วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2564

นรกสางเขียว ตอนที่ 09 (จบตอน)

 
 
             รพินทร์พายเรือยังไม่ถึงฝั่งดี ดารินซึ่งรีบร้อนอยากพบพี่ชาย ก็กระโดดลงจากเรือลุย
น้ำวิ่งไปหาเชษฐาทั้งน้ำตา
             "พี่ใหญ่คะ น้อยคิดว่าจะไม่ได้พบพี่ใหญ่อีกแล้ว ฮือๆ" ดารินพูดไปสะอื้นไป
             "เราต้องได้พบกันอยู่แล้ว ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย พี่เป็นห่วงเธอมากรู้มั้ย" เชษฐาพูดไป ก็
ลูบศีรษะน้องสาวที่ซบอยู่ที่อกเขาไป
             "น้อยไม่เป็นไรคะ ทุกคนไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ แล้วเมย์ สางปา คะหยิ่นหายไปไหนคะ"
ดารินตอบ แล้วถามกลับเป็นชุด
             "ไม่มีใครเป็นอะไรหรอก นอกจากถลอกปอกเปิก ใจเธอจะไม่ทักทายฉันบ้างเลยเหรอ
ฉันก็เป็นห่วงเธอไม่น้อยเหมือนกันนะ" ไชยยันพูดแทรกขึ้น
             ดารินผละจากเชษฐา แล้วโผ้เข้ากอดไชยยันจนแน่น "ฉันก็เป็นห่วงเธอพอๆกับที่ห่วง
พี่ใหญ่เหมือนกันแหละ น้อยใจไปได้ นี่ยังไม่มีใครตอบฉันเลย ว่าพวกเมย์หายกันไปไหน"
             "พี่ให้คะหยิ่นกับส่างปาพาเมย์เดินทางล่วงหน้ากลับแค้มป์ใหญ่ไปก่อนแล้วล่ะ" เชษฐา
ตอบดาริน แล้วหันไปทักทายรพินทร์ที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับพรานลูกน้องที่ห้อมล้อมเขาอยู่ "ขอบ
คุณมากนะรพินทร์ที่ดูแลน้อยเป็นอย่างดี"
             "เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ คุณชายไม่ต้องขอบใจผมหรอกครับ เหตุการณ์เป็นยัง
ไงมั่งครับ ผมได้ยินเสียงระเบิด เข้าใจว่าคงถล่มที่อยู่ของพวกสางเขียวแล้วใช่มั้ยครับ" รพินทร์ถามขึ้น
             "คุณเข้าใจถูกต้องแล้ว รายละเอียดเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง แล้วจะได้ขอความเห็นคุณว่า
เราจะดำเนินการต่อไปอย่างไร ตอนนี้เรามาคุยไปทานอาหารเช้าไปดีกว่า เข้าใจว่าคุณกับน้อยคงยังไม่
ได้ทานอาหารเช้า พวกผมก็ยังไม่ได้ทานกันเลย"
             ทั้งหมดก็เดินไปล้อมวงล้วงเสบียงออกมากินกัน พร้อมกับพูดคุยเล่าเรื่องที่ฝ่ายของ
ตนประสบพบเจอมา
             "พอเราข้ามเหวมาได้ เราก็ไปที่ชุมนุมของไอ้พวกสางเขียวทันที แต่เราก็ไม่พบเจอ
พวกมันแม้แต่คนเดียว เข้าใจว่าพวกมันคงอพยพกันไปทีีหมู่บ้านหลักของพวกมันแล้ว เราเลยปรึกษา
กันว่าจะเอาอย่างไงดี เชษฐาเลยเสนอให้ถล่มที่อยู่มันซะ พวกมันจะได้ไม่มีสถานที่ไว้ทำชั่วต่อไป แง
ซายจึงยิงธนูติดระเบิดไปที่แถบเวที รูปสลักเทพเจ้ากับถ้ำต่างๆแถบนั้นเลยถล่มเป็นหน้ากอง" ไชยยัน
เล่าในระหว่างที่รับประทานเสบียงกัน
             "ดีนะครับที่พวกคุณตัดสินใจยิงระเบิด ไม่งั้นผมกับคุณหญิงคงไม่รู้ว่าพวกคุณได้ตาม
มาช่วยแล้ว ส่วนเรื่องราวทางผมนั้นก็ไม่มีอะไรมาก พอสะพานขาด ผมก็ตัดสินใจพาคุณหญิงวิ่งหนีมา
ทางด้านนี้ โดยพวกสางเขียวพยายามวิ่งตามมาติดๆ พอมาถึงที่ริมบึง เข้าใจว่าถึงทางตันแล้ว กำลัง
ตัดสินใจปักหลักสู้ตายพอดีคุณหญิงเห็นเรือลำนี้เข้า เราเลยตัดสินใจขึ้นเรือพายไปที่เกาะนั่น พวกสาง
เขียวตามมาถึงฝั่งก็ไม่ตามไป ได้แต่กระโดดร้องโวยวาย แล้วก็วิ่งกลับไปในที่สุด" รพินทร์เล่าถึงตรง
นี้ ไชยยันก็ถามแทรกขึ้น
             "ทำไมพวกมันถึงไม่ติดตามพวกคุณไป"
             "ทุกคนลองมองไปที่เกาะสิครับ แล้วลองบอกผมว่ารูปร่างของเกาะเหมือนอะไร"
             ทุกคนเหลียวมองไปที่เกาะ แล้วต่างก็ซุบซิบปรึกษากัน
             "จากมุมมองที่มองจากจุดนี้ ผมเห็นเหมือนรูปหัวสุนัขกำลังอ้าปากอยู่ เอ้! ผมเคยเห็น
ที่ไหนน้า!..." เชษฐาพยายามนึก
             "ฉันคิดออกแล้ว มันเหมือนกับแท่งหินสลักเทพเจ้าของไอ้พวกสางเขียวไม่มีผิด แล้ว
คุณให้พวกผมพิจารณาดูรูปร่างของเกาะทำไม รพินทร์" ไชยยันถามรพินทร์ขึ้น
             "ข้อสันนิษฐานของผมคือเพราะเกาะนี้มีรูปร่างเหมือนกับเทพเจ้าของมัน พวกมันเลยก็
เลยกันเกาะนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ห้ามไม่ให้ทุกคนเข้า จะเข้าไปก็แต่บุคคลสำคัญ หรือไม่ก็ในตอนที่
มีพิธีกรรมต่างๆเท่านั้น ก็เลยเป็นความโชคดีของผมกับคุณหญิงที่หลงเข้าไป" รพินทร์ชี้แจง พร้อมกับ
มองไปที่ดารินคล้ายกับบอกให้เธอเอออวยไปกับเขา
            "นับว่าเป็นความโชคดีของคุณกับน้อยมาก ไม่งั้นผมยังนึกภาพไม่ออกเลยว่าเหตุการณ์
จะเลวร้ายไปถึงไหน เอาล่ะ ที่นี้เราจะเอาอย่างไงดี จะกลับแค้มป์ใหญ่ของเรา หรือจะไปถล่มพวกมัน
ต่อให้ราบคาบ" เชษฐาถามความเห็นของทุกคน
            "ฉันว่าถล่มล้างเผ่าพันธุ์มันไปเลยดีกว่า อย่างทิ้งเอาไว้ให้รกโลกเลย หรือว่าอย่างไง
รพินทร์" ไชยยันแสดงความคิดเห็น และสอบถามรพินทร์
            "ก่อนอื่นผมขอถามว่า ลูกธนูติดระเบิดของเราเหลืออยู่อีกกี่ลูกครับ" รพินทร์ถามขึ้น
            "เรายังมีเหลืออีกสองลูก คุณถามผมอย่างนี้ แสดงว่าคุณเห็นด้วยกับผมใช่มั้ย ที่จะ
ถล่มพวกมัน" ไชยยันตอบแล้วถามกลับ
