปะจ้องลึกเข้าไปในคอเสื้อที่กว้าง และมีเนื้อนมขาวอวบล้นทะลักออกมาล่อตาล่อใจ
     อนงค์อ้างกับอาแปะว่าจะเอาเงินไปจ่ายค่าเทอมลูกสาว ดูเหมือนว่าอาแปะจะไม่ได้ฟังเสียด้วยซ้ำ ยังถามหล่อนเลยว่า หมื่นเดียวพอหรือ ไม่เอาไปอีกสักหมื่นนึงล่ะ หล่อนก็ตอบว่าพอแล้ว แล้วจะขอยืมใหม่
     หลังจากวันนั้น อาแปะก็พันพัวนัวเนียตามเก็บดอกถึงบ้านถึงช่อง อยู่คุยด้วยทีละนานๆ บางทีไม่มีใคร อยู่บ้าน สองต่อสองก็คุยกันอย่างสนุกสนาน หยอกเย้ากระเซ้ากันแบบถึงลูกถึงคน
     อนงค์ไม่ถือตัว ผัวตายไปก็นานแล้ว เปล่าเปลี่ยวเหลือเกิน รสชาติผู้ชายเป็นอย่างไร ชักจะลืมๆไปเสียแล้ว และเขาลือกันว่ารสชาติของอาแปะไม่เบาเลย แม้อายุจะมากแล้ว แต่ก็ไม่แก่โดยไม่ได้เรื่อง แก่อย่างอาแปะ เป็นแก่แบบมะพร้าว ยิ่งห้าวยิ่งมันส์ ยิ่งอร่อย

     วงการกู้ยืมเงินเขาพูดกันว่าถ้ายอมให้อาแปะพาไปขัดดอกทีเดียว จะสบายเนื้อสบายตัวไปเป็นเดือนๆ เลยทีเดียว เพราะทุกรูปแบบเลย ไม่ว่าแบบไหน อึดนานเป็นชั่วโมง เล่นแล้วเล่นอีก ท่าทางก็ไม่ผิดหวัง ล้วนแต่โลดโผนทั้งสิ้น ความเขื่องของอาวุธก็เหลือจะรับประทาน ผู้หญิงบางคนขนาดมีผัวแล้ว ก็ยังร้องลั่น เนื่องจากโดนอาแปะดันมังกรเข้าไป แต่มันไม่ค่อยจะเข้า เนื่องจากปากประตูสวรรค์ไม่กว้างพอกับขนาดของมังกรยักษ์จะมุดเข้าไปได้ ต้องพยายามกันอยู่หลายคราจึงสําเร็จ แต่พอเข้าไปแล้ว ...ก็จะต้องร้องเรียกแต่ชื่อของอาแปะไม่ขาดปาก เนื่องจากอะไรก็เดาเอาเองเถอะ
     
แล้วลิ้นของอาแปะ พูดแล้วคนที่เคยก็ต้องขนลุกขนชัน เสียวปลาบไปถึงเนื้อใน ลิ้นคนหรือลิ้นอะไร ทําไมมันเด็ดสะระตี่อย่างนั้นไม่ทราบได้ สากยิ่งกว่ากระดาษทราย ลูกเล่นในระหว่างสะบัดลิ้นก็เหลือเกินเหลือใช้ เจ้าประคุณรุนช่องเอ๋ย มันส์จนยกร่องเลยก็แล้วกัน  ...ในบรรดาลูกหนี้ซึ่งเคยไปจ่ายดอกเบี้ยแบบพิเศษ ต่างรู้ซึ้งกันเป็นอย่างดี และประทับใจกันมาทั้งนั้น กลับถึงบ้านถึงช่อง  ...ไม่อยากนอนกับผัว เพราะคนที่บ้านมันไม่ได้ความอะไรสักอย่างเดียว สู้อาแปะไม่ได้สักนิด
     อาแปะไม่เลือกว่าลูกเขาเมียใคร ขอเพียงเจ้าหล่อนยินยอมพร้อมใจเป็นใช้ได้ ขอเพียงอย่างเดียว อย่า ให้มีปัญหาตามมาในภายหลัง ลูกหนี้จะต้องคิดหาทางป้องกันเอาเอง

