วันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

รักในสายลมหนาว   ตอนที่ 2 อสูรร้ายผู้คุ้มครองหุบเขา



ฉันมาถึงหมู่บ้านของคนงานทำเหมืองถ่านหินโดยสวัสดิภาพก่อนที่ฉันจะหนาวตายไปเสียก่อน...เราเข้าไปขออาศัยหลบพายุหิมะ ณ บ้านหลังหนึ่ง..พวกเขาทั้งครอบครัวทำสีหน้าตื่นตกใจที่เห็นฉันและอดัม.. พวกเขาคงแทบไม่เชื่อสายตาตนเองที่จู่ๆ ธิดาแห่งความหวังที่พวกเขาเคารพอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันจะมาเยี่ยมเยือนกระท่อมไม้เก่าๆ ของพวกเขา ..
"ธิดาแห่งความหวัง กำลังออกจาริกแสวงบุญตามหน้าที่ เผอิญเจอพายุหิมะเข้าเสียก่อน จึงต้องขอเข้ามาหลบที่นี่..."
อดัมอธิบายให้คนเหล่านั้นให้เข้าใจ..พวกเขาดูเหมือนจะหายจากอาการตื่นตกใจ รีบเชื้อเชิญให้ฉันเข้าไปในบ้านพร้อมกับตักซุปร้อนๆ มาให้ ...ฉันรับมาดื่มอย่างกระหาย น้ำซุปร้อนๆ ช่วยให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาในทันที...แต่สายตาที่พวกเขาจ้องมองมา โดยเฉพาะพวกเด็กๆ ที่มองฉันตาแป๋ว..ทำเอาฉันรู้สึกเขิน
"จากที่นี่ไปถึงหุบเขาโนอา ยังอีกไกลไหม? .." ฉันถามพวกเขาถึงจุดหมายปลายทางของฉัน ..แต่คำตอบที่ฉันได้รับกลับเป็นสีหน้าที่หวาดกลัวของพวกเขา..เด็กๆ พากันร้องไห้.. พวกผู้ใหญ่ก็ต้อนพวกเด็กๆ ให้กลับเข้าไปในห้องนอน..พวกเขากลัวอะไรกันรึ..ทั้งที่หุบเขาโนอาเป็นหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ .. แต่ทำไมพวกเขาถึงได้กลัวกันจนลนลานเช่นนี้
"เกิดอะไรขึ้น..ทำไมพวกเจ้าทุกคนพอได้ยินชื่อหุบเขาโนอา ถึงได้กลัวกันนัก.."
"ท่านอีวา ธิดาแห่งความหวังของพวกเรา.. หุบเขาโนอาที่ท่านต้องการจะไปนั้น อยู่ไม่ห่างจากที่นี่ เดินทางขึ้นเหนือไปอีกราว 3 วันก็จะถึง..แต่ท่านอย่าได้คิดไปที่นั่นเลย .."
"ทำไมรึ..ที่นั่นมีอะไร..ในเมื่อเราเป็นถึงธิดาแห่งความหวัง ทำไมถึงจะไปที่นั่นไม่ได้.."
"อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ท่านอีวา..ที่พวกเราห้ามนั้น ก็เพราะว่าที่หุบเขานั่นมีเจ้าโมร๊อค อสูรร้ายคอยทำร้ายผู้ที่บุกรุกเข้าไปอยู่..พวกเราที่นี่ไม่มีใครกล้าเข้าไปแถวนั้นอย่างเด็ดขาด..."
"อสูรร้าย?... พวกเจ้าเคยเห็นหรือ?.."
"พวกเราไม่เคยเห็นหรอกท่านอีวา แต่ท่านผู้เฒ่าได้ย้ำนักย้ำหนาว่าถึงคำบอกเล่าที่บอกต่อๆ กันมา..อย่าได้เข้าไปใกล้หุบเขาโนอา..ที่นั่นมีพวกโมร๊อคคอยสูบเลือดสูบเนื้อพวกเราอยู่..เคยมีพวกหนุ่มๆ ที่ไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งของผู้เฒ่า ได้บุกรุกเข้าไป..สุดท้ายก็ไม่มีใครรอดกลับมาซักคน.."
