วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

หอมกลิ่นโลกีย์ ตอนที่1

 
 

     ยายบอกกับนุชว่าแม่จะมารับไปอยู่ด้วย เพื่อให้นุชไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ แต่ความจริงแม่อยู่ที่จังหวัดนนทบุรี กับพี่หนึ่งพี่สาวของนุช ตั้งแต่พ่อตายนุชต้องย้ายมาอยู่กับยายเสียหลายปี ศึกษาเล่าเรียนที่โรงเรียนต่างจังหวัด แต่ก็ไม่ใช่โรงเรียนหลังเขา ไม่ใช่โรงเรียนกลางป่ากลางดอย แต่เป็นที่จังหวัดสุพรรณบุรี บ้าน ยายบ้านเกิดของแม่นั่นเอง
     นุชกําลังจะเป็นสาววัยสิบเจ็ดปี สวย น่ารัก ผิวขาว เพื่อนนักเรียนชายชอบมาจีบ แต่นุชไม่สนใจใคร ขอเรียนให้จบก่อน แล้วเรื่องหาแฟนเอาไว้ค่อยคิด ยายเตือนเสมอว่าอย่ายุ่งเกี่ยวกับผู้ชายเพราะยังเด็กอยู่

     ที่บ้านยาย มีพี่ป้าน้าอาหลายคน ล้วนแต่ใจดีทั้งนั้น จากไปก็คงคิดถึง แต่กลับมาเยี่ยมไม่ยาก จังหวัดนนทบุรีกับสุพรรณบุรี มันไม่ได้ห่างกันมากมายอะไรเลย นั่งรถโดยสารชั่วโมงเดียวก็ถึง
     แม้ว่าจะอยู่ไม่ห่างกัน แต่แม่ไม่ค่อยมาเยี่ยมนุชเลย เหมือนลืมลูกคนนี้ไปแล้ว แม่อ้างว่างานยุ่งอยู่เสมอ มีพี่หนึ่งเท่านั้นที่จดหมายติดต่อกันไม่ขาด บางทีก็คุยกันทางโทรศัพท์ ซึ่งต้องให้พี่หนึ่งโทรมาเข้าเครื่องของคนข้างบ้าน ยายไม่อยากให้ไปรบกวนเขาจึงได้คุยกันนานครั้ง นุชเคยบอกว่ายายน่าจะติดโทรศัพท์สักเครื่องยายก็บอกว่าไม่รู้จะโทรไปไหน ไม่ได้ใช้ก็เสียเงินเปล่าๆ เดือนละตั้งร้อยบาท เอาเก็บไว้แทงหวยดีกว่า

     ...เช้าวันหนึ่ง แม่ก็มารับนุชจริงๆ นึกว่าแม่จะมารถโดยสาร แต่ไม่ใช่ มีรถเก๋งคันใหญ่มาจอดหน้าบ้านยาย คนขับเป็นชายจีนสูงอายุ หัวล้าน แม้หน้าตาบอกว่าเป็นคนจีน แต่ผิวไม่ขาวเหมือนคนจีนทั่วไป จมูกโตมองไปสะดุดตาและจําง่าย เขาร่างใหญ่แต่ไม่อ้วนท่าทางแข็งแรง และคงจะออกกําลังอยู่เสมอ

     ยกมือไหว้แม่ กอดกับพี่หนึ่งแล้ว แม่ก็บอกให้นุชไหว้ชายจีนคนนั้น
     “ไหว้อาแปะเสียลูก”
     นุชยกมือไหว้ เหลือบมองอาแปะ เขายิ้มและยกมือรับไหว้ ออกปากชมว่านุชหน้าตาดี
     “สามสาวแม่ลูกนี่สวยไม่แพ้กันเลยนะ”
     อาแปะหัวเราะหึๆ นุชเหลือบมองเห็นแม่ค้อนชายจีน แล้วหยิกต้นแขนเขาหมับเข้าให้ อาแปะร้องอุ๊ย
     “อั้วพูดอะไรผิดเหรอ ก็สวยกันจริงๆนี่นา สวยทั้งสามคน ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้ว่าเป็นแม่ลูกกัน นึกว่าเป็นพี่ๆ น้องๆ กันนะนี่”
     นุชเห็นแม่หน้าแดงก่ำ มองค้อนอาแปะอีก อาแปะก็หัวเราะหึๆ อย่างชอบอกชอบใจ นุชอดไม่ได้ แอบกระซิบถามพี่หนึ่งว่า อาแปะเป็นใคร
     “แล้วจะเล่าให้ฟัง”
     พี่หนึ่งกระซิบตอบอย่างแผ่วเบา และมีลับลมคมใน ไม่ให้ใครรู้เห็นหรือได้ยิน นุชจึงไม่เซ้าซี้ถาม แล้วพี่หนึ่งคงเล่าให้ฟังเอง