            "ครับผมเห็นด้วย และเราอาจได้เจอกับพวกมัน ก่อนที่จะถึงหมู่บ้านของพวกมันด้วย
ซ้ำ เราไม่เอามันไว้ พวกมันก็คงไม่เอาเราไว้เหมือนกัน ศึกครั้งนี้ยังไม่จบครับ" รพินทร์ตอบด้วยสาย
ตากร้าว
            "ผมขอคืนปืน กลับสู่เจ้าของครับผู้กอง" แงซายนำปินไรเฟิลมาคืนให้กับรพินทร์
            "ขอบใจมาก" แล้วรพินทร์ก็หันไปทางดารินแล้วยื่นปืนสั้นให้ พร้อมพูดขึ้นว่า "คุณหญิง
ใช้ปืนสั้นของผมก่อนนะครับ" ซึ่งดารินก็รับปืนพร้อมกระสุนสำรองไปอย่างเงียบๆ
            "ผมเองก็เหลือปืนสั้นกระบอกหนึ่งไม่ได้ใช้ พวกบุญคำไม่มีปืนซักคน ผมควรให้ปืนสั้น
กับใครดี" ไชยยันปรึกษาขึ้น
            "พวกนั้นใช้ปืนสั้นได้ทุกคนครับ แม้จะไม่คล่องเท่าปืนยาว แต่ก็พอวางใจได้ เอาเป็นว่า
ถ้าคุณไชยยันจะไม่ใช้ปืนสั้นล่ะก็ ให้บุญคำติดตัวไว้ก็ได้ครับ" รพินทร์ตอบ และเรียกบุญคำให้มารับปืน
สั้นจากไชยยัน
            "คุณหญิงพร้อมจะเดินทางต่อหรือยังครับ" รพินทร์หันไปถามแม่ดอกฟ้าของเขาด้วยน้ำ
เสียงอ่อนโยน เพราะมีแต่เขาที่ทราบว่าเธอนั้นสะบักสะบอมเพียงไร
            "ฉันพร้อมเสมอ ยิ่งมีอาวุธอย่างนี้ ฉันยิ่งอยากเจอพวกมันไวไว" ดารินตอบด้วยความ
แค้นใจ
            "เราจะย้อนกลับไปทางเก่า หรือจะตัดไปเส้นทางใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงการไต่หน้าผา แต่
ผมคิดว่าเราน่าจะตัดทางใหม่ตรงไปที่ชุมชนของมันเลย แต่ดูจากลักษณะภูมิประเทศแล้ว เราคงจะไม่
สามารถหลีกเลี่ยงการเดินไต่ขึ้นเนินสูงได้ หรือคุณชายกับคุณไชยยันจะมีความเห็นเป็นอิื่นครับ"รพินทร์
หันกลับมาปรึกษาขอความเห็นของนายจ้าง
            "ผมก็ว่าน่าจะตัดเส้นทางใหม่นะ เพราะดูจากทิศทางแล้ว ถ้าย้อนไปทางเก่า เราจะต้อง
เดินอ้อมไกลมาก จะทำให้เสียเวลามาก" ไชยยันเอ่ยขึ้น
            "ผมขอให้คุณลองคำนวนเวลาดูซิว่า เราจะไปถึงที่นั่นซักกี่โมง เพราะถ้าเราไปถึงตอน
ใกล้มืด เราจะเสียเปรียบพวกมันมั้ย" เชษฐาติงเรื่องเวลาขึ้น
            "ผมก็คิดเรื่องนี้เหมือนกัน เลยวางแผนไว้ว่า เราน่าจะพักผ่อนที่จุดนี้จนถึงเที่ยงแล้วจึง
เดินทาง พอไปถึงจุดกึ่งกลางระหว่างจุดนี้กับชุมชนของมัน เราจะพักผ่อนสักคืนหนึ่ง พอรุ่งเช้าเราค่อย
เข้าโจมตีพวกมัน หลังจากนั้นเราจะได้มีเวลาผละออกจากถิ่นของพวกมัน ถ้าไม่มีใครมีความเห็นเป็น
อื่น ตอนนี้ขอให้ทุกคนพักผ่อนได้ครับ" รพินทร์สรุป
            ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนตามใต้ร่มไม้ใหญ่ที่ยืนต้นดาษดื่นอยู่ทั่วบริเวณ โดย
กลุ่มของบุญคำทั้งสี่คน ได้แยกตัวไปนั่งคุยกันห่างจากกลุ่มของรพินทร์กับนายจ้างไกลพอสมควร
            "กูว่านายหญิงคงไม่ได้บอกเรื่องที่ถูกพวกเรารุมเย็ดกับพรานใหญ่แน่ๆว่ะ" บุญคำพูดขึ้น
เบาๆพอได้ยินกันในสี่คน
            "ลุงคำรู้ได้ยังไง" เกิดถามขึ้นด้วยสีหน้าวิตกกังวล
            "อ้าว! ถ้าบอก พวกเราคงจะไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้แล้ว" บุญคำตอบ
            "แล้วพวกเราจะทำยังไงดี ไม่รู้เมื่อไหร่เกิดนายหญิงเปลี่ยนใจบอกพรานใหญ่หรือพวก
นายจ้าง พวกเราไม่ตายหมกป่ากันทั้งสี่คนเหรอ" จันพูดขึ้น พร้อมกับมองไปที่กลุ่มของรพินทร์อย่าง
หวาดระแวง
            "จริงด้วย ข้าล่ะเสียว" เส่ยพูดผสมโรงขึ้น
            "มึงไม่ต้องเสียวไอ้เส่ย เอาไว้เสียวสุดใจตอนมีโอกาสเหมาะเถอะ กูยังติดใจไม่หาย
ผู้หญิงอะไร ทั้งสวย แน่นหนึบไปทั้งตัว โดยเฉพาะรูหีทั้งดูดทั้งตอด ไม่รู้ว่าโดนไอ้พวกสางเขียวมัน
เย็ดบานไปหรือยัง ตั้งหลายสิบควย ใหญ่ๆทั้งนั้น กูล่ะเสียดาย" บุญคำบ่นตาเยิ้มมองไปทางดารินที่
กำลังนั่งชันเข่าผ้าขาวม้าที่นุ่งถกไปจนแทบเห็นแก้มก้น
            "หมายความว่าลุงคำจะเย็ดนายหญิงอีกเหรอ" เส่ยถามขึ้นด้วยความตกใจ
            "เออสิว่ะ มึงเชื่อกู นายหญิงโดนเปิดซิงแล้วต้องติดใจ ที่ไม่ยอมบอกพรานใหญ่เรื่อง
ของพวกเรา คงเพราะติดใจควยพวกเราแน่ๆ ถ้ามีโอกาสล่ะมึง กูจะเย็ดให้เป็นกระหรี่ของพวกเราเลย
พวกมึงคอยดู" บุญคำพูดขึ้น ตาแกก็จ้องไปที่โคนขาขาวอวบของดารินตาเป็นมัน
            "เอาไงเอากัน ข้าร่วมด้วย แล้วเรืี่องที่จะทำยังไง ไม่ให้นายหญิงบอกพวกนายผู้ชาย
ล่ะ ลุงคำจะทำยังไง" เกิดถาม
            "เดี๋ยวกูจะหาโอกาสจัดการเอง ไปแยกย้ายกันไปนอน เดี๋ยวมีคนสงสัย ดูนั่นไงนาย
หญิงหันมามองเราแล้ว" บุญคำพูดขึ้น
            ดารินนั่งชันเข่าพิงโคนไม้ฟังพวกพี่ชายคุยปรึกษางานกัน แรกๆเธอก็ตั้งใจฟัง แต่ตอน
หลังก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง เธอคิดถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเธออย่าง
มากมายในช่วงสองสามวันนี้ มันเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างในตัวเธอ ทั้งความคิดความรู้สึก และ
ความเชื่อ เธอรู้สึก เหมือนเธอเป็นคนใหม่ เธอค้นพบกับตัวตนที่แท้จริงของเธอ พบกับความต้องการ