"อืมมม...ขอบใจพวกเจ้ามากที่เป็นห่วงเรา แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไป เรามีองครักษ์ประจำกายอยู่ ไม่กลัวพวกอสูรร้ายพวกนั้นอยู่แล้ว..อีกอย่างเราเป็นถึงธิดาแห่งความหวัง ..พวกมันไม่มีทางที่ทำอันตรายเราได้หรอก..จริงไหม? อดัม.."
"ครับ ท่านอีวา.."
ฉันคิดว่าเรื่องอสูรร้ายที่เฝ้าหุบเขาโนอานั้น เป็นเรื่องที่เหล่าผู้เฒ่ากุขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้คนในหมู่บ้านรุกล้ำเข้าไปในหุบเขา ปกป้องความลับไม่ให้เล็ดลอดออกมาสู่โลกภายนอก..พวกผู้เฒ่าเหล่านั้นก็คงทำตามคำสั่งที่ได้รับมาจากเหล่านักบวช ผู้กุมชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอีเดียนเอาไว้...อีกประการหนึ่ง..ทำไมฉันจะต้องไปกลัว..ในเมื่อฉันยังมี อดัม องครักษ์ผู้แสนจะเก่งกาจ ผู้คอยปกป้องฉันไปทุกเรื่อง ..ทำให้ฉันมั่นใจว่า ถึงจะมีเจ้าอสูรร้ายนั่นจริง..อดัมก็คงจะจัดการมันได้อย่างไม่ยากเย็น.. คืนนั้น..ฉันนอนหลับฝันดีอยู่ในกระท่อมที่แสนอบอุ่น .. พรุ่งนี้หวังว่าอากาศคงจะดี..ฉันจะได้เดินทางต่อไป..หุบเขาโนอา..จุดหมายปลายทางของฉัน ...
รุ่งเช้า .. อากาศแจ่มใสดีเหมือนที่ฉันขอไว้..แต่ในระหว่างที่ฉันกำลังรับประทานอาหารเช้าที่พวกคนงานนำมาให้อยู่นั้น..ฉันก็ต้องประหลาดใจพอๆ กับพวกเขา..เมื่อฉันเห็นภาพของหญิงสาวคนหนึ่งปรากฎตัวขึ้นทางจอภาพ..ใช่แล้วเป็นการถ่ายทอดสัญญาณภาพจากวิหารที่ฉันต้องทำเป็นประจำอยู่ทุกวัน..แต่เมื่อฉันได้หลบหนีออกมาอยู่ตรงนี้..ฉันก็ไม่คิดว่าจะมีการส่งสัญญาณออกมาได้อีก ..และที่ทำให้ฉันต้องตกตะลึงจนตัวชานั้น ..ก็เป็นเพราะ...ใบหน้าของเธอคนนั้น..มันเหมือนฉันยังกะแกะ..ราวกับว่าหญิงสาวที่อยู่ในจอภาพนั้นคือตัวฉันยังไงยังงั้นเลยทีเดียว..มันเป็นไปได้ยังไง..นี่ฉันนั่งอยู่ตรงนี้..แล้วทำไมถึงมีตัวฉันอีกคนซึ่งมีหน้าตาเหมือนฉันอย่างกับพี่น้องฝาแฝดอยู่ตรงนั้นได้ ..
