วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

นรกสางเขียว ตอน 06

 
 
            รพินทร์กับดารินวิ่งหนีสางเขียวไปทางทิศที่อยู่ด้านหลังของรูปปั้นเทพเจ้าหมาป่า ซึ่ง
ตอนแรกเต็มไปด้วยก้อนหินใหญ่ พอพ้นออกมาก็เจอกับราวป่าโปร่งมีต้นไม้ยืนต้นอยู่ไม่มากนัก สาง
เขียวก็ตามมาอย่างกระชั้นชิด รพินทร์หันกลับมายิงสกัดไปสองนัด แล้วพาดารินวิ่งเข้าป่าไป ทั้งสอง
เหนื่อยมาก โดยเฉพาะดารินเพิ่งบรรเทาจากขาแพรง พอมาวิ่งอย่างสุดชีวิตแบบนี้ อาการก็กำเริบขึ้น
มาอีก เธอพยายามทนไม่บอกรพินทร์ แต่อาการเจ็บทำให้เธอวิ่งไม่ถนัด ในที่สุดก็ล้มลงจนได้
           "คุณหญิงเป็นไงบ้างครับ"  รพินทร์ถาม
           "ฉันเจ็บเท้าข้างที่แพรง คุณหนีไปเถอะ ทิ้งฉันไว้ที่นี่แหละ ไม่งั้นเราจะตายด้วยกันทั้ง
สองคน" ดารินร้องบอก
           "ไม่ ถ้าจะตายผมต้องตายก่อน มาผมจะแบกคุณหญิงไปเอง" รพินทร์พูดแล้วตรงเข้า
แบกดารินทันที แล้วออกวิ่งต่อไป
           รพินทร์แบกดารินวิ่งไปประมาณสิบกว่านาที ก็ต้องหยุดลงอีกครั้ง เพราะเขาเจอเข้ากับ
บึงใหญ่ขวางหน้าอยู่ เขาจึงวางดารินลง ในใจคิดว่าจะปักหลักสู้ตายที่ตรงนี้
           "รพินทร์ คุณดูนั่น" ดารินพูดแล้วชี้ไปที่กลางบึง รพินทร์มองตาม ก็เห็นเกาะกลางบึง
ห่างจากที่พวกเขายืนอยู่ประมาณ สองร้อยเมตร รูปร่างของเกาะมองดูคล้ายหัวหมาป่ากำลังอ้าปาก
เหมือนกับรูปแกะสลักเทพเจ้าของพวกสางเขียวไม่มีผิด
           "เราไปที่นั่นกันเถอะ ดีกว่าตายอยู่ตรงนี้" ดารินเอ่ยขึ้น
           "แต่มันไกลมาก เราจะว่ายข้ามไปได้เหรอ" รพินทร์ไม่แน่ใจ
           "ลองใช้วิธีเดินดูก่อน เผื่อน้ำมันไม่ลึก เชื่อฉันสักครั้งรพินทร์"ดารินพูด
           "ตกลงครับ" รพินทร์พูดขึ้นในที่สุด
           รพินทร์ถอดเป้หลัง เอาเทินไว้บนหัวแล้วจูงดารินก้าวลงบึงน้ำไป พวกเขาเดินห่างจาก
ฝั่งไปไม่นาน พวกสางเขียวก็ตามมาถึง พวกมันไม่ได้ลงน้ำตามมา เอาแต่ขว้างหอกใส่พวกเขา ซึ่ง
ก็ไม่โดน เพราะพวกเขาเดินไกลเกินระยะหอกจะขว้างถึงแล้ว
           "ดูสิรพินทร์ พวกมันไม่ตามเรามาแล้ว ไดัแต่กระโดดโลดเต้นอยู่ที่ชายฝั่ง" ดารินพูดขึ้น
ด้วยความดีใจ
           "ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมพวกมันถึงไม่ตาม แต่มันก็ดีที่สุดแล้ว คุณหญิงระวังด้วยครับ น้ำ
ชักลึกมากขึ้นทุกที" รพินทร์เตือน
           เดินได้เกือบครึ่งทาง น้ำก็สูงถึงคางของดาริน รพินทร์เลยบอกให้ดารินขี่หลังเขา จาก
นั้นก็เริ่มเดินต่อ ระดับน้ำก็ลึกลงไปที่ละนิดๆ จนในที่สุดก็ถึงคางของเขาจนได้ รพินทร์จึงต้องเดินช้าๆ
จะก้าวขาแต่ละก้าว ต้องระมัดระวังอย่างเต็มที่ ในบางก้าวที่พลาดตกลงหลุม ก็ทำให้น้ำท่วมมิดหัวเขา
และดาริน เขาต้องตะเกียดตะะกรายก้าวหาที่สูงกว่า ทั้งเขาและดารินต่างก็สำลักน้ำกันคนละหลายหน
จนใกล้ถึงเกาะ พื้นดินใต้น้ำจึงค่อยๆสูงขึ้น การเดินก็สบายขึ้น ดารินจึงลงจากหลังของรพินทร์ เดินจูง
มือกันไปต่อจนถึงเกาะ
            "เรารอดชั่วคราวแล้ว คุณหญิงเป็นอะไร บาดเจ็บตรงไหนบ้างมั๊ยครับ" รพินทร์พูดจบก็
กวาดตา สำรวจตรวจดูตามร่างกายที่เปลือยเปล่าของดาริน วินาทีนี้เขาไม่ได้คิดอะไรเกินเลยไปเลย มี
แต่ความเป็นห่วงเป็นใยในสายตาของเขา
           ดารินก็ปล่อยให้รพินทร์ตรวจมองดูตามร่างกายของเธอ โดยมิคิดจะปิดป้องหรือเหนียม
อายใดๆ เพราะคิดว่าตลอดเวลาตั้งแต่ที่เวทีของสางเขียว จนถึงตรงจุดนี้เขาก็เห็นร่างกายของเธอจน
แทบจะทุกซอกทุกมุมหมดแล้ว
           "เป็นไง มีส่วนไหนของชั้นขาดหายบ้างมั๊ย พ่อพรานใหญ่" ดารินถามขึ้น
           "ไม่มีครับ ทุกสิ่งทุกอย่างของคุณหญิงยัง..สมบูรณ์..เพอร์เฟคท์ ครับผม" พูดจบรพินทร์
ก็ก้มลงค้นเป้หลังของตน แล้วดึงเอาเสื้อกับผ้าขาวม้าสำรองออกมา แล้วยื่นให้ดาริน ซึ่งเธอก็รับไว้
           "รพินทร์คะ คุณก็ยังคงเป็นสุภาพบุรุษเสมอต้นเสมอปลายตลอดมา ถ้าเป็นคนอื่นเห็น
