วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2560

เมียสี่เผ่าพันธุ์ 06



..สร้อยสุดาเข้าเฝ้าฯพระนางเทวี ด้วยเรื่องของพนา เข้าทูลขอชีวิตของพนาและบอกตนได้ตกเป็นของพนาอยากขอพระราชทานยกพนาให้กับนาง
“ลูกสร้อยสุดาเอาอะไรมาพูดแม่จะกินพนา แม่ไม่ได้คิดจะกิน”
พระนางฯบอกความจริงให้ชัดเจน...

...สร้อยสุดาเข้าใจผิดเออเองคิดเองมาโดยตลอด สิ่งที่สร้อยสุดารับรู้เพิ่มนั่นคือ คนรักของนางเป็นสวามีของ มณีทิพย์  แถมตอนนี้พระนางเทวีรู้จากปากสร้อยสุดาว่าตกเป็นของพนาแล้วด้วย
“เจ้าพบรักกันเมื่อได”
สร้อยสุดาบอกเมื่อคืนที่แล้ว พระนางฯคิดว่านั่นเป็นคืนที่พระนางเองก็พบรักกับพนา
“ลูกรักพนาหรือ?”
พระนางฯทรงตรัสถาม ..สร้อยสุดาบอกรักพนาหมดใจ จึงนำเรื่องขอชีวิต และยกพนาให้กับนางเพื่อช่วยพนา
“รักเพคะเสด็จแม่ ลูกขอนะเพคะ ลูกรักบุรุษตนนี้”
พระนางโอบกอดสร้อยสุดา มีหรือที่นางจะขัดขวาง สร้อยสุดาดีพระทัยมากโอบกอดตอบ โดยยังไม่รู้ว่าพระนางเทวีฯก็มีความสัมพันธ์กับพนา

...ทหารมารายงานว่า มณีทิพย์เสด็จมายังที่นี่และขอเข้าเฝ้าฯ

 พระนางเทวีเคยส่งพระราชสารไปก่อนหน้านั้นเพื่อบอกว่า พนาอยู่ที่เมืองยักษ์ มณีทิพย์ได้รับสารนั้นมายังดินแดนยักษ์ทันที

มณีทิพย์เข้าเฝ้าน้อมบังคม พอดีพนา เข้ามาเพื่อมาหาพระนางเทวีฯ พบมณีทิพย์อยู่ตรงหน้า
“เจ้าพี่”
“มณีทิพย์”
มณีทิพย์รีบเข้าโผกอด ด้วยความคิดถึงสุดแสนบรรยาย น้ำตาคลอ
“เจ้าพี่ทิ้งน้องมา ไม่รักน้องหรือไรกัน”
พนาอธิบายให้เหตุผล ว่า รักแสนรักแต่ไม่อาจอยู่เมืองบาดาลได้ตลอดไป
“ต่อไปนี้อย่าจากน้องไปไหนอีกนะเพคะ น้องตามใจเจ้าพี่ทุกอย่าง อยู่ในที่เจ้าพี่ต้องการจะไปทุกทีเพคะ”
ทั้งสองเข้าใจกัน

พระนางเทวีฯเดินเข้ามา ทั้งสองจึงคลายกอด มณีทิพย์ขอบพระทัยพระนางเทวีที่ดูแลพนาผัวรักอย่างดี
“ไม่ต้องขอบใจเราดอก สองเผ่าพันธุ์เป็นมิตรที่ดีต่อกัน..แต่มีเรื่องนึงที่ธิดามณีทิพย์ต้องรับรู้”
พระนางเทวี จับแขนสร้อยสุดาที่ก้มหน้านิ่งมาใกล้ชิด แนะนำให้มณีทิพย์และสร้อยสุดารู้จักกันและกัน
 “นี่เราคงเป็นเพื่อนที่ดีกันได้นะ”
มณีทิพย์ตรัส พนายิ้มเจื่อนๆ ถ้ารู้ความจริงจะเป็นเช่นไรและแน่แล้วที่พระนางเทวีฯต้องบอก จากในรูปการเพลานี้
“เพคะองค์หญิงมณีฯ ..แต่...”
สร้อยสุดาตรัสแล้วหยุด ไม่ทันที่มณีทิพย์ได้ถามว่า แต่ ..อะไร ทหารเข้ามาซะก่อน
“ทหารเขตนอกจับครุฑได้ตนนึงพะย่ะค่ะ”
เพียงคำว่าครุฑ พระนางเทวีฯเปลี่ยนเป็นให้ความสนใจเรื่องนี้แทน.. ไม่นานทหารนำครุฑที่จับได้เข้ามา