{ทุกคนในห้องต่างตกตะลึงพลึงเพลิดไปเหมือนกัน..พวกคนงานผู้ชายต่างพากันมองไปยังหน้าจอภาพสลับกับหันมามองหน้าหญิงสาวผู้ที่บอกกับพวกเขาว่าเธอคือ ธิดาแห่งความหวัง ..พวกผู้หญิงต่างพากันกระซิบกระซาบ .. พวกเขาต่างงุนงงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ..ทำไมถึงมีธิดาแห่งความหวังถึงสองคน..แล้วคนไหนที่เป็นตัวจริง..คนไหนที่เป็นตัวปลอม.. แต่ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลายออกไป..ชายหนุ่มผู้ที่ติดตามมากับหญิงสาวผู้นั้น ก็ได้ประกาศออกมาดังๆ ...}
"พวกท่านอย่าได้ตกใจไปกันเลย.. ภาพที่พวกท่านได้เห็นอยู่นี้..เป็นภาพที่ท่านอีวา ธิดาแห่งความหวังได้บันทึกเอาไว้ก่อนที่ท่านจะออกเดินทางจาริกแสวงบุญ .. ขอให้ทุกท่านได้รับรู้ด้วยว่า..โดยปกติแล้วเวลาที่ธิดาแห่งความหวังไม่อยู่ในวิหารนั้น ทางวิหารจะนำภาพที่ท่านอีวาได้บันทึกไว้ มาเปิดฉายให้พวกท่านได้ชมกัน .."
โอ..คำพูดของอดัมทำให้สีหน้าของพวกคนงานดีขึ้น ..เขาช่างแก้สถานการณ์ได้ดีเยี่ยม ..ช่วยให้ฉันรอดพ้นจากภาวะตึงเครียดในกลุ่มฝูงชนที่เริ่มไม่แน่ใจในตัวฉัน..และเริ่มรวมตัวกันและจ้องมองมาที่ฉันอย่างสงสัย..คำอธิบายของอดัมช่วยให้ฉันหลุดรอดจากสถานะการณ์ที่ล่อแหลม..หลุดพ้นจากปากเหยี่ยวปากกาออกมาได้ในที่สุด..ในขณะที่ตัวฉันนั้นมัวแต่ตกตะลึงไปกับภาพหญิงสาวฝาแฝดในจอภาพ ..
"ขอให้พวกท่านเก็บเรื่องที่ท่านได้พบกับธิดาแห่งความหวังเป็นความลับ เนื่องจากการออกเดินทางของท่านอีวานั้น เป็นความลับสุดยอด .. เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนทั่วไปต้องตื่นตกใจที่ธิดาแห่งความหวังนั้นไม่ได้อยู่ในวิหาร....."
"ท่านอีวาครับ ..ได้โปรดรีบทานอาหาร แล้วรีบออกเดินทางกันดีกว่าครับ"
"ทำไมหรือ อดัม.."
หลังจากที่อดัมได้กล่าวอธิบายให้กับเหล่าชาวบ้านได้ฟังจนทุกคนเข้าใจดีแล้ว..เขาเดินเข้ามาหาฉันแล้วกระซิบเบาๆ...โอ..ข้อเสนอแนะของอดัมทำเอาฉันฉงน แต่เมื่อเขาได้อธิบายถึงเหตุผล..ฉันก็เข้าในใจสถานการณ์ของเรา..ภาพของหญิงสาวที่ฉันเห็นในจอภาพนั้น ไม่ใช่ภาพที่บันทึกไว้ตามที่เขาบอก แต่เป็นภาพจริงๆ โดยใช้หญิงสาวที่หน้าตาคล้ายคลึงกับฉันซึ่งทางวิหารได้จัดเตรียมไว้ล่วงหน้าเพื่อรองรับเหตุการณ์นี้ .. (เหตุการณ์ที่ฉันหลบหนีออกจากวิหาร) ..ในตอนนั้นฉันก็ไม่เอะใจเลยว่า ..ชาวอีเดียนทุกคนไม่ว่าจะเป็นนักบวชหรือชาวบ้านธรรมดาไม่มีส่วนคล้ายคลึงกับฉันแม้แต่น้อย แล้วพวกนักบวชไปหาผู้หญิงคนนั้นมาจากไหน..ถึงได้มีรูปร่าง หน้าตา เหมือนกับฉันราวกับเป็นคนๆ เดียวกัน ทั้งๆ ที่ผ่านมาฉันไม่เคยพบเห็นใครที่มีลักษณะเหมือนฉันถึงขนาดนี้...ในเวลานั้น..ฉันมัวแต่ตื่นตกใจ จนไม่ได้เฉลียวใจในเรื่องนี้..