ฉันในสภาพเปลือยเปล่าแบบนี้ ฉันคงป่นปี้ไปแล้ว รพินทร์คะฉันรักคุณเหลือเกิน" ดารินคิดไป ก็ใส่
เสื้อของรพินทร์ไปด้วย แต่ตอนพันผ้าขาวม้านี่สิ ดารินพันเท่าไรก็ไม่อยู่สักที จนรพินทร์ทนดูไม่ได้
ต้องเข้าไปช่วย
           "คุณหญิงนี่ท่าจะไม่เคยใส่ผ้าถุง มาผมจะใส่ให้ใหม่" รพินทร์ว่าแล้ว เขาก็คุกเข่าลง
ที่ด้านหน้าของดารินทำการแก้ผ้าขาวม้าที่เธอพันทับชายเเสื้อที่สวมไว้ลวกๆแล้วกางออก"คุณหญิง
ช่วยดึงชายเสื้อให้พ้นผ้าขาวม้าหน่อยครับ" รพินทร์บอก
           ดารินเลยถกชายเสื้อ ที่ยาวคุมถึงต้นขาของเธอขึ้นสูงจนเห็นฐานเต้านมขาวผ่อง ไร้
คราบไคลจากเหตุการณ์เลวร้ายที่ผ่านมา เพราะถูกน้ำในบึงชำระล้างไปหมดสิ้นแล้ว
           รพินทร์ตะลึงมองภาพที่อยู่ตรงหน้า มันช่างสวยงามอะไรเช่นนี้ แม้ยังมีริ้วรอยความ
บอบช้ำอยู่บ้าง มันก็ไม่ได้ทำให้ความเย้ายวนของอวัยวะ ที่อยู่ใกล้ใบหน้าของเขาในตอนนี้ ลดน้อย
ถอยลงเลย ความจริงแล้ว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ความสวยงาม ความเย้ายวนมีเสน่ห์ รูปร่างที่ผู้
ชายทุกคนเห็นแล้วเกิดอารมย์อยากจะครอบครอง ของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาในขณะนี้ แทบทำ
ให้เขาตบะแตกไปหลายครั้ง เขาเองก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน มีเลือดเนื้อ ความต้องการเฉกเช่นผู้ชาย
ทั่วๆไป แต่ที่เขาต้องอดกลั้นความรู้สึก เพราะเขารักผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน ไม่คิดจะบังคับขืนใจเธอ
ทั้งๆที่มีโอกาสหลายครั้งหลายครา แต่เขาก็ไม่ทำ เขาจะรอวันที่เธอยินยอมพร้อมใจ นานเเท่าไหร่
เขาก็จะรอ
           ดารินเห็นรพินทร์ตะลึงมองของสงวนของเธอตาไม่กระพริบ จึงแกล้งบิดสะโพกไปมา
แล้วคิดว่า "รพินทร์คะ น้อยคิดว่าคุณไม่สนใจน้อยเสียแล้ว น้อยดีใจมาก อย่างน้อย น้อยก็มีดีที่คุณ
ต้องตะลึงมองตาไม่กระพริบเหมือนกัน แต่นี่ มองนานเกินไปแล้ว ชักเขิน" ดิดถึงตอนนี้ ดารินก็พูด
ออกไปว่า
           "อีตาพรานบ้า มองอยู่ได้ ไหนว่าจะใส่ผ้าให้ฉันไง"
           พอได้ยินเสียงของดาริน รพินทร์ถึงรู้สึกตัวว่าเสียกริยา จึงพูดออกไป
           "ครับ ใส่ให้เดี๋ยวนี้แหละครับ" พูดจบก็ทำการพันผ้าอย่างแน่นหนา ไม่มีหลุดง่ายๆแต่
เพราะผ้าขาวม้ามีขนาดเล็ก ทำให้พอพันเสร็จ เหมือนดารินกำลังนุ่งมินิเสกิร์ต ชายผ้าขาวม้าอยู่สูง
กว่าหัวเข่าเกือบคืบ
           "เสร็จแล้วก็ลุกขึ้น มองอยู่ได้ แล้วนี่เราจะยืนตากแดดอยู่ตรงนี้เหรอ ฉันทั้งเหนื่อยและ
หิว จะทำอะไรก็รีบทำ ฉันร้อน" ดารินโวยวายแก้เขิน "คนอะไรมองอยู่ได้" เธอคิด
           "ครับเดี๋ยวผมตักน้ำดื่มก่อน แล้วเราค่อยเดินทางต่อ เราต้องขึ้นไปที่สูง เพื่อจะได้มอง
สำรวจได้ไกลๆ และป้องกันตัวเองได้ง่าย เพราะที่สูงได้เปรียบกว่า" รพินทร์พูดจบก็เตรียมกระติกแล้ว
นำไปเติมน้ำจนเต็ม จากนั้นก็เดินกลับมาที่ดาริน แล้วพูดขึ้น
            "เสร็จแล้วครับ คุณหญิงไม่มีรองเท้า ขาที่แพรงก็ยังไม่หายดี แถมยังมีแผลที่เท้าเต็ม
ไปหมด ผมว่าคุณหญิงขี่หลังผมไปดีกว่าครับ"
            "ฉันว่าฉันยังพอเดินไหว อีกอย่างคุณต้องสะพายเป้ด้วย ให้ฉันขี่หลังมันจะไม่ถนัด"ดา
รินแย้ง
            รพินทร์ถอดเป้ออกจากหลังของเขา แล้วเอาไปให้ดารินสะพายแทน แล้วพูดว่า
            "แค่นี้ก็ถนัดแล้ว เอ้า คุณหญิงกระโดดขึ้นหลังทาสผู้ซื่อสัตย์ได้แล้วครับ" รพินทร์เร่ง
            ดารินจึงเอาแขนโอบคอ เอนตัวเอาหน้าอกอวบแนบเบียดแผ่นหลังของรพินทร์ ที่ย่อตัว
หันหลังรออยู่ พอเขายืดตัวขึ้นเธอก็เอาขาเกี่ยวตวัดรัดเอวเขาไว้ เขาก็เอาฝ่ามือทั้งสองข้าง รองรับ
กระชับกับแก้มก้นอันแทบจะเปลือยเปล่าของเธอ แล้วเขาก็ร้องขึ้น
            "ราชรถพร้อมเดินทาง แล้วพะย่ะคะองค์หญิง"
            "เริ่มเดินทางได้" เธอกระซิบเบาๆที่ข้างหูของเขา
     ...........................................................................