..เพียงได้เห็นพนาตกใจเพราะครุฑตนนั้นคือ แก้วมาลา พนารีบเข้าปรี่หาแก้วมาลาด้วยความเป็นห่วงเพราะถูกจับมัดมือไว้อยู่ มณีทิพย์ดึงพนาเอาไว้

มณีทิพย์ กับ แก้วมาลาจ้องมองกันอย่างโกรธแค้น เพียงได้เห็นมณีทิพย์คล้องแขนของพนารู้ได้ทันทีว่าอะไรเป็นอะไร แต่นางกลับเข้าใจว่า พนาถูกข่มขู่บังคับ แก้วมาลาพยายามสลัดเชือกที่มัดมือ ท่องคาถาแล้ว แต่อย่างไรก็ไม่คลายออก

พระนางเทวีฯลุกขึ้น วาวตาเกรียวกราด พุ่งเข้าหาเพียงชั่วครู่พระนางเทวีฯประชั้นชิดกายแก้วมาลาแล้ว จับพระพักตร์ของแก้วมาลาบีบสองแก้ม
“อย่านะพระนางฯ ..นางคือภรรยาของกระหม่อม”
เมื่อได้ยินพระนางฯยิ่งโกรธแค้นเพราะศัตรูมีคนรักร่วมกับพระนางฯ ส่วนสร้อยสุดาตกใจมากที่ครุฑตนนี้เป็นภรรยาของพนาอีกนาง พนา รีบพุ่งไปช่วยเร็วทันพอที่เข้าโอบกอดแก้วมาลา
“ถอยออกไปไม่งั้นเราจะฆ่าเจ้าด้วย”
ฝ่ามือเงื้อขึ้นพนาไม่ยอมหลบ สร้อยสุดาและมณีฯรีบเข้าห้ามกลัวพนาเป็นอะไรไป
 “แต่พวกมันฆ่าลูกเรา ยอมไม่ได้!!”
นางไม่สนคำขอร้อง พนายังขวาง ไม่มีผู้ไดห้ามได้

..พระหัตถ์ที่เงื้อจะฟาดใส่สั่นเทา ท้ายสุดค่อยๆลดลง
“เจ้าคือผู้ที่เรารัก จะทำเจ้าลงได้อย่างไร”
พระนางตรัส มณีทิพย์และสร้อยเข้ามาหาพนาด้วยความเป็นห่วง
...” เจ้าพี่!!!!”
พลัน มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ทุกคนหันมายังเสียง
“มนุษย์”
พระนางเทวีฯกล่าวพร้อมกับสร้อยสุดา พลางคิดมนุษย์ เข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ไม่มีมนุษย์ตนไหนย่างกรายเข้ามาดินแดนยักษ์ได้ด้วยตนเอง
“น้องเกสร”
เกสรบุปผารีบปรี่เข้ามาขวางตรงหน้าของพนา
“เจ้าเป็นผู้ได”
พระนางเทวีฯตรัสถาม
“เราคือ เกสรบุปผา ธิดาแห่งอาณาจักมิณพิฬานคร เป็นชายาของเจ้าพี่พนา”
ทุกนางรับรู้ว่าผู้ที่มาเป็นภรรยาของพนาอีกนาง เกสรฯเข้ามาขวางด้วยเข้าใจว่าพระเทวีจะฆ่าพนา
“เอะ นั่น”
ยังไม่ทันหายงุนงงว่ามนุษย์มาที่นี่ได้อย่างไร พระนางเทวีฯเหลือบพระเนตรเห็น กำไลที่ข้อมือของเกสรบุปผา ถามถึงที่มาของกำไลเส้นนี้
“เป็นของกระหม่อมเอง ที่มอบให้นางในคืนวันแต่งงาน”
พนากล่าว พระนางเทวีฯขอดูกำไลเส้นนั้นจากเกสรฯ นางจำได้ว่า นางเคยมอบกำไลแบบนี้ให้พระโอรสของนาง เมื่อคราที่ยังเป็นโอรสน้อยเรียกเสด็จแม่ๆอยู่ ทีนี้หันมาสนใจพนา พระนางเทวีทำท่าทางดีพระทัยมาก
“ไหนเจ้าเปลื้องกางเกงออก”
พนาอึ้ง ที่จะให้เขาถอดกางเกงเพื่ออะไร?
“เจ้าจะอายไปใยในเมื่อทุกนางอยู่ที่นี้เป็นชายาของเจ้า รวมทั้งเราด้วย”
ทุกนางได้ฟังที่พระนางตรัส..รับรู้ว่าพระนางเทวีฯเป็นของพนาด้วยอีกนาง