ในส่วนลึกของความเป็นผู้หญิง ได้ลิ้มรสความหวานชื่นของความรัก ความเสียวกระสันยามถูกกระแทก
กระทั้น ความสุขราวล่องลอยในปุยเมฆยามถึงจุดสุดยอด ความขมขื่นเมื่อถูกรุกรานจากชายที่เธอไม่
ได้รัก และความสุขสุดยอดจากคนรักของเธอ
           เธอคิดถึงการกระทำอันอุกอาจของพวกบุญคำ เธอถามตัวเองว่า ทำไมถึงไม่บอกเล่าให้
รพินทร์หรือพี่ชายเธอรู้ ใจเธอก็ไม่ยอมตอบความจริง คอยแต่จะแก้ตัวว่า เธอไม่ต้องการให้เกิดเรื่อง
ร้าวฉานในคณะเดินทาง แต่ในเสี้ยวใจส่วนลึกเธอรู้อยู่ว่าไม่ใช่เหตุผลนี้ เธอรู้แก่ใจว่า พวกบุญคำเป็น
ทางเลือกหนึ่งของเธอ ที่เธอจะได้มีความสุขความตื่นเต้นในระหว่างการเดินทางที่ไม่รู้อนาคต ว่าจะสิ้น
สุดลงเมื่อไหร่ จะจบลงแบบไหน เธออาจจะตายก็ได้ ฉะนั้นเธอจึงต้องเหลือหนทางที่จะสร้างความสุข
ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และพวกบุญคำก็เป็นคำตอบของเธอคำตอบหนึ่งแม้จะไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง
ที่สุด เอ้ะ! หรือจะใช่ เธอคิดถึงยามที่พวกนั้นรุมเย็ดเธอ ความสุขความเสียวเกิดขึ้นมากมายและเกิด
ขึ้นต่อเนื่องยาวนานจนเธอแทบสำลัก คิดถึงตอนนี้ เธอก็รู้สึกคันและเปียกเยิ้มในรูหีของเธอจนเธอต้อง
ขยับขาเบียดไปมาให้กลีบแคมเสียดสีกันเพื่อบรรเทาอาการคันในรูหี เธอเหลือบมองไปที่พวกบุญคำคุย
กันอยู่ เห็นพวกนั้นจ้องมองมาที่เธอกันตาเขม็ง แล้วแยกย้ายกันไปนอนพักผ่อน เธอรู้ว่าพวกนั้นคุยกัน
เรื่องของเธอ พวกนั้นคงจะหาทางรุมเย็ดเธออีกแน่ๆ คิดแล้วเธอก็เสียวกระสันเหลือเกิน คอยดูนะครั้ง
ต่อไปเธอจะต้องเป็นผู้คุมสถานการณ์ พวกนั้นจะต้องตกเป็นทาสสวาทของเธอ เธอหมายมั่นไว้ในใจ
แลัวเธอก็คิดเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยๆจนหลับในท่านั้นไปในที่สุดด้วยความอ่อนเพลีย
..............................................................................................

           มาเรีย คะหยิ่นและส่างปา ตื่นขึ้นในตอนสายหลังจากมอบความสุขให้กันอย่างสุดเหวี่ยง
เมื่อคืนนี้ ความอ่อนเพลียที่สะสมจึงทำให้ทั้งสามนอนหลับสนิทยาวถึงสายจึงได้ตื่น
           "นายแหม่ม เดี๋ยวส่างปาออกไปหาผลไม้กับน้ำกินก่อน นายแหม่มอยู่ที่นี่กับไอ้คะหยิ่น
ส่างปาไปไม่นานหรอก" ส่างปาบอก
           "ระวังตัวด้วย เราอยู่ห่างจากถิ่นของไอ้พวกสางเขียวไม่มากนัก ยังไม่ค่อยปลอดภัย รีบ
ไปรีบมา" มาเรียสั่งด้วยความเป็นห่วง
           "ครับ ส่างปาจะระวังตัว ไอ้คะหยิ่นแกดูแลนายแหม่มให้ดีๆนะ ข้าไปล่ะ" ส่างปาหันมา
บอกคะหยิ่นที่กำลังเคลื่อนตัวมาใกล้ๆกับมาเรีย
           "เออ ข้าจะดู แล นายแหม่มอย่างใกล้ชิด แกไปเหอะ ไปนานๆก็ได้" คะหยิ่นตอบ
           พอลับร่างของส่างปา คะหยิ่นก็เข้าไปสวมกอดมาเรียจากด้านหลัง มือทั้งสองกำหมับ
เข้าที่เต้านมสล้างของมาเรีย มันบีบเค้นเบาๆ ปลายนิ้วก็เขี่ยที่ยอดประทุมถัน สร้างความเสียวซ่านให้
แกเธอ จนเธอต้องซื้ดปากร่างกายอ่อนระทวย
           "ไม่เอา คะหยิ่นยังไม่ใช่ตอนนี้ เมื่อคืนยังไม่พออีกเหรอ แน่ะ!ยังไม่หยุดมืออีก" มาเรีย
เหลียวหน้าไปกระซิบเบาๆกับคะหยิ่น
           "ก็นายแหม่ม น่าเอา ขนาดนี้ จะให้คะหยิ่นอดใจไหวได้ยังไง คะหยิ่นอยากจะแชควย
ไว้ในนั้นของนายแหม่มทั้งวันทั้งคืนเลย" คะหยิ่นกระซิบตอบ พร้อมกับกระเด้าควยอัดง่ามตูดของเธอ
เบาๆ
           "เธอจะแช่อะไรของเธอ ไว้ในอะไรของฉันนะ"
           "ก็แช่ควยของคะหยิ่นไว้ในรูหีของนายแหม่มไง มันคงมีความสุขมาก"
           "แน่ใจนะว่าจะแช่ไว้เฉยๆ แต่ไม่เอาหรอก ควยแกใหญ่จะตายไป ขืนแช่ไว้ทั้งวันทั้งคืน
หีฉันคงบานจนหุบไม่ลงแน่ๆ อู้ยยย ซื้ดดด จะทำอะไรก็รีบทำสิ เดี๋ยวส่างปากลับมาจะอดนะ"
           "คะหยิ่นไม่กลัวไอ้ส่างปากลับมาหรอก ถ้ามันกลับมาทันก็ดีจะได้ช่วยกันให้นายแหม่ม
มันส์ขึ้นไปอีก นายแหม่มตอนนี้เราจะเอากันท่าไหนดีน้า เย็ดท่ายินกันดีมั้ยนายแหม่ม"
           "พูดอยู่ได้ เดี๋ยวก็ไม่ให้เย็ดหรอก เร็วๆ จะท่าไหนก็ได้ขอให้ควยของแกเข้าไปอยู่ในรู
หีฉันก็พอ เร็วๆฉันเงี่ยนเต็มทนแล้ว ซื้ดดด..."
           คะหยิ่นดันร่างของมาเรียไปพิงกับต้นไม้ใหญ่ ยกขาข้างขวาของเธอขึ้นแล้วก็กระแทก
ควยขนาดมหากาฬของมันเข้ารูหีเธอที่เดียวมิดด้าม
           "กรี้ด!! ซื้ดดด แกเบาๆก่อน ปรานีหีฉันบ้าง อู้ยยย หีฉันพังหมดแล้ว โอ้ยยยอืยย ซื้ดด
กระเด้าช้าๆก่อน ฉันแสบหี อู้ยยซื้ดดด น้านอย่างนั้นแหละ อู้ยยเสียวรู ซื้ดด ชักควยยาวๆโอ้ยยมันส์
แกเสียวหัวควยมั้ย ฉันเสียวเหลือเกิน" มาเรียเสียวหีจนเพ้อ
           "หูยยซื้ดด ถามได้นายแหม่ม คะหยิ่นเสียวจนขนลุกไปหมดแล้ว หีนายแหม่มวิเศษที่สุด
ทั้งดูดทั้งตอด หนุบหนับ แน่นหนึบ ซื้ดดด มันส์สุดๆ" คะหยิ่นพูดไป เอวก็กระเด้าไม่หยุด
           "กระเด้าควยเร็วขึ้นได้แล้ว ซื้ดด อึมมม อูยยย เย็ดกับใครก็ไม่มันส์เท่าเย็ดกับแก ซื้ดด
เด้าเร็วขึ้นอีก กระแทกแรงๆ ซื้ดดด อู้ยยย ถึงใจถึงมดลูกเลย โอ้ววว ซื้ดดด.."