             กล่าวถึงฝ่ายของเชษฐา หลังจากเชือกสะพานขาดลง สะพานก็พลิก เชษฐาเสียหลัก
ล้มลง เขาทิ้งปืนในมือแล้วคว้าเชือกไว้ทัน เขาจึงอยู่ในลักษณะโหนเชือกห้อยตัวอยู่กลางอากาศ มือ
ของเขากำเชือกไว้แน่นทั้งสองมือ เขารู้สึกเชือกสั่นกระตุก เขาจึงหันไปมองที่หัวสะพาน เห็นเชือกอีก
เส้นกำลังจะขาดเพราะทนน้ำหนักไม่ไหว เขาจึงร้องบอกแงซายที่กำลังไต่เชือกมาช่วยเขา ให้รีบกลับ
ไป เพราะเชือกอีกเส้นกำลังจะขาด ซึ่งแงซายก็ทำตามที่เขาสั่ง
             เชษฐาพยายามช่วยตัวเอง โดยการดึงข้อ แล้วแกว่งเท้าขึ้นไปเกาะกับเชือก แล้วไต่
ไปหาพวกไชยยันที่กำลังรอรับเขาอยู่ เชือกก็กระตุกถี่ขึ้น เหลืออีกเพียงสามเมตร เชือกก็ขาด สะพาน
เหวี่ยงตกลงไปกระแทกกับหน้าผาด้านที่พวกไชยยันอยู่ เสียงกระแทกดังสนั่น
             "โธ่เอ๊ย เชษฐา ไม่น่าเลย" ไชยยันอุทานลั่น แล้วทรุดตัวลงนั่งที่ริมผา เขาคิดว่าเชษ
ฐาคงไม่รอด เขาก้มเอามือปิดหน้าร้องไห้ น้ำตาลูกผู้ชายไหลนองเต็มหน้า
             "นายใหญ่ยังไม่ตาย รีบมาดูนายใหญ่ติดอยู่ที่ก้อนหินก้อนนั้น" บุญคำร้อง
             ไชยยันรีบลุกไปดู เห็นเชษฐานอนอยู่บนหินที่งอกยื่นออกมาจากหน้าผา กำลังโบกมือ
ให้พวกเขาเห็นอยู่ เขาจึงโบกตอบกลับไป
             "เชษฐายังไม่ตาย เราต้องลงไปช่วยเขา แงซายเตรียมการ เชือกเรามีกี่เส้น เร็วเอา
ออกมาดู"ไชยยันพูด
             "มีสามเส้น ยาวเส้นละสิบห้าเมตร ถ้ามัดกันจะได้ความยาวสี่สิบกว่าเมตร จุดที่นาย
ใหญ่อยู่ ลึกประมาณยี่สิบห้าเมตร ซึ่งเพียงพอครับ" แงซายรายงาน
             "ใครจะเป็นคนลงไปช่วย ต้องมีความรู้ด้านปฐมพยาบาลด้วย" ไชยยันถาม
             "ผมเองครับ" แงซายตอบ
             "งั้นเริ่มกันได้" ไชยยันสั่ง
             แงซายนำเชือกมามัดต่อกัน ปลายด้านหนึ่งให้จันเอาไปมัดไว้กับต้นไม้ ส่วนอีกด้านก็
มัดกับเอวของตน เมื่อทดสอบความแน่นหนาดีแล้ว เขาก็บอกให้เริ่มได้ โดยให้ทุกคนช่วยกันจับเชือก
แล้วค่อยๆหย่อนเขาลงไป
             "ค่อยๆผ่อนเชือกนะ ช้าๆใจเย็นๆ" ไชยยันกำกับ การช่วยเหลือครั้งนี้ อย่างใกล้ชิด
             "อีกนิด ถึงแล้ว เป็นไงแงซาย นายใหญ่บาดเจ็บอะไรมั๊ย" ไชยยันตะโกนถาม
             "แค่จุกมาก กับฟกช้ำบ้าง โดยรวมปลอดภัยดีครับ"แงซายตอบกลับไป จากนั้นเขาก็
แก้เชือกที่เอวเขา แล้วมัดเชษฐาจนแน่นดีแล้ว ก็กระตุกเชือกส่งสัญญานให้คนข้างเริ่มดึง
             การช่วยเหลือเอาเชษฐาขึ้น เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขณะนี้แงซายกำลังปฐมพยา
บาลเชษฐาอยู่ ไชยยันเห็นมาเรียนั่งเปลือยกายอยู่คนเดียว เขาจึงค้นเอาเสื้อของเขาจากเป้หลัง แล้ว
เดินไปยื่นให้มาเรีย
             "ผมเสียใจด้วยครับ กับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น" ไชยยันพูดกับมาเรีย
             "เขาตายแล้วใช่มั๊ย สเตเกลตายแล้วใช่มั๊ย" มาเรียถามขึ้น น้ำตาไหลเป็นทาง
             "เมย์ ได้โปรด ระงับอารมย์ด้วย ใช่ครับสามีคุณตายแล้ว ผมเสียใจด้วย อย่างไรคุณ
ยังต้องมีชีวิตต่อไป อย่าจมอยู่ในความเศร้าเสียใจเลยนะครับ" ไชยยันพยายามปลอบ ทั้งๆทีก็รู้ว่าคำ
ปลอบโยนของตนนั้น ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย
             มาเรียใส่เสื้อที่ไชยยันยื่นให้แล้วพูดขึ้นว่า "ขอบคุณมากคะสำหรับเสื้อ ตอนนี้ได้โปรด
ปล่อยให้ฉันได้อยู่คนเดียวสักครู่นะคะ"
             "ครับ แต่อย่านาน จงคิดเสียว่าคุณยังมีพวกผมอยู่ เราจะไม่ทิ้งคุณ ผมขอสัญญา"
ไชยยันกกล่าวขึ้น แล้วก็เดินเข้ากลุ่มไป
            เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เชษฐาซึ่งค่อยยังชั่วแล้ว ก็สั่งให้ทุกคนนำเสบียงมาแบ่งกันกิน
พร้อมกับ ปรึกษาวางแผนที่จะไปช่วยดารินกับรพินทร์ต่อไป
           "มีรพินทร์อยู่ด้วยน้อยต้องปลอดภัย เพียงรอเราไปสมทบเท่านั้น" ไชยยันพูดขึ้น
           "สะพานก็ขาดไปแล้ว เราจะข้ามไปได้ยังไง" เชษฐาถามขึ้น
           "เดียวผมจะทำทอย สำหรับตอกที่หน้าผาเป็นบรรได ไต่ลงจากฝั่งนี้แล้วไปไต่ขึ้นฝั่งนั้น
ว่าแต่นายใหญ่พอจะไต่ทอยไหวมั๊ยครับ" แงซายชี้แจง แล้วถามขึ้น
          "ไหวสิ ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก ลงไปที่เหว จะได้หาปืนฉันด้วย ไม่รู้พังหรือเปล่า เอาล่ะ
เราพักกันอีกสักครู่ แล้วเริ่มงานกันเลย" เชษฐาสั่งการ
    ..............................................................................