พนาทำตามถอดกางเกงออก  เผยแท่งงาม ที่ทุกนางเคยสัมผัส แต่ครานี้เปล่งประกายชวนน่าแปลกใจแก่ มณีทิพย์ เกสรบุปผา สร้อยสุดา และแก้วมาลา มีเพียงพระนางเทวีฯที่รู้ เพราะนางเป็นผู้ปลดปล่อยอายเทพที่แท้จริงของพนาออกมา

พระนางเทวีฯ เอาพระหัตถ์มาทับที่ลำแท่งงาม ทุกนางต่างสนใจว่าพระนางเทวีฯจะทำอะไร

พระนางเทวีฯท่องคาถา เลื่อนมือช้าๆบริเวณแท่งควย พลันมีแสงสีทองประกายยิ่งขึ้นโดยเฉพาะรอบบริเวณลำโคนแท่งงามลักษณะเป็นวงรอบโคนแท่งงาม
“โอ...ใช่จริงๆ..ลูกแม่..เราน่าจะคิดมาก่อนได้..นพเทพลูกแม่..!!!”
นางโอบกอดด้วยความดีพระทัยล้นเหลือ พระกรรเสงออกมาด้วยความตื้นตันพระทัยที่ได้พบพระโอรสของพระองค์เองอีกครั้ง
“แม่ไม่คิดว่าจะได้พบลูกนพเทพอีกครั้ง ลูกยังมีชีวิตอยู่”
 พนาและทุกนางอยู่ในความงุนงง พระนางจึงอธิบายว่า กำไลที่อยู่กับเกสรบุปผานั้นเดิมทีนางเคยมอบให้พระโอรสของนางเมื่อครั้งวัยเยาว์ ส่วนวงแหวนประกายรอบโคนแท่งงามของพนานี้เป็นของวิเศษจากใต้จักรวาลอันแสนไกล เป็นของพระสวามีของนางได้สวมใส่มอบให้พระโอรส

พนาได้ฟัง ช่างเป็นที่น่ายินดี กอดพระนางเทวีฯเรียก เสด็จเเม่ๆ ด้วยความดีใจ ไม่คิดว่าตนเองจะได้พบแม่และรู้ชาติกำเนิดตนเอง นางคิดช่างเหมือนในวัยเยาว์ เรียกนางเสด็จแม่ๆ แบบนี้ โอบกอดอย่างอบอุ่น..

.......... .......... .......... .......... .......... ..........