"ไม่แน่ว่า..อาจจะมีพวกเขาคนใดคนหนึ่ง ไปสอบถามจากวิหารขึ้นมา เท่านี้ทางวิหารก็จะทราบแล้วว่าท่านอีวานั้นอยู่ที่ไหน ดังนั้นเราจะต้องรีบออกเดินทางในทันที ก่อนที่พวกนักบวชจะมาถึง"
อดัมอธิบายต่อ..ซึ่งฉันก็เห็นด้วย จึงรีบทานอาหารเช้าตามที่อดัมบอก..จากนั้นเราจึงร่ำลาพวกคนงานที่ให้ที่พักกับเรา .. อดัมเดินจูงม้าออกมา เขาบอกว่าพวกคนงานเหล่านี้ขอมอบมันให้กับธิดาแห่งความหวังเพื่อจะได้ใช้ในการเดินทาง ..ม้าพันธุ์หิมะนี้มีความอดทนเป็นเลิศ สามารถเดินทางได้คล่องแคล่วท่ามกลางพายุ.. ฉันกล่าวขอบคุณพวกเขา..พวกเขาช่างมีน้ำใจเสียจริง ..
เมื่อทุกอย่างพร้อม..อดัมก็เดินจูงม้าไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ในขณะที่ฉันนั่งโบกมือลาเหล่าคนงานที่ออกมายืนส่งฉัน..ฉันมองดูพวกเขาจนหมู่บ้านคนงานนั้นค่อยๆ ลับหายไปจากสายตา..แต่ในทันใดนั้น...
{บรึ้มมมม...บรึ้มมมม..บรึ๊มมมม...เสียงระเบิดดังกึกก้องเป็นลูกโซ่..ควันไฟพวยพุ่งขึ้นมาไม่ขาดสาย ..แรงระเบิดที่รุนแรงทำให้หมู่บ้านของคนงานเหมืองพังพินาศไม่เป็นชิ้นดี..แทบไม่ต้องพูดถึงเลยว่าสิ่งมีชีวิตในหมู่บ้านจะมีชะตากรรมเป็นอย่างไร ..หญิงสาวแสนสวยในชุดรัดกุมแสดงอาการตื่นตกใจอย่างเห็นได้ชัด}
"พระเจ้าช่วย!!!..มันเกิดอะไรขึ้น?..."
"เครื่องรับภาพที่ติดตั้งอยู่ทุกบ้านมีวัตถุระเบิดซุกซ่อนอยู่ภายใน .. คงมีใครซักคนในหมู่บ้านติดต่อไปยังวิหารว่าพบท่านอีวาที่นี่.. ผลก็เป็นดังที่ท่านอีวาได้เห็น.."
"หมายความว่า... "
"ใช่ครับ..ทางวิหารไม่ต้องการให้มีคนรู้ความลับว่าท่านอีวานั้นได้หลบหนีออกมาจากวิหาร จึงจัดการเก็บพวกเขาเสีย..เพื่อรักษาความลับนี้เอาไว้"
อดัมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆ เขาไม่ตกอกตกใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าราวกับว่าเขานั้นรู้อยู่แล้วว่า..มันจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น..แต่ในขณะที่ฉันนั้นรู้สึกเศร้าสลด จนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ..นี่ถ้าฉันไม่มาที่นี่ พวกเขาก็คงไม่ตาย ..ฉัน..ฉัน...
"อย่าคิดมากไปเลยครับ ท่านอีวา ..เรารีบเดินทางต่อดีกว่า อีกไม่นานพวกนักบวชที่ติดตามเราอยู่ก็คงจะมาถึงที่นี่ .."