          รพินทร์ที่แบกดารินอยู่ที่หลัง หาทางเดินขึ้นที่สูงไปเรื่อยๆ เขากะว่าจะขึ้นให้สูงที่สุดเท่า
ที่จะปีนไปได้ เพราะการอยู่ที่สูงสามารถป้องกันศัตรูที่บุกรุกได้ดีกว่าที่ราบ และมองเห็นได้ไกลกว่า
          เขาหยุดและปล่อยให้ดารินลงจากหลัง แล้วพูดขึ้นว่า
          "เราต้องปีนก้อนหินพวกนี้ฃึ้นไป ข้างบนนั้นน่าจะมีซอกหรือถ้ำเล็กๆ พอที่เราจะพักค้างคืน
และยึดเป็นที่มั่นได้ และเป็นจุดที่สูงพอที่จะมองไปที่ฝั่งทางด้านพวกสางเขียว เราจะได้รู้ตัวก่อนถ้ามัน
บุกมา ไม่ทราบคุณหญิงพอจะปีนไหวมั๊ยครับ"
          "ไม่ไหว ก็ต้องไหว เอาไงเอากัน" ดารินตอบกลับ
          รพินทร์จึงเอาเป้จากดารินมาสะพายเองแล้วปีนขึ้นไปก่อน จากนั้นค่อยยื่นมือลงมาฉุดดึง
ดารินขึ้นไป เขาทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ถึงจุดที่เขาเล็งเอาไว้
          มันเป็นลานหินเรียบ ไม่กว้างมากนัก แต่ที่เหมาะคือมีซอกหินขนาดใหญ่ พอที่พวกเขาทั้ง
สองคนจะหลบแดดได้อย่างสบาย
          ดารินตอนนี้ก็เข้าไปนั่งหลบแดดพักเหนื่อยในซอกหินนั้นอย่างคนหมดแรง  รพินทร์เลยค้นเอาเสบียงและน้ำดื่มจากในเป้ไปยื่นให้เธอ แล้วพูดข้ึนว่า
          "หายเหนื่อย แล้วค่อยๆทานนะครับ"
          ดารินรับของจากมือรพินทร์ แล้วถามว่า
          "แล้วคุณล่ะ ไม่ทานพร้อมกันเหรอ"
          "ยังครับ ผมว่าจะไปหาฟืน และน้ำดื่มมาเพิ่ม คุณหญิงไม่ต้องกังวลใจไปนะครับ ตอนนี้
เราค่อนข้างจะปลอดภัยแล้ว ขอให้คุณหญิงสบายใจได้" รพินทร์บอก
          "เดี๋ยวก่อนสิ คุณช่วยบอกฉันหน่อย ว่าทำไมพวกสางเขียวถึงไม่ตามเรามา" ดารินสงสัย
          "ผมก็ไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด แต่ถ้าจะให้คาดเดา ผมว่าเกาะแห่งนี้คงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
ของพวกมัน เพราะคาดเดาจากลักษณะรูปร่างคล้ายกับเทพเจ้าของมัน พวกมันเลยไม่กล้าบุกรุก ครับ
อย่างที่บอก คุณหญิงทานอาหารได้อย่างสบายใจ ผมจะไปไม่นานนัก" พูดจบรพินทร์ก็หันหลัง ออก
เดินไปทันที
          รพินทร์ไปตัดกระบอกไม้ไผ่หลายอันทำที่ใส่น้ำ เสร็จแล้วจึงไปตักน้ำ ขากลับเขายิงได้
กระจงมาตัวหนึ่ง จึงทำการชำแหละ หลังจากหาฟืนได้พอแล้ว เขาหอบทั้งหมดกลับไปหาดาริน เขา
นึกเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน เพราะเขาเสียเวลาไปร่วมหนึ่งชั่วโมง ไม่รู้ว่าแม่ดอกฟ้าดารินของเขาจะกระ
วนกระวายใจขนาดไหน
           พอเขาขึ้นไปถึง เขาก็เห็นดารินเอนหลังพิงผนังซอกหินหลับไปแล้ว เขาเลยก่อไฟย่าง
กระจงที่เขายิงได้ไว้เป็นอาหารมื้อค่ำ
           รพินทร์ย่างกระจงไปสักพักหนึ่ง ก็อดเงยหน้าขึ้นไปมองดารินที่กำลังหลับสนิทอยู่ไม่ได้
เขาเห็นใบหน้าอันสวยงามแม้ในยามหลับของเธอ มีน้ำตาไหลอาบลงมาที่แก้มผ่องขาวใส ดูแล้วน่าสง
สารในชะตากรรมของเธอ ตลอดเวลาเขาพยายามที่จะหลีกเลี่ยงไม่พูดไม่ถามถึงเหตุการณ์ที่เธอประ
สบพบเจอมา ทั้งพยายามพูดให้เธอสบายใจ ยั่วเย้าเธอในบางครั้ง เพื่อให้เธอได้ลืม แม้จะเป็นการชั่ว
คราวก็ยังดี เขาถามใจของเขาว่ารังเกียจเธอมั๊ย ที่เธอพลาดท่าพวกสางเขียว ใจของเขาก็ตอบอย่าง
หนักแน่น ว่าไม่รังเกียจเลยแม้แต่นิดเดียว กับรักและสงสารเธอมากยิ่งขึ้น เพราะมันไม่ใช่ความผิดของ
เธอเลย เขากลับโทษตัวเองที่ไม่น่าทิ้งเธอไว้ที่แค้มป์ ทั้งๆที่น่าจะคาดเดาได้ว่าสางเขียวจะวกกลับไป
โจมตีแค้มป์อีก เขาแทบไม่อยากให้อภัยตัวเองด้วยซ้ำ
            เขามองเรื่อยลงมาถึงเนินอกของเธอที่ดันเสื้อขึ้นมา จนเห็นรูปทรงอันอวบอั๋นน่าทนุ
ถนอม เขาจินตนาการเลยเถิดไปถึงภาพตอนที่ เธอถูกพวกสางเขียวบีบเค้นเต้านมทั้งสองข้าง เธอจะ
รู้สึกอย่างไรหนอ เธอคงเจ็บปวดรวดร้าว แล้วตอนที่มันดูดเลียหัวนมสีชมพูของเธอเล่า เขาก็ยังคิด
เข้าข้างตัวเองว่า เธอคงขยะแขยงลิ้นเปียกๆของพวกมัน แต่อีกด้านหนึ่งของจินตนาการของเขา กลับ
คิดไปว่า เธออาจจะเคลิบเคลิ้ม เสียวสะท้านไปกับลิ้นที่สากแต่แฝงไปด้วยความอ่อนนุ่มยามเกี่ยวตวัด
โดนหัวนมของเธอ แล้วพวกมันล่ะจะรู้สึกอย่างไร ตอนที่ได้ บีบเค้น ดูดเลีย เต้านมอวบขาวของเธอ
ไม่นะ เขาพยายามที่จะไม่คิดต่อ แต่ตาเจ้ากรรมของเขาก็มองเรื่อยลงไปอีก แล้วก็สดุดอยู่ที่จุดสำคัญ
ของเธอ ที่มองเห็นอยู่รำไรเป็นเงามืดลึกเข้าไปในหว่างขาของเธอที่ถ่างอ้าอยู่เล็กน้อย ใจเจ้ากรรม
ของเขาก็คิดต่อ เห็นเป็นภาพที่เธอกำลังถูกดุ้นมหึมากระทุ้งกระแทกใส่ ใจเขาเจ็บปวดนัก แต่ดุ้นมหึ
มาของเขากลับตรงข้าม ตอนนี้มันแข็งยั่งกับหิน
            ความจริงดารินตื่นตั้งแต่รพินทร์มาถึงแล้ว แต่ที่แกล้งทำเป็นหลับอยู่นั้น เพราะเธอต้อง
การเวลาคิดทบทวนสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเธอ จริงอยู่เธอเสียใจมากที่ถูกพวกบุญคำและพวกสางเขียว
ข่มขืน แต่มันก็ทำให้เธอค้นพบกับ สิ่งที่เธอโหยหามาตลอดชีวิตสาว ความรู้สึกที่อยากจะสัมผัสอย่าง
ลึกซึ่งกับเพศตรงข้าม ความหฤหรรษ์ที่ได้ระหว่างการร่วมรัก เธอไม่สามารถปฏิเสธได้เลย ว่าเธอรู้สึก
สนุกและมีความสุขมากในตอนนั้น การที่เธอถูกบังคับให้ทำในสิ่งมี่เธอไม่เคยคิดจะกล้าทำในครั้งนี้ มัน
เหมือนกับการที่เธอได้รับการปลดปล่อยจากความคิดและความเชื่อเดิมๆ ความคิดและทรรศนคติใหม่ๆ
ได้เข้ามาแทนที่
            ตอนนี้เธอไม่แคร์เลยกับพรหมจรรย์ที่เสียไป ยังคิดไปอีกว่าทำไม่เพิ่งมาเสียตอนนี้ เธอ
พลาดโอกาสของความสุขมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วสินะในชีวิตสาว นี่ถ้าเธอตายไปก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์
ในครั้งนี้ เธอคงจะเสียชาติเกิด ที่เกิดมาเป็นผู่หญิงแสนสวยแต่ไม่มีโอกาสสัมผัสกับความสุขสุดยอด
            เหตุการณ์ต่างๆในครั้งนี้ยังเหมือนเตือนเธอว่า ชีวิตคนเราอาจจะตายได้ทุกเมื่อ วันนี้ยัง
มีชีวิตจงไขว้คว้าหาความสุขไว้เป็นกำไร พรุ่งนี้ตายไปจะได้ไม่ขาดทุน ฉะนั้นเธอจึงตกลงใจว่า เธอจะ
ไม่ปฏิเสธเลย ถ้าโอกาสแห่งความสุขนั้นมาถึง
            เธอหรี่ตามองไปที่รพินทร์ เห็นเขากำลังจ้องมองมายังเธอตาไม่กระพริบ ดูสีหน้าเขา
แดงกร่ำมีท่าทีกระสับกระส่าย สายตาที่จ้องมองมายังเธอช่างร้อนแรงนัก ดูผิดวิสัย จะเป็นไปได้มั๊ยที่
เขาเห็นเราแล้วมีอารมย์ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆก็คงดี เพราะเราเองก็ก็อยากจะลิ้มรสรักจากเขา มันคงจะ
มีความสุขมาก เป็นไงเป็นกันวันนี้เราต้องรู้ให้ได้ว่าใจเราสองคนตรงกันหรือเปล่า
           เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เธอจึงแกล้งขยับตัวแล้วลืมตา ทำดูเหมือนกับเพิ่งจะตื่น เธอแอบ
เห็นเขารีบก้มหน้าลงทำทีเป็นกำลังเติมฟืนเข้ากองไฟ
           "รพินทร์คะ นั่นตุณกำลังย่างอะไรอยู่คะ"
           "ผมกำลังย่างกระจงครับ นี่ก็ใกล้จะมืดแล้วคุณหญิงหิวหรือยัง ถ้าหิวทานตอนนี้เลยมั๊ย
ครับ สุกพอดีกำลังรัอนๆเลย"
           "ก็ดีค่ะ"
           รพินทร์เอากระจงที่ย่างเสร็จพร้อมกับน้ำที่ตักมา เดินไปนั่งข้างๆดารินแล้วฉีกแบ่งกระจง
ให้ดารินไปส่วนหนึ่ง ซึ่งเธอก็รับไปฉีกทานด้วยความเอร็ดอร่อย
           เมื่อทั้งสองทานเสร็จ รพินทร์กำลังจะลุกขึ้น ดารินก็จับมือเขารั้งไว้แล้วพูดว่า
           "นั่งคุยกับฉันตรงนี้สักครู่ได้มั๊ยคะรพินทร์"
           "ได้ครับ คุณหญิง"
           "รพินทร์ คุณไม่คิดจะถามฉันสักคำเลยเหรอ ว่าฉันพบกับเหตุการณ์อะไรมาบ้าง"
           "คือ...อ้า...คือว่า...ผม..."
           "คุณไม่ถาม เพราะคุณคาดเดาได้จากสภาพของฉันใช่มั๊ย"
           "ครับ...แต่...เอ้อ...อ้า..."
           "คุณไม่ต้องพูดแล้ว ฉันจะเล่าให้คุณฟังเอง คุณเดาถูก ฉันถูกพวกมันข่มขืน..."
           แล้วดารินก็เริ่มเล่าเหตุการณ์หลังจากที่พวกรพินทร์ออกจากแค้มป์ไป จนเธอถูกพวกสาง
เขียวจับไปที่ถ้ำอย่างละเอียด แต่เธอข้ามตอนที่พวกบุญคำข่มขืนเธอไป ซึ่งเธอก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน
ว่าเธอทำไมถึงไม่เล่า เธอแก้ตัวกับตัวเองว่าถ้าเธอเล่าให้รพินทร์ฟัง จะต้องเกิดเรื่องราวใหญ่โตซึ่งอาจ
ทำให้การเดินทางของคณะเธอต้องยกเลิก ซึ่งเธอยอมไม่ได้
           "พวกมันฆ่าผู้หญิงคนนั้นอย่างโหดเหี้ยมทารุณ ตอนนั้นฉันกลัวเหลือเกินรพินทร์ หมอผี
มันคลักหัวใจของเธอออกมาทั้งเป็น ฉันยังจำเสียงร้องของเธอก่อนที่เธอจะสิ้นใจได้ มันช่างโหยหวน
นัก ฉันสงสัยว่าเธอจะเป็นลูกสาวของเกอะ"
           ระหว่างที่เล่า ดารินกุมมือของรพินทร์ไปด้วย พอเล่าถึงตอนคลักหัวใจ เธอก็ยกมือที่กุม
ขึ้นมาแนบกับอก หลังมือของรพินทร์จึงแนบชิดกับเต้านมอันนุ่มนิ่มของเธอไปด้วย แล้วเธอก็เล่าต่อ
           "หมอผีมันพูดกับเทพเจ้าของมันว่าอะไรไม่รู้ แล้วมันก็ชี้มือมาที่ฉันกับเมย์ สมุนของมันก็
เดินมาแก้มัดพวกเรา พอเชือกหลุดพวกเราก็พยายามหนี แต่พวกมันก็เตะต่อยเรา พวกเราหมดหนทาง
สู้ เมย์ถูกนำไปให้หัวหน้ามัน ส่วนฉันถูกไปให้หมอผี...."
            "คุณหญิงไม่ต้องเล่าแล้วครับ"
            "ไม่ฉันจะเล่า หมอผีมันมองฉันด้วยสายตาหื่นกระหาย ฉันกลัว ฉันพยายามขัดขืนมันก็
ทุบต้นขาฉันทั้งสองข้างจนเจ็บไปหมดไม่มีแรงขัดขืน มันกระชากเสื้อผ้าฉันจนขาด แล้วมัน..มันก็ข่มขืน
ฉัน ฉันเจ็บเหลือเกินรพินทร์..."