     ยายมองแม่ไม่วางตา แต่ไม่พูดอะไร ท่าทางของยายก็ไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไร ที่เห็นแม่สนิทสนมกับอาแปะคนนั้น ถึงกับหยิกหยอกต่อหน้าต่อตาคนอื่น พี่ป้าน้าอาก็มองเห็น มันน่าเกลียด คิดว่ายายต้องนึกอย่างนั้น
     ยายพยักหน้าชวนพี่หนึ่งเข้าไปหลังครัว พี่หนึ่งก็ตามไป นุชพลอยตามไปด้วย ปล่อยให้แม่กับชายจีนคุยกันอยู่ที่หน้าเรือน
     “ไอ้แป๊ะนั่นมันเป็นอะไรกะแม่เอ็งหือนังหนู”
     พี่หนึ่งเหลียวไปมองด้านนอก แล้วขยับเข้าไปใกล้ยาย ตอบเสียงเบาๆ แต่นุชก็ได้ยินถนัด
     “เขาเป็นเพื่อนของแม่จ้ะยาย”
     พี่หนึ่งตอบ นุชรู้สึกว่าสีหน้าของพี่สาวซ่อนเร้นอะไรบางอย่าง ยายก็คงสังเกตเห็นจึงได้ถามคาดคั้น
     “นี่นังหนู บอกยายมาตรงๆเลย ว่ามันเป็นอะไรกะแม่เอ็ง เห็นสนิทสนมกันน่าเกลียดเหลือเกิน ไปค้อน ไปหยิกเขา มันไม่น่าดู”
     “ก้อ...เอ้อ ก็ไม่มีอะไรหรอกจ้ะยาย ก็เป็นเพื่อนกันจริงๆนั่นแหละ แม่เค้ารู้จักกับอาแปะเป็นอย่างดี อา แปะเขาก็อยู่ที่หมู่บ้าน คนหมู่บ้านเดียวกันจ้ะยาย ไม่มีอะไรหรอก ก็สนิทกันแบบคนบ้านใกล้เรือนเคียง”
     ยายมองหน้าพี่หนึ่ง แต่ไม่คาดคั้น นุชสังเกตเห็นว่ายายไม่ได้เชื่อคําพูดของพี่สาวตนเลย แต่ยายก็พยักหน้าทําท่าว่าเชื่ออย่างไม่เคลือบแคลง
     “มันทํามาหากินอะไรไอ้แป๊ะชีกอคนนั้นน่ะ ...ไหนบอกยายมาหน่อยซิ ท่าทางมันจะมีสตางค์ไม่น้อย มีรถมีราขี่เสียด้วย”
     “อาแปะเขาปล่อยเงินกู้จ้ะยาย เขาไม่ได้ทําอะไร วันๆเขาก็ตระเวนเก็บดอกเบี้ยรายวันของเขา”
     ยายเบิกตาโตขึ้นมาหน่อยหนึ่งแล้วพยักหน้าหงึกๆ ครางเสียงอือๆในลําคอ
     “มันมีเงินมีทองให้คนเขากู้กินดอก มันรวยน่ะซี บ้านช่องมันคงใหญ่โตเบ้อเร่อเบ้อร่าเลยใช่ไหม”
     “ก็ไม่ใหญ่นักหรอก แต่ใหญ่กว่าบ้านแม่ บ้านแม่เป็นทาวน์เฮ้าส์ แต่บ้านอาแปะเขามันบ้านเดี่ยวหลัง พอดีๆ มีเนื้อที่ข้างๆ เยอะหน่อย”
     “ยายก็นึกแล้วมันต้องเป็นยังงั้น แล้วก้อไอ้นั่นเล่า ลูกเมียมันน่ะ ยังอยู่กันดีหรือว่ามันเป็นยังไงกัน มันถึงมาทําก้อร่อก้อติกกับแม่เอ็ง”
     “ไม่เห็นเขามีเมียนี่จ๊ะยายลูก ก็ไม่เห็น เห็นเขาอยู่คนเดียวเท่านั้น”
     “เอ๊ะ...มันยังไงกัน คนอายุปูนนี้ไม่มีลูกไม่มีเมีย มันผิดไปแล้ว หรือมันเป็นกะเทย ก็ไม่ใช่นี่ ท่าทางมันไม่ใช่กะเทยสักหน่อย ท่าทางมันเจ้าชู้ประตูดินเสียด้วยซ้ำพูดก็พูดเถอะ มันทําท่ายังกะจะเอาแม่เอ็งทำเมียยังงั้นแหละ”