{ชายหนุ่มเร่งรัดหญิงสาวที่ยังคงตื่นตกใจต่อเหตุการณ์ระเบิดให้ออกเดินทางต่อโดยเร็ว..พวกเขาออกเดินทางขึ้นไปทางทิศเหนือ..ปล่อยให้ซากปรักหักพังของหมู่บ้านคนงานไว้เบื้องหลัง .. สายลมยังคงส่งเสียงหวีดหวิวราวกับจะไว้อาลัยให้กับคนงานเหล่านั้น....}
จากหมู่บ้านคนงานเหมืองแร่..ฉันกับอดัมก็เดินทางขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ .. ยิ่งขึ้นเหนือไปเท่าไหร่ อากาศก็ยิ่งเย็นลงไปเรื่อยๆ..มีพายุหิมะพัดผ่านอยู่ตลอดเวลา..แต่โชคดีที่มันไม่ได้พัดรุนแรงเหมือนเช่นวันนั้น..ถึงกระนั้นมันก็ทำให้เราไม่สามารถเดินทางได้มากเท่าที่ควร.. อดัมเดินจูงม้าอยู่ด้านหน้า..ในขณะที่ฉันนั่งตัวสั่นด้วยความหนาวเย็นอยู่เบื้องหลัง..เขาช่างทรหดอดทนเสียจริง..ร่างสูงใหญ่ของเขาให้ความรู้สึกเหมือนป้อมปราการที่คอยปกป้องฉันให้รอดพ้นจากภัยอันตรายต่างๆ ..
เราเดินทางมาได้สามวันแล้ว..ถ้าเป็นจริงตามคำบอกเล่าของคนงานเหมือง..เราก็ใกล้หุบเขาโนอาเข้าไปแล้วทุกขณะ..ในใจของฉันทั้งตื่นเต้นทั้งยินดีที่จะได้ล่วงรู้ถึงความลับที่เหล่าสังฆราชได้ซุกซ่อนเอาไว้..แต่เรื่องอสูรร้ายโมร๊อคที่พวกเขาหวาดกลัวกันนั้น ฉันยังมองไม่เห็นแม้แต่เงาของมัน..มันคงเป็นเรื่องที่เหล่าสังฆราชสร้างขึ้นเพื่อหลอกประชาชนชาวอีเดียนไม่ให้เข้าไปยุ่มย่ามในหุบเขา
แต่แล้ว..ฉันก็คิดผิด..เมื่อตอนเย็นของวันนั้น..บนที่ราบเชิงเขา..เราก็ได้พบกับมัน..เจ้าอสูรร้ายผู้คุ้มครองหุบเขา ..จู่ๆ พวกมันก็โผล่พรวดออกมาราวกับภูตผี...พวกมันไม่ได้มีตัวเดียว แต่พวกมันมากันเป็นฝูง..รูปร่างของพวกมันสูงใหญ่ ดูแข็งแรง ขนยาวขึ้นเต็มตัวดูรกรุงรัง..ดูๆ ผ่านๆ พวกโมร๊อคก็คล้ายกับชาวอีเดียนมากเลยทีเดียว .. แต่เมื่อพิจารณาดูดีๆ แล้ว มันไม่ใช่...ถึงพวกมันยืนด้วยสองขาหลังเหมือนพวกเรา แต่หลังไม่เหยียดตรง ขาคู่หน้านั้นยาวกว่าขาคู่หลังที่ดูสั้นเต่อ.. ช่วงแขนของมันยาวจรดข้อเข่าเลยทีเดียว.. เวลาที่พวกมันเดินมันจะใช้ขาหน้าช่วยพยุงร่างและบังคับทิศทาง... แต่ฉันก็พอดูออกว่าขาหน้านั้น คงจะไม่ได้มีไว้เพื่อช่วยในการเดินเพียงอย่างเดียวแน่แท้..มันคงจะใช้หยิบฉวยสิ่งต่างๆ ได้ดี..อีกทั้งกรงเล็บที่ยื่นยาวออกมาราวกับมีดนั้น ก็ดูเป็นอาวุธที่อันตรายไม่ใช่เล่น... ดูจากลักษณะการยืนหรือการเดิน พวกมันเหมือนกับสัตว์ป่ามากกว่า.. กลิ่นสาปสางของพวกมันฉุนกึกเข้าจมูก.. ฉันรู้สึกใจคอไม่ดีเลยเมื่อพวกมันค่อยๆ ล้อมวงเข้ามา
"ท่านอีวา..ถอยออกไปก่อนครับ.. "
อดัมบอกฉันให้บังคับม้าถอยไปอยู่ด้านหลังของเขา..อดัมชักดาบประจำตัวออกมาพร้อมกับเดินตรงเข้าไปประจัญหน้ากับพวกมัน..ประกายสีเงินของดาบสะท้อนแสงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าเป็นประกายแวววับราวกับจะประกาศศึกสงคราม ..ดูเหมือนพวกมันตัวหนึ่งจะอดทนรอต่อไปไม่ไหว มันพุ่งกระโจนเข้ามาอย่างดุดัน กรงเล็บที่แหลมคมของมันกางออกกว้าง หมายจะฉีกอกขององค์รักษ์ของฉัน.. แต่อดัมใช้เท้าซ้ายเป็นจุดหมุน เอี๊ยวตัวหลบกรงเล็บของมันอย่างสง่างาม พร้อมกับตวัดดาบ ..ฉัวะเดียวเท่านั้น..ส่วนหัวของเจ้าโมร๊อคเคราะห์ร้ายตัวนั้นก็หลุดกระเด็นออกจากตัวในพริบตา...