           "แล้วตอนถูกไอ้พวกสางเขียวรุมมันส์มั้ยครับ ซื้ดดด คะหยิ่นเห็นนายแหม่มส่ายก้นส่าย
หีให้พวกมันเย็ด จนน้ำเงี่ยนล้นรูหี ซื้ดดด"
           "บ้า! พูดเรื่องนั้นขึ้นมาอีกทำไม ซื้ดดด มันคนละแบบ ถ้าพูดถึงตัวต่อตัว พวกนั้นไม่มี
ใครสู้คะหยิ่นได้ซักคนหรอก ซื้ดดด ควยคะหยิ่นใหญ่กว่าพวกนั้นเยอะ อู้ยยยมันส์"
           "พูดแบบนี้ ไอ้คะหยิ่นเย็ดถวายหัวเลย อึบๆๆๆซื้ดดด คะหยิ่นแทงงัดแบบนี้เสียวมั้ยครับ
อึบๆๆๆ ซื้ดดด"
           "อุววว โอ้ววว ซื้ดดด ส สะ เสียว โอ้ววว งัดอีก แทงส่ายด้วย อู้วววว รักควยดุ้นนี้
เหลือเกิน ซื้ดดด ออกจากป่าคราวนี้ ตามไปเป็นผัวฉันมั้ย ฉันจะไม่ให้ทำอะไรเลย ซื้ดดด นอกจาก
เย็ด เย็ด แล้วก็เย็ด" มาเรียพูดขึ้นด้วยความลุ่มหลง เธอจับหน้าของคะหยิ่นมาตรงหน้าเธอ แล้วก็จูบ
แลกลิ้นกับมันอย่างดูดดื่ม พอริมฝีปากหลุดออกจากกัน เธอก็พูดขึ้นว่า
           "เปลี่ยนท่ากันเถอะ ฉันอยากจะขย่มควยเธอเอง"
           คะหยิ่นชักควยออกจากรูหีแล้วนอนลงกับพื้น มาเรียก็นั่งลงจับควยดูดเลียสักพัก แล้วก็
ก้าวขาคล่อม เธอจับควยให้ตรงกับรูหี แล้วกดหีลงกลืนท่อนควยจนมิดโคน เมื่อเข้าที่เข้าทาง เธอก็
เริ่มขย่มกระเด้าหีอย่างเมามันส์ เธอทั้งร่อนทั้งส่ายหีอย่างเร่าร้อน คะหยิ่นเองก็กระเด้งควยสวนขึ้นไป
อย่างเข้าจังหวะ เสียงโหนกหีกระแทกกับหนอกควยดังสนั่นลั่นไปทั้งป่า ทั้งคู่เย็ดกันอย่างถึงพริกถึง
ขิง โดยไม่สนใจว่าสัตว์ป่าแถวนั้นจะแตกตื่นเพราะเสียงครวญครางของเขาและเธอ ทั้งคู่ไม่รับรู้อะไร
ทั้งสิ้น
       เมื่อส่างปากลับมาถึง เขาจึงเห็นภาพของมาเรียและคะหยิ่นนอนอัดหีอัดควยหลั่งน้ำเงี่ยนลด
กันอย่างมีความสุข เขาก็ไม่ว่าอะไร เพราะมันเป็นความสุขของเจ้านายอันเป็นที่รักของเขา
       ทั้งสามคนกินอาหาร ที่ส่างปาเป็นคนไปหามาจนอิ่มหน่ำแล้วจึงเริ่มเตรียมตัวที่จะเดินทางต่อ
ทันที
       "คะหยิ่น เธอคิดว่าเราจะกลับไปถึงแค้มป์ใหญ่กันซักกี่โมง" มาเรียถามขึ้น
       "คงราวๆ บ่ายสองโมงไปแล้วครับ" คะหยิ่นตอบ
       "งั้นเราออกเดินทางกันเลย" มาเรียชักชวนให้เริ่มเดินทางต่อ
       แล้วทั้งสามก็ออกเดินทาง โดยมีส่างปาเดินนำหน้า มาเรียเดินเป็นคนต่อมา ปิดท้ายด้วยคะ
หยิ่น เป็นคนระวังท้าย
................................................................................................
       
       ประมาณบ่ายโมง หลังจากกินอาหารเที่ยงกันเรียบร้อยแล้ว คณะของเชษฐาที่นำโดยรพินทร์
ก็พร้อมออกเดินทาง ทั้งหมดออกเดินในลักษณะที่เคยเป็นมา คือรพินทร์นำไปข้างหน้า ตามด้วยกลุ่ม
นายจ้าง จากนั้นจึงเป็นพวกบุญคำ และปิดท้ายด้วยแงซาย ทั้งหมดเดินเป็นตอนเรียงเดี่ยว โดยทิ้งระ
ยะห่างของแต่ละคนพอประมาณ ทุกคนตั้งหน้าตั้งตาเดินโดยไม่พูดไม่จากัน นอกจากบางครั้งที่รพินทร์
จะรอปรึกษากับเชษฐาบ้าง
        ตลอดเส้นทางรกชัฏ ต้องคอยฟันกิ่งไม้ที่เกะกะ บ้างครั้งก็ต้องรอดไม้ใหญ่ที่ล้มขวางทางอยู่
ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยความยากลำบาก เชษฐากับไชยยันต้องช่วยเหลือฉุดรั้งดารินอย่างทุลักทุเล
มีหลายครั้งที่กิ่งไม้ที่เกะกะอยู่ มันเกี่ยวเสื้อเกี่ยวผ้าขาวม้าที่เธอนุ่ง จนเกือบหลุด เวลาก้มคลานผ้าขาว
ม้า ก็ถกขึ้น บางครั้งก็เปิด จนเป็นอาหารตาให้พวกบุญคำมองจนน้ำลายยืด ทั้งหีทั้งตูดของเธอโชว์อยู่
ตรงหน้าพวกนั้น ใกล้จนแทบได้กลิ่น ดารินก็ไม่รู้จะทำยังไง จึงต้องปล่อยเลยตามเลย ยังไงยิ่งกว่านี้
พวกนั้นก็ยังเคย พวกบุญคำเลยทั้งสุขทั้งทรมาน ที่ทรมานก็เพราะควยมันแข็งดันกางเกงจนเจ็บไปหัว
ควยไปหมด
           ในระหว่างทางนั้น แงซายยิงเก้งได้ตัวหนึ่ง จึงแก้ปัญหาเรื่องอาหารไปได้ ขบวนจึงต้อง
หยุดพักเพื่อลอกหนัง แล้วควั่นเอาเฉพาะเนื้อ โดยแงซายและพวกจันช่วยกันทำ
           รพินทร์ชวนพวกนายจ้างนั่งปรึกษาเรื่องเส้นทาง และระยะที่จะหยุดพักค้างคืน ก่อนที่จะ
เข้าโจมตีพวกสางเขียวในตอนเช้า ส่วนดารินเห็นเป็นโอกาส จึงบอกพี่ชายของเธอว่าจะขอไปทำธุระ
ส่วนตัว แล้วเธอก็เดินออกไปเสาะหาพุ่มไม้ใหญ่บังตาเพื่อจัดการธุระ ซึ่งเธอไม่รู้หรอกว่า ทุกอย่างอยู่
ในสายตาของบุญคำตลอดเวลา แกจึงเลี่ยงออกไปอีกทางแล้วเดินวนอ้อมมาที่พุ่มไม้ ซึ่งดารินกำลังทำ
ธุระส่วนตัวเสร็จพอดี แกเดินย่องเข้าไปทางด้านหลังของเธอ แล้วใช้มือข้างหนึ่งปิดปากเธอไว้ส่วนมือ
อีกข้างก็กอดรัดตัวเธอแน่น จนดารินดิ้นไม่หลุด แกยื่นปากกระซิบที่ข้างหูดารินว่า
            "อย่าดิ้น นี่ผมเองบุญคำ ผมอยากจะมาพูดตกลงอะไรกับนายหญิงซักหน่อย ผมจะเอา