            ดารินเล่าไปตาก็สังเกตปฏิกิริยาของรพินทร์ไปด้วย ตอนนี้รพินทร์หน้าแดงกร่ำ เธอชำ
เลืองมองไปที่เป้ากางเกงของเขา เห็นท่อนเอ็นแข็งตุงดันกางเกงออกมาท่าทางจะใหญ่น่าดู เธอเองก็
รู้สึกแฉะๆเปียกชื่นขึ้นมาที่จุดสำคัญของเธอ
            "คุณหญิงอย่าคิดถึงมันอีกเลยนะครับ โปรดลืมช่วงเวลาอันเจ็บปวดนั้นไปเถอะนะครับ
ความทรงจำที่ปวดร้าว จงอย่าเก็บมันไว้ มันไม่เป็นผลดีกับตัวคุณหญิงเอง"
            "รพินทร์คะ ถ้าฉันมีคนรัก แล้วคนรักของฉันรู้ว่าฉันไปพบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ คุณ
คิดว่าเขาจะรังเกียจฉันมั๊ยคะ"
            "ผมไม่ทราบจริงๆครับ แต่ถ้าผมเป็นผู้ชายที่โชคดีคนนั้น ผมจะไม่นึกรังเกียจคุณหญิง
เลยสักนิด เพราะมันไม่ใช่ความผิดของคุณหญิง มันเป็นเพียงความโชคร้ายที่ไม่อาจแก้ไขได้เท่านั้น
คุณหญิงครับ คุณหญิงมีค่ามากนะครับ ความโชคร้ายนั้นไม่สามารถจะลบคุณค่าของคุณหญิงได้หรอก
ครับ"
            "จริงเหรอที่ฉันมีค่า ถ้าฉันมีค่าจริงทำไมคุณถึงไม่แยแสฉันเลย คุณรู้มั๊ยคะ ดารินคนนี้
คนที่ต่อหน้าคุณต่อหน้าคนอื่น จะทำเป็นเขม่นตุณ คอยหาเรื่องให้คุณปวดหัว ที่แท้จริงๆแล้วฉันสนใจ
และรักคุณ ที่คอยหาเรื่องก็เพียงเรียกร้องความสนใจจากคุณเท่านั้น วันนี้ฉันตีแผ่หัวใจของฉันให้คุณ
รับรู้ ไม่ใช่เพราะฉันหน้าด้าน แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาสอนฉันว่า ไม่มีอะไรแน่นอนในชีวิต ฉันอาจไม่ได้
เห็นหน้าคุณแล้วถ้าฉันโชคร้ายกว่านี้ รพินทร์คะน้อยรักคุณค่ะ แล้วคุณล่ะมีใจตรงกันกับน้อยมั๊ย"
            พูดจบดารินก็หันหน้าไปมองรพินทร์ด้วยสายตาที่ร้อนแรงและเรียกร้อง
            รพินทร์พอได้ยินคำรักของดารินอย่างกระทันหัน แม้จะยังงงๆอยู่บ้าง แต่ก็เต็มไปด้วย
ความยินดีปราโมทย์ ที่แม่ดอกฟ้าดารินของเขายอมโน้มกิ่งลงมาหา เขาจึงดึงเธอมาประทับจูบที่ริมฝี
ปากอันอาบอิ่มของเธอ เขาจูบเธอยาวนานคุ้มค่ากับที่รอคอย จูบจนเธอเคลิบเคลิ้มงงงวย เมื่อเขาถอน
ริมฝีปากออกจากริมฝีปากเธอ เขาก็ก้มลงไปกระซิบที่ข้างๆหูของเธอว่า
            "ผมก็รักคุณหญิงครับ รักยิ่งกว่าชีวิตของผมอีก" แล้วเขาก็กัดทีใบหูของเธอเบาๆ
            "ฉันดีใจที่สุดในชีวิตเลย ที่ใจของเราทั้งสองตรงกัน รพินทร์คะคุณจูบฉันอีกสักครั้งได้
มั๊ยคะ"
            "ได้สิครับ มันเป็นความปรารถนาของผมอยู่แล้ว จะให้จูบสักร้อยครั้งพันครั้งก็ได้"พูด
จบ รพินทร์ก็ทาบริมฝีปากลงบนริมฝีปากของดารินที่เผยอรออยู่ ทั้งสองแลกลิ้นเกี่ยวตวัดกันอย่างดูด
ดื่ม สร้างความวาบหวิวแก่คนทั้งสองเป็นยิ่งนัก
            เมื่อสิ้นสุดการจูบที่วาบหวาม ดารินขยับตัวขึ้นไปนั่งบนหน้าตักของรพินทร์ ใช้มือทั้งคู่
โอบรอบคอ เบียดอกอันอวบอิ่มเข้ากับแผ่นอกกว้างซบหน้าลงกับไหล่ของเขา
            "รพินทร์คะ คุณช่วยอะไรฉันอย่างหนึ่งได้มั๊ยคะ"
            "คุณหญิงจะให้ผมช่วยอะไรหรือครับ"
            "คุณช่วยลบรอยที่พวกมันทำกับฉันได้มั๊ยคะ"
           "คุณหญิงจะให้ผมลบอย่างไรครับ"
           "คุณช่วยทำฉัน แบบที่พวกมันทำ ฉันจะใช้ความทรงจำดีๆที่คุณมอบให้ ลบความทรงจำ
อันเลวร้ายนั้นไปจากใจฉัน นะคะ นะคะ รพินทร์" เธอออดอ้อน
           "แต่ว่า..."
           "อย่าแต่สิคะรพินทร์ หรือคุณไม่ได้รักฉัน คุณรังเกียจที่ฉันมีมลทิน" พูดจบเธอก็เริ่มร้อง
ไห้
           "อย่ารัองไห้ครับ ผมทั้งรักและบูชาคุณหญิง ไม่เคยคิดรังเกียจเลย ด้วยความสัตย์จริง
ถ้าคุณหญิงต้องการแบบนั้น ผมก็ยินดีกระทำครับ"
           รพินทร์จับตัวดารินให้เอนนอนลงที่พื้น ส่วนตัวเขาก็ก้มลงไปจูบเบาๆตามใบหน้าของเธอ
ไล่ไปถึงใบหู ซอกคอ แล้วยัอนไปที่ริมฝีปาก เขาจูบเธออย่างดูดดื่ม มือของเขาที่สัมผัสลูบไล้ไปตาม
ตัวเธอ ก็เปลี่ยนมาแกะกระดุมเสื้อเม็ดล่างไล่ขึ้นไปจนถึงเม็ดบน แล้วก็กุมนมนุ่มบีบเบาๆอย่างอ่อนโยน
           เขาถอนริมฝีปากขึ้นแล้วหันศีรษะไปจ้องมองนมขาวอวบของดาริน
           "นมคุณหญิงสวยและน่าดูดมากครับ"
           "แล้วทำไมคุณไม่ดูดล่ะคะ" ดารินพูดแล้วแอ่นอกไปมาเหมือนรอการสัมผัสจากเขา
           รพินทร์ก้มลงไซ้ซอกคอเรื่อยลงมาที่เนินอกอันขาวผ่อง เขาใช้ลิ้นเลียตวัดหัวนมที่ขณะนี้
แข็งเป็นไตขึ้นมาด้วยควาวเสียวสยิว เชาเลียสลับกับการดูดเม้มเบาๆ มีอซ้ายของเขาลูบไล้ต่ำลงไปที่
เอวแล้วปลดผ้าขาวม้าที่พันช่วงล่างเธออยู่ จากนั้นเขาก็เลียไปที่หน้าท้องวนอยู่รอบสะดือบุ๋ม เธอรู้สึก
สยิวกายจนต้องบิดตัวไปมา เขาเลียต่ำลงไปอีกจนพบกับพงหมอยอ่อนนุ่ม
           เขาจับขาเธอแยกออกจากกัน แล้วแทรกตัวเข้าหว่างขาของเธอ จ้องมองไปที่หีเธอ เขา
ใช้นิ้วแบะแคมหีออกจากกัน
           "คุณหญิงครับ รูหีคุณหญิงแดงสดน้ำหีเยิ้มเต็มไปหมด น่าเย็ดจังเลย" รพินทร์พูดราวกับ
ละเมอ
           "ก็เย็ดสิคะ ฉันเงี่ยนจัง อย่ามัวแต่จัอง รีบเย็ดสิคะ นะคะรพินทร์" เธอเร่งเร้าพร้อมกับ
ขยับสะโพกไปมา
           "เดี๋ยวสิครับ ให้ผมลิ้มรสความหวานของน้ำหีคุณหญิงก่อนนะครับ เม็ดแตดน่าดูดจังเลย
ครับ" พูดจบเขาก็ใช้ลิ้นเลียไปทั่วร่องหี ดูดและกัดเบาๆที่เม็ดแตดของเธอ
           "อูยยย เสียว อะอะอ่า ซื้ดดด นั่นแหละ ดูดแตดแรงๆ โอ้ยเสียววว รพินทร์คะ น้อยสะ
เสียวหีเสียวแตด อูยยย อัาาาา เย็ดเถอะคะ เย็ดเร็วๆ อย่าทรมานน้อยอีกเลย อูยยย น้อยคันรูหีไป
หมดแล้ว อูยยย..." ดารินครวญครางด้วยความเสียว เธอแอ่นอัดหีใส่หน้ารพินทร์จนก้นลอย
           รพินทร์เองก็เงี่ยนจนเต็มกลืน ควยเขาแข็งแทบระเบิด เขาเลียปาดจนทั่วส่งท้าย แล้วก็
ลุกขึ้นเพื่อแก้เสื้อผ้า ดารินทนรอไม่ไหวจึงลุกขึ้นมาช่วยรพินทร์แก้กางเกงพอเธอถกกางเกงในของเขา
ลง ควยที่แข็งอย่างกับหินก็ดีดออกโดนหน้าเธออย่างจัง
           "อูย รพินทร์คะ ควยคุณใหญ่จัง หัวควยบานใหญ่ เห็นแล้วคันรูหีเหลือเกิน อืออ...อืม..