     พอวันหนึ่ง อนงค์ไม่มีดอกเบี้ยจะส่งให้อาแปะ เขาก็ยิ้ม เนื่องจากรอเวลานี้มานานแล้ว โดยความจริงเขาไม่อยากได้ดอกเบี้ยสักเท่าไร แต่อยากจะได้อย่างอื่นของแม่ม่ายเนื้อแน่นคนนี้มากกว่า
     ดอกเบี้ยไม่กี่ตังค์ อนงค์จะหามาให้ก็ย่อมได้  ...แต่หล่อนไม่อยากจะขวนขวาย หล่อนบอกตัวเองว่า อยากจะชิมรสชาติมังกรของอาแปะดูบ้าง จะเป็นอย่างไร นอกจากจะได้รับความมันส์ที่เหินห่างไปเสียนานแล้ว ก็ยังจะได้หักเงินค่าดอกไปอีก เผลอก็จะร่อนจนอาแปะยอมลืมหนี้สินหมื่นบาทที่ขอกู้ไป
     หล่อนคิดว่าไม่ยาก เพราะท่าทางอาแปะสนใจหล่อนอยู่อย่างมากมาย

     เย็นนั้น ลูกสาวยังไม่กลับมาบ้าน  ...อนงค์ก็ได้ต้อนรับอาแปะที่ทาวน์เฮ้าส์ของหล่อน ด้วยใบหน้าที่ หม่นหมอง อาแปะเห็นเข้าก็รู้แล้วว่ามีปัญหาอะไร ไม่แคล้วหาดอกเบี้ยมาส่งให้ไม่ทัน
     “กินน้ำเย็นก่อนซีแปะ”
     อาแปะนั่งลง แล้วรับน้ำเย็นมาดื่ม วางแก้วลง อนงค์ก็เอ่ยถึงปัญหาของเธอแบบทีเล่นทีจริง
     “นี่แปะ ถ้าฉันจะขอผลัดเอาไว้สักสองสามวันจะได้หรือเปล่าล่ะแปะ ไม่มีเลยนี่”
     หล่อนเปิดกระเป๋าสตางค์ให้ดู มองเห็นบัตรอะไรต่ออะไรหลายใบ แต่ไม่มีธนบัตรสักใบเดียว อาแปะก็ รีบยกมือขึ้นโบก บอกว่าไม่เป็นไร ไม่เป็นไร
     “อย่ารีบร้อน อย่ารีบร้อน ไม่มีไม่เป็นไร“ แล้วมองแก้วน้ำเย็น  ”น้ำเย็นนี่มันก็เย็นชื่นใจดีอยู่หรอก แต่ถ้าเป็นเบียร์นะ มันจะเย็นชื่นใจมากยิ่งกว่านี้ พูดถึงแล้วก็เปรี้ยวปาก อยากกินสักขวดแต่ไม่มีเพื่อน อนงค์ว่างหรือเปล่าล่ะ ไปกับอั๊วหน่อยซี  ไปกินเบียร์กันให้มันสบายใจ ไม่ต้องไปคิดถึงปัญหา มันเรื่องจิ๊บจ๊อยน่า กินเบียร์ขวดเดียว ปัญหาก็จะคลี่คลายไปเอง”
     อนงค์อมยิ้ม แต่ไม่ให้อาแปะเห็น ทําอิดเอื้อน
     “น่ากลัวไปไม่ได้หรอกแปะ ลูกยังไม่กลับ กลับมาไม่เจอจะทํายังไง”
   