     พี่หนึ่งไม่ออกความเห็น ได้แต่เงียบเสีย ยายก็เลยบอกพี่หนึ่งว่า ให้ดูๆแม่บ้างจะเสียทีอาแปะ เพราะแม่ก็เป็นแม่ม่าย คนเป็นแม่ม่ายมักจะเปล่าเปลี่ยว ผู้ชายคนไหนมาอยู่ใกล้พัวพันไปมา ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าแม่อาจจะใจอ่อน เดี๋ยวจะน้ำตาเช็ดหัวเข่า
     “หนึ่งพูดอะไรไม่ได้หรอกจ้ะยาย เดี๋ยวแม่เขาเอ็ดเอา”
     “เออ..ก็จริง แม่เอ็งมันคนรั้นๆ อยู่ด้วย เอาไว้ยายจะพูดเอง เดี๋ยวให้สบโอกาสก่อนเถอะ เรื่องยังงี้มันต้องคิดหน้าคิดหลัง ไม่ใช่ว่าถือตัวเองเป็นม่าย ก็จะไม่รักนวลสงวนตัว มันไม่ถูกต้อง ลูกผู้หญิงถึงจะมีผัวมาแล้วก็ตาม ก็ต้องไว้ตัวบ้าง จะได้มีค่ามีราคา เที่ยวไปทอดสะพานให้ผู้ชาย ไม่ดีไม่สมควรทํา มันน่าเกลียด ผู้ชายเขาจะดูถูกหาว่าแรดเอาได้”

     พี่หนึ่งไม่ออกความเห็น นุชเองก็เงียบมาตลอด ยายเท่านั้นที่พูดอะไรต่ออะไรต่อไปอีกหลายคำ ก่อนจะบอกว่า  “เดี๋ยวยายไปร้านแม่ค้าหน่อย จะได้ซื้อกับข้าวมาทําให้แขกกิน คงจะหิวกันแล้วมาแต่เช้า”
     “ไม่ต้องหรอกจ้ะยาย” พี่หนึ่ง ฉุดข้อมือยายเอาไว้  “เมื่อกี้แวะกินโจ๊กกันมาแล้ว เดี๋ยวแม่เค้าก็จะกลับ เค้ามีธุระอีก เห็นว่าจะมาแค่แป๊บเดียวเท่านั้นยายไปคุยกับแม่เถอะจ้ะ เดี๋ยวแม่เค้าก็จะกลับเสียก่อนหรอก”
     “เออ...ยังงั้นเหรอ งั้นก็เอาน้ำเอาท่าไปให้เขากินกันซีนุช ไปเดี๋ยวเขาจะว่าเอาได้ว่าไม่ต้อนรับขับสู้เขาเลย”