{การตายของพวกพ้อง เหมือนจะไปกระตุ้นสัญชาตญาณดิบของพวกโมร๊อค พวกมันที่ล้อมวงอยู่ก็ร้องคำรามลั่นอย่างดุร้าย แล้วกรูกันเข้าไปหาชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ยืนกุมดาบอยู่ ..แต่ชายหนุ่มก็หาได้กลัวเกรงพวกมันไม่..เขาสบัดดาบแกว่งไกวเข้าโรมรันกับพวกมันอย่างไม่เกรงกลัว..การต่อสู้ระหว่างสิบต่อหนึ่งเป็นไปอย่างดุเดือด..ชายหนุ่มที่ชื่ออดัมสมกับเป็นองค์รักษ์ชั้นเลิศ เขาคล่องแคล่วว่องไวบวกกับฝีมือเพลงดาบที่ฉกาจฉกรรจ์..เขาหลบซ้ายหลบขวา พลางกวัดแกว่งดาบฟันเข้าใส่ร่างของเจ้าอสูรร้ายที่ตรงรี่เข้ามา..ฉับ...ฉัวะ...ชายหนุ่มสบัดดาบลงไปคราใดก็ต้องมีเศษอวัยวะของพวกอสูรร้ายหลุดกระเด็นออกมา..}
{องค์รักษ์หนุ่มต่อสู้กับพวกโมร๊อคอย่างเอาเป็นเอาตาย ..จนพวกมันแตกกระเจิงไปเป็นทิศเป็นทาง..แต่ในจังหวะที่เขามัวแต่รับมือพวกสัตว์ร้ายอยู่ทางด้านนี้..อีกด้านหนึ่งกลับมีพวกโมร๊อคอีกฝูงหนึ่งโผล่พ้นออกมาจากหุบเขา..พวกมันขู่คำรามลั่น มุ่งตรงมายังหญิงสาวที่มัวแต่ตกตลึงที่เห็นพวกมันโผล่ออกมาสมทบ ..}
{เสียงขู่คำรามของพวกอสูรร้ายดังกึกก้อง..สะท้อนไปมาในหุบเขา..หญิงสาวชักม้าไปทางซ้ายทีขวาที..เธอพะว้าพะวงไม่รู้ว่าจะหลบพวกมันไปทางไหนดี..ที่นี่เป็นที่ราบกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา..รอบตัวมีแต่หิมะที่ตกสุมกันหนาเป็นฟุต..จะหาที่กำบังกายหรือก็ไม่มี}
"ท่านอีวา..ชักม้าหลบมาทางนี้..."
เสียงของอดัมที่ร้องตะโกนเรียก ปลุกฉันให้ตื่นจากอาการตกใจกลัว..เขาจัดการกับเจ้าโมร๊อคตนสุดท้ายลงไปได้..และกำลังวิ่งตรงมายังฉัน..ฉันรีบบังคับม้าไปหาอดัม...แต่ก่อนที่ฉันจะไปถึงองค์รักษ์ผู้เก่งกาจของฉัน..ก็มีเจ้าอสูรร้ายตนหนึ่งกระโดดลงมาขวางทางฉัน..เจ้าอสูรตนนี้รูปร่างใหญ่โตกว่าตนอื่น..รอบคอของมันมีหัวกระโหลกสัตว์ห้อยประดับอยู่..ชะรอยว่าเจ้าโมร๊อคตนนี้คงจะเป็นจ่าฝูงของพวกมัน ..เจ้าอสูรจ่าฝูงแหกปากร้องคำรามลั่น..จนม้าที่ฉันขับขี่ตกใจเตลิดหนีออกไปอีกทางหนึ่ง..