     อาแปะยิ้ม ผู้หญิงคนนี้ทําเป็นมีเล่ห์เหลี่ยม คนอย่างหล่อนเคยไปกินบ่อนนอนบ่อน แล้วมายังงี้จะทําเป็นแม่ศรีเรือน นึกหรือว่ารู้ไม่ทัน ทําเป็นห่วงลูก ความจริงแล้วเคยทิ้งลูกอยู่บ้านคนเดียวบ่อยไป และลูกของหล่อนก็ไม่ใช่เด็กอมมือ อายุอานามเป็นสาวแล้ว สวยเสียด้วย สวยไม่แพ้แม่ แต่จริตจะก้านยังไม่ค่อยมี สู้แม่ไม่ได้ ผู้หญิงอย่างอนงค์นี้แหละมันส์ ได้สักทีคงลืมไม่ลง
     มีคนเล่าให้เขาฟังว่าเป็นแม่ม่ายผัวตายหลายปีมาแล้ว ระหว่างเป็นแม่ม่ายไม่เห็นข้องแวะกับผู้ชายคนไหน หลายปีไม่มีอะไรเข้าไปแหย่ไปแยง ป่านนี้คงกลัดมันอยากจะได้อะไรสอดใส่เข้าไปเกาแก้คันบ้างหรอก
     เขารู้ดีว่าผู้หญิงเคยมีผัวมาแล้ว ถ้าว่างเว้นนานๆ จะอยากจนน้ำฉ่ำน้ำเยิ้มไปหมด ช่วยตัวเองใช้นิ้วสอดเข้าไปคว้าน ก็ยังสู้ลําเนื้อของผู้ชายไม่ได้ นิ้วช่วยเหลือได้แต่ไม่หายอยาก จะให้หายอยากจริงๆ ก็ต้องใช้มังกรยักษ์ของบุรุษเพศทะลวงเข้าไปให้มันลึกที่สุดเท่าที่จะลึกได้

     “ไปกินเบียร์ด้วยกันนะ ลูกสาวน่ะโตแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เขียนบอกเอาไว้ก็ได้นี่ ไม่เห็นลําบาก ไปเป็นเพื่อนหน่อยเถอะ จะได้คุยกันเรื่องดอกเบี้ยด้วยยังไงล่ะ”
     “เอ้อ...จะเอายังงั้นก็ได้ แต่อย่ากลับให้ดึกนักก็แล้วกันนะ เดี๋ยวลูกสาวจะเป็นห่วง แล้วฉันก็เป็นห่วงลูกสาวด้วย”

     เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวใหม่แล้ว อาแปะก็พานั่งรถไปกินอาหารกันที่สวนอาหารแห่งหนึ่งริมถนนรัตนาธิเบศร์ ด้านในเป็นห้องแอร์ปรับอากาศ ข้างนอกเป็นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยธรรมชาติแห่งต้นหมากรากไม้ ประดับไฟสีสวยงาม
     ทีแรกนั่งกันที่ข้างนอกแต่พอค่ำมืดดิบดี ก็พากันย้ายโต๊ะเข้าไปข้างใน มันเป็นความประสงค์ของอาแปะ เขาว่าข้างในเป็นส่วนตัวดีกว่า ข้างนอกมันโล่งโจ้งมากเกินไป
     ที่เขาชวนเข้าข้างใน ทําไมอนงค์จะไม่ทราบว่าเขาต้องการสิ่งใด เขาชอบที่จะแตะต้องเนื้อตัวของหล่อน จับเล็กจับน้อยมันก็คือความสุขและคือกําไร
     อนงค์ไม่ว่า ไม่สึกหรอ แต่ก็ทําบ่ายเบี่ยง รักนวลสงวนตัวบ้าง เพื่อให้ไม่น่าเกลียดจนเกินไป

     คืนนั้น อาแปะก็ทําท่าจะพาเข้าโรงแรมเหมือนกัน แต่อนงค์บอกว่าอยากกลับบ้านนอนแล้ว เช้าต้องไปทํางาน แม้ว่าอาแปะจะเสียโอกาส แต่ก็ไม่เป็นไร วันพระไม่มีหนเดียว ท่าทางของอนงค์ยังไม่พร้อมที่จะให้เขาคิดดอก ก็ไม่ว่ากัน ถ้าเป็นเย็นวันศุกร์อะไรอย่างนั้น คิดว่าหล่อนจะพร้อมมากกว่า หรือไม่ก็ค่ำวันเสาร์ เช้าวันอาทิตย์หยุดงาน ช่วงเวลาวันหยุดเช่นนี้มักจะปลอดโปร่งสําหรับคนทํางานกินเงินเดือน
     อาแปะขับรถพาอนงค์ส่งที่บ้าน ก่อนจะยอมให้หล่อนออกจากรถก็ดึงร่างของหล่อนเข้าไปกอดและหอมเสียฟอดใหญ่