     นุชไปทําตามที่ยายบอก ก็มีแต่น้ำเย็นเท่านั้นอาแปะชอบมองนุช เด็กสาวรู้สึกได้แต่ทําไม่รู้ไม่ชี้ ตาแป๊ะคนนี้คงจะเจ้าชู้เหมือนอย่างที่ยายคาดคิดเอาไว้
     นุชได้ยินแม่กระแอมกระไอ โดยไม่ทราบสาเหตุ แล้วก็นึกออก คงจะปรามอาแปะนั่นเอง อาแปะก็ทำหัวเราะหึๆ ทั้งที่ตัวเขาเองไม่ได้พูดอะไรสักคําเดียว
     ยายตามมาคุยกับแม่ พอยายมา อาแปะก็ขอตัวลงจากเรือนไปเดินดูรอบๆ บ้าน เขาว่าที่บ้านยายน่าอยู่มาก ต้นหมากรากไม้เยอะแยะ ร่มครึ้ม มีนกร้องเพลง ไพเราะเหลือเกิน มันทําให้เขานึกถึงบ้านเก่าของเขาครั้งสมัยพ่อแม่ซื้อเอาไว้ที่นครปฐม
     ...นุชกับพี่หนึ่งขยับออกมาห่างๆ เพราะรู้ว่ายายจะพูดอะไรกับแม่ แต่ห่างขนาดนี้ก็ยังได้ยินทั้งสองคุยกัน
     ยายชวนแม่คุยเรื่องโน้นเรื่องนี้สองสามคํา นุชก็ได้ยินยายวกเข้าเรื่องอาแปะถามอย่างตรงไปตรงมา ว่าแม่มีอะไรกับอาแปะหรือเปล่า แม่มองหน้ายายแล้วหัวเราะเหมือนไม่อยากตอบ ยายก็ถามซ้ำว่า มีอะไรกันหรือเปล่า แม่จึงตอบกลั้วหัวเราะว่า
     “มีอะไรกันที่ไหนเล่าแม่ คนหมู่บ้านเดียวกัน คบหาเป็นเพื่อน เขาว่างเลยวานเขามารับนังนุชมัน มารถโดยสารมันช้า ไม่สะดวก เออ..แล้วแม่ล่ะ สบายดีหรือเปล่า ยังไม่ได้ให้ตังค์แม่เลย เอ้าแม่...เอาไว้ซื้ออะไรกิน”
     นุชอมยิ้ม เพราะแม่เปลี่ยนเรื่องคุยได้อย่างรวดเร็ว แถมควักเงินให้ยาย ยายรับแบงก์พันมาแล้ว แม่ก็รีบลุกขึ้น ขอตัวกับยายว่าจะไปคุยกับพวกพี่ป้าน้าอาหน่อย จะรีบกลับแล้ว
     ยายได้แต่มองตามหลังแม่ที่ลงเรือนไป พี่หนึ่งสะกิดสีข้างนุชให้ดูแม่ นุชดูอยู่แล้วก็พยักหน้ายิ้มๆกับพี่สาว

     อีกครึ่งชั่วโมงต่อมานุชก็ต้องยกมือไหว้ร่ำลาญาติพี่น้อง เพื่อขึ้นรถเก๋งคันใหญ่ ทุกคนก็คิดถึงนุชบอกให้มาเยี่ยมบ้าง นุชก็รับปากกับทุกคนว่าจะมา  ...หล่อนขึ้นรถด้วยความรู้สึกอาลัยบ้านช่องซึ่งเคยอยู่อาศัยจนเหมือนบ้านของตัวเอง ยายน้ำตาซึมมองดูนุช ยกมือขึ้นโบกไปมาตอนที่รถเคลื่อนตัวออกมา แล้วรถยนต์คันงามของอาแปะก็ทิ้งทุกคนและทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ข้างหลังด้วยความรวดเร็ว

     ชั่วโมงต่อมาก็ถึงหมู่บ้าน นุชมองบ้านทาวน์เฮ้าส์ที่เหมือนกันไปหมด ไม่รู้ว่าหลังไหนเป็นหลังไหน ถ้ายายมาก็คงงงไปหมด ไม่รู้ว่าบ้านหลังไหนเป็นบ้านแม่ โชคดีหน่อยที่มีซอย และมีป้ายบอกเอาไว้
     มันเป็นหมู่บ้านที่กว้างใหญ่เหลือเกิน ผู้คนก็อยู่อาศัยกันจํานวนมาก ผ่านตลาดด้วยมีตึกแถวหลายสิบคูหา ร้านให้เช่าวิดีโอ ร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ ร้านจําหน่ายแอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า มินิมาร์ทก็มีสองหรือสามแห่ง ร้านรวงต่างๆ มากมายร้าน อาหารตามสั่ง ร้านก๋วยเตี๋ยวรถเข็น ร้านข้าวหมูแดง ร้านข้าวมันไก่ แผง ขายผลไม้ ร้านเสริมสวย ร้านขายหนังสือ ร้านขายดอกไม้ก็มี แล้วก็ยังมีร้านขายเทปเพลงเปิดเพลงเสียงลั่นอีกด้วย

