วันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

รักในสายลมหนาว   ตอนที่ 1 พิภพน้ำแข็ง



ท่ามกลางพายุหิมะที่โหมกระหน่ำ อุณหภูมิติดลบต่ำกว่าศูนย์องศา มีร่างของชายหญิงคู่หนึ่งเดินลัดเลาะฝ่าพายุ.. ฝ่ายชายดูบึกบึนแข็งแรง ดูไม่สะทกสะท้านต่อความหนาวเย็น ส่วนฝ่ายหญิงนั้นร่างอ้อนแอ้น กายสั่นสะท้านดูท่าไม่อาจจะต่อสู้กับความหนาวเย็นที่ถาโถมเข้ามา..นี่ท่าไม่มีฝ่ายชายประคับประคองอยู่ละก็ ร่างน้อยๆ ของเธอก็คงทรุดลงกับพื้นไปนานแล้ว..
"ไหวไหมครับ..ท่านอีวา"
"ไหวจ๊ะ..อดัม..ฉันยังไหว..เราต้องรีบไปต่อ จะมัวช้าอยู่ไม่ได้.. ไม่อย่างนั้นถ้าท่านสังฆราชรู้ตัวซะก่อน เราก็คงหนีไปไม่ถึงไหน..ไม่ว่ายังไงฉันจะต้องไปให้ถึงหุบเขาโนอาให้จงได้ .."
ฉัน..อีวา ธิดาแห่งความหวัง....ฉันเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งพิภพอีเดน เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เป็นตัวแทนแห่งความหวัง..หน้าที่ของฉันก็มีแต่เพียงให้ความหวังกับเหล่าประชาชนชาวอีเดียนเพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นมีกำลังใจที่จะสู้กับภัยธรรมชาติอันโหดร้ายของดาวดวงนี้ โดยหวังว่าสักวันหนึ่งมันจะหมดไป และพวกเขาก็จะมีโอกาสได้พบกับชีวิตใหม่..และในระหว่างนี้ฉันเป็นบุคคลเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นที่พึ่งทางใจของพวกเขา..
ทุกๆ วัน ฉันจะต้องออกมากล่าวให้กำลังใจกับพวกเขาตรงหน้าจอส่งภาพ..ทุกๆ บ้านของประชาชนแห่งพิภพอีเดนนี้จะมีเครื่องรับภาพที่ต่อตรงจากวิหารใหญ่ สามารถรับชมภาพของฉันผ่านทางหน้าจอภาพ และยังใช้สามารถติดต่อกับทางวิหารได้ตลอดเวลา..พวกเขาให้ความเคารพฉันเหมือนดังเทพ ฉันกล่าวสิ่งใด พวกเขาก็เชื่อและปฏิบัติตาม .. ท่านสังฆราชบอกกับฉันว่า..หน้าที่ของฉันนั้นยิ่งใหญ่กว่าที่ฉันคิดไว้มากมาย และซักวันฉันจะรู้ถึงความหมายนี้..
ฉันถูกเลี้ยงดูเหมือนนกในกรงทองโดยเหล่าสังฆราชกับบรรดานักบวช..ภายในวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่กว้างใหญ่นี้มีเพียงฉันกับอดัม องครักษ์ที่ซื่อสัตย์อยู่กันเพียงสองคน.. ฉันไม่เคยได้รับอนุญาติให้ออกไปภายนอกวิหารแม้แต่เพียงครั้งเดียว เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบทอดกันมาของธิดาแห่งความหวังที่ต้องอยู่แต่ภายในวิหารเท่านั้น.. ถึงแม้ว่าภายในวิหารหลังนี้จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย แต่มันกลับยิ่งทำให้ฉันถวิลหาโลกภายนอกมากยิ่งขึ้น..ฉันอยากจะเห็น ภูเขา ต้นไม้ น้ำตก รวมถึงสวนดอกไม้นานาพันธ์หลากหลายสีสรร ด้วยตาของตนเอง ว่ามันจะสวยเหมือนกับที่เห็นในภาพจำลองสามมิติหรือไม่..ฉันอยากจะสัมผัสกับสิ่งเหล่านั้นว่ามันให้ความรู้สึกอย่างไร จะแข็งกระด้าง หรืออ่อนนุ่มเพียงไหน ..แต่เหล่านักบวชที่ทำงานในวิหารกลับบอกกับฉันว่า..ภายนอกวิหาร..หาได้มีสิ่งต่างๆ ตามที่ฉันเคยเห็นจากภาพสามมิตินั้นไม่..พิภพอีเดนที่พวกเราอาศัยอยู่นี้มีแต่น้ำแข็ง พายุหิมะ ความหนาวเหน็บและเต็มไปด้วยอันตรายจากสัตว์ร้าย.. แล้วภาพสามมิติเหล่านั้น มันมาจากไหนกันละ ถ้ามันไม่มีจริงในพิภพนี้..พวกเขาปิดปังอะไรฉันอยู่หรือปล่าว..ฉันได้แต่คิดถึงปัญหานี้อยู่ในใจ..