มือออกจากปาก ถ้านายหญิงสัญญาว่าจะไม่ร้องหรือทำอะไรให้คนอื่นรู้ตัว ถ้านายหญิงตกลงให้ผงก
ศีรษะหนึ่งครั้งแล้วผมจะปล่อย"
            ดารินจึงผงกหัว บุญคำเลยเอามือที่ปิดปากเธอลงมากอดไว้ที่เอวของเธออีกข้างหนึ่ง
            "แกจะพูดอะไรก็รีบๆพูดมา ฉันออกมานานแล้ว เดี๋ยวพวกพี่ใหญ่จะสงสัย" ดารินกระ
ซิบตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
            "ผมคิดว่า นายหญิงคงยังไม่ได้พูดถึง...เรื่องของเรา...ให้ใครฟังใช่มั้ยครับ" บุญคำถาม
พร้อมกับเอามือทั้งสองยกขึ้นมา บีบขย่ำเต้านมของดารินอย่างมันส์มือ
            "เอามือของแกออกไป แล้วปล่อยฉัน การที่ฉันยังไม่พูดออกไป เพราะฉันเห็นแก่การ
เดินทางเท่านั้นหรอกนะ ถ้าพวกแกทำอะไรฉันอีก ฉันจะบอกแน่นอน เอามือของแกออกไปเดี๋ยวนี้"
            "ฮึๆๆ นึกว่าพวกผมจะกลัวหรือครับ นายหญิงคงลืมไปแล้วว่าที่นี่คือป่า มันเป็นถิ่นของ
พวกผม ถ้าผมเห็นว่ามีอะไรผิดปกติ พวกผมจะไม่รับรองความปลอดภัยของพวกนายใหญ่นะครับ ผม
จะไม่ทิ้งเอาไว้แน่ นายหญิงคิดดีๆและว่าง่ายๆ โดนเย็ดมาไม่รู้ว่ากี่ควยแล้ว แถมทุกครั้งที่โดนก็ระรี้ระ
ริกซื้ดซาดส่ายเอวแอ่นหีมีความสุข ผมว่านายหญิงอยู่เฉยๆ คอยรับความสุขจากพวกผมที่จะประเคน
ให้ดีกว่า ฮ้าๆๆ" บุญคำกระซิบตอบโต้อย่างเป็นต่อ มันทำให้ดารินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงพูดขึ้น
            "แล้วแกจะเอาอย่างไง"
            "ก็อย่างที่ผมบอก นายหญิงต้องไม่พูดเรื่องนั้นออกไป และสนองตอบความต้องการ
ของพวกผมทุกครั้งที่พวกผมต้องการ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ พวกผมจะไม่เรียกร้องบ่อยนักหรอก
เพราะโอกาสคงไม่ค่อยจะมี แต่จำไว้ทุกครั้งที่มีโอกาส นายหญิงจะต้องเป็นกระหรี่ให้พวกผมกระแทก
เข้าใจตามนี้นะครับไปได้" บุญคำย้ายมือลงไปขย่ำโคกหีของดารินอย่างแรงทีหนึ่งแล้วจึงปล่อยเธอเดิน
จากไป ส่วนแกก็เดินกลับไปทางเดิม เมื่อรวมกับพวกของจัน แกก็ขยิบตาให้เป็นที่รู้กันว่า การเจรจา
เรียบร้อย พวกนั้นก็ยิ้มย่องมองไปที่ร่างของดารินอย่างหมายมั่นปั้นมือ
             เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย คณะเดินทางก็เคล่ืีอนตัวต่อ การเดินทางยังยากลำบากเหมือน
เดิม จนเข้าใกล้รัศมีถิ่นของพวกสางเขียว คณะของรพินทร์จึงได้หยุดลง พวกบุญคำทำการแผ้วถางที่
สำหรับพักในคืนนี้ แล้วจัดเตรียมทำอาหารเย็น ส่วนรพินทร์กับแงซายออกไปตระเวนดูรอบๆเพื่อความ
ปลอดภัย
             หลังจากกินอาหารเสร็จ รพินทร์ก็เรียกทุกคนมารวมตัวกันเพื่อชี้แจงแผนการ และแบ่ง
งานกัน
             "ก่อนอื่น ให้ตรวจอาวุธประจำตัวว่าอยู่ในความเรียบร้อยพร้อมใช้งานหรือไม่ กระสุนก็
ให้เก็บไว้ในที่ที่หยิบได้ง่ายเพื่อเติมตอนหมด คุณไชยยันกับแงซายตรวจความเรียบร้อยของลูกธนูติด
ระเบิดด้วยครับ ส่วนคุณหญิงโปรดจำไว้ว่า ถ้าเกิดการตะลุมบอนขึ้นเมื่อไหร่ให้อยู่ใกล้ๆคนหนึ่งคนใด
ในคณะไว้ อย่าพลัดออกจากกลุ่มเด็ดขาด เราอาจจะเจอกับหน่วยลาดตระเวนของพวกมันได้ตลอดเว
ลา ขอให้ทุกคนจำไว้ว่าเราจะไม่ปะทะกับพวกมันก่อนถ้าไม่จำเป็น เราจะต้องย่องเข้าไปให้ถึงชุมชนมัน
แล้วจึงถล่มพวกมันด้วยลูกธนูติดระเบิด จากนั้นจึงผละออกเดินทางกลับแค้มป์ใหญ่ทันที มีใครสงสัย
หรือเสนอแนะอะไรเพิ่มเติมมั้ย" รพินทร์ถามขึ้นหลังจากสรุปเสร็จ เชษฐาก็เอ่ย
             "ผมไม่มีอะไรเพิ่มเติมหรอก เพียงแต่จะเน้นย้ำว่า เราจะเข้าถึงชุมชนของพวกมันอย่าง
เงียบที่สุด ฉะนั้นจะต้องไม่มีการปะทะก่อนหน้านั้น หรือถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องจัดการอย่างเงียบๆ
ทำอย่างไรก็ได้ ไม่ให้ทางชุมชนของพวกมันรู้ตัว ไม่งั้นเราจะเป็นฝ่ายถูกพวกมันเชือด จำไว้ถ้าไม่มีการ
ปะทะซึ่งหน้าจะดีที่สุด ผมขอให้ทุกคนเตรียมพร้อมที่สุด คืนนี้คุณรพินทร์ช่วยจัดเวรยามดูแลด้วย ส่วน
คนใดที่ไม่ใช่เวรยาม ก็ขอให้พักผ่อนให้เต็มทีี พรุ่งนี้ขอให้ทุกคนพร้อมออกเดินทางตอนห้านาฬิกานะ
จากจุดที่เราอยู่ไปถึงชุมชนของพวกมันคาดว่าจะต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง ถ้าไม่มีอุปสรรคใดๆ
คาดว่ามะรืนประมาณเที่ยงวันเราจะกลับไปถึงแค้มป์ใหญ่ เอาล่ะผมขอให้ทุกคนแยกย้ายกันทำหน้าที่
แล้วทำการพักผ่อนได้"
            ทุกคนแยกย้ายทำหน้าที่ของตนอย่างรู้งานเป็นอย่างดี ไชยยัน รพินทร์ และแงซายทำ
การตรวจสอบคันธนูและลูกศรติดระเบิดอย่างละเอียด โดยเฉพาะสายฉนวน ก็กะให้ระเบิดตามเวลาที่
กำหนด ไม่ให้ช้าหรือเร็วเกินไป รพินทร์กำหนดให้คันธนูและลูก จะต้องอยู่กับแงซายซึ่งจะเป็นคนยิง
ไม่ให้แยกไปให้คนอื่นเก็บ ส่วนคนจุดฉนวนก็ให้เขาเป็นตัวหลัก แต่ถ้าฉุกละหุก ก็ให้เชษฐาหรือไชย