เรื่องศึกสงครามได้ยุติไม่มีการสู้รบ เมื่อพนาร้องขอต่อพระนางเทวีฯ ซึ่งนางยินยอมเพราะได้พระโอรสคืนมาแล้ว และยังได้มีไมตรีจิตที่ดีกับแก้วมาลาขึ้นมา เกสรฯเข้ามายังเมืองยักษ์ได้เพราะคำอธิฐานของนาง ด้วยหลังจากที่พนาถูกครุฑร้ายจับไป ต่างหาพนาไปทั่วแต่มิอาจเจอ ในที่สุดนางก็อธิฐานขอให้พบพนาและปาฏิหาริย์พานางมายังเมืองยักษ์ พบพนาในที่สุด

พนากอดใกล้ชิดพระนางเทวีฯไม่ห่างเมื่อรู้ว่าเป็นพระมารดา
“แต่ทำไมลูกจำอะไรไม่ได้เลยเมื่อครั้งตอนอยู่กับเสด็จแม่ในวัยเยาว์”
พนาถาม
“อาจเป็นเพราะว่า ตอนนั้นลูกอาจตกใจสุดขีดเลยทำให้จำเรื่องราวในวัยเยาว์ไม่ได้ก็เป็นได้”
พนาฟังแล้วมีเหตุมีผล ซึ่งความจริงก็เป็นดังที่พระนางเทวีฯตรัส
“พอเจอลูกอีกครั้ง ก็มีชายาแล้วถึง4นาง”
พระนางเทวีแย้มสรวล

..สิ่งที่พระนางเทวีตรัส ทำให้พนาคิดเรื่องนี้ขึ้นมาทันที เวลานี้ต่างรู้ว่าทุกนางคือชายาของพนา พนากังวล จนพระนางเทวีรับรู้
“จะกังวลไปใยในเมื่อพวกนางรักลูก”
“แต่ลูกแยกร่างเพื่อที่อยู่กับทุกนางไม่ได้นี่”
พระนางแย้มสรวล บอกไม่ต้องกังวลพระนางฯจัดการให้

..พนากอดขอบพระทัย แต่ยังมีเรื่องนึงที่เขายังคาใจ
“แล้วเรื่องระหว่างลูกกับเสด็จแม่..”
พระนางเทวีฯลูบศีรษะพนา
“ฟ้าลิขิตให้เรากระทำเช่นนั้น ให้เรื่องราวให้แล้วๆกันไป”
 พนากอดแน่น
“แต่..แต่ ลูกต้องการเสด็จแม่”
พระนางฯเข้าใจในความหมาย สายตาที่ดูเว้าวอน นางแย้มสรวลนิดๆ
“แม่เองก็ต้องการลูก”
พระนางเทวีฯตอบ พนาดีใจเป็นยิ่งนัก จากที่กอด จับกุมปทุมถัน พระนางฯตีแขนเบาๆ พนายังไม่พอ เลื่อนลงมาที่หน้าหว่างขา
“อย่าๆ เวลานี้ลูกถูกปลดปล่อยเป็นเทพเต็มตัวแล้ว แม่ไม่อาจทานทนเจ้าได้ดอก”
พนาได้ยินเช่นนั้นยิ่งได้ใจ รุกหนักไซ้ไปทั่ว พระนางอ่อนระทวย เพียงครู่ทั้งสองก็ไม่มีอาภรณ์ซักชิ้น พนาลูบเนินสวาท
“สนใจของแม่ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
พระนางตรัสถามเมื่อเห็นสาละวนมองและลูบแต่เนินสวาทของนาง
“หียักษ์ใหญ่อูมอย่างนี้ทุกตนเลยใช่ไหมเสด็จแม่ ดูอย่างของสร้อยสุดา อูมใหญ่ไม่แพ้เสด็จแม่”
พระนางตีแขน แย้มสรวล พนาขยับจ่อแท่งงามที่ร่องสวาท
“ขอเย็ดหีใหญ่ๆ สวยๆหน่อยเถอะ”
ว่าแล้วพนากดควยเข้าซวบ แทงเข้า-ออกอย่างเมามันส์ กระแทกป๊าบๆๆๆๆ เป็นที่สุขสมของทั้งสอง
“โอวว..เสด็จแม่ ลูกได้เย็ดหีเสด็จแม่ หีสวยของเสด็จแม่ ควยลูกได้เย็ดหีนี้ รักเสด็จแม่ที่สุด โอวว..”
พนากำหนัดสุดๆ กระแทกไม่หยุด พระนางเทวีฯสุดแสนมีความสุข แท่งควยของลูกนางวิเศษกว่าสิ่งไดนัก 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น