สิ่งที่ทำให้ฉันสงสัย ก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง คือ รูปร่างหน้าตาตลอดจนผิวพรรณของฉันกับอดัมนั้น ไม่เหมือนกับท่านสังฆราชหรือเหล่าชาวอีเดียนเลย..ชาวพิภพอีเดนจะมีร่างกายที่ใหญ่โต และมีขนยาวขึ้นปกคลุมตามร่างกายจนหนาทึบ ส่วนฉันและอดัมนั้นกลับมีร่างกายที่กระทัดรัดกว่าและผิวพรรณก็เกลี้ยงเกลาไม่มีขนขึ้นคลุมทั่วร่าง จะมีขนขึ้นเฉพาะศีรษะและกลางลำตัวเท่านั้น .. ซึ่งมันก็คล้ายกับสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่ฉันเห็นในภาพสามมิติที่มีเก็บไว้ในหอสมุด ..ฉันเคยถามท่านสังฆราชว่าทำไมฉันถึงแตกต่างจากคนอื่น..ท่านก็ตอบมาแต่เพียงว่า..เพราะฉันเป็นคนพิเศษ เป็นธิดาแห่งความหวัง..จึงมีร่างกายที่แตกต่างจากคนอื่นๆ ..
จากความสงสัยที่ซ่อนเร้นอยู่ในใจเป็นแรงผลักดันให้ฉันค้นคว้าเสาะหาคำตอบ..และในที่สุดฉันก็ค้นพบความลับที่ซ่อนเก็บไว้จากเอกสารเก่าคร่ำคร่าเล่มหนึ่ง..มันถูกซุกซ่อนอยู่ในหอสมุดกลางของวิหารนั่นเอง..
"เมื่อเวลานั้นมาถึง ธิดาแห่งความหวังกับบุรุษผู้หลับไหล จะช่วยปลุกจิตวิญญาณของเราที่สูญหายให้กลับมา" ใครกันคือบุรุษผู้หลับไหล..อะไรคือจิตวิญญาณที่สูญหายไป .. ฉันอ่านแล้วก็ยิ่งไม่เข้าใจ ..
"อย่าได้ปลุก โนอา ก่อนถึงเวลานั้นเป็นอันขาด ...ปล่อยให้มันนอนสงบอยู่เช่นนั้น" โนอาคืออะไร ..ทำไมถึงห้ามปลุกมันขึ้นมา..มันเป็นสัตว์ร้ายหรือยังไง..แต่คำว่าโนอา..มันคุ้นอยู่นะ..ใช่แล้ว..โนอา หุบเขาโนอา.. หุบเขาโนอาที่เหล่าสังฆราชต้องไปสักการะทุกปี ..คำว่าโนอาทำให้ฉันนึกไปถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีเพียงเหล่าสังฆราชเท่านั้นที่จะเข้าไปได้ มันเป็นสถานที่ต้องห้ามของชาวอีเดียนที่อยู่ทางด้านเหนือขึ้นไป.. ต้องใช่แน่ๆ..โนอาต้องหมายถึงหุบเขาโนอาแน่ๆ ..ถ้ามันไม่ใช่สถานที่ที่ใช้เก็บความลับ เหล่าสังฆราชก็คงไม่มีคำสั่งห้ามชาวอีเดียนทุกคนเข้าไปใกล้ ..ถ้าอย่างนั้นความลับที่ฉันอยากรู้จะต้องถูกซุกซ่อนอยู่ในหุบเขาโนอานั้นอย่างแน่นอน ..ฉันจะต้องหาทางไปหุบเขาโนอานั้นให้ได้..
ฉันได้เอาเรื่องนี้ไปคุยกับอดัม..เขาทำหน้าตกใจ สีหน้าของเขาเหมือนกับอยากจะพูดอะไรออกมาซักอย่างแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา นอกจากพยักหน้าทำตามคำสั่งของฉันเหมือนเคย ..และแล้วฉันก็เลือกวันที่เหล่าสังฆราชกำลังง่วนอยู่กับการเตรียมงานพิธีเฉลิมฉลองครบวันสถาปณาศาสนาจักร .. ฉันและอดัมได้หลบหนีออกจากวิหาร โดยมีเป้าหมายที่จะไปยังหุบเขาโนอา .. แต่ออกมาจากวิหารไม่ทันไร..พวกเราก็เจอกับพายุหิมะเข้าซะก่อน..ดูท่าทางพายุหิมะจะไม่สามารถทำให้อดัมสะทกสะท้านได้เลย เขาพาฉันบุกตะลุยอย่างทรหด..ผิดกับฉัน ซึ่งในตอนนี้หนาวแทบตาย..ปากคอสั่น มือไม้แข็งทื่อ.. ชีวิตภายนอกวิหาร มันช่างยากลำบากซะเหลือเกิน..นี่ท่าไม่มีอดัม ฉันคงต้องตายท่ามกลางพายุหิมะลูกนี้เป็นแน่แท้
"ท่านอีวาครับ ..ผมว่าเราไปพักที่หมู่บ้านคนงานเหมืองถ่านหินก่อนดีกว่า รอให้พายุสงบลงก่อน แล้วเราค่อยเดินทางต่อ"
"อื้อ..ก็ดีเหมือนกัน ฉันหนาวจะแย่อยู่แล้ว"
ถึงใจอยากจะเดินทางไปให้ถึงจุดหมายปลายทางเร็วแค่ไหน แต่ฉันในตอนนี้นั้นก้าวเท้าแทบไม่ออก .. มันหนาวเข้าไปถึงขั๊วหัวใจเลยทีเดียว...พออดัมบอกว่าข้างหน้ามีที่พักของชาวอีเดียนอยู่ไม่ไกลจากที่นี้..ฉันจึงไม่ปฏิเสธที่จะขอเข้าไปพัก .. ไม่รู้ว่าเหล่าคนงานเหล่านั้นจะทำสีหน้ายังไง..ที่จะได้เห็นฉัน ธิดาแห่งความหวัง ไปปรากฎกายอยู่ตรงหน้า..

จบตอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น