     อนงค์เข้าบ้านแล้วอาแปะจึงออกรถไป อนงค์เปลี่ยนเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำ นึกถึงแต่มือไม้และท่าทีของชายจีนสูงอายุ ท่าทางเขาต้องการหล่อนอย่างมาก แต่หล่อนก็ต้องไว้ท่าไว้ที ไม่ยอมง่ายๆ เพื่อให้เขาเกิดความงุ่นง่านมากๆ ผู้ชายลงได้ยอมง่ายๆ ก็เบื่อง่ายเช่นกัน
     ในซอกหลืบของหล่อนนั้นฉ่ำไปหมดแล้ว ความต้องการทางเพศมันรุนแรงอย่างที่สุด มันอยากมาก มันคันยุบยิบที่ช่องในช่องสวาท ...เหมือนมันอยากจะได้อะไรสักอย่าง เข้าไปช่วยเกา มันคือความหงี่นั่นเอง
     อาบน้ำจึงอดไม่ได้ที่จะช่วยปลดเปลื้องความอยากให้ตัวเอง จนบรรเทาความงุ่นง่านลงบ้าง
     อาแปะเอ๋ย ยังไม่เคยเห็นเนินเนื้อของหล่อน สงสัยว่าพอเห็นก็ต้องตะลึงตะลานก้มลงไปมอง ก็เห็นอยู่ว่ามันมีขนาดไหน เป็นโคกเลยเชียว บานตะไทอล่างฉ่างน่าสนใจที่สุด ฝ่ามือเดียวอย่าหวังจะปิดมิด มันอาจจะต้องใช้ถึงสองฝ่ามือ จึงจะพอปิดบังเนินเนื้อสามเหลี่ยมของหล่อน

     หลังจากวันนั้น อาแปะก็มักชวนหล่อนไปกินโน่นกินนี่อยู่บ่อยๆ แต่หล่อนก็ยังไม่ยอมที่จะตกเป็นของเขา มันต้องถ่วงเวลาเอาไว้ ไม่ว่าตัวหล่อนจะอยากทดลองของอาแปะมากเพียงใด แต่การที่จะให้เขาต้องการในตัวหล่อนมากๆ นั้น ก็ด้วยวิธีอย่างนี้แหละดีที่สุด ถ้าไปยอมเขา เขาก็จะเลิกต้องการลงง่ายๆ
     เขาถึงกับบอกหล่อนว่า ดอกดวงอะไรเหล่านั้น ไม่ต้องการแล้ว และถ้าตกลงกันได้ เงินต้นหมื่นบาท ก็จะยกให้ ขอเพียงเห็นใจเขาสักครั้ง เพราะเขาไม่เคยใช้เวลากับผู้หญิงคนไหนนานเหมือนที่เสียไปกับหล่อน นับว่าเขาพยายามมากแล้ว มันไม่ใช่เป็นเพียงความต้องการแบบธรรมดา มันอาจเลยเถิดไปถึงว่า เขาอาจจะรักหล่อนด้วยก็ได้ เขาว่าอย่างนั้น เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา
     ถ้าอาแปะรักหล่อน มันก็จะยิ่งดีกันใหญ่ เงินทองของอาแปะมีไม่ใช่น้อย และไม่เห็นจะจริงจังกับผู้หญิงที่ไหนสักคน ถ้าอาแปะยอมตกร่องปล่องชิ้นอยู่กินกับหล่อน หล่อนก็อาจจะออกจากงานที่น่าเบื่อ แล้วมาช่วยอาแปะเก็บดอกเบี้ย มันจะดีไม่น้อยเลย