     แม่ให้อาแปะจอดรถที่หน้าบ้าน ส่งหนึ่งกับนุชลงแล้วบอกว่าจะไปทําธุระกับอาแปะก่อน นุชลงจากรถแล้วยกมือไหว้ขอบคุณอาแปะที่สู้อุตส่าห์ขับรถไปรับ
     “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”
     อาแปะพูดไทยชัดเจน เหมือนคนไทยคนหนึ่ง จะติดสําเนียงจีนอยู่บ้างก็นิดหน่อยเท่านั้น ฟังแทบไม่ออก

     พี่หนึ่งพานุชเข้าบ้าน ที่ถูกน่าเรียกว่าห้องมากกว่า ก็เหมือนกับตึกแถวนั่นแหละ หน้าต่างมีเฉพาะด้านหน้ากับด้านหลัง บ้านมีอยู่สองชั้นนุชเดินสํารวจจนทั่ว มันมีแค่สองห้องนอน เป็นห้องแม่กับห้องพี่หนึ่ง แล้วนุชจะอยู่ห้องไหน
     “นุชนอนห้องเดียวกับพี่นะ แม่บอกว่าจะซื้อเตียงมาเพิ่ม ตั้งคนละมุม แต่คืนนี้ต้องนอนเตียงเดียวกันไปก่อน เบียดกันหน่อย อบอุ่นดี”
     พี่หนึ่งพูดยิ้มๆ กับนุช นุชก็ยิ้มตอบ และรู้สึกว่าอยู่กันระหว่างพี่น้อง ก็มีความสุขดี
     “เอาของออกจากกระเป๋าซีจ๊ะนุช เสื้อผ้าแขวนในตู้นั่น หิวหรือเปล่า ถ้าหิวเดี๋ยวขี่จักรยานออกไปหาอะไรกินกัน”
     “มีจักรยานด้วยหรือ”
     “มีซีจ๊ะจอดอยู่หน้าบ้านนั่นไง เดินเข้ามาเมื่อกี้ไม่เห็นเหรอ”
     “ไม่ทันสังเกตน่ะพี่ มีจักรยานก็ดี รู้สึกหมู่บ้านจะใหญ่มาก นุชอยากขี่จักรยานดูให้ทั่วๆ เลย คงสนุกดี”
     หนึ่งยิ้มกับน้องสาว ท่าทางของนุชตื่นเต้นมาก ที่ได้มาอยู่ในหมู่บ้าน ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่น้องสาวของหล่อนจะต้องเรียนรู้ หมู่บ้านนี้มันมีเรื่องราวร้อยแปด อยู่ไปนานวันก็จะรู้อะไรต่ออะไรเพิ่มมากขึ้น
     “ถ้าจะขี่จักรยานนะ เอาไว้เย็นดีกว่าจ้ะนุช แดดร่มลมตกเสียก่อน จะได้ไม่ร้อนแดด ตอนนี้เรามานอนคุยกันให้หายคิดถึงจะดีกว่าจ้ะ”
     สองพี่น้องนอนคุยกันบนเตียงอย่างมีความสุข หัวเราะกันสนุกสนาน ก่อนที่นุชจะเอ่ยถึงแม่กับอาแปะ ที่ยายคลางแคลงสงสัย ตั้งข้อสังเกตว่าคนทั้งสองน่าจะมีอะไรกัน
     “อาแปะกับแม่นะหรือ พี่ก็ไม่อยากพูดหรอกแต่ถึงยังไงนุชมาอยู่นุชก็จะต้องรู้อยู่ดี พี่เล่าให้ฟังก็ได้ อาแปะกับแม่น่ะที่จริงแล้วก็เป็นอย่างที่ยายสงสัยนั่นแหละจ้ะ”
     “จริงเหรอพี่หนึ่ง แม่กับอาแปะ เป็นยังงั้นจริงๆ”
     นุชอุทาน แต่ความจริงเด็กสาวก็นึกๆ อยู่เหมือนกันว่าสิ่งที่ยายสงสัยนั้นน่าจะเป็นไปได้เพราะกิริยาของแม่กับอาแปะนั้น มันไม่น่าจะเป็นเพื่อนกันธรรมดา หรือเป็นแค่เพื่อนบ้านกัน มันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
     “ทีแรกพี่ก็ไม่รู้หรอกนุช ก็นึกว่าแม่คบหากับอาแปะแค่เพื่อนเท่านั้น แต่อยู่มาคืนหนึ่งน่ะซี พี่ตกใจตื่นขึ้นมา  ...แล้วได้ยินเสียงแม่ครวญครางอยู่ในห้องนอน ตอนแรกพี่ก็คิดว่าสงสัยแม่คงจะไม่สบายไปหรือยังไง คงจับไข้หนาวสั่นอะไรทํานองนั้น พี่ก็ออกจากห้องกะจะไปดูแม่ที่ห้องของแม่ แต่แล้วพี่ก็ต้องชะงัก เสียงของแม่น่ะซีมันเปลี่ยนไปมีซี้ดซ้าดด้วย”
     นุชลุกขึ้นนั่ง ตั้งแต่ได้ยินพี่สาวเล่าว่าได้ยินเสียงแม่ครวญคราง เด็กสาวนั่งอ้าปากค้าง พี่หนึ่งเล่าอย่างไม่ปิดบัง นุชรู้สึกตื่นเต้นเหมือนกับเผชิญเหตุการณ์นั้นด้วยตนเอง
     “ได้ยินเสียงยังงี้ พี่ก็เลยต้องหยุดอยู่ตรงหน้าห้องของแม่นั่นเอง อย่าหาว่าพี่ลามกเลยนุช แต่พี่มันอยากรู้ว่าอะไรเป็นอะไร อยากรู้ให้มันแน่ชัดไปเลย จะได้ไม่ต้องมัวมาสงสัยอยู่พี่ก็เลยแอบฟัง อย่าไปบอกแม่นะที่เล่าให้ฟังนี่น่ะ”