"อดัม..ช่วยฉันด้วย..."
"ท่านอีวา..ผมจะเข้าไปช่วยท่านเดี๋ยวนี้แล้ว..."
ถึงอดัมจะพูดอย่างนั้นก็ตามเถอะ..แต่เขาก็ไม่สามารถปลีกตัวมาช่วยฉันได้..เพราะมีพวกอสูรร้ายตัวลูกน้องพากันกรูเข้าไปหาเขา..ถึงอดัมจะร้อนใจซักแค่ไหน แต่เขาก็ไม่อาจจะฝ่าพวกมันมาหาฉันได้เร็วตามที่ใจหวัง...เจ้าม้าหิมะที่กำลังตื่นตกใจพาฉันวิ่งเตลิดห่างจากอดัมมากขึ้นทุกที..ส่วนเจ้าจ่าฝูงตนนั้น ก็วิ่งตามฉันมาอย่างไม่ลดละ..ฉันเหลียวหน้าหันไปมองมันที่เข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นทุกขณะ..ความเร็วในการวิ่งของมันเร็วกว่าม้าของฉันซึ่งอิดโรยจากการเดินทางมาหลายวัน...
ฉันพยายามเร่งลงแส้เพื่อเร่งให้ม้าวิ่งเร็วขึ้น แต่ก็ไม่เป็นผล ความเร็วของมันเริ่มลดลงจนเจ้าโมร๊อคจ่าฝูงวิ่งเข้ามาใกล้ฉันจนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของมัน.. ทำเอาฉันรู้สึกเสียวสันหลัง..กลิ่นสาปสางของมันโชยเข้าจมูก..สร้างความสะอิดสะเอียนกับฉันยิ่งนัก...
"ว๊ายยยยยย...."
{หญิงสาวกรีดร้องเสียงลั่น..เมื่อเจ้าอสูรจ่าฝูงตนนั้นกระโจนผึงมาจากด้านหลัง แล้วใช้กรงเล็บของมันตบเข้าไปที่ส่วนหัวของม้าหิมะ..ความแรงของมันทำให้คอของม้าหิมะถึงกับหักในคราเดียว..เจ้าม้าหิมะเคราะห์ร้ายตัวนั้นทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นในพริบตา แต่ความเร็วของมันที่วิ่งมาทำให้ร่างของหญิงสาวหลุดลอยเหมือนว่าวป่านสายขาด..ร่างอรชรของเธอกระเด็นลงไปบนพื้นหิมะสีขาวที่หนาวเย็น..แต่ด้วยความหนาของหิมะที่สุมอยู่บนพื้นช่วยป้องกันเธอไม่ให้ได้รับบาดบาดเจ็บจากการตกกระแทกพื้น..หญิงสาวเพียงแต่มึนงงไปเท่านั้น...}
{เจ้าโมร๊อคจ่าฝูงหลังจากที่ตบม้าหิมะจนคว่ำไปแล้ว มันก็ชลอความเร็ว..เลี้ยววกกลับมาหาเหยื่อของมัน..มันค่อยๆ เดินตรงเข้าไปหาร่างของหญิงสาวที่กำลังมึนงงอยู่ .. มันคำรามในลำคออย่างพอใจที่เห็นเหยื่อชั้นดีของมันยังมีชีวิตอยู่..เสียงทุ้มๆ ต่ำๆ ของมันทำเอาหญิงสาวที่กำลังนั่งงงอยู่นั้นต้องหันหน้ามามอง .. แววตาของเธอฉายแววตกใจสุดขีด ม่านตาเบิกกว้างราวกับเห็นอะไรที่มันน่าเกลียดน่ากลัวมากมายปานนั้น ....}

จบตอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น