ยันกระทำแทน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแล้วก็แยกย้ายกันไปนอน ยกเว้นแต่ผู้มีหน้าที่เป็นยามแรกคือเกิดกับ
เส่ย ที่นั่งระวังอยู่แถวกองไฟ
            คืนนั้นเหตุการณ์ผ่านไปด้วยความสงบ บุญคำที่เป็นยามชุดสุดท้ายได้ปลุกทุกคนให้ตื่น
ขึ้นตอนตีสี่ ทุกคนทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว ก็มารวมตัวกันรับประทานอาหาร และซักซ้อมกันอีกครั้งที่
บริเวณรอบกองไฟ
            ตีห้าทุกคนก็พร้อมออกเดินทาง โดยรพินทร์เป็นคนนำเช่นเคย ขบวนเคลื่อนที่ไปอย่าง
ระมัดระวังเต็มที่ หลังจากเดินไปได้ครึ่งชั่วโมงรพินทร์ก็นำทุกคนตัดเข้าเส้นทางที่เคยผ่านมาแล้ว ตอน
ที่ออกจากชุมชนสางเขียวเพื่อไปช่วยดารินกับมาเรีย รพินทร์นำทุกคนเดินย้อนกลับไปที่ชุมชนของพวก
มัน โดยเขาไม่เดินบนเส้นทาง แต่เลี่ยงไปเดินด้านข้างห่างจากเส้นทางประมาณสิบเมตรเพื่อหลีกเลี่ยง
การประจันหน้ากับหน่วยลาดตระเวนของสางเขียวโดยไม่จำเป็น
            เดินไปได้สักพัก รพินทร์ก็ส่งสัณญานให้ทุกคนหยุดและหมอบลง สักครู่ก็มีสางเขียว
เดินมาตามเส้นทางสามคน รพินทร์หันไปแสดงท่าทางถามเชษฐาว่าจะจัดการกำจัดหรือไม่ ซึ่งเชษฐา
ก็โบกมือตอบว่าให้ปล่อยไป รพินทร์รอจนแน่ใจว่าพวกมันเดินห่างไปพอสมควรแล้ว จึงส่งสัณญานให้
เดินทางต่อได้ ทุกคนจึงลุกขึ้นเดินต่อด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง
             ตอนนี้แต่ละคนเดินชิดเข้ามาเป็นกลุ่มก้อน ทุกคนใช้ประสาทหูตาสังเกตุรอบข้างเต็มที
แต่ก็พลาดจนได้ เมื่อเส่ยที่เดินอยู่รอบนอกเกิดไปเหยียบถูกกับดักของพวกสางเขียว เขาถูกเชือกกระ
ตุกรัดเข้าที่ข้อเท้า แล้วเชือกก็ดีดดึงเขาลอยขึ้นไปห้อยกับกิ่งไม้ พร้อมกันนั้นก็มีสางเขียววิ่งตรูเข้ามา
ทุกทิศทางประมาณสิบกว่าคน พวกรพินทร์ไม่ทันตั้งตัว เพราะมัวตะลึงมองดูเส่ยที่ห้อยอยู่ จึงกลาย
เป็นการต่อสู้แบบประชิดตัว เหตุการณ์ชุลมุนไปหมด ทุกคนถูกพวกมันรุมเข้ากอดปล้ำทำร้าย พวกมัน
พยายามจับเป็นพวกเขา บ้างก็สู้กันตัวต่อตัว บ้างก็ถูกรุมสองบ้างสามบ้าง กว่าที่พวกรพินทร์จะจัดการ
พวกมันจนสิ้นฤทธิ์ เวลาก็ผ่านไปนานพอสมควร ทุกคนสะบักสะบอมได้เลือดไปตามๆกัน เมื่อสำรวจ
ทุกคนแล้ว ปรากฏว่าดารินหายไป เชษฐาจึงสอบถามขึ้นว่า
             "ใครเห็นน้อยบ้าง"
             "ตอนพวกมันรุมเข้ามา ฉันได้ยินเสียงน้อยร้องขึ้น แต่มันชุลมุนไปหมด หลังจากนั้น
ฉันก็ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับน้อย" ไชยยันพูดขึ้นเสียงสั่น
             "นายหญิงถูกพวกสางเขียวสามคนฉุดลาก ไปทางนู้นตั้งแต่เริ่มต่อสู้กัน ผมพยายาม
ตะโกนบอกก็ไม่มีใครได้ยิน" เสียงเส่ยร้องบอกมาจากกิ่งไม้ที่เขาห้อยอยู่
             แงซายจึงเข้าไปช่วยเหลือเอาเส่ยลงมา จากนั้นทุกคนก็รีบติดตามดารินไปตามทางที่
เส่ยชี้
............................................................................................

             ย้อนกลับไปตอนที่สางเขียวรุมล้อมเข้ามา ทุกคนสารวนกับการป้องกันตัวเอง ดาริน
ถูกพวกมันคนหนึ่งโถมเข้าใส่จนเธอล้มลง อีกคนก็เข้ามาชกที่ท้องของเธอจนจุก แล้วพวกมันสามคน
ก็เข้ามาฉุดลากเธอออกจากกลุ่มไป เธอพยายามร้องให้คนช่วย แต่ก็ไม่มีใครได้ยิน เพราะมัวแต่ชุลมุน
ต่อสู้กันอยู่ พวกมันลากเธอไปสักพัก หนึ่งในนั้นก็เข้ามาแบกเธอวิ่งออกไปโดยพวกที่เหลืออีกสองคน
ก็วิ่งตาม เธอกลัวมากพยายามดิ้นแต่ก็ไม่หลุด ปืนสั้นที่รพินทร์ให้ไว้เธอก็ทำหล่นตอนที่พวกมันลากตัว
เธอออกมา
            พวกมันพาเธอไปหยุดที่ใต้ต้นไม่ใหญ่ต้นหนึ่ง ไอ้คนที่แบกเธอก็วางเธอลงที่พื้น จาก
นั้นก็ต่อยเธอที่ท้องซ้ำอีกที่หนึ่ง เธอจุกจนงอตัว พวกมันรุมกันเข้ามาที่ตัวเธอ แล้วเหตุการณ์ที่เธอเคย
ประสบพบเจอก็ย้อนกลับมาอีกวาระหนึ่ง มันเป็นเคราะห์กรรมอะไรของเธอไม่รู้ มนุษย์เพศผู้ถ้าได้เจอ
เธอเป็นต้องเกิดอารมณ์ดิบคิดแต่จะผสมพันธุ์ พวกมันกระชากเสื้อผ้าขาวม้าจนหลุดจากร่างเธอ ร่างอัน
เปลือยเปล่าขาวโพรนอวบอิ่มที่แม้ชายใดได้เห็นก็อดที่จะลิ้มลองไม่ได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกมัน เธอ
กลัวจนต้องขดหดร่างกาย พยายามปิดบังส่วนที่พึงสงวน แต่อากับกิริยานั้น กลับปลุกเร้าสันดานเถื่อน
ดิบของพวกมันลุกโชนยิ่งขึ้น ควยของแต่ละคนผงกงึกชี้เด่มาที่เธอ มันใหญ่และแข็งราวกับจะทะลุทะ
ลวงทะลุตัวเธอ
            พวกมันโจนเข้าหาตัวเธออย่างกับตายอดตายอยาก ราวกับไม่ได้พบกับตัวเมียมาเป็นปี
ทุกส่วนในร่างกายเธอถูกพวกมันลูบไล้ บีบเค้น ขยำขยี้ มันใช้นิ้วอันสกปรกของมันล้วงเข้าไปในรูหี