     นุชส่ายหน้ามองหน้าคนเล่า พี่หนึ่งหน้าแดงก่ำ เลือดฝาดฉีดซ่านบนใบหน้าสวยๆ ของหล่อน นุชเองก็พลอยร้อนวูบวาบที่ใบหน้าไปด้วย นั่งเอาหลังพิงหัวเตียง ฟังพี่สาวเล่าอย่างสนใจ และหัวใจเต้นตึก ๆ
     “พี่ฟังที่ข้างๆ ประตูนั่นแหละ ที่แรกๆ นะ บอกตามตรง นึกว่าฝัน ไปเสียได้ไม่นึกว่าจะได้เจอเหตุการณ์ ยังงี้ จะให้พี่เล่าต่อไปหรือเปล่านุช ฟังได้ไหม”
     พี่หนึ่งมองหน้านุช นุชก็บอกไปอย่างเขินๆว่า  “ก็สนุกดีนี่จ๊ะพี่หนึ่ง”
     “งั้นพี่เล่านะ อยากเล่าเหมือนกัน เก็บเป็นความลับเอาไว้คนเดียว อึดอัดใจเหมือนกัน”
     “นุชไม่เอาไปเล่าให้แม่หรือใครฟังหรอกจ้ะ”
     “ดีจ้ะนุช เรื่องยังงี้ คนอื่นรู้จะไม่ดีกับแม่ของเรา เอ้อ...เล่าต่อไปนะ พี่ตัวแข็งที่อเลยล่ะนุช เสียงแม่กับเสียงอาแปะดังมาก เหมือนยังกับในหนังโป๊เลยล่ะนุช”
     “หนังโป๊ พี่หนึ่งเคยดูหนังโป๊ ด้วยหรือ”
     นุชจ้องหน้าพี่สาว พี่หนึ่งก็พยักหน้าช้า ๆ
     “ก็แค่หนสองหนเอง ที่บ้านเพื่อน เพื่อนมันเปิดก็ดูไปยังงั้นแหละ เป็นความรู้มันดีกว่าไม่รู้อะไรเสียเลย เรื่องพรรค์ยังงี้บางทีรู้เอาไว้บ้างก็ไม่เสียหาย ทําให้หูตากว้างไกลมากขึ้น คนอื่นเขาพูดเขาคุยอะไรกัน เราจะได้เข้าใจง่ายขึ้น ไม่ใช่ไม่รู้อะไรเลย เพื่อนก็จะหัวเราะเอา เวลาเพื่อนคุยก็ได้แต่อ้าปากฟัง แต่ไม่เข้าใจอะไร หรือเข้าใจก็ผิดๆ เพี้ยนๆ เพื่อนเขาหัวเราะกัน เราก็ไม่รู้ว่าเขาหัวเราะเรื่องอะไร”
     นุชคิดว่าที่พี่สาวพูดก็เป็นความจริง เพื่อนคุยกันแล้วเราไม่รู้ ก็เข้ากับเพื่อนไม่ค่อยได้ ฟังไปก็ไม่ออกรส เพื่อนหัวเราะ บางทีเราก็ต้องหัวเราะไป โดยไม่รู้ว่าเขาหัวเราะเรื่องอะไรกัน อย่างที่พี่หนึ่งว่านั่นแหละ
     แต่การจะรู้เรื่องพรรค์อย่างนี้ มันอาจไม่ดีนัก ถ้าเป็นยาย ยายก็จะบอกว่าสัปดน ลามกอะไรทํานองนั้น นั่นเป็นเพราะว่ายุคสมัยของยายกับของพี่หนึ่งแตกต่างกันนั่นเอง จึงทําให้รู้สึกไปคนละอย่าง
     “ความจริงคืนนั้น พี่ก็ได้แต่แอบฟังเท่านั้น ได้ยินแม่กับอาแปะพูดโน่นพูดนี้กันเยอะแยะ แต่อย่าให้พี่เล่าเลย มันไม่ค่อยเหมาะ เอาเป็นว่าแม่กับอาแปะน่ะ มีอะไรกันจริงๆ พี่ไม่ได้พูดเอาเอง นุชอยู่ต่อไปก็จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร”