บ้วบ.."ดารินเห็นแล้วทนไม่ได้ เธอเลยอมและใช้ปากถอกควยจนน้ำลายเยิ้มหัวควยไปหมด แล้วเธอก็
นอนลงอ้าขาจนกว้างมือหนึ่งบี้หัวนม ส่วนอีกมือบี้แตดที่ชี้เด่แล้วใช้นิ้วแหกแคมหีแบะออกจนอ้ากว้าง
           "เร็วสิคะรพินทร์ รีบเย็ดน้อยไวๆ น้อยอยากเป็นเมียคุณ เร็วคะ เร็วๆ น้อยคันรูไปหมด
แล้ว" ดารินเร่งเขาด้วยอารมย์เงี่ยนง่านจนแตดสั่นระริก
           รพินทร์รีบคุกเข่าที่หว่างขาเธอ เอาหัวควยถูร่องหีแล้วอัดเข้าไปในรูที่เปียกเยิ้มทันที
           "คุณหญิงครับ รูหีแน่นจังเลย ไม่น่าเชื่อว่าเพิ่งโดนข่มขืนมา ควยพวกมันเล็กเหรอครับ"
รพินทร์สงสัย เพราะรูหีเธอแน่นกระชับเหมือนไม่เคยโดนเย็ดมาก่อน เขากระเด้าอัดอย่างแรงควยเขา
เพิ่งเข้าไปได้ครึ่งท่อนเท่านั้นเอง
           "รพินทร์เนี่ย พูดอะไรก็ไม่รู้ ซื้ดดด ควยพวกมันใหญ่กว่าคุณอีก อ้าา ซื้ดด กระแทกอีก
แรงๆ เสียวจัง ซื้ดดด รูหีน้อยคงคืนตัวเร็วมั้งคะ อูย ซื้ดด หัวควยโดนปากมดลูกเลย กระเด้าสิคะ อ
อูยเสียว
            "ซื้ดด รูหีคุณหญิงเย็ดมันส์มาก ผมเสียวหัวควยไปหมด ซื้ด ทั้งดูดทั้งตอด คุณหญิง
เด้งหีด้วยสิครับ อูยย อย่างงั้นแหละครับ เป็นไงมันส์หีมั๊ยครับ ซื้ดด คุณหญิงถูกพวกมันเย็ดไปกี่ควย
ครับ" รพินทร์พูดไป กระเด้าควยแงะซีายกระทุ้งขวาไป บางทีก็บดหมอยกับเม็ดแตดเธอ ส่วนดารินก็
เด้งหีอัดกับควยเขาจนเสียวไปหมด
            "ฉันไม่รู้ ฉันไม่ได้นับ ใครจะมีกระจิตกระใจ อูยย ซื้ดด แรง แรงขึ้นอีก โอ้ยย เสียว
จะตายอยู่แล้ว อูยย รพินทร์คะ บี้หัวนมเมียหน่อย นั่นแหละ อ่าซื้ด เสียวทั้งหี เสียวทั้งนม น้อยรัก
คุณคะ อูยย ผัวจ๋าเย็ดเมียแรงๆ ควยผัวสะใจเมียที่สุด ไม่ใหญ่เกินไปเหมือนพวกนั้น โอ้ยซื้ด..."