จากนั้นก็ชักเข้าชักออก อีกสองคนก็ดูดเลียบีบเค้นเต้าของเธอจนแทบจะแหลกเหลว เธอกรีดร้องให้
คนช่วยจนเสียงแหบแห้ง และแล้วเวลานั้นก็มาถึง ไอ้คนที่ล้วงหีเธอก็เปลี่ยนจากนิ้วเป็นควยอันใหญ่
มหึมาของมัน ท่อนควยสอดกระแทกเข้ามาในรูหีของเธออย่างรุ่นแรง เธอเจ็บจนกรีดเสียงออกไปสุด
เสียง รูหีอันแห้งผากของเธอต้องรองรับท่อนควยของมันจนสุดลำ จากนั้นมันก็เริ่มกระเด้าอย่างเร็ว
และแรง ความฝืดแน่นของรูหีทำให้มันต้องเงยหน้าสูดซื้ดปากด้วยความเสียวที่หัวควย พวกมันอีกสอง
คนก็ส่งเสียงโวยวายดังลั่น ซึ่งเธอก็ฟังไม่รู้เรื่อง แต่เธอก็รู้ชะตากรรมในที่สุด เมื่อเธอถูกฉุดให้นั่งขึ้น
มาแล้วไอ้คนที่กำลังเย็ดเธออยู่ก็นอนลงโดนมีเธอนั่งเอาหีอมควยมันอยู่ จากนั้นเธอก็ถูกผลักให้นอน
ทับลงไปที่ตัวมัน ท่านี้ช่างคุ้นในความรู้สึกเธอ แล้วสิ่งนั้นก็เป็นจริง เมื่อพวกมันคนหนึ่งก้าวคล่อมร่าง
แล้วใช้มือแหกก้นเธอ มันเอาหัวควยกดกระแทกเข้าไปในรูตูดเธออย่างแรง ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยโดนรุม
เย็ดพร้อมกันสองรูแบบนี้ แต่ครั้งนี้เธอยังไม่พร้อมมันเลยสร้างความเจ็บปวดรวดร้าวให้เธอสาหัสยิ่งขึ้น
แต่เธอก็ร้องได้ไม่นาน เพราะไอ้คนที่เหลือมันเอาควยมโหฬารของมันยัดเข้าปากเธอแล้วกระเด้าถี่ยิบ
เธอได้แต่ส่งเสียงอึกอักอยู่ในลำคอ พวกมันทั้งสามคนต่างใช้ร่างกายทุกส่วนของเธอระบายอารมณ์อัน
เถื่อนดอบของพวกมันโดยไม่สนใจว่าจะสร้างความเจ็บปวดให้เธอขนาดไหน แต่ก็เป็นเช่นทุกครั้งที่ผ่าน
มา ร่างกายของเธอปรับสภาพอย่างรวดเร็ว น้ำหล่อลื่นในทุกส่วนหลั่งออกมาอย่างมากมาย ความสยิว
เสียวตามมาติดๆ กล้ามเนื้ออวัยวะต่างๆเริ่มตอบสนองการกระทำของพวกมัน ความสุขจากการถูกรุมย่ำ
ยีพุ่งเพิ่มขึ้นตลอดเวลา เธอเริ่มเด้งเอวสู้ควยทั้งสอง ส่วนปากก็ดูดควยมันอย่างอัตโนมัติ พวกมันจึงส่ง
เสียงซื้ดซาดเสียงดังลั่น เอวของพวกมันทำงานถี่ยิบ เสียงกระเด้าดัง...ป้าบๆๆๆ...น้ำหีกระเซ็นเป็นฟุ้ง
ฝอย ตอนนี้ดารินลืมไปแล้วว่าถูกข่มขืน ความคิดของเธอมีแต่ควย ควย แล้วก็ควย ถ้าใครมาเห็นเธอ
ตอนนี้ คงอารมณ์พุ่งพล่านเพราะการแสดงออกที่เร้าร้อนของเธอ
................................................................................................

            พวกรพินทร์ติดตามดารินไปอย่างรีบเร่งด้วยความเป็นห่วง ทุกคนใช้ทักษะในการตาม
รอยอย่างขีดสุด จะต้องไม่ผิดเส้นทางอย่างเด็ดขาด ทั้งยังต้องทำเวลาให้มากที่สุด ในใจของทุกคน
เต็มไปด้วยความเร้าร้อนแม้จะคนละเหตุผล ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ส่วนตัว รพินทร์ห่วงคนรัก เชษฐา
กับไชยยันห่วงน้องสาว แงซายห่วงนายอันเป็นที่รัก ส่วนพวกบุญคำก็ห่วงเหยือกามของพวกมัน ทุก
คนไม่ต้องการให้ดารินเป็นอะไรลงไป การติดตามร่องรอยในครั้งนี้ทุกคนจึงรีดความสามารถทุกอย่าง
ออกมาอย่างเต็มที่ การติดตามจึงเป็นไปอย่างรวดเร็วแม่นยำ
            "พบปืนสั้นนายหญิงตกอยู่ตรงนี้ครับ" แงซายตะโกนบอก
            "โธ่น้อย! อาวุธซักชิ้นก็ไม่มี แล้วจะปกป้องตัวเองอย่างไง" ไชยยันพูดขึ้นด้วยความเป็น
ห่วง สีหน้าเคร่งเครียดที่สุด
            "ไปเราไปต่ออย่าหยุด ยิ่งช้าน้อยยิ่งไม่ปลอดภัย" เชษฐาเร่งรัดเสียงเครียด
            ทุกคนจึงออกติดตามต่อ จันเดินเข้าไปใกล้บุญคำแล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ
            "ฉันว่าป่านนี้นายหญิงป่นปี้ โดนพวกมันเย็ดหีบานไปอีกรอบแล้วว่ามั้ย ไม่มีใครอดใจ
ไหวหรอกถ้าได้เห็นได้สัมผัส โดยเฉพาะตอนนี้นายหญิงเหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลยอย่างนี้ ใครเห็นก็
ต้องควยลุก ว่ามั้ยลุงคำ"
            "เออ! กูรู้มึงไม่ต้องมาย้ำ กูยิ่งเสียดายอยู่ของดีๆ ไม่น่าเล้ย! เฮ้อ! มึงคอยดูสิ ตอนเรา
เจอนายหญิงสภาพนายหญิงต้องดูไม่จืดแน่ๆ คงได้ไปอีกหลายน้ำ อย่างไงก็อย่าไปเจ๊อะเอาตอนเข้า
ด้ายเข้าเข็ม หรือจะเรียกว่า กำลังตอกเสาเข็มดีว่ะ มันส์ล่ะมึง ป้าบๆๆๆๆ นายหญิงยิ่งเอวไวอยู่ด้วย
เดี๋ยวจะมองหน้ากันไม่ติด เฮ้อ! ยิ่งคิดควยกูแข็งเลย มึงดูขึ้นเป็นลำเบ้อเล้อ"
            "มีแต่ควยลุงคำที่ไหน ของฉันก็แข็งเป็กเลยเห็นมั้ย ไม่รู้นายหญิงนี่เป็นไง ฉันว่าหมา
ตัวผู้ถ้ามันเห็นหรือได้กลิ่นหีนายหญิงควยมันต้องแข็งแน่ๆ ผู้หญิงอะไร หุ่นอ้อนควยชะมัด" จันว่า
            พอจันพูดจบทั้งสองก็เร่งความเร็วในการเดิน ตามไปจนทันกลุ่มที่เดินอยู่ด้านหน้า
..............................................................................................