     ...นุชไม่ค่อยชอบใจนักที่แม่ทําอย่างนั้น อีกอย่างหล่อนก็ไม่ค่อยชอบอาแปะ ท่าทางเขากรุ้มกริ่มยังไง บอกไม่ถูกทําเจ้าชู้ไม่เลือกว่าใครเป็นใคร มองหล่อนและพี่หนึ่งด้วยสายตาที่ไม่สมควร คนที่เป็นผู้ใหญ่จะให้เด็กนับถือ ไม่น่ามองเด็กอย่างนั้น คนที่จะมาเป็นพ่อเลี้ยงมองลูกเลี้ยงสาวๆ อย่างนั้นมันไม่น่าไว้วางใจเลยอย่างนี้จะให้เคารพนับถือก็ลําบากไม่สนิทใจ
     “ที่จริงแม่ไม่น่าทํายังงั้นนะพี่หนึ่ง อาแปะคนนั้น บอกตรงๆ นุชรู้สึกไม่ค่อยชอบเขานักหรอก ท่าทางของเขายังไงบอกไม่ถูก
     “พี่ก็รู้ ไม่ใช่ว่าไม่รู้ อาแปะน่ะเจ้าชู้จะตาย ไม่ค่อยเลือกหรอกว่าลูกเขาเมียใคร คนในหมู่บ้านเขาก็รู้ๆ กันทั้งนั้นแหละ ปล่อยเงินกู้นะ ถ้าไม่มีดอกเบี้ยจะให้ เขาไม่เอาเป็นเงินก็ได้ แต่เอาเป็นอย่างอื่น”
     หนึ่งลุกขึ้นนั่ง มองหน้าน้องสาวอย่างยิ้มๆ เห็นสีหน้าของนุชกําลังมองตอบอย่างงงๆ คิ้วกําลังขมวดสงสัย
     “ไม่เอาเป็นเงินแล้วจะเอาเป็นอะไรล่ะพี่หนึ่ง”
     พี่สาวหัวเราะเบาๆ แล้วบอกว่า  “ลูกค้าของอาแปะน่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงเขาไม่ค่อยปล่อยให้ผู้ชายหรอก พอไม่มีดอกเบี้ยจะส่ง อาแปะก็คิดดอกแบบพิเศษ ไม่ต้องจ่ายเป็นเงิน แต่จ่ายเป็น...เอ้อ...จะพูดยังไงดี เอาเป็นว่าใครไม่มีเงินจ่าย ก็ต้องไปนอนกับอาแปะ”
     ...นุชเบิกตาโตอย่างนึกไม่ถึง!!


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น