     หล่อนปล่อยให้อาแปะได้ลูบคลําเนื้อเนินของหล่อนบ้างแล้ว พอมือของเขาตะปบลงไป เขาก็ถึงกับครางในลําคออย่างประหลาดใจ พึมพำออกมาว่ามันทั้งโคกทั้งใหญ่ ไม่เคยเจอะเจอมาก่อน แม้ว่าจะผ่านผู้หญิงมาไม่ใช่น้อย แต่ไม่เคยเจอโคกใหญ่อย่างนี้
     “ไปเอามาจากไหน ทําไมมันถึงได้ใหญ่โคกยังงี้ล่ะ”
     อาแปะคงจะทนไม่ไหว ถามอย่างไม่อ้อมค้อม อนงค์หน้าร้อนผ่าว เหลียวมองแขกโต๊ะข้างๆ ก็พบว่าไม่มีใครสนใจใคร ไม่มีใครสนใจว่าที่ใต้โต๊ะอาหารของหล่อนนั้น มือของอาแปะกําลังล้วงเข้าไปในกระโปรงของหล่อน
     “อาแปะนี่ละ ทําอะไรน่าเกลียดแล้วยังถามอะไรก็ไม่รู้ พิลึกคนจัง ถามอะไรออกมายังงั้นไม่อยากตอบหรอก”
     “ไม่ตอบแล้วอั๊วจะรู้ได้ยังไงล่ะ มันใหญ่จริงมันโคกจริง มันเป็นขนาดที่คนอย่างอาแปะคนนี้ไม่เคยเจอมาก่อนเลยนะ”
     “มันใหญ่แล้วจะทําไมล่ะจ๊ะ แปะจ๋า”
     อนงค์ออดอ้อนเข้าอย่างถูกจุด อาแปะเลียริมฝีปากด้วยลิ้นที่คันยิบๆ อยากจะเลียไอ้โคกใหญ่นี่เสียจัง ท่าทางมันฉ่ำไม่น้อยเลย
     “อั๊วจะทําไมน่ะหรือ ก็อยากจะกินมันให้อร่อยน่ะซี ใหญ่ๆยังงี้นะ เลียมันส์อย่าบอกใครเลย”
     อนงค์สะดุ้ง ไม่ได้แกล้ง แต่สะดุ้งจริงๆ นึกไม่ถึงว่าอาแปะจะพูดเรื่องเลียออกมาที่โต๊ะอาหาร แม้อยู่สองต่อสองก็เถอะ คนข้างๆ ได้ยินบ้างหรือเปล่า มันน่าเกลียดนัก เกิดมาก็ยังไม่เคยโดนลิ้น รสชาติมันจะเป็นยังไงบ้างก็ยังไม่ทราบ ผัวที่ตายไปแล้ว ไม่เคยทําอะไรอย่างนั้น
     ...หล่อนทุบไหล่อาแปะอย่างเบาะๆ หน้าแดงก่ำร้อนผะผ่าว ค้อนเขาหนึ่งขวับ ก่อนจะก้มหน้าลงมองมือตัวเอง
     “พูดอะไรไม่รู้อาแปะเนี่ย ลงเลีย น่าเกลียดจะตาย มันเป็นของต่ำ จะไปเลียมันได้ยังไง ทํามาหากินไม่ขึ้นนะแปะ รู้หรือเปล่า”
     อาแปะหัวเราะ คลึงโคกเนื้อของหล่อนที่มันอยู่ในกางเกงในหนักหน่วงมากยิ่งขึ้น จนอนงค์ต้องบิดตัวอยู่
ไปมา หน้าขาก็อ้าซ่ามากยิ่ง
     “ใครบอกทํามาหากินไม่ขึ้น เขาหลอกเด็กหรอกน่า อย่าไปเชื่อ เลียซีดีสนุกดี ยิ่งเลียยิ่งมันส์ คนไม่เคยก็จะพูดยังงี้แหละ แต่พอเคยสักทีเดียวเท่านั้น ก็จะพูดอย่างอื่นทันที”
     “พูดยังไงล่ะจ๊ะ”
     “ก็พูดว่า ลิ้นดีอร่อยดี มันส์ดี เอาอีก เอาอีก”
     อาแปะพูดแล้วก็หัวเราะชอบอกชอบใจ ใบหน้าของเขานั้นมันแดงก่ำ บ่งบอกความมึนเมาและความเมามันส์
     เกือบพาอารมณ์เตลิดไม่กลับไปแล้วแต่อนงค์ก็ใจแข็ง ทรมานอาแปะต่อไป หล่อนบอกตัวเองอย่างนี้ แม้ว่าจะเป็นการทรมานตัวหล่อนเองด้วยก็ตาม แต่ก็ต้องทําเพื่อความสุขในภายหน้า จะเสียเนื้อเสียตัวทั้งทีก็ต้องให้มันมีผลตอบแทนที่คุ้มค่า จะสนุกอย่างเดียวหาที่ไหนก็คงหาได้ แต่ถ้าจะให้สนุกด้วยและสุขกายใน อนาคต ก็คงต้องวางแผนกันหน่อย