            การรุมเย็ดดำเนินไปด้วยความดุเดือด เพราะทุกคนใส่ไม่ยั้ง การกระเด้าควยแต่ละครั้ง
เป็นอย่างรุนแรงรวดเร็วขึ้นสุดลงสุด ฉะนั้นเวลาผ่านไปเพียงไม่นานทุกคนรวมทั้งดารินด้วยก็มีอาการ
เกร็งกระตุกถึงจุดสุดยอด น้ำหีน้ำควยแตกตามกันมาติดๆ ไอ้พวกสางเขียวคำรามเสียงดังลั่นกระเด้า
ควยครั้งสุดท้าย แล้วอัดควยฉีดน้ำเชื้อเข้าทุกร่องรูของดารินอย่างกับเขื่อนแตก โดยเฉพาะไอ้คนที่
เย็ดปากเธออยู่ มันระเบิดน้ำควยมันตรงเข้าหลอดคอเธอตรงๆหายเข้าท้องไปโดยเธอไม่ต้องลำบาก
กลืนให้เสียเวลาเลย
            เมื่อทุกคนเสร็จสม พวกมันก็ชักควยออกจาก ปาก รูหี และรูตูดของดาริน แล้วพวกมัน
ก็นั่งลงด้วยความเหน่ือยอ่อน ทิ้งให้ดารินนอนแผ่น้ำเงี่ยนไหลนองออกจากทั้งสองร่องรู
            เมื่อหายจากอารมณ์อันเร้าร้อน  ดารินก็สำนึกขึ้นได้ว่าเธอกำลังอยู่ในสถานการณ์ใด
เธอจึงลุกขึ้นนั่งคว้าเอาเสื้อและผ้าขาวม้าขึ้นมาแนบอก แล้วรีบลุกขึ้นยืนหันหลังวิ่งกลับย้อนไปทางที่
พวกมันพาเธอมา พวกเขียวก็หัวเราะกระโจนตามเธอไปติดๆ
            ในขณะเดียวกันรพินทร์และคณะก็โผล่มาเห็นเหตุการณ์พอดี รพินทร์ยกปืนขึ้นยิงสวน
ใส่ร่างของพวกสางเขียวทันที ติดตามด้วยเสียงปืนจากเชษฐาและไชยยัน พวกสางเขียวทั้งสามเลย
ขาดใจตายทันที เพราะโดนกันไปคนละหลายนัด
            ส่วนดารินก็โผ้เข้ากอดรพินทร์แน่น พร้อมกับร้องว่า
            "รพินทร์คะ น้อยกลัวจังเลย"
            "ไม่ต้องกลัวครับ พวกมันตายหมดแล้ว" รพินทร์ปลอบโยน แล้วดึงเอาเสื้อและผ้าขาว
ม้าในมือเธอมาใส่ให้เธอจนเรียบร้อย ซึ่งการกระทำต่างๆของทั้งสองอยู่ในสายตาของทุกคน เชษฐา
จึงเก็บความแปลกใจนี้ไว้ แล้วร้องเรียกดารินขึ้น
            "น้อย"
            ดารินจึงสะดุ้งขึ้น แล้วโผ้ไปร้องไห้กับอกของพี่ชายเธอ
            "ไม่เป็นไรแล้วน้อย สงบสติอารมณ์ แล้วรวบรวมพลัง พวกเราจะไปแก้แค้นพวกมัน
เอาให้มันย่อยยับสิ้นสูญเผ่าพันธุ์ ให้สาสมกับที่มันทำไว้กับเธอร้ายแรงนัก" เชษฐาปลอบโยนดาริน
ด้วยน้ำเสียงคลั่งแค้น
            "ไม่ต้องเสียใจน้อย เราทุกคนล้วนเห็นใจเธอ และขอโทษเธอด้วยที่ไม่สามารถปกป้อง
ได้ พวกเราจะถล่มพวกมันให้้สิ้นซาก ไม่ให้เหลือไว้ในโลกนี้เลย" ไชยยันเข้ามาปลอบดารินบ้าง
            "ไป พวกเราไปถล่มพวกมัน" รพินทร์กล่าวชักชวนขึ้น แล้วออกเดินนำหน้าไป
            ทุกคนเดินตามรพินทร์ไปอย่างกระชั้นชิด มีเพียงเกิดกับเส่ยเดินซุบซิบกันตามหลังมา
            "ไอ้เส่ยมึงว่ามั้ย นายหญิงต้องโดนจัดหนักก่อนหน้าที่พวกเรามาถึง"
            "โธ่! พี่เกิดก็เห็นอยู่ทนโท้ ไอ้พวกสางเขียวนอนตายควยห้อยอยู่ทุกคน นายหญิงเอง
น้ำควยไอ้พวกนั้นไหลย้อยเต็มง่ามขา กลิ่นคาวคุ้ง อย่างนี้จะมีเหลือเหรอ น้ำควยไหลมากขนาดนั้น
ข้าว่านายหญิงโดนที่เดียวสองรูแน่ๆ จริงๆก็น่าเห็นใจไอ้พวกนั้นเหมือนกันนายหญิงหุ่นทรมานใจขนาด
นั้น เป็นข้าก็ไม่เลี้ยงเหมือนกัน"
            "แล้วเราจะมีโอกาสงามๆ จัดการนายหญิงอีกมั้ยนะ เฮ้อ! ข้าเงี่ยนอยากเอาควยมุดรูหี
นายหญิงเต็มทนแล้ว ยังมีนายแหม่มอีกคน คิดถึงภาพตอนที่ทั้งสองคนโดนพวกสางเขียวรุมเย็ดในถ้ำ
ทั้งนายหญิงทั้งนายแหม่มโคตรร่านเลย ข้านี่ควยแข็งจนน้ำแทบแตก"
            "ข้าว่าต้องมีโอกาสจนได้แหละ การเดินทางยังอีกยาวนัก ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่ข้าจะเด้า
ไม่เลี้ยงเลย"
            "หยุดฝันได้แล้ว รีบเดินเข้าไอ้แงซายมันหันมาดูเราหลายครั้งแล้ว"
            ทั้งหมดเดินไปได้ประมาณสอบห้านาทีก็ถึงจุดที่พวกเขาเคยมาซุ่มดูพวกสางเขียวเมื่อ
สองวันก่อน
             "จุดนี้ผมว่าเป็นจุดที่เหมาะกับการซุ่มยิงที่สุดครับ" รพินทร์พูดขึ้น
             "งั้นจะรอช้าอยู่ทำไม ถล่มพวกมันเลย รพินทร์คุณเป็นคนจุดฉนวนให้แงซาย ส่วน
พวกผมที่เหลือจะซุ่มยิงพวกที่เหลือรอดจากระเบิด ยิงให้หมด คิดว่ามันเป็นสัตว์ป่าอันตราย ที่ทิ้งเอา
ไว้ไม่ได้" ไชยยันโพล่งขึ้นด้วยความใจร้อน
             "ครับเดี๋ยวผมกับแงซายจะแยกไปยิงทางด้านนั้นส่วนทางนี้คอยยิงซ้ำนะครับ" รพินทร์
กล่าวเสร็จก็ชวนแงซายไปยังที่ที่เขากะเอาไว้
              พอจัดเจรียมทุกอย่างเข้าที่แล้ว รพินทร์ก็จุดบุหรี่ขึ้น สูดควันเข้าเต็มปอดแล้วพ่น
ควันละเอียดออกมา จากนั้นพยักหน้าให้แงซายเริ่มได้ แงซายเอาลูกธนูตอดระเบิดพาดเข้ากับคันธนู
แล้วพยักหน้าให้รพินทร์ แล้วเขาก็สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดพร้อมกับน้าวธนูจนเต็มที่เล่งไปที่ลานกลาง
ชุมชน ที่ขณะนี้มีพวกสางเขียวชุมนุมอยู่เต็ม จากนั้นก็พยักหน้าให้รพินทร์อีกครั้งหนึ่ง
           รพิินทร์ที่รอท่าอยู่ก็เอาบุหรี่ที่จุดไว้จี้เข้าที่สายชนวนจนสายชนวนลุกติดไฟขึ้น แงซายก็ ปล่อยลูกธนูออกไปทันที ระเบิดตกลงตรงเป้าหมายพร้อมกับระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ฝุ่นฟุ้งกระจายเต็ม
ไปหมด แงซายไม่รอดูผล เขาจัดการกับธนูลูกที่สองทันที ครั้งนี้เขาเล็งไปที่ถ้ำที่พวกมันอาศัยอยู่ พอ
รพินทร์จุดชนวนติดเขาก็ปล่อยลูกธนูออกไปทันที จากนั้นก็วางคันธนูลงหยิบปืนขึ้นมากราดยิงใส่พวก
สางเขียวที่รอดจากอำนาจระเบิดว่ิงหนีกันชุลมุน พวกเขากราดยิงอย่างปราณีต หนึ่งนัดต่อหนึ่งคนไม่มี
พลาด ยิงอยู่สักพักใหญ่ ก็ไม่มีสิ่งที่เคลือนไหวได้ที่ด้านล่างอีกต่อไป อำนาจระเบิดทั้งสองลูกได้ทำ
ลายล้างชุมชนและชีวิตของพวกสางเขียวจนย่อยยับ
           "เอาล่ะ พวกเราเดินทางกลับแค้มป์ใหญ่กันได้แล้ว ป่านนี้พวกมาเรียคงไปรอพวกเรากัน
อยู่ที่นั้นแล้ว หมดสิ้นกันที่ไอ้พวกนรกสางเขียว" เชษฐากล่าวขึ้นในที่สุด
           คณะเดินทางก็เริ่มออกเดินทางทันที โดยทิ้งความพินาศของพวกสางเขียวเอาไว้ที่ด้าน
หลัง






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น