           รพินทร์หยุดกระเด้าชักควยออกโดยดารินแอ่นหีตาม แล้วเขาก็ลุกขึ้น
           "หยุดทำไมคะ " ดารินถามตาปรือ
           "คุณหญิงลุกขึ้น เรามาเปลี่ยนท่าเย็ดกัน มาลองท่าหมากันดีกว่า" รพินทร์พูดพร้อมกับ
จูงมือดารินไปที่ก้อนหินให้เธอยืนโก้งโค้งเอามือท้าวกับหินเอาไว้ เธอยืนกางขาเล็กน้อย แคมหีปลิ้น
เป็นพูน่าเย็ดมาก เขาจ่อควยแล้วกระแทกอย่างแรงที่เดียวมิดโคนมีเสียงดังป้าป แล้วกระเด้าต่อทันที
แบบไม่ยั้ง เสียงดังป้าบๆๆๆสะท้อนไปทั้งเกาะ ดารินเสียวจนแทบเข่าอ่อน เธอเอามือข้างหนึ่งมาบีบ
เค้นนมที่แกว่งไปมา แล้วร้องซื้ดซ้าดระงม
            ทั้งสองเย็ดกันอย่างถึงพริกถึงขิง โดยมิได้ระแวดระวังใดๆเลย ทั้งคู่จมอยู่ในอารมย์
สวาทบำรุงบำเรอตอบสนองคู่เย็ดของตน ส่งเสียงครวญครางเร่งเร้าให้คู่เย็ดโหมกระหน่ำอัดกระแทก
ควยกระเด้งหี จนน้ำเงี่ยนอาบกระเด็นเป็นฟองขาวฟอด เปรอะเปียกตามขนหมอยโคนควยง่ามขาเยิ้ม
เต็มไปหมด
            ที่จริงแล้ว รพินทร์สันนิษฐานถูกว่า เกาะแห่งนี้เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกสางเขียว เลย
ไม่มีสางเขียวคนใดกล้ารุกล้ำเข้ามาถ้าไม่มีพิธีกรรมที่สำคัญของเผ่า แต่เขาลืมไปว่ามีอยู่คนหนึ่งที่กล้า
เข้าแม้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ นั่นก็คือ "หมอผี" ซึ่งตอนนี้มันเปรียบเสมือนผู้นำโดยปริยายของชนเผ่า
เพราะหัวหน้าเผ่าของพวกมัน ถูกรพินทร์ยิงตายไปแล้ว มันเองก็โดนไชยยันยิงเฉียวไหล่แต่บาดแผล
เล็กน้อยนี้ไม่ได้สร้างความลำบากให้แก่มันเลย
            ขณะที่รพินทร์กดารินกำลังระเริงกามอย่างกันอย่างเมามัน ไอ้หมอผีก็นำลูกสมุนเกือบ
สิบคนลงเรือพายมุ่งหน้ามายังเกาะอย่างเงียบๆ
            "ซื้ดดด อูยยมันส์หี รพินทร์คะกระเด้งควยแรงๆหน่อย โอ้ยเสียว เมียน้ำจะแตกแล้ว
ซื้ดด นั่นแหละ อูยเสียวหี..."ดารินครวญครางพร้อมกระเด้าหีใส่ควยถี่ยิบ ใช่แล้วตอนนี้เธอนั่งคล่อม
เย็ดควยรพินทร์อยู่ เธอที้งส่ายทั้งกระเด้าหีใส่ควย มือทั้งสองของเธอบีบเค้นบี้หัวนมตัวเองอย่างไม่
กลัวว่าจะแหลกเหลว มีอาการเกร็งกระตุกเป็นช่วง ส่ออาการจะถึงจุดสุดยอดในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า
            "คุณหหญิงเด้าแรงๆ ซื้ดด ผมก็จะแตกแล้วเหมือนกัน อูยหีเมียทั้งดูดทั้งตอด หัวควย
ผัวแทบขาด ซื้ดด อาาา ออ อออ ออก ออก โอ้ยยย น้ำออกแล้ว"
            "อูยยย เมีย  ก็ อ ออ ออก ว้าย ออกแล้ว..."
            ดารินล้มตัวลงกอดรัดรพินทร์ กดโหนกหีบดโหนกควย เกร็งกระตุกจังหวะถี่ๆ
            รพินทร์ก็โอบแขนรัดร่างของดาริน จนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน อัดควยพ่นน้ำเงี่ยนรด
มดลูกเธออย่างกับทำนบแตก
            ทั้งคู่กอดรัดกันอย่างแนบแน่น ต่างดิ่มด่ำในความสุขทีีมอบให้กันและกันอย่างเปี่ยมล้น
ทั้งคู่ดูไม่มีวี่แววจะแยกออกจากกันเลย
            "รพินทร์คะ น้อยอยากให้ควยคุณอยู่ในหีน้อยตลอดไปจัง น้อยมีความสุขที่สุดคะ"
            "ผมก็เหมือนกัน ไม่อยากเอาควยออกจากรูหีคุณหญิงเลย ผมอยากจะจองเอาไว้อย่าง
นี้ ไม่ให้ใครหน้าไหนมาแทนที่ผมได้"
            "คุณนี่พูดอะไรก็ไม่รู้ น้อยมีคนอื่นที่ไหน เวลาเอากันก็ชอบพูดแต่เรื่องตอนน้อยโดนข่ม
ขืน แสดงว่าคุณชอบให้น้อยโดนข่มขืนใช่มั๊ย โกรธแล้วนะ" ดารินพูดแล้วก็ลุกออกจากร่างของรพินทร์
หีเธอหลุดออกจากควยดัง "บ้วบ" เธอนิ่วหน้าด้วยความเสียว น้ำควยไหลออกจากรูหีเธอเป็นทาง
            "โธ่ อย่าเพิ่งโกรธผมสิครับ ใครจะไปอยากให้เมียตัวเองโดนข่มขืน ผมพูดเพื่อเพิ่มอา
รมย์เงี่ยนของเราทั้งสองต่างหาก" รพินทร์แก้ต่าง
            ดารินฟังเขาพูดแล้วคิดตาม......"จริงของเขา ตอนเขาพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เราก็รู้สึกเงี่ยน
มากขึ้นอย่างประหลาด อยากให้เขาเย็ดเราแรงขึ้นเร็วขึ้น แต่จะให้เขารู้ไม่ได้อายแย่"....เธอคิดพลาง
ก็แต่งตัวไปพลาง แต่ก็มาติดตรงพันผ้าขาวม้าไม่ได้สักที จึงตวาดแว้ดขึ้น
            "มองอยู่ได้ ทำไมไม่มาใส่ให้เค้าล่ะ"
            "ครับผม จะใส่ให้เดี๋ยวนี้แหละ พะยะค่ะ" รพินทร์แกล้งพูดเ่ลน แล้วเขาก็เข้าไปใส่ให้
พอเขาเห็นหีที่เขาเพิ่งตะบันควยใส่ เขาก็นึกอยากเย็ดขึ้นมาอีก เขาจึงเข้าไปซบหน้ากับโหนกหีเลีย
แตดเม็ดใหญ่ทันที ใช้นิ้วชี้สอดเข้ารู่หีชักเข้าชักออก หมายปลุกอารมย์เธอฟันอีกสักรอบ
             ดารินพอโดนเลียแตดแหย่รูหี ก็เสียวจนขาสั่น แต่ความตั้งใจว่าจะพักผ่อนมีมากกว่า
เพราะสองวันนี้เธอโดนควยเย็ดหีไปเกือบยี่สิบควย เธอถึงจุดสุดยอดจนนับครั้งไม่ถ้วน เธอเพลียเหลือ
เกิน เธอจึงไม่ยอมให้รพินทร์เย็ดอีก
             "รพินทร์คะ วันนี้น้อยเหนื่อยเหลือเกิน ขอให้น้อยได้พักผ่อนก่อนนะคะ ไว้ตื่นขึ้นมา
ค่อยเริ่มกันใหม่ ถึงตอนนั้นถ้าคุณไม่ยอมน้อยจะขี่คุณเอง นะคะ นะคะ" ดารินออดอ้อน ซึ่งรพินทร์ก็ใจ
อ่อนยอมแต่โดยดี เพราะเห็นเธอเหนื่อยจริงๆ เขาจึงใส่ผ้าขาวม้าให้เธอ แล้วก็ใส่เสื้อผ้าของตนเอง
เมื่อเรียบรัอยแล้ว ก็ไปเติมฟืนที่กองไฟ รอจนไฟลุกโชนจึงเดินไปล้มตัวลงนอนกอดดารินที่นอนรออยู่
             "คุณคิดว่าพี่ใหญ่จะหาเราเจอมั๊ยคะรพินทร์"
             "ไม่ต้องห่วงครับคุณหญิง แงซายแล้วก็พรานของผมอยู่ด้วย ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน
โปรดหลับให้สบาย พรุ่งนี้้ตื่นขึ้นมาปัญหาต่างๆอาจถูกแก้เรียบร้อยไปแล้ว" รพินทร์ปลอบโยน ซึ่งดา
รินก็เชื่อ และทั้งคู่ก็หลับสนิทไปในท่ีีสุด





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น