     อนงค์กลายเป็นผู้หญิงที่อาแปะต้องการมากที่สุด แม่ม่ายเนื้อหอม ...ไปไหนมาไหนกับอาแปะเสมอๆ หนึ่งมองแม่กับอาแปะแล้วก็ไม่กล้าพูดอะไร แม้จะเห็นว่ามันไม่สมควรก็ตาม แต่แม่ก็เป็นแม่ แม่จะทําอะไรก็ต้องเป็นเรื่องของแม่ แม่ย่อมตัดสินใจไตร่ตรองดีแล้ว ก่อนที่จะทําอะไรลงไป
     แม่ออกไปกับอาแปะ และมักกลับถึงบ้านดึกดื่นเสมอๆ หนึ่งไม่รู้หรอกว่าไปทําอะไรกันมาบ้าง แต่ชาวบ้านใกล้เคียง เขาก็เริ่มนินทากันแล้ว นินทาให้หนึ่งได้ยินด้วย โดยไม่เกรงใจบ้างเลย
     หาว่าแม่ของหนึ่งคงจะได้เสียกับอาแปะเป็นที่เรียบร้อย และที่พากันกลับมายามดึกดื่นเช่นนั้น ก็ไม่ แคล้วเพิ่งออกมาจากโรงแรมม่านรูด
     ...แม่ก็คงจะได้ยินเช่นกัน เพราะแม่มาบ่นๆ ว่า ก็ไม่หนักหัวใครนี่ จะทําอะไรไม่ได้ไปทําบนหัวใคร และก็ไม่ได้ไปขอใครกินด้วย
     หนึ่งไม่ได้ออกปากพูดกับแม่ในเรื่องนี้ หล่อนทําเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่รู้ว่าอาแปะเป็นคนอย่างไร และแม่ของหล่อนนั่นแหละ เป็นผู้ที่จะรู้ดีกว่าหล่อน แล้วหล่อนจะไปพูดอะไรอีกทําไมล่ะ ในเรื่องที่แม่ตัดสินใจไปแล้ว

     แล้วก็คืนนั้นแหละ คืนที่หนึ่งบังเอิญตื่นมาได้ยินเสียงร้องครวญครางจากห้องของแม่ มันเป็นคืนที่อาแปะสมหวังดังหมายใจเอาไว้ หลายเพลาแล้ว เขาจึงทั้งเลียทั้งกระหน่ำลําเนื้อเข้าใส่โคกใหญ่ของอนงค์อย่างหนักหน่วง จนเตียงแทบพัง เขารัวไม่ยั้ง ลําเนื้อยาวใหญ่ของเขาที่อนงค์เห็นเข้าทีแรก ก็ตาเหลือก นึกว่ามันไม่ใช่ของคนนั่นแหละ เจ้าดุ้นยักษ์มันได้เคลื่อนตัวเข้าๆ ออกๆ จนน้ำฉ่ำเยิ้มเต็มไปทั้งร่องเนื้อ
     ...มันเป็นคืนที่อนงค์พบกับความสุขอย่างท่วมท้น หลังจากที่ว่างเว้นเรื่องพรรค์อย่างว่ามานานหลายปีนับจากผัวตาย อาแปะเลียจนฉ่ำ เลียอย่างมีลูกเล่นแพรวพราว ด้วยลีลาน่าประทับใจเอาปลายลิ้นดุนติ่งสวาทอย่างได้รสจนต้องซี้ดปาก และแอ่นโคกเนื้อขึ้นมารับลิ้นของเขา ...และกระเด้งอัดกับปาก จมูกของเขาไปเลย ลิ้นที่สากยิ่งกว่ากระดาษทรายสมคําเล่าลือจริงๆ และดูเหมือนว่ามันจะเหนือคํากล่าวอ้างเสียอีกด้